ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 1

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 1

โพสต์

19 มุมมองใหม่ประเทศไทย : ตลาดทุนไทยในอุดมคติ

ถึงยุคต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ตลาดทุนที่ดีและมีศักยภาพจะต้องมีกระบวนการ "รวบรวม-จัดสรร-ควบคุม" ทรัพยากรของระบบเศรษฐกิจที่ดี กล่าวคือ มีการรวบรวมทรัพยากรมาแล้วเอาไปให้กับบุคคลที่ควรได้ ขณะเดียวกัน ต้องดูแลว่ามีการนำทรัพยากรเหล่านี้ไปใช้อย่างถูกต้องตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่ ซึ่งก็หมายความว่าต้องมีระบบธรรมาภิบาล และการเปิดเผยข้อมูลที่ดีตามไปด้วย

ถ้าพูดถึงเรื่อง "เศรษฐกิจ" ก็มักหนีไม่พ้นที่กล่าวอ้างถึง "ตลาดทุน" เพราะเศรษฐกิจกับตลาดทุนถือเป็นของคู่กัน และการพัฒนาเศรษฐกิจในเกือบทุกประเทศทั่วโลกมักจะถูก "วางหมาก" ให้ก้าวไปพร้อมกับการพัฒนาตลาดทุน และอาจจะต้องถึงเวลา Transform (เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่) ตลาดทุนไทยเสียที

สำหรับพัฒนาการตลาดทุนหรือตลาดหุ้นของเมืองไทยตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรนั้น โบรกเกอร์แถวหน้าของเมืองไทย นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร จำกัด (มหาชน) ซึ่งคร่ำหวอดในวงการนี้มานานกว่า 30 ปี ให้ความเห็นกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ไว้อย่างน่าคิดว่า "พัฒนาการของตลาดทุนไทย ในส่วนคุณภาพผู้ลงทุน ถือว่ามีทิศทางดีขึ้น แต่เป็นไปอย่างเชื่องช้า"

เขากล่าวว่า ตลาดทุนที่พัฒนาแล้ว ผู้ลงทุนที่เข้ามาลงทุนควรเป็นนักลงทุนสถาบัน ส่วนนักลงทุนรายบุคคลนั้นไม่ควรมีสัดส่วนเกิน 15% ของจำนวนผู้ลงทุนทั้งหมด อย่างประเทศแถบยุโรปนั้นตลาดหุ้นเขามีนักลงทุนรายบุคคลไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำ เพราะส่วนใหญ่หันไปลงทุนผ่านกองทุนรวมหรือนักลงทุนสถาบันประเภทอื่น ขณะที่ประเทศไทยปัจจุบันยังมีสัดส่วนของผู้ลงทุนกลุ่มนี้สูงถึง 65%

เหตุผลที่ผู้ลงทุนรายบุคคลไม่ควรเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเองโดยตรง "บรรยง" เห็นว่า ถ้าพูดถึงการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกแล้ว ปัจจุบันมีหุ้นให้เลือกลงทุนถึง 150,000 หุ้น ดังนั้น ผู้ลงทุนธรรมดาจะเลือกลงทุนอย่างไร เอาเครื่องมือจากไหนมาวิเคราะห์ ขณะที่กองทุนรวมเขามีเครื่องมือทุกอย่างพร้อม และยังได้เปรียบในเรื่อง อีโคโนมีออฟสเกล ด้วย

"สมมติว่ามีผู้ลงทุน 1,000 คน มีเงินคนละ 10 ล้านบาท แต่ละคนก็ต้องทำงานมีเวลาดูหุ้นเฉลี่ยวันละ 3 ชั่วโมง เท่ากับว่าทั้งหมดนี้ใช้เวลาในการดูหุ้นถึง 3,000 ชั่วโมงต่อวัน แต่ถ้าผู้ลงทุนกลุ่มนี้เอาเงินไปลงทุนผ่านกองทุนรวม กองทุนนี้จะมีเงินถึง 10,000 ล้านบาท แถมใช้ผู้จัดการกองทุนแค่ 1 คน มีการฝึกฝนมาอย่างดี และก็ใช้เวลาเพียง 12 ชั่วโมงต่อวันในการดูแลหุ้นเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ อีโคโนมีออฟสเกล มันต่างกันมาก อีกอย่างการที่จะได้ข้อมูลเชิงลึกทั้งจากนักวิเคราะห์และผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ผู้จัดการกองทุนก็อยู่ในสภาพที่ได้เปรียบกว่าอย่างมาก"

เขากล่าวเสริมว่า ในอนาคตเชื่อได้แน่ว่าตลาดทุนไทยจะเห็นสัดส่วนของผู้ลงทุนสถาบันที่มากกว่าผู้ลงทุนบุคคลธรรมดา เพราะถ้าผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาลงทุนเองโดยตรงและได้รับบาดเจ็บบ่อยครั้ง เขาก็จะหันไปลงทุนผ่านกองทุนรวมเอง

นักลงทุนต่างชาติสนใจตัวเลือกหุ้นไทยแค่ 70 บริษัท

นายบรรยงให้ความเห็นว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ณ ปัจจุบันผู้ลงทุนรายบุคคลยังสามารถลงทุนโดยตรงได้เอง เนื่องจากตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันมีหุ้นขนาดใหญ่ให้เลือกลงทุนได้จริงเพียงประมาณ 70 หุ้นเท่านั้น ไม่นับที่เหลืออีก 400 บริษัท ซึ่งมีขนาดเล็ก

อีกประเด็นคือ เขาไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มปริมาณบริษัทจดทะเบียนโดยไม่คำนึงถึงขนาดของบริษัท เพราะถึงแม้กิจการจะดีแค่ไหนแต่ถ้ามีขนาดเล็กนักลงทุนสถาบันเขาก็ไม่ลงทุน เพราะมันไม่คุ้ม มันไม่มี อีโคโนมีออฟสเกล เขาจึงไม่เห็นด้วยกับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีขนาดเล็ก

"ถ้าคุณเป็นบริษัทเล็กและเอาเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คุณก็ต้องขายหุ้นให้กับผู้ลงทุนรายย่อย ซึ่งผู้ลงทุนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ซื้อก็เพื่อขาย ดังนั้น ถ้าไม่มีคนซื้อต่อ ราคาหุ้นก็ต้องลงมาเรื่อยๆ ยกเว้นจะมีกระบวนการอะไรแปลกๆ ซึ่งทางการไม่เคยรับรอง และกระบวนการแปลกๆ เหล่านี้ทำกันเต็มที่ก็ไม่เกิน 3 เดือน พอเลิกราคาหุ้นก็ไหลลงทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงมาก ที่ผ่านมามันมีให้เห็นอยู่ตลอด"

บทความจากกรุงเทพธุรกิจวันนี้

มิน่าถึงไม่มีใครสนใจให้ความรู้แก่นักลงทุนรายย่อย  ตัวเองคบค้ากับแต่สถาบัน  เลยดูถูกนักลงทุนรายย่อย
thaistock2005
Verified User
โพสต์: 424
ผู้ติดตาม: 0

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ความคิดนักลงทุนรายเล็ก ๆ อย่างผมนะ

ผมเกลียดบริษัทที่ไร้ประสิทธิภาพและแกล้งไรประสิทธิภาพ
บางเวลาเพื่อดึงให้ราคาหุ้นตก
อย่างที่ข้างบนบอกมีแค่ 70 ที่น่าสนใจ

อยากเห็นบริษัทมีประสิทธิภาพและมีธรรมมาภิบาลมากกว่านี้ครับ
แล้วความมั่งคั่งจะมาสู่นักลงทุน

ไม่ใช่มาเปิดบ่อน เพื่อให้เจ้ามือรวย
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เป็นมุมมองที่เห็นแก่ตัวครับ

คือคุณบรรยงค์แกมีลูกค้าสถาบันเท่านั้น และนักลงทุนสถาบันก็มักลงในหุ้นขนาดใหญ่ เพราะสามารถซื้อขายได้คล่อง และอาจจะมองไปว่าที่ตลาดหุ้นเมืองไทยไปไม่ไกล เพราะมีมาร์เก็ตแค็ปน้อยมาก ฝรั่งไม่สนใจ ทำให้หุ้นมักเทรดที่พีอีต่ำๆ ซึ่งเหตุผลเหล่านี้ก็เป็นความจริง

แต่ถามว่าตลาดหุ้นตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร

เพื่อเป็นแหล่างระดุมทุน(ต้นทุนต่ำ)มิใช่หรือ กิจการใหญ่ๆหลายแห่งทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ หลายบริษัทก็เคยเป็นบริษัทขนาดเล็กมาก่อน และใช้ตลาดหุ้นเป็นแหล่งระดมทุน ขยายกิจการ จนกลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่

หรือประเด็นนี้ไม่เป็นความจริง :evil:

นอกจากนี้ การเข้าตลาดยังทำให้มาตฐานทางบัญชี การเสียภาษี ของบริษัทเล็กๆ มีความโปร่งใสมากขึ้น เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ


เดี๋ยวมาต่อ..
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 1

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ถ้ากองทุนในเมืองไทยเก่งเท่ากองทุนของบัฟเฟตต์หรือปีเตอร์ ลินช์ ผมก็ยินดีที่จะลงทุนในกองทุน  แต่ว่าผลงานของกองทุนในเมืองไทยไม่ได้เก่งกาจ อะไรเลย  ผลการดำเนินงานยังแพ้ตลาดด้วยซ้ำ แล้วจะให้เราหลับหูหลับตาไปซื้อกองทุนรวมได้อย่างไร  ขำกลิ้ง  กิ๊วๆๆ น่าไม่อาย :rofl:
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
RR
Verified User
โพสต์: 113
ผู้ติดตาม: 0

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ผมเห็นด้วยกับคุณสามัญชน ว่าถ้ากองทุนของเราทำได้ดี ก็คงจะมีคนแห่กันไปซื้อกองทุนเองแหละ  แต่ผลงานที่ผ่านมามันฟ้องถึงความสามารถของกองทุน ทำให้ยังไม่เป็นที่นิยมของนักลงทุน  ผมว่าคุณอะไรนั่นน่ะหันไปปรับปรุงคุณภาพของผู้บริหารกองทุนให้ดูดีซะก่อน  เดี๋ยวชาวบ้านก็แห่กันไปหาเองแหละ [แห่กันไปซื้อกองทุนนะครับ  ไม่ใช่แห่กันเอาอึไปราด]
Dr.T
Verified User
โพสต์: 1608
ผู้ติดตาม: 0

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ผลงานของกองทุนในเมืองไทยไม่ได้เก่งกาจ อะไรเลย  
ถูกต้องนะคร้าบบบบบบ..... กองทุนไทย ห่วยแตก ไล่ดูได้เลยในกรุงเทพธุรกิจ มีกี่กองทุนกันที่ตัวเลข NAV งาม ๆ มีแต่กองทุน RMF เสียทั้งนั้นที่ดูได้หน่อย ซึ่งผมก็ไม่เอาหรอก ลงทุนแบบนั้น จะตายก่อนใช้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ลูกเมียก็ยังไม่มี 555 ขอลงทุนแบบ อยากถอนก็ถอนดีกว่า  :lol:  :lol:  :lol:
มนุษย์เห่อลูก :lol:
http://tyakon.multiply.com
นายสต็อก
Verified User
โพสต์: 777
ผู้ติดตาม: 0

กองทุนไทย (แลนเดอร์)

โพสต์ที่ 7

โพสต์

กองทุนเมืองไทย มีเยอะแยะ จนตาลายไปหมด บางกองทุนตั้งมาตั้งแต่สมัย
ดัชนีหุ้น สูงปรี๊ด ราว 16-1700 จุด คนซื้อล่มจมไปหมด แต่ก็ยังนำมาเร่ขาย
ของ หาเงินจาก นักลงทุนชาวบ้านในบ้านเรา!!!

ถ้าใครอยากลงทุน ในกองทุนต่างๆ ก็ต้อง ทำการบ้าน แบบเดียวกับ
การวิเคราะห์หุ้น แต่ละตัวในตลาดหลักทรัพย์ทีเดียว เพราะ กองทุน
เหล่านี้ ราคา ขึ้นนิด...ลงหน่อย อยู่อย่างนั้น!!! :oops:

ใครตาดี ก็เจอกองทุนที่ มีมูลค่าเพิ่ม และ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย เป็น
เปอร์เซ็นต์สูงๆได้เหมือนกัน (ถ้าโชคดี!) :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
harry
Verified User
โพสต์: 4200
ผู้ติดตาม: 0

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 8

โพสต์

นั่นสิ ถ้ามีผลงานดี แต่ไม่ยักกับโปรโมทให้โด่งดัง

แต่ผมก็เห็นหลายบลจ. เค้าก็โชว์ผลงานของเค้าให้เห็นนะ

หรือว่าพวกเราคิดว่าลงทุนเองดีกว่า จึงไม่ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนมากพอ
Expecto Patronum!!!!!!
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6483
ผู้ติดตาม: 1

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 9

โพสต์

เหตุผลที่ผู้ลงทุนรายบุคคลไม่ควรเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเองโดยตรง "บรรยง" เห็นว่า ถ้าพูดถึงการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกแล้ว ปัจจุบันมีหุ้นให้เลือกลงทุนถึง 150,000 หุ้น ดังนั้น ผู้ลงทุนธรรมดาจะเลือกลงทุนอย่างไร เอาเครื่องมือจากไหนมาวิเคราะห์ ขณะที่กองทุนรวมเขามีเครื่องมือทุกอย่างพร้อม และยังได้เปรียบในเรื่อง อีโคโนมีออฟสเกล ด้วย
ไม่จริงหรอกครับ หากรายย่อยเลือกลงทุนในแนวทางเน้นคุณค่า ในระยะยาวผมคิดว่าน่าจะมีผลตอบแทนชนะกองทุนครับ มาดูกันว่ากองทุนได้เปรียบจริงหรือเปล่า

1.ต้นทุนค่าคอม กองทุนจะถูกกว่ารายย่อยเล็กน้อย ไม่เป็นสาระสำคัญ

2.กองทุนต้องเลือกหุ้นขนาดใหญ่ เพื่อจะได้ขาย(ขาดทุน)ได้ทัน :lovl:  :lovl:  ในขณะที่รายย่อยส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น ดังนั้นจึงสามารถเลือกหุ้นขนาดเล็กที่คุณภาพดีกว่า ราคาถูกกว่า  ก็เพราะเหตุผลข้อนี้ครับ คือความได้เปรียบอย่างแท้จริงของรายย่อย

3.การเข้าถึงข้อมูล ในอดีตเป็นเรื่องจริง แต่ในปัจจุบันรายย่อยสามารถเข้าถึงผ่านอินเตอร์เนตได้พอๆกับรายใหญ่ การเข้าถึงผู้บริหารก็ทำได้ง่ายกว่าสมัยก่อน นอกจากนั้นยังสามารถติดตามผ่านสื่อหนังสือพิมพ์หุ้น ที่มีการสัมภาษณ์
บริษัทขนาดเล็กสม่ำเสมอ

4.กองทุนไม่สามารถลงทุนในหุ้นแต่ละตัวสัดส่วนเกินที่กฎหมายกำหนด เข้าใจว่า 10% แต่รายย่อยหากเจอหุ้นที่ดีหรือดีมาก สามารถถือได้ถึง 100%

5.พอร์ตของเราเอง ไม่มีใครมากดดัน ไม่มีใครมาติดตาม ในขณะที่กองทุนไม่เป็นอย่างนั้น ทำให้ผู้จัดการกองทุนมีแนวโน้มที่จะลงทุนแบบไม่เสี่ยง ผลตอบแทนมักไม่สูง

6.กองทุนรวมต้องเสียค่าธรรมเนียม แม้จะไม่สูงมาก แต่ในระยะยาวจะมีผลต่อเงินลงทุน ในขณะที่รายย่อยเสียแค่เวลา ชั่วโมงอินเตอร์เนตและคอมเท่านั้น

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ผมคิดว่านักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนในแนวทางเน้นคุณค่า น่าจะมีผลตอบแทนในระยะยาวชนะกองทุนแน่นอนครับ ผมมั่นใจ อย่างน้อยผลงานส่วนตัวผมยืนยันอย่างนั้น


คำถามต่อมาคือนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไทยไม่ได้ลงทุนอย่างนี้ แนวทางที่น่าจะทำอย่างยิ่งคือการให้การศึกษา ให้ความรู้ ให้การสนับสนุนทางภาษี เพื่อสนับสนุนนักลงทุนเหล่านั้น ไม่ใช่แก้ปัญหาง่ายๆโดยให้ไปซื้อกองทุนรวม หรือสนับสนุ้นให้ตลาดหุ้นมีแต่บริษัทขนาดใหญ่ เหตผลข้อหลังนี้ดูไม่เข้าท่ามากๆครับ เหมือนคุณเห็นคุณเก่ง คนดี (บริษัทเล็กๆที่ดี)แทนที่จะสนับสนุนให้ใหญ่โต กลับจะไปบอนไซเค้าซะอีก ฟังดูไม่เข้าท่ามากๆ :twisted:

เขากล่าวเสริมว่า ในอนาคตเชื่อได้แน่ว่าตลาดทุนไทยจะเห็นสัดส่วนของผู้ลงทุนสถาบันที่มากกว่าผู้ลงทุนบุคคลธรรมดา เพราะถ้าผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาลงทุนเองโดยตรงและได้รับบาดเจ็บบ่อยครั้ง เขาก็จะหันไปลงทุนผ่านกองทุนรวมเอง
ถ้าเค้าเจ๊งหุ้น เค้าจะกลับไปฝากเงินธนาคาร ไม่ไปซื้อกองทุนหุ้นหรอกครับ ดูอดีตซิครับว่าเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นเมืองไทยคงไม่มีคนฝากเงินธนาคารมากขนาดนี้ครับ
:?
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
Invisible hand
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 358
ผู้ติดตาม: 1

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 10

โพสต์

" แถมใช้ผู้จัดการกองทุนแค่ 1 คน มีการฝึกฝนมาอย่างดี และก็ใช้เวลาเพียง 12 ชั่วโมงต่อวันในการดูแลหุ้นเท่านั้น  "

แต่ในความเป็นจริง  ผู้จัดการกองทุน 1 คน   จะใช้เวลาแต่ละวันประชุม  ทั้งเกี่ยวกับหุ้นและงานที่ไม่เกี่ยวกับหุ้น  เช่น  งานระบบ   งาน  back office   ทำ KPI   ต้องไป present ให้ลูกค้าที่เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ   บ.ประกัน  ฟัง    ฟังเจ้านายบ่น   ลูกค้าบ่น  ไปออกงาน SET  หรือสัมมนาต่างๆ  ให้สัมภาษณ์นักข่าว    บางวันอาจจะเหลือเวลาทำงานจริงๆ  ไม่ถึง 3 ชั่วโมงก็ได้ครับ

ถ้ากองทุนรวมน่าสนใจขนาดนั้นทำไมเวลาจัด perfomance กองทุนทีไร  กองทุนรวม SET50  และ SET25 Jumbo  ของบลจ. ทหารไทยอยู่ในระดับต้นๆ ประจำ    แสดงว่ากองทุนส่วนใหญ่กำลังแพ้ตลาดอยู่นะครับ
Stock Broker
Verified User
โพสต์: 2509
ผู้ติดตาม: 1

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ลองสังเกตดู

ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้มักจะบอกว่า ลงทุนหุ้นนั้นเสี่ยง ถือตราสารหนี้กินดอกดีกว่า

ผู้จัดการกองทุนหุ้นมักจะบอกว่า จากสถิติในระยะยาวแล้ว การลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทนดีกว่าตราสารหนี้

ผู้ขายหน่วยลงทุนมักจะบอกว่า รายย่อยอย่าไปเล่นเองเลย ความรู้ความเชี่ยวชาญสู้กองทุนไม่ได้หรอก ให้ผู้เชี่ยวชาญลงทุนแทนผ่านกองทุนดีกว่า

มาร์เก็ตติ้งมักจะบอกว่า เงินเราเองเล่นเองดีกว่า จะขาดทุน/กำไรก็น้ำมือเราเอง ดีกว่าไปให้ใครก็ไม่รู้จัดการกับเงินเรา
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 12

โพสต์

Financial Engineer เขียน:ลองสังเกตดู

ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้มักจะบอกว่า ลงทุนหุ้นนั้นเสี่ยง ถือตราสารหนี้กินดอกดีกว่า

ผู้จัดการกองทุนหุ้นมักจะบอกว่า จากสถิติในระยะยาวแล้ว การลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทนดีกว่าตราสารหนี้

ผู้ขายหน่วยลงทุนมักจะบอกว่า รายย่อยอย่าไปเล่นเองเลย ความรู้ความเชี่ยวชาญสู้กองทุนไม่ได้หรอก ให้ผู้เชี่ยวชาญลงทุนแทนผ่านกองทุนดีกว่า

มาร์เก็ตติ้งมักจะบอกว่า เงินเราเองเล่นเองดีกว่า จะขาดทุน/กำไรก็น้ำมือเราเอง ดีกว่าไปให้ใครก็ไม่รู้จัดการกับเงินเรา
:lovl:  :lovl:  :lovl:
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
ภาพประจำตัวสมาชิก
Saran
Verified User
โพสต์: 2377
ผู้ติดตาม: 1

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 13

โพสต์

สงสัยต้องให้ผู้จัดการกองทุนในเมืองไทย กับ คุณบรรยงอ่าน

"ลงทุนอย่าง... ปีเตอร์ ลินช์" แปลและเรียบเรียงโดยคุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข

:mrgreen:  :mrgreen:  :mrgreen:
panukki
Verified User
โพสต์: 45
ผู้ติดตาม: 0

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ขั้นแรก ต้องให้ตลาดหุ้นไทยมี market cap ใหญ่กว่านี้  setindex ไม่ลงตามหุ้นเพียงไม่กี่กลุ่ม
ขั้นสอง ให้คนจะเริ่มเก็งกำไรกันน้อยลง

เดี๋ยวผลงานผู้จัดการกองทุนจะดีขึ้นเองครับ :D
jaychou
ผู้ติดตาม: 0

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ผมดีใจที่กองทุนเป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เพราะหากเกิดผจก.ที่ลงทุนแบบปีเตอร์ลินช์ ขึ้นมาจริงๆ พวกเราคงจะลงทุนได้ยากกว่าทุกวันนี้
ปุย
Verified User
โพสต์: 2032
ผู้ติดตาม: 0

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 16

โพสต์

แต่ผม อยากได้กองทุนที่เก่งๆ นะ จะได้ไม่ต้องเหนื่อย คอยหาหุ้นเอง
dikdik
Verified User
โพสต์: 129
ผู้ติดตาม: 0

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 17

โพสต์

ลงทุนในหุ้นไม่ต้องใช้เวลาดูหุ้นเฉลี่ยถึงวันละ 3 ชั่วโมงมังครับ  ผมเชื่อว่าหลายๆคนโดยเฉพาะในเวบนี้ใช้เวลาเฉลี่ย วันละ 3 ชั่วโมงในการคุยกันในเวบเอาหนุกๆมากกว่า  ผมคิดว่าถ้าลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เราพึงพอใจ  อาทิตย์ละ 3 ชั่วโมงก็เยอะแล้วละครับ  เอาเวลาไปเที่ยวป่าดีกว่า  หรือไม่ก็คุยกันในเวบหนุกๆ เอามัน  ดูหุ้นเฉลี่ยวันละ 3 ชั่วโมงก็ถือเป็นอาชีพได้แล้วล่ะครับ  เพราะทำงานวันละ 8 ชั่วโมงเอง
ให้ลงทุนในกองทุนผมคงไม่เอาหรอก  ผมอยากลงทุนในบริษัทที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประเทศไทย  ยกเว้นกองทุนจะทำผลงานได้ดีกว่าบริษัทในตลาด  ผมคงไม่รีรอที่จะซื้อกองทุนแน่ๆ  ขอให้ผู้จัดการกองทุนพัฒนาตัวเองให้เก่งกว่าผู้บริหารบริษัทในตลาด  คงมีนักลงทุนเข้าซื้อหน่วยลงทุนเยอะกว่านี้แน่ๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ลุงขวด
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 2448
ผู้ติดตาม: 0

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 18

โพสต์

เห็นด้วยกับคุณลูกอิสาน........เอา ลูกอิสาน สู้ ๆ    ผมเป็นกองหนุนเต็มที่   นั่นเขาบริหารเงินมาก ๆ ก็ ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบริษัทใหญ่ ๆ เท่านั้นเอง.......พวกเรารายย่อย เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบริษัทฯ ใหญ่ ๆ บางทีเจอตอนไหนเขาจะออกจากตลาดก็ต้องรับกรรมไปเท่านั้นเอง.............ตลาดทุนเป็นตลาดหาเงินลงทุน  ถามหน่อย มีใครที่โต ขึ้นมาได้เลย โดยไม่ผ่านระยะเด็ก ๆ บ้าง   ต้นไม้ยังค่อย ๆ เติบโตเป็นต้นใหญ่ที่แข็งแรงจากต้นกล้า เล็ก ๆ    บริษัทฯ ก็เช่นกัน เข้าตลาดหาทุนเพื่อการเติบโต  วันหนึ่งบริษัทฯ เล็ก ๆ ถ้าพยายาม มุ่งมั่นจริง ๆ ก็เป็นบริษัท ที่ใหญ่โตได้เหมือนกัน   ผมเริ่มเห็นบริษัทฯ เล็ก ที่พยายามตั้งใจทำงานเพื่อการเติบโตของบริษัทฯ  สร้างชื่อเสียงแก่ตนเอง และ บริษัทฯ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ    นี่แหละเป็นบริษัทฯ ที่เราควรจะไปลงทุนด้วย........สองวรรคสุดท้ายที่ขีดเส้นใต้  ผมว่าเป็นความคิดที่ผิดมากเลยครับ  .... ผมครับสนใจและคงมีนักลงทุนรายย่อยหลายคนที่สนใจเช่นกัน และพร้อมจะถือยาวด้วย    เมื่อสองวันก่อน ผมก็ไปลงทุน LTF ของไทยพาณิชย์ เป็น SCBLT3 ที่จะลงทุนในหุ้น ตลาด MAI และ ตลาดหลักด้วย แต่เป็นหุ้นกลางและเล็กที่ไม่มีสภาพคล่องเท่าไหร่  แต่มีการเติบโต ผมว่า เป็นทางออกที่ตรงกับเป้าหมายของผม  ก็ต้องลองดูว่า  SCBLT3 จะประสบความสำเร็จเท่าไหร่  ถ้าเขาบริหารอย่างซื่อสัตย์ ผมเชื่อว่า น่าจะได้ผลตอบแทนดีกว่าไปลงทุนในหุ้นตัวใหญ่ ๆ  ที่อยู่ในการควบคุมของต่างชาติและสถาบันในขณะนี้
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
woody
Verified User
โพสต์: 3763
ผู้ติดตาม: 0

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 19

โพสต์

คนที่อยู่บนหอคอยงาช้างอาจมองอะไรไม่เหมือนที่พวกเรามองก็ได้ครับ
Impossible is Nothing
yuta2099
Verified User
โพสต์: 89
ผู้ติดตาม: 0

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 20

โพสต์

แค่ความเห็นไม่เป็นไรหรอกครับ อย่าสนับสนุนให้ออกกฏห้ามรายย่อยซื้อหุ้นก็แล้วกัน
sitti
Verified User
โพสต์: 109
ผู้ติดตาม: 0

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ผมก็ชอบตลาดปัจจุบันนะ จะได้เหลือหุ้นเล็กๆให้เราซื้อได้บ้าง แบบพวกสถาบันมองข้ามไปแล้ว เพราะอาจจะเป็นบริษัทที่ดี แต่มันเล็กจนเค้าไม่มอง
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 1

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 22

โพสต์

ปัจจุบันนี้  แทนที่จะให้ความรู้แก่นักลงทุนรายย่อย  กลับไปต้อนเข้ากองทุนรวม

กองทุนรวมทั้งไทย  และต่างชาติ  ไม่เก่งซักเท่าไรหรอกครับ  ไม่เชื่อตามปีเตอร์ ลินซ์ก็ได้
Supra
Verified User
โพสต์: 479
ผู้ติดตาม: 0

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 23

โพสต์

:twisted:  :evil:

                     นักลงทุนสถาบันมีความพร้อมกว่าจริงเหรอ  เชี่ยวชาญกว่าขนาดไหนอ่ะทำไมยังเป็นลูกจ้างอยู่  แล้วทำไมกองทุนยังขาดทุน สงสัยๆๆๆ
*****
ภาพประจำตัวสมาชิก
Saran
Verified User
โพสต์: 2377
ผู้ติดตาม: 1

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 24

โพสต์

ถ้ามีพวกพี่ๆ ในนี้ไปเปิดกองทุนหุ้นแนว VI ผมซื้อแน่นอน  :P
thaistock2005
Verified User
โพสต์: 424
ผู้ติดตาม: 0

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 25

โพสต์

[quote="chatchai"]ปัจจุบันนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
MO101
Verified User
โพสต์: 3226
ผู้ติดตาม: 1

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 26

โพสต์

สเกลใหญ่แต่ประสิทธิภาพ ไม่ค่อยดีมั้งครับ
คนในเวปนี้ดูหุ้นวันละ 3 ชม ยังชนะพวก... ทีดูวันละ 12 ชมเลยครับ
-----------------------------------------------------------------
ใหญ่กว่าได้เปรียบแต่ไม่ได้หมายความว่าชนะทุกครั้งนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Raphin Phraiwal
Verified User
โพสต์: 1342
ผู้ติดตาม: 0

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 27

โพสต์

[quote="สามัญชน"]ถ้ากองทุนในเมืองไทยเก่งเท่ากองทุนของบัฟเฟตต์หรือปีเตอร์ ลินช์ ผมก็ยินดีที่จะลงทุนในกองทุน
stockms
Verified User
โพสต์: 920
ผู้ติดตาม: 0

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 28

โพสต์

โดยส่วนตัวผมก็คิดว่าคนที่มีงานประจำที่ตนเองยังรู้สึกรักและท้าทายก็ถือได้ว่าการลงทุนในกองทุนรวมเป็นทางเลือกในการออมที่น่าสนใจทางหนึ่ง เพียงแต่ต้องลงทุนด้วยจำนวนเงินที่เหมาะสม ณ. เวลาที่เหมาะสม คือพิจารณา PE ของตลาดควบคู่กับภาพรวมของประเทศ เลือกกองทุนที่มีประวัติการบริหารพอใช้ได้...คนทีเลือกซื้อกองทุนหลังฟองสบู่แตกซัก 2-3 ปี ก็คงได้ผลตอบแทนไม่น้อยเช่นกัน และยังได้ทำงานที่ตนเองรักด้วย...ผมยังจินตนาการไม่ออกเหมือนกันว่าประเทศไทยจะเป็นอย่างไร...หากทุกคนที่ทำงานประจำหันมาสนใจลงทุนในตลาดเองหมด
Dech
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4940
ผู้ติดตาม: 1

ความคิดของคนใหญ่โตในวงการตลาดทุนไทย

โพสต์ที่ 29

โพสต์

ผมว่าต้องซื้อหนังสือของ ลินช์ แล้วส่งไปให้สักเล่มสองเล่ม เผื่อหูตาจะได้กว้างขึ้นบ้าง อุดหนุนพี่ WEB หน่อยเอาฉบับแปลก็ดี
ล็อคหัวข้อ