"โค้ก" ออกปากหวั่น "เอส โคล่า"
-
- Verified User
- โพสต์: 530
- ผู้ติดตาม: 0
"โค้ก" ออกปากหวั่น "เอส โคล่า"
โพสต์ที่ 1
การแข่งขันที่มากขึ้น ในตลาดน้ำดำเมืองไทย หลังการเข้ามาทำตลาดของแบรนด์น้ำดำสัญชาติไทยรายแรกรายเดียวอย่าง "เอส โคล่า" ของค่ายเสริมสุข ที่แตกหักกับเป๊ปซี่ ไปเมื่อ พ.ย.55 กลายเป็นน้ำดำรายที่ 4 ที่ทำตลาดในเมืองไทย (โค้ก เป๊ปซี่ บิ๊กโคล่า และเอส โคล่า) เวลาผ่านไปเพียง "เดือนเศษ" ทำท่าว่าเอส โคล่า กำลังจะติดลมบน จากช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ปูพรมกว่า 2 แสนร้านค้าทั่วทุกซอกทุกมุมตึกทั่วไทย
ไม่มีเป๊ปซี่ ขอโค้ก ไม่มีโค้ก มีแต่ "เอส โคล่า" ผู้บริโภค มักไม่เกี่ยง ยกเว้นพวกที่แบรนด์ฝังหัว (Brand Royalty)
เอส โคล่า จึงกลายเป็น "ตัวแปร" สำคัญต่อการแข่งขันตลาดน้ำดำในเมืองไทยปีหน้าที่กำลังจะเดินทางมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงจากนี้ ตามความเห็นของ "อาร์ชวัส เจริญศิลป์” ผู้อำนวยการองค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร โคคา-โคลา (ประเทศไทย) เป็นไปเพื่อชิงเค้กในตลาดน้ำดำ โดยเขาระบุว่ามีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 43,000 ล้านบาท (อ้างอิงข้อมูลของ เอซี นีลเส็น) ถือว่ามากกว่าตัวเลขเดิมที่ประเมินกับไว้ที่ 38,000 ล้านบาท ถึง 5,000 ล้านบาท มากกว่ามูลค่าตลาดรวมชาเขียวกว่า 3 เท่าตัว (มูลค่าตลาดรวมชาเขียวอยู่ที่ราว 13,500 ล้านบาท)
เมื่อคู่แข่งเพิ่ม จากเดิมที่ตลาดน้ำดำในไทยค่อนข้างผูกขาด สังเวียนน้ำดำปีหน้า จึงซู่ซ่ายิ่งนัก !!!
"ปีหน้าตลาดน้ำอัดลมเมืองไทย จะเป็น Historical Moment พลิกหน้าประวัติศาสตร์ โค้กในไทยอยากจะโตที่ 7-8% เมื่อเทียบกับตลาดรวม ที่ต้องตั้งไว้แบบคอนเซอร์เวทีฟ (อนุรักษ์นิยม) นิดนึง เพราะไม่รู้ว่าแบรนด์ใหม่จะติดตลาดมากน้อยแค่ไหน เป็นตัวแปรสำคัญ จากระบบกระจายสินค้าที่แข็งแรงของแบรนด์น้องใหม่" อาร์ชวัส สารภาพ
แสดงให้เห็นว่า แม้แต่โค้ก เบอร์ 2 ในตลาดน้ำดำเมืองไทย ยังแสดงความกังวลต่อการมาของ "เอส โคล่า" จากค่ายเสริมสุข อีกขาธุรกิจของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เศรษฐีอันดับสองของไทย แห่งอาณาจักรแสนล้าน ทีซีซี กรุ๊ป อยู่ไม่น้อย หรืออาจจะกังวลมากกว่าคู่แข่งเดิมอย่างเป๊ปซี่ เสียด้วยซ้ำ เพราะเสริมสุขเคยเป็นผู้ผลิตและจัดหน่ายสินค้าให้เป๊ปซี่จนขึ้นบัลลังก์แชมป์ในไทย เป็นไม่กี่ประเทศที่โค้กต้องพ่ายให้ มาแล้ว
"ต้องเรียกว่าเก่ง !!" อาร์ชวัส หลุดปากพูดถึงแบรนด์คู่แข่งน้องใหม่ ปีหน้าจะเป็นเรื่องที่ "โค้กจะประมาทไม่ได้" ! เขาบอก
"เราไม่เคยประมาทคู่แข่ง เพราะรู้ว่าความสามารถในการกระจายสินค้าเขาสูงมาก เมื่อไหร่ที่เราเลิกกังวลเราจะกลายเป็นคนขี้เกียจ ความกังวลจะทำให้เราพัฒนาไปได้เรื่อยๆ" นายฝรั่งบอกเขาไว้เช่นนั้น
ต่างจากในปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงชุลมุน ทั้งแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งตั้งไข่เมื่อปลายปี และอาการซวนเซของเจ้าตลาดในไทยอย่างเป๊ปซี่ ทำให้ผู้บริหารโค้กมั่นใจว่า สิ้นปีนี้จะสามารถช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดน้ำดำ ในไทยจากเป๊ปซี่และบิ๊กโคล่า มาได้ อย่างมี "นัยสำคัญ"
"มาร์เก็ตแชร์ปีนี้ จะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ แน่นอน !!" เขาพูดเสียงดัง หากจะตีความในสิ่งที่พูดคล้ายกับจะบอกว่า โค้กมีลุ้นที่จะขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดน้ำดำในไทยแทนเป๊ปซี่ แน่ๆแล้ว โดยเฉพาะการเบียดแทรกยอดขายในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายปลายปี ซึ่งเป็นช่วงของการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่
ผู้บริหารโค้กรายนี้ยังเปิดข้อมูลการตลาดในช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.55) ว่า เครื่องดื่ม "ทั้งพอร์ตโฟลิโอ" ของโคคา-โคลา (สินค้าอัดลมและไม่อัดลม) แต่มียอดขายหลักในสินค้าน้ำอัดลม ได้แก่ โค้ก แฟนต้า และสไปรท์ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 55 % เติบโตสูงสุดในรอบ 6 ปี
โดยปฏิเสธที่จะแยกมาร์เก็ตแชร์เฉพาะน้ำดำออกมา เพื่อวัดกันกับเป๊ปซี่แบบชัดๆ กลายเป็นนโยบายของโค้กไปซะแล้ว จนกว่าน้ำดำจะแซงหน้าเป็นเบอร์ 1 ไปจริงๆ ถึงจะกล้าพูด เพราะเป็นที่รู้กันว่า แฟนต้า สไปรท์ น้ำสีของโคคา-โคลา ขายดีกว่า มิรินดา น้ำสีของค่ายเป๊ปซี่
ส่วนยอดขายเฉพาะโค้ก แฟนต้า สไปรท์ ในช่วง 11 เดือนของปีนี้ สูงถึง 24% โตมากกว่าตลาดเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับตลาดอัดลมโดยรวมที่เติบโตเพียง 13% อาร์ชวัส ระบุ เทียบกับเมื่อปีที่ผ่านมายอดขายน้ำอัดลมของโคคา-โคล่าที่มีอัตราเติบโต 10% เพราะเป็นปีที่ไม่ปกติหลังเผชิญเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในไทย
นอกจากนี้ เขายังเชื่อมั่นในพลังของ "ขวดแก้ว" ซึ่งเป็นความได้เปรียบของโค้ก เหนือ เป๊ปซี่ ที่ปัจจุบันเผชิญปัญหาการผลิตขวดแก้ว จนต้องออกหาทางออกนำขวดพลาสติกมาทำตลาด
"ตอนนี้โค้กบรรจุด้วยขวดแก้ว สัดส่วน 60-70% ถือว่าเหมาะสมกับตลาดในประเทศไทย ถ้าขวดแก้วอยู่ไม่ได้จริงป่านนี้ขายไม่ได้แล้วเพราะ โปรเซสมันเยอะ ไหนจะต้องมัดจำขวด คืนขวด ต้องล้าง นำมาใช้ใหม่ เวลาไปร้านอาหารระหว่างขวดแก้ว กับขวดพลาสติก อารมณ์มันผิดกัน" เขาเชื่อเช่นนั้น
แต่อย่าลืมว่า เอส โคล่า เป็นเจ้าสังเวียนขวดแก้วเช่นกัน ! นี่แหละที่ทำให้โค้กเก๊กซิม
ขณะที่เมื่อเทียบช่องทางการจัดจำหน่ายแล้ว ระหว่างโค้ก กับ เอส โคล่า มีตัวเลขที่ใกล้เคียงกันที่กว่า 2 แสนร้านค้า ส่วนใหญ่เป็นร้านค้าปลีกดั่งเดิม (เทรดดิชั่นแนล เทรด) โค้กเคลมตัวเองด้วยซ้ำว่า มีช่องทางการจัดจำหน่ายมากถึง 2.5 แสนร้านค้าทั่วประเทศ ผ่านสองบริษัทในกลุ่มคือ ไทยน้ำทิพย์ (ดูแลการกระจายสินค้าใน 62 จังหวัด) และหาดทิพย์ (ดูแลการกระจายสินค้าใน 14 จังหวัดภาคใต้)
หันมาดูยอดขายของ เอส โคล่า หลังจากโค้กแถลงข่าวไปได้เพียง 2 วัน เสริมสุข โดยฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ ทายาทสมชาย บุลสุข แจงยอดขายเอส โคล่า ออกมาว่า ยอดขายช่วง 6 สัปดาห์แรกของการทำตลาด มียอดขายถึง 4 ล้านลัง เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2.5 ล้านลัง คิดเป็นรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังเปิดตัวน้ำแดงกลิ่นสตอว์เบอรี่ เข้าทำตลาดเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา และในเร็วๆนี้จะส่งน้ำส้ม น้ำเขียว และเลมอนไลน์ และเซเว่นอัพ เข้าทำตลาด
พร้อมทั้งบอกด้วยว่า เมื่อครบ 1 ปีแรกของการทำตลาด เอส โคล่า น่าจะมียอดขายเป็นไปตามเป้าหมายอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งการตลาดที่ประมาณ 25% จากตลาดรวมน้ำอัดลม และขึ้นเป็นอันดับ 3 ในตลาดน้ำดำภายใน 3 ปีจากนี้ ขณะที่ปีหน้าจะใช้งบไว้อีกประมาณ 900 ล้านบาท ด้วยการโฆษณาผ่านสื่อ และทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง
โดยโค้กน่าจะรับรู้ข้อมูลนี้เป็นอย่างดี จึงต้องเร่งสปีดหนีแบบด่วนๆ โดยตั้งงบลงทุนใน 3 ปี ไว้ที่ 14,000 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 6 ปี ด้วยการขยายไลน์การผลิตน้ำอัดลมที่ปทุมธานี และรังสิต
เรียกว่า บลัฟกันสุดๆกับเอส โคล่า
บนเป้าหมายที่ต้องการขยับอันดับยอดขายในไทยของโค้กที่ติด 1 ใน 20 ประเทศที่มียอดขายมากที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับ 207 ประเทศที่โคคา-โคลา เข้าไปทำตลาด ให้มีอันดับที่สวยขึ้น พูดกันไปถึงติด "ท็อปเทน" แต่ไม่บอกว่าเป็นปีไหน
อาร์ชวัสยังบอกด้วยว่า สำหรับโค้กในไทยปีหน้า จะเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง โดยไม่เกินครึ่งแรกของปีหน้าจะต้องเร่งแก้ปัญหา "สินค้าขาดสต๊อก" ให้ดีขึ้น พร้อมไปกับการสื่อสารกับลูกค้าให้มากขึ้น ผ่านการโฆษณา การเน้นในเรื่องนวัตกรรม ได้แก่ นวัตกรรมด้านการผลิต การขนส่ง และการดูแลลูกค้า
"5-6ปีที่ผ่านมาโค้กเอาตังค์ไปลงกับเรื่อง Innovation ค่อนข้างเยอะ อย่างสินค้า Slim can ใช้อะลูมิเนียมลดลง หรือขวดน้ำดื่มน้ำทิพย์ที่ลดการใช้พลาสติกล 35% ถือว่าค่อนข้างจะ Successive Innovation ต่อไปเรื่องนวัตกรรมจะเป็น Pipeline ที่จะออกมาอีกเยอะ โค้กในไทยจะต้องรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ให้ได้" เขามุ่งมั่นบนความกังวลนิดๆ
------------------------------------------
โคคา-โคลา ในอาเซียน
รุก "ลาว" ประเทศสุดท้าย
ข่าวการลงนามสัญญาตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัทไทยน้ำทิพย์ จำกัด กับ บริษัทพีที คอนสตรัคชั่น พันธมิตรธุรกิจในลาว ที่มีธุรกิจดั่งเดิมอยู่ในอุตสาหกรรมพลังงาน เพื่อจัดตั้งบริษัทโคคา โคลา บอทลิ่ง จำกัด ให้เป็นบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มโคคา-โคล่า ในลาว ทันทีที่มีการลงนาม (29 พ.ย.55) โดยจะนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย จนกว่าจะโรงงานผลิตในนครเวียงจันทน์ เมืองหลวงของลาว จะเปิดดำเนินการผลิตได้ในปี 2557 ก่อนการเปิดประชาคมอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 "เพียง 1 ปี"
ถือเป็นการดักโอกาส ของโคคา-โคลา กับการเกิดขึ้นของเออีซี โดยแท้ !
"การเกิดขึ้นของเออีซี เมื่อรวมตลาดในอาเซียนเป็นตลาดเดียว ผมคิดว่าประเทศในอาเซียนที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด คือประเทศที่มีพรมแดนติดกัน อย่างอินโดไชน่า (ไทย ลาว กัมพูชา พม่า เวียดนาม) มากกว่าประเทศที่เป็นเกาะแก่ง ที่ผ่านมาลาวยังเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ASEM แสดงให้เห็นว่าลาวเริ่มเปิดตัวสู่ประชาคมโลกมากขึ้น และกำลังจะเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ในอนาคต มีการปฏิรูปการค้าและการลงทุนมากขึ้น กลายเป็นเหตุผลหนึ่งที่โคคา-โคลา ตัดสินใจมาทำธุรกิจในลาว"
นอกจากนี้ การที่เศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรป รวมถึงญี่ปุ่น ไม่สู้ดี กลายเป็นการมองเห็นโอกาสของอาเซียน ที่ใครๆก็พูดถึง รวมถึงโคคา -โคลา ก็มองมายังอาเซียน โดยอาร์ชวัส ระบุว่าในปี 2020 (อีก 8 ปีจากนี้) โคคา-โคลา ทั่วโลก ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายในอาเซียนให้ได้มากถึง 15-20% (หนึ่งในห้า) เมื่อเทียบกับรายได้โคคา-โคล่า ทั่วโลก
ขณะที่ประเทศในอาเซียนที่โคคา-โคลา ไปลงทุน "ส่วนใหญ่" จะเป็นผู้นำการตลาดเหนือเป๊ปซี่ "อาร์ชวัส" ระบุเช่นนั้น
สำหรับโคคา-โคลา ในอาเซียน "ลาว" ถือเป็นประเทศสุดท้ายที่เข้าไปทำตลาด ผ่านไทยน้ำทิพย์ เมื่อเทียบกับเป๊ปซี่ ที่ไปรุกตลาดอาเซียนครบทั้ง 10 ประเทศแล้ว โดยในลาวเป๊ปซี่เลือกที่จะใช้โมเดลจับพันธมิตรกับนักลงทุนท้องถิ่นให้เป็นผู้กระจายสินค้าให้เช่นกัน
สาเหตุที่ลาวเป็นประเทศสุดท้ายในอาเซียนที่โคคา-โคล่า เข้าไปทำตลาด อาร์ชวัส เจริญศิลป์ ผู้อำนวยการองค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร โคคา-โคลา (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลว่า เป็นเพราะเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อ(ดีมานด์)น้อยจากจำนวนประชากรเพียง 6-7 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นประชากรในเวียงจันทน์ราว 7 แสนคน ที่สำคัญประชากรยังอยู่กัน "กระจัดกระจาย" กลายเป็นความท้าทายในการทำธุรกิจของโคคา-โคลา ในลาวอยู่ไม่น้อย
ส่วนการจับพันธมิตรในอุตสาหกรรมพลังงาน อย่างพีที คอนสตรัคชั่น ที่ผันตัวเองมาลุยธุรกิจน้ำอัดลม น่าจะเป็นเพราะ"สายสัมพันธ์" ที่แน่นปึ่กของบริษัทนี้กับรัฐบาลลาวในอุตสาหกรรมพลังงาน ที่ลาวบอกตัวเองว่าจะเป็น "แบตเตอรี ออฟ เอเซีย" ในฐานะเจ้าบ้านพีที คอนสตรัคชั่น ยังมีความเข้าใจตลาดในลาวเป็นอย่างดี (Local Knowledge) ซึ่งจะช่วยอุดช่องโหว่ของตลาดในลาวที่กระจัดกระจายได้
อาร์ชวัส ยังพูดถึงบริษัทนี้ว่า "ที่เขามาทำตลาดน้ำอัดลม เพราะใครบ้างจะไม่อยากเป็นเจ้าตลาดน้ำอัดลมในลาว" เนื่องจากที่ผ่านมาไร้คู่แข่งขัน มีเพียง เป๊ปซี่ รายเดียวที่ครองตลาดนี้มายาวนาน เมื่อลาวมีรายได้สูงขึ้นในอนาคต การบริโภคก็จะเพิ่มมากขึ้น โดยเขาปล่อยประโยคเด็ดท้าทายเป๊ปซี่ว่า..
"เจ้าตลาดที่ไม่ได้มีการแข่งขัน ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเจ้าตลาดได้ตลอดไป" ดังนั้นจากนี้แน่นอนว่า จะเห็นการแข่งขันเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลมในลาวระหว่างโค้กกับเป๊ปซี่ จะดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
ที่สำคัญต้อง "ปักธง"รอโอกาสไว้ก่อน
"ช่วงแรกของการเข้าตลาดต้อง Invest Ahead of Business หรือสร้างไว้ก่อนค่อยมาดูศักยภาพตลาด ทั้งในเรื่องความพร้อมด้านแรงงาน และเครื่องจักร ตอนนี้ในลาวน้ำอัดลม 1 ขวดแพงกว่าก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม"
โดยกลยุทธ์การตลาดของโคคา-โคลา ในลาว เขาระบุว่า จะเน้นการรับรู้ในแบรนด์ ที่สำคัญต้องให้ผู้บริโภคเห็นสินค้าชั้นจำหน่ายสินค้า (กระจายสินค้าให้ทั่วถึง) และจะมีการเล่น Price Competition (สงครามราคา) ในบางพื้นที่ คล้ายโมเดลในไทยที่จะใช้ขวดแก้วเป็นหลัก
ไม่มีเป๊ปซี่ ขอโค้ก ไม่มีโค้ก มีแต่ "เอส โคล่า" ผู้บริโภค มักไม่เกี่ยง ยกเว้นพวกที่แบรนด์ฝังหัว (Brand Royalty)
เอส โคล่า จึงกลายเป็น "ตัวแปร" สำคัญต่อการแข่งขันตลาดน้ำดำในเมืองไทยปีหน้าที่กำลังจะเดินทางมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงจากนี้ ตามความเห็นของ "อาร์ชวัส เจริญศิลป์” ผู้อำนวยการองค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร โคคา-โคลา (ประเทศไทย) เป็นไปเพื่อชิงเค้กในตลาดน้ำดำ โดยเขาระบุว่ามีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 43,000 ล้านบาท (อ้างอิงข้อมูลของ เอซี นีลเส็น) ถือว่ามากกว่าตัวเลขเดิมที่ประเมินกับไว้ที่ 38,000 ล้านบาท ถึง 5,000 ล้านบาท มากกว่ามูลค่าตลาดรวมชาเขียวกว่า 3 เท่าตัว (มูลค่าตลาดรวมชาเขียวอยู่ที่ราว 13,500 ล้านบาท)
เมื่อคู่แข่งเพิ่ม จากเดิมที่ตลาดน้ำดำในไทยค่อนข้างผูกขาด สังเวียนน้ำดำปีหน้า จึงซู่ซ่ายิ่งนัก !!!
"ปีหน้าตลาดน้ำอัดลมเมืองไทย จะเป็น Historical Moment พลิกหน้าประวัติศาสตร์ โค้กในไทยอยากจะโตที่ 7-8% เมื่อเทียบกับตลาดรวม ที่ต้องตั้งไว้แบบคอนเซอร์เวทีฟ (อนุรักษ์นิยม) นิดนึง เพราะไม่รู้ว่าแบรนด์ใหม่จะติดตลาดมากน้อยแค่ไหน เป็นตัวแปรสำคัญ จากระบบกระจายสินค้าที่แข็งแรงของแบรนด์น้องใหม่" อาร์ชวัส สารภาพ
แสดงให้เห็นว่า แม้แต่โค้ก เบอร์ 2 ในตลาดน้ำดำเมืองไทย ยังแสดงความกังวลต่อการมาของ "เอส โคล่า" จากค่ายเสริมสุข อีกขาธุรกิจของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เศรษฐีอันดับสองของไทย แห่งอาณาจักรแสนล้าน ทีซีซี กรุ๊ป อยู่ไม่น้อย หรืออาจจะกังวลมากกว่าคู่แข่งเดิมอย่างเป๊ปซี่ เสียด้วยซ้ำ เพราะเสริมสุขเคยเป็นผู้ผลิตและจัดหน่ายสินค้าให้เป๊ปซี่จนขึ้นบัลลังก์แชมป์ในไทย เป็นไม่กี่ประเทศที่โค้กต้องพ่ายให้ มาแล้ว
"ต้องเรียกว่าเก่ง !!" อาร์ชวัส หลุดปากพูดถึงแบรนด์คู่แข่งน้องใหม่ ปีหน้าจะเป็นเรื่องที่ "โค้กจะประมาทไม่ได้" ! เขาบอก
"เราไม่เคยประมาทคู่แข่ง เพราะรู้ว่าความสามารถในการกระจายสินค้าเขาสูงมาก เมื่อไหร่ที่เราเลิกกังวลเราจะกลายเป็นคนขี้เกียจ ความกังวลจะทำให้เราพัฒนาไปได้เรื่อยๆ" นายฝรั่งบอกเขาไว้เช่นนั้น
ต่างจากในปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงชุลมุน ทั้งแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งตั้งไข่เมื่อปลายปี และอาการซวนเซของเจ้าตลาดในไทยอย่างเป๊ปซี่ ทำให้ผู้บริหารโค้กมั่นใจว่า สิ้นปีนี้จะสามารถช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดน้ำดำ ในไทยจากเป๊ปซี่และบิ๊กโคล่า มาได้ อย่างมี "นัยสำคัญ"
"มาร์เก็ตแชร์ปีนี้ จะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ แน่นอน !!" เขาพูดเสียงดัง หากจะตีความในสิ่งที่พูดคล้ายกับจะบอกว่า โค้กมีลุ้นที่จะขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดน้ำดำในไทยแทนเป๊ปซี่ แน่ๆแล้ว โดยเฉพาะการเบียดแทรกยอดขายในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายปลายปี ซึ่งเป็นช่วงของการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่
ผู้บริหารโค้กรายนี้ยังเปิดข้อมูลการตลาดในช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.55) ว่า เครื่องดื่ม "ทั้งพอร์ตโฟลิโอ" ของโคคา-โคลา (สินค้าอัดลมและไม่อัดลม) แต่มียอดขายหลักในสินค้าน้ำอัดลม ได้แก่ โค้ก แฟนต้า และสไปรท์ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 55 % เติบโตสูงสุดในรอบ 6 ปี
โดยปฏิเสธที่จะแยกมาร์เก็ตแชร์เฉพาะน้ำดำออกมา เพื่อวัดกันกับเป๊ปซี่แบบชัดๆ กลายเป็นนโยบายของโค้กไปซะแล้ว จนกว่าน้ำดำจะแซงหน้าเป็นเบอร์ 1 ไปจริงๆ ถึงจะกล้าพูด เพราะเป็นที่รู้กันว่า แฟนต้า สไปรท์ น้ำสีของโคคา-โคลา ขายดีกว่า มิรินดา น้ำสีของค่ายเป๊ปซี่
ส่วนยอดขายเฉพาะโค้ก แฟนต้า สไปรท์ ในช่วง 11 เดือนของปีนี้ สูงถึง 24% โตมากกว่าตลาดเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับตลาดอัดลมโดยรวมที่เติบโตเพียง 13% อาร์ชวัส ระบุ เทียบกับเมื่อปีที่ผ่านมายอดขายน้ำอัดลมของโคคา-โคล่าที่มีอัตราเติบโต 10% เพราะเป็นปีที่ไม่ปกติหลังเผชิญเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในไทย
นอกจากนี้ เขายังเชื่อมั่นในพลังของ "ขวดแก้ว" ซึ่งเป็นความได้เปรียบของโค้ก เหนือ เป๊ปซี่ ที่ปัจจุบันเผชิญปัญหาการผลิตขวดแก้ว จนต้องออกหาทางออกนำขวดพลาสติกมาทำตลาด
"ตอนนี้โค้กบรรจุด้วยขวดแก้ว สัดส่วน 60-70% ถือว่าเหมาะสมกับตลาดในประเทศไทย ถ้าขวดแก้วอยู่ไม่ได้จริงป่านนี้ขายไม่ได้แล้วเพราะ โปรเซสมันเยอะ ไหนจะต้องมัดจำขวด คืนขวด ต้องล้าง นำมาใช้ใหม่ เวลาไปร้านอาหารระหว่างขวดแก้ว กับขวดพลาสติก อารมณ์มันผิดกัน" เขาเชื่อเช่นนั้น
แต่อย่าลืมว่า เอส โคล่า เป็นเจ้าสังเวียนขวดแก้วเช่นกัน ! นี่แหละที่ทำให้โค้กเก๊กซิม
ขณะที่เมื่อเทียบช่องทางการจัดจำหน่ายแล้ว ระหว่างโค้ก กับ เอส โคล่า มีตัวเลขที่ใกล้เคียงกันที่กว่า 2 แสนร้านค้า ส่วนใหญ่เป็นร้านค้าปลีกดั่งเดิม (เทรดดิชั่นแนล เทรด) โค้กเคลมตัวเองด้วยซ้ำว่า มีช่องทางการจัดจำหน่ายมากถึง 2.5 แสนร้านค้าทั่วประเทศ ผ่านสองบริษัทในกลุ่มคือ ไทยน้ำทิพย์ (ดูแลการกระจายสินค้าใน 62 จังหวัด) และหาดทิพย์ (ดูแลการกระจายสินค้าใน 14 จังหวัดภาคใต้)
หันมาดูยอดขายของ เอส โคล่า หลังจากโค้กแถลงข่าวไปได้เพียง 2 วัน เสริมสุข โดยฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ ทายาทสมชาย บุลสุข แจงยอดขายเอส โคล่า ออกมาว่า ยอดขายช่วง 6 สัปดาห์แรกของการทำตลาด มียอดขายถึง 4 ล้านลัง เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2.5 ล้านลัง คิดเป็นรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังเปิดตัวน้ำแดงกลิ่นสตอว์เบอรี่ เข้าทำตลาดเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา และในเร็วๆนี้จะส่งน้ำส้ม น้ำเขียว และเลมอนไลน์ และเซเว่นอัพ เข้าทำตลาด
พร้อมทั้งบอกด้วยว่า เมื่อครบ 1 ปีแรกของการทำตลาด เอส โคล่า น่าจะมียอดขายเป็นไปตามเป้าหมายอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งการตลาดที่ประมาณ 25% จากตลาดรวมน้ำอัดลม และขึ้นเป็นอันดับ 3 ในตลาดน้ำดำภายใน 3 ปีจากนี้ ขณะที่ปีหน้าจะใช้งบไว้อีกประมาณ 900 ล้านบาท ด้วยการโฆษณาผ่านสื่อ และทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง
โดยโค้กน่าจะรับรู้ข้อมูลนี้เป็นอย่างดี จึงต้องเร่งสปีดหนีแบบด่วนๆ โดยตั้งงบลงทุนใน 3 ปี ไว้ที่ 14,000 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 6 ปี ด้วยการขยายไลน์การผลิตน้ำอัดลมที่ปทุมธานี และรังสิต
เรียกว่า บลัฟกันสุดๆกับเอส โคล่า
บนเป้าหมายที่ต้องการขยับอันดับยอดขายในไทยของโค้กที่ติด 1 ใน 20 ประเทศที่มียอดขายมากที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับ 207 ประเทศที่โคคา-โคลา เข้าไปทำตลาด ให้มีอันดับที่สวยขึ้น พูดกันไปถึงติด "ท็อปเทน" แต่ไม่บอกว่าเป็นปีไหน
อาร์ชวัสยังบอกด้วยว่า สำหรับโค้กในไทยปีหน้า จะเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง โดยไม่เกินครึ่งแรกของปีหน้าจะต้องเร่งแก้ปัญหา "สินค้าขาดสต๊อก" ให้ดีขึ้น พร้อมไปกับการสื่อสารกับลูกค้าให้มากขึ้น ผ่านการโฆษณา การเน้นในเรื่องนวัตกรรม ได้แก่ นวัตกรรมด้านการผลิต การขนส่ง และการดูแลลูกค้า
"5-6ปีที่ผ่านมาโค้กเอาตังค์ไปลงกับเรื่อง Innovation ค่อนข้างเยอะ อย่างสินค้า Slim can ใช้อะลูมิเนียมลดลง หรือขวดน้ำดื่มน้ำทิพย์ที่ลดการใช้พลาสติกล 35% ถือว่าค่อนข้างจะ Successive Innovation ต่อไปเรื่องนวัตกรรมจะเป็น Pipeline ที่จะออกมาอีกเยอะ โค้กในไทยจะต้องรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ให้ได้" เขามุ่งมั่นบนความกังวลนิดๆ
------------------------------------------
โคคา-โคลา ในอาเซียน
รุก "ลาว" ประเทศสุดท้าย
ข่าวการลงนามสัญญาตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัทไทยน้ำทิพย์ จำกัด กับ บริษัทพีที คอนสตรัคชั่น พันธมิตรธุรกิจในลาว ที่มีธุรกิจดั่งเดิมอยู่ในอุตสาหกรรมพลังงาน เพื่อจัดตั้งบริษัทโคคา โคลา บอทลิ่ง จำกัด ให้เป็นบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มโคคา-โคล่า ในลาว ทันทีที่มีการลงนาม (29 พ.ย.55) โดยจะนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย จนกว่าจะโรงงานผลิตในนครเวียงจันทน์ เมืองหลวงของลาว จะเปิดดำเนินการผลิตได้ในปี 2557 ก่อนการเปิดประชาคมอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 "เพียง 1 ปี"
ถือเป็นการดักโอกาส ของโคคา-โคลา กับการเกิดขึ้นของเออีซี โดยแท้ !
"การเกิดขึ้นของเออีซี เมื่อรวมตลาดในอาเซียนเป็นตลาดเดียว ผมคิดว่าประเทศในอาเซียนที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด คือประเทศที่มีพรมแดนติดกัน อย่างอินโดไชน่า (ไทย ลาว กัมพูชา พม่า เวียดนาม) มากกว่าประเทศที่เป็นเกาะแก่ง ที่ผ่านมาลาวยังเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ASEM แสดงให้เห็นว่าลาวเริ่มเปิดตัวสู่ประชาคมโลกมากขึ้น และกำลังจะเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ในอนาคต มีการปฏิรูปการค้าและการลงทุนมากขึ้น กลายเป็นเหตุผลหนึ่งที่โคคา-โคลา ตัดสินใจมาทำธุรกิจในลาว"
นอกจากนี้ การที่เศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรป รวมถึงญี่ปุ่น ไม่สู้ดี กลายเป็นการมองเห็นโอกาสของอาเซียน ที่ใครๆก็พูดถึง รวมถึงโคคา -โคลา ก็มองมายังอาเซียน โดยอาร์ชวัส ระบุว่าในปี 2020 (อีก 8 ปีจากนี้) โคคา-โคลา ทั่วโลก ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายในอาเซียนให้ได้มากถึง 15-20% (หนึ่งในห้า) เมื่อเทียบกับรายได้โคคา-โคล่า ทั่วโลก
ขณะที่ประเทศในอาเซียนที่โคคา-โคลา ไปลงทุน "ส่วนใหญ่" จะเป็นผู้นำการตลาดเหนือเป๊ปซี่ "อาร์ชวัส" ระบุเช่นนั้น
สำหรับโคคา-โคลา ในอาเซียน "ลาว" ถือเป็นประเทศสุดท้ายที่เข้าไปทำตลาด ผ่านไทยน้ำทิพย์ เมื่อเทียบกับเป๊ปซี่ ที่ไปรุกตลาดอาเซียนครบทั้ง 10 ประเทศแล้ว โดยในลาวเป๊ปซี่เลือกที่จะใช้โมเดลจับพันธมิตรกับนักลงทุนท้องถิ่นให้เป็นผู้กระจายสินค้าให้เช่นกัน
สาเหตุที่ลาวเป็นประเทศสุดท้ายในอาเซียนที่โคคา-โคล่า เข้าไปทำตลาด อาร์ชวัส เจริญศิลป์ ผู้อำนวยการองค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร โคคา-โคลา (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลว่า เป็นเพราะเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อ(ดีมานด์)น้อยจากจำนวนประชากรเพียง 6-7 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นประชากรในเวียงจันทน์ราว 7 แสนคน ที่สำคัญประชากรยังอยู่กัน "กระจัดกระจาย" กลายเป็นความท้าทายในการทำธุรกิจของโคคา-โคลา ในลาวอยู่ไม่น้อย
ส่วนการจับพันธมิตรในอุตสาหกรรมพลังงาน อย่างพีที คอนสตรัคชั่น ที่ผันตัวเองมาลุยธุรกิจน้ำอัดลม น่าจะเป็นเพราะ"สายสัมพันธ์" ที่แน่นปึ่กของบริษัทนี้กับรัฐบาลลาวในอุตสาหกรรมพลังงาน ที่ลาวบอกตัวเองว่าจะเป็น "แบตเตอรี ออฟ เอเซีย" ในฐานะเจ้าบ้านพีที คอนสตรัคชั่น ยังมีความเข้าใจตลาดในลาวเป็นอย่างดี (Local Knowledge) ซึ่งจะช่วยอุดช่องโหว่ของตลาดในลาวที่กระจัดกระจายได้
อาร์ชวัส ยังพูดถึงบริษัทนี้ว่า "ที่เขามาทำตลาดน้ำอัดลม เพราะใครบ้างจะไม่อยากเป็นเจ้าตลาดน้ำอัดลมในลาว" เนื่องจากที่ผ่านมาไร้คู่แข่งขัน มีเพียง เป๊ปซี่ รายเดียวที่ครองตลาดนี้มายาวนาน เมื่อลาวมีรายได้สูงขึ้นในอนาคต การบริโภคก็จะเพิ่มมากขึ้น โดยเขาปล่อยประโยคเด็ดท้าทายเป๊ปซี่ว่า..
"เจ้าตลาดที่ไม่ได้มีการแข่งขัน ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเจ้าตลาดได้ตลอดไป" ดังนั้นจากนี้แน่นอนว่า จะเห็นการแข่งขันเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลมในลาวระหว่างโค้กกับเป๊ปซี่ จะดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
ที่สำคัญต้อง "ปักธง"รอโอกาสไว้ก่อน
"ช่วงแรกของการเข้าตลาดต้อง Invest Ahead of Business หรือสร้างไว้ก่อนค่อยมาดูศักยภาพตลาด ทั้งในเรื่องความพร้อมด้านแรงงาน และเครื่องจักร ตอนนี้ในลาวน้ำอัดลม 1 ขวดแพงกว่าก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม"
โดยกลยุทธ์การตลาดของโคคา-โคลา ในลาว เขาระบุว่า จะเน้นการรับรู้ในแบรนด์ ที่สำคัญต้องให้ผู้บริโภคเห็นสินค้าชั้นจำหน่ายสินค้า (กระจายสินค้าให้ทั่วถึง) และจะมีการเล่น Price Competition (สงครามราคา) ในบางพื้นที่ คล้ายโมเดลในไทยที่จะใช้ขวดแก้วเป็นหลัก
- canuseeme
- Verified User
- โพสต์: 302
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "โค้ก" ออกปากหวั่น "เอส โคล่า"
โพสต์ที่ 3
โดย ส่วน ตัว โค๊ก แหล แน่นอน
ตอน นี้ ต้อง บอกว่า โค๊ก โกย ลูกเดียว ครับ รับ เน้นๆ
ถึง กับ หยุดผลิต โค๊กซี่โร่ ขวดใหญ่เลยทีเดียว
ไป ห้างไหน เจอ โค๊ก ตลอด
เอส กอดคอ กับ เป๊ปซี่ ดับ ในห้างค้าปลีก ปล่อยโค๊กยึดพื้นที่
แต่ เอส หนีไปเกิด ตามร้านโชว์ห่วย
ส่วน เป๊ป คง หาที่ ลงอยู่ ซึ่ง ผมว่า เป็ป น่า จะ มา บู๊ กับโค๊ก ที่ ห้าง แน่นอน
คงไม่ไปบู๊ที่ ร้าน โชว์ห่วย
ตอน นี้ ต้อง บอกว่า โค๊ก โกย ลูกเดียว ครับ รับ เน้นๆ
ถึง กับ หยุดผลิต โค๊กซี่โร่ ขวดใหญ่เลยทีเดียว
ไป ห้างไหน เจอ โค๊ก ตลอด
เอส กอดคอ กับ เป๊ปซี่ ดับ ในห้างค้าปลีก ปล่อยโค๊กยึดพื้นที่
แต่ เอส หนีไปเกิด ตามร้านโชว์ห่วย
ส่วน เป๊ป คง หาที่ ลงอยู่ ซึ่ง ผมว่า เป็ป น่า จะ มา บู๊ กับโค๊ก ที่ ห้าง แน่นอน
คงไม่ไปบู๊ที่ ร้าน โชว์ห่วย
ปัญญาไม่มีในผู้ไม่พิจารณา
There is no fate but what we make
https://www.facebook.com/pages/คัดหุ้นซวย
There is no fate but what we make
https://www.facebook.com/pages/คัดหุ้นซวย
-
- Verified User
- โพสต์: 530
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "โค้ก" ออกปากหวั่น "เอส โคล่า"
โพสต์ที่ 7
'เอส'เขย่า'น้ำดำ' พลิกบัลลังก์'เป๊ปซี่'
สะเทือน"น้ำดำ" เมื่อ"เสริมสุข"ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายฯ"เป๊ปซี่"เกือบ6ทศวรรษตัดสินใจปั้นแบรนด์ต่อกร"โกลบอลแบรนด์"อย่างเป๊ปซี่ โค้ก รวมบิ๊กโคล่า"เอส โคล่า" แบรนด์น้ำดำสัญชาติไทยแท้ วางตลาดทันทีเมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากสิ้นสุดพันธสัญญาทางธุรกิจ ระหว่างบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) และเป๊ปซี่โค อิงค์ ในการผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เป๊ปซี่ ในประเทศไทยมาอย่างยาวนานร่วม 59 ปี
การเปิดตัวของ "เอส โคล่า" ปลุกตลาดน้ำดำที่เคยผูกขาดอยู่เพียง 2 แบรนด์ใหญ่ แม้เพิ่งมีสีสันในช่วง 6-7 ปีหลัง เมื่อมีผู้เล่นรายใหม่อย่าง "บิ๊ก โคล่า" ตีโอบด้วยกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง สร้างชื่อและเก็บเกี่ยวส่วนแบ่งการตลาดต่างจังหวัดไปไม่น้อย
"เป๊ปซี่"ครองความเป็นผู้นำตลาดน้ำดำในไทยตลอดมากว่า 50 ปี เป็นเพียงไม่กี่ตลาดในทั่วโลกที่เป๊ปซี่ชนะโค้ก ขณะที่"เสริมสุข" ประกาศเป้าหมายชัดเจนว่าจะขึ้นครองบัลลังก์น้ำดำให้ได้ภายใน 3 ปี (2558)
นายสมชาย บุลสุข ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มั่นใจในประสบการณ์ 59 ปีของเสริมสุข ในธุรกิจน้ำอัดลมที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็น "เอส" ซึ่งจะผลักดันให้ติดตลาดโดยเร็วที่สุดก่อนก้าวสู่ "อินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์" ปูพรมขยายตลาดต่างประเทศ
"อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้ผ่านไป เราใช้เวลา 8 เดือน สร้าง เอส โคล่า เป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต" สมชาย กล่าว
เดิมพันของ "เอส"กับการ"สร้างแบรนด์"ของตัวเอง ให้เป็นเจ้าตลาดน้ำดำจากคนเคย "ทำแบรนด์" ให้เป็นผู้นำมาแล้ว เส้นทางนี้ดูเหมือนว่าไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายนัก
แม้ว่าหลายฝ่ายประเมินขุมพลังของ "เป๊ปซี่" บนลำแข้งของตัวเองครั้งนี้ว่าไม่น่าจะพร้อมมากนัก โดยเฉพาะการผลิตและกระจายสินค้า
นาย จา-กรูท โคเตชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ยอมรับว่า ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางธุรกิจครั้งนี้ อาจมีสะดุดบ้าง แต่จะเดินหน้าตามปกติให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งด้านการผลิต กระจายสินค้า และกิจกรรมทางการตลาด เพื่อรักษาผู้นำตลาดน้ำดำในไทย พร้อมทั้งสามารถขยายส่วนแบ่งการตลาด และยอดขายเพิ่มขึ้นในอนาคต
"บริษัทมั่นใจต่อการรักษาสถานะผู้นำตลาดน้ำดำในไทย สะท้อนจากการสำรวจตลาด พบว่า เป๊ปซี่ เป็นแบรนด์เครื่องดื่มน้ำดำอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคชาวไทย และ 73% ของผู้บริโภคเห็นว่า เป๊ปซี่ คือ แบรนด์ที่พวกเขารัก” จา-กรูท กล่าวก่อนที่ เอส จะวางจำหน่าย และระบุว่า เป๊ปซี่ มีส่วนแบ่งการตลาด 50% ในตลาดน้ำดำ
ตลาดน้ำดำ คิดเป็นสัดส่วน 75-80% ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มน้ำอัดลม 3.88 หมื่นล้านบาท “บิ๊กโคล่า” ระบุว่า มีส่วนแบ่งฯ 16.6% ในน้ำดำ ขณะที่ค่าย “โค้ก” จนถึงวันนี้ยังปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มน้ำดำ เพียงแต่ย้ำว่าครองส่วนแบ่งสูงสุด 55% ในตลาดน้ำอัดลม
น้องใหม่ "เอส" อัดงบกว่า 1,200 ล้านบาท เปิดเกมรุกหนักหน่วงช่วง 14 เดือนแรก ด้วยการตลาด 360 องศา ผ่าน 5 ปรากฏการณ์สุดขั้ว
“เดิมวงการน้ำอัดลมมีเพียง 2 แบรนด์ แต่วันนี้มี 4 แบรนด์ ฉะนั้นสถานการณ์เข้มข้นมากกว่าเดิม 4 เท่า แต่ละรายมีความชำนาญและจุดแข็งที่ต่างกัน เราก็ต้องปิดจุดอ่อนของเรา” ฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ เสริมสุข กล่าว และย้ำว่า
การขึ้นเป็นอันดับ 2 ของ เอส โคล่า ในปี 2556 ด้วยส่วนแบ่งฯ ไม่น้อยกว่า 25% หรือมียอดขาย 8,000 ล้านบาท บอกได้เลยว่า เบอร์ 3 ไม่มีที่จะยืนแน่นอน
"จุดแข็ง" ที่สุดของเสริมสุข คือ ไดเร็คเซลเจาะตรงคู่ค้าและลูกค้า การเข้าสู่ศึกสงครามครั้งใหญ่เวลานี้ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนไหนทั้งสิ้น เพื่อบรรลุเป้าประสงค์ใหญ่ก้าวสู่แชมป์ภายใน 3 ปีข้างหน้า
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของเป๊ปซี่ แบรนด์ระดับโลก เป็นที่คุ้นเคยกับคนไทยมาช้านาน ทำให้ “เป๊ปซี่โค” มั่นใจจะป้องกันแชมป์ “น้ำดำ” จากผู้ท้าชิงรอบทิศ แม้จะไม่มีโปรดักท์แชมเปี้ยน "ขวดแก้ว" แต่เชื่อว่าเทรนด์ของโลกตอบรับ “ขวดพีอีที" (PET) และ "กระป๋อง" เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของเป๊ปซี่ ที่ประกาศ ลด-เลิก “ขวดแก้ว” พร้อมดีไซน์ขวด “พีอีที" (PET) หลากหลายขนาด และผลักดันเป๊ปซี่ "กระป๋อง" เป็นหัวหอก เจาะตรงไลฟ์สไตล์ลูกค้าแต่ละกลุ่ม
เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีเป๊ปซี่กระจายถึงระดับรากหญ้าทั่วประเทศ บริษัทได้วางระบบกระจายสินค้าโดยใช้บริการของ “ดีเอชแอล” และดิสทริบิวเตอร์ระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นบริษัทคนไทย เพื่อใช้ความสัมพันธ์ระดับท้องถิ่น ผลักดันสินค้าเข้าถึงลูกค้าครอบคลุมทั่วประเทศ
“ร้านขายของชำ ยี่ปั๊ว ค้าส่ง หรือทุกช่องทางขายจะได้รับเป๊ปซี่อย่างทั่วถึง เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ผู้บริโภคต้องการ เป๊ปซี่ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน จะหาซื้อเป๊ปซี่ได้อย่างแน่นอน” จา-กรูท กล่าว
ระหว่างปี 2556-2558 เป๊ปซี่โค ใช้งบ 1.84 หมื่นล้านบาท ลงทุนในส่วนของการผลิตและกระจายสินค้า กิจกรรมการตลาด และการจ้างงาน-พัฒนาศักยภาพบุคลากร นอกจากโรงงานผลิตที่นิคมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง แล้ว ยังเตรียมขยายโรงงานผลิตที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะอีกด้วย
หลักชัย "น้ำดำ" เดิมพันนี้ มีสำหรับ 1 แบรนด์เท่านั้น
สะเทือน"น้ำดำ" เมื่อ"เสริมสุข"ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายฯ"เป๊ปซี่"เกือบ6ทศวรรษตัดสินใจปั้นแบรนด์ต่อกร"โกลบอลแบรนด์"อย่างเป๊ปซี่ โค้ก รวมบิ๊กโคล่า"เอส โคล่า" แบรนด์น้ำดำสัญชาติไทยแท้ วางตลาดทันทีเมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากสิ้นสุดพันธสัญญาทางธุรกิจ ระหว่างบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) และเป๊ปซี่โค อิงค์ ในการผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เป๊ปซี่ ในประเทศไทยมาอย่างยาวนานร่วม 59 ปี
การเปิดตัวของ "เอส โคล่า" ปลุกตลาดน้ำดำที่เคยผูกขาดอยู่เพียง 2 แบรนด์ใหญ่ แม้เพิ่งมีสีสันในช่วง 6-7 ปีหลัง เมื่อมีผู้เล่นรายใหม่อย่าง "บิ๊ก โคล่า" ตีโอบด้วยกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง สร้างชื่อและเก็บเกี่ยวส่วนแบ่งการตลาดต่างจังหวัดไปไม่น้อย
"เป๊ปซี่"ครองความเป็นผู้นำตลาดน้ำดำในไทยตลอดมากว่า 50 ปี เป็นเพียงไม่กี่ตลาดในทั่วโลกที่เป๊ปซี่ชนะโค้ก ขณะที่"เสริมสุข" ประกาศเป้าหมายชัดเจนว่าจะขึ้นครองบัลลังก์น้ำดำให้ได้ภายใน 3 ปี (2558)
นายสมชาย บุลสุข ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มั่นใจในประสบการณ์ 59 ปีของเสริมสุข ในธุรกิจน้ำอัดลมที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็น "เอส" ซึ่งจะผลักดันให้ติดตลาดโดยเร็วที่สุดก่อนก้าวสู่ "อินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์" ปูพรมขยายตลาดต่างประเทศ
"อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้ผ่านไป เราใช้เวลา 8 เดือน สร้าง เอส โคล่า เป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต" สมชาย กล่าว
เดิมพันของ "เอส"กับการ"สร้างแบรนด์"ของตัวเอง ให้เป็นเจ้าตลาดน้ำดำจากคนเคย "ทำแบรนด์" ให้เป็นผู้นำมาแล้ว เส้นทางนี้ดูเหมือนว่าไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายนัก
แม้ว่าหลายฝ่ายประเมินขุมพลังของ "เป๊ปซี่" บนลำแข้งของตัวเองครั้งนี้ว่าไม่น่าจะพร้อมมากนัก โดยเฉพาะการผลิตและกระจายสินค้า
นาย จา-กรูท โคเตชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ยอมรับว่า ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางธุรกิจครั้งนี้ อาจมีสะดุดบ้าง แต่จะเดินหน้าตามปกติให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งด้านการผลิต กระจายสินค้า และกิจกรรมทางการตลาด เพื่อรักษาผู้นำตลาดน้ำดำในไทย พร้อมทั้งสามารถขยายส่วนแบ่งการตลาด และยอดขายเพิ่มขึ้นในอนาคต
"บริษัทมั่นใจต่อการรักษาสถานะผู้นำตลาดน้ำดำในไทย สะท้อนจากการสำรวจตลาด พบว่า เป๊ปซี่ เป็นแบรนด์เครื่องดื่มน้ำดำอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคชาวไทย และ 73% ของผู้บริโภคเห็นว่า เป๊ปซี่ คือ แบรนด์ที่พวกเขารัก” จา-กรูท กล่าวก่อนที่ เอส จะวางจำหน่าย และระบุว่า เป๊ปซี่ มีส่วนแบ่งการตลาด 50% ในตลาดน้ำดำ
ตลาดน้ำดำ คิดเป็นสัดส่วน 75-80% ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มน้ำอัดลม 3.88 หมื่นล้านบาท “บิ๊กโคล่า” ระบุว่า มีส่วนแบ่งฯ 16.6% ในน้ำดำ ขณะที่ค่าย “โค้ก” จนถึงวันนี้ยังปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มน้ำดำ เพียงแต่ย้ำว่าครองส่วนแบ่งสูงสุด 55% ในตลาดน้ำอัดลม
น้องใหม่ "เอส" อัดงบกว่า 1,200 ล้านบาท เปิดเกมรุกหนักหน่วงช่วง 14 เดือนแรก ด้วยการตลาด 360 องศา ผ่าน 5 ปรากฏการณ์สุดขั้ว
“เดิมวงการน้ำอัดลมมีเพียง 2 แบรนด์ แต่วันนี้มี 4 แบรนด์ ฉะนั้นสถานการณ์เข้มข้นมากกว่าเดิม 4 เท่า แต่ละรายมีความชำนาญและจุดแข็งที่ต่างกัน เราก็ต้องปิดจุดอ่อนของเรา” ฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ เสริมสุข กล่าว และย้ำว่า
การขึ้นเป็นอันดับ 2 ของ เอส โคล่า ในปี 2556 ด้วยส่วนแบ่งฯ ไม่น้อยกว่า 25% หรือมียอดขาย 8,000 ล้านบาท บอกได้เลยว่า เบอร์ 3 ไม่มีที่จะยืนแน่นอน
"จุดแข็ง" ที่สุดของเสริมสุข คือ ไดเร็คเซลเจาะตรงคู่ค้าและลูกค้า การเข้าสู่ศึกสงครามครั้งใหญ่เวลานี้ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนไหนทั้งสิ้น เพื่อบรรลุเป้าประสงค์ใหญ่ก้าวสู่แชมป์ภายใน 3 ปีข้างหน้า
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของเป๊ปซี่ แบรนด์ระดับโลก เป็นที่คุ้นเคยกับคนไทยมาช้านาน ทำให้ “เป๊ปซี่โค” มั่นใจจะป้องกันแชมป์ “น้ำดำ” จากผู้ท้าชิงรอบทิศ แม้จะไม่มีโปรดักท์แชมเปี้ยน "ขวดแก้ว" แต่เชื่อว่าเทรนด์ของโลกตอบรับ “ขวดพีอีที" (PET) และ "กระป๋อง" เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของเป๊ปซี่ ที่ประกาศ ลด-เลิก “ขวดแก้ว” พร้อมดีไซน์ขวด “พีอีที" (PET) หลากหลายขนาด และผลักดันเป๊ปซี่ "กระป๋อง" เป็นหัวหอก เจาะตรงไลฟ์สไตล์ลูกค้าแต่ละกลุ่ม
เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีเป๊ปซี่กระจายถึงระดับรากหญ้าทั่วประเทศ บริษัทได้วางระบบกระจายสินค้าโดยใช้บริการของ “ดีเอชแอล” และดิสทริบิวเตอร์ระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นบริษัทคนไทย เพื่อใช้ความสัมพันธ์ระดับท้องถิ่น ผลักดันสินค้าเข้าถึงลูกค้าครอบคลุมทั่วประเทศ
“ร้านขายของชำ ยี่ปั๊ว ค้าส่ง หรือทุกช่องทางขายจะได้รับเป๊ปซี่อย่างทั่วถึง เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ผู้บริโภคต้องการ เป๊ปซี่ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน จะหาซื้อเป๊ปซี่ได้อย่างแน่นอน” จา-กรูท กล่าว
ระหว่างปี 2556-2558 เป๊ปซี่โค ใช้งบ 1.84 หมื่นล้านบาท ลงทุนในส่วนของการผลิตและกระจายสินค้า กิจกรรมการตลาด และการจ้างงาน-พัฒนาศักยภาพบุคลากร นอกจากโรงงานผลิตที่นิคมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง แล้ว ยังเตรียมขยายโรงงานผลิตที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะอีกด้วย
หลักชัย "น้ำดำ" เดิมพันนี้ มีสำหรับ 1 แบรนด์เท่านั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 305
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "โค้ก" ออกปากหวั่น "เอส โคล่า"
โพสต์ที่ 8
ผมว่าตอนนี้เอส โคล่าขึ้นที่ 2 แล้ว โดยมีโค้กอันดับ 1
ผมดื่มเอส โคล่าครั้งแรก ไม่ประทับใจ แต่หลังๆมานี่ กลับยอมรับได้ ผมว่าเขามีการปรับรสชาติตามเสียงผู้บริโภค
ในบ้านผม ผมทดลองซื้อน้ำดื่มมา 4 ยี่ห้อ อย่างละสองขวด แช่ไว้ชุดแรกอย่างละขวดก่อน อยากรู้ว่าลูกๆจะเปิดอะไร และอะไรจะหมดก่อน ปรากฎว่า เอส โคล่า ถูกเปิดก่อนและหมดก่อน โดยที่โค้กยังไม่ถูกเปิดเลย (ยังไม่มีเป๊บซี่ให้เลือก เนื่องจากหาซื้อไม่ได้ จะตกอันดับก็เพราะไม่มีของขายนี่แหละ)
ไปร้านอาหาร ร้านบอกว่ามีแต่ เอสกับโค้ก ลูกเลือกเอส ตอนไปกินเลี้ยงปีใหม่ มีอยู่คนนึงไม่เคยรู้จักเอสมาก่อน ไม่เคยดื่มเลยพอดื่มครั้งแรกบอกว่าเอสอร่อย ส่วนคนที่เคยดื่มมักจะบอกว่าเอสจืด เหมือนที่ผมเคยพูดตอนดื่มครั้งแรก ซึ่งความจืดอาจเป็นภาพลักษณืติดตัวเอสไปอีกนาน ทั้งที่มีการปรับเปลี่ยนรสชาติให้หายจืดแล้วก็ตาม
ผมดื่มเอส โคล่าครั้งแรก ไม่ประทับใจ แต่หลังๆมานี่ กลับยอมรับได้ ผมว่าเขามีการปรับรสชาติตามเสียงผู้บริโภค
ในบ้านผม ผมทดลองซื้อน้ำดื่มมา 4 ยี่ห้อ อย่างละสองขวด แช่ไว้ชุดแรกอย่างละขวดก่อน อยากรู้ว่าลูกๆจะเปิดอะไร และอะไรจะหมดก่อน ปรากฎว่า เอส โคล่า ถูกเปิดก่อนและหมดก่อน โดยที่โค้กยังไม่ถูกเปิดเลย (ยังไม่มีเป๊บซี่ให้เลือก เนื่องจากหาซื้อไม่ได้ จะตกอันดับก็เพราะไม่มีของขายนี่แหละ)
ไปร้านอาหาร ร้านบอกว่ามีแต่ เอสกับโค้ก ลูกเลือกเอส ตอนไปกินเลี้ยงปีใหม่ มีอยู่คนนึงไม่เคยรู้จักเอสมาก่อน ไม่เคยดื่มเลยพอดื่มครั้งแรกบอกว่าเอสอร่อย ส่วนคนที่เคยดื่มมักจะบอกว่าเอสจืด เหมือนที่ผมเคยพูดตอนดื่มครั้งแรก ซึ่งความจืดอาจเป็นภาพลักษณืติดตัวเอสไปอีกนาน ทั้งที่มีการปรับเปลี่ยนรสชาติให้หายจืดแล้วก็ตาม
没有
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "โค้ก" ออกปากหวั่น "เอส โคล่า"
โพสต์ที่ 11
ผมว่า เอส น่าจะก้าวมาเป็นเบอร์ 2 ได้ไม่ยากครับ จากที่ 60-70% คือขวดแก้ว ระบบ logistic และการกระจายสินค้าคงจะเป็น key ของธุรกิจนี้จริงๆ
อีกอย่างเรื่องรสชาติ คนที่บอกว่า เอส จืด อาจจะดื่มไปช่วงแรกนะครับ หลังๆมารสชาติมีการปรับไปนะครับ และคนสนใหญ่ไม่ได้สนใจที่รสชาติขนาดนั้นหรอกครับ
อีกอย่างเรื่องรสชาติ คนที่บอกว่า เอส จืด อาจจะดื่มไปช่วงแรกนะครับ หลังๆมารสชาติมีการปรับไปนะครับ และคนสนใหญ่ไม่ได้สนใจที่รสชาติขนาดนั้นหรอกครับ
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
- Simply
- Verified User
- โพสต์: 150
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "โค้ก" ออกปากหวั่น "เอส โคล่า"
โพสต์ที่ 12
ถ้าเสริมสุขปั้น"เอส"มาแย่งอันดับหนึ่งได้ ผมว่าน่าจะเขียนตำราออกมาได้อีกเล่ม เป็นปรากฎการณ์ทางด้านการตลาด เพราะแม้ว่าเสริมสุขได้เปรียบในแง่ของสายส่ง ถ้าผลิตภัณฑ์ยึดพื้นที่ในใจของลูกค้าไม่ได้ก็จบ สงครามกำลังเข้มข้น เพราะลูกค้าที่เคยดื่มเป๊ปซี่จะมีพื้นที่เปิดให้ลองตัวใหม่ ถ้าไม่กุมโอกาสนี้แล้วเสริมสุขน่าจะต้องเหนื่อยมากขึ้น เพราะโค้กก็คงไม่ปล่อยช่วงนี้อัดกันทุกกลยุทธ์ ที่เหลือก็คงดิ้นรนกันสุดๆ
ผมดื่มอะไรก็ได้ที่No Sugar ถ้ามีเอส No sugar ผมก็พร้อมจะลองเหมือนกัน
ผมดื่มอะไรก็ได้ที่No Sugar ถ้ามีเอส No sugar ผมก็พร้อมจะลองเหมือนกัน
Margin Of Safety+Intrinsic Value+Mr.Market
ขอบคุณอ.เกรแฮมที่ทำให้เกิด Value Investing
ขอบคุณบรรดาเหล่าVIทั้งหลายที่พิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของVI
ขอบคุณท่านดร.นิเวศน์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าVIใช้ได้กับบ้านเรา
ขอบคุณอ.เกรแฮมที่ทำให้เกิด Value Investing
ขอบคุณบรรดาเหล่าVIทั้งหลายที่พิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของVI
ขอบคุณท่านดร.นิเวศน์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าVIใช้ได้กับบ้านเรา
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "โค้ก" ออกปากหวั่น "เอส โคล่า"
โพสต์ที่ 15
ลองแล้ว รสชาติเขาร้ายกาจมากครับ
ปกติตอนเด็ก ๆ ชอบดื่มโคล่า โตมาก็ยังดื่มบ้าง ดื่มหมดทุกยี่ห้อ แต่จะชอบ pepsi มากกว่า ตรงที่หอมหวานกว่ายี่ห้ออื่น
พอมาได้ลอง est ต้องยอมรับว่าทำได้ใกล้เคียง pepsi ทั้งรสชาติทั้งกลิ่น แถมยังทั้งหอมกว่า หวานกว่า
สำหรับผมแล้ว ที่ไม่ได้ยึดติดอะไรกับยี่ห้อ
ดื่ม est แล้วแทบลืม pepsi ไปเลยคับ
ปกติตอนเด็ก ๆ ชอบดื่มโคล่า โตมาก็ยังดื่มบ้าง ดื่มหมดทุกยี่ห้อ แต่จะชอบ pepsi มากกว่า ตรงที่หอมหวานกว่ายี่ห้ออื่น
พอมาได้ลอง est ต้องยอมรับว่าทำได้ใกล้เคียง pepsi ทั้งรสชาติทั้งกลิ่น แถมยังทั้งหอมกว่า หวานกว่า
สำหรับผมแล้ว ที่ไม่ได้ยึดติดอะไรกับยี่ห้อ
ดื่ม est แล้วแทบลืม pepsi ไปเลยคับ
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "โค้ก" ออกปากหวั่น "เอส โคล่า"
โพสต์ที่ 16
ปล. แต่เรื่องหุ้นนี่ก็อีกเรื่องอ่ะ
ราคามันไม่ value เท่าไหร่ แล้วผมก็ประเมิน Growth ยังไม่ออก
ราคามันไม่ value เท่าไหร่ แล้วผมก็ประเมิน Growth ยังไม่ออก
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
- neuhiran
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 817
- ผู้ติดตาม: 1
Re: "โค้ก" ออกปากหวั่น "เอส โคล่า"
โพสต์ที่ 17
ผมไปทางจังหวัดทางภาคใต้ ผมเห็นโค๊กมากกว่านะ รึว่าผมมองดูไม่ทั่วpenonline เขียน:ผมว่ารสชาติเอสอร่อยน้อยสุดถ้าเทียบกับโค้ก แปปซี่ หรือบิ๊กโคล่า แต่ไปที่ไหนก็เจอแต่เอสขาย เลยต้องซื้อเอส แต่ถ้ามีตัวเลือกผมจะเลือกตามลําดับ แปปซี่ บิ๊กโคล่า โค้ก เอส
-
- Verified User
- โพสต์: 12
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "โค้ก" ออกปากหวั่น "เอส โคล่า"
โพสต์ที่ 18
เมื่อก่อนผมกิน โค็ก มากกว่าเป็ปซี่ แต่พอ est มา ผมว่ารสชาติดีที่สุด บิ๊กโคลา นี้ห่วยสุดกินไม่ได้ หวานจัด
ถ้าให้เลือก EST COKE PEPSI BIG COLA
ลูกผมก็ชอบทุกคนเห็นไปจะพูดแต่ยี่ห้อนี้ตลอด
เพราะรสชาตินี่และเห็น เด้กๆชอบนี่แหละ ทำให้ผมถึงหาข้อมูล และคิดที่จะถือหุ้นเสริมสุข
ถ้าซือหุ้นแล้วต่อไป คงกิน est ถาวร
ปล เด็กชอบอาจติดใจที่เห็นจากโฆษณา
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 54
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "โค้ก" ออกปากหวั่น "เอส โคล่า"
โพสต์ที่ 19
ผมว่าอยู่ที่ลิ้นเลยครับเรื่องรสชาติ ส่วนตัวไม่มี brand royalty กับพวกเครื่องดื่มอยู่แล้ว เป็นพวกชอบลอง แต่ก็ชอบ est เหมือนกัน ขวดแปลกดี ถูกกว่าด้วย กินแบบใส่น้ำแข็งอร่อยกว่ายี่ห้ออื่น แต่เรื่องประสบความสำเร็จคงต้องรอดู Pepsi ว่าจะเอากลยุทธไหนมาสู้
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "โค้ก" ออกปากหวั่น "เอส โคล่า"
โพสต์ที่ 21
ดื่มน้ำเปล่า แต่อยากซื้อหุ้นน้ำอัดลมครับ
เพราะเห็น เม็ดเงินโฆษณา น้ำอัดลมแต่ละยี่ห้อแล้ว สูงมาก ๆ แสดงว่า กำไรคงเยอะน่าดูครับ
ถึงกล้าทุ่มโฆษณา เพื่อแย่งชิงตลาดกันขนาดนี้
ก็เลยต้องเข้ามาอ่านเพื่ออัพเดทครับ
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ
เพราะเห็น เม็ดเงินโฆษณา น้ำอัดลมแต่ละยี่ห้อแล้ว สูงมาก ๆ แสดงว่า กำไรคงเยอะน่าดูครับ
ถึงกล้าทุ่มโฆษณา เพื่อแย่งชิงตลาดกันขนาดนี้
ก็เลยต้องเข้ามาอ่านเพื่ออัพเดทครับ
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "โค้ก" ออกปากหวั่น "เอส โคล่า"
โพสต์ที่ 22
แต่มองในอีกแง่หนึ่ง ถ้าคนไทยนิยมบริโภค น้ำอัดลม สูงขนาดนี้
หุ้นโรงหมอ ก็น่าสนใจนะครับ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า น้ำอัดลม ดื่มแล้ว ระยะยาว อาจทำให้เสียสุขภาพได้ครับ
หุ้นโรงหมอ ก็น่าสนใจนะครับ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า น้ำอัดลม ดื่มแล้ว ระยะยาว อาจทำให้เสียสุขภาพได้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "โค้ก" ออกปากหวั่น "เอส โคล่า"
โพสต์ที่ 23
ลองซื้อestและpepsiมาทดลองดื่มดูครับ วันนี้ลองดูแล้วรสชาติของทั้งสองยี่ห้อถึงตอนนี้รสชาติยังคงแตกต่างกันแบบรู้สึกถึงความแตกต่างได้อยู่ครับ เอสพอดื่มๆคำแรกๆจะรู้สึกหวานๆพอดื่มไปซักพักจะรู้สึกถึงความเค็มได้ค่อนข้างชัดครับ พอกลืนลงคอไปแล้วรสชาติที่ติดอยู่ที่ลิ้นของpepsiรู้สึกถึงความอร่อยได้อย่างชัดเจนทำให้เกิดความรุ้สึกอยากดื่มอีกแต่estผมกลับไม่ได้รับรสชาติแบบที่pepsiทำได้ครับ
ปล.รสชาติโดยรวมของเอสตามความรู้สึกถือว่าสอบผ่านเกณฑ์รสชาติมาตรฐานน้ำดำนะครับ
ปล.รสชาติโดยรวมของเอสตามความรู้สึกถือว่าสอบผ่านเกณฑ์รสชาติมาตรฐานน้ำดำนะครับ
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
- anubist
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1373
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "โค้ก" ออกปากหวั่น "เอส โคล่า"
โพสต์ที่ 24
วันนี้เจอเรื่องตกใจครับ เข้า7 มีคนหยิบเอส2กระป๋องไปจ่ายตัง
งงว่าทำไมไม่ซื้อโค๊กหรือเป็ปซี่กระป๋อง ทั้งที่ราคาเท่ากัน ปริมาตรเท่ากัน
หรือว่ามีคนเปลี่ยนใจจากโค๊กหรือเป๊ปซี่แล้วและเลือกจะดื่มเอสจากความต้องการของตัวเอง
งงว่าทำไมไม่ซื้อโค๊กหรือเป็ปซี่กระป๋อง ทั้งที่ราคาเท่ากัน ปริมาตรเท่ากัน
หรือว่ามีคนเปลี่ยนใจจากโค๊กหรือเป๊ปซี่แล้วและเลือกจะดื่มเอสจากความต้องการของตัวเอง
ทุนน้อยและหลุดดอยแล้ว เย้ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 149
- ผู้ติดตาม: 0
Re: "โค้ก" ออกปากหวั่น "เอส โคล่า"
โพสต์ที่ 25
จืดไปคงไม่ใช่แน่ๆ estน้ำตาล10.5% เยอะกว่าชาวบ้าน0.5%