BOI
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
BOI
โพสต์ที่ 1
ธุรกิจใครได้รับผลกระทบบ้าง ลองไปอ่านประชาชาติธุรกิจกันดูนะครับ แต่คงยังไม่ Final ครับ
___________________________________________________________________
ยกเลิกสิทธิบีโอไอ.ป่วนลงทุนหอไทย-เทศโวย78อุตฯสะเทือน
ยุทธศาสตร์การลงทุนใหม่ BOI พ่นพิษ เผยร่างสิทธิประโยชน์ใหม่ยกเลิกส่งเสริมลงทุน 78 กิจการ ตั้งแต่โรงงานอาหารสัตว์เหมืองแร่-อุตฯยานยนต์และชิ้นส่วน-นิคมอุตสาหกรรมครบวงจร จนถึงโรงงานฟอกย้อม-สิ่งทอ "พงษ์ศักดิ์ อัสสกุล" ประธานหอการค้าไทย วอนให้จัดลำดับความสำคัญอุตสาหกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ด้านหอการค้าต่างประเทศเตือนยกเลิกโซนทำการลงทุนกระจุกตัวอยู่แค่ส่วนกลาง กลุ่มยานยนต์โวยสู้ต่างชาติไม่ได้แน่[/quote]
ที่มา : สรุปข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
___________________________________________________________________
ยกเลิกสิทธิบีโอไอ.ป่วนลงทุนหอไทย-เทศโวย78อุตฯสะเทือน
ยุทธศาสตร์การลงทุนใหม่ BOI พ่นพิษ เผยร่างสิทธิประโยชน์ใหม่ยกเลิกส่งเสริมลงทุน 78 กิจการ ตั้งแต่โรงงานอาหารสัตว์เหมืองแร่-อุตฯยานยนต์และชิ้นส่วน-นิคมอุตสาหกรรมครบวงจร จนถึงโรงงานฟอกย้อม-สิ่งทอ "พงษ์ศักดิ์ อัสสกุล" ประธานหอการค้าไทย วอนให้จัดลำดับความสำคัญอุตสาหกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ด้านหอการค้าต่างประเทศเตือนยกเลิกโซนทำการลงทุนกระจุกตัวอยู่แค่ส่วนกลาง กลุ่มยานยนต์โวยสู้ต่างชาติไม่ได้แน่[/quote]
ที่มา : สรุปข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 1244
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BOI
โพสต์ที่ 2
ทำไมไม่เหมือนกันครับ หรือของผมไม่อัพเดท
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังกล่าวเปิดงานสัมมนา“ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนใหม่: เพื่ออุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างยั่งยืน" ว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและบีโอไอมีความตั้งใจที่จะรับฟังข้อเสนอและความคิดเห็นจากผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างชาติ เพื่อนำข้อเสนอต่างๆ ทั้งจากการจัดสัมมนาในวันนี้ และจากงานสัมมนาที่จะจัดขึ้นอีก 4 ครั้งในทุกภูมิภาคมาประกอบการพิจารณาจัดทำยุทธศาสตร์ใหม่ของการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งคาดว่าในเดือนมีนาคมจะสามารถนำเสนอต่อคณะกรรมากรส่งเสริมการลงทุน หรือบอร์ดบีโอไอ ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลังเป็นประธาน และคาดว่านโยบายส่งเสริมการลงทุนภายใต้ยุทธศาสตร์ใหม่จะมีผลบังคับใช้ในเดือนมิถุนายน 2556 เป็นต้นไป
“ที่ผ่านมาการปรับปรุงนโยบายส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ ก็รับฟังความเห็นและข้อเสนอจากภาคเอกชน เพราะนโยบายที่จะส่งเสริมการลงทุนต้องตอบสนองความต้องการของนักลงทุน ครั้งนี้เราก็ต้องฟังเสียงจากนักลงทุนเช่นเดียวกัน แต่สถานการณ์ในปัจจุบันและในอนาคตทำให้กระทรวงอุตสาหกรรมและบีโอไอต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ด้วย ซึ่งล้วนแต่เป็นเป้าหมายของยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนใหม่ ได้แก่ การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การยกระดับห่วงโซ่การผลิตของภาคอุตสาหกรรม การลดภาระทางการคลังด้วยการใช้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากรอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การส่งเสริมให้เกิดคลัสเตอร์อุตสาหกรรมใหม่ในแต่ละภูมิภาคหรือพื้นที่ชายแดนเพื่อกระจายความเจริญ และการเพิ่มบทบาทใหม่ของบีโอไอเพื่อสามารถให้บริการและการอำนวยความสะดวกที่ดีขึ้นทั้งก่อนและหลังการลงทุน ทั้งการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ"นายประเสริฐกล่าว
ด้านนายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการ บีโอไอ กล่าวว่าภายใต้ร่างยุทธศาสตร์ใหม่ บีโอไอมีแนวทางที่จะปรับเปลี่ยนจากเดิมที่ให้ส่งเสริมเกือบทุกกิจการมาเป็นส่งเสริมแบบมีเป้าหมายชัดเจน เน้น 10 กลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ 1. กลุ่มโครงสร้างพื้นฐานและ โลจิสติกส์ (เช่น เขตอุตสาหกรรม การผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ น้ำประปาหรือน้ำเพื่ออุตสาหกรรม การขนส่งมวลชนและขนส่งสินค้า สนามบินพาณิชย์ ศูนย์บริการโลจิสติกส์) 2.กลุ่มอุตสาหกรรมพื้นฐาน (เช่น เหล็ก ปิโตรเคมี เยื่อกระดาษหรือกระดาษ เครื่องจักร) 3. กลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ (เช่น เครื่องมือแพทย์ ยา อาหารทางการแพทย์ เครื่องมือวิทยาศาสตร์)
4. กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนและบริการด้านสิ่งแวดล้อม (เช่น การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน กิจการ Recycle การบริการบำบัดน้ำเสียและกำจัดกากอุตสาหกรรม การบริการด้านจัดการพลังงาน (ESCO) 5. กลุ่มธุรกิจบริการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม (เช่น R&D, HRD, Engineering Design, Software, บริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ บริการสอบเทียบมาตรฐาน กิจการ ROH กิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน) 6. กลุ่มเทคโนโลยีพื้นฐานขั้นสูง (เช่น เทคโนโลยีชีวภาพ นาโนเทคโนโลยี เทคโนโลยีวัสดุขั้นสูง)
7. อุตสาหกรรมอาหารและแปรรูปสินค้าเกษตร (เช่น อาหารแปรรูป วัตถุเจือปนอาหาร สารสกัดจากสมุนไพร การปรับปรุงพันธุ์และขยายพันธุ์พืช ผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติ เชื้อเพลิงชีวภาพ เช่น เอทานอล และไบโอดีเซล) 8.อุตสาหกรรม Hospitality & Wellness (เช่น กิจการสนับสนุนการท่องเที่ยวและกีฬา การสร้างภาพยนตร์ไทยและบริการที่เกี่ยวข้อง ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ ศูนย์สวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ) 9. อุตสาหกรรมยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่งอื่นๆ (เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถไฟ รถไฟฟ้า อากาศยาน ต่อเรือหรือซ่อมเรือ) 10. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า (เช่น Electronic Design, Organics & Printed Electronics, HDD & SDD และชิ้นส่วน, เซลล์แสงอาทิตย์, White Goods )
ทั้งนี้ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมที่บีโอไอจะมุ่งเน้นให้การส่งเสริมจะครอบคลุมกิจการประมาณ 130 ประเภท โดยแบ่งเป็นกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลประมาณ 100 กิจการ ซึ่งเป็นกิจการที่มีความสำคัญสูงต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและมีความจำเป็นต้องให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุน และสามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้
ส่วนอีกประมาณ 30 กิจการ จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจัก วัตถุดิบ และสิทธิประโยชน์ที่มิใช่ภาษี เช่น การถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน การนำเข้าช่างฝีมือและผู้ชำนาญการชาวต่างชาติ ขณะที่กิจการที่เคยให้ส่งเสริมและอยู่ในข่ายที่จะเลิกให้การส่งเสริม มีปัจจัยในการพิจารณาเลิกส่งเสริม คือ เป็นกิจการที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำ การใช้เทคโนโลยีอยู่ในระดับต่ำ กระบวนการผลิตไม่ซับซ้อน การเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมต่างๆ มีน้อย ใช้แรงงานเข้มข้น และสามารถดำเนินกิจการได้เองโดยไม่จำเป็นต้องได้รับการส่งเสริม
นอกจากนี้ ยังมีกิจการที่บีโอไออาจเลิกส่งเสริมเพราะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาก หรือใช้พลังงานสูง รวมถึงกิจการที่เป็นกิจการสัมปทาน หรือกิจการผูกขาดที่รัฐคุ้มครองอยู่แล้ว และกิจการที่ขัดกับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
นายอุดม กล่าวต่อว่า ภายใต้ยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนใหม่ จะให้ความสำคัญเพิ่มเติมด้านวิจัยพัฒนาและรักษาสิ่งแวดล้อม โดยจะเพิ่มระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 1-3 ปี รวมทั้งเปลี่ยนการส่งเสริมตามเขตพื้นที่เป็นการส่งเสริมให้เกิด คลัสเตอร์อุตสาหกรรมใหม่ในภูมิภาค อาทิ คลัสเตอร์อุตสาหกรรมอาหารแปรรูป คลัสเตอร์อุตสาหกรรมอาหารฮาลาล คลัสเตอร์อุตสาหกรรมยางพารา คลัสเตอร์อุตสาหกรรมแฟชั่น คลัสเตอร์อุตสาหกรรมอากาศยาน คลัสเตอร์วิทยาศาส ตร์และเทคโนโลยี และคลัสเตอร์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น
BOI ลดส่งเสริมเหลือ 124 กิจการ เลิก 3 เขตหันใช้คลัสเตอร์ เอกชนขอเวลา 1-2 ปีปรับตัว
BOI เปิดแผนปรับสิทธิประโยชน์ลงทุนใหม่ จัดกลุ่มคลัสเตอร์ ลดจากกว่า 200 เหลือแค่ 124 กิจการใน 10 กลุ่มอุตฯ เน้นโครงสร้างพื้นฐาน-ไฮเทค อีก 3 เดือนประกาศใช้ ส.อ.ท.วอนขอเวลา 1-2 ปีปรับตัว หอการค้า ตปท.ติงต้องรอบคอบ ชี้แบกค่าแรง 300 ไม่อยากลงทุนต่างจังหวัด
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยในงานสัมมนารับฟังความคิดเห็น "ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนใหม่ : เพื่ออุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างยั่งยืน" ว่าสิทธิประโยชน์การลงทุนใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ปี 2556-2660 จะมีประมาณ 124 กิจการ ใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรม คือ
1. กลุ่มโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ อาทิ กิจการเขตอุตสาหกรรม กิจการสนามบินพาณิชย์
2. กลุ่มอุตสาหกรรมพื้นฐาน อาทิ กิจการเหล็ก กิจการปิโตรเคมี
3. กลุ่มอุตสาหกรรมแพทย์และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ อาทิ เครื่องมือแพทย์ ยา
4. กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนและบริการด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เชื้อเพลิงชีวภาพ
5. กลุ่มธุรกิจบริการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม อาทิ บริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์
6. กลุ่มเทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน อาทิ เทคโนโลยีชีวภาพ
7. อุตสาหกรรมอาหารและแปรรูปสินค้าเกษตร อาทิ อาหารแปรรูป สารสกัดจากสมุนไพร ผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติ
8. กลุ่มโรงพยาบาลและสุขภาพ อาทิ ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ กิจการสนับสนุนการท่องเที่ยวและกีฬา
9. อุตสาหกรรมยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่งอื่นๆ อาทิ รถยนต์ รถไฟ รถไฟฟ้า อากาศยาน
10. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ เซลล์แสงอาทิตย์ การออกแบบอิเล็กทรอนิกส์
นายประเสริฐกล่าวว่า การลดประเภทกิจการลงจากเดิมกว่า 200 กิจการ เพราะต้องการส่งเสริมลงทุนแบบมีเป้าหมายชัดเจน และกิจการเหล่านี้จะถูกส่งเสริมให้เกิดขึ้นในรูปการรวมกลุ่ม หรือคลัสเตอร์อุตสาหกรรมใหม่ในภูมิภาคด้วย จากเดิมที่ส่งเสริมตามพื้นที่แบ่งเป็น 3 เขต แต่รูปแบบเก่าพบว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะอุตสาหกรรมยังคงกระจุกตัวตามหัวเมืองใหญ่และใกล้กรุงเทพฯ ส่วนการส่งเสริมผ่านสิทธิประโยชน์ทางภาษีจะคงมีอยู่ แต่น้อยลงเหลือ 8 กิจการ ในกิจการที่สำคัญจริง เช่น ผลิตอาหารทางการแพทย์ และจะเน้นเรื่องอำนวยความสะดวกแทน นอกจากนี้จะเน้นส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่กำลังเผชิญกับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน เช่น เสื้อผ้า รองเท้า เป็นต้น
"ส่วนสิทธิประโยชน์เก่าจะยังคงได้สิทธิไป ตลอดอายุแพคเกจไม่มีผลย้อนหลัง เพราะจะเริ่มบังคับใช้กับกิจการที่ขอส่งเสริมเข้ามาใหม่เท่านั้น" นายประเสริฐกล่าว
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ที่เสนอครั้งนี้ยังต้องผ่านการรับฟังความเห็น เสร็จเดือนมีนาคม จากนั้นจะชี้แจงเพื่อประกาศใช้กลางปี เท่ากับว่าเอกชนจะมีเวลาเตรียมตัวประมาณ 3 เดือนหลังจากนั้น
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ไม่อยากให้ BOI กำหนดเวลาการทำยุทธศาสตร์ที่รัดตนเองเกินไป เช่น ปรับตัว 3 เดือน เพราะการทำยุทธศาสตร์แม้จะทำการบ้านมาดี แต่ต้องรอบคอบ และให้เวลาเอกชนปรับตัว ซึ่งการทำยุทธศาสตร์ลักษณะนี้จะใช้เวลาปรับตัว 1-2 ปีทีเดียว
นายนันดอร์ วอน เดอ ลู ประธานหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย กล่าวว่า อยากให้ BOI พิจารณาเรื่องการยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์จากเขตเป็น คลัสเตอร์ใหม่ตามภูมิภาคอย่างรอบคอบ และนำผลจากนโยบายปรับค่าแรง 300 บาท พิจารณาด้วย เพราะนโยบายดังกล่าวได้ลดแรงจูงใจที่เอกชนจะออกไปลงทุนตามภูมิภาคแล้ว
นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า BOI ไม่ควรมองยุทธศาสตร์ที่ 5 ปี แต่ควรมองไปถึง 10 ปี ว่าไทยจะไปทิศทางไหนและอุตสาหกรรมที่ควรส่งเสริมเชิงลึก อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ควรขยายไปประเภทที่จะมีความต้องการใช้ในภูมิภาคเพิ่มขึ้น เช่น รถบัส เป็นต้น
การเดินทางสำคัญกว่าจุดหมาย
-
- Verified User
- โพสต์: 1244
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BOI
โพสต์ที่ 3
การเดินทางสำคัญกว่าจุดหมาย
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BOI
โพสต์ที่ 4
ผมก็ไม่แน่ใจครับ ลองไปอ่านฉบับเต็มในประชาชาติธุรกิจ ฉบับล่าสุด (17-20/1) ดูนะครับ ผมลอง Search ข่าวในเนตยังไม่มี ต้นฉบับ มีรายละเอียดเยอะเลยครับ มีพาดพิง รถไฟฟ้า, ไทยคม, ยิปซั่ม, คอนโดราคาต่ำกว่า 1 ล้าน
ข่าวที่คุณ SPL แปะมา มาจาก นสพ. มติชน มีลงในประชาชาติธุรกิจ Online เหมือนกันครับ เป็น วันที่ 15/1
ข่าวลงว่าลดจาก 200 กิจการ เหลือ 124 กิจการ
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... catid=1900
ปล. คงต้องติดตามข่าวกันอีกที ว่าจะยกเลิกอะไร อย่างไรบ้าง ไอ่ที่ได้ BOI ไปแล้ว จะโดนยกเลิกด้วยมั๊ย (น่าจะไม่)
ข่าวที่คุณ SPL แปะมา มาจาก นสพ. มติชน มีลงในประชาชาติธุรกิจ Online เหมือนกันครับ เป็น วันที่ 15/1
ข่าวลงว่าลดจาก 200 กิจการ เหลือ 124 กิจการ
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... catid=1900
ปล. คงต้องติดตามข่าวกันอีกที ว่าจะยกเลิกอะไร อย่างไรบ้าง ไอ่ที่ได้ BOI ไปแล้ว จะโดนยกเลิกด้วยมั๊ย (น่าจะไม่)
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BOI
โพสต์ที่ 5
เอกสารประกอบการสัมมนา
(ได้มา แต่ผมยังเวลาไม่พอได้อ่าน)
(ได้มา แต่ผมยังเวลาไม่พอได้อ่าน)
แนบไฟล์
- 1. กำหนดการสัมมนายุทธศาสตร์ กทม._as of 7 Jan 2013.zip
- (89.71 KiB) ดาวน์โหลด 67 ครั้ง
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BOI
โพสต์ที่ 8
อ่านดูเอกสารที่พี่ Ii'8N สอดคล้องกับเนื้อหาในข่าวเลยนะครับ
ขอบคุณมากๆครับ ข้อมูลแน่นปึ๊ก
ขอบคุณมากๆครับ ข้อมูลแน่นปึ๊ก
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: BOI
โพสต์ที่ 9
ใครที่ได้ BOI ไปแล้ว
ถ้าไม่ส่งเสริมต่อ
เป็นการกระทำที่ไม่เผาผีกัน
หลอกให้ลงทุน คุณส่งเสริมเรื่องลดภาษีต่างๆน่าๆ
ทำไปครึ่งกลาง กลับลำ ไม่ส่งเสริม แถมขึ้นภาษีอีกต่างหาก
มีบ้้านเมืองไหนทำกัน
มีแต่คนที่ขอเดิมก็ใช้สิทธิ์จนกว่าหมดอายุโครงการ
คนขอใหม่ไม่ให้แล้ว
ก็แค่นี้เหมาะสมที่สุด
ถ้าไม่ส่งเสริมต่อ
เป็นการกระทำที่ไม่เผาผีกัน
หลอกให้ลงทุน คุณส่งเสริมเรื่องลดภาษีต่างๆน่าๆ
ทำไปครึ่งกลาง กลับลำ ไม่ส่งเสริม แถมขึ้นภาษีอีกต่างหาก
มีบ้้านเมืองไหนทำกัน
มีแต่คนที่ขอเดิมก็ใช้สิทธิ์จนกว่าหมดอายุโครงการ
คนขอใหม่ไม่ให้แล้ว
ก็แค่นี้เหมาะสมที่สุด
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BOI
โพสต์ที่ 10
Totally agree krab.miracle เขียน:ใครที่ได้ BOI ไปแล้ว
ถ้าไม่ส่งเสริมต่อ
เป็นการกระทำที่ไม่เผาผีกัน
หลอกให้ลงทุน คุณส่งเสริมเรื่องลดภาษีต่างๆน่าๆ
ทำไปครึ่งกลาง กลับลำ ไม่ส่งเสริม แถมขึ้นภาษีอีกต่างหาก
มีบ้้านเมืองไหนทำกัน
มีแต่คนที่ขอเดิมก็ใช้สิทธิ์จนกว่าหมดอายุโครงการ
คนขอใหม่ไม่ให้แล้ว
ก็แค่นี้เหมาะสมที่สุด
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BOI
โพสต์ที่ 12
online เพิ่งลงเย็นๆ
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... 0&catid=19
ยกเลิกสิทธิบีโอไอ.ป่วนลงทุน หอไทย-เทศโวย78อุตฯสะเทือน
updated: 17 ม.ค. 2556 เวลา 18:16:41 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ยุทธศาสตร์ การลงทุนใหม่ BOI พ่นพิษ เผยร่างสิทธิประโยชน์ใหม่ยกเลิกส่งเสริมลงทุน 78 กิจการ ตั้งแต่โรงงานอาหารสัตว์-เหมืองแร่-อุตฯยานยนต์และชิ้นส่วน-นิคมอุตสาหกรรม ครบวงจร จนถึงโรงงานฟอกย้อม-สิ่งทอ "พงษ์ศักดิ์ อัสสกุล" ประธานหอการค้าไทย วอนให้จัดลำดับความสำคัญอุตสาหกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ด้านหอการค้าต่างประเทศเตือนยกเลิกโซนทำการลงทุนกระจุกตัวอยู่แค่ส่วนกลาง กลุ่มยานยนต์โวยสู้ต่างชาติไม่ได้แน่
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานการสัมมนารับฟังความคิดเห็น "ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนใหม่ : เพื่ออุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างยั่งยืน" จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในต้นสัปดาห์นี้ว่า ตามร่างบัญชีประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุนตามยุทธศาสตร์ใหม่ หรือ draft New List of BOI Promoted Activities ที่ BOI ปรากฏมีประเภทกิจการที่ถูก "ยกเลิก" ให้การส่งเสริมปรากฏอยู่ถึง 78 กิจการ สร้างความตกตะลึงแก่ผู้ประกอบการที่เห็นร่างฉบับดังกล่าว
ทั้งนี้ BOI ให้เหตุผลการเปลี่ยนแปลงการให้สิทธิประโยชน์จะเป็นไปตามทิศทางการปรับโครง สร้างเศรษฐกิจไทยประกอบไปด้วย 1) จากการส่งเสริมแบบครอบคลุมเกือบทุกกิจการ (Broad-based) มาเป็นการส่งเสริมแบบมีเป้าหมายชัดเจน หรือ Focus & Prioritized
2) จากการส่งเสริมตามประเภทกิจการ (Sector-based incentives) มาเป็นการส่งเสริมให้ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์กับประเทศ (Merit-based incentives) ด้วยการลดสิทธิประโยชน์พื้นฐานและใช้หลักเกณฑ์ Merit-based โดยให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อจูงใจให้เกิดความสามารถในการแข่งขัน อาทิ R & D, สิ่งแวดล้อม
3) จากการส่งเสริมการลงทุนตามเขตพื้นที่ Zones 1-2-3 เปลี่ยนมาเป็นการส่งเสริมตามคลัสเตอร์อุตสาหกรรมใหม่ในภูมิภาค (New Regional Clusters)
4) จากการส่งเสริมโดยเน้นการให้สิทธิประโยชน์ภาษี (Tax Incentives) มาเป็นส่งเสริมด้วยการเน้นการอำนวยความสะดวกให้เกิดการลงทุน (Facilitation) 5) จากการส่งเสริมการลงทุนในประเทศเป็นหลัก (Inbound) มาเป็นการส่งเสริมการลงทุนทั้งในและนอกประเทศ (Inbound & Outbound) และ 6) การวัดผลความสำเร็จของการส่งเสริมการลงทุนจากปัจจุบันที่วัดจากมูลค่าคำขอ (Applications) มาเป็น การวัดผลจากคุณค่าของโครงการลงทุน (Outcomes) ด้วยการกำหนดค่า KPI ที่ชัดเจน
ยกเลิกสิทธิประโยชน์ 78 กิจการ
ผล จากการปรับเปลี่ยนนโยบายข้างต้นส่งผลให้มีประเภทกิจการที่จะได้รับการส่ง เสริมในอนาคตเหลืออยู่ 7 หมวด ประกอบไปด้วย หมวด 1 เกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร ในหมวดนี้มีประเภทกิจการที่จะถูกยกเลิกการส่งเสริม 12 กิจการ
หมวด 2 เหมืองแร่ เซรามิก และโลหะขั้นมูลฐาน มีกิจการที่จะถูกยกเลิกการส่งเสริม 9 กิจการ
หมวด 3 อุตสาหกรรมเบา มีกิจการที่จะถูกยกเลิกการส่งเสริม 21 กิจกการ
หมวด 4 ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง มีกิจการที่จะถูกยกเลิกการส่งเสริม 11 กิจการ
หมวด 5 อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีเพียง กิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ถูกยกเลิกการได้รับการส่งเสริมการลงทุน
หมวด 6 อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ กระดาษ และพลาสติก มีกิจการที่จะถูกยกเลิกการส่งเสริม 7 กิจการ และ หมวด 7 กิจการบริการและสาธารณูปโภค มีกิจการที่จะถูกยกเลิกการส่งสริม 17 กิจการ (รายละเอียดตามล้อมกรอบ 78 กิจการ)
หอการค้าขอจัด Priority ก่อน
ด้าน นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานกรรมการบริหาร หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการปรับร่างยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนของ BOI ว่า ก่อนจะกำหนดแผนสนับสนุนการลงทุน รัฐบาลควรจัดลำดับความสำคัญของอุตสาหกรรม (Priority) ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เช่น กลุ่มแฟชั่น อาหาร ไอที เป็นต้น พร้อมทั้งกำหนดมาตรการสนับสนุนในลักษณะครบวงจร เพื่อให้ครอบคลุมไปตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
"ยกตัวอย่าง เช่น รัฐบาลมีแผนจะให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านแฟชั่นในภูมิภาคอาเซียน ควรจะให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมด้านแฟชั่นทั้งหมด สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องหนัง และอัญมณีเครื่องประดับ และต้องไม่เพียงเลือกสนับสนุนเฉพาะจุดใดจุดหนึ่งแต่ต้องลงลึกตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ เพื่อไม่ให้ขาดตอน"
นายนานดอร์ วอน เดอลูเฮ ประธานหอการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า BOI ควรพิจารณาอย่างระมัดระวังคำนึงถึงแรงจูงใจที่จะยกเลิก และต้องพิจารณาให้ครอบคลุมด้วยว่า จะยกเลิกเฉพาะในบางโซนหรือทั่วประเทศ เนื่องจากมาตรการค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ เท่ากับเป็นการลดแรงจูงใจด้านแรงงานแล้วส่วนหนึ่ง ทั้งยังทำให้แรงงานย้ายออกไปทำงานต่างจังหวัดแล้ว หาก BOI จะดำเนินการยกเลิกแรงจูงใจของอุตสาหกรรมในสาขาต่าง ๆ เหล่านี้ทั่วประเทศ ยิ่งจะทำให้อุตสาหกรรมกระจุกตัวอยู่ในโซนที่มีการพัฒนามากกว่า แน่นอนว่าจะเป็นผลร้ายต่อการกระจายรายได้ทั่วประเทศของรัฐบาล
ดังนั้นหากมีการย้ายฐานการผลิตเกิดขึ้น แน่นอนว่าบรรดานักลงทุนจะต้องไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่มีค่าแรงต่ำกว่า
ด้าน นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมฯ (ส.อ.ท.) ประธานบริหารไฮเทคกรุ๊ป กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงการให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะเป็นปัจจัยผลักดันให้กลุ่มผู้ ผลิตสินค้าเครื่องนุ่งห่มออกไปลงทุนต่างประเทศเร็วขึ้น จึงขอให้ BOI ปรับหลักเกณฑ์เรื่องภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ออกไปลงทุนต่างประเทศ ภายใต้ พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520
ยานยนต์โวยสู้ไม่ไหว
นาย ศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า คนในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์รู้สึกไม่สบายใจกับยุทธศาสตร์ BOI ฉบับใหม่ โดยคอนเซ็ปต์ไม่ผิดเพราะหลังจากที่รัฐบาลสนับสนุนหลาย ๆ อย่างแล้วทั้งภาษีการค้า ภาษีธุรกิจ การซัพพอร์ตเรื่องอื่น ๆ ก็ควรน้อยลง
แต่ เรื่องการทำงานครั้งนี้รวบรัดไปหน่อย หากจะมองว่ากลุ่มธุรกิจไหนเป็นซันเซต ก็น่าจะมีการเรียกไปพูดคุย ลงกันถึงรายละเอียด เพราะต่างคนก็ต่างมีมุมมอง แล้วถ้าได้ข้อสรุปก็ควรมีระยะเวลาให้มีการปรับตัว ไม่ควรจะรีบร้อนประกาศใช้
นาย ศุภรัตน์กล่าวว่า โดยปกติการแข่งขันในอาเซียนทุกอุตสาหกรรมรุนแรงกันอยู่แล้ว ขนาดรัฐให้การส่งเสริมเราก็ยังสู้เค้าไม่ค่อยไหว ถ้าตัดทอนกันแบบนี้แย่แน่ ทั้งมาเลย์และอินโดฯจ้องกันอยู่ทั้งนั้น
ตอนนี้แต่ละคลัสเตอร์กำลัง คุยกันถึงรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อหาข้อสรุปก่อนที่จะเชิญทาง BOI และนักวิชาการมาหารือกันอีกรอบ คาดว่าน่าจะเป็นภายในสัปดาห์หน้า
คมนาคมรับกระทบรถไฟฟ้า
นาย ชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL ผู้บริหารโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินกล่าวว่า การที่ BOI ยกเลิกสิทธิการลงทุนให้กับธุรกิจระบบขนส่งมวลชนและขนส่งสินค้านั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อการเดินรถไฟฟ้าใต้ดินสายปัจจุบัน ส่วนการลงทุนการเดินรถสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) นั้น ทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะเป็นผู้รับภาระแทน ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท เพราะบีเอ็มซีแอลเป็นเพียงผู้รับจ้างเดินรถ
นาย สุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี เปิดเผยว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดเพราะยังไม่มีแผนซื้อรถไฟฟ้าขบวนใหม่และ ที่ผ่านมาทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็ไม่ได้ขอสิทธิจาก BOI ในการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสสายปัจจุบันอยู่แล้ว
แหล่งข่าวจากกระทรวง คมนาคมกล่าวยอมรับว่า เมื่อ BOI ยกเลิกสิทธิการลงทุนระบบขนส่งมวลชนแล้ว จะทำให้ต้นทุนการลงทุนโครงการรถไฟฟ้า 10 สายของรัฐบาลต้องสูงขึ้นอย่างแน่นอน ในแง่การสั่งซื้อระบบรถไฟฟ้าที่จะมาเปิดใช้บริการ
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า แม้จะถูกยกเลิก BOI แต่รัฐบาลสามารถขอยกเว้นเป็นรายโครงการได้
ไทยคมแบ่งรับแบ่งสู้
นายเอกชัย ภัคดุรงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานกิจการองค์กร บมจ.ไทยคม กล่าวว่า บริษัทกำลังเข้าไปดูในรายละเอียด
"ไทย คมไม่ได้รับ BOI จากดาวเทียมทุกดวง มีไอพีสตาร์ที่ได้รับสิทธิ ซึ่งคงต้องดูรายละเอียดของร่างใหม่ว่าจะกระทบกับโครงการที่ได้รับอนุมัติมา แล้วหรือไม่ แต่ในการตัดสินใจลงทุนโครงการใหม่ของบริษัท สิทธิประโยชน์จาก BOI เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่บริษัทนำมาวิเคราะห์ ไม่ได้เป็นบิ๊กอิมแพ็กต์ทั้งหมด"
ด้าน รศ.ฉดับ ปัทมสูต ประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่ เปิดเผยว่า การยกเลิกการส่งเสริมการลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับสัมปทานเหมืองแร่ตาม ที่ BOI ระบุนั้น เชื่อมั่นว่าจะเป็นผลเสียกับอุตสาหกรรมมากกว่า โดยเฉพาะการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการลงทุนอาจจะชะงักงันได้
"ปัจจุบัน เราเจอปัญหาค่าแรง 300 บาทมาแล้ว หากจะต้องไม่ได้รับการส่งเสริมในโครงการใหม่ ๆ อีก จะกลายเป็นว่าจะมีการย้ายฐานไปประเทศเพื่อนบ้านแน่นอน
คอนโดฯราคาต่ำไม่เกิด
แหล่ง ข่าวจากกลุ่มบริษัทไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตยิปซัมแบรนด์ยิปรอคเปิดเผยว่า หากมีการยกเลิกส่งเสริมสิทธิประโยชน์การลงทุน (บีโอไอ) ในธุรกิจยิปซัม ผลกระทบในภาพรวมการลงทุน อาจจะทำให้แรงจูงใจที่บริษัทต่างชาติจะเข้าลงทุนโรงงานยิปซัมในประเทศไทยใน อนาคตเลดลง
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หากยกเลิกบีโอไอ ต่อไปการพัฒนาคอนโดฯราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 28 ตารางเมตร ตามเกณฑ์บีโอไอปัจจุบันคงทำได้ยาก เพราะผลตอบแทนไม่จูงใจ ในอนาคตก็คงต้องพัฒนาคอนโดฯที่ราคาเกินกว่า 1 ล้านบาททดแทน
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... 0&catid=19
ยกเลิกสิทธิบีโอไอ.ป่วนลงทุน หอไทย-เทศโวย78อุตฯสะเทือน
updated: 17 ม.ค. 2556 เวลา 18:16:41 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ยุทธศาสตร์ การลงทุนใหม่ BOI พ่นพิษ เผยร่างสิทธิประโยชน์ใหม่ยกเลิกส่งเสริมลงทุน 78 กิจการ ตั้งแต่โรงงานอาหารสัตว์-เหมืองแร่-อุตฯยานยนต์และชิ้นส่วน-นิคมอุตสาหกรรม ครบวงจร จนถึงโรงงานฟอกย้อม-สิ่งทอ "พงษ์ศักดิ์ อัสสกุล" ประธานหอการค้าไทย วอนให้จัดลำดับความสำคัญอุตสาหกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ด้านหอการค้าต่างประเทศเตือนยกเลิกโซนทำการลงทุนกระจุกตัวอยู่แค่ส่วนกลาง กลุ่มยานยนต์โวยสู้ต่างชาติไม่ได้แน่
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานการสัมมนารับฟังความคิดเห็น "ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนใหม่ : เพื่ออุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างยั่งยืน" จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในต้นสัปดาห์นี้ว่า ตามร่างบัญชีประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุนตามยุทธศาสตร์ใหม่ หรือ draft New List of BOI Promoted Activities ที่ BOI ปรากฏมีประเภทกิจการที่ถูก "ยกเลิก" ให้การส่งเสริมปรากฏอยู่ถึง 78 กิจการ สร้างความตกตะลึงแก่ผู้ประกอบการที่เห็นร่างฉบับดังกล่าว
ทั้งนี้ BOI ให้เหตุผลการเปลี่ยนแปลงการให้สิทธิประโยชน์จะเป็นไปตามทิศทางการปรับโครง สร้างเศรษฐกิจไทยประกอบไปด้วย 1) จากการส่งเสริมแบบครอบคลุมเกือบทุกกิจการ (Broad-based) มาเป็นการส่งเสริมแบบมีเป้าหมายชัดเจน หรือ Focus & Prioritized
2) จากการส่งเสริมตามประเภทกิจการ (Sector-based incentives) มาเป็นการส่งเสริมให้ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์กับประเทศ (Merit-based incentives) ด้วยการลดสิทธิประโยชน์พื้นฐานและใช้หลักเกณฑ์ Merit-based โดยให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อจูงใจให้เกิดความสามารถในการแข่งขัน อาทิ R & D, สิ่งแวดล้อม
3) จากการส่งเสริมการลงทุนตามเขตพื้นที่ Zones 1-2-3 เปลี่ยนมาเป็นการส่งเสริมตามคลัสเตอร์อุตสาหกรรมใหม่ในภูมิภาค (New Regional Clusters)
4) จากการส่งเสริมโดยเน้นการให้สิทธิประโยชน์ภาษี (Tax Incentives) มาเป็นส่งเสริมด้วยการเน้นการอำนวยความสะดวกให้เกิดการลงทุน (Facilitation) 5) จากการส่งเสริมการลงทุนในประเทศเป็นหลัก (Inbound) มาเป็นการส่งเสริมการลงทุนทั้งในและนอกประเทศ (Inbound & Outbound) และ 6) การวัดผลความสำเร็จของการส่งเสริมการลงทุนจากปัจจุบันที่วัดจากมูลค่าคำขอ (Applications) มาเป็น การวัดผลจากคุณค่าของโครงการลงทุน (Outcomes) ด้วยการกำหนดค่า KPI ที่ชัดเจน
ยกเลิกสิทธิประโยชน์ 78 กิจการ
ผล จากการปรับเปลี่ยนนโยบายข้างต้นส่งผลให้มีประเภทกิจการที่จะได้รับการส่ง เสริมในอนาคตเหลืออยู่ 7 หมวด ประกอบไปด้วย หมวด 1 เกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร ในหมวดนี้มีประเภทกิจการที่จะถูกยกเลิกการส่งเสริม 12 กิจการ
หมวด 2 เหมืองแร่ เซรามิก และโลหะขั้นมูลฐาน มีกิจการที่จะถูกยกเลิกการส่งเสริม 9 กิจการ
หมวด 3 อุตสาหกรรมเบา มีกิจการที่จะถูกยกเลิกการส่งเสริม 21 กิจกการ
หมวด 4 ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง มีกิจการที่จะถูกยกเลิกการส่งเสริม 11 กิจการ
หมวด 5 อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีเพียง กิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ถูกยกเลิกการได้รับการส่งเสริมการลงทุน
หมวด 6 อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ กระดาษ และพลาสติก มีกิจการที่จะถูกยกเลิกการส่งเสริม 7 กิจการ และ หมวด 7 กิจการบริการและสาธารณูปโภค มีกิจการที่จะถูกยกเลิกการส่งสริม 17 กิจการ (รายละเอียดตามล้อมกรอบ 78 กิจการ)
หอการค้าขอจัด Priority ก่อน
ด้าน นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานกรรมการบริหาร หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการปรับร่างยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนของ BOI ว่า ก่อนจะกำหนดแผนสนับสนุนการลงทุน รัฐบาลควรจัดลำดับความสำคัญของอุตสาหกรรม (Priority) ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เช่น กลุ่มแฟชั่น อาหาร ไอที เป็นต้น พร้อมทั้งกำหนดมาตรการสนับสนุนในลักษณะครบวงจร เพื่อให้ครอบคลุมไปตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
"ยกตัวอย่าง เช่น รัฐบาลมีแผนจะให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านแฟชั่นในภูมิภาคอาเซียน ควรจะให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมด้านแฟชั่นทั้งหมด สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องหนัง และอัญมณีเครื่องประดับ และต้องไม่เพียงเลือกสนับสนุนเฉพาะจุดใดจุดหนึ่งแต่ต้องลงลึกตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ เพื่อไม่ให้ขาดตอน"
นายนานดอร์ วอน เดอลูเฮ ประธานหอการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า BOI ควรพิจารณาอย่างระมัดระวังคำนึงถึงแรงจูงใจที่จะยกเลิก และต้องพิจารณาให้ครอบคลุมด้วยว่า จะยกเลิกเฉพาะในบางโซนหรือทั่วประเทศ เนื่องจากมาตรการค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ เท่ากับเป็นการลดแรงจูงใจด้านแรงงานแล้วส่วนหนึ่ง ทั้งยังทำให้แรงงานย้ายออกไปทำงานต่างจังหวัดแล้ว หาก BOI จะดำเนินการยกเลิกแรงจูงใจของอุตสาหกรรมในสาขาต่าง ๆ เหล่านี้ทั่วประเทศ ยิ่งจะทำให้อุตสาหกรรมกระจุกตัวอยู่ในโซนที่มีการพัฒนามากกว่า แน่นอนว่าจะเป็นผลร้ายต่อการกระจายรายได้ทั่วประเทศของรัฐบาล
ดังนั้นหากมีการย้ายฐานการผลิตเกิดขึ้น แน่นอนว่าบรรดานักลงทุนจะต้องไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่มีค่าแรงต่ำกว่า
ด้าน นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมฯ (ส.อ.ท.) ประธานบริหารไฮเทคกรุ๊ป กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงการให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะเป็นปัจจัยผลักดันให้กลุ่มผู้ ผลิตสินค้าเครื่องนุ่งห่มออกไปลงทุนต่างประเทศเร็วขึ้น จึงขอให้ BOI ปรับหลักเกณฑ์เรื่องภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ออกไปลงทุนต่างประเทศ ภายใต้ พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520
ยานยนต์โวยสู้ไม่ไหว
นาย ศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า คนในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์รู้สึกไม่สบายใจกับยุทธศาสตร์ BOI ฉบับใหม่ โดยคอนเซ็ปต์ไม่ผิดเพราะหลังจากที่รัฐบาลสนับสนุนหลาย ๆ อย่างแล้วทั้งภาษีการค้า ภาษีธุรกิจ การซัพพอร์ตเรื่องอื่น ๆ ก็ควรน้อยลง
แต่ เรื่องการทำงานครั้งนี้รวบรัดไปหน่อย หากจะมองว่ากลุ่มธุรกิจไหนเป็นซันเซต ก็น่าจะมีการเรียกไปพูดคุย ลงกันถึงรายละเอียด เพราะต่างคนก็ต่างมีมุมมอง แล้วถ้าได้ข้อสรุปก็ควรมีระยะเวลาให้มีการปรับตัว ไม่ควรจะรีบร้อนประกาศใช้
นาย ศุภรัตน์กล่าวว่า โดยปกติการแข่งขันในอาเซียนทุกอุตสาหกรรมรุนแรงกันอยู่แล้ว ขนาดรัฐให้การส่งเสริมเราก็ยังสู้เค้าไม่ค่อยไหว ถ้าตัดทอนกันแบบนี้แย่แน่ ทั้งมาเลย์และอินโดฯจ้องกันอยู่ทั้งนั้น
ตอนนี้แต่ละคลัสเตอร์กำลัง คุยกันถึงรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อหาข้อสรุปก่อนที่จะเชิญทาง BOI และนักวิชาการมาหารือกันอีกรอบ คาดว่าน่าจะเป็นภายในสัปดาห์หน้า
คมนาคมรับกระทบรถไฟฟ้า
นาย ชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL ผู้บริหารโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินกล่าวว่า การที่ BOI ยกเลิกสิทธิการลงทุนให้กับธุรกิจระบบขนส่งมวลชนและขนส่งสินค้านั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อการเดินรถไฟฟ้าใต้ดินสายปัจจุบัน ส่วนการลงทุนการเดินรถสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) นั้น ทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะเป็นผู้รับภาระแทน ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท เพราะบีเอ็มซีแอลเป็นเพียงผู้รับจ้างเดินรถ
นาย สุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี เปิดเผยว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดเพราะยังไม่มีแผนซื้อรถไฟฟ้าขบวนใหม่และ ที่ผ่านมาทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็ไม่ได้ขอสิทธิจาก BOI ในการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสสายปัจจุบันอยู่แล้ว
แหล่งข่าวจากกระทรวง คมนาคมกล่าวยอมรับว่า เมื่อ BOI ยกเลิกสิทธิการลงทุนระบบขนส่งมวลชนแล้ว จะทำให้ต้นทุนการลงทุนโครงการรถไฟฟ้า 10 สายของรัฐบาลต้องสูงขึ้นอย่างแน่นอน ในแง่การสั่งซื้อระบบรถไฟฟ้าที่จะมาเปิดใช้บริการ
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า แม้จะถูกยกเลิก BOI แต่รัฐบาลสามารถขอยกเว้นเป็นรายโครงการได้
ไทยคมแบ่งรับแบ่งสู้
นายเอกชัย ภัคดุรงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานกิจการองค์กร บมจ.ไทยคม กล่าวว่า บริษัทกำลังเข้าไปดูในรายละเอียด
"ไทย คมไม่ได้รับ BOI จากดาวเทียมทุกดวง มีไอพีสตาร์ที่ได้รับสิทธิ ซึ่งคงต้องดูรายละเอียดของร่างใหม่ว่าจะกระทบกับโครงการที่ได้รับอนุมัติมา แล้วหรือไม่ แต่ในการตัดสินใจลงทุนโครงการใหม่ของบริษัท สิทธิประโยชน์จาก BOI เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่บริษัทนำมาวิเคราะห์ ไม่ได้เป็นบิ๊กอิมแพ็กต์ทั้งหมด"
ด้าน รศ.ฉดับ ปัทมสูต ประธานกรรมการสภาการเหมืองแร่ เปิดเผยว่า การยกเลิกการส่งเสริมการลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับสัมปทานเหมืองแร่ตาม ที่ BOI ระบุนั้น เชื่อมั่นว่าจะเป็นผลเสียกับอุตสาหกรรมมากกว่า โดยเฉพาะการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการลงทุนอาจจะชะงักงันได้
"ปัจจุบัน เราเจอปัญหาค่าแรง 300 บาทมาแล้ว หากจะต้องไม่ได้รับการส่งเสริมในโครงการใหม่ ๆ อีก จะกลายเป็นว่าจะมีการย้ายฐานไปประเทศเพื่อนบ้านแน่นอน
คอนโดฯราคาต่ำไม่เกิด
แหล่ง ข่าวจากกลุ่มบริษัทไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตยิปซัมแบรนด์ยิปรอคเปิดเผยว่า หากมีการยกเลิกส่งเสริมสิทธิประโยชน์การลงทุน (บีโอไอ) ในธุรกิจยิปซัม ผลกระทบในภาพรวมการลงทุน อาจจะทำให้แรงจูงใจที่บริษัทต่างชาติจะเข้าลงทุนโรงงานยิปซัมในประเทศไทยใน อนาคตเลดลง
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หากยกเลิกบีโอไอ ต่อไปการพัฒนาคอนโดฯราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 28 ตารางเมตร ตามเกณฑ์บีโอไอปัจจุบันคงทำได้ยาก เพราะผลตอบแทนไม่จูงใจ ในอนาคตก็คงต้องพัฒนาคอนโดฯที่ราคาเกินกว่า 1 ล้านบาททดแทน
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BOI
โพสต์ที่ 13
Link BOI
http://www.boi.go.th/index.php?page=boi ... c_id=10430
ดูแล้วเอกสารเดียวกัน และมีกำหนดการจะเดินสายไปทุกภาค
แต่ข้างบน ผมได้จาก e-mail พี่ชายมาหลายวันแล้ว พอเห็นเรื่องเดียวกันเลยเอามาแปะให้ (ปกติพี่ชายผมทำหน้าที่ประสานงานกับสภาอุตสาหกรรม ทำงานอยู่อุตสาหกรรมเหล็ก) แต่ส่วนตัวก็ยังไม่ได้ดูละเอียด เพราะตอนนี้งาน office ยุ่ง ดู e-mail ไม่หมด FB ไม่ได้เข้าเลย แวะมาอ่าน TVI พักๆ
http://www.boi.go.th/index.php?page=boi ... c_id=10430
ดูแล้วเอกสารเดียวกัน และมีกำหนดการจะเดินสายไปทุกภาค
แต่ข้างบน ผมได้จาก e-mail พี่ชายมาหลายวันแล้ว พอเห็นเรื่องเดียวกันเลยเอามาแปะให้ (ปกติพี่ชายผมทำหน้าที่ประสานงานกับสภาอุตสาหกรรม ทำงานอยู่อุตสาหกรรมเหล็ก) แต่ส่วนตัวก็ยังไม่ได้ดูละเอียด เพราะตอนนี้งาน office ยุ่ง ดู e-mail ไม่หมด FB ไม่ได้เข้าเลย แวะมาอ่าน TVI พักๆ
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BOI
โพสต์ที่ 14
ข้างบน ขาดเอกสารไป 1 ชิ้น
13 ดร ณรงค์ชัย วิพากษ์ทิศทางยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนใหม่.pdf
http://www.boi.go.th/upload/content/13% ... _44675.pdf
13 ดร ณรงค์ชัย วิพากษ์ทิศทางยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนใหม่.pdf
http://www.boi.go.th/upload/content/13% ... _44675.pdf
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BOI
โพสต์ที่ 15
เลิกส่งเสริม78กิจการ กระทบเม็ดเงิน3แสนล. ปตท.-รถเต้นพบBOI
updated: 21 ม.ค. 2556 เวลา 13:41:53 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ยกเลิกส่งเสริม 78 กิจการ กระทบลงทุน 300,000 ล้านบาท หลังประเมินตัวเลขขอรับส่งเสริมปี 2555 เร่งโรงงานสิ่งทอถอนการลงทุนย้ายฐานออกนอกประเทศจ้าละหวั่น เตรียมจับเข่าคุยบีโอไอ
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานการปรับเปลี่ยนทิศทางการส่งเสริมการลงทุนตามข้อเสนอยุทธศาสตร์การส่ง เสริมการลงทุนในระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2556-2560) ของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ว่า จากการตรวจสอบประเภทกิจการที่จะถูกยกเลิกการให้การส่งเสริมทั้ง 7 หมวดที่ปรากฏอยู่ในร่างบัญชีประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุนตาม ยุทธศาสตร์ใหม่ (Draft New List of BOI Promoted Activities) ทั้ง 78 กิจการ มีมูลค่าเงินลงทุนสูงมากกว่า 200,000 ล้านบาท และหากรวมประเภทกิจการที่จะถูกยกเลิกในหมวด 7 กิจการบริการและสาธารณูปโภคเข้าไปด้วยแล้ว ตัวเลขการลงทุนที่จะสูญเสียไปอาจจะสูงถึง 300,000 ล้านบาท
ทั้ง นี้ ตามยุทธศาสตร์ใหม่ BOI จะปรับเปลี่ยนทิศทางการส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยด้วย การ 1) ให้การส่งเสริมแบบมีเป้าหมายที่ชัดเจน (focus & prioritized) แทนการส่งเสริมแบบครอบคลุมเกือบทุกกิจการ 2) ส่งเสริมการลงทุนที่ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ (merit-based incentives)
แทนการส่งเสริมตามประเภทกิจการ (sector-based incentives) 3) ส่งเสริมการลงทุนที่ก่อให้เกิดคลัสเตอร์อุตสาหกรรมใหม่ในภูมิภาค (new regional clusters) แทนการส่งเสริมการลงทุนแบบแบ่งเขต (nones 1-2-3) 4) ส่งเสริมการอำนวยความสะดวกให้เกิดการลงทุน แทนที่จะส่งเสริมแบบเน้นให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี (tax incentives) และ 5) ส่งเสริมการลงทุนทั้งในและนอกประเทศ จากที่
ส่งเสริมการลงทุนในประเทศเพียงอย่างเดียว
ผล จากการปรับเปลี่ยนนโยบายข้างต้น จะทำให้ประเภทกิจการที่จะได้รับการส่งเสริมตามยุทธศาสตร์ใหม่เหลือเพียง 7 หมวด ได้แก่ หมวดที่ 1 เกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร หมวดที่ 2 เหมืองแร่/เซรามิกและโลหะขั้นมูลฐาน หมวดที่ 3 อุตสาหกรรมเบา หมวดที่ 4 ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง หมวดที่ 5 อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์/เครื่องใช้ไฟฟ้า หมวดที่ 6 อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์/กระดาษและพลาสติก และ หมวดที่ 7 กิจการบริการและสาธาณูปโภค โดยมีประเภทกิจการที่จะต้องถูกยกเลิกให้การส่งเสริมกระจายอยู่ในทั้ง 7 หมวดรวมกันถึง 78 ประเภทกิจการ
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสถิติประเภทกิจการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนสุทธิปี 2555 ทั้ง 78 กิจการที่จะถูกยกเลิกพบว่า ประเภทกิจการเหล่านี้มีเงินลงทุนสูงมากกว่า 200,000 ล้านบาท และอาจจะสูงเกินกว่า 300,000 ล้านบาท หากรวมประเภทกิจการในหมวดที่ 7 ที่จะถูกยกเลิก อาทิ กิจการสัมปทาน, กิจการโทรคมนาคมดาวเทียม, กิจการบริการโทรศัพท์, สถานีบริการก๊าซธรรมชาติ, การขนส่งทางท่อ, นิคมอุตสาหกรรมครบวงจร และ กิจการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน/รถไฟขนส่งสินค้า เข้าไปด้วย
โดยประเภทกิจการที่มีเงินลงทุนขอรับการส่งเสริมสูง มากกว่า 2,000 ล้านบาทในปี 2555 ประกอบไปด้วย หมวด 1 กิจการปลูกป่า ขอรับการส่งเสริม 55 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 9,323 ล้านบาท, โรงงานผลิตอาหารสัตว์/ส่วนผสมอาหารสัตว์ 13 โครงการ มูลค่า 4,783 ล้านบาท และห้องเย็น/ขนส่งห้องเย็น 12 โครงการ มูลค่า 2,791 ล้านบาท หมวดที่ 2 กิจการทำเหมืองแร่/แต่งแร่ 14 โครงการ มูลค่า 4,879 ล้านบาท
หมวด ที่ 3 กิจการสิ่งทอและชิ้นส่วน ขอรับการส่งเสริม 31 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 14,598 ล้านบาท, กิจการผลิตเครื่องเรือน/ชิ้นส่วน 7 โครงการ มูลค่า 4,090 ล้านบาท หมวดที่ 4 กิจการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ/ชิ้นส่วนโลหะ 144 โครงการ มูลค่า 34,161 ล้านบาท หมวดที่ 6 กิจการผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ 8 โครงการ มูลค่า 7,349 ล้านบาท, กิจการผลิตสิ่งของจากเยื่อหรือกระดาษ 11 โครงการ มูลค่า 3,878 ล้านบาท และหมวดที่ 7 กิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลาง 38 โครงการ มูลค่า 3,288 ล้านบาท, กิจการพัฒนาพื้นที่สำหรับกิจการอุตสาหกรรม 64 โครงการ มูลค่า 38,705 ล้านบาท
ด้านแหล่งข่าวในบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทาง ปตท.กังวลกับประเภทกิจการสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ กับกิจการขนส่งทางท่อ ในหมวดที่ 7 ที่อยู่ใน list ที่จะถูกยกเลิกการให้การส่งเสริม เนื่องจากในแต่ละปี ปตท.ต้องลงทุนวางท่อและตั้งสถานีบริการก๊าซธรรมชาติคิดเป็นมูลค่าสูง "เราจะเข้าพบกับ BOI เร็ว ๆ นี้เพื่อขอหารือในเรื่องนี้" ขณะที่อุตสาหกรรมผลิตรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะและรถที่ขับเคลื่อนด้วยด้วยระบบไฟฟ้าก็เริ่มหารือกันในหมู่ผู้ประกอบ การถึงการถูกยกเลิกส่งเสริมการลงทุนในข้อที่ว่า ขณะนี้แม้โรงงานจะได้รับการส่งเสริมก็ยังมีต้นทุนการผลิตที่สูง แทบจะแข่งขันกับคู่แข่งไม่ได้อยู่แล้ว
สอดคล้องกับความเห็นของผู้ ประกอบการสิ่งทอที่กำลังประสบภาวะค่าแรง 300 บาท ส่วนใหญ่เห็นว่า การยกเลิกการส่งเสริมการลงทุนจะเป็นตัวเร่งให้โรงงานการ์เมนต์ต้องย้ายฐาน การผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ในขณะที่นโยบายส่งเสริมการลงทุนไปนอกประเทศยังไม่มีความชัดเจน ส่วนกิจการโรงพยาบาลและการผลิตรองเท้าเห็นว่า การยกเลิกแทบจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ เพราะปัจจุบันแทบจะไม่มีใครขอรับการส่งเสริมในประเภทกิจการเหล่านี้อีกแล้ว
-จบ-
updated: 21 ม.ค. 2556 เวลา 13:41:53 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ยกเลิกส่งเสริม 78 กิจการ กระทบลงทุน 300,000 ล้านบาท หลังประเมินตัวเลขขอรับส่งเสริมปี 2555 เร่งโรงงานสิ่งทอถอนการลงทุนย้ายฐานออกนอกประเทศจ้าละหวั่น เตรียมจับเข่าคุยบีโอไอ
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานการปรับเปลี่ยนทิศทางการส่งเสริมการลงทุนตามข้อเสนอยุทธศาสตร์การส่ง เสริมการลงทุนในระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2556-2560) ของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ว่า จากการตรวจสอบประเภทกิจการที่จะถูกยกเลิกการให้การส่งเสริมทั้ง 7 หมวดที่ปรากฏอยู่ในร่างบัญชีประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุนตาม ยุทธศาสตร์ใหม่ (Draft New List of BOI Promoted Activities) ทั้ง 78 กิจการ มีมูลค่าเงินลงทุนสูงมากกว่า 200,000 ล้านบาท และหากรวมประเภทกิจการที่จะถูกยกเลิกในหมวด 7 กิจการบริการและสาธารณูปโภคเข้าไปด้วยแล้ว ตัวเลขการลงทุนที่จะสูญเสียไปอาจจะสูงถึง 300,000 ล้านบาท
ทั้ง นี้ ตามยุทธศาสตร์ใหม่ BOI จะปรับเปลี่ยนทิศทางการส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยด้วย การ 1) ให้การส่งเสริมแบบมีเป้าหมายที่ชัดเจน (focus & prioritized) แทนการส่งเสริมแบบครอบคลุมเกือบทุกกิจการ 2) ส่งเสริมการลงทุนที่ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ (merit-based incentives)
แทนการส่งเสริมตามประเภทกิจการ (sector-based incentives) 3) ส่งเสริมการลงทุนที่ก่อให้เกิดคลัสเตอร์อุตสาหกรรมใหม่ในภูมิภาค (new regional clusters) แทนการส่งเสริมการลงทุนแบบแบ่งเขต (nones 1-2-3) 4) ส่งเสริมการอำนวยความสะดวกให้เกิดการลงทุน แทนที่จะส่งเสริมแบบเน้นให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี (tax incentives) และ 5) ส่งเสริมการลงทุนทั้งในและนอกประเทศ จากที่
ส่งเสริมการลงทุนในประเทศเพียงอย่างเดียว
ผล จากการปรับเปลี่ยนนโยบายข้างต้น จะทำให้ประเภทกิจการที่จะได้รับการส่งเสริมตามยุทธศาสตร์ใหม่เหลือเพียง 7 หมวด ได้แก่ หมวดที่ 1 เกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร หมวดที่ 2 เหมืองแร่/เซรามิกและโลหะขั้นมูลฐาน หมวดที่ 3 อุตสาหกรรมเบา หมวดที่ 4 ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง หมวดที่ 5 อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์/เครื่องใช้ไฟฟ้า หมวดที่ 6 อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์/กระดาษและพลาสติก และ หมวดที่ 7 กิจการบริการและสาธาณูปโภค โดยมีประเภทกิจการที่จะต้องถูกยกเลิกให้การส่งเสริมกระจายอยู่ในทั้ง 7 หมวดรวมกันถึง 78 ประเภทกิจการ
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสถิติประเภทกิจการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนสุทธิปี 2555 ทั้ง 78 กิจการที่จะถูกยกเลิกพบว่า ประเภทกิจการเหล่านี้มีเงินลงทุนสูงมากกว่า 200,000 ล้านบาท และอาจจะสูงเกินกว่า 300,000 ล้านบาท หากรวมประเภทกิจการในหมวดที่ 7 ที่จะถูกยกเลิก อาทิ กิจการสัมปทาน, กิจการโทรคมนาคมดาวเทียม, กิจการบริการโทรศัพท์, สถานีบริการก๊าซธรรมชาติ, การขนส่งทางท่อ, นิคมอุตสาหกรรมครบวงจร และ กิจการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน/รถไฟขนส่งสินค้า เข้าไปด้วย
โดยประเภทกิจการที่มีเงินลงทุนขอรับการส่งเสริมสูง มากกว่า 2,000 ล้านบาทในปี 2555 ประกอบไปด้วย หมวด 1 กิจการปลูกป่า ขอรับการส่งเสริม 55 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 9,323 ล้านบาท, โรงงานผลิตอาหารสัตว์/ส่วนผสมอาหารสัตว์ 13 โครงการ มูลค่า 4,783 ล้านบาท และห้องเย็น/ขนส่งห้องเย็น 12 โครงการ มูลค่า 2,791 ล้านบาท หมวดที่ 2 กิจการทำเหมืองแร่/แต่งแร่ 14 โครงการ มูลค่า 4,879 ล้านบาท
หมวด ที่ 3 กิจการสิ่งทอและชิ้นส่วน ขอรับการส่งเสริม 31 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 14,598 ล้านบาท, กิจการผลิตเครื่องเรือน/ชิ้นส่วน 7 โครงการ มูลค่า 4,090 ล้านบาท หมวดที่ 4 กิจการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ/ชิ้นส่วนโลหะ 144 โครงการ มูลค่า 34,161 ล้านบาท หมวดที่ 6 กิจการผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ 8 โครงการ มูลค่า 7,349 ล้านบาท, กิจการผลิตสิ่งของจากเยื่อหรือกระดาษ 11 โครงการ มูลค่า 3,878 ล้านบาท และหมวดที่ 7 กิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลาง 38 โครงการ มูลค่า 3,288 ล้านบาท, กิจการพัฒนาพื้นที่สำหรับกิจการอุตสาหกรรม 64 โครงการ มูลค่า 38,705 ล้านบาท
ด้านแหล่งข่าวในบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทาง ปตท.กังวลกับประเภทกิจการสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ กับกิจการขนส่งทางท่อ ในหมวดที่ 7 ที่อยู่ใน list ที่จะถูกยกเลิกการให้การส่งเสริม เนื่องจากในแต่ละปี ปตท.ต้องลงทุนวางท่อและตั้งสถานีบริการก๊าซธรรมชาติคิดเป็นมูลค่าสูง "เราจะเข้าพบกับ BOI เร็ว ๆ นี้เพื่อขอหารือในเรื่องนี้" ขณะที่อุตสาหกรรมผลิตรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะและรถที่ขับเคลื่อนด้วยด้วยระบบไฟฟ้าก็เริ่มหารือกันในหมู่ผู้ประกอบ การถึงการถูกยกเลิกส่งเสริมการลงทุนในข้อที่ว่า ขณะนี้แม้โรงงานจะได้รับการส่งเสริมก็ยังมีต้นทุนการผลิตที่สูง แทบจะแข่งขันกับคู่แข่งไม่ได้อยู่แล้ว
สอดคล้องกับความเห็นของผู้ ประกอบการสิ่งทอที่กำลังประสบภาวะค่าแรง 300 บาท ส่วนใหญ่เห็นว่า การยกเลิกการส่งเสริมการลงทุนจะเป็นตัวเร่งให้โรงงานการ์เมนต์ต้องย้ายฐาน การผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ในขณะที่นโยบายส่งเสริมการลงทุนไปนอกประเทศยังไม่มีความชัดเจน ส่วนกิจการโรงพยาบาลและการผลิตรองเท้าเห็นว่า การยกเลิกแทบจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ เพราะปัจจุบันแทบจะไม่มีใครขอรับการส่งเสริมในประเภทกิจการเหล่านี้อีกแล้ว
-จบ-
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 398
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BOI
โพสต์ที่ 16
ประกาศใช้กลางปี 56 แสดงว่าถ้านักลงทุนยื่นขอ boi ก่อนก็จะได้สิทธิเต็มยาว 8 ปี
ถ้าเป็นแบบนี้ น่าจะเป็นตัวเร่งให้นักลงทุนหันมาลงทุนในประเทศมากขึ้น ในระยะสั้น หรือเปล่านะ
ถ้าเป็นแบบนี้ น่าจะเป็นตัวเร่งให้นักลงทุนหันมาลงทุนในประเทศมากขึ้น ในระยะสั้น หรือเปล่านะ
-
- Verified User
- โพสต์: 398
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BOI
โพสต์ที่ 17
บล.เอเซียพลัส : กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ให้น้ำหนัก “เท่ากับตลาด”
BOI เปลี่ยนแผนส่งเสริมการลงทุนปี 2556-60 ให้สิทธิ์เฉพาะกลุ่มมากขึ้น
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อยู่ระหว่างการจัดทำรายงานการ
ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนในระยะ 5 ปี (พ.ศ.2556-2560) ให้สอดคล้องกับ
แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 และแผนพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ โดยแนวทางหลักจะเป็นการส่ง
เสริมแบบมีเป้าหมายมากขึ้น โดยเฉพาะกิจการที่เป็นประโยชน์กับประเทศ และที่จะพัฒนาความ
สามารถในการแข่งขัน เช่น R&D, สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ขณะที่ BOI จะยกเลิกการส่งเสริมสำหรับ
กิจการที่ใช้แรงงานในสัดส่วนสูง และไม่มีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่ไม่ซับซ้อนราว 80
กิจการ รวมถึงการยกเลิกการส่งเสริมที่อิงกับเขตพื้นที่ (Zoning) ซึ่งประกอบด้วยเขต 1-3 มา
เป็นการสร้างคลัสเตอร์อุตสาหกรรมใหม่ในภูมิภาคต่างๆ อาทิ กลุ่มอากาศยาน อาหารแปรรูป
ยางพารา วิทยาศาสาตร์ ฯลฯ ทั้งนี้หลักเกณฑ์ดังกล่าวคาดว่าจะประกาศช่วงกลางปี 2556 และให้
ภาคเอกชนรับรู้และปรับตัวระยะหนึ่งก่อนมีผลบังคับใช้
คาดกระทบฐานลูกค้า ยอดขายที่ดิน และกำไรของกลุ่มนิคมฯเล็กน้อย
เบื้องต้นฝ่ายวิจัยเห็นว่าการปรับเปลี่ยนการส่งเสริมการลงทุน BOI จะกระทบต่อบริษัท
ในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมในวงจำกัดและในระยะยาว เพราะนิคมฯที่จดทะเบียนในตลาดส่วนใหญ่
ตั้งอยู่ในเขตภาคกลางและตะวันออก ซึ่งเน้นลูกค้ากลุ่มยานยนต์ อิเล็คทรอนิกส์ โรงไฟฟ้า และ
อุปโภคบริโภค ซึ่งน่าจะได้รับสิทธิประโยชน์ไม่ต่างจากหลักเกณฑ์เดิมมากนัก ขณะที่การขอจัด
ตั้งนิคมฯใหม่และส่วนขยายนิคมฯน่าจะยังได้รับการส่งเสริมเหมือนเดิม เพราะเข้าข่ายสร้าง
ประโยชน์ให้แก่ประเทศ ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังคงมีมุมมองที่ดีต่อยอดขายที่ดินปี 2556 โดยคาดว่าจะ
ยังอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 5 พันไร่ หลังสร้าง New High ในปี 2555 ที่ 7.8 พันไร่ (เกิดจาก ROJNA
ขยายนิคมฯใหม่ 2 แห่ง และมีรายการขายที่ดินขนาดใหญ่) โดยได้รับอนิสงค์จากการเปิดเสรีการ
ค้าประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ปี 2558 ที่ไทยมีข้อได้เปรียบด้านทำเลที่เป็นจุดศูนย์
กลาง และอุตสาหกรรมต่างๆของไทยมีความแข็งแกร่ง จึงเชื่อว่าต่างชาติจะใช้ไทยเป็น Hub of
ASEAN ด้านโลจิสติกส์เพื่อเชื่อมโยง Supply Chain ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับแผน
การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่น 10 ล้านล้านเยน จะช่วยให้นักลงทุนญี่ปุ่นซึ่งเป็นลูกค้า
อันดับหนึ่งของกลุ่มนิคมฯ สามารถมีแหล่งเงินทุนต้นทุนต่ำเพื่อใช้สร้างโรงงานได้ง่ายขึ้น สำหรับ
ผลประกอบการของกลุ่มปี 2556 คาดว่าจะโดดเด่นจากยอดรับรู้รายได้ที่เติบโตระดับสูง จาก
Backlog ณ สิ้น 3Q55 สะสมกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท โดยฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรจากการดำเนิน
งานปี 2556 ของกลุ่มไว้ที่ 7.6 พันล้านบาท เพิ่ม 36% YoY
ลดน้ำหนัก “เท่ากับตลาด” เลือกลงทุน ROJNA และเก็งกำไร MDX
ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันราคาหุ้นในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นแรง (AMATA 25%,
HEMRAJ 23%, ROJNA 20% และ TICON 19%) จนราคาใกล้ Fair Value เกือบทั้งหมด
ซึ่งฝ่ายวิจัยมีแนวโน้มที่จะปรับลดคำแนะนำลงในอนาคต ขณะที่ยอดขายที่ดินน่าจะผ่านจุดสูงสุด
ในปี 2555 มาแล้ว ฝ่ายวิจัยจึงปรับลดน้ำหนักการลงทุนกลุ่มนิคมฯเป็น “เท่ากับตลาด” จาก
เดิม “มากกว่าตลาด” โดยเลือกหุ้นที่มี Upside เหลือมากกว่า 10% อย่าง ROJNA (FV@฿
14.18) เป็น Top Pick และแนะนำให้เก็งกำไรหุ้นนิคมฯขนาดเล็กอย่าง MDX (FV@฿
11.88) ที่คาดว่ากำไรจะเติบโตจากส่วนขยายโรงไฟฟ้าโรงไฟฟ้าพลังน้ำเทิน-หินบูน 290MW ที่
ประเทศลาว
BOI เปลี่ยนแผนส่งเสริมการลงทุนปี 2556-60 ให้สิทธิ์เฉพาะกลุ่มมากขึ้น
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อยู่ระหว่างการจัดทำรายงานการ
ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนในระยะ 5 ปี (พ.ศ.2556-2560) ให้สอดคล้องกับ
แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 และแผนพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ โดยแนวทางหลักจะเป็นการส่ง
เสริมแบบมีเป้าหมายมากขึ้น โดยเฉพาะกิจการที่เป็นประโยชน์กับประเทศ และที่จะพัฒนาความ
สามารถในการแข่งขัน เช่น R&D, สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ขณะที่ BOI จะยกเลิกการส่งเสริมสำหรับ
กิจการที่ใช้แรงงานในสัดส่วนสูง และไม่มีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่ไม่ซับซ้อนราว 80
กิจการ รวมถึงการยกเลิกการส่งเสริมที่อิงกับเขตพื้นที่ (Zoning) ซึ่งประกอบด้วยเขต 1-3 มา
เป็นการสร้างคลัสเตอร์อุตสาหกรรมใหม่ในภูมิภาคต่างๆ อาทิ กลุ่มอากาศยาน อาหารแปรรูป
ยางพารา วิทยาศาสาตร์ ฯลฯ ทั้งนี้หลักเกณฑ์ดังกล่าวคาดว่าจะประกาศช่วงกลางปี 2556 และให้
ภาคเอกชนรับรู้และปรับตัวระยะหนึ่งก่อนมีผลบังคับใช้
คาดกระทบฐานลูกค้า ยอดขายที่ดิน และกำไรของกลุ่มนิคมฯเล็กน้อย
เบื้องต้นฝ่ายวิจัยเห็นว่าการปรับเปลี่ยนการส่งเสริมการลงทุน BOI จะกระทบต่อบริษัท
ในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมในวงจำกัดและในระยะยาว เพราะนิคมฯที่จดทะเบียนในตลาดส่วนใหญ่
ตั้งอยู่ในเขตภาคกลางและตะวันออก ซึ่งเน้นลูกค้ากลุ่มยานยนต์ อิเล็คทรอนิกส์ โรงไฟฟ้า และ
อุปโภคบริโภค ซึ่งน่าจะได้รับสิทธิประโยชน์ไม่ต่างจากหลักเกณฑ์เดิมมากนัก ขณะที่การขอจัด
ตั้งนิคมฯใหม่และส่วนขยายนิคมฯน่าจะยังได้รับการส่งเสริมเหมือนเดิม เพราะเข้าข่ายสร้าง
ประโยชน์ให้แก่ประเทศ ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังคงมีมุมมองที่ดีต่อยอดขายที่ดินปี 2556 โดยคาดว่าจะ
ยังอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 5 พันไร่ หลังสร้าง New High ในปี 2555 ที่ 7.8 พันไร่ (เกิดจาก ROJNA
ขยายนิคมฯใหม่ 2 แห่ง และมีรายการขายที่ดินขนาดใหญ่) โดยได้รับอนิสงค์จากการเปิดเสรีการ
ค้าประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ปี 2558 ที่ไทยมีข้อได้เปรียบด้านทำเลที่เป็นจุดศูนย์
กลาง และอุตสาหกรรมต่างๆของไทยมีความแข็งแกร่ง จึงเชื่อว่าต่างชาติจะใช้ไทยเป็น Hub of
ASEAN ด้านโลจิสติกส์เพื่อเชื่อมโยง Supply Chain ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับแผน
การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่น 10 ล้านล้านเยน จะช่วยให้นักลงทุนญี่ปุ่นซึ่งเป็นลูกค้า
อันดับหนึ่งของกลุ่มนิคมฯ สามารถมีแหล่งเงินทุนต้นทุนต่ำเพื่อใช้สร้างโรงงานได้ง่ายขึ้น สำหรับ
ผลประกอบการของกลุ่มปี 2556 คาดว่าจะโดดเด่นจากยอดรับรู้รายได้ที่เติบโตระดับสูง จาก
Backlog ณ สิ้น 3Q55 สะสมกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท โดยฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรจากการดำเนิน
งานปี 2556 ของกลุ่มไว้ที่ 7.6 พันล้านบาท เพิ่ม 36% YoY
ลดน้ำหนัก “เท่ากับตลาด” เลือกลงทุน ROJNA และเก็งกำไร MDX
ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันราคาหุ้นในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นแรง (AMATA 25%,
HEMRAJ 23%, ROJNA 20% และ TICON 19%) จนราคาใกล้ Fair Value เกือบทั้งหมด
ซึ่งฝ่ายวิจัยมีแนวโน้มที่จะปรับลดคำแนะนำลงในอนาคต ขณะที่ยอดขายที่ดินน่าจะผ่านจุดสูงสุด
ในปี 2555 มาแล้ว ฝ่ายวิจัยจึงปรับลดน้ำหนักการลงทุนกลุ่มนิคมฯเป็น “เท่ากับตลาด” จาก
เดิม “มากกว่าตลาด” โดยเลือกหุ้นที่มี Upside เหลือมากกว่า 10% อย่าง ROJNA (FV@฿
14.18) เป็น Top Pick และแนะนำให้เก็งกำไรหุ้นนิคมฯขนาดเล็กอย่าง MDX (FV@฿
11.88) ที่คาดว่ากำไรจะเติบโตจากส่วนขยายโรงไฟฟ้าโรงไฟฟ้าพลังน้ำเทิน-หินบูน 290MW ที่
ประเทศลาว
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: BOI
โพสต์ที่ 18
นักลงทุน Say No เลิกเขตส่งเสริม "ซีพี-กลุ่มปิโตร" วิ่งขอหารือบีโอไอ
updated: 14 ก.พ. 2556 เวลา 16:18:12 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... catid=1901
หลัง จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้ร่าง "ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนใหม่ : เพื่ออุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างยั่งยืน" พร้อมกับเปิดรับฟังความคิดเห็นของนักลงทุนทั้งในกรุงเทพฯ, ภาคตะวันออก, ภาคเหนือไปแล้วก่อนหน้านี้ และล่าสุดพบนักลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในจังหวัดนครราชสีมา ที่มีนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมกว่า 1,000 คน
โดยการรับฟังความคิดเห็นต่อยุทธศาสตร์ฯใหม่ ของ BOI ในหลายครั้งที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ "ไม่เห็นด้วย" ที่จะมีบางประเภทกิจการที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนต่อ รวมถึงกิจการที่ได้รับการส่งเสริมประมาณ 100 รายการนั้น ส่วนใหญ่จะต้องเป็นกิจการที่สร้างมูลค่าเพิ่ม และที่สำคัญต้องมีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องถึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ ทางภาษี คือยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ถือเป็นความต้องการหลักของนักลงทุน
ยัน มี.ค.ประกาศร่างยุทธศาสตร์
นาย อุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่า ในการเปิดรับฟังความคิดเห็นช่วงที่ผ่านมา ว่า ทาง BOI ยังคง "ยืนยัน" ที่จะประกาศใช้ยุทธศาสตร์การลงทุนใหม่ภายในปีนี้แน่นอน เพื่อส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีการใช้นวัตกรรม และมีการวิจัยและพัฒนาต่อเนื่อง
เหตุผล 2 ประเด็นที่ทำให้ BOI มองว่าหากประกาศใช้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวช้า จะยิ่งทำให้เสี่ยงมากขึ้น คือ 1) ปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ คือ การเมือง หากมีการเปลี่ยนแปลงอาจจะไม่สามารถประกาศใช้ได้ 2) เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่ใจว่าทั้งเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรป จะชะลอตัวมากไปกว่านี้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการตั้งข้อสังเกตว่านักลงทุนที่ต้องการได้รับการส่งเสริมการลงทุนตาม เงื่อนไขเดิมอาจจะมียื่นขอส่งเสริมเข้ามาในเดือนมกราคมนี้อย่างผิดปกติหรือ ไม่นั้น ตามตัวเลขการขอส่งเสริมล่าสุดมีคำขอรับการส่งเสริมเข้ามา 185 ราย รวมมูลค่า 74,800 ล้านบาท
ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2554 มียื่นขอส่งเสริมเข้ามา 106 ราย รวมมูลค่า 73,400 ล้านบาท ถือว่าไม่แตกต่างกันมากนัก
สำหรับความกังวลของนักลงทุน ภายหลังจากการรับฟังความคิดเห็นในช่วงที่ผ่านมาจะพบใน 4 ประเด็นหลัก คือ
1) การยกเลิกเขตส่งเสริมมาเป็นคลัสเตอร์แทน 2) ประเภทกิจการที่ยังได้รับการส่งเสริม 3) สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ รวมถึงสิทธิประโยชน์ส่วนเพิ่มต่าง ๆ เป็นอย่างไร และ 4) รูปแบบของคลัสเตอร์เป็นอย่างไร ซึ่งทั้งหมด BOI ได้อธิบายถึงรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อให้นักลงทุนมีความเข้าใจมากขึ้น "สำหรับ BOI คงใช้เวลาในการรวบรวมความคิดเห็น และการปรับในบางรายละเอียดของยุทธศาสตร์ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้"
นักลงทุนทยอยขอหารือ BOI
นอก จากจะเปิดรับฟังความคิดเห็นที่จัดโดย BOI แล้ว ในสัปดาห์นี้ยังมีนักลงทุนรวมถึงในหลายองค์กรได้เตรียมเข้าหารือ BOI อย่างไม่เป็นทางการ เช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) และกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่ถือว่าทั้ง 2 กลุ่มอยู่ในส่วนที่ถูกยกเลิกการส่งเสริมการลงทุน โดยนายอุดมกล่าวว่า ในเร็ว ๆ นี้จะมีการหารือในสภาหอการค้าไทย เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมถึงประเภทกิจการที่ต้องยกเลิกกิจการและประเภทที่ ได้รับการส่งเสริมต่อกิจการอย่างไรที่ถือว่าเข้าข่าย"BOI พร้อมหารือกับระดับองค์กรมากกว่า เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แทนที่จะมีการเข้ามาหารือเป็นรายบริษัท และ BOI ยังเหลือการสัมมนารับฟังความคิดเห็นในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีต่อไป"
ทั้ง นี้ สำหรับในบางอุตสากรรมที่ระบุในร่างยุทธศาสตร์ฯจะต้องยกเลิกการส่งเสริม เช่น อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ซึ่งนายอุดมกล่าวว่ามีการให้ข้อมูลกับ BOI ว่าในบางโรงงานแปรรูปอาหารที่ใช้เทคโนโลยีนาโนที่ผ่านการวิจัยและพัฒนา อาจจะต้องกลับมาอยู่ในรายการที่ได้รับการส่งเสริม รวมถึงอุตสาหกรรมแฟชั่นโดยเฉพาะในบางโรงงานสิ่งทอที่อาจจะใช้เทคโนโลยีเพื่อ ผลิตเนื้อผ้าชนิดพิเศษ อาจจะต้องนำกลับเข้ามาอยู่ในรายการที่ได้รับการส่งเสริมเช่นกัน
อีสานพลังงานทดแทนบูม
สำหรับ การขอส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น นางสาวชุติมา พุ่มศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 2 (นครราชสีมา) กล่าวว่า
ในส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีกิจการที่ได้รับการส่ง เสริมส่วนใหญ่เป็นภาคเกษตร อิเล็กทรอนิกส์ และกิจการบริการ ทั้งนี้ ในปี 2555 มีผู้ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 673 ราย มูลค่าเงินลงทุนกว่า 195,651 ล้านบาท
"อุตฯด้านพลังงานทดแทน เช่น ไบโอแก๊ส เป็นกิจการที่เข้ามาขอการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด เนื่องจากภาคอีสานมีศักยภาพ ส่วนประเภทกิจการที่จะมีการยกเลิกอย่างกิจการผลิตปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยอินทรีย์หรือสารปรับปรุงดิน ไม่ใช่อุตฯขนาดใหญ่ แต่เป็นอุตฯที่มีการผลิตไม่ซับซ้อน ส่วนกิจการผลิตอาหารสัตว์หรือส่วนผสมอาหารสัตว์ ส่วนมากจะเป็นอุตฯขนาดใหญ่ที่มีเพียงไม่กี่ที่ และจะตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะเน้นนำเข้าวัตถุดิบ เช่น ปลาป่นและข้าวโพด" น.ส.ชุติมากล่าว
ส่วนการลงทุนจะชะงักภายหลังจาก BOI จะมียุทธศาสตร์การส่งเสริมใหม่หรือไม่นั้น นางสาวชุติมากล่าวว่า นักลงทุนจากต่างชาติโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นอาจจะยังชะลอตัวขอการลงทุน เพราะยังไม่มั่นใจในเรื่องนโยบายใหม่ แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการญี่ปุ่นต้องการมากกว่าสิทธิประโยชน์ด้านภาษีคือ เรื่องของคุณภาพแรงงาน ด้านการขนส่ง และด้านความปลอดภัย
"สุวัจน์" ดันอีสานพื้นที่ลงทุนใหม่
สำหรับ พื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในอนาคตถือว่าจะมีการลงทุนใหม่ ๆ ในโครงการใหม่มากมาย เช่น การพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูง การวางท่อก๊าซธรรมชาติ โครงการเหมืองแร่โปแตช เกิดขึ้น ฉะนั้น นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี มองว่า ต้องการให้ภาคอีสานเป็นพื้นที่การลงทุนใหม่ของประเทศ รวมถึงอีสานมีจุดแข็งของการผลิตสินค้าจากการเกษตร และที่สำคัญภาคอีสานยังเป็นประตูเปิดไปสู่อินโดจีน หากจะขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้านก็สามารถดำเนินการได้
-จบ-
updated: 14 ก.พ. 2556 เวลา 16:18:12 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... catid=1901
หลัง จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้ร่าง "ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนใหม่ : เพื่ออุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างยั่งยืน" พร้อมกับเปิดรับฟังความคิดเห็นของนักลงทุนทั้งในกรุงเทพฯ, ภาคตะวันออก, ภาคเหนือไปแล้วก่อนหน้านี้ และล่าสุดพบนักลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในจังหวัดนครราชสีมา ที่มีนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมกว่า 1,000 คน
โดยการรับฟังความคิดเห็นต่อยุทธศาสตร์ฯใหม่ ของ BOI ในหลายครั้งที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ "ไม่เห็นด้วย" ที่จะมีบางประเภทกิจการที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนต่อ รวมถึงกิจการที่ได้รับการส่งเสริมประมาณ 100 รายการนั้น ส่วนใหญ่จะต้องเป็นกิจการที่สร้างมูลค่าเพิ่ม และที่สำคัญต้องมีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องถึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ ทางภาษี คือยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ถือเป็นความต้องการหลักของนักลงทุน
ยัน มี.ค.ประกาศร่างยุทธศาสตร์
นาย อุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่า ในการเปิดรับฟังความคิดเห็นช่วงที่ผ่านมา ว่า ทาง BOI ยังคง "ยืนยัน" ที่จะประกาศใช้ยุทธศาสตร์การลงทุนใหม่ภายในปีนี้แน่นอน เพื่อส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีการใช้นวัตกรรม และมีการวิจัยและพัฒนาต่อเนื่อง
เหตุผล 2 ประเด็นที่ทำให้ BOI มองว่าหากประกาศใช้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวช้า จะยิ่งทำให้เสี่ยงมากขึ้น คือ 1) ปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ คือ การเมือง หากมีการเปลี่ยนแปลงอาจจะไม่สามารถประกาศใช้ได้ 2) เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่ใจว่าทั้งเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรป จะชะลอตัวมากไปกว่านี้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการตั้งข้อสังเกตว่านักลงทุนที่ต้องการได้รับการส่งเสริมการลงทุนตาม เงื่อนไขเดิมอาจจะมียื่นขอส่งเสริมเข้ามาในเดือนมกราคมนี้อย่างผิดปกติหรือ ไม่นั้น ตามตัวเลขการขอส่งเสริมล่าสุดมีคำขอรับการส่งเสริมเข้ามา 185 ราย รวมมูลค่า 74,800 ล้านบาท
ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2554 มียื่นขอส่งเสริมเข้ามา 106 ราย รวมมูลค่า 73,400 ล้านบาท ถือว่าไม่แตกต่างกันมากนัก
สำหรับความกังวลของนักลงทุน ภายหลังจากการรับฟังความคิดเห็นในช่วงที่ผ่านมาจะพบใน 4 ประเด็นหลัก คือ
1) การยกเลิกเขตส่งเสริมมาเป็นคลัสเตอร์แทน 2) ประเภทกิจการที่ยังได้รับการส่งเสริม 3) สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ รวมถึงสิทธิประโยชน์ส่วนเพิ่มต่าง ๆ เป็นอย่างไร และ 4) รูปแบบของคลัสเตอร์เป็นอย่างไร ซึ่งทั้งหมด BOI ได้อธิบายถึงรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อให้นักลงทุนมีความเข้าใจมากขึ้น "สำหรับ BOI คงใช้เวลาในการรวบรวมความคิดเห็น และการปรับในบางรายละเอียดของยุทธศาสตร์ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้"
นักลงทุนทยอยขอหารือ BOI
นอก จากจะเปิดรับฟังความคิดเห็นที่จัดโดย BOI แล้ว ในสัปดาห์นี้ยังมีนักลงทุนรวมถึงในหลายองค์กรได้เตรียมเข้าหารือ BOI อย่างไม่เป็นทางการ เช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) และกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่ถือว่าทั้ง 2 กลุ่มอยู่ในส่วนที่ถูกยกเลิกการส่งเสริมการลงทุน โดยนายอุดมกล่าวว่า ในเร็ว ๆ นี้จะมีการหารือในสภาหอการค้าไทย เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมถึงประเภทกิจการที่ต้องยกเลิกกิจการและประเภทที่ ได้รับการส่งเสริมต่อกิจการอย่างไรที่ถือว่าเข้าข่าย"BOI พร้อมหารือกับระดับองค์กรมากกว่า เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แทนที่จะมีการเข้ามาหารือเป็นรายบริษัท และ BOI ยังเหลือการสัมมนารับฟังความคิดเห็นในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีต่อไป"
ทั้ง นี้ สำหรับในบางอุตสากรรมที่ระบุในร่างยุทธศาสตร์ฯจะต้องยกเลิกการส่งเสริม เช่น อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ซึ่งนายอุดมกล่าวว่ามีการให้ข้อมูลกับ BOI ว่าในบางโรงงานแปรรูปอาหารที่ใช้เทคโนโลยีนาโนที่ผ่านการวิจัยและพัฒนา อาจจะต้องกลับมาอยู่ในรายการที่ได้รับการส่งเสริม รวมถึงอุตสาหกรรมแฟชั่นโดยเฉพาะในบางโรงงานสิ่งทอที่อาจจะใช้เทคโนโลยีเพื่อ ผลิตเนื้อผ้าชนิดพิเศษ อาจจะต้องนำกลับเข้ามาอยู่ในรายการที่ได้รับการส่งเสริมเช่นกัน
อีสานพลังงานทดแทนบูม
สำหรับ การขอส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น นางสาวชุติมา พุ่มศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 2 (นครราชสีมา) กล่าวว่า
ในส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีกิจการที่ได้รับการส่ง เสริมส่วนใหญ่เป็นภาคเกษตร อิเล็กทรอนิกส์ และกิจการบริการ ทั้งนี้ ในปี 2555 มีผู้ได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 673 ราย มูลค่าเงินลงทุนกว่า 195,651 ล้านบาท
"อุตฯด้านพลังงานทดแทน เช่น ไบโอแก๊ส เป็นกิจการที่เข้ามาขอการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด เนื่องจากภาคอีสานมีศักยภาพ ส่วนประเภทกิจการที่จะมีการยกเลิกอย่างกิจการผลิตปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยอินทรีย์หรือสารปรับปรุงดิน ไม่ใช่อุตฯขนาดใหญ่ แต่เป็นอุตฯที่มีการผลิตไม่ซับซ้อน ส่วนกิจการผลิตอาหารสัตว์หรือส่วนผสมอาหารสัตว์ ส่วนมากจะเป็นอุตฯขนาดใหญ่ที่มีเพียงไม่กี่ที่ และจะตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะเน้นนำเข้าวัตถุดิบ เช่น ปลาป่นและข้าวโพด" น.ส.ชุติมากล่าว
ส่วนการลงทุนจะชะงักภายหลังจาก BOI จะมียุทธศาสตร์การส่งเสริมใหม่หรือไม่นั้น นางสาวชุติมากล่าวว่า นักลงทุนจากต่างชาติโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นอาจจะยังชะลอตัวขอการลงทุน เพราะยังไม่มั่นใจในเรื่องนโยบายใหม่ แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการญี่ปุ่นต้องการมากกว่าสิทธิประโยชน์ด้านภาษีคือ เรื่องของคุณภาพแรงงาน ด้านการขนส่ง และด้านความปลอดภัย
"สุวัจน์" ดันอีสานพื้นที่ลงทุนใหม่
สำหรับ พื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในอนาคตถือว่าจะมีการลงทุนใหม่ ๆ ในโครงการใหม่มากมาย เช่น การพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูง การวางท่อก๊าซธรรมชาติ โครงการเหมืองแร่โปแตช เกิดขึ้น ฉะนั้น นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี มองว่า ต้องการให้ภาคอีสานเป็นพื้นที่การลงทุนใหม่ของประเทศ รวมถึงอีสานมีจุดแข็งของการผลิตสินค้าจากการเกษตร และที่สำคัญภาคอีสานยังเป็นประตูเปิดไปสู่อินโดจีน หากจะขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้านก็สามารถดำเนินการได้
-จบ-
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530