‘ดร.นิเวศน์’แนะลงทุนอาหาร-ค้าปลีก 5-10 ปี

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
pakapong_u
Verified User
โพสต์: 47266
ผู้ติดตาม: 0

‘ดร.นิเวศน์’แนะลงทุนอาหาร-ค้าปลีก 5-10 ปี

โพสต์ที่ 1

โพสต์

‘นิเวศน์’แนะอาหาร-ค้าปลีก
Source - ข่าวหุ้น (Th)

Tuesday, October 30, 2012 04:05


กรุงเทพฯ--30 ต.ค.--ข่าวหุ้น

‘นิเวศน์’แนะอาหาร-ค้าปลีก
กลุ่มหุ้นทนทุกสภาพศก.-ผลตอบแทนงาม
เซียนหุ้นพันล้านแนะเก็บหุ้นกลุ่มอาหาร-ค้าปลีกเข้าพอร์ตยาว 5-10ปี สร้างผลตอบแทนดีต่อเนื่อง เน้นลงทุนหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการใช้ชีวิตประจำวันเป็นหลัก เพราะเชื่อว่าหุ้นดังกล่าวเติบโตได้ในทุกช่วงเศรษฐกิจ
นายนิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน หรือเซียนหุ้นพันล้าน เปิดเผยว่า สำหรับ หลักทรัพย์เด่นที่เหมาะแก่นักลงทุนในการเข้าลงทุนแบบระยะยาว 5-10 ปีขึ้นไป นอกจากหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์แล้ว มองว่า ยังมีหุ้นกลุ่มอาหารและหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่เป็นอีกหนึ่งกลุ่มหลักทรัพย์ที่ นักลงทุนจำเป็นต้องหาจังหวะเข้าไปลงทุนให้ได้
เนื่องจากอัตราการเจริญเติบโตของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ามีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับภาครัฐบาลมีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยผ่านนโยบายต่างๆ ส่งผลให้อัตราการจับจ่ายใช้สอยของภาคประชาชนปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม และเชื่อว่าภาครัฐบาลคงจะมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆ อีก
ดังนั้น หุ้นกลุ่มอาหารและกลุ่มค้าปลีกจึงได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย แต่การเติบโตของหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะเป็นไปในลักษณะโตต่อเนื่องแบบระยะยาว 5-10 ปีขึ้นไป โดยส่วนตัว มองว่า การที่ประชากรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นทำให้ความต้องการสินค้าต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นด้วย
แต่การเลือกหลักทรัพย์ในกลุ่มดังกล่าวเพื่อลงทุนแบบระยะยาวนั้น นักลงทุนต้องคำนึงถึงการใช้ชีวิตประจำวันเป็นหลัก เพราะสินค้าในท้องตลาดมีหลากหลาย สินค้าบางอย่างจะได้รับความนิยมเฉพาะบางเทศกาลเท่านั้น หรือไม่ก็ได้รับความนิยมตามช่วงรายได้ที่เพิ่มขึ้นหรือตามการกระตุ้นของภาครัฐบาลเท่านั้น
ทั้งนี้ หากนักลงทุนเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมในทุกช่วงของปี นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนดีต่อเนื่องแบบระยะยาวมาก เพราะกลุ่มสินค้าเหล่านี้ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นไปในทิศทางใด ความต้องการของสินค้านั้นๆ ก็ยังมีความจำเป็นอยู่ ประกอบกับการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาล รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในตัวเอง ความต้องการสินค้าเหล่านี้ก็จะเพิ่มขึ้นมากไปอีก
“การเลือกลงทุนในหลักทรัพย์แบบระยะยาว สิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรมองเป็นพิเศษ คือหุ้นกลุ่มอาหารและค้าปลีก เพราะหุ้นสองกลุ่มนี้ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่อัตราความต้องการมีอย่างต่อ เนื่อง เพียงแต่โอกาสที่จะหนุนให้เติบโตมีมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง และหุ้นที่เลือกก็ต้องเป็นหุ้นที่มองว่ามีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันของเรา จริงๆ เพราะหุ้นเหล่านี้ไม่ว่าประเทศจะเดินไปในแนวทางไหน ความต้องการสินค้านั้นๆ ยังคงมีอยู่ ฉะนั้นหากมีจังหวะดี แนะเข้าลงทุนได้” นายนิเวศน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคและอุปโภคค่อนข้างมาก แม้ว่าประชากรภายในประเทศไม่สูงเท่าประเทศเวียดนาม จีน หรือกระทั่งประเทศอินเดีย แต่กำลังการซื้อของคนไทยนั้นมีสูงกว่าประเทศเหล่านี้ ทำให้การอุปโภคบริโภคภายในประเทศค่อนข้างดีมาก
นายนิเวศน์ กล่าวว่า สำหรับการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือAECอย่างเต็มรูปแบบในปี 2558 นั้น ถ้ามองในมุมบวกถือว่าเป็นเรื่องดีต่อตลาดทุนต่างๆ หลายประเทศในกลุ่มอาเซียน เนื่องจากจะทำให้P/E(Price to Earnings Ratio) ของราคาหุ้นประเทศเหล่านั้นมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้
ที่สำคัญหลายประเทศในกลุ่มอาเซียนมีแผนที่จะเปิดกระดานหุ้นอาเซียนขึ้น โดยนักลงทุนต่างๆ ที่อยู่ในกลุ่มประเทศดังกล่าวสามารถซื้อขายหุ้นประเทศนั้นๆ โดยผ่านกระดานอาเซียนนี้อย่างไม่มีข้อจำกัด รวมไปถึงหลักทรัพย์คุณภาพดีของแต่ละประเทศที่จะถูกคัดเลือกให้เข้ามาซื้อขายผ่านกระดานดังกล่าวมีจำนวนมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ จะช่วยส่งผลมายังนักลงทุนที่จะสามารถเข้าลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีศักยภาพดีเพื่อเป็นอีกช่องทางในการสร้างผลตอบแทนระดับสูงในอนาคต
สำหรับหลักทรัพย์ขนาดเล็กจะได้ประโยชน์หรือเสียเปรียบในการเข้าสู่AECหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของบริษัทนั้นๆ ว่าจะสามารถปรับกลยุทธ์พัฒนาธุรกิจให้สามารถรับมือกับการแข่งขันทางการค้าที่จะมีความเสรีมากขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน--จบ--
pakapong_u
Verified User
โพสต์: 47266
ผู้ติดตาม: 0

Re: ‘ดร.นิเวศน์’แนะลงทุนอาหาร-ค้าปลีก 5-10 ปี

โพสต์ที่ 2

โพสต์

กูรูคงดัชนีเกิน1,300จุด
Source - ข่าวหุ้น (Th)

Monday, October 29, 2012 04:07


กรุงเทพฯ--29 ต.ค.--ข่าวหุ้น

สบช่องแบงก์ร่วงรีบตุน
“ดร.นิเวศ” ฟันเปรี้ยง! ดัชนีสิ้นปีเกิน 1,300 จุด ส่วนครึ่งแรกปี 56 แตะ 1,430 จุด แนะจัดหนักกลุ่มธนาคาร หลังราคาร่วง มองแผนกระตุ้นเศรษฐกิจได้ผลดีเกินคาด ทั้งค่าแรง รถยนต์คันแรก ด้านโบรกฯชี้ BBL ราคาสุดถูก มีอัพไซด์มาก ให้ซื้อทันที ขณะผู้บริหารปฏิเสธข่าวลือต้องเพิ่มทุน
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน หรือปรมาจารย์หุ้น เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้ มองว่า หุ้นกลุ่มธนาคารถือเป็นหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจและเหมาะแก่การเข้าลงมากที่สุด เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่น เพราะหุ้นกลุ่มดังกล่าวได้เปรียบในเรื่องของผลการดำเนินงานที่เติบโตดีต่อเนื่อง ที่สำคัญราคายังไม่สูงเกินไปเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่น
จะเห็นได้ว่าหุ้นแต่ละกลุ่มมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไป ราคาก็ไม่เท่ากันด้วย หุ้นบางกลุ่มผลงานดีน่าเข้าลงทุนแต่เมื่อเทียบดูราคากลับสูงเกินไปก็ไม่เหมาะที่จะลงทุน ส่วนหุ้นกลุ่มที่ราคาไม่สูงแต่ผลงานโตแบบไม่เข้าเป้าก็ไม่เหมาะลงทุนเช่นกัน ดังนั้น หุ้นกลุ่มธนาคารจึงเป็นหุ้นกลุ่มที่อยู่ระดับกลางๆ ที่นักลงทุนสามารถเข้าไปลงทุนได้ในช่วงนี้ไปจนถึงครึ่งแรกของปีหน้า
การเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มต่างๆ นักลงทุนจำเป็นต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพราะแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงเดือนที่เหลือของปี นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังกรลงทุนมากขึ้นกว่าเดิมไปจนถึง 6 เดือนแรกของปี 2556 เนื่องจากปัจจัยลบจากภายนอกประเทศยังคงเข้ามากระทบต่อตลาดทุนของไทยต่อเนื่อง ที่สำคัญ ปัญหาที่เกิดขึ้นต่อประเทศในแถบยุโรปส่อแววอาจจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจได้อีกครั้ง
แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยแผน QE3 ก็ตาม แต่แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวถือว่ายังไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นกับยุโรปและสหรัฐฯในตอนนี้ไม่เหมือนช่วงที่ผ่านมาที่ต้องออก QE1 และ QE2 เพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องที่เกิดขึ้น
ดังนั้น นักลงทุนต้องระมัดระวังกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด การลงทุนก็ยังคงสามารถกระทำได้ เพียงแต่ลดสัดส่วนการลงทุนในหลักทรัพย์ให้น้อยลงกว่าเดิม แล้วหันมาถือเงินสดให้มากน่าจะเหมาะสมที่สุด ส่วนทิศทางการลงทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 ก็เช่นกัน นักลงทุนยังต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
“ตอนนี้ปัจจัยลบภายนอกประเทศยังถือเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญ ปัญหาที่เกิดขึ้นในยุโรปและสหรัฐฯก็ไม่มีทางคลี่คลายขึ้น ซ้ำโอกาสเกิดวิกฤตรอบสองก็มีมาก เพราะฉะนั้นนักลงทุนอย่าชะล่าใจ ควรลดสัดส่วนการลงทุนแล้วหันมาถือเงินสดมากขึ้นน่าจะปลอดภัยดี และเป็นเรื่องที่คาดการณ์ยากมากว่าปัญหาดังกล่าวจะคลี่คลายเร็วแค่ไหน ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าสุด เชื่อว่าไม่น่าจะมีผลต่อการลงทุนมากนัก เพราะนโยบายส่วนใหญ่เป็นนโยบายภาครัฐที่มีการสานต่อในครม.” นายนิเวศน์ กล่าว
ดร.นิเวศน์ กล่าวว่า สำหรับนักลงทุนระยะยาว แนะว่า ควรเลือกหลักทรัพย์ โดยเน้นผลการดำเนินงานของบริษัทที่เติบโตดีต่อเนื่อง ผลการกำไรดี และการลงทุนทุกครั้งควรเป็นการลงทุนแบบระยะยาวเกิน 5-10 ปีขึ้นไปจะดีที่สุด ส่วนนักลงทุนระยะสั้น โดยส่วนตัวมองว่าเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างยากมาก จึงไม่ค่อยอยากจะแนะนำนัก เพราะความเสี่ยงมีมาก ที่สำคัญยังไม่พบนักลงทุนประเภทดังกล่าวที่สามารถทำกำไรดีได้
ส่วนดัชนีปีนี้ ยังคงเป็นไปในทิศทางเดียวกันที่ 1,300 จุด และถือว่าเป็นการเติบโตที่ดีมาก สำหรับครึ่งแรกของปี 2556 หากเป็นไปได้น่าจะเติบโตจากช่วงปี 2555 ประมาณ 10% หรือประมาณ 1,430 จุด ถือว่าเป็นระดับที่ดี
ดัชนีดังกล่าวจะเติบโตจากช่วงปีนี้ที่ 10% หรือไม่นั้น มองว่าโอกาสที่มีความเป็นไปได้มีอยู่ แต่ก็ขึ้นอยู่แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาลด้วยเช่นกันว่าจะออกมาในรูปแบบไหน เพราะช่วงปี 2555 นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าแรงขั้นต่ำ รถยนต์คันแรก ฯลฯ ถือว่าได้ผลดีเกินที่หลายๆฝ่ายคาดไม่ถึง ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก
ดังนั้น ปีหน้าจำเป็นต้องมาดูว่าภาครัฐบาลจะมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรออกมาเพื่อ รักษาการเติบโตของประเทศและการส่งออกให้อยู่ในระดับดีเหมือนช่วงปีที่ผ่านมา ส่วนเรื่องเงินทุนนอกไหลเข้า ยังคงย้ำว่าเป็นเรื่องที่คาดการณ์ยากมาก เพราะมีโอกาสที่จะเคลื่อนย้ายออกและเคลื่อนย้ายเข้าตลอดเวลา
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่าพื้นฐานธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL แข็งแกร่ง ถึงแม้ว่างบไตรมาส 3/55 จะออกมาแย่กว่าคาด ซึ่งทำให้เกิดแรงเทขายอย่างหนัก ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติอยู่ในช่วงปรับพอร์ตการลงทุนจึงเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาหุ้นร่วงลง โดยภาพรวมปัจจัยลบได้สะท้อนไปหมดแล้ว
“ระยะสั้นราคาร่วง เพราะผลประกอบการต่ำกว่าคาดการณ์ไว้เยอะมาก แต่ในระยะกลาง และระยะยาว BBL ยังมีกำไรต่อเนื่อง โดยได้ปรับประมาณการกำไรปีนี้ลง 4% YoY มาอยู่ที่ 3.24 หมื่นล้านบาท ส่วนปีหน้าปรับลง 7% YoY มาอยู่ที่ 33.6 หมื่นล้านบาท แต่โดยรวมแล้วปีนี้กำไรก็ยังเพิ่มขึ้น 18% ส่วนปีหน้าเพิ่มขึ้น 13%” นายธนเดช กล่าว
ยังแนะนำเข้าไปทยอย “ซื้อ” ซึ่งฝ่ายวิจัยมองว่าเป็นจังหวะที่ดี เนื่องจากราคาหุ้นยังถูก และกำไรยังเติบโตได้ถึงแม้กำไรไตรมาส 3/55 จะต่ำกว่าคาด แต่โดยรวมแล้วพื้นฐานยังดีอยู่จึงอยากให้มองระยะยาวมากกว่าระยะสั้น โดยต้องรอดูผลประกอบการไตรมาส 4/55 ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ BBL กล่าวว่า ธนาคารไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนจดทะเบียน โดยยืนยันว่าเงินกองทุนของธนาคารยังอยู่ในระดับสูงไม่ว่าจะภายใต้ Basel 2 หรือ Basel 3 ก็ตาม ซึ่งเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ของธนาคารในขณะนี้อยู่ที่ 15.9% โดยได้มีการรวมกำไรในไตรมาส 3/55 เข้ามาแล้ว
"ไม่มีทางเรื่องเพิ่มทุน เราแข็งแกร่ง และ เงินกองทุนก็ค่อนข้างสูง เป็นอันดับผู้นำไม่มีความจำเป็นที่ต้องเพิ่มทุน”--จบ--
Little Duck
Verified User
โพสต์: 153
ผู้ติดตาม: 0

Re: ‘ดร.นิเวศน์’แนะลงทุนอาหาร-ค้าปลีก 5-10 ปี

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณนะครับ
แต่อ่านแล้วรู้สึก ดร มาแนวแปลก ๆ เลยต้องดูแหล่งมา
สุดท้ายก็อ๋อ ข่าวหุ้น
Someday We will be Great Swan...
ถือหุ้นที่ดี ไม่แพง แล้วก็รอ แค่นั้นแหละ
เค้าว่าล้านแรกจะไ้ด้มายากที่สุด ล้านต่อ ๆ ไปจะไ้ด้มาง่ายขึ้น หวังว่าคำพูดนี้จะเป็นความจริงนะ
:wink:
Dough
Verified User
โพสต์: 166
ผู้ติดตาม: 0

Re: ‘ดร.นิเวศน์’แนะลงทุนอาหาร-ค้าปลีก 5-10 ปี

โพสต์ที่ 4

โพสต์

นั้นนะซิครับ ผมว่ามันผิดแนวดอกเตอร์ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอันหลัง
เกล้า
Verified User
โพสต์: 1187
ผู้ติดตาม: 0

Re: ‘ดร.นิเวศน์’แนะลงทุนอาหาร-ค้าปลีก 5-10 ปี

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ดีแล้วครับอ่านแล้ววิเคราะห์ให้มาก..ถึงจะเป็นอาจารย์
เราพูดจริงเราก็ต้องวิเคราะห์อยู่ดี.. :D
ควรทุ่มเทเจริญให้มาก..ในงานที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง..
kasam
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 313
ผู้ติดตาม: 0

Re: ‘ดร.นิเวศน์’แนะลงทุนอาหาร-ค้าปลีก 5-10 ปี

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ผมอยากให้มีการลงโทษกับหนังสือพิมพ์ที่สร้างข่าวมั่วข่าวขึ้นมาเอง
โพสต์โพสต์