หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่างไร
- deepwater
- Verified User
- โพสต์: 41
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่างไร
โพสต์ที่ 1
ความเห็นส่วนตัว เมื่อการลงทุนวันนี้ที่ตลาดสูง 1400 กว่าจุด เป็นการลงทุนของเงินไหลเข้าประเทศเพื่อลงทุนเก็งกำไร ไม่มองถึงพื้นฐานหุ้นรายตัวหรือภาพรวมตลาด ทำให้เกิดความกังวลใจว่า หากต่างชาติถอนตัวจากไปทำให้ตลาดหุ้นอาจตกอย่างรุนแรง ส่งผลให้หุ้นที่ถืออยู่ตกลงไปด้วย กำไรลดลง แต่หากจะขายตอนนี้อาจทำให้เสียโอกาสโมเมนตัมของหุ้นที่กำลังขึ้นจากเงินไหลเข้าที่ไม่รู้ว่าจะหยุดเมื่อไหร่ เหมือนการเดาใจเล่นเกมส์... ขณะเดียวกันจะซื้อเพิ่มก็ไม่ได้เพราะราคาเกินมูลค่าไปแล้ว...
ตอนนี้เลยได้แต่รอ ภาวนาให้ต่างชาติซื้อ ๆ ๆ แล้วหยุดไวไว จะได้ขายออกไปเพื่อรอซื้อรอบใหม่ แต่ยอมรับว่าเดายากครับว่าจะหยุดเมื่อไหร่ เพราะเงินกำลังท่วมโลกจากมาตรการของสหรัฐ...
รอครับรอ ใครมีความเห็นอย่างไรบ้าง ขอแชร์ครับ
ตอนนี้เลยได้แต่รอ ภาวนาให้ต่างชาติซื้อ ๆ ๆ แล้วหยุดไวไว จะได้ขายออกไปเพื่อรอซื้อรอบใหม่ แต่ยอมรับว่าเดายากครับว่าจะหยุดเมื่อไหร่ เพราะเงินกำลังท่วมโลกจากมาตรการของสหรัฐ...
รอครับรอ ใครมีความเห็นอย่างไรบ้าง ขอแชร์ครับ
หากทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว อย่าได้สนใจกับความคิดของคนอื่น
-
- Verified User
- โพสต์: 36
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 2
ทำไมถึงคิดว่า SET Index ที่ 1,400 จุดจึงไม่สมเหตุสมผลละครับ
EPS ของ SET ปี 2556 ที่นักวิเคราะห์หลายๆ โบรกฯ คาดกันว่าน่าจะอยู่ประมาณ 101 บาท SET Index ที่ 1,434 จุด Forward PE ก็ประมาณ 14.19 เท่า
สำหรับเงินทุนนอกที่ไหลเข้า ถ้าไม่สนใจพื้นฐานเลย ผมว่าหุ้นขนาดใหญ่อย่าง PTT ราคาคง 1,000 บาท (เทียบกับตอนก่อนวิกฤตซับไพรม์ ราคา PTT ตอนนี้ยังไม่กลับไปที่เก่าเลยครับ) TOP 200 บาท PTTEP 400 บาท PTTGC 250 บาทหรือ BANPU 1,500 บาท (ไม่สนใจราคาถ่านหิน และคดี)
ที่เห็นวิ่งกันฝุ่นตลบ ราคาขึ้นหลายเท่าตัว บางตัวเป็นสิบเท่าตัว โดยใช้เวลาไม่นาน และพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นเศษสตางค์ และหุ้นต่ำบาท ซึ่งคงไม่ใช่เพราะเม็ดเงินจากต่างชาติหรอกมั้ง น่าจะเป็นเพราะเงินนักลงทุนไทยซะมากกว่า ซึ่งบางส่วนก็ขึ้นแบบดื้อๆ บางส่วนขึ้นเพราะข่าวลือ หรือบางส่วนก็ขึ้นเพราะข่าวดีที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างราคาหุ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเป็นดังข่าวที่ถูกสร้างขึ้นครับ
ส่วนจะทำยังไงในภาวะตลาดที่มีการเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กกันอย่างคึกคัก
ถ้าคุณทนไม่ไหว ก็โดดเข้าไปรวมวงกับเค้า แต่วงแตกเมื่อไหร่ คนที่เคยลงทุนในลักษณะนี้คงจะพอทราบ ว่ากำไรที่เคยได้ยามคึกคักนั้น ช่างหาง่ายเสียนี่กระไร แต่พอง่านเลี้ยงจบ คนที่ออกไม่ทัน กำไรที่เคยได้กับมัน หายหมด หรือบางทีมันมากกว่ากำไรที่เคยได้เสียอีก
แต่ถ้าคุณคือ VI จริงๆ ไม่ใช่ปากบอกว่าเป็น VI แต่การลงทุนเป็นแบบอื่น คุณก็ไม่ต้องไปสนใจตลาด และหุ้นที่คุณวิเคราะห์แล้วไม่น่าลงทุน
นักลงทุนที่มีหลักการลงทุนที่ถูกต้อง และยึดปฏิบัติตามอย่างมีวินัย และอดทน คือผู้ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าพอใจ อย่างต่อเนื่องยาวนานครับ
EPS ของ SET ปี 2556 ที่นักวิเคราะห์หลายๆ โบรกฯ คาดกันว่าน่าจะอยู่ประมาณ 101 บาท SET Index ที่ 1,434 จุด Forward PE ก็ประมาณ 14.19 เท่า
สำหรับเงินทุนนอกที่ไหลเข้า ถ้าไม่สนใจพื้นฐานเลย ผมว่าหุ้นขนาดใหญ่อย่าง PTT ราคาคง 1,000 บาท (เทียบกับตอนก่อนวิกฤตซับไพรม์ ราคา PTT ตอนนี้ยังไม่กลับไปที่เก่าเลยครับ) TOP 200 บาท PTTEP 400 บาท PTTGC 250 บาทหรือ BANPU 1,500 บาท (ไม่สนใจราคาถ่านหิน และคดี)
ที่เห็นวิ่งกันฝุ่นตลบ ราคาขึ้นหลายเท่าตัว บางตัวเป็นสิบเท่าตัว โดยใช้เวลาไม่นาน และพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นเศษสตางค์ และหุ้นต่ำบาท ซึ่งคงไม่ใช่เพราะเม็ดเงินจากต่างชาติหรอกมั้ง น่าจะเป็นเพราะเงินนักลงทุนไทยซะมากกว่า ซึ่งบางส่วนก็ขึ้นแบบดื้อๆ บางส่วนขึ้นเพราะข่าวลือ หรือบางส่วนก็ขึ้นเพราะข่าวดีที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างราคาหุ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเป็นดังข่าวที่ถูกสร้างขึ้นครับ
ส่วนจะทำยังไงในภาวะตลาดที่มีการเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กกันอย่างคึกคัก
ถ้าคุณทนไม่ไหว ก็โดดเข้าไปรวมวงกับเค้า แต่วงแตกเมื่อไหร่ คนที่เคยลงทุนในลักษณะนี้คงจะพอทราบ ว่ากำไรที่เคยได้ยามคึกคักนั้น ช่างหาง่ายเสียนี่กระไร แต่พอง่านเลี้ยงจบ คนที่ออกไม่ทัน กำไรที่เคยได้กับมัน หายหมด หรือบางทีมันมากกว่ากำไรที่เคยได้เสียอีก
แต่ถ้าคุณคือ VI จริงๆ ไม่ใช่ปากบอกว่าเป็น VI แต่การลงทุนเป็นแบบอื่น คุณก็ไม่ต้องไปสนใจตลาด และหุ้นที่คุณวิเคราะห์แล้วไม่น่าลงทุน
นักลงทุนที่มีหลักการลงทุนที่ถูกต้อง และยึดปฏิบัติตามอย่างมีวินัย และอดทน คือผู้ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าพอใจ อย่างต่อเนื่องยาวนานครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 3
ถ้าหุ้นที่ผมสนใจ ราคามันเกินมูลค่า สิ่งเดี่ยวที่ผมทำได้คือ "นอนรอ"
ถึงแม้ราคามันจะเกินมูลค่าไปบ้าง แต่ตอนซื้อผมซื้อโดยใช้สมมุติฐานว่า
การซื้อหุ้นคือ การซื้อส่วนหนึ่งของธุรกิจ ดังนั้นผมมักจะมองภาพระยะยาว
ประมาณ 3 ปี 5 ปี ดังนั้นการขายหุ้นเพียงเพราะว่าราคามันเกินมูลค่า(ของ 1 หรือ 2 ปี)
จึงไม่มีอยู่ในความคิดของผม เว้นแต่ว่าราคามันสูงเกินมูลค่ามากๆ (ของ 5 หรือ 10 ปี)
ตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที
ถึงแม้ราคามันจะเกินมูลค่าไปบ้าง แต่ตอนซื้อผมซื้อโดยใช้สมมุติฐานว่า
การซื้อหุ้นคือ การซื้อส่วนหนึ่งของธุรกิจ ดังนั้นผมมักจะมองภาพระยะยาว
ประมาณ 3 ปี 5 ปี ดังนั้นการขายหุ้นเพียงเพราะว่าราคามันเกินมูลค่า(ของ 1 หรือ 2 ปี)
จึงไม่มีอยู่ในความคิดของผม เว้นแต่ว่าราคามันสูงเกินมูลค่ามากๆ (ของ 5 หรือ 10 ปี)
ตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที
"ผมไม่ได้ลงทุนในหุ้นเพียงเพราะว่าผมต้องการเงินมากมาย
แต่มันเป็นความสนุกในการค้นหาบริษัทชั้นเยี่ยม
เฝ้าดูมันเติบโต และทำเงินให้เรา"
"เบื้องหลังของด้านหลัง ก็คือ ด้านหน้า"
แต่มันเป็นความสนุกในการค้นหาบริษัทชั้นเยี่ยม
เฝ้าดูมันเติบโต และทำเงินให้เรา"
"เบื้องหลังของด้านหลัง ก็คือ ด้านหน้า"
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 4
แต่ถ้าคุณคือ VI จริงๆ ไม่ใช่ปากบอกว่าเป็น VI แต่การลงทุนเป็นแบบอื่น คุณก็ไม่ต้องไปสนใจตลาด และหุ้นที่คุณวิเคราะห์แล้วไม่น่าลงทุน
ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อคิด
เป็นข้อเตือนใจได้ดีจริง ๆ ครับ
ผมพิมพ์แปะติดไว้ข้างฝาแล้วครับ
ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อคิด
เป็นข้อเตือนใจได้ดีจริง ๆ ครับ
ผมพิมพ์แปะติดไว้ข้างฝาแล้วครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 5
MOS คำๆนี้ ทำให้ผมเลือกที่จะ "รอ" หุ้นที่เล็งไว้มีราคาลดต่ำมาเหลือในราคาที่เราซื้อแล้วสบายใจ
ไม่ต้องกลัวตกรถ เพราะเวลาผ่านไปเดี๋ยวก็จะมีรถมาหาเราเอง
แต่นักลงทุนที่ดีควรจะรู้ว่าตัวเองจะเตรียมตัวอย่างไร ในเมื่อเวลานั้นมันมาถึง
ไม่ต้องกลัวตกรถ เพราะเวลาผ่านไปเดี๋ยวก็จะมีรถมาหาเราเอง
แต่นักลงทุนที่ดีควรจะรู้ว่าตัวเองจะเตรียมตัวอย่างไร ในเมื่อเวลานั้นมันมาถึง
- deepwater
- Verified User
- โพสต์: 41
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 6
investor2011 เขียน:ทำไมถึงคิดว่า SET Index ที่ 1,400 จุดจึงไม่สมเหตุสมผลละครับ
EPS ของ SET ปี 2556 ที่นักวิเคราะห์หลายๆ โบรกฯ คาดกันว่าน่าจะอยู่ประมาณ 101 บาท SET Index ที่ 1,434 จุด Forward PE ก็ประมาณ 14.19 เท่า
สำหรับเงินทุนนอกที่ไหลเข้า ถ้าไม่สนใจพื้นฐานเลย ผมว่าหุ้นขนาดใหญ่อย่าง PTT ราคาคง 1,000 บาท (เทียบกับตอนก่อนวิกฤตซับไพรม์ ราคา PTT ตอนนี้ยังไม่กลับไปที่เก่าเลยครับ) TOP 200 บาท PTTEP 400 บาท PTTGC 250 บาทหรือ BANPU 1,500 บาท (ไม่สนใจราคาถ่านหิน และคดี)
ที่เห็นวิ่งกันฝุ่นตลบ ราคาขึ้นหลายเท่าตัว บางตัวเป็นสิบเท่าตัว โดยใช้เวลาไม่นาน และพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นเศษสตางค์ และหุ้นต่ำบาท ซึ่งคงไม่ใช่เพราะเม็ดเงินจากต่างชาติหรอกมั้ง น่าจะเป็นเพราะเงินนักลงทุนไทยซะมากกว่า ซึ่งบางส่วนก็ขึ้นแบบดื้อๆ บางส่วนขึ้นเพราะข่าวลือ หรือบางส่วนก็ขึ้นเพราะข่าวดีที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างราคาหุ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเป็นดังข่าวที่ถูกสร้างขึ้นครับ
ส่วนจะทำยังไงในภาวะตลาดที่มีการเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กกันอย่างคึกคัก
ถ้าคุณทนไม่ไหว ก็โดดเข้าไปรวมวงกับเค้า แต่วงแตกเมื่อไหร่ คนที่เคยลงทุนในลักษณะนี้คงจะพอทราบ ว่ากำไรที่เคยได้ยามคึกคักนั้น ช่างหาง่ายเสียนี่กระไร แต่พอง่านเลี้ยงจบ คนที่ออกไม่ทัน กำไรที่เคยได้กับมัน หายหมด หรือบางทีมันมากกว่ากำไรที่เคยได้เสียอีก
แต่ถ้าคุณคือ VI จริงๆ ไม่ใช่ปากบอกว่าเป็น VI แต่การลงทุนเป็นแบบอื่น คุณก็ไม่ต้องไปสนใจตลาด และหุ้นที่คุณวิเคราะห์แล้วไม่น่าลงทุน
นักลงทุนที่มีหลักการลงทุนที่ถูกต้อง และยึดปฏิบัติตามอย่างมีวินัย และอดทน คือผู้ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าพอใจ อย่างต่อเนื่องยาวนานครับ
ขอบคุณครับที่เตือนสติ ผมเชื่อมั่นในหุ้นที่ถือครับเพราะถือมาสามปีแล้ว แต่จากประสบการ์ณพบว่าหุ้นบางตัวแปรผันตามตปท. หากตปท.ออกทำให้หุ้นตกอย่างมีนัยสำคัญ VI. ก้อคงต้องถอยเพื่อเก็บเงินสดแล้วซื้อเพิ่มเพื่อให้ได้หุ้นมากขึ้น..VI. คงไม่รอให้หุ้นที่ถือตกมากๆเพราะเชื่อว่าเป็นหุ้นที่ดีหรอกครับ ...
ถอยเพื่อถือเงินสด รอเข้าซื้อหุ้นเดิมให้ได้ผลตอบแทนมากขึ้น...
หากทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว อย่าได้สนใจกับความคิดของคนอื่น
-
- Verified User
- โพสต์: 172
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 7
เกิดpanicหุ้นดีขนาดไหนก็ร่วงครับ เพราะหุ้นที่เราๆถืออยู่คงไม่ใช่มีแต่วีไอที่ถือมันมีทั้งพวกเก็งกำไร ต่างชาติพอเกิดตลาดร่วงพวกนี้มันก็ขายหนีกันหมดละครับ...ไม่แน่นะวีไอบางคนที่เขาประเมินตลาดได้เขาก็อาจจะขายเหมือนกัน..คำที่ว่าไม่สนใจตลาดเลยนี่น่าจะใช้กับคนที่ซื้อหุ้นตัวนั้นที่ต้นทุนติดลบเท่านั้นละครับ...
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 380
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 8
ยิ่งหุ้นขึ้นแรงเท่าไหร่ผมก็ไม่ค่อยสบายใจ แม้ว่าหุ้นที่ซื้อมาจะมั่นใจ
ว่าจะไม่กระทบมากถ้าหุ้นตกแรงๆ เพราะเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ
การบริโภคภายในประเทศ แต่เผื่อในสิ่งที่เราไม่คาดฝัน
เลยถือหุ้นในสัดส่วนที่ลดลง หุ้นขึ้นเราก็ดีใจที่มีหุ้น
หุ้นลงค่อยซื้อเพิ่ม เพราะการคาดเดาตลาดเป็นเรื่องยาก
ตลาดมักมีเรื่องที่เราคาดๆไม่ถึง ทั้งดีและร้าย
ปล .แว่วเสียง อาจารย์พรำ่สอน อย่าหวังแต่ได้ในการลงทุน
ว่าจะไม่กระทบมากถ้าหุ้นตกแรงๆ เพราะเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ
การบริโภคภายในประเทศ แต่เผื่อในสิ่งที่เราไม่คาดฝัน
เลยถือหุ้นในสัดส่วนที่ลดลง หุ้นขึ้นเราก็ดีใจที่มีหุ้น
หุ้นลงค่อยซื้อเพิ่ม เพราะการคาดเดาตลาดเป็นเรื่องยาก
ตลาดมักมีเรื่องที่เราคาดๆไม่ถึง ทั้งดีและร้าย
ปล .แว่วเสียง อาจารย์พรำ่สอน อย่าหวังแต่ได้ในการลงทุน
-
- Verified User
- โพสต์: 1024
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 9
เกินมูลค่าไปแล้วหากเราคำนวนมูลค่าในอนาคตถูกต้องจริงๆก็ต้องขายไม่ใช่หรือครับ
หุ้นที่ยังต่ำกว่ามูลค่าน่าจะพอยังมีอยู่นะครับ ส่วนเรื่องตลาดผมเ้ห็นกังวลกันมาตั้งแต่ 900 1000 1100 1200 1300 1400 กังวลกันทุกร้อยจุด ระหว่างทางมันก็มีปรับฐานเป็นระยะๆ ไม่มีใครรู้หรอกครับว่ามันจะไปหยุดที่ไหน ฉะนั้นอย่ากังวลมากไปหันมาโฟกัสที่ตัวกิจการดีกว่าครับ
หุ้นที่ยังต่ำกว่ามูลค่าน่าจะพอยังมีอยู่นะครับ ส่วนเรื่องตลาดผมเ้ห็นกังวลกันมาตั้งแต่ 900 1000 1100 1200 1300 1400 กังวลกันทุกร้อยจุด ระหว่างทางมันก็มีปรับฐานเป็นระยะๆ ไม่มีใครรู้หรอกครับว่ามันจะไปหยุดที่ไหน ฉะนั้นอย่ากังวลมากไปหันมาโฟกัสที่ตัวกิจการดีกว่าครับ
"เพราะเรียบง่าย จึงชนะ"
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 10
ผมขอยกเรื่องการลงทุนของผมมาแชร์นะครับ...^^)
ผมซื้อหุ้นมาหนึ่งตัวโดยประเมินราคาไว้แล้วว่าต่ำไปจึงเข้าซื้อพอตลาดวิ่ง หุ้นก็ไม่ได้วิ่งอะไรแถมลงมาประมาน 5%จากต้นทุน แต่หลังจากนั้น
ตลาดวิ่งเรื่อยๆตัวหุ้นของผมไม่รู้มีใครมาเห็นค่ามันหรือมีคนปั่นก็มิอาจทราบได้ใช้เวลา 2 วันวิ่งบวกไป 20%กว่าจากต้นทุน ตอนนั้นผมคิดว่าขายดีไหม?
เพราะมันเข้ามาถึงราคาที่ผมประเมินไว้แล้ว แต่ลองมานึกถึงหลักการของ Vi ข้อหนึ่ง "เราจะขายหุ้นเมื่อปัจจัยต่างๆในตัวธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว"
ดังนั้น ผมจึงถือต่อไว้ หลังจากวันนั้นก็มีแรงขายทันที ราคาลงมาเหลือบวก 10-12%จากต้นทุน ผมก็คิดในใจว่าคงมีคนคิดเหมือนเรา ขายเอากำไร
ก่อน(อิอิอิ) จนมาถึงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากำไรจากต้นทุน 15%ครับ...^^)
ปล. ผมก็ไม่รู้ว่าแนวคิดนี้ถูกหรือผิด "เราจะขายหุ้นเมื่อปัจจัยต่างๆในตัวธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไป" ดังนั้น ผมจึงจะลองพิสูจน์ด้วยตนเองดูครับว่า
ไอสิ่งที่ผมเคยได้ยิน ได้อ่าน ได้ศึกษามา มันใช้กับตลาดของจริงได้หรือไม่ครับ...^^)
ผมซื้อหุ้นมาหนึ่งตัวโดยประเมินราคาไว้แล้วว่าต่ำไปจึงเข้าซื้อพอตลาดวิ่ง หุ้นก็ไม่ได้วิ่งอะไรแถมลงมาประมาน 5%จากต้นทุน แต่หลังจากนั้น
ตลาดวิ่งเรื่อยๆตัวหุ้นของผมไม่รู้มีใครมาเห็นค่ามันหรือมีคนปั่นก็มิอาจทราบได้ใช้เวลา 2 วันวิ่งบวกไป 20%กว่าจากต้นทุน ตอนนั้นผมคิดว่าขายดีไหม?
เพราะมันเข้ามาถึงราคาที่ผมประเมินไว้แล้ว แต่ลองมานึกถึงหลักการของ Vi ข้อหนึ่ง "เราจะขายหุ้นเมื่อปัจจัยต่างๆในตัวธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว"
ดังนั้น ผมจึงถือต่อไว้ หลังจากวันนั้นก็มีแรงขายทันที ราคาลงมาเหลือบวก 10-12%จากต้นทุน ผมก็คิดในใจว่าคงมีคนคิดเหมือนเรา ขายเอากำไร
ก่อน(อิอิอิ) จนมาถึงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากำไรจากต้นทุน 15%ครับ...^^)
ปล. ผมก็ไม่รู้ว่าแนวคิดนี้ถูกหรือผิด "เราจะขายหุ้นเมื่อปัจจัยต่างๆในตัวธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไป" ดังนั้น ผมจึงจะลองพิสูจน์ด้วยตนเองดูครับว่า
ไอสิ่งที่ผมเคยได้ยิน ได้อ่าน ได้ศึกษามา มันใช้กับตลาดของจริงได้หรือไม่ครับ...^^)
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 582
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 11
พอดีหุ้นที่ผมถือ ถือมานานประมาณนึงแล้ว อีกทั้งพื้นฐานก็ยังไม่ได้เปลี่ยน(ไปในทิศทางที่แย่ลง) ถึงแม้ว่า ค่า PE, PBV จะสูงขี้น กว่า้เดิม ก็ไม่ได้กังวลอะไร หรือคิดว่าจะขายเอากำไรขี้นมาแต่อย่างไร (รวมทั้ง ไม่ได้ทำคลายเครียดเรโช) ก็ดูไปเรื่อย กินปันผล จากไข่ทองคำไปเรื่อยๆ เป็นลักษณะออมไว้ในหุ้น ก็ไม่ืุทุกข์ร้อนอะไรครับ
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 12
อย่าลืมนะครับ
1.การคาดการณ์เศรษฐกิจมันเปลี่ยนได้เรื่อยๆ
2.ที่คาดการณ์กันสมเหตุสมผลแค่ไหน
3.ดัชนีหุ้นเป็นตัวชี้นำเศรษฐกิจ ถ้าหุ้นลง ความเชื่อมั่นจะลดลง ตามมาด้วยการคาดการณ์ที่เลวร้ายลง ตามมาด้วยพื้นฐานที่เปลี่ยน
สำหรับผมๆคิดว่า ราคาหุ้นที่ขึ้นลงมีผลกับพื้นฐานด้วยเช่นกัน ผมไม่ใช่วีไอ
1.การคาดการณ์เศรษฐกิจมันเปลี่ยนได้เรื่อยๆ
2.ที่คาดการณ์กันสมเหตุสมผลแค่ไหน
3.ดัชนีหุ้นเป็นตัวชี้นำเศรษฐกิจ ถ้าหุ้นลง ความเชื่อมั่นจะลดลง ตามมาด้วยการคาดการณ์ที่เลวร้ายลง ตามมาด้วยพื้นฐานที่เปลี่ยน
สำหรับผมๆคิดว่า ราคาหุ้นที่ขึ้นลงมีผลกับพื้นฐานด้วยเช่นกัน ผมไม่ใช่วีไอ
ลงทุนเพื่อชีวิต
- dino
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1286
- ผู้ติดตาม: 1
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 13
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
- luangrit
- Verified User
- โพสต์: 376
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 15
Plant เขียน:ผมขอยกเรื่องการลงทุนของผมมาแชร์นะครับ...^^)
ผมซื้อหุ้นมาหนึ่งตัวโดยประเมินราคาไว้แล้วว่าต่ำไปจึงเข้าซื้อพอตลาดวิ่ง หุ้นก็ไม่ได้วิ่งอะไรแถมลงมาประมาน 5%จากต้นทุน แต่หลังจากนั้น
ตลาดวิ่งเรื่อยๆตัวหุ้นของผมไม่รู้มีใครมาเห็นค่ามันหรือมีคนปั่นก็มิอาจทราบได้ใช้เวลา 2 วันวิ่งบวกไป 20%กว่าจากต้นทุน ตอนนั้นผมคิดว่าขายดีไหม?
เพราะมันเข้ามาถึงราคาที่ผมประเมินไว้แล้ว แต่ลองมานึกถึงหลักการของ Vi ข้อหนึ่ง "เราจะขายหุ้นเมื่อปัจจัยต่างๆในตัวธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว"
ดังนั้น ผมจึงถือต่อไว้ หลังจากวันนั้นก็มีแรงขายทันที ราคาลงมาเหลือบวก 10-12%จากต้นทุน ผมก็คิดในใจว่าคงมีคนคิดเหมือนเรา ขายเอากำไร
ก่อน(อิอิอิ) จนมาถึงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากำไรจากต้นทุน 15%ครับ...^^)
ปล. ผมก็ไม่รู้ว่าแนวคิดนี้ถูกหรือผิด "เราจะขายหุ้นเมื่อปัจจัยต่างๆในตัวธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไป" ดังนั้น ผมจึงจะลองพิสูจน์ด้วยตนเองดูครับว่า
ไอสิ่งที่ผมเคยได้ยิน ได้อ่าน ได้ศึกษามา มันใช้กับตลาดของจริงได้หรือไม่ครับ...^^)
ถ้ามันถึงราคาที่เราประเมินไว้ก็ควรขายครับ
ไม่ควรเสียดายว่ามันจะขึ้นไปอีก
เพราะสิ่งที่เราประเมินได้
มันก็คือขอบเขตความรู้ของเรานั่นเอง
เว้นแต่ตอนที่จะขายนั้น บริษัทมีนโยบายการลงทุนใหม่ๆ
ที่ทำให้กิจการก้าวหน้ายิ่งขึ้น
อันนี้ก็ควรจะประเมินมูลค่ากิจการใหม่อีกครั้ง
และยังไม่ต้องรีบขายก็ได้
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 16
กลับไปดูก่อนว่าเราประเมินผิด (ต่ำกว่าความเป็นจริง) หรือเปล่า หรือมีปัจจัยบวกต่อพื้นฐานใหม่ที่เราตกหล่นไป จงปิดตาอย่าง bias กับราคาที่วิ่งขึ้นไป
1) ถ้าใช่ ถือต่อ
2) ถ้าไม่ใช่ ถือว่าเราโชคดี ราคาที่ขึ้นมาคือโบนัส แล้วจงขายหุ้นทิ้งซะ
1) ถ้าใช่ ถือต่อ
2) ถ้าไม่ใช่ ถือว่าเราโชคดี ราคาที่ขึ้นมาคือโบนัส แล้วจงขายหุ้นทิ้งซะ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 17
ใช่ครับมีข่าวเรื่องการลงทุนเพิ่มของบริษัทด้วยครับ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าคนไปคาดการณ์กำไรใรอนาคตมากไปหรือluangrit เขียน:Plant เขียน:ผมขอยกเรื่องการลงทุนของผมมาแชร์นะครับ...^^)
ผมซื้อหุ้นมาหนึ่งตัวโดยประเมินราคาไว้แล้วว่าต่ำไปจึงเข้าซื้อพอตลาดวิ่ง หุ้นก็ไม่ได้วิ่งอะไรแถมลงมาประมาน 5%จากต้นทุน แต่หลังจากนั้น
ตลาดวิ่งเรื่อยๆตัวหุ้นของผมไม่รู้มีใครมาเห็นค่ามันหรือมีคนปั่นก็มิอาจทราบได้ใช้เวลา 2 วันวิ่งบวกไป 20%กว่าจากต้นทุน ตอนนั้นผมคิดว่าขายดีไหม?
เพราะมันเข้ามาถึงราคาที่ผมประเมินไว้แล้ว แต่ลองมานึกถึงหลักการของ Vi ข้อหนึ่ง "เราจะขายหุ้นเมื่อปัจจัยต่างๆในตัวธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว"
ดังนั้น ผมจึงถือต่อไว้ หลังจากวันนั้นก็มีแรงขายทันที ราคาลงมาเหลือบวก 10-12%จากต้นทุน ผมก็คิดในใจว่าคงมีคนคิดเหมือนเรา ขายเอากำไร
ก่อน(อิอิอิ) จนมาถึงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากำไรจากต้นทุน 15%ครับ...^^)
ปล. ผมก็ไม่รู้ว่าแนวคิดนี้ถูกหรือผิด "เราจะขายหุ้นเมื่อปัจจัยต่างๆในตัวธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไป" ดังนั้น ผมจึงจะลองพิสูจน์ด้วยตนเองดูครับว่า
ไอสิ่งที่ผมเคยได้ยิน ได้อ่าน ได้ศึกษามา มันใช้กับตลาดของจริงได้หรือไม่ครับ...^^)
ถ้ามันถึงราคาที่เราประเมินไว้ก็ควรขายครับ
ไม่ควรเสียดายว่ามันจะขึ้นไปอีก
เพราะสิ่งที่เราประเมินได้
มันก็คือขอบเขตความรู้ของเรานั่นเอง
เว้นแต่ตอนที่จะขายนั้น บริษัทมีนโยบายการลงทุนใหม่ๆ
ที่ทำให้กิจการก้าวหน้ายิ่งขึ้น
อันนี้ก็ควรจะประเมินมูลค่ากิจการใหม่อีกครั้ง
และยังไม่ต้องรีบขายก็ได้
เปล่านะครับ...^^)
ส่วนเรื่องการประเมินค่าผมไม่เคยประเมินโดยใช้ pe หรือ กำไร ที่โตในอนาคตมาคำนวนครับ
...^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 19
ใช่ครับมีข่าวเรื่องการลงทุนเพิ่มของบริษัทด้วยครับ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าคนไปคาดการณ์กำไรใรอนาคตมากไปหรือluangrit เขียน:Plant เขียน:ผมขอยกเรื่องการลงทุนของผมมาแชร์นะครับ...^^)
ผมซื้อหุ้นมาหนึ่งตัวโดยประเมินราคาไว้แล้วว่าต่ำไปจึงเข้าซื้อพอตลาดวิ่ง หุ้นก็ไม่ได้วิ่งอะไรแถมลงมาประมาน 5%จากต้นทุน แต่หลังจากนั้น
ตลาดวิ่งเรื่อยๆตัวหุ้นของผมไม่รู้มีใครมาเห็นค่ามันหรือมีคนปั่นก็มิอาจทราบได้ใช้เวลา 2 วันวิ่งบวกไป 20%กว่าจากต้นทุน ตอนนั้นผมคิดว่าขายดีไหม?
เพราะมันเข้ามาถึงราคาที่ผมประเมินไว้แล้ว แต่ลองมานึกถึงหลักการของ Vi ข้อหนึ่ง "เราจะขายหุ้นเมื่อปัจจัยต่างๆในตัวธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว"
ดังนั้น ผมจึงถือต่อไว้ หลังจากวันนั้นก็มีแรงขายทันที ราคาลงมาเหลือบวก 10-12%จากต้นทุน ผมก็คิดในใจว่าคงมีคนคิดเหมือนเรา ขายเอากำไร
ก่อน(อิอิอิ) จนมาถึงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากำไรจากต้นทุน 15%ครับ...^^)
ปล. ผมก็ไม่รู้ว่าแนวคิดนี้ถูกหรือผิด "เราจะขายหุ้นเมื่อปัจจัยต่างๆในตัวธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไป" ดังนั้น ผมจึงจะลองพิสูจน์ด้วยตนเองดูครับว่า
ไอสิ่งที่ผมเคยได้ยิน ได้อ่าน ได้ศึกษามา มันใช้กับตลาดของจริงได้หรือไม่ครับ...^^)
ถ้ามันถึงราคาที่เราประเมินไว้ก็ควรขายครับ
ไม่ควรเสียดายว่ามันจะขึ้นไปอีก
เพราะสิ่งที่เราประเมินได้
มันก็คือขอบเขตความรู้ของเรานั่นเอง
เว้นแต่ตอนที่จะขายนั้น บริษัทมีนโยบายการลงทุนใหม่ๆ
ที่ทำให้กิจการก้าวหน้ายิ่งขึ้น
อันนี้ก็ควรจะประเมินมูลค่ากิจการใหม่อีกครั้ง
และยังไม่ต้องรีบขายก็ได้
เปล่านะครับ...^^)
ส่วนเรื่องการประเมินค่าผมไม่เคยประเมินโดยใช้ pe หรือ กำไร ที่โตในอนาคตมาคำนวนครับ
...^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 53
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 21
จริงแล้วตอนนี้มีหุ้นที่ขึ้นไปเกินพื้นฐานแล้วกี่ตัวครับ อาจจะไม่ถึง 5-10 % ของทั้งหมด
หุ้นของเราทั้ง port 5-6 ตัว หรือ 8-10 ตัว น่าจะยังหาหุ้นที่ยัง undervalue ได้อีกมากมายเพียงแต่ MOS อาจจะไม่มากเท่าช่วง PE ตลาด ต่ำ10
ถ้าปีหน้าหรืออีก 2 ปี set ขึ้นไปเป็น 1600-1700 หรือประมาณ 10-17 % ก็น่าจะหาหุ้นที่มี Upside + ปันผลที่มากกว่า set ได้พอสมควรใช่ไหมครับ
หุ้นของเราทั้ง port 5-6 ตัว หรือ 8-10 ตัว น่าจะยังหาหุ้นที่ยัง undervalue ได้อีกมากมายเพียงแต่ MOS อาจจะไม่มากเท่าช่วง PE ตลาด ต่ำ10
ถ้าปีหน้าหรืออีก 2 ปี set ขึ้นไปเป็น 1600-1700 หรือประมาณ 10-17 % ก็น่าจะหาหุ้นที่มี Upside + ปันผลที่มากกว่า set ได้พอสมควรใช่ไหมครับ
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4366
- ผู้ติดตาม: 1
Re: หุ้นขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐานแล้วจริงหรือ แล้วเราควรทำอย่า
โพสต์ที่ 23
ยึดมั่นในหลักการที่ศึกษามาแล้วว่าดี
หลักการที่ดีจะใช้ได้ในทุกสถานการณ์ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปมาตามตลาด
You are what you believe ครับ
สิ่งเดียวในตลาดหุ้นที่คุณมีโอกาสควบคุมได้ คือตัวคุณเอง
หลักการที่ดีจะใช้ได้ในทุกสถานการณ์ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปมาตามตลาด
You are what you believe ครับ
สิ่งเดียวในตลาดหุ้นที่คุณมีโอกาสควบคุมได้ คือตัวคุณเอง