SEAFCO หุ้นดีที่ไร้คนมอง
-
- Verified User
- โพสต์: 97
- ผู้ติดตาม: 0
SEAFCO หุ้นดีที่ไร้คนมอง
โพสต์ที่ 3
โครงการก่อสร้างที่มีอยู่ในมือและยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งกำลังรอการส่งมอบมูลค่า 461 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2 ซึ่งจะส่งมอบงานทั้งหมดในไตรมาส 3 เช่น โครงการปรับปรุงถนนพระยาสุเรนทร์ มูลค่างานก่อสร้าง 103 ล้านบาท และเหลืองานในมือราว 65 ล้านบาท
โครงการ รอยัล มณียา ทาวเวอร์ มูลค่างาน 120 ล้านบาท เหลืองานในมืออีก 97 ล้านบาท ซึ่งรายได้จะเข้าเต็มที่ในไตรมาส 3 ,โครงการโรงแรม มิลเลนเนียม สุขุมวิท มูลค่า 65.17 ล้านบาท เหลืองานในมือราว 53 ล้านบาท
รวมถึงงานก่อสร้างโครงการ Airport Rail Link มูลค่า 145.49 ล้านบาท และโครงการโรงแรมเดอะ รีเจ้นท์ กรุงเทพ มูลค่า 69.3 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองโครงการนี้จะรับรู้รายได้เต็มที่ในไตรมาส 3
รวมถึงโครงการก่อสร้างเสาเข็มเจาะของภาคเอกชนอีก 5 โครงการ รวมมูลค่า 38.71 ล้านบาท นอกจากนั้น บริษัทยังชนะการประมูลโครงการของภาครัฐ มูลค่าก่อสร้าง 299 ล้านบาท ได้แก่ โครงการก่อสร้างอาคารที่จอดรถใต้ดิน 4 ชั้นของโรงพยาบาลกลาง ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการเซ็นสัญญากับสำนักงานกรุงเทพฯ โดยมีอายุสัญญาก่อสร้าง 2 ปี ก็จะมีรายได้ทยอยเข้าสู่บริษัทในปีนี้ราว 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเข้าในปี 2549
และล่าสุด บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากโครงการโรงงานสูบน้ำใต้ดินของกทม. ซึ่งกทม.แจ้งว่า บริษัทประมูลในราคาต่ำที่สุด จึงอยู่ระหว่างรอการยืนยันและเซ็นสัญญาจาก กทม. มูลค่างาน 129 ล้านบาท คาดว่ารายได้น่าจะเริ่มเข้าประมาณปลายปีนี้ และต่อเนื่องถึงปีหน้า
"มูลค่างานในมือส่วนที่เหลือที่คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้รวมกันประมาณ 900 ล้านบาท"
ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด 36% จากที่เคยมีส่วนแบ่ง 45% เมื่อปี 2545 แต่เนื่องจากมีคู่แข่งเข้ามารับงานมากขึ้น จึงทำให้มาร์เก็ตแชร์ลดลง แต่ณรงค์ เชื่อมั่นว่า เมื่อใดที่พันธมิตรอย่าง ซิโน-ไทย (STEC) เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) หรือช.การช่าง (CK) ได้งานมา ซีฟโก้ก็จะได้รับงานเสาเข็ม และงานฐานรากต่ออย่างแน่นอน
สำหรับในอนาคต ณรงค์ กล่าวว่า บริษัทจะเน้นรับงานโยธาของภาครัฐให้มากขึ้น ได้แก่ งานสร้างถนน สะพาน เป็นต้น เนื่องจากบริษัทมีบุคลากรและเครื่องมือพร้อม ซึ่งปัจจุบันก็รับงานโครงการภาครัฐ 70% และงานเอกชนเพียง 30%
ด้าน "บล.เคจีไอ" มองว่า ซีฟโก้เป็นหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ราคาหุ้นถูกที่สุดในกลุ่ม ราคาปัจจุบันซื้อขายบน พี/อีปี 2548 ที่ 13.2 เท่า และพี/อีปี 2549 ต่ำกว่า 10 เท่า
โครงการ รอยัล มณียา ทาวเวอร์ มูลค่างาน 120 ล้านบาท เหลืองานในมืออีก 97 ล้านบาท ซึ่งรายได้จะเข้าเต็มที่ในไตรมาส 3 ,โครงการโรงแรม มิลเลนเนียม สุขุมวิท มูลค่า 65.17 ล้านบาท เหลืองานในมือราว 53 ล้านบาท
รวมถึงงานก่อสร้างโครงการ Airport Rail Link มูลค่า 145.49 ล้านบาท และโครงการโรงแรมเดอะ รีเจ้นท์ กรุงเทพ มูลค่า 69.3 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองโครงการนี้จะรับรู้รายได้เต็มที่ในไตรมาส 3
รวมถึงโครงการก่อสร้างเสาเข็มเจาะของภาคเอกชนอีก 5 โครงการ รวมมูลค่า 38.71 ล้านบาท นอกจากนั้น บริษัทยังชนะการประมูลโครงการของภาครัฐ มูลค่าก่อสร้าง 299 ล้านบาท ได้แก่ โครงการก่อสร้างอาคารที่จอดรถใต้ดิน 4 ชั้นของโรงพยาบาลกลาง ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการเซ็นสัญญากับสำนักงานกรุงเทพฯ โดยมีอายุสัญญาก่อสร้าง 2 ปี ก็จะมีรายได้ทยอยเข้าสู่บริษัทในปีนี้ราว 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเข้าในปี 2549
และล่าสุด บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากโครงการโรงงานสูบน้ำใต้ดินของกทม. ซึ่งกทม.แจ้งว่า บริษัทประมูลในราคาต่ำที่สุด จึงอยู่ระหว่างรอการยืนยันและเซ็นสัญญาจาก กทม. มูลค่างาน 129 ล้านบาท คาดว่ารายได้น่าจะเริ่มเข้าประมาณปลายปีนี้ และต่อเนื่องถึงปีหน้า
"มูลค่างานในมือส่วนที่เหลือที่คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้รวมกันประมาณ 900 ล้านบาท"
ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด 36% จากที่เคยมีส่วนแบ่ง 45% เมื่อปี 2545 แต่เนื่องจากมีคู่แข่งเข้ามารับงานมากขึ้น จึงทำให้มาร์เก็ตแชร์ลดลง แต่ณรงค์ เชื่อมั่นว่า เมื่อใดที่พันธมิตรอย่าง ซิโน-ไทย (STEC) เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) หรือช.การช่าง (CK) ได้งานมา ซีฟโก้ก็จะได้รับงานเสาเข็ม และงานฐานรากต่ออย่างแน่นอน
สำหรับในอนาคต ณรงค์ กล่าวว่า บริษัทจะเน้นรับงานโยธาของภาครัฐให้มากขึ้น ได้แก่ งานสร้างถนน สะพาน เป็นต้น เนื่องจากบริษัทมีบุคลากรและเครื่องมือพร้อม ซึ่งปัจจุบันก็รับงานโครงการภาครัฐ 70% และงานเอกชนเพียง 30%
ด้าน "บล.เคจีไอ" มองว่า ซีฟโก้เป็นหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ราคาหุ้นถูกที่สุดในกลุ่ม ราคาปัจจุบันซื้อขายบน พี/อีปี 2548 ที่ 13.2 เท่า และพี/อีปี 2549 ต่ำกว่า 10 เท่า
-
- Verified User
- โพสต์: 97
- ผู้ติดตาม: 0
SEAFCO หุ้นดีที่ไร้คนมอง
โพสต์ที่ 4
กทม.ประมูล 5 โครงการ รายใหญ่ฮุบเกลี้ยง
กทม.จัดประมูลอี-อ๊อกชั่น 5 โครงการ งบเกือบ 5,000 ล้าน ช.การช่าง ซิว 2 โครงการใหญ่ ส่วนอีก 3 โครงการ หจก.นภาก่อสร้าง พรหมวิวัฒน์ก่อสร้าง และบ.ซีฟโก้ แบ่งเค้กได้คนละโครงการ พรุ่งนี้เปิดประมูลอีก 5 โครงการ
สำนักการโยธา (สนย.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เปิดการประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ จำนวน 5 โครงการ ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-auction) ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยก 3 โครงการ คือ อุโมงค์ลอดทางแยกตามแนวถนนจรัญสนิทวงศ์-แยกบรมราชชนนี โครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยกถนนจรัญสนิทวงศ์-แยกพรานนก โครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยก ถนนตากสินกับถนนรัชดาภิเษก รวมทั้งโครงการก่อสร้างทางยกระดับสุวินทวงศ์ และโครงการขยายพื้นที่สวนหลวง ร.9 รวมวงเงินงบประมาณเกือบ 5,000 ล้านบาท โดยเปิดให้บริษัทที่มีสิทธิได้รับการคัดเลือก ให้เสนอราคาประมูลระหว่างเวลา 14.00-14.45 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยกถนนจรัญสนิทวงศ์-แยกบรมราชชนนี โดยมีงานสาธารณูปโภคของการประปานครหลวง (กปน.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และงานของบริษัททีโอที จำกัด(มหาชน) ร่วมประมูลด้วย ราคาเริ่มต้นประมูล 1,032,630,021.96 บาท มีบริษัทผู้เข้าร่วมการประมูลจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย บริษัท ช.การช่าง, หจก.นภาก่อสร้าง, บริษัทพรหมวิวัฒน์ก่อสร้าง จำกัด, บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และบริษัทยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งบริษัท ช.การช่าง เสนอราคาในการประมูลต่ำสุด วงเงิน 1,020,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยกถนนจรัญสนิทวงศ์-แยกพรานนก มีงานของ กปน. กฟน. บริษัททีโอทีฯ และบริษัท กสท.โทรคมนาคม ร่วมประมูลด้วย ราคาเริ่มต้นประมูล 973,016,146.69 บาท มีบริษัทผู้เข้าร่วมการประมูลจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย บริษัท ช.การช่าง, หจก.นภาก่อสร้าง, บริษัทพรหมวิวัฒน์ก่อสร้าง จำกัด, บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และบริษัทยูนิค เอ็นจิเนียริ่งฯ จำกัด ผลปรากฏผู้ที่เสนอราคาการประมูลต่ำสุด คือหจก.นภาก่อสร้าง วงเงิน 969,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยก ถนนตากสินกับถนนรัชดาภิเษก มีงานของ กปน. กฟน. และบริษัททีโอทีฯ ร่วมประมูลด้วย ราคาเริ่มต้นประมูล 1,165,518,408.76 บาท มีบริษัทผู้เข้าร่วมการประมูลจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย บริษัท ช.การช่าง, หจก.นภาก่อสร้าง, บริษัทพรหมวิวัฒน์ก่อสร้าง จำกัด, บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และบริษัทยูนิค เอ็นจิเนียริ่งฯจำกัด ผู้ที่เสนอราคาการประมูลต่ำสุด คือ บริษัทพรหมวิวัฒน์ก่อสร้าง วงเงิน 1,156,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างทางยกระดับสุวินทวงศ์ มีงานของกปน. และบริษัททีโอทีฯ ร่วมประมูลด้วย ราคาเริ่มต้นประมูล 1,377,537,141.85 บาท มีบริษัทผู้เข้าร่วมการประมูลจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย บริษัท ช.การช่าง, บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเม้นท์, บริษัทชิโน-ไทย จำกัด, บริษัทยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และบริษัทวิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง โดยผู้ที่เสนอราคาการประมูลต่ำสุด คือ บริษัท ช.การช่าง จำกัด วงเงิน 1,366,000,000 บาท
สุดท้ายโครงการขยายพื้นที่สวนหลวง ร.9 ราคาเริ่มต้นประมูล 365,792,247.75 บาท มีผู้ยื่นเสนอราคาประมูล 3 ราย ผลปรากฏว่า บริษัทซีฟโก้ จำกัด เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด วงเงิน 365,777,250 บาท
ทั้งนี้บริษัทที่เคาะราคามาต่ำสุด จะต้องยืนยันราคาไปยังตลาดกลาง ภายในวันพรุ่งนี้ (22ธ.ค.) หลังจากนั้นกทม.จะทำการทำเรื่องเสนอขออนุมัติจ้าง ไปที่กระทรวงมหาดไทย เนื่องจากเป็นโครงการที่ใช้เงินอุดหนุนจากรัฐบาล หาก รมว.มหาดไทยให้ความเห็นชอบ จึงจะลงนามสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมา โดยในเบื้องต้นกทม.วางแผนจะเริ่มลงพื้นที่ก่อสร้างโครงการอุโมงค์ลอดทางแยกทั้ง 3 แห่ง ประมาณเดือน ก.พ.2549 คาดว่าจะใช้เวลาสร้างไม่ต่ำกว่า 2 ปี เนื่องจากมีงานรื้อย้ายสาธารณูปโภค ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ซึ่งโครงการดังกล่าว จะต่อเนื่องกับอุโมงค์ที่แยกบางพลัด และแยกท่าพระที่กทม.สร้างเสร็จเปิดให้บริการแล้ว ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะช่วยระบายการจราจรในถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งถือเป็นวงแหวนชั้นในของกรุงเทพฯ ได้รวดเร็วขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันพรุ่งนี้ (22ธ.ค.) กทม.ยังจะมีเปิดประมูลโครงการก่อสร้างถนนอีก 5 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการก่อสร้างถนนกรุงเทพกรีฑา ช่วง 2 ช่วง 3 และ 3/1 โดยมีงานของ กปน. และบริษัททีโอทีฯ ร่วมประมูลด้วย ราคาเริ่มต้นประมูล 2,194,014,429.29 บาท 2.โครงการก่อสร้างถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 มีงานของ กปน. บริษัททีโอทีฯ และบริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด ร่วมประมูลด้วย ราคาเริ่มต้นประมูล 411,923,5296.26 บาท 3.โครงการก่อสร้างถนนกรุงเทพกรีฑา ช่วง 1 และ 1/11 มีงานของ กปน. และบริษัททีโอทีฯ ราคาเริ่มต้นประมูล 2,311,793,648.28 4.โครงการก่อสร้างถนนพหลโยธิน-รัตนโกสินทร์สมโภชน์ มีงานของ กปน. และบริษัททีโอทีฯ ร่วมประมูลด้วย ราคาเริ่มต้นประมูล 1,046,806,159.26 และ 5.โครงการปรับปรุงถนนศรีนครินทร์ และโครงการก่อสร้างทางลอดตามแนวถนนศรีนครินทร์ โดยมีงานของ กปน. กฟน. บริษัททีโอทีฯ และบริษัทกสท. โทรคมนาคม ร่วมประมูลด้วย ราคาเริ่มต้นประมูล 1,990,580,481.70 บา
กทม.จัดประมูลอี-อ๊อกชั่น 5 โครงการ งบเกือบ 5,000 ล้าน ช.การช่าง ซิว 2 โครงการใหญ่ ส่วนอีก 3 โครงการ หจก.นภาก่อสร้าง พรหมวิวัฒน์ก่อสร้าง และบ.ซีฟโก้ แบ่งเค้กได้คนละโครงการ พรุ่งนี้เปิดประมูลอีก 5 โครงการ
สำนักการโยธา (สนย.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เปิดการประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ จำนวน 5 โครงการ ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-auction) ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยก 3 โครงการ คือ อุโมงค์ลอดทางแยกตามแนวถนนจรัญสนิทวงศ์-แยกบรมราชชนนี โครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยกถนนจรัญสนิทวงศ์-แยกพรานนก โครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยก ถนนตากสินกับถนนรัชดาภิเษก รวมทั้งโครงการก่อสร้างทางยกระดับสุวินทวงศ์ และโครงการขยายพื้นที่สวนหลวง ร.9 รวมวงเงินงบประมาณเกือบ 5,000 ล้านบาท โดยเปิดให้บริษัทที่มีสิทธิได้รับการคัดเลือก ให้เสนอราคาประมูลระหว่างเวลา 14.00-14.45 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยกถนนจรัญสนิทวงศ์-แยกบรมราชชนนี โดยมีงานสาธารณูปโภคของการประปานครหลวง (กปน.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และงานของบริษัททีโอที จำกัด(มหาชน) ร่วมประมูลด้วย ราคาเริ่มต้นประมูล 1,032,630,021.96 บาท มีบริษัทผู้เข้าร่วมการประมูลจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย บริษัท ช.การช่าง, หจก.นภาก่อสร้าง, บริษัทพรหมวิวัฒน์ก่อสร้าง จำกัด, บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และบริษัทยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งบริษัท ช.การช่าง เสนอราคาในการประมูลต่ำสุด วงเงิน 1,020,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยกถนนจรัญสนิทวงศ์-แยกพรานนก มีงานของ กปน. กฟน. บริษัททีโอทีฯ และบริษัท กสท.โทรคมนาคม ร่วมประมูลด้วย ราคาเริ่มต้นประมูล 973,016,146.69 บาท มีบริษัทผู้เข้าร่วมการประมูลจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย บริษัท ช.การช่าง, หจก.นภาก่อสร้าง, บริษัทพรหมวิวัฒน์ก่อสร้าง จำกัด, บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และบริษัทยูนิค เอ็นจิเนียริ่งฯ จำกัด ผลปรากฏผู้ที่เสนอราคาการประมูลต่ำสุด คือหจก.นภาก่อสร้าง วงเงิน 969,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยก ถนนตากสินกับถนนรัชดาภิเษก มีงานของ กปน. กฟน. และบริษัททีโอทีฯ ร่วมประมูลด้วย ราคาเริ่มต้นประมูล 1,165,518,408.76 บาท มีบริษัทผู้เข้าร่วมการประมูลจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย บริษัท ช.การช่าง, หจก.นภาก่อสร้าง, บริษัทพรหมวิวัฒน์ก่อสร้าง จำกัด, บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และบริษัทยูนิค เอ็นจิเนียริ่งฯจำกัด ผู้ที่เสนอราคาการประมูลต่ำสุด คือ บริษัทพรหมวิวัฒน์ก่อสร้าง วงเงิน 1,156,000,000 บาท
โครงการก่อสร้างทางยกระดับสุวินทวงศ์ มีงานของกปน. และบริษัททีโอทีฯ ร่วมประมูลด้วย ราคาเริ่มต้นประมูล 1,377,537,141.85 บาท มีบริษัทผู้เข้าร่วมการประมูลจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย บริษัท ช.การช่าง, บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเม้นท์, บริษัทชิโน-ไทย จำกัด, บริษัทยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และบริษัทวิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง โดยผู้ที่เสนอราคาการประมูลต่ำสุด คือ บริษัท ช.การช่าง จำกัด วงเงิน 1,366,000,000 บาท
สุดท้ายโครงการขยายพื้นที่สวนหลวง ร.9 ราคาเริ่มต้นประมูล 365,792,247.75 บาท มีผู้ยื่นเสนอราคาประมูล 3 ราย ผลปรากฏว่า บริษัทซีฟโก้ จำกัด เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด วงเงิน 365,777,250 บาท
ทั้งนี้บริษัทที่เคาะราคามาต่ำสุด จะต้องยืนยันราคาไปยังตลาดกลาง ภายในวันพรุ่งนี้ (22ธ.ค.) หลังจากนั้นกทม.จะทำการทำเรื่องเสนอขออนุมัติจ้าง ไปที่กระทรวงมหาดไทย เนื่องจากเป็นโครงการที่ใช้เงินอุดหนุนจากรัฐบาล หาก รมว.มหาดไทยให้ความเห็นชอบ จึงจะลงนามสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมา โดยในเบื้องต้นกทม.วางแผนจะเริ่มลงพื้นที่ก่อสร้างโครงการอุโมงค์ลอดทางแยกทั้ง 3 แห่ง ประมาณเดือน ก.พ.2549 คาดว่าจะใช้เวลาสร้างไม่ต่ำกว่า 2 ปี เนื่องจากมีงานรื้อย้ายสาธารณูปโภค ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ซึ่งโครงการดังกล่าว จะต่อเนื่องกับอุโมงค์ที่แยกบางพลัด และแยกท่าพระที่กทม.สร้างเสร็จเปิดให้บริการแล้ว ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะช่วยระบายการจราจรในถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งถือเป็นวงแหวนชั้นในของกรุงเทพฯ ได้รวดเร็วขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันพรุ่งนี้ (22ธ.ค.) กทม.ยังจะมีเปิดประมูลโครงการก่อสร้างถนนอีก 5 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการก่อสร้างถนนกรุงเทพกรีฑา ช่วง 2 ช่วง 3 และ 3/1 โดยมีงานของ กปน. และบริษัททีโอทีฯ ร่วมประมูลด้วย ราคาเริ่มต้นประมูล 2,194,014,429.29 บาท 2.โครงการก่อสร้างถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 มีงานของ กปน. บริษัททีโอทีฯ และบริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด ร่วมประมูลด้วย ราคาเริ่มต้นประมูล 411,923,5296.26 บาท 3.โครงการก่อสร้างถนนกรุงเทพกรีฑา ช่วง 1 และ 1/11 มีงานของ กปน. และบริษัททีโอทีฯ ราคาเริ่มต้นประมูล 2,311,793,648.28 4.โครงการก่อสร้างถนนพหลโยธิน-รัตนโกสินทร์สมโภชน์ มีงานของ กปน. และบริษัททีโอทีฯ ร่วมประมูลด้วย ราคาเริ่มต้นประมูล 1,046,806,159.26 และ 5.โครงการปรับปรุงถนนศรีนครินทร์ และโครงการก่อสร้างทางลอดตามแนวถนนศรีนครินทร์ โดยมีงานของ กปน. กฟน. บริษัททีโอทีฯ และบริษัทกสท. โทรคมนาคม ร่วมประมูลด้วย ราคาเริ่มต้นประมูล 1,990,580,481.70 บา
-
- Verified User
- โพสต์: 97
- ผู้ติดตาม: 0
SEAFCO หุ้นดีที่ไร้คนมอง
โพสต์ที่ 5
COMPANY REPORT 23 ธันวาคม 2548
Sector : MAI ราคา IPO 2.86 บาท
PYLON PLC. (PYLON) ซื้อเมื่ออ่อนตัว เป้าหมาย 2.72-3.10 บาท
อีกหนึ่งผู้รับเหมาก่อสร้างด้านฐานรากที่เข้าสู่ตลาดหุ้นบมจ.ไพลอน (PYLON) ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากได้แก่ งานเสาเข็มเจาะ งานปรับปรุงคุณภาพดิน และงานกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม ซึ่งเป็นธุรกิจประเภทเดียวกับบมจ.ซีฟโก้ (SEAFCO) ซึ่งเป็นผู้นำตลาด การเข้าระดมทุนครั้งนี้เพื่อใช้ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อขยายกำลังการผลิตและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับงานเมกะโปรเจกต์ที่จะเริ่มก่อสร้างใน 1-2 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ดี เราแนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัวโดยมีราคาเป้าหมาย 2.72 3.10 บาทสำหรับปี 49
ประเด็นสำคัญในการลงทุน
ตลาดรวมของงานรับเหมาก่อสร้างด้านฐานรากมีแนวโน้มเติบโตสูง จากมูลค่าตลาดรวมปี 47 ที่เพิ่มสูงถึง 76% จาก 1,352 ล้านบาทในปี 46 เป็น 2,380 ล้านบาท และการที่โครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐจะเริ่มก่อสร้างในอีก 1-2 ปีข้างหน้าโดยเฉพาะงานสะพาน ทางยกระดับ ทางด่วน และระบบขนส่งมวลชนซึ่งต้องใช้เสาเข็มเจาะเป็นฐานรากในการรับน้ำหนัก ทำให้ความต้องการเสาเข็มเจาะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดถือเป็นเค้กก้อนโตที่ไม่ต้องแย่งกันเนื่องจากกำลังผลิตรวมของผู้รับเหมาด้านฐานรากในตลาด 6 รายมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ เห็นได้จากโครงการใหญ่อย่าง Airport Rail Link ที่มีมูลค่างานระดับ 1.2 หมื่นล้านบาทต้องระดมใช้บริการเสาเข็มเจาะจาก SEAFCO, PYLON และผู้รับเหมารายอื่นๆอีก แสดงถึงศักยภาพในการเติบโตของยอดขาย
คาดยอดขายปี 48-49 เติบโตเฉลี่ย 32% ณ 30ก.ย.48 บริษัทมีงานในมือ 8 โครงการมูลค่าคงเหลือ 337 ล้านบาทซึ่งจะทยอยรับรู้จนถึงไตรมาส 2/49 โดยงานส่วนใหญ่ราว44%เป็นงานรับเหมาช่วงจากผู้รับเหมารายใหญ่คือบมจ.ซิโนไทยฯ (STEC)โดยในช่วง 9M/48 มียอดขาย 186 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 44%yoy เราคาดยอดขายทั้งปี 48 ราว 283 ล้านบาทและ 377 ล้านบาทสำหรับปี 49 ซึ่งเติบโต 32% และ 33% ตามลำดับ ทั้งนี้การเริ่มก่อสร้างงานเมกะโปรเจกต์ที่ล่าช้าอาจจะส่งผลกระทบให้ยอดขายเกิดสะดุดได้
คาดกำไรสุทธิปี 48-49 เติบโตเฉลี่ย 68% ช่วง 9M/48 มีกำไรสุทธิ 33 ล้านบาท(รวมรายการพิเศษที่เป็นกำไรจากการขายสินทรัพย์ 4.5 ล้านบาท) โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 28.6% ซึ่งสูงกว่าผู้นำตลาดอย่าง SEAFCO ส่วนหนึ่งมาจากงานในมือส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นงานด้านฐานรากซึ่งส่วนใหญ่รับเฉพาะค่าแรงประกอบกับไม่มีส่วนผสมของงานโยธาที่มีมาร์จิ้นต่ำกว่า เราคาดกำไรสุทธิปกติสำหรับปี 48ราว 37 ล้านบาท( 41 ล้านบาทหากรวมรายการพิเศษ)ซึ่งเติบโตกว่าเท่าตัวจากปี 47 และคาดกำไรสุทธิราว 51 ล้านบาทสำหรับปี 49 ซึ่งเติบโต 37% จากปี 48 ทั้งนี้เราประมาณการณ์บนสมมติฐานว่าในปี 49-50 บริษัทไม่มีสัดส่วนงานโยธาซึ่งมีมาร์จิ้นต่ำกว่างานฐานรากและกำแพงกันดินมาก
ฐานะการเงินมั่นคง พิจารณาจากอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ที่ระดับ 0.5 เท่า ณ 30ก.ย.48 และคาดว่าจะลดเหลือ 0.3 เท่าในปลายปี 48 แสดงถึงฐานะการเงินที่มั่นคง
แนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว โดยมีราคาเป้าหมาย 2.72-3.10 บาทสำหรับปี 49 เราประเมินมูลค่าพื้นฐานด้วยวิธี DCFที่WACC9%ได้ประมาณ 2.80 บาทสำหรับปี 48 และ 3.10 สำหรับปี 49 หากกำหนดให้ราคาหุ้นซื้อขายที่ PER 8 เท่าจะได้ราคาเหมาะสม 2.24 บาทและ 2.72 สำหรับปี 48และ 49 ตามลำดับ ดังนั้นเราประเมินราคาเหมาะสมสำหรับปี 49 อยู่ที่ 2.72-3.10 บาทแสดงถึง upside gain ของราคาหุ้นที่ไม่มากนักเพียง 8% จากราคา IPO ที่ 2.86 บาท
ที่มา : บล.โกลเบล็ก
Sector : MAI ราคา IPO 2.86 บาท
PYLON PLC. (PYLON) ซื้อเมื่ออ่อนตัว เป้าหมาย 2.72-3.10 บาท
อีกหนึ่งผู้รับเหมาก่อสร้างด้านฐานรากที่เข้าสู่ตลาดหุ้นบมจ.ไพลอน (PYLON) ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากได้แก่ งานเสาเข็มเจาะ งานปรับปรุงคุณภาพดิน และงานกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม ซึ่งเป็นธุรกิจประเภทเดียวกับบมจ.ซีฟโก้ (SEAFCO) ซึ่งเป็นผู้นำตลาด การเข้าระดมทุนครั้งนี้เพื่อใช้ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อขยายกำลังการผลิตและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับงานเมกะโปรเจกต์ที่จะเริ่มก่อสร้างใน 1-2 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ดี เราแนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัวโดยมีราคาเป้าหมาย 2.72 3.10 บาทสำหรับปี 49
ประเด็นสำคัญในการลงทุน
ตลาดรวมของงานรับเหมาก่อสร้างด้านฐานรากมีแนวโน้มเติบโตสูง จากมูลค่าตลาดรวมปี 47 ที่เพิ่มสูงถึง 76% จาก 1,352 ล้านบาทในปี 46 เป็น 2,380 ล้านบาท และการที่โครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐจะเริ่มก่อสร้างในอีก 1-2 ปีข้างหน้าโดยเฉพาะงานสะพาน ทางยกระดับ ทางด่วน และระบบขนส่งมวลชนซึ่งต้องใช้เสาเข็มเจาะเป็นฐานรากในการรับน้ำหนัก ทำให้ความต้องการเสาเข็มเจาะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดถือเป็นเค้กก้อนโตที่ไม่ต้องแย่งกันเนื่องจากกำลังผลิตรวมของผู้รับเหมาด้านฐานรากในตลาด 6 รายมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ เห็นได้จากโครงการใหญ่อย่าง Airport Rail Link ที่มีมูลค่างานระดับ 1.2 หมื่นล้านบาทต้องระดมใช้บริการเสาเข็มเจาะจาก SEAFCO, PYLON และผู้รับเหมารายอื่นๆอีก แสดงถึงศักยภาพในการเติบโตของยอดขาย
คาดยอดขายปี 48-49 เติบโตเฉลี่ย 32% ณ 30ก.ย.48 บริษัทมีงานในมือ 8 โครงการมูลค่าคงเหลือ 337 ล้านบาทซึ่งจะทยอยรับรู้จนถึงไตรมาส 2/49 โดยงานส่วนใหญ่ราว44%เป็นงานรับเหมาช่วงจากผู้รับเหมารายใหญ่คือบมจ.ซิโนไทยฯ (STEC)โดยในช่วง 9M/48 มียอดขาย 186 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 44%yoy เราคาดยอดขายทั้งปี 48 ราว 283 ล้านบาทและ 377 ล้านบาทสำหรับปี 49 ซึ่งเติบโต 32% และ 33% ตามลำดับ ทั้งนี้การเริ่มก่อสร้างงานเมกะโปรเจกต์ที่ล่าช้าอาจจะส่งผลกระทบให้ยอดขายเกิดสะดุดได้
คาดกำไรสุทธิปี 48-49 เติบโตเฉลี่ย 68% ช่วง 9M/48 มีกำไรสุทธิ 33 ล้านบาท(รวมรายการพิเศษที่เป็นกำไรจากการขายสินทรัพย์ 4.5 ล้านบาท) โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 28.6% ซึ่งสูงกว่าผู้นำตลาดอย่าง SEAFCO ส่วนหนึ่งมาจากงานในมือส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นงานด้านฐานรากซึ่งส่วนใหญ่รับเฉพาะค่าแรงประกอบกับไม่มีส่วนผสมของงานโยธาที่มีมาร์จิ้นต่ำกว่า เราคาดกำไรสุทธิปกติสำหรับปี 48ราว 37 ล้านบาท( 41 ล้านบาทหากรวมรายการพิเศษ)ซึ่งเติบโตกว่าเท่าตัวจากปี 47 และคาดกำไรสุทธิราว 51 ล้านบาทสำหรับปี 49 ซึ่งเติบโต 37% จากปี 48 ทั้งนี้เราประมาณการณ์บนสมมติฐานว่าในปี 49-50 บริษัทไม่มีสัดส่วนงานโยธาซึ่งมีมาร์จิ้นต่ำกว่างานฐานรากและกำแพงกันดินมาก
ฐานะการเงินมั่นคง พิจารณาจากอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ที่ระดับ 0.5 เท่า ณ 30ก.ย.48 และคาดว่าจะลดเหลือ 0.3 เท่าในปลายปี 48 แสดงถึงฐานะการเงินที่มั่นคง
แนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว โดยมีราคาเป้าหมาย 2.72-3.10 บาทสำหรับปี 49 เราประเมินมูลค่าพื้นฐานด้วยวิธี DCFที่WACC9%ได้ประมาณ 2.80 บาทสำหรับปี 48 และ 3.10 สำหรับปี 49 หากกำหนดให้ราคาหุ้นซื้อขายที่ PER 8 เท่าจะได้ราคาเหมาะสม 2.24 บาทและ 2.72 สำหรับปี 48และ 49 ตามลำดับ ดังนั้นเราประเมินราคาเหมาะสมสำหรับปี 49 อยู่ที่ 2.72-3.10 บาทแสดงถึง upside gain ของราคาหุ้นที่ไม่มากนักเพียง 8% จากราคา IPO ที่ 2.86 บาท
ที่มา : บล.โกลเบล็ก
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
SEAFCO หุ้นดีที่ไร้คนมอง
โพสต์ที่ 8
ไม่รู้ว่าแดงแรกมันมาได้ไง.....งง เหมือนกัน
วันนี้แดงแรก......อิอิอิ
ผมชอบรอ แดงที่ 3 อ่ะครับ
ค่อยเข้า
หุๆๆๆ
เอ...หรือว่ามี โบรกไหนออกบทวิแค่ะออกมาช่วงนี้ป่าวครับ ช่วยๆกันค้นหาดู
ผมเองเข้าตอน 4.32 กะลงทุนยาว .....แต่ว่า พอ 4.36 เผ่นแนบเลย เพราะว่า ดู technical แล้ว กลัว
เลยโชคดี....หน่อย
.....
นอนยันครับ ว่ารอแดงที่ 3
....
ระยะหลังนี่ มักจะคิดว่า
ผมมักจะลงทุนในหุ้น จนไม่ระวังในเรื่องเงินสดติดมือ
แต่ถ้าผมคิดเสียว่า เงินสดเป็นหุ้นชนิดนึง ก็จะไม่ลงทุนจนหมดเงินสด
แล้วพอเวลามาถึง ก็จะมีหุ้นดีๆให้เรางาบ...
.....
ยังไงๆ ผมยังถือสุภาษิต สุดยอดกลยุทธ์ คือ หนี ครับ
หนีเสร็จค่อยเข้ามาแอบดู....
.....
เพื่อนๆว่า โวลุ่มขนาด 5 หมื่นล้าน จะยืนได้นานรึป่าวครับ
.....
แล้ว seafco มันจะไปยังไง
วันนี้แดงแรก......อิอิอิ
ผมชอบรอ แดงที่ 3 อ่ะครับ
ค่อยเข้า
หุๆๆๆ
เอ...หรือว่ามี โบรกไหนออกบทวิแค่ะออกมาช่วงนี้ป่าวครับ ช่วยๆกันค้นหาดู
ผมเองเข้าตอน 4.32 กะลงทุนยาว .....แต่ว่า พอ 4.36 เผ่นแนบเลย เพราะว่า ดู technical แล้ว กลัว
เลยโชคดี....หน่อย
.....
นอนยันครับ ว่ารอแดงที่ 3
....
ระยะหลังนี่ มักจะคิดว่า
ผมมักจะลงทุนในหุ้น จนไม่ระวังในเรื่องเงินสดติดมือ
แต่ถ้าผมคิดเสียว่า เงินสดเป็นหุ้นชนิดนึง ก็จะไม่ลงทุนจนหมดเงินสด
แล้วพอเวลามาถึง ก็จะมีหุ้นดีๆให้เรางาบ...
.....
ยังไงๆ ผมยังถือสุภาษิต สุดยอดกลยุทธ์ คือ หนี ครับ
หนีเสร็จค่อยเข้ามาแอบดู....
.....
เพื่อนๆว่า โวลุ่มขนาด 5 หมื่นล้าน จะยืนได้นานรึป่าวครับ
.....
แล้ว seafco มันจะไปยังไง
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
SEAFCO หุ้นดีที่ไร้คนมอง
โพสต์ที่ 12
ขุดมาได้ไงเนี่ย
อิอิอิ
ผมซื้อครั้งสุดท้าย เดือน 10 มค 2546
ผมขาย lot สุดท้าย 18 พค 2546
เพราะตอนแรกคิดว่ามันปักเขียงแล้ว แต่ว่า เขียงดันบางไป เลยทะลุเขียง มาทะลุพุงผม 5555
ตกลง ตอนนี้ มันปักเขียงแล้วแน่นา เขียงหนาป่าวครับ เช้คด้วยนะครับ
ไม่งั้น มีดบาดพุงนา ม่ะรู้มีเชื้อบาดทะยักด้วยป่ะ อ่ะดิ
....
อิอิอิ ล้อเล่นนนนนนน
โดยข้อเท็จจริง ผมว่า หุ้นตัวนี้ ดีนะครับ ในหมวดก่อสร้าง
--- คอนเน็คชั่นเยี่ยมให้เกรด AAA ครับ โดยเฉพาะกับ K T M ( แปลเอาเองนะครับ )
--- เจ้าของก็ถือหุ้นมากดี (คุณณรงค์) สบายใจได้
--- เรื่องการปิดงาน สบาย.... ลองคิดดูคัรบ ถ้างานฐานรากไม่เสร็จ โครงการมันก็จะช้า เพราะฉะนั้นงานฐานรากส่วนใหญ่จะโดนเร่งและดัน โดยเจ้าของงาน ไม่ว่างานหลวงหรือว่า ราษฎร์
--- ทางลอดที่สี่แยก ใน กทม น่าจะสร้างอีกเยอะอ่ะครับ ( ศัพท์ กทม เขาเรียกว่า ทางลอดนะคัรบ ม่ะใช่ อุโมงค์ ) เท่าที่สร้างมาหลายตัวใน กทม นี่ ถามหลายคน ก็เห็นว่า work ดีนะครับ น่าจะมีอีก
--- ชุดเครื่องมือ ครบดี
แต่ราคามันจะสวนตลาดได้เหรอครับ
เงินเย็น เก็บได้คัรบ รับรองหนอนไม่ขึ้น ขึ้นอืดไม่มี เพราะว่ามีเกลือมากพอ อิอิอิ พอหน้าหนาวก็ควักขึ้นมากินแบบกิมจิ
อาหร่อยยยยยย ห่าวชือ ห่าวชือ 555
อิอิอิ
ผมซื้อครั้งสุดท้าย เดือน 10 มค 2546
ผมขาย lot สุดท้าย 18 พค 2546
เพราะตอนแรกคิดว่ามันปักเขียงแล้ว แต่ว่า เขียงดันบางไป เลยทะลุเขียง มาทะลุพุงผม 5555
ตกลง ตอนนี้ มันปักเขียงแล้วแน่นา เขียงหนาป่าวครับ เช้คด้วยนะครับ
ไม่งั้น มีดบาดพุงนา ม่ะรู้มีเชื้อบาดทะยักด้วยป่ะ อ่ะดิ
....
อิอิอิ ล้อเล่นนนนนนน
โดยข้อเท็จจริง ผมว่า หุ้นตัวนี้ ดีนะครับ ในหมวดก่อสร้าง
--- คอนเน็คชั่นเยี่ยมให้เกรด AAA ครับ โดยเฉพาะกับ K T M ( แปลเอาเองนะครับ )
--- เจ้าของก็ถือหุ้นมากดี (คุณณรงค์) สบายใจได้
--- เรื่องการปิดงาน สบาย.... ลองคิดดูคัรบ ถ้างานฐานรากไม่เสร็จ โครงการมันก็จะช้า เพราะฉะนั้นงานฐานรากส่วนใหญ่จะโดนเร่งและดัน โดยเจ้าของงาน ไม่ว่างานหลวงหรือว่า ราษฎร์
--- ทางลอดที่สี่แยก ใน กทม น่าจะสร้างอีกเยอะอ่ะครับ ( ศัพท์ กทม เขาเรียกว่า ทางลอดนะคัรบ ม่ะใช่ อุโมงค์ ) เท่าที่สร้างมาหลายตัวใน กทม นี่ ถามหลายคน ก็เห็นว่า work ดีนะครับ น่าจะมีอีก
--- ชุดเครื่องมือ ครบดี
แต่ราคามันจะสวนตลาดได้เหรอครับ
เงินเย็น เก็บได้คัรบ รับรองหนอนไม่ขึ้น ขึ้นอืดไม่มี เพราะว่ามีเกลือมากพอ อิอิอิ พอหน้าหนาวก็ควักขึ้นมากินแบบกิมจิ
อาหร่อยยยยยย ห่าวชือ ห่าวชือ 555
-
- Verified User
- โพสต์: 870
- ผู้ติดตาม: 0
SEAFCO หุ้นดีที่ไร้คนมอง
โพสต์ที่ 17
ตัวนี้ ก็ดี หลายอย่างเคยดูๆ แต่มาวันนี้เริ่ม กลัว อยู่ว่า ตลาด อสังหา ปลายปี กับ ปีหน้า มัน จะเป็นอย่างไร น้ำมันในประเทศก็นิวไฮ ไปหลายรอบแล้ว บริษัทนี้งานโครงการนึงๆ ก็ทำฐานราก มูลค่า ก็ราวๆ 10กว่าล้าน ถึง 30 ล้าน กว่าจะได้ backlog ถึง 1000 ล้านนี่ ต้องได้งาน หลายโครงการโข อยู่ ต้นปี ยังมีพวกคอนโดให้ประมูล
แต่ จะรอดูปลายปี ว่าจะมีงานได้เพิ่มแค่ไหน ถ้างานให้ประมูล เริ่มได้น้อยลง จากต้นปีที่ได้ ล่ะก็ต้องระวัง
ใครพอทราบบ้างครับว่า ปกติ property มันจะโต ประมาณ กี่ปีอ่ะในอดีต ก่อนเริ่มถดถ่อย
แต่ จะรอดูปลายปี ว่าจะมีงานได้เพิ่มแค่ไหน ถ้างานให้ประมูล เริ่มได้น้อยลง จากต้นปีที่ได้ ล่ะก็ต้องระวัง
ใครพอทราบบ้างครับว่า ปกติ property มันจะโต ประมาณ กี่ปีอ่ะในอดีต ก่อนเริ่มถดถ่อย
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
SEAFCO หุ้นดีที่ไร้คนมอง
โพสต์ที่ 18
ถ้ามีงานสร้างทางลอดเมื่อไร เมื่อนั้นก็งาน seafco มากหน่อย....สนุกครับ
งานโครงสร้างทางลอดต้องใช้พวก pylon , seafco , ital-thai เทรวี่ ทำงานส่วนผนังครับ ผนังนี้อาจจะเป็นโครงสร้างแบบที่เรียกว่า diaphragm wall ( ผนังพืด ) หรือ อาจจะเป็น tangent pile หรือ บางครั้งอาจจะเป็น secant pile พวกนี้ต้องพวก บรืษัทที่เอ่ยมาข้างบนเป็นผู้ทำนะครับ
โดยปกติแล้วงานในสว่นโครงสร้างผนังทางลอด ค่าก่อสร้างในส่วนนี้ จะเป็นงานของ บริษัท ที่เอ่ยมา ซักประมาณไม่น้อยกว่า 40% ของ ค่างานโครงสร้างนะครับ พูดง่ายๆ โครงการนึงก็ งานส่วนนี้ หลายร้อยร้าน เพราะฉะนั้น มาลุ้นกันว่า กทม มีงานทางลอดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือว่าเพื่อหาเสียง หรือว่า เพื่อ.... อีกกี่โครงการดีกว่าครับ อิอิอิ
กทม น่าจะ.....น่าจะ.....เปิดประมูลโครงการต่างๆนี้ ในอีกไม่นานมังครับ
แต่ถ้าถามว่างานเอกชน จะลดลงมัย ในอนาคตใกล้ๆนี้ อิอิอ น่าคิดครับ
งานโครงสร้างทางลอดต้องใช้พวก pylon , seafco , ital-thai เทรวี่ ทำงานส่วนผนังครับ ผนังนี้อาจจะเป็นโครงสร้างแบบที่เรียกว่า diaphragm wall ( ผนังพืด ) หรือ อาจจะเป็น tangent pile หรือ บางครั้งอาจจะเป็น secant pile พวกนี้ต้องพวก บรืษัทที่เอ่ยมาข้างบนเป็นผู้ทำนะครับ
โดยปกติแล้วงานในสว่นโครงสร้างผนังทางลอด ค่าก่อสร้างในส่วนนี้ จะเป็นงานของ บริษัท ที่เอ่ยมา ซักประมาณไม่น้อยกว่า 40% ของ ค่างานโครงสร้างนะครับ พูดง่ายๆ โครงการนึงก็ งานส่วนนี้ หลายร้อยร้าน เพราะฉะนั้น มาลุ้นกันว่า กทม มีงานทางลอดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือว่าเพื่อหาเสียง หรือว่า เพื่อ.... อีกกี่โครงการดีกว่าครับ อิอิอิ
กทม น่าจะ.....น่าจะ.....เปิดประมูลโครงการต่างๆนี้ ในอีกไม่นานมังครับ
แต่ถ้าถามว่างานเอกชน จะลดลงมัย ในอนาคตใกล้ๆนี้ อิอิอ น่าคิดครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
SEAFCO หุ้นดีที่ไร้คนมอง
โพสต์ที่ 20
ผมว่าปีนี้ยอดรายได้ 1500 ล้านบาทตามที่ผู้บริหารคาดไว้คงไม่ยากซักเท่าไหร่มังครับ ส่วนกำไรนั้นต้องติดตาม หากบริษัทรักษา margin ระดับนี้ไว้ได้ ที่ราคา 3 บาท PE น่าจะลดลงมาเหลือราวๆ 6 ส่วนปีหน้าก็คอยลุ้นทางลอดสี่แยก กับรถไฟฟ้า+คอนโดตามแนวรถไฟฟ้าต่อละกัน
แต่เห็นราคาน้ำมันแล้วก็ชักหนาวๆ :evil:
แต่เห็นราคาน้ำมันแล้วก็ชักหนาวๆ :evil:
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
SEAFCO หุ้นดีที่ไร้คนมอง
โพสต์ที่ 21
ใครได้ติดตามประเด็นเรื่องผู้บริหารบ้างไหมครับ ไว้ใจได้มากน้อยแค่ไหน มีประวัติไม่ดีอะไรไหมครับ เข้าไปดูรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่แล้วเจ้าของเล่นกระจายหุ้นเป็นหางว่าวเลย นอกจากเลี่ยงการรายงานการซื้อขายแล้วมีเหตุผลอะไรอย่างอื่นอีกไหมครับ เอ.. หรือผมคิดมากไปเอง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
SEAFCO หุ้นดีที่ไร้คนมอง
โพสต์ที่ 22
เดือนหน้าก็ได้ลุ้นกันแล้ว หวังว่า seafco คงจะได้งานมาบ้างนะ
เดินหน้าประกวดราคาใหม่ 16 โครงการก่อสร้างของ กทม.
รศ.ดร.บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริการกทม. ว่า ที่ประชุมได้มีมติให้เดินหน้าประกวดราคาและดำเนินโครงการก่อสร้างของสำนักการโยธา 16 โครงการ ที่ได้มีการยกเลิกการประกวดราคาเป็นเงินจำนวน 20,396,627,928.64 บาท ทั้งนี้เนื่องจากทั้ง 16 โครงการมีความสำคัญช่วยเสริมโครงข่ายถนนที่มีอยู่เดิมให้สมบูรณ์มากขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาการจราจรในภาพรวม อีกทั้งยังรองรับปริมาณการจราจรที่จะเพิ่มขึ้นหลังการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ โดยในปี 2549 กทม. จะจัดประกวดราคาใหม่ใน 14 โครงการก่อนซึ่งขณะนี้การดำเนินการอยู่ระหว่างขออนุมัติประกวดราคา ส่วนอีก 2 โครงการต้องชะลอไปก่อนเนื่องจากคณะรัฐมนตรีเมื่อ 22 พ.ย. 48 ไม่อนุมัติให้เพิ่มวงเงินและขยายเวลาผูกพันงบประมาณข้ามปี เนื่องจากเป็นโครงการที่เพิ่มวงเงินมากและระยะเวลาผูกพันงบประมาณข้ามปีค่อนข้างมาก โดยให้ทบทวนรูปแบบ รายการ แบ่งการก่อสร้างออกเป็นตอนๆ คือ โครงการก่อสร้าง ถ.กรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า และโครงการก่อสร้าง ถ.พรานนก-พุทธมณฑลสาย 4
สำหรับ 14 โครงการที่จะดำเนินการประกวดราคาในปีนี้แบ่งการดำเนินการออกเป็นช่วงๆ คือ ในเดือนพฤษภาคม 2549 คาดว่าจะขออนุมัติประกวดราคาจำนวน 1 โครงการ คือ โครงการก่อสร้าง ถ.พหลโยธิน - ถ.รัตนโกสินทร์สมโภชน์ และภายในเดือนมิถุนายน 2549 จะขออนุมัติประกวดราคาเพิ่มเติมอีกจำนวน 8 โครงการ คือ 1. โครงการก่อสร้างทางลอด ถ.จรัญสนิทวงศ์ กับ ถ.พรานนก 2. โครงการก่อสร้างทางลอด ถ.จรัญสนิทวงศ์ กับ ถ.บรมราชชนนี 3. โครงการก่อสร้างทางลอด ถ.ตากสิน ถ.รัชดาภิเษก 4. โครงการก่อสร้างทางลอด ถ.ศรีอยุธยา ถ.พระรามที่ 6 5. โครงการก่อสร้างทางลอด ถ.ศรีนครินทร์ ถ.สุขุมวิท 103 (อุดมสุข) 6. โครงการก่อสร้างทางยกระดับ ถ.สุวินทวงศ์ 7.โครงการก่อสร้างทางต่างระดับ ถ.พัฒนาการ ถ.อ่อนนุช 8. โครงการถ.หทัยราษฎร์ จากสุวินทวงศ์ ถ.สายไหม และโครงการที่อยู่ระหว่างการทบทวนรูปแบบ คาดว่าจะสามารถเสนอขออนุมัติประกวดราคาได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2549 จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการสะพานข้ามแยก ถ.รามคำแหง ถ.วงแหวนตะวันออก และโครงการ ถ.พุทธมณฑล สาย 1 ช่วงจาก ถ.เพชรเกษม ถึงสุดเขตกทม.
นอกจากนี้รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครยังกล่าวถึงโครงการส่วนต่อขยายบีทีเอสว่า งบประมาณที่จะใช้ในบีทีเอสไม่เกี่ยวกับ 16 โครงการ เป็นการใช้งบประมาณสะสมจ่ายขาดของปี 2549 ยืนยันไม่ได้โยกงบประมาณเพราะงบประมาณดังกล่าวเป็นงบประมาณที่สนับสนุนจากรัฐบาลไม่สามารถโยกไปทำอย่างอื่นนอกจากโครงการที่สนันสนุนได้ และการผลักดันส่วนต่อขยายบีทีเอสสายอ่อนนุชถึงสำโรงเป็นงบสนับสนุนจากรัฐบาลในสัดส่วน 60:40 แต่ในส่วนที่กทม. จะดำเนินการเองก็จะขอเปลี่ยนเป็น 100% ในเฉพาะส่วนที่จะทำเท่านั้น
ส่วนเส้นทางอื่นที่ไม่ใช่ 3 สาย ก็ยังคงเป็นสัดส่วนงบประมาณคงเดิม กทม. ยังยินดีรับการสนับสนุนจากรัฐบาลเช่นเดิม ทั้งนี้การดำเนินการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอสก็เพื่อประโยชน์ของประชาชนในการสัญจร
-
- Verified User
- โพสต์: 870
- ผู้ติดตาม: 0
SEAFCO หุ้นดีที่ไร้คนมอง
โพสต์ที่ 24
ตลาดตอนนี้ เค้าตัดความหวัง งานประมูล ของภาครัฐไปแล้วล่ะครับ
ดูได้จาก หุ้น รับเหมาที่ พีอีสูงเพราะเล่นกัน เพราะความหวังเรื่องงาน ภาครัฐ ตอนนี้ราคา ได้กลับมาสู่ความเป็นจริงเรียบร้อย แล้ว
จริงๆแล้ว พวกรับเหมาตัวใหญ่ๆ กองทุนต่างชาติ ที่ปกติเข้ามาตลาดไทยแต่ละรอบ ก็จะซื้อ แต่ รอบที่ผ่านมา กลุ่มรับเหมานี้ กองทุนต่างชาติแถบไม่สนใจเลย ตั้งแต่เริ่มมี ปัญหา การเมืองปลายปี48
ดูได้จาก หุ้น รับเหมาที่ พีอีสูงเพราะเล่นกัน เพราะความหวังเรื่องงาน ภาครัฐ ตอนนี้ราคา ได้กลับมาสู่ความเป็นจริงเรียบร้อย แล้ว
จริงๆแล้ว พวกรับเหมาตัวใหญ่ๆ กองทุนต่างชาติ ที่ปกติเข้ามาตลาดไทยแต่ละรอบ ก็จะซื้อ แต่ รอบที่ผ่านมา กลุ่มรับเหมานี้ กองทุนต่างชาติแถบไม่สนใจเลย ตั้งแต่เริ่มมี ปัญหา การเมืองปลายปี48