การเลือกหุ้นแบบ คนไม่รู้เรื่อง
-
- Verified User
- โพสต์: 495
- ผู้ติดตาม: 0
การเลือกหุ้นแบบ คนไม่รู้เรื่อง
โพสต์ที่ 1
ผมกำลังคิดวิธีเลือกหุ้นสำหรับ ตัวผมเอง ที่ไม่ค่อยเก่งในการประเมินธุรกิจ และไม่ได้เก่งบัญชีอะไรเลย
ที่สำคัญผมติดตามข่าวสารบริษัทที่สนใจอย่างมากก็รายไตรมาสเท่านั้น ตามรายงานผลประกอบการ
โดยหลักการที่คิดขึ้นมาได้นั้น ใช้แนวความคิดง่ายๆว่า
"อย่างน้อยๆเราควรจะลงทุนในบริษัทมีรายได้มากหรือเท่ากับ Mkt Cap"
เพราะผมมองว่าเวลาเราทำธุรกิจนั้น ต้องมีรายได้อย่างน้อยเท่ากับต้นทุน กำไรมากน้อยแตกต่างกันไป
และอย่างน้อยๆรายได้ควรจะได้เท่ากับรายได้ในปีที่ผ่านมา
ดังนั้น ผมมอง Mkt Cap เป็นต้นทุน เหมือนเราอยากทำธุรกิจนั้นๆ
ให้ b-Index คือ รายได้รวม หารด้วย Mkt Cap.
ถ้า b-Index มากกว่า 1 แปลว่า บริษัทนั้นมีความน่าลงทุนด้วยอย่างมาก
ถ้า 1 > b-Index > 0.75 แปลว่า จับตามอง หรือสามารถถือไว้ได้
ถ้า 0.75 > b-Index > 0.5 แปลว่า สามารถถือไว้ได้ แต่ไม่ควรซื้อเพิ่ม
ถ้า b-Index < 0.5 แปลว่า ไม่น่าลงทุนด้วย
โดยการสุ่มตัวอย่างหุ้น 6 ตัวนี้ ขึ้นมาเพื่อแสดงวิธีการคิด เพื่อให้ทุกท่านแนะนำความเป็นไปได้ที่จะใช้วิธีนี้ในชีวิตการลงทุนของผม ข้อมูลนำมาจาก http://www.set.or.th
######## ปี 51..........ปี52.........ปี53..........ปี54.........3/55(เดา ณ สิ้นปี)
1. UVAN
รายได้รวม __ 6,853 __ 3,988 __ 4,328 __ 7,775 __ 4,969(6,625)
Mkt Cap. __ 5,781 __ 7,778 __ 8,460 __ 7,849 __ 8,930
b-Index ____ 1.18 ___ 0.51 ___ 0.51 ___ 0.99 ___ 0.74
ราคาล่าสุด ____ 61.5 ___ 82.75 ____ 90 ____ 83.5 ____ 95
2. PATO
รายได้รวม __ 761 __ 861 __ 910 __ 963 __ 321(428)
Mkt Cap. __ 476 __ 966 __ 2,002 __ 1,596 __ 1,568
b-Index ____ 1.59 ___ 0.89 ___ 0.45 ___ 0.6 ___ 0.27
ราคาล่าสุด ___ 34 ___ 6.9 ___ 14.3 ___ 11.4 ___ 11.2
3. UPOIC
รายได้รวม __ 1,332 __ 846 __ 846 __ 1,500 __ 1,228(1,637)
Mkt Cap. __ 1,280 __ 2,106 __ 2,495 __ 2,316 __ 3,661
b-Index ____ 1.04 ___ 0.4 ___ 0.33 ___ 0.64 ___ 0.44
ราคาล่าสุด ____ 39.5 ___ 6.5 ____ 7.7 ____ 7.15 ____ 11.30
4. AIT
รายได้รวม __ 3,325 __ 3,876 __ 4,579 __ 4,835 __ 2,767(3,689)
Mkt Cap. __ 684 __ 1,462 __ 2,940 __ 3,187 __ 3,954
b-Index ____ 4.86 ___ 2.65 ___ 1.55 ___ 1.51 ___ 0.93
ราคาล่าสุด ____ 61.5 ___ 82.75 ____ 90 ____ 83.5 ____ 95
5. CPALL
รายได้รวม __ 129,454 __ 117,760 __ 141,083 __ 161,889 __ 143,644(191,525)
Mkt Cap. __ 55,265 __ 111,430 __ 176,356 __ 232,520 __ 368,307
b-Index ____ 2.34 ___ 1.05 ___ 0.79 ___ 0.69 ___ 0.52
ราคาล่าสุด ___ 12.3 ___ 24.8 ___ 39.25 ___ 51.75 ___ 41.00
6. SCC
รายได้รวม __ 302,424 __ 250,156 __ 334,129 __ 386,246 __ 314,877(419,836)
Mkt Cap. __ 123,600 __ 282,000 __ 409,200 __ 375,600 __ 476,400
b-Index ____ 2.44 ___ 0.88 ___ 0.81 ___ 1.02 ___ 0.88
ราคาล่าสุด ___ 103 ___ 235 ___ 341 ___ 313 ___ 397
ถ้าผมใช้วิธีข้างต้นนี้ลงทุนในหุ้นทั้ง 6 ตัวนี้
คาดว่าจะสามารถ ทำกำไร จาก UVAN AIT CPALL SCC
ลดการขาดทุน จาก PATO
อาจจะขาดทุน ใน UPOIC ได้
ผมคิดว่า ถ้าใช้วิธีคิดแบบนี้ผมก็ไม่ต้องกังวลเรื่องทิศทางของบริษัทในอนาคตให้มากเกินไป
เพราะ ผมไม่ชำนาญในการมองอนาคตไกลๆ แค่ปีต่อปีก็ลำบากแล้ว
ใช้หลักการแบบนี้น่าจะได้หุ้นที่ under value ในแบบของผม จริงๆ ผมอยากได้ข้อมูลย้อนหลังนานๆมากกว่านี้อีก
รบกวนผู้รู้ทุกท่าน แนะนำด้วยครับ
ปล. ตัวอย่างนี้เพียงสุ่มขึ้นมาเท่านั้น ยังไม่ได้ทดสอบด้วยตัวเองจริงๆ
ที่สำคัญผมติดตามข่าวสารบริษัทที่สนใจอย่างมากก็รายไตรมาสเท่านั้น ตามรายงานผลประกอบการ
โดยหลักการที่คิดขึ้นมาได้นั้น ใช้แนวความคิดง่ายๆว่า
"อย่างน้อยๆเราควรจะลงทุนในบริษัทมีรายได้มากหรือเท่ากับ Mkt Cap"
เพราะผมมองว่าเวลาเราทำธุรกิจนั้น ต้องมีรายได้อย่างน้อยเท่ากับต้นทุน กำไรมากน้อยแตกต่างกันไป
และอย่างน้อยๆรายได้ควรจะได้เท่ากับรายได้ในปีที่ผ่านมา
ดังนั้น ผมมอง Mkt Cap เป็นต้นทุน เหมือนเราอยากทำธุรกิจนั้นๆ
ให้ b-Index คือ รายได้รวม หารด้วย Mkt Cap.
ถ้า b-Index มากกว่า 1 แปลว่า บริษัทนั้นมีความน่าลงทุนด้วยอย่างมาก
ถ้า 1 > b-Index > 0.75 แปลว่า จับตามอง หรือสามารถถือไว้ได้
ถ้า 0.75 > b-Index > 0.5 แปลว่า สามารถถือไว้ได้ แต่ไม่ควรซื้อเพิ่ม
ถ้า b-Index < 0.5 แปลว่า ไม่น่าลงทุนด้วย
โดยการสุ่มตัวอย่างหุ้น 6 ตัวนี้ ขึ้นมาเพื่อแสดงวิธีการคิด เพื่อให้ทุกท่านแนะนำความเป็นไปได้ที่จะใช้วิธีนี้ในชีวิตการลงทุนของผม ข้อมูลนำมาจาก http://www.set.or.th
######## ปี 51..........ปี52.........ปี53..........ปี54.........3/55(เดา ณ สิ้นปี)
1. UVAN
รายได้รวม __ 6,853 __ 3,988 __ 4,328 __ 7,775 __ 4,969(6,625)
Mkt Cap. __ 5,781 __ 7,778 __ 8,460 __ 7,849 __ 8,930
b-Index ____ 1.18 ___ 0.51 ___ 0.51 ___ 0.99 ___ 0.74
ราคาล่าสุด ____ 61.5 ___ 82.75 ____ 90 ____ 83.5 ____ 95
2. PATO
รายได้รวม __ 761 __ 861 __ 910 __ 963 __ 321(428)
Mkt Cap. __ 476 __ 966 __ 2,002 __ 1,596 __ 1,568
b-Index ____ 1.59 ___ 0.89 ___ 0.45 ___ 0.6 ___ 0.27
ราคาล่าสุด ___ 34 ___ 6.9 ___ 14.3 ___ 11.4 ___ 11.2
3. UPOIC
รายได้รวม __ 1,332 __ 846 __ 846 __ 1,500 __ 1,228(1,637)
Mkt Cap. __ 1,280 __ 2,106 __ 2,495 __ 2,316 __ 3,661
b-Index ____ 1.04 ___ 0.4 ___ 0.33 ___ 0.64 ___ 0.44
ราคาล่าสุด ____ 39.5 ___ 6.5 ____ 7.7 ____ 7.15 ____ 11.30
4. AIT
รายได้รวม __ 3,325 __ 3,876 __ 4,579 __ 4,835 __ 2,767(3,689)
Mkt Cap. __ 684 __ 1,462 __ 2,940 __ 3,187 __ 3,954
b-Index ____ 4.86 ___ 2.65 ___ 1.55 ___ 1.51 ___ 0.93
ราคาล่าสุด ____ 61.5 ___ 82.75 ____ 90 ____ 83.5 ____ 95
5. CPALL
รายได้รวม __ 129,454 __ 117,760 __ 141,083 __ 161,889 __ 143,644(191,525)
Mkt Cap. __ 55,265 __ 111,430 __ 176,356 __ 232,520 __ 368,307
b-Index ____ 2.34 ___ 1.05 ___ 0.79 ___ 0.69 ___ 0.52
ราคาล่าสุด ___ 12.3 ___ 24.8 ___ 39.25 ___ 51.75 ___ 41.00
6. SCC
รายได้รวม __ 302,424 __ 250,156 __ 334,129 __ 386,246 __ 314,877(419,836)
Mkt Cap. __ 123,600 __ 282,000 __ 409,200 __ 375,600 __ 476,400
b-Index ____ 2.44 ___ 0.88 ___ 0.81 ___ 1.02 ___ 0.88
ราคาล่าสุด ___ 103 ___ 235 ___ 341 ___ 313 ___ 397
ถ้าผมใช้วิธีข้างต้นนี้ลงทุนในหุ้นทั้ง 6 ตัวนี้
คาดว่าจะสามารถ ทำกำไร จาก UVAN AIT CPALL SCC
ลดการขาดทุน จาก PATO
อาจจะขาดทุน ใน UPOIC ได้
ผมคิดว่า ถ้าใช้วิธีคิดแบบนี้ผมก็ไม่ต้องกังวลเรื่องทิศทางของบริษัทในอนาคตให้มากเกินไป
เพราะ ผมไม่ชำนาญในการมองอนาคตไกลๆ แค่ปีต่อปีก็ลำบากแล้ว
ใช้หลักการแบบนี้น่าจะได้หุ้นที่ under value ในแบบของผม จริงๆ ผมอยากได้ข้อมูลย้อนหลังนานๆมากกว่านี้อีก
รบกวนผู้รู้ทุกท่าน แนะนำด้วยครับ
ปล. ตัวอย่างนี้เพียงสุ่มขึ้นมาเท่านั้น ยังไม่ได้ทดสอบด้วยตัวเองจริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 385
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเลือกหุ้นแบบ คนไม่รู้เรื่อง
โพสต์ที่ 2
เป็นมุมมองนึงที่นำมาพิจารณาได้ครับ
แต่ถ้าสมมติวันนี้คือปี 51 ตามข้อมูลที่ให้มา ?
คุณอาจไม่เลือก CPALL แต่ไปเลือก AIT แทน (หรือหนักกว่านั้น เลือก PATO)
ยิ่งมองเห็นอนาคตของกิจการที่สุดยอดได้แม่นเท่าไร คงเป็นเทพ VI ได้ไม่ช้าหละครับ
แต่ถ้าสมมติวันนี้คือปี 51 ตามข้อมูลที่ให้มา ?
คุณอาจไม่เลือก CPALL แต่ไปเลือก AIT แทน (หรือหนักกว่านั้น เลือก PATO)
ยิ่งมองเห็นอนาคตของกิจการที่สุดยอดได้แม่นเท่าไร คงเป็นเทพ VI ได้ไม่ช้าหละครับ
- i-salmon
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 293
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเลือกหุ้นแบบ คนไม่รู้เรื่อง
โพสต์ที่ 3
ที่จริงสัดส่วนที่คุณว่ามาคือส่วนกลับของ p/s
มันก็มองเหมือน p/e นั่นแหละ แค่เปลี่ยนจากกำไรเทียบมาเป็นรายได้
ซึ่งเรื่องแบบนี้มันเป็นประเด็นความถูกความแพง ไม่ใช่กิจการน่าลงทุนหรือเปล่า
ผมคิดว่าถ้าอยากเลือกหุ้นแบบคนไม่รู้เรื่องอะไรมาก
ก็ใช้ common sense ดูกิจการพื้นๆที่อยู่รอบตัวเรา
ดูๆไปอนาคตกิจการก็น่าจะยังเติบโตได้ดี น่าจะดีกว่าครับ
มันก็มองเหมือน p/e นั่นแหละ แค่เปลี่ยนจากกำไรเทียบมาเป็นรายได้
ซึ่งเรื่องแบบนี้มันเป็นประเด็นความถูกความแพง ไม่ใช่กิจการน่าลงทุนหรือเปล่า
ผมคิดว่าถ้าอยากเลือกหุ้นแบบคนไม่รู้เรื่องอะไรมาก
ก็ใช้ common sense ดูกิจการพื้นๆที่อยู่รอบตัวเรา
ดูๆไปอนาคตกิจการก็น่าจะยังเติบโตได้ดี น่าจะดีกว่าครับ
Go against and stay alive.
- dino
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1286
- ผู้ติดตาม: 1
Re: การเลือกหุ้นแบบ คนไม่รู้เรื่อง
โพสต์ที่ 4
อืม ถ้าไม่รู้เรื่อง อย่าเพิ่งเลือกหุ้นเลยครับ
หาความรู้ก่อนดีกว่า เงินไม่ได้หามาง่ายๆนะครับ อย่าเสียไปโดย ไม่รู้เรื่องเลยครับ
อ่านมากๆ ดูเยอะๆ ฟังบ่อยๆ ค่อยๆคิดวิเคราะห์ เดี๋ยวก็รู้เรื่องเองครับ
แล้วค่อยเลือกหุ้นก็ยังไม่สาย ด้วยความหวังดีครับ
หาความรู้ก่อนดีกว่า เงินไม่ได้หามาง่ายๆนะครับ อย่าเสียไปโดย ไม่รู้เรื่องเลยครับ
อ่านมากๆ ดูเยอะๆ ฟังบ่อยๆ ค่อยๆคิดวิเคราะห์ เดี๋ยวก็รู้เรื่องเองครับ
แล้วค่อยเลือกหุ้นก็ยังไม่สาย ด้วยความหวังดีครับ
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 325
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเลือกหุ้นแบบ คนไม่รู้เรื่อง
โพสต์ที่ 5
เลือกหุ้นโดยอาศัยยอดขาย.. อาจจะทำให้พลาดโอกาสที่จะได้หุ้นที่ขายสินค้ามี margin เยอะๆ
ยกตัวอย่าง ธุรกิจบางอย่างเช่น SiS / Synex มียอดขายเยอะ มีกำไรนิดเดียว ถ้าเทียบเฉพาะยอดขายก็จะดูเหมือนว่าน่าสนใจ แต่พอไปดูกำไรสุทธิแล้วเหลือนิดเดียว ที่สำคัญคือ บริษัทที่มียอดขายสูงๆ มักจะเป็นบริษัทที่ต้องจ้างพนักงานจำนวนมากด้วยเช่นกัน (ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ต้องระวัง) ดังนั้นเมื่อมีปัจจัยภายนอกกระทบทำให้ยอดขายลดลง จะทำให้กำไรของบริษัทพลิกผันไปได้เยอะทีเดียว
มุมมองส่วนตัวผม..
ในช่วงแรกๆ ที่ผมเริ่มลงทุน ที่ยังมีความรู้ไม่เยอะ ตามข่าวได้ไม่มาก
ผมพบว่า แนวคิดพื้นฐานเบสิคนี่แหละ ป้องกันการขาดทุนได้.. นั่นคือ ซื้อหุ้นที่มี PE ต่ำมากๆ และ ปันผลสูงมากๆ
วิธีนี้ลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้ดี เพียงแต่ว่า เราต้องรับได้ถ้า ราคาหุ้นที่เราซื้อไม่ไปไหน เพราะว่า หุ้นที่มี PE ต่ำและปันผลสูง บริษัทจะไม่สามารถเก็บกำไรไปลงทุนต่อได้มากนัก
พอเราเริ่มมีความรู้มากขึ้น และต้องการผลตอบแทนสูงขึ้น ก็เริ่มเลือกลงทุนหุ้นเติบโตสูง หุ้นกลุ่มนี้จะปันผลน้อย เพราะจะเอากำไรไปลงทุนต่อ นักลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ก็จะคาดหวังกำไรจากส่วนต่างราคาซื้อขายมากกว่า
ยกตัวอย่าง ธุรกิจบางอย่างเช่น SiS / Synex มียอดขายเยอะ มีกำไรนิดเดียว ถ้าเทียบเฉพาะยอดขายก็จะดูเหมือนว่าน่าสนใจ แต่พอไปดูกำไรสุทธิแล้วเหลือนิดเดียว ที่สำคัญคือ บริษัทที่มียอดขายสูงๆ มักจะเป็นบริษัทที่ต้องจ้างพนักงานจำนวนมากด้วยเช่นกัน (ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ต้องระวัง) ดังนั้นเมื่อมีปัจจัยภายนอกกระทบทำให้ยอดขายลดลง จะทำให้กำไรของบริษัทพลิกผันไปได้เยอะทีเดียว
มุมมองส่วนตัวผม..
ในช่วงแรกๆ ที่ผมเริ่มลงทุน ที่ยังมีความรู้ไม่เยอะ ตามข่าวได้ไม่มาก
ผมพบว่า แนวคิดพื้นฐานเบสิคนี่แหละ ป้องกันการขาดทุนได้.. นั่นคือ ซื้อหุ้นที่มี PE ต่ำมากๆ และ ปันผลสูงมากๆ
วิธีนี้ลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้ดี เพียงแต่ว่า เราต้องรับได้ถ้า ราคาหุ้นที่เราซื้อไม่ไปไหน เพราะว่า หุ้นที่มี PE ต่ำและปันผลสูง บริษัทจะไม่สามารถเก็บกำไรไปลงทุนต่อได้มากนัก
พอเราเริ่มมีความรู้มากขึ้น และต้องการผลตอบแทนสูงขึ้น ก็เริ่มเลือกลงทุนหุ้นเติบโตสูง หุ้นกลุ่มนี้จะปันผลน้อย เพราะจะเอากำไรไปลงทุนต่อ นักลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ก็จะคาดหวังกำไรจากส่วนต่างราคาซื้อขายมากกว่า
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: การเลือกหุ้นแบบ คนไม่รู้เรื่อง
โพสต์ที่ 6
ไม่เห็นต้องไปคิดวิธีอะไรใหม่ๆเลยครับ
วิธีที่เขาใช้กันทั่วไปนี่แหละ ได้ผล
เพียงแต่อย่าขี้เกียจ ต้องขยันหน่อย
พอเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว
มันติดตัวเราไปตลอด ไม่ต้องไปอ่าน
หรือทำความเข้าใจเอาทีหลัง
ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคม
มีหลายกระทู้ที่เข้าไปอ่านได้ฟรี
ก็เข้าไปอ่านได้ก่อน อ่านตำราประกอบไปเรื่อยๆ
เดี๋ยวมันก็เข้าใจเอง
ประเด็นคือ เราไม่ต้องรู้ทุกเรื่อง
เพียงแต่เราต้องรู้ตัวเองว่ารู้เรื่องอะไร
ไม่รู้เรื่องอะไร อะไรที่เราเข้าใจ
อะไรที่ไม่เข้าใจ อะไรที่สนใจแต่ยังไม่แน่ใจ
ก็ทำการบ้านเพิ่ม มันไม่ยากครับ
เพียงแต่อย่าขี้เกียจแค่นั้นเอง
วิธีที่เขาใช้กันทั่วไปนี่แหละ ได้ผล
เพียงแต่อย่าขี้เกียจ ต้องขยันหน่อย
พอเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว
มันติดตัวเราไปตลอด ไม่ต้องไปอ่าน
หรือทำความเข้าใจเอาทีหลัง
ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคม
มีหลายกระทู้ที่เข้าไปอ่านได้ฟรี
ก็เข้าไปอ่านได้ก่อน อ่านตำราประกอบไปเรื่อยๆ
เดี๋ยวมันก็เข้าใจเอง
ประเด็นคือ เราไม่ต้องรู้ทุกเรื่อง
เพียงแต่เราต้องรู้ตัวเองว่ารู้เรื่องอะไร
ไม่รู้เรื่องอะไร อะไรที่เราเข้าใจ
อะไรที่ไม่เข้าใจ อะไรที่สนใจแต่ยังไม่แน่ใจ
ก็ทำการบ้านเพิ่ม มันไม่ยากครับ
เพียงแต่อย่าขี้เกียจแค่นั้นเอง
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
- kabu
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2149
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเลือกหุ้นแบบ คนไม่รู้เรื่อง
โพสต์ที่ 7
some companies have high income, low market cap, but very high debt (comparing to its market cap). Maybe you should take this into account or set up some more criteria.
If you are interested in this approach, I think you may find out about EV/EBITDA fomular. Similar idea.
Good luck krab.
If you are interested in this approach, I think you may find out about EV/EBITDA fomular. Similar idea.
Good luck krab.
"หนทางเดียวที่จะก้าวพ้นขอบเขตของความเป็นไปได้ คือก้าวเข้าสู่ความเป็นไปไม่ได้", Arthur C. Clarke
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
สมุดบันทึก: http://kabuvi.wordpress.com/
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2846
- ผู้ติดตาม: 1
Re: การเลือกหุ้นแบบ คนไม่รู้เรื่อง
โพสต์ที่ 8
ผมว่า เริ่มต้นใหม่ๆ แนะนำว่า เราออกจากบ้าน ไปเดินห้าง ไปซื้อของ ออกไปนอกบ้าน และสังเกตุดูพฤติกรรมคนที่มาซื้อของ รวมทั้งตัวเราด้วย ว่ามีความสนใจ หรือ จำเป็นต้องใช้สินค้าบริการอะไรบ้าง และ มันตอบสนองความต้องการของเรา และคนอื่นๆ มากน้อยเพียงใด ถ้าเป็นร้านค้า ก็ดูง่าย ว่าร้านไหนดูดี มีลูกค้าเยอะกว่าร้านค้าประเภทเดียวกัน
จดรายชื่อสินค้าบริการหรือร้านค้านั้นๆ กลับมาบ้าน ค่อยมาดูเวปบริษัท ว่ามีอยู่ในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่
ถ้ามีก็ย้อนไปดูงบการเงินย้อนหลัง ปกติ ผมดูคร่าวๆ อย่างยอดขายย้อนหลังเป็นอย่างไร ยอดขายเติบโตมาต่อเนื่องหรือไม่
นอกจากสินค้าที่เราสนใจแล้ว เค้าขายอะไรอีก กำไรดีมั้ย Profit Margin เท่าไหร่ D/E เป็นไง กระแสเงินสด ดีมั้ย เอาไปทำอะไรบ้าง
ดูคร่าวๆ พอ (ต้องมีพื้นฐานดูงบบ้าง ต้องศึกษาครับ ) เอาพอรู้เรื่องไม่ต้องเก่งมากแบบแกะงบ ขุดคุ้ยอะไรทำนองนั้น
และก็ศึกษาต่อคือดูจุดอ่อนจุดแข็งของกิจการนั้นไปเรื่อยๆ เทียบกับคู่แข่ง ดูว่าอนาคตมันจะมีสินค้าอะไรมาทดแทนได้บ้าง ความเสี่ยงของบริษัทคืออะไร
หากดูแล้ว บริษัทอนาคตดี ราคาดูไม่แพงไปมากๆ ก็ซื้อครับ
จดรายชื่อสินค้าบริการหรือร้านค้านั้นๆ กลับมาบ้าน ค่อยมาดูเวปบริษัท ว่ามีอยู่ในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่
ถ้ามีก็ย้อนไปดูงบการเงินย้อนหลัง ปกติ ผมดูคร่าวๆ อย่างยอดขายย้อนหลังเป็นอย่างไร ยอดขายเติบโตมาต่อเนื่องหรือไม่
นอกจากสินค้าที่เราสนใจแล้ว เค้าขายอะไรอีก กำไรดีมั้ย Profit Margin เท่าไหร่ D/E เป็นไง กระแสเงินสด ดีมั้ย เอาไปทำอะไรบ้าง
ดูคร่าวๆ พอ (ต้องมีพื้นฐานดูงบบ้าง ต้องศึกษาครับ ) เอาพอรู้เรื่องไม่ต้องเก่งมากแบบแกะงบ ขุดคุ้ยอะไรทำนองนั้น
และก็ศึกษาต่อคือดูจุดอ่อนจุดแข็งของกิจการนั้นไปเรื่อยๆ เทียบกับคู่แข่ง ดูว่าอนาคตมันจะมีสินค้าอะไรมาทดแทนได้บ้าง ความเสี่ยงของบริษัทคืออะไร
หากดูแล้ว บริษัทอนาคตดี ราคาดูไม่แพงไปมากๆ ก็ซื้อครับ
“Market prices are always wrong in the sense that they present a biased view of the future.”, Soros.
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
Blog about the investment playbook https://www.blockdit.com/alphainvesting
-
- Verified User
- โพสต์: 495
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเลือกหุ้นแบบ คนไม่รู้เรื่อง
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณครับ เป็นตัวอย่างที่ดีครับ ผมกำลังมองหาพฤติกรรมที่มาขัดแย้งกับสิ่งที่คิดอยู่Proxity เขียน:เลือกหุ้นโดยอาศัยยอดขาย.. อาจจะทำให้พลาดโอกาสที่จะได้หุ้นที่ขายสินค้ามี margin เยอะๆ
ยกตัวอย่าง ธุรกิจบางอย่างเช่น SiS / Synex มียอดขายเยอะ มีกำไรนิดเดียว ถ้าเทียบเฉพาะยอดขายก็จะดูเหมือนว่าน่าสนใจ แต่พอไปดูกำไรสุทธิแล้วเหลือนิดเดียว ที่สำคัญคือ บริษัทที่มียอดขายสูงๆ มักจะเป็นบริษัทที่ต้องจ้างพนักงานจำนวนมากด้วยเช่นกัน (ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ต้องระวัง) ดังนั้นเมื่อมีปัจจัยภายนอกกระทบทำให้ยอดขายลดลง จะทำให้กำไรของบริษัทพลิกผันไปได้เยอะทีเดียว
มุมมองส่วนตัวผม..
ในช่วงแรกๆ ที่ผมเริ่มลงทุน ที่ยังมีความรู้ไม่เยอะ ตามข่าวได้ไม่มาก
ผมพบว่า แนวคิดพื้นฐานเบสิคนี่แหละ ป้องกันการขาดทุนได้.. นั่นคือ ซื้อหุ้นที่มี PE ต่ำมากๆ และ ปันผลสูงมากๆ
วิธีนี้ลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้ดี เพียงแต่ว่า เราต้องรับได้ถ้า ราคาหุ้นที่เราซื้อไม่ไปไหน เพราะว่า หุ้นที่มี PE ต่ำและปันผลสูง บริษัทจะไม่สามารถเก็บกำไรไปลงทุนต่อได้มากนัก
พอเราเริ่มมีความรู้มากขึ้น และต้องการผลตอบแทนสูงขึ้น ก็เริ่มเลือกลงทุนหุ้นเติบโตสูง หุ้นกลุ่มนี้จะปันผลน้อย เพราะจะเอากำไรไปลงทุนต่อ นักลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ก็จะคาดหวังกำไรจากส่วนต่างราคาซื้อขายมากกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเลือกหุ้นแบบ คนไม่รู้เรื่อง
โพสต์ที่ 12
ก็ไม่ใหม่นะมันคืออัตรส่วน ราคา ต่อ ยอดขาย นั่นเอง สิ่งที่ต้องดูคู่กันคือ อัตรากำไร ครับ
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
- nonation
- Verified User
- โพสต์: 70
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเลือกหุ้นแบบ คนไม่รู้เรื่อง
โพสต์ที่ 13
ไร้กระบวนท่า คือกระบวนท่า
ไร้ลักษณ์ ไร้ตัวตน
ลอกเรียนกระบวนท่า หรือจะเป็นยอดกระบี่
เรียนรู้และหลอมรวมกระบวนท่า จนไร้กระบวนท่า
สุดสูงคืนสู่สามัญ
ตลาดก็เหมือนยุทธจักร สำเร็จวิชาจากเสียวลิ้ม บู๊ตึ้ง แชเซีย คงท้ง
หรือเคยได้เป็นมือกระบี่อันดับหนึ่งในยุทธจักร กระบวนท่าที่เรียนรู้
ในยุทธจักรล้วนเรียนรู้ ใยมิบัญญัติกระบวนท่าของตัวเอง
สติ สมาธิล้วนเป็นพื้นฐานของวิชาฝีมือ
สามารถสะกดข่มความโลภ ความกลัว ย่อมมองห็นช่องว่าง รอยโหว่
เฮอะ ๆ ในยุทธจักรล้วนมีแต่คุณธรรมจอมปลอมเกลื่อกลาด .......
ไร้ลักษณ์ ไร้ตัวตน
ลอกเรียนกระบวนท่า หรือจะเป็นยอดกระบี่
เรียนรู้และหลอมรวมกระบวนท่า จนไร้กระบวนท่า
สุดสูงคืนสู่สามัญ
ตลาดก็เหมือนยุทธจักร สำเร็จวิชาจากเสียวลิ้ม บู๊ตึ้ง แชเซีย คงท้ง
หรือเคยได้เป็นมือกระบี่อันดับหนึ่งในยุทธจักร กระบวนท่าที่เรียนรู้
ในยุทธจักรล้วนเรียนรู้ ใยมิบัญญัติกระบวนท่าของตัวเอง
สติ สมาธิล้วนเป็นพื้นฐานของวิชาฝีมือ
สามารถสะกดข่มความโลภ ความกลัว ย่อมมองห็นช่องว่าง รอยโหว่
เฮอะ ๆ ในยุทธจักรล้วนมีแต่คุณธรรมจอมปลอมเกลื่อกลาด .......
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเลือกหุ้นแบบ คนไม่รู้เรื่อง
โพสต์ที่ 14
อนัตตา ไร้ตัวตนได้เพราะรู้ว่าผลประกอบการ(เจ้ามือตัวจริง)ของแต่ละบริษัท ขึ้นกับเหตุปัจจัยภายในภายนอก ไม่อยู่ในอำนาจบังคับ ราคาหุ้นในตลาดขึ้นกับเจ้ามือแดกด่วน ก็ไม่อยู่ในอำนาจบังคับเช่นกันnonation เขียน:ไร้กระบวนท่า คือกระบวนท่า
ไร้ลักษณ์ ไร้ตัวตน
ลอกเรียนกระบวนท่า หรือจะเป็นยอดกระบี่
เรียนรู้และหลอมรวมกระบวนท่า จนไร้กระบวนท่า
สุดสูงคืนสู่สามัญ
ตลาดก็เหมือนยุทธจักร สำเร็จวิชาจากเสียวลิ้ม บู๊ตึ้ง แชเซีย คงท้ง
หรือเคยได้เป็นมือกระบี่อันดับหนึ่งในยุทธจักร กระบวนท่าที่เรียนรู้
ในยุทธจักรล้วนเรียนรู้ ใยมิบัญญัติกระบวนท่าของตัวเอง
สติ สมาธิล้วนเป็นพื้นฐานของวิชาฝีมือ
สามารถสะกดข่มความโลภ ความกลัว ย่อมมองห็นช่องว่าง รอยโหว่
เฮอะ ๆ ในยุทธจักรล้วนมีแต่คุณธรรมจอมปลอมเกลื่อกลาด .......
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 5011
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเลือกหุ้นแบบ คนไม่รู้เรื่อง
โพสต์ที่ 15
ค่อยๆศึกษาไปครับ อย่ารีบร้อน ตลาดไม่ได้หนีเราไปไหน เงินนั้นหายากครับ
หากเสียไปอาจทำให้เข็ดขยาดจากตลาดไป น่าเสียดายครับ
----------------------------
หนังสือดีเพียงเล่มเดียวอาจเปลี่ยนชีวิตคุณได้
คู่มือสร้างความมั่งคั่ง
http://www.thorfun.com/story/view/UMk2QK7rWQ5fAA_7
หากเสียไปอาจทำให้เข็ดขยาดจากตลาดไป น่าเสียดายครับ
----------------------------
หนังสือดีเพียงเล่มเดียวอาจเปลี่ยนชีวิตคุณได้
คู่มือสร้างความมั่งคั่ง
http://www.thorfun.com/story/view/UMk2QK7rWQ5fAA_7