LTF vs หุ้น
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 3
ผมก็ฐานภาษี 20% ครับ
ปัจจุบันซื้อเฉพาะส่วนที่ได้ลดหย่อน 20%
โดยซื้อถัวเท่ากันทุกเดือนแบบหักตัดบัญชี
และหยอดเพิ่มตามแต่กะตังค์จะอำนวย
แต่ก็ไม่ได้ซื้อเต็ม max ครับ เดี๋ยวตังค์ไม่พอใช้
แต่ปีหน้าอาจะ้ย้ายปันผลจากพอร์ตหุ้น
ที่ reinvest ในพอร์ตหุ้น เปลี่ยนไปซื้อ LTF แทนครับ
ถ้าผมหาหุ้นถูกไม่ได้นะครับ
ปัจจุบันซื้อเฉพาะส่วนที่ได้ลดหย่อน 20%
โดยซื้อถัวเท่ากันทุกเดือนแบบหักตัดบัญชี
และหยอดเพิ่มตามแต่กะตังค์จะอำนวย
แต่ก็ไม่ได้ซื้อเต็ม max ครับ เดี๋ยวตังค์ไม่พอใช้
แต่ปีหน้าอาจะ้ย้ายปันผลจากพอร์ตหุ้น
ที่ reinvest ในพอร์ตหุ้น เปลี่ยนไปซื้อ LTF แทนครับ
ถ้าผมหาหุ้นถูกไม่ได้นะครับ
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
-
- Verified User
- โพสต์: 314
- ผู้ติดตาม: 0
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 9
ผมซื้อ LTF max ก่อนแล้ว ที่เหลือหลังจากได้ลดหย่อนภาษีก็เอามาลงทุนในหุ้นครับ ความมหัศจรรย์ของ LTF คือพอครบปีที่ 5 แล้วผมเอาเงินปีที่ 1 วนกลับมาซื้อ LTF อีกในปีที่ 6 เอาเงิน LTF ปีที่ 2 วนกลับมาซื้ออีกในปีที่ 7 ไปเรื่อยๆ .. ประหยัดภาษีได้ 20% ต่อปีเหมือนเดิมแต่ใช้ operating cash แค่ 5 ปี .. (เติมก็แค่ส่วนต่างรายได้ที่เพิ่มขึ้น)
Invincible MOS is knowing what you're doing
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 92
- ผู้ติดตาม: 0
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 11
yakjabon เขียน:ผมซื้อ LTF max ก่อนแล้ว ที่เหลือหลังจากได้ลดหย่อนภาษีก็เอามาลงทุนในหุ้นครับ ความมหัศจรรย์ของ LTF คือพอครบปีที่ 5 แล้วผมเอาเงินปีที่ 1 วนกลับมาซื้อ LTF อีกในปีที่ 6 เอาเงิน LTF ปีที่ 2 วนกลับมาซื้ออีกในปีที่ 7 ไปเรื่อยๆ .. ประหยัดภาษีได้ 20% ต่อปีเหมือนเดิมแต่ใช้ operating cash แค่ 5 ปี .. (เติมก็แค่ส่วนต่างรายได้ที่เพิ่มขึ้น)
ผมก็ทำเช่นนี้เหมือนกัน ใช้เงินก้อนเดียวแต่หมุนหลายรอบ ปันผลระหว่างทางก็ย้อนกลับไปที่ LTF เช่นเดืม หุ้นจะขึ้นจะลงไม่ต้องกังวล ได้คืนภาษีถือเป็นประเด็นหลักสำหรับมนุษย์เงินเดือน
- TBJTBT
- Verified User
- โพสต์: 404
- ผู้ติดตาม: 0
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 12
ผมก็ทำอย่างนี้อยู่เช่นกันครับyakjabon เขียน:ผมซื้อ LTF max ก่อนแล้ว ที่เหลือหลังจากได้ลดหย่อนภาษีก็เอามาลงทุนในหุ้นครับ ความมหัศจรรย์ของ LTF คือพอครบปีที่ 5 แล้วผมเอาเงินปีที่ 1 วนกลับมาซื้อ LTF อีกในปีที่ 6 เอาเงิน LTF ปีที่ 2 วนกลับมาซื้ออีกในปีที่ 7 ไปเรื่อยๆ .. ประหยัดภาษีได้ 20% ต่อปีเหมือนเดิมแต่ใช้ operating cash แค่ 5 ปี .. (เติมก็แค่ส่วนต่างรายได้ที่เพิ่มขึ้น)
แต่ขอแก้ไขนิดนึง
ของผมเอาปีที่ 1 มาวนซื้อปีที่ 5
ปีที่ 2 มาวนซื้อปีที่ 6 ไปเรื่อยๆครับ
เนื่องจากปีที่ 5 จะครบกำหนดขายของปีแรกได้พอดี
ลงทุนติดกัน 4 ปี หลังจากนั้นวนซื้อ ขาย ไปเรื่อยๆ
หักภาษีแบบไม่ต้องออกเงินส่วนตัวเพิ่มเลย
ปีหลังๆ ผมก็สามารถเอาเงินมาลงทุนในหุ้นแทน แบบเต็มตัวเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 257
- ผู้ติดตาม: 0
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 13
ฐานภาษี 20%
ถ้าเงิน 100 ถูกหักภาษี 20 บาทจะเหลือ 80 บาท แสดงว่าต้องทำกำไรให้มากกว่าตลาดประมาณ 25% จึงจะเท่าทุนเมื่อเทียบกับตลาด ตอนนี้ก็ปลายปีแล้ว ถ้าซื้อ LTF ก็ถือไว้ 3 ปีกว่าๆ ก็ขายได้แล้ว
ก็ต้องลองเทียบดูครับว่าที่ผ่านมาเราชนะตลาดไหม ปีละกี่ %
ถ้ายังไม่ชนะตลาด หรือทำได้พอๆกับตลาด แนะนำซื้อ LTF ให้หมด MAX (15%) ก่อนแล้วค่อยเอาไปลงทุนเอง เพราะ LTF 100 บาทถ้าตลาดขึ้น 10% ... กลายเป็น 110 เพิ่มขึ้น 10 บาท
ขณะที่เราเอามาลงทุนเอง 80 การจะให้ได้ 10 บาท ต้องขึ้น 12.5% ... จึงจะกลายเป็น 90 บาท ..
สรุป LTF แต้มต่อกว่ามากครับ เพราะการซื้อ LTF ก็ถือว่าเป็นการลงทุนแบบ VI อย่างหนึ่งถือเป็นการลงทุนที่ตัวกิจการในระยะยาว และเป็นการกระจายความเสี่ยงของเราด้วย (ส่วนใหญ่ผมจะไม่ซื้อหุ้น big cap ดังนั้นการซื้อ LTF ก็เสมือนการกระจายความเสี่ยงบางส่วนลงไปในหุ้น big cap ด้วยในตัว) ส่วนตัวยังลงทุนไม่เก่งมาก เทียบไปก็ยังพอๆกับตลาด แต่ LTF ของหลายๆกองทุนชนะตลาดขาดลอย
สิ่งที่สำคัญไม่น้อยเลยคือการเลือกกองทุน LTF ที่เราจะซื้อด้วยครับ ลองดูผลประกอบการณ์ที่ผ่านๆมาว่าเขาฉลาดที่จะบริหารเงินให้เราแค่ไหน ตอนนี้เค้าลงทุนในหุ้นของบริษัทอะไรบ้าง ถูกใจเราไหม
ถ้าถูกใจก็ใช่เลย ... ดังนั้นการซื้อ LTF ต้องมองยาวนิดนึงตลาดลงไปเหลือ 1050 จุด ... ยังเสมอตัวเลย ... ยิ่งถ้าปีหน้าลงไป 1050 จุดจริง ยิ่งดีเลยสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานกันอยู่ จะได้ซื้อหุ้นราคาถูกๆกันอีก ... สรุปสั้นๆอีกครั้งว่า ซื้อ LTF ครับ
ถ้าเงิน 100 ถูกหักภาษี 20 บาทจะเหลือ 80 บาท แสดงว่าต้องทำกำไรให้มากกว่าตลาดประมาณ 25% จึงจะเท่าทุนเมื่อเทียบกับตลาด ตอนนี้ก็ปลายปีแล้ว ถ้าซื้อ LTF ก็ถือไว้ 3 ปีกว่าๆ ก็ขายได้แล้ว
ก็ต้องลองเทียบดูครับว่าที่ผ่านมาเราชนะตลาดไหม ปีละกี่ %
ถ้ายังไม่ชนะตลาด หรือทำได้พอๆกับตลาด แนะนำซื้อ LTF ให้หมด MAX (15%) ก่อนแล้วค่อยเอาไปลงทุนเอง เพราะ LTF 100 บาทถ้าตลาดขึ้น 10% ... กลายเป็น 110 เพิ่มขึ้น 10 บาท
ขณะที่เราเอามาลงทุนเอง 80 การจะให้ได้ 10 บาท ต้องขึ้น 12.5% ... จึงจะกลายเป็น 90 บาท ..
สรุป LTF แต้มต่อกว่ามากครับ เพราะการซื้อ LTF ก็ถือว่าเป็นการลงทุนแบบ VI อย่างหนึ่งถือเป็นการลงทุนที่ตัวกิจการในระยะยาว และเป็นการกระจายความเสี่ยงของเราด้วย (ส่วนใหญ่ผมจะไม่ซื้อหุ้น big cap ดังนั้นการซื้อ LTF ก็เสมือนการกระจายความเสี่ยงบางส่วนลงไปในหุ้น big cap ด้วยในตัว) ส่วนตัวยังลงทุนไม่เก่งมาก เทียบไปก็ยังพอๆกับตลาด แต่ LTF ของหลายๆกองทุนชนะตลาดขาดลอย
สิ่งที่สำคัญไม่น้อยเลยคือการเลือกกองทุน LTF ที่เราจะซื้อด้วยครับ ลองดูผลประกอบการณ์ที่ผ่านๆมาว่าเขาฉลาดที่จะบริหารเงินให้เราแค่ไหน ตอนนี้เค้าลงทุนในหุ้นของบริษัทอะไรบ้าง ถูกใจเราไหม
ถ้าถูกใจก็ใช่เลย ... ดังนั้นการซื้อ LTF ต้องมองยาวนิดนึงตลาดลงไปเหลือ 1050 จุด ... ยังเสมอตัวเลย ... ยิ่งถ้าปีหน้าลงไป 1050 จุดจริง ยิ่งดีเลยสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานกันอยู่ จะได้ซื้อหุ้นราคาถูกๆกันอีก ... สรุปสั้นๆอีกครั้งว่า ซื้อ LTF ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 297
- ผู้ติดตาม: 0
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 14
อย่าลืมว่าลดหย่อนได้ 5 ปี สมมุติ 20% ก็เท่ากับปีละ 4% เท่านั้น ลองคิดให้ดี
- Ryotaro
- Verified User
- โพสต์: 319
- ผู้ติดตาม: 0
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 15
ขอลองตีโจทย์หน่อย
สมมติรายได้ต่อปีอยู่ในเกณฑ์สูงสุดที่ต้องเสียภาษี 20% = 1,000,000 บาท
ซื้อ LTF ได้เต็มที่ 15% = 150,000 บาท เสียภาษีน้อยลง 30,000 (20% ของ 150,000) เท่ากับว่าเงินต้นเท่าเดิม 100%
ไม่ซื้อ LTF 150,000 บาท เสียภาษี 30,000 บาท เงินต้นเหลือ 120,000 เงินต้นเหลือ 80%
ลองเปรียบเทียบระกว่างผลตอบแทนแบบทบต้นของ LTF และผลตอบแทนทบต้นที่เราทำได้
ถ้า 4 ปีก่อนซื้อ LTF ณ วันนี้มูลค่าปัจจุบันเท่าใด
ถ้าลงทุนเอง 4 ปีก่อน ณ วันนี้มูลค่าปัจจุบันเป็นเท่าใด
เป็นการเปรียบเทียบคร่าวๆ ระหว่างผลตอบแทนของที่ ผจก.กองทุน LTF ทำได้และตัวเราเองทำได้ ว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ถ้าผลตอบแทนที่เราทำไม่สามารถทำได้ดีกว่า ก็ควรจะซื้อ LTF ให้เต็มที่เลย
ปล. ผลตอบแทนในอดีตของ LTF ไม่ได้การันตีว่าปัจจุบันต้องทำได้เท่าเดิม ผลตอบแทนที่เราทำได้เองก็เช่นกัน
สมมติรายได้ต่อปีอยู่ในเกณฑ์สูงสุดที่ต้องเสียภาษี 20% = 1,000,000 บาท
ซื้อ LTF ได้เต็มที่ 15% = 150,000 บาท เสียภาษีน้อยลง 30,000 (20% ของ 150,000) เท่ากับว่าเงินต้นเท่าเดิม 100%
ไม่ซื้อ LTF 150,000 บาท เสียภาษี 30,000 บาท เงินต้นเหลือ 120,000 เงินต้นเหลือ 80%
ลองเปรียบเทียบระกว่างผลตอบแทนแบบทบต้นของ LTF และผลตอบแทนทบต้นที่เราทำได้
ถ้า 4 ปีก่อนซื้อ LTF ณ วันนี้มูลค่าปัจจุบันเท่าใด
ถ้าลงทุนเอง 4 ปีก่อน ณ วันนี้มูลค่าปัจจุบันเป็นเท่าใด
เป็นการเปรียบเทียบคร่าวๆ ระหว่างผลตอบแทนของที่ ผจก.กองทุน LTF ทำได้และตัวเราเองทำได้ ว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ถ้าผลตอบแทนที่เราทำไม่สามารถทำได้ดีกว่า ก็ควรจะซื้อ LTF ให้เต็มที่เลย
ปล. ผลตอบแทนในอดีตของ LTF ไม่ได้การันตีว่าปัจจุบันต้องทำได้เท่าเดิม ผลตอบแทนที่เราทำได้เองก็เช่นกัน
Believe in Yourself & Do Your Best.
-
- Verified User
- โพสต์: 314
- ผู้ติดตาม: 0
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 16
อย่าลืมความมหัศจรรย์ของ LTF ณ ปีที่ 5 เป็นต้นไปนะครับ .. นำเงินก้อนเดิมมาเสก return 20% และนำรายได้ 100% ของปีที่ 5 ไปลงทุนต่อ (ยกเว้นส่วนเพิ่มเติมถ้ารายได้รวมเพิ่มขึ้น)Ryotaro เขียน:ขอลองตีโจทย์หน่อย
สมมติรายได้ต่อปีอยู่ในเกณฑ์สูงสุดที่ต้องเสียภาษี 20% = 1,000,000 บาท
ซื้อ LTF ได้เต็มที่ 15% = 150,000 บาท เสียภาษีน้อยลง 30,000 (20% ของ 150,000) เท่ากับว่าเงินต้นเท่าเดิม 100%
ไม่ซื้อ LTF 150,000 บาท เสียภาษี 30,000 บาท เงินต้นเหลือ 120,000 เงินต้นเหลือ 80%
ลองเปรียบเทียบระกว่างผลตอบแทนแบบทบต้นของ LTF และผลตอบแทนทบต้นที่เราทำได้
ถ้า 4 ปีก่อนซื้อ LTF ณ วันนี้มูลค่าปัจจุบันเท่าใด
ถ้าลงทุนเอง 4 ปีก่อน ณ วันนี้มูลค่าปัจจุบันเป็นเท่าใด
เป็นการเปรียบเทียบคร่าวๆ ระหว่างผลตอบแทนของที่ ผจก.กองทุน LTF ทำได้และตัวเราเองทำได้ ว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ถ้าผลตอบแทนที่เราทำไม่สามารถทำได้ดีกว่า ก็ควรจะซื้อ LTF ให้เต็มที่เลย
ปล. ผลตอบแทนในอดีตของ LTF ไม่ได้การันตีว่าปัจจุบันต้องทำได้เท่าเดิม ผลตอบแทนที่เราทำได้เองก็เช่นกัน
Invincible MOS is knowing what you're doing
- Ryotaro
- Verified User
- โพสต์: 319
- ผู้ติดตาม: 0
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 17
ความมหัศจรรย์ของ LTF จะจบลงในปี 59 ครับ ถ้าไม่มีการต่อมาตรการนี้
ซื้อ LTF ยังได้สิทธิหักภาษี ถึงปี 59
ซื้อ LTF ยังได้สิทธิหักภาษี ถึงปี 59
Believe in Yourself & Do Your Best.
-
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 18
ผมลองคิด IRR ถ้าทำอย่างนี้เป็นเวลา 10 ปี โดยวนไปในปีที่ 5 ขึ้นไปด้วยเงินก้อนเดิม จะได้ IRR ประมาณ 6% ไม่แน่ใจว่าคิดได้อย่างเดียวกันหรือเปล่าครับ งงๆๆ น่าจะได้มากกว่านี้หรือเปล่าครับ
everything happen for a reason ^^
"The game of life is the game of everlasting Learning. At least it it if you want to win" Charlie Munger
Website https://www.thinkingped.com
"The game of life is the game of everlasting Learning. At least it it if you want to win" Charlie Munger
Website https://www.thinkingped.com
-
- Verified User
- โพสต์: 153
- ผู้ติดตาม: 0
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 19
มีรายละเอียดการคิดไหมครับpedbombam เขียน:ผมลองคิด IRR ถ้าทำอย่างนี้เป็นเวลา 10 ปี โดยวนไปในปีที่ 5 ขึ้นไปด้วยเงินก้อนเดิม จะได้ IRR ประมาณ 6% ไม่แน่ใจว่าคิดได้อย่างเดียวกันหรือเปล่าครับ งงๆๆ น่าจะได้มากกว่านี้หรือเปล่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1109
- ผู้ติดตาม: 0
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 20
แ่ถ้าหุ้นตกในปีนั้น เราจะขายไม่ได้นะครับ จะขาดทุนyakjabon เขียน:อย่าลืมความมหัศจรรย์ของ LTF ณ ปีที่ 5 เป็นต้นไปนะครับ .. นำเงินก้อนเดิมมาเสก return 20% และนำรายได้ 100% ของปีที่ 5 ไปลงทุนต่อ (ยกเว้นส่วนเพิ่มเติมถ้ารายได้รวมเพิ่มขึ้น)Ryotaro เขียน:ขอลองตีโจทย์หน่อย
สมมติรายได้ต่อปีอยู่ในเกณฑ์สูงสุดที่ต้องเสียภาษี 20% = 1,000,000 บาท
ซื้อ LTF ได้เต็มที่ 15% = 150,000 บาท เสียภาษีน้อยลง 30,000 (20% ของ 150,000) เท่ากับว่าเงินต้นเท่าเดิม 100%
ไม่ซื้อ LTF 150,000 บาท เสียภาษี 30,000 บาท เงินต้นเหลือ 120,000 เงินต้นเหลือ 80%
ลองเปรียบเทียบระกว่างผลตอบแทนแบบทบต้นของ LTF และผลตอบแทนทบต้นที่เราทำได้
ถ้า 4 ปีก่อนซื้อ LTF ณ วันนี้มูลค่าปัจจุบันเท่าใด
ถ้าลงทุนเอง 4 ปีก่อน ณ วันนี้มูลค่าปัจจุบันเป็นเท่าใด
เป็นการเปรียบเทียบคร่าวๆ ระหว่างผลตอบแทนของที่ ผจก.กองทุน LTF ทำได้และตัวเราเองทำได้ ว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ถ้าผลตอบแทนที่เราทำไม่สามารถทำได้ดีกว่า ก็ควรจะซื้อ LTF ให้เต็มที่เลย
ปล. ผลตอบแทนในอดีตของ LTF ไม่ได้การันตีว่าปัจจุบันต้องทำได้เท่าเดิม ผลตอบแทนที่เราทำได้เองก็เช่นกัน
มีกระแสน้ำสายหนึ่งในกิจกรรมของคน ซึ่งเมื่อมันไหลบ่าท่วมท้น จะนำไปสู่ความมั่งคั่งมหาศาล :Philip A. Fisher
- Ryotaro
- Verified User
- โพสต์: 319
- ผู้ติดตาม: 0
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 21
รู้สึกว่าผมอธิบายไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ อ่านเองแล้วก็งงๆ เหมือนกัน ขอยกตัวอย่างละกัน
สมมติว่าผมมีรายได้ 1,000,000 บาทต่อปี ต้องเสียภาษี 20%
กรณีที่ 1 ซื้อ LTF
จำนวนเงินสูงสุดที่สามารถซื้อ LTF เพื่อนำไปลดหย่อนได้คือ 15% ของ 1,000,000 = 150,000
สมมติว่านำเงิน 150,000 ไปซื้อ LTF และ LTF ให้ผลตอบแทน 15% ต่อปี ณ ปีที่ 4 จะมีมูลค่า 262,351 บาท
(ที่คิดแค่ 4 ปี เพราะสามารถขาย LTF ได้ในปีที่ 4 เนื่องจากครบรอบปีภาษีพอดี)
กรณีที่ 2 นำเงินไปลงทุนเอง
กรณีนี้ผมจะคิดย้อนกลับไปว่าถ้าผมลงทุนเอง ณ ปีที่ 4 จะมีมูลค่ามากกว่า 262,351 บาทหรือไม่ โดยเงินต้นคือ 120,000 บาท (คิดจากจำนวนเงินที่ซื้อ LTF เพื่อนำไปลดหย่อนได้สูงสุด 150,000 บาทเหมือนกัน แต่ถูกหักภาษี 20% คงเหลือ = 120,000)
กรณีที่ผมนำเงินไปลงทุนเองจะต้องทำผลตอบแทนให้ได้มากกว่า 21.6% ต่อปี จึงจะชนะ LTF
สมมติว่าผมมีรายได้ 1,000,000 บาทต่อปี ต้องเสียภาษี 20%
กรณีที่ 1 ซื้อ LTF
จำนวนเงินสูงสุดที่สามารถซื้อ LTF เพื่อนำไปลดหย่อนได้คือ 15% ของ 1,000,000 = 150,000
สมมติว่านำเงิน 150,000 ไปซื้อ LTF และ LTF ให้ผลตอบแทน 15% ต่อปี ณ ปีที่ 4 จะมีมูลค่า 262,351 บาท
(ที่คิดแค่ 4 ปี เพราะสามารถขาย LTF ได้ในปีที่ 4 เนื่องจากครบรอบปีภาษีพอดี)
กรณีที่ 2 นำเงินไปลงทุนเอง
กรณีนี้ผมจะคิดย้อนกลับไปว่าถ้าผมลงทุนเอง ณ ปีที่ 4 จะมีมูลค่ามากกว่า 262,351 บาทหรือไม่ โดยเงินต้นคือ 120,000 บาท (คิดจากจำนวนเงินที่ซื้อ LTF เพื่อนำไปลดหย่อนได้สูงสุด 150,000 บาทเหมือนกัน แต่ถูกหักภาษี 20% คงเหลือ = 120,000)
กรณีที่ผมนำเงินไปลงทุนเองจะต้องทำผลตอบแทนให้ได้มากกว่า 21.6% ต่อปี จึงจะชนะ LTF
Believe in Yourself & Do Your Best.
-
- Verified User
- โพสต์: 314
- ผู้ติดตาม: 0
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 23
พูดถูกครับ ถือเป็นความเสี่ยงที่ควรจะคำนึงถึงด้วย แต่ถ้าจะลดความเสี่ยงข้อนี้เท่าที่คิดได้ ก็คือ ขายแล้วซื้อต่อเลยครับ จะมีสภาพเหมือนถือหุ้น SET index ต่อจนราคาอยู่ในภาวะตลาดปกติค่อยขายออกyoung_5432 เขียน:แ่ถ้าหุ้นตกในปีนั้น เราจะขายไม่ได้นะครับ จะขาดทุนyakjabon เขียน:อย่าลืมความมหัศจรรย์ของ LTF ณ ปีที่ 5 เป็นต้นไปนะครับ .. นำเงินก้อนเดิมมาเสก return 20% และนำรายได้ 100% ของปีที่ 5 ไปลงทุนต่อ (ยกเว้นส่วนเพิ่มเติมถ้ารายได้รวมเพิ่มขึ้น)Ryotaro เขียน:ขอลองตีโจทย์หน่อย
สมมติรายได้ต่อปีอยู่ในเกณฑ์สูงสุดที่ต้องเสียภาษี 20% = 1,000,000 บาท
ซื้อ LTF ได้เต็มที่ 15% = 150,000 บาท เสียภาษีน้อยลง 30,000 (20% ของ 150,000) เท่ากับว่าเงินต้นเท่าเดิม 100%
ไม่ซื้อ LTF 150,000 บาท เสียภาษี 30,000 บาท เงินต้นเหลือ 120,000 เงินต้นเหลือ 80%
ลองเปรียบเทียบระกว่างผลตอบแทนแบบทบต้นของ LTF และผลตอบแทนทบต้นที่เราทำได้
ถ้า 4 ปีก่อนซื้อ LTF ณ วันนี้มูลค่าปัจจุบันเท่าใด
ถ้าลงทุนเอง 4 ปีก่อน ณ วันนี้มูลค่าปัจจุบันเป็นเท่าใด
เป็นการเปรียบเทียบคร่าวๆ ระหว่างผลตอบแทนของที่ ผจก.กองทุน LTF ทำได้และตัวเราเองทำได้ ว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ถ้าผลตอบแทนที่เราทำไม่สามารถทำได้ดีกว่า ก็ควรจะซื้อ LTF ให้เต็มที่เลย
ปล. ผลตอบแทนในอดีตของ LTF ไม่ได้การันตีว่าปัจจุบันต้องทำได้เท่าเดิม ผลตอบแทนที่เราทำได้เองก็เช่นกัน
Invincible MOS is knowing what you're doing
- Ryotaro
- Verified User
- โพสต์: 319
- ผู้ติดตาม: 0
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 24
ถ้าคิด 3 ปี ซื้อ LTF ได้ผลตอบแทนปีละ 15% เหมือนเดิม จาก 150,000 จะมีมูลค่า 228,131 บาท
ถ้าลงทุนเองต้องทำผลตอบแทนให้ได้มากกว่า 23.88% ต่อปี จึงจะชนะ LTF
บางคนซื้อแบบถัวเฉลี่ยเป็นรายเดือนๆละเท่าๆกันเลยคิดว่า 4 ปีน่าจะเหมาะกว่า
ถ้าคิด 3 ปี เหมือนกับจงใจ ซื้อปลายปี และขายต้นปีเกินไปครับ
ซึ่งเงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อแบบนี้คือ ดัชนี set อยู่ในระดับตอนปลายปี ดัชนี set อยู่ในระดับสูงตอนต้นปี
แต่เราไม่มีทางคาดเดาดัชนี set ได้เลย
ถ้าลงทุนเองต้องทำผลตอบแทนให้ได้มากกว่า 23.88% ต่อปี จึงจะชนะ LTF
บางคนซื้อแบบถัวเฉลี่ยเป็นรายเดือนๆละเท่าๆกันเลยคิดว่า 4 ปีน่าจะเหมาะกว่า
ถ้าคิด 3 ปี เหมือนกับจงใจ ซื้อปลายปี และขายต้นปีเกินไปครับ
ซึ่งเงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อแบบนี้คือ ดัชนี set อยู่ในระดับตอนปลายปี ดัชนี set อยู่ในระดับสูงตอนต้นปี
แต่เราไม่มีทางคาดเดาดัชนี set ได้เลย
Believe in Yourself & Do Your Best.
-
- Verified User
- โพสต์: 1109
- ผู้ติดตาม: 0
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 25
Ryotaro เขียน:รู้สึกว่าผมอธิบายไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ อ่านเองแล้วก็งงๆ เหมือนกัน ขอยกตัวอย่างละกัน สมมติว่าผมมีรายได้ 1,000,000 บาทต่อปี ต้องเสียภาษี 20% กรณีที่ 1 ซื้อ LTF จำนวนเงินสูงสุดที่สามารถซื้อ LTF เพื่อนำไปลดหย่อนได้คือ 15% ของ 1,000,000 = 150,000 สมมติว่านำเงิน 150,000 ไปซื้อ LTF และ LTF ให้ผลตอบแทน 15% ต่อปี ณ ปีที่ 4 จะมีมูลค่า 262,351 บาท (ที่คิดแค่ 4 ปี เพราะสามารถขาย LTF ได้ในปีที่ 4 เนื่องจากครบรอบปีภาษีพอดี) กรณีที่ 2 นำเงินไปลงทุนเอง กรณีนี้ผมจะคิดย้อนกลับไปว่าถ้าผมลงทุนเอง ณ ปีที่ 4 จะมีมูลค่ามากกว่า 262,351 บาทหรือไม่ โดยเงินต้นคือ 120,000 บาท (คิดจากจำนวนเงินที่ซื้อ LTF เพื่อนำไปลดหย่อนได้สูงสุด 150,000 บาทเหมือนกัน แต่ถูกหักภาษี 20% คงเหลือ = 120,000) กรณีที่ผมนำเงินไปลงทุนเองจะต้องทำผลตอบแทนให้ได้มากกว่า 21.6% ต่อปี จึงจะชนะ LTF
กระจ่างมากครับ ขอบคุณครับ แต่มันจะมีความเสี่ยงแค่ว่า ถ้าset ไม่ขึ้น ก็จะได้เฉลี่ยแค่ 3-4 % ต่อปี แต่บางที set ไม่ไปไหน แต่หุ้นรายตัวอาจจะไปได้ ซึ่งดูจากสถิติแล้วไม่น่าจะโตได้ถึง 15% ต่อปีติดต่อกัน แต่ก็ไม่แน่นะครับ ต้องลอง ชั่งกันดู แต่ก็เป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดีทีเดียว
มีกระแสน้ำสายหนึ่งในกิจกรรมของคน ซึ่งเมื่อมันไหลบ่าท่วมท้น จะนำไปสู่ความมั่งคั่งมหาศาล :Philip A. Fisher
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 29
ผมก็ยังไม่ได้ซื้อ LTF ให้ตนเอง และ ให้ ลูก 2 คน ผมรอดัชนีให้ลดไปแถว 1260 จึงตัดสินใจ....เพื่อน ๆ คิดว่า ดัชนี 1260 ยังสูงไปหรือไม่ ถ้าคิดว่าสูงไปผมก็จะไปซื้อ LTF ของ SCB ซื้อตัว SCBLTS ... ถ้าคิดว่า ดัชนี 1260 พอรับได้ก็จะตัดสินใจซื้อ SCBLT3 ครับ ผมซื้อ SCB เพราะซื้อใน easy net คือใน internet ไม่ต้องไปธนาคาร ทำง่าย ๆ ดี แถมใช้ซื้อด้วยบัตร credit นั่นคือ ไม่ต้องหักเงินในวันที่ซื้อ ได้ credit ไปอีก.....ที่ซื้อมาหลายปีแล้ว ทุกตัวก็ให้กำไรดีพอควร แถมได้แต้มในบัตรด้วย ไว้แลกของที่เขาจะให้ครับ คำถามจึงว่า ดัชนี 1260 จะสูงหรือไม่ในปีนี้นะครับ
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 560
- ผู้ติดตาม: 0
Re: LTF vs หุ้น
โพสต์ที่ 30
กราบเรียนลุงขวดครับ SCBLTS ทางกลต เค้าห้ามสั่งขายแล้วครับ เนื่องจากไม่ถือว่าเป็นการลงทุนระยะยาวครับลุงขวด เขียน:ผมก็ยังไม่ได้ซื้อ LTF ให้ตนเอง และ ให้ ลูก 2 คน ผมรอดัชนีให้ลดไปแถว 1260 จึงตัดสินใจ....เพื่อน ๆ คิดว่า ดัชนี 1260 ยังสูงไปหรือไม่ ถ้าคิดว่าสูงไปผมก็จะไปซื้อ LTF ของ SCB ซื้อตัว SCBLTS ... ถ้าคิดว่า ดัชนี 1260 พอรับได้ก็จะตัดสินใจซื้อ SCBLT3 ครับ ผมซื้อ SCB เพราะซื้อใน easy net คือใน internet ไม่ต้องไปธนาคาร ทำง่าย ๆ ดี แถมใช้ซื้อด้วยบัตร credit นั่นคือ ไม่ต้องหักเงินในวันที่ซื้อ ได้ credit ไปอีก.....ที่ซื้อมาหลายปีแล้ว ทุกตัวก็ให้กำไรดีพอควร แถมได้แต้มในบัตรด้วย ไว้แลกของที่เขาจะให้ครับ คำถามจึงว่า ดัชนี 1260 จะสูงหรือไม่ในปีนี้นะครับ
โดยมุมมองส่วนตัวผมว่าหุ้นยังมีความคล่องตัวกว่า LTF เยอะครับ เพราะมันสามารถขายได้ และการขึ้นอาจจะทำให้เราคืนทุนที่ต้องเสียภาษีได้เลยในช่วง1-2ปี ถ้าเลือกถูกตัวครับ