เรียนวันแรก เจอเดบิต เครดิต เข้าไป งง!!! แล้วครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4940
- ผู้ติดตาม: 1
เรียนวันแรก เจอเดบิต เครดิต เข้าไป งง!!! แล้วครับ
โพสต์ที่ 1
นั่งเรียนมาทั้งวัน ก็พอมั่วๆไปได้อยู่
มาเจอชั่วโมงสุดท้าย เดบิต เครดิต แทบอ้วก ออกจากห้องมาแบบเอ๋อๆๆ
ขึ้นรถไฟฟ้า ยังลงผิดป้ายเลย จะบ้าตาย
กลับมาทำการบ้านแล้ว ไปดูเฉลยก็ผิดตรึม
ไม่รู้จะไว้ฝั่งไหนดี แล้วจะกำหนดให้เป็นอะไร โอ้ย!!!!!
พรุ่งนี้เสร็จแน่ๆ
มาเจอชั่วโมงสุดท้าย เดบิต เครดิต แทบอ้วก ออกจากห้องมาแบบเอ๋อๆๆ
ขึ้นรถไฟฟ้า ยังลงผิดป้ายเลย จะบ้าตาย
กลับมาทำการบ้านแล้ว ไปดูเฉลยก็ผิดตรึม
ไม่รู้จะไว้ฝั่งไหนดี แล้วจะกำหนดให้เป็นอะไร โอ้ย!!!!!
พรุ่งนี้เสร็จแน่ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1608
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนวันแรก เจอเดบิต เครดิต เข้าไป งง!!! แล้วครับ
โพสต์ที่ 2
ผมเลิกอ่านหนังสือ อ.ภาพร เพราะเจ้าเดบิต เครดิต นี่แหละครับ งงแตก
อ่านของ ตลท ง่ายกว่า
อ่านของ ตลท ง่ายกว่า
มนุษย์เห่อลูก :lol:
http://tyakon.multiply.com
http://tyakon.multiply.com
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนวันแรก เจอเดบิต เครดิต เข้าไป งง!!! แล้วครับ
โพสต์ที่ 4
8) เหมือนรุ่นแรกเลยครับCopywriter เขียน:มาเจอชั่วโมงสุดท้าย เดบิต เครดิต แทบอ้วก ออกจากห้องมาแบบเอ๋อๆๆ
ขึ้นรถไฟฟ้า ยังลงผิดป้ายเลย จะบ้าตาย
ถ้าไม่มีพื้นมาก่อน
ก็ต้องหากลุ่มที่พอรู้บ้างไปแจมเข้าไว้
วันแรกแทบอ้วก
วันที่สองเนี่ยไม่อยากจะคิดสงสาร
แต่กลับมาทบทวนแล้ว
อือม เข้าท่าเหมือนกัน...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
เรียนวันแรก เจอเดบิต เครดิต เข้าไป งง!!! แล้วครับ
โพสต์ที่ 5
ดูเหมือนยากนะ แต่ไม่ยากเลย เพียงแต่เอาหลักสูตรที่ต้องเรียนเป็นเทอมมาสอนเป็นวัน ก็อย่างงี้แหละ
เอ ผมก็ลืมไปแล้วนะ account 1 account 2
สะกดถูกหรือเปล่านี่เรา
อีกอย่างที่เรางง ก็คือคำว่าเดบิต กับเครดิตนี่แหละ แทนที่จะใช้คำว่า ลด เพิ่ม ก็ไม่งงแล้ว
ลด เงินสด 10,000 บาท เพิ่มสินทรัพย์ โต๊ะทำงาน 1 ตัว 10,000 บาท
ลด ลูกหนี้ 30,000 บาท เพิ่ม เงินสด 30,000 บาท
ลด สินค้าคงคลัง 20,000 บาท เพิ่มลูกหนี้ 20,000 บาท
แบบนี้จะได้ไม่ต้องงง นี่แหละผลของการตามฝรั่ง
อิอิ
ลด เจ้าหนี้การค้า 50,000 บาท ลด เงินสด 50,000 บาท
เออ ทำไม มันลด กับลด หว่า
เอ ผมก็ลืมไปแล้วนะ account 1 account 2
สะกดถูกหรือเปล่านี่เรา
อีกอย่างที่เรางง ก็คือคำว่าเดบิต กับเครดิตนี่แหละ แทนที่จะใช้คำว่า ลด เพิ่ม ก็ไม่งงแล้ว
ลด เงินสด 10,000 บาท เพิ่มสินทรัพย์ โต๊ะทำงาน 1 ตัว 10,000 บาท
ลด ลูกหนี้ 30,000 บาท เพิ่ม เงินสด 30,000 บาท
ลด สินค้าคงคลัง 20,000 บาท เพิ่มลูกหนี้ 20,000 บาท
แบบนี้จะได้ไม่ต้องงง นี่แหละผลของการตามฝรั่ง
อิอิ
ลด เจ้าหนี้การค้า 50,000 บาท ลด เงินสด 50,000 บาท
เออ ทำไม มันลด กับลด หว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
เรียนวันแรก เจอเดบิต เครดิต เข้าไป งง!!! แล้วครับ
โพสต์ที่ 6
จำได้ว่า
เดบิต คือสิ่งที่เราต้องจ่ายออกไป
เครดิตคือสิ่งที่เราได้เข้ามา
แค่นั้นคือจบแล้วอ่ะ
จะได้หายสับสน ตอนแรกก็เป็นเหมือนกันอ่ะ
ถ้าจะเจาะไปในเนื้อจริงๆๆ ต้องเข้าใจอ่ะ
ค่าของเครดิตคือ + คือได้รับเข้ามา -คือจ่ายออกไป
ค่าของเดบิตคือ - คือได้เข้ามา + คือจ่ายออกไป
ทั้งสองข้างต้องดุลตามสมการ
ทรัพย์สิน = หนี้สิน + ทุนเสมอ
แต่รายการนั้นจะไปปรากฏอยู่ที่งบดุล
งบกำไรขาดทุน(เป็นส่วนหนึ่งของงบดุล ที่บรรทัดที่กำไรสุทธิ) และงบกระแสเงินสด(อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของงบกำไรขาดดุลและงบดุลอีกที)
ใจเย็นๆๆ
ที่เราได้รู้เรื่องนี้เพราะงานของเรา
ไม่เป็นไม่ได้มันบังคับ ตอนแรกก็ปวดหัวอยู่เหมือนกัน
ท่องบทสวดมนต์ไว้ จะได้หายงง
หรือเพ็งจิตใส่ไปเลย ว่าเราต้องได้วิชาเข้า เพราะเราเสียทั้งเงินและเวลาแล้วอ่ะ(แบบนี้น้ำทะเลเรียกพี่)
เดบิต คือสิ่งที่เราต้องจ่ายออกไป
เครดิตคือสิ่งที่เราได้เข้ามา
แค่นั้นคือจบแล้วอ่ะ
จะได้หายสับสน ตอนแรกก็เป็นเหมือนกันอ่ะ
ถ้าจะเจาะไปในเนื้อจริงๆๆ ต้องเข้าใจอ่ะ
ค่าของเครดิตคือ + คือได้รับเข้ามา -คือจ่ายออกไป
ค่าของเดบิตคือ - คือได้เข้ามา + คือจ่ายออกไป
ทั้งสองข้างต้องดุลตามสมการ
ทรัพย์สิน = หนี้สิน + ทุนเสมอ
แต่รายการนั้นจะไปปรากฏอยู่ที่งบดุล
งบกำไรขาดทุน(เป็นส่วนหนึ่งของงบดุล ที่บรรทัดที่กำไรสุทธิ) และงบกระแสเงินสด(อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของงบกำไรขาดดุลและงบดุลอีกที)
ใจเย็นๆๆ
ที่เราได้รู้เรื่องนี้เพราะงานของเรา
ไม่เป็นไม่ได้มันบังคับ ตอนแรกก็ปวดหัวอยู่เหมือนกัน
ท่องบทสวดมนต์ไว้ จะได้หายงง
หรือเพ็งจิตใส่ไปเลย ว่าเราต้องได้วิชาเข้า เพราะเราเสียทั้งเงินและเวลาแล้วอ่ะ(แบบนี้น้ำทะเลเรียกพี่)
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนวันแรก เจอเดบิต เครดิต เข้าไป งง!!! แล้วครับ
โพสต์ที่ 7
ขอถามทุกท่านว่า ผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ครับ
จากสมการ
1. สินทรัพย์ = หนี้สิน + ทุน
2. ทุน จะเปลี่ยนแปลงเกิดจากกำไร (ทุนเพิ่ม) ขาดทุน (ทุนลด) นั่นคือ รายได้ - คชจ.
3. ดังนั้นจะได้สมการใหม่ คือ
" สินทรัพย์ = หนี้สิน + ทุน + รายได้ - คชจ."
ย้ายข้างสมการให้เป็นบวกทั้งหมด
"สินทรัพย์ + คชจ. = หนี้สิน + ทุน + รายได้"
เราให้ฝั่งซ้ายคือ สินทรัพย์ + คชจ.
เราให้ฝั่งขวาคือ หนี้สิน + ทุน + รายได้
การบันทึกเดบิตเครดิต เป็นภาษาสมมติทางบัญชี เพื่อใช้ในระบบบัญชีคู่ ว่า รายการใดเพิ่มหรือลดจะกระทบกับรายการอื่นในการเพิ่มหรือลด
การบันทึก เดบิต เครดิต
ถ้า ฝั่งซ้าย เพิ่ม ก็ให้บันทึกเดบิต (เช่น เงินสดเพิ่ม)
ถ้า ฝั่งซ้าย ลด ก็ให้บันทึกเป็นเครดิต (เช่น ลูกหนี้ลด)
ถ้า ฝั่งขวา เพิ่ม ก็ให้บันทึกเป็นเครดิต (เช่นเจ้าหนี้เพิ่ม)
ถ้า ฝั่งขวา ลด ก็ให้บันทึกเป็นเดบิต (เช่น ทุนลด)
เพื่อให้สมการดุล ก็ต้องเข้าใจแต่รายการทางบัญชีว่า บัญชีไหนเพิ่ม แล้วกระทบกับบัญชีที่เกียวข้องอย่างไร
เช่น ถ้าขายสินค้าเป็นเงินเชื่อ 500 บาท
ก็บันทึก เดบิต ลูกหนี้ 500 บ.
เครดิต รายได้ 500 บ.
(ตามเกณฑ์คงค้าง เพราะจะรับรู้รายได้ เมื่อมอบสินค้า บริการ หรือ ประโยชน์ให้ลูกค้าไปแล้ว)
พอเก็บเงินสดจากรายนี้ได้
ก็บันทึกว่า เดบิต เงินสด 500 บ. (เพราะเงินสดเพิ่ม)
เครดิต ลูกหนี้ 500บ. (เพราะ ลูกหนี้ลด)
อันนี้เป็นเพียงเบื้องต้น แต่งบของ บมจ.จริงๆ ไม่มีเดบิต เครดิต ให้ยุ่งยาก ที่เรียนให้รู้เพราะจะได้เข้าใจว่า ถ้ารายการหนึ่งเพิ่มหรือลด มันต้องมีการกระทบกับรายการอื่น ใช่หรือไม่
ผมรู้แค่งูๆ ปลาๆ เบื้องต้น แถมยังไม่แน่ใจว่าถูกหรือไม่ ถ้าผิดตรงไหน ทุกท่านกรุณาชี้แนะด้วยครับ
ขอบคุณครับ
ปล. แล้วเมื่อไหร่จะมีสอนการวิเคราะห์งบซักทีคับ อ. มนตรี
จากสมการ
1. สินทรัพย์ = หนี้สิน + ทุน
2. ทุน จะเปลี่ยนแปลงเกิดจากกำไร (ทุนเพิ่ม) ขาดทุน (ทุนลด) นั่นคือ รายได้ - คชจ.
3. ดังนั้นจะได้สมการใหม่ คือ
" สินทรัพย์ = หนี้สิน + ทุน + รายได้ - คชจ."
ย้ายข้างสมการให้เป็นบวกทั้งหมด
"สินทรัพย์ + คชจ. = หนี้สิน + ทุน + รายได้"
เราให้ฝั่งซ้ายคือ สินทรัพย์ + คชจ.
เราให้ฝั่งขวาคือ หนี้สิน + ทุน + รายได้
การบันทึกเดบิตเครดิต เป็นภาษาสมมติทางบัญชี เพื่อใช้ในระบบบัญชีคู่ ว่า รายการใดเพิ่มหรือลดจะกระทบกับรายการอื่นในการเพิ่มหรือลด
การบันทึก เดบิต เครดิต
ถ้า ฝั่งซ้าย เพิ่ม ก็ให้บันทึกเดบิต (เช่น เงินสดเพิ่ม)
ถ้า ฝั่งซ้าย ลด ก็ให้บันทึกเป็นเครดิต (เช่น ลูกหนี้ลด)
ถ้า ฝั่งขวา เพิ่ม ก็ให้บันทึกเป็นเครดิต (เช่นเจ้าหนี้เพิ่ม)
ถ้า ฝั่งขวา ลด ก็ให้บันทึกเป็นเดบิต (เช่น ทุนลด)
เพื่อให้สมการดุล ก็ต้องเข้าใจแต่รายการทางบัญชีว่า บัญชีไหนเพิ่ม แล้วกระทบกับบัญชีที่เกียวข้องอย่างไร
เช่น ถ้าขายสินค้าเป็นเงินเชื่อ 500 บาท
ก็บันทึก เดบิต ลูกหนี้ 500 บ.
เครดิต รายได้ 500 บ.
(ตามเกณฑ์คงค้าง เพราะจะรับรู้รายได้ เมื่อมอบสินค้า บริการ หรือ ประโยชน์ให้ลูกค้าไปแล้ว)
พอเก็บเงินสดจากรายนี้ได้
ก็บันทึกว่า เดบิต เงินสด 500 บ. (เพราะเงินสดเพิ่ม)
เครดิต ลูกหนี้ 500บ. (เพราะ ลูกหนี้ลด)
อันนี้เป็นเพียงเบื้องต้น แต่งบของ บมจ.จริงๆ ไม่มีเดบิต เครดิต ให้ยุ่งยาก ที่เรียนให้รู้เพราะจะได้เข้าใจว่า ถ้ารายการหนึ่งเพิ่มหรือลด มันต้องมีการกระทบกับรายการอื่น ใช่หรือไม่
ผมรู้แค่งูๆ ปลาๆ เบื้องต้น แถมยังไม่แน่ใจว่าถูกหรือไม่ ถ้าผิดตรงไหน ทุกท่านกรุณาชี้แนะด้วยครับ
ขอบคุณครับ
ปล. แล้วเมื่อไหร่จะมีสอนการวิเคราะห์งบซักทีคับ อ. มนตรี
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
เรียนวันแรก เจอเดบิต เครดิต เข้าไป งง!!! แล้วครับ
โพสต์ที่ 8
พี่jengเข้าใจถูกต้องแล้ว
การที่
"สินทรัพย์ + คชจ. = หนี้สิน + ทุน + รายได้"
คือการรวมตัวที่อยู่ในงบดุลกับงบกำไรขาดทุนเข้าด้วยกัน
ซึ่งหลักการทางบัญชีนั้นจะมีหมวดบัญชีหลักๆๆแค่ 5 ตัว
คือ สินทรัพย์
หนี้สิน
ทุน
รายได้
และค่าใช้จ่าย
ปล อันนี้ที่บอกได้เพราะ งานที่ทำตัวปัจจุบันอ่ะ
แต่เราไม่ใช่นักบัญชีล่ะกัน
เราก็เรียนรู้มาจากงานที่ทำเลยเอามาประยุกต์ใช้
และมาเถียงกับคนแถวนี้ได้อ่ะ
การที่
"สินทรัพย์ + คชจ. = หนี้สิน + ทุน + รายได้"
คือการรวมตัวที่อยู่ในงบดุลกับงบกำไรขาดทุนเข้าด้วยกัน
ซึ่งหลักการทางบัญชีนั้นจะมีหมวดบัญชีหลักๆๆแค่ 5 ตัว
คือ สินทรัพย์
หนี้สิน
ทุน
รายได้
และค่าใช้จ่าย
ปล อันนี้ที่บอกได้เพราะ งานที่ทำตัวปัจจุบันอ่ะ
แต่เราไม่ใช่นักบัญชีล่ะกัน
เราก็เรียนรู้มาจากงานที่ทำเลยเอามาประยุกต์ใช้
และมาเถียงกับคนแถวนี้ได้อ่ะ
- Meeja
- Verified User
- โพสต์: 333
- ผู้ติดตาม: 0
เรียนวันแรก เจอเดบิต เครดิต เข้าไป งง!!! แล้วครับ
โพสต์ที่ 9
ต้องจำให้ได้ว่าอะไรอยู่ฝั่งซ้าย อะไรอยู่ฝั่งขวา มากกว่าครับ
มันก็มีแค่
เพิ่มฝั่งซ้าย เพิ่มฝั่งขวา
ลดฝั่งซ้าย ลดฝั่งขวา
เพิ่มฝั่งซ้าย ลดฝั่งซ้าย
เพิ่มฝั่งขวา ลดฝั่งขวา
ฝั่งซ้าย = สินทรัพย์ + ค่าใช้จ่าย
ฝั่งขวา = หนี้สิน + ทุน + รายได้
ลด เจ้าหนี้การค้า 50,000 บาท (ฝั่งขวา) ลด เงินสด 50,000 บาท (ฝั่งซ้าย)
= ลดฝั่งซ้าย ลดฝั่งขวา
ลด เงินสด 10,000 บาท เพิ่มสินทรัพย์ โต๊ะทำงาน 1 ตัว 10,000 บาท
ลด ลูกหนี้ 30,000 บาท เพิ่ม เงินสด 30,000 บาท
ลด สินค้าคงคลัง 20,000 บาท เพิ่มลูกหนี้ 20,000 บาท
= ลดฝั่งซ้าย เพิ่มฝั่งซ้าย
ผมว่าอะไรคือสินทรัพย์ อะไรคือค่าใช้จ่าย งงกว่าเยอะ
ของคุณ ForrestGump ถูกเป๊ะๆ
มันก็มีแค่
เพิ่มฝั่งซ้าย เพิ่มฝั่งขวา
ลดฝั่งซ้าย ลดฝั่งขวา
เพิ่มฝั่งซ้าย ลดฝั่งซ้าย
เพิ่มฝั่งขวา ลดฝั่งขวา
ฝั่งซ้าย = สินทรัพย์ + ค่าใช้จ่าย
ฝั่งขวา = หนี้สิน + ทุน + รายได้
ลด เจ้าหนี้การค้า 50,000 บาท (ฝั่งขวา) ลด เงินสด 50,000 บาท (ฝั่งซ้าย)
= ลดฝั่งซ้าย ลดฝั่งขวา
ลด เงินสด 10,000 บาท เพิ่มสินทรัพย์ โต๊ะทำงาน 1 ตัว 10,000 บาท
ลด ลูกหนี้ 30,000 บาท เพิ่ม เงินสด 30,000 บาท
ลด สินค้าคงคลัง 20,000 บาท เพิ่มลูกหนี้ 20,000 บาท
= ลดฝั่งซ้าย เพิ่มฝั่งซ้าย
ผมว่าอะไรคือสินทรัพย์ อะไรคือค่าใช้จ่าย งงกว่าเยอะ
ของคุณ ForrestGump ถูกเป๊ะๆ