หุ้นไทย ชี้ตลาดร้อนแตะฟองสบู่ ลุ้นดัชนี 1,700 จุด ฟากเซียนหุ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4254
- ผู้ติดตาม: 1
หุ้นไทย ชี้ตลาดร้อนแตะฟองสบู่ ลุ้นดัชนี 1,700 จุด ฟากเซียนหุ
โพสต์ที่ 1
นักเล่นหุ้นไทยสนุกมือปั่นกำไรหลายรอบ เดือนครึ่งวอลุ่มทะลุ 1 ล้านล้านบาท ต่างชาติถอดใจเทขายกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ธปท.ชี้ฝรั่งหอบเงินออกนอกประเทศแล้ว ฟากเซียนหุ้น VI เดินหน้าลงทุน
หุ้นไทย ชี้ตลาดร้อนแตะฟองสบู่ ลุ้นดัชนี 1,700 จุด
จาก ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.-14 ก.พ. 56 ดัชนีมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากต้นปี ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,407.45 จุด วิ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุด 1,526.74 จุด ทำสถิติสูงสุดในรอบ 18 ปี คิดเป็นการปรับขึ้น 8.5% ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 55,391 ล้านบาท
เมื่อแยกประเภทกลุ่มนักลงทุนในช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา พบว่า นักลงทุนทั่วไปในประเทศมีมูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) สูงสุดเป็นสัดส่วนถึง 60% ของวอลุ่มตลาดรวม ซึ่งพบว่ามียอดเข้าซื้อ 1,067,912.26 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 60.25% และมูลค่าการขาย 1,085,865.34 ล้านบาท คิดเป็น 61.26% โดยรวมแล้วเป็นการขายสุทธิ 17,953.08 ล้านบาท
ขณะ ที่กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนไม่ถึง 20% คือ มีมูลค่าการเข้าซื้อ 345,148.14 ล้านบาท หรือ 19.47% ขณะที่ยอดขาย 341,284.05 ล้านบาท หรือ 19.25% โดยมียอดซื้อสุทธิ 3,864.09 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 13,466.09 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 622.90 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนในประเทศที่เล่นรอบกันสะท้อนจากวอลุ่มที่พุ่งแตะ ระดับ 1 ล้านล้านบาท นำมาสู่ปัญหาที่หน่วยงานกำกับวิตกกังวลจะไปสู่การเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้น ไทย ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เริ่มมีสัญญาณที่จะนำไปสู่การเกิดฟองสบู่ในบางกลุ่ม อย่างตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีแรงซื้อในกลุ่มนักลงทุนไทยที่เข้ามาจำนวนมาก ขณะที่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นักลงทุนต่างชาติเริ่มขายหุ้นออก เงินในส่วนนี้ก็ไม่ได้กลับเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้เลย และถ้าดูค่าเงินบาทก็ชะลอการแข็งค่า โดยค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนตัวลงมายืนบริเวณ 29.80 บาท/ดอลลาร์ สะท้อนว่าน่าจะมีการนำเงินบางส่วนออกนอกประเทศแล้ว
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติเริ่มทำการขายหุ้นออกมาต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 5-14 กุมภาพันธ์ 2556 มียอดขายสุทธิ 13,005 ล้านบาท ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ พบว่านักลงทุนต่างชาติที่ส่วนใหญ่ลงทุนในพันธบัตรระยะสั้น เริ่มมียอดซื้อสุทธิลดลงจากต้นปีที่มียอดซื้อสุทธิสูงถึงระดับ 37,606 ล้านบาทต่อสัปดาห์ ได้เริ่มลดลงมาอยู่ที่ระดับ 17,000-26,000 ล้านบาทแล้ว
ขณะ ที่ด้านนายจรัมพร โชติกเสถียร ผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า ได้มีการหารือร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หรือโบรกเกอร์ เกี่ยวกับการออกมาตรการดูแลหุ้นที่ปรับตัวร้อนแรงผิดปกติ
โดยล่าสุด ได้ออกมาตรการขยายระยะเวลาในวางเงินสดเต็มจำนวนก่อนซื้อ (Cash Balance หรือแคชบาลานซ์) เป็นเวลา 6 สัปดาห์ เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2556 ท้งนี้ปัจจุบันหุ้นที่ติดแคชบาลานซ์ กำหนดระยะเวลา 3 สัปดาห์
แหล่ง ข่าวจากโบรกเกอร์ เปิดเผย ว่า เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา มีแรงเก็งกำไรสูงในหุ้นขนาดกลางและเล็ก จนทำให้ราคาปรับตัวขึ้นแรงเกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน จนทำให้ ตลท.เกิดความวิตกกังวลเกิดปัญหาฟองสบู่
VI รอลุ้นดัชนหุ้น 1,700 จุด
ด้าน มุมมองของนายนิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนหุ้นคุณค่า (Value Investor : VI) ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ที่เน้นหุ้นคุณภาพสูงราคาเหมาะสม กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ถือว่าราคาหุ้นแพงแล้ว แต่ยังไม่อยู่ในระดับที่เรียกว่าฟองสบู่ เนื่องจากประเทศไทยได้รับปัจจัยบวกจากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะแรงกระตุ้นจากนโยบายรัฐบาล ทั้งโครงการรถยนต์คันแรก การขึ้นค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ การจำนำสินค้าเกษตร ฯลฯ ซึ่งช่วยให้เกิดการบริโภคหมุนเวียน ส่งผลดีต่อความต้องการลงทุนและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นห่วงมากนัก
"แม้ดัชนีระดับนี้จะถือว่าแพง แต่ยังไม่ได้อยู่ในภาวะฟองสบู่จนน่ากลัว และถ้าดัชนีจะขึ้นไป 1,700 จุด ก็ไม่แปลกใจ เพราะเป็นการปรับตัวขึ้นอย่างมีเหตุมีผล ตามทิศทางเศรษฐกิจบ้านเราที่ค่อนข้างสดใส การเมืองก็มีความมั่นคงขึ้นด้วย ดังนั้นในภาวะที่ดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ และอาจจะต่ำได้อีก จึงทำให้การลงทุนในหุ้นเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับนักลงทุน"
นาย นิเวศน์ แนะนำว่า หากเป็นนักลงทุน VI ที่ต้องการลงทุนในขณะนี้ ให้ลดความเสี่ยงของพอร์ตจากภาวะตลาดร้อนแรงด้วยการเน้นเลือกกลุ่ม บจ.ที่มีรายได้อิงกับเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก รวมถึง บจ.ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มลูกค้ารากหญ้า เช่น บจ.ที่ประกอบธุรกิจเช่าซื้อ (ลีสซิ่ง) ค้าปลีก สื่อสาร ธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น ซึ่งจะมั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าธุรกิจจะมีกำไรต่อเนื่อง และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผล หากสถานการณ์ไม่เป็นตามคาด
"จังหวะ นี้ VI ที่รู้จักกันในวงการ เท่าที่ทราบบางคนถือหุ้นอยู่ ยังไม่ได้ถอนออกจากตลาดมาก เพราะตอนนี้สถานการณ์เหมือนเรา ได้รับเชิญไปงานเลี้ยง แม้จะใกล้เที่ยงคืน แต่ทุกคนก็รอจนนาทีสุดท้ายว่าจะมีดาราซูเปอร์สตาร์มาเซอร์ไพรส์หรือเปล่า ถ้ามาจริง 1,700 จุด เป็นซุป"ตาร์ ก็คงมีขายกันบ้าง" นายนิเวศน์กล่าว
ชี้ราคาหุ้นส่วนใหญ่เก�นพื้นฐ�น
ขณะ ที่นายภาววิทย์ กลิ่นประทุม นักลงทุน VI หนุ่มไฟแรงอีกคน กล่าวว่า ตลาดหุ้นเริ่มมีความเสี่ยง เพราะราคาหุ้นส่วนใหญ่เก็งกำไรจนปรับขึ้นไปเกินพื้นฐาน จนทำให้เกิดภาวะตลาด "Over Bought" จึงแนะนำนักลงทุนควรป้องกันความเสี่ยงโดยกำหนดจุดขายตัดขาดทุน (Stop Loss) ทุก 5-10% เพื่อจำกัดขอบข่ายความเสียหายในช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลง และจะช่วยให้นักลงทุนมีเวลาวางแผนการลงทุนในรอบต่อไปมากขึ้นด้วย
"ตอน นี้นักลงทุนสามารถเกาะกระแสความคึกคักของตลาดได้ แต่จะต้องลิมิตความเสี่ยง เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังเล่นเกมโยนเผือกร้อน ทั้งที่เข้าใจว่ามันร้อน แต่ทุกคนก็ยังหวังว่าจะไม่ใช่ไม้สุดท้าย ดังนั้นภาวะแบบนี้ต้องระวัง" นายภาววิทย์กล่าว
นายวิบูลย์ พึงประเสริฐ นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า เริ่มเห็นสัญญาณฟองสบู่ตลาดหุ้นไทยแล้ว หากดัชนีปรับขึ้นไปถึง ระดับ ไ1,700 จุดตามที่นักวิเคราะห์คาด มีโอกาสที่ตลาดหุ้นจะเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ เพราะค่าพี/อีตลาดจะขึ้นไปที่ 16-17 เท่า แต่หากตอนนี้ดูหุ้นบางกลุ่มพบว่ามีค่าพี/อีสูงไปถึง 70-80 เท่า
นาย ธำรงชัย เอกอมรวงศ์ นักลงทุนหุ้นเทคนิค กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในระยะ 3-4 ปีนับจากนี้ เพียงแต่นักลงทุนต้องติดตามสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอาจทำให้เกิดการปรับตัวลดลง ของดัชนี ซึ่งปัจจัยที่เป็นสัญญาณ ได้แก่ การขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการดึงสภาพคล่องออกจากตลาด การผิดนัดชำระหนี้ภาคครัวเรือน ซึ่งนักลงทุนต้องระมัดระวังการพักฐานของดัชนี
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... catid=0900
หุ้นไทย ชี้ตลาดร้อนแตะฟองสบู่ ลุ้นดัชนี 1,700 จุด
จาก ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.-14 ก.พ. 56 ดัชนีมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากต้นปี ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,407.45 จุด วิ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุด 1,526.74 จุด ทำสถิติสูงสุดในรอบ 18 ปี คิดเป็นการปรับขึ้น 8.5% ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 55,391 ล้านบาท
เมื่อแยกประเภทกลุ่มนักลงทุนในช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา พบว่า นักลงทุนทั่วไปในประเทศมีมูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) สูงสุดเป็นสัดส่วนถึง 60% ของวอลุ่มตลาดรวม ซึ่งพบว่ามียอดเข้าซื้อ 1,067,912.26 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 60.25% และมูลค่าการขาย 1,085,865.34 ล้านบาท คิดเป็น 61.26% โดยรวมแล้วเป็นการขายสุทธิ 17,953.08 ล้านบาท
ขณะ ที่กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนไม่ถึง 20% คือ มีมูลค่าการเข้าซื้อ 345,148.14 ล้านบาท หรือ 19.47% ขณะที่ยอดขาย 341,284.05 ล้านบาท หรือ 19.25% โดยมียอดซื้อสุทธิ 3,864.09 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 13,466.09 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 622.90 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนในประเทศที่เล่นรอบกันสะท้อนจากวอลุ่มที่พุ่งแตะ ระดับ 1 ล้านล้านบาท นำมาสู่ปัญหาที่หน่วยงานกำกับวิตกกังวลจะไปสู่การเกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้น ไทย ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เริ่มมีสัญญาณที่จะนำไปสู่การเกิดฟองสบู่ในบางกลุ่ม อย่างตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีแรงซื้อในกลุ่มนักลงทุนไทยที่เข้ามาจำนวนมาก ขณะที่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นักลงทุนต่างชาติเริ่มขายหุ้นออก เงินในส่วนนี้ก็ไม่ได้กลับเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้เลย และถ้าดูค่าเงินบาทก็ชะลอการแข็งค่า โดยค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนตัวลงมายืนบริเวณ 29.80 บาท/ดอลลาร์ สะท้อนว่าน่าจะมีการนำเงินบางส่วนออกนอกประเทศแล้ว
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติเริ่มทำการขายหุ้นออกมาต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 5-14 กุมภาพันธ์ 2556 มียอดขายสุทธิ 13,005 ล้านบาท ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ พบว่านักลงทุนต่างชาติที่ส่วนใหญ่ลงทุนในพันธบัตรระยะสั้น เริ่มมียอดซื้อสุทธิลดลงจากต้นปีที่มียอดซื้อสุทธิสูงถึงระดับ 37,606 ล้านบาทต่อสัปดาห์ ได้เริ่มลดลงมาอยู่ที่ระดับ 17,000-26,000 ล้านบาทแล้ว
ขณะ ที่ด้านนายจรัมพร โชติกเสถียร ผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า ได้มีการหารือร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หรือโบรกเกอร์ เกี่ยวกับการออกมาตรการดูแลหุ้นที่ปรับตัวร้อนแรงผิดปกติ
โดยล่าสุด ได้ออกมาตรการขยายระยะเวลาในวางเงินสดเต็มจำนวนก่อนซื้อ (Cash Balance หรือแคชบาลานซ์) เป็นเวลา 6 สัปดาห์ เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2556 ท้งนี้ปัจจุบันหุ้นที่ติดแคชบาลานซ์ กำหนดระยะเวลา 3 สัปดาห์
แหล่ง ข่าวจากโบรกเกอร์ เปิดเผย ว่า เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา มีแรงเก็งกำไรสูงในหุ้นขนาดกลางและเล็ก จนทำให้ราคาปรับตัวขึ้นแรงเกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน จนทำให้ ตลท.เกิดความวิตกกังวลเกิดปัญหาฟองสบู่
VI รอลุ้นดัชนหุ้น 1,700 จุด
ด้าน มุมมองของนายนิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนหุ้นคุณค่า (Value Investor : VI) ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ที่เน้นหุ้นคุณภาพสูงราคาเหมาะสม กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ถือว่าราคาหุ้นแพงแล้ว แต่ยังไม่อยู่ในระดับที่เรียกว่าฟองสบู่ เนื่องจากประเทศไทยได้รับปัจจัยบวกจากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะแรงกระตุ้นจากนโยบายรัฐบาล ทั้งโครงการรถยนต์คันแรก การขึ้นค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ การจำนำสินค้าเกษตร ฯลฯ ซึ่งช่วยให้เกิดการบริโภคหมุนเวียน ส่งผลดีต่อความต้องการลงทุนและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นห่วงมากนัก
"แม้ดัชนีระดับนี้จะถือว่าแพง แต่ยังไม่ได้อยู่ในภาวะฟองสบู่จนน่ากลัว และถ้าดัชนีจะขึ้นไป 1,700 จุด ก็ไม่แปลกใจ เพราะเป็นการปรับตัวขึ้นอย่างมีเหตุมีผล ตามทิศทางเศรษฐกิจบ้านเราที่ค่อนข้างสดใส การเมืองก็มีความมั่นคงขึ้นด้วย ดังนั้นในภาวะที่ดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ และอาจจะต่ำได้อีก จึงทำให้การลงทุนในหุ้นเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับนักลงทุน"
นาย นิเวศน์ แนะนำว่า หากเป็นนักลงทุน VI ที่ต้องการลงทุนในขณะนี้ ให้ลดความเสี่ยงของพอร์ตจากภาวะตลาดร้อนแรงด้วยการเน้นเลือกกลุ่ม บจ.ที่มีรายได้อิงกับเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก รวมถึง บจ.ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มลูกค้ารากหญ้า เช่น บจ.ที่ประกอบธุรกิจเช่าซื้อ (ลีสซิ่ง) ค้าปลีก สื่อสาร ธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น ซึ่งจะมั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าธุรกิจจะมีกำไรต่อเนื่อง และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผล หากสถานการณ์ไม่เป็นตามคาด
"จังหวะ นี้ VI ที่รู้จักกันในวงการ เท่าที่ทราบบางคนถือหุ้นอยู่ ยังไม่ได้ถอนออกจากตลาดมาก เพราะตอนนี้สถานการณ์เหมือนเรา ได้รับเชิญไปงานเลี้ยง แม้จะใกล้เที่ยงคืน แต่ทุกคนก็รอจนนาทีสุดท้ายว่าจะมีดาราซูเปอร์สตาร์มาเซอร์ไพรส์หรือเปล่า ถ้ามาจริง 1,700 จุด เป็นซุป"ตาร์ ก็คงมีขายกันบ้าง" นายนิเวศน์กล่าว
ชี้ราคาหุ้นส่วนใหญ่เก�นพื้นฐ�น
ขณะ ที่นายภาววิทย์ กลิ่นประทุม นักลงทุน VI หนุ่มไฟแรงอีกคน กล่าวว่า ตลาดหุ้นเริ่มมีความเสี่ยง เพราะราคาหุ้นส่วนใหญ่เก็งกำไรจนปรับขึ้นไปเกินพื้นฐาน จนทำให้เกิดภาวะตลาด "Over Bought" จึงแนะนำนักลงทุนควรป้องกันความเสี่ยงโดยกำหนดจุดขายตัดขาดทุน (Stop Loss) ทุก 5-10% เพื่อจำกัดขอบข่ายความเสียหายในช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลง และจะช่วยให้นักลงทุนมีเวลาวางแผนการลงทุนในรอบต่อไปมากขึ้นด้วย
"ตอน นี้นักลงทุนสามารถเกาะกระแสความคึกคักของตลาดได้ แต่จะต้องลิมิตความเสี่ยง เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังเล่นเกมโยนเผือกร้อน ทั้งที่เข้าใจว่ามันร้อน แต่ทุกคนก็ยังหวังว่าจะไม่ใช่ไม้สุดท้าย ดังนั้นภาวะแบบนี้ต้องระวัง" นายภาววิทย์กล่าว
นายวิบูลย์ พึงประเสริฐ นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า เริ่มเห็นสัญญาณฟองสบู่ตลาดหุ้นไทยแล้ว หากดัชนีปรับขึ้นไปถึง ระดับ ไ1,700 จุดตามที่นักวิเคราะห์คาด มีโอกาสที่ตลาดหุ้นจะเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ เพราะค่าพี/อีตลาดจะขึ้นไปที่ 16-17 เท่า แต่หากตอนนี้ดูหุ้นบางกลุ่มพบว่ามีค่าพี/อีสูงไปถึง 70-80 เท่า
นาย ธำรงชัย เอกอมรวงศ์ นักลงทุนหุ้นเทคนิค กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในระยะ 3-4 ปีนับจากนี้ เพียงแต่นักลงทุนต้องติดตามสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอาจทำให้เกิดการปรับตัวลดลง ของดัชนี ซึ่งปัจจัยที่เป็นสัญญาณ ได้แก่ การขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการดึงสภาพคล่องออกจากตลาด การผิดนัดชำระหนี้ภาคครัวเรือน ซึ่งนักลงทุนต้องระมัดระวังการพักฐานของดัชนี
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... catid=0900
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
- OutOfMyMind
- Verified User
- โพสต์: 1242
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นไทย ชี้ตลาดร้อนแตะฟองสบู่ ลุ้นดัชนี 1,700 จุด ฟากเซี
โพสต์ที่ 2
ชวนเพื่อนๆมาโต้คลื่นฟองสบู่กัน ยึดมั่นที่มูลค่าที่แท้จริงของกิจการไว้ หลับสบาย
บทความดีดีสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
-
- Verified User
- โพสต์: 1426
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นไทย ชี้ตลาดร้อนแตะฟองสบู่ ลุ้นดัชนี 1,700 จุด ฟากเซี
โพสต์ที่ 3
บลจ.กรุงศรีชี้แนวต้านหุ้นไทยปีนี้ 1,800 จุด แรงหนุนจากศก.โต-ลงทุนภาครัฐ
วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 16:43:53 น.
ผู้เข้าชม : 355 คน ข่าวหุ้น
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อยุธยา จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมองแนวต้านดัชนีหุ้นไทยปีนี้ที่ 1,800 จุด โดยมีปัจจัยหนุนจาก การเติบโตของเศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับ 6.7% รวมถึงการลงทุนโครงการ สาธารณูปโภค มูลค่า 2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาล ขณะที่มองแนวรับตลาดหุ้นไทยปีนี้ไว้ที่ 1,300-1,350 จุด
อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น นักลงทุน สามารถพิจารณาแนวโน้มของตลาดหุ้นไทย ได้จากอัตราราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี(PBV) ซึ่งตามสถิตินับตั้งแต่เปิดตลาดมา พบว่าหาก PBV อยู่ที่ประมาณ 3 เท่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย จะเกิดการปรับลดลงอย่างรุนแรง เพราะถือเป็นระดับที่ค่อนข้างสูงกว่าปัจจัยพื้นฐาน
ทั้งนี้ ปัจจุบัน PBV ของไทยอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 2.3 เท่า โดยอ้างอิงจาก ระดับดัชนีประมาณ 1,500 จุด แต่กรณีที่ PBV ปรับเพิ่มขึ้นไปถึง 3 เท่า ดัชนีน่าจะอยู่ที่ ประมาณ 1,900-2,000 จุด
นายประภาส กล่าวด้วยว่า ในปีนี้ แนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตลงทุน โดยให้ น้ำหนักการลงทุนในหุ้น ประมาณ 60-70% ของพอร์ต ส่วนที่เหลือเป็นตราสารหนี้ 20% และอสังหาริมทรัพย์ กับทองคำ อีก 10%
ด้านนายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร(AUM) ในปี 56 ที่ 1.85 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปีก่อนที่ 1.53 แสนล้านบาท
การเติบโตของ AUM ปีนี้ จะมาจากการขายกองทุนเดิมที่เสนอขายแล้วในช่วง ก่อนหน้านี้ ผ่านสาขาธนาคารให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากพบว่าการขายผ่านช่องทางดังกล่าว ยังสามารถเติบโตได้อีก
ขณะเดียวกัน บริษัทจะเพิ่มกองทุนใหม่ๆ เช่น เทอมฟันด์ และทาร์เก็ตฟันด์ ซึ่งเป็นที่ต้องการของนักลงทุน รวมถึงมีแผนจะเปิดกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้เกณฑ์ การจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ซึ่งเบื้องต้นน่าจะเป็นกองทุน ที่ออกไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ
วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 16:43:53 น.
ผู้เข้าชม : 355 คน ข่าวหุ้น
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อยุธยา จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมองแนวต้านดัชนีหุ้นไทยปีนี้ที่ 1,800 จุด โดยมีปัจจัยหนุนจาก การเติบโตของเศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับ 6.7% รวมถึงการลงทุนโครงการ สาธารณูปโภค มูลค่า 2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาล ขณะที่มองแนวรับตลาดหุ้นไทยปีนี้ไว้ที่ 1,300-1,350 จุด
อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น นักลงทุน สามารถพิจารณาแนวโน้มของตลาดหุ้นไทย ได้จากอัตราราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี(PBV) ซึ่งตามสถิตินับตั้งแต่เปิดตลาดมา พบว่าหาก PBV อยู่ที่ประมาณ 3 เท่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย จะเกิดการปรับลดลงอย่างรุนแรง เพราะถือเป็นระดับที่ค่อนข้างสูงกว่าปัจจัยพื้นฐาน
ทั้งนี้ ปัจจุบัน PBV ของไทยอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 2.3 เท่า โดยอ้างอิงจาก ระดับดัชนีประมาณ 1,500 จุด แต่กรณีที่ PBV ปรับเพิ่มขึ้นไปถึง 3 เท่า ดัชนีน่าจะอยู่ที่ ประมาณ 1,900-2,000 จุด
นายประภาส กล่าวด้วยว่า ในปีนี้ แนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตลงทุน โดยให้ น้ำหนักการลงทุนในหุ้น ประมาณ 60-70% ของพอร์ต ส่วนที่เหลือเป็นตราสารหนี้ 20% และอสังหาริมทรัพย์ กับทองคำ อีก 10%
ด้านนายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร(AUM) ในปี 56 ที่ 1.85 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปีก่อนที่ 1.53 แสนล้านบาท
การเติบโตของ AUM ปีนี้ จะมาจากการขายกองทุนเดิมที่เสนอขายแล้วในช่วง ก่อนหน้านี้ ผ่านสาขาธนาคารให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากพบว่าการขายผ่านช่องทางดังกล่าว ยังสามารถเติบโตได้อีก
ขณะเดียวกัน บริษัทจะเพิ่มกองทุนใหม่ๆ เช่น เทอมฟันด์ และทาร์เก็ตฟันด์ ซึ่งเป็นที่ต้องการของนักลงทุน รวมถึงมีแผนจะเปิดกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้เกณฑ์ การจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ซึ่งเบื้องต้นน่าจะเป็นกองทุน ที่ออกไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ
-
- Verified User
- โพสต์: 1426
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หุ้นไทย ชี้ตลาดร้อนแตะฟองสบู่ ลุ้นดัชนี 1,700 จุด ฟากเซี
โพสต์ที่ 5
ตลท.เผย Forward P/E ตลาดหุ้นไทยเดือน ม.ค.56 อยู่ที่ 13.59 เท่า
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556 16:07:19 น.
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สรุปภาพรวมอัตราส่วนระหว่างราคาหลักทรัพย์ต่อกำไรสุทธิคาดการณ์ต่อหุ้น
(Forward P/E ratio) ของตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET) เทียบกับตลาดในภูมิภาค ณ สิ้นเดือนมกราคม 2556 มีรายละเอียดดังนี้
* Forward P/E ของไทยเทียบกับตลาดในภูมิภาค (หน่วย: เท่า)
เปรียบเทียบจากเดือนก่อนหน้า เปรียบเทียบจากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า
ธ.ค.2555 ม.ค.2556 ม.ค.2555 ม.ค.2556
เกาหลีใต้ 11.41 9.80 9.45 9.80
จีน 11.04 10.26 9.45 10.26
ฮ่องกง 11.93 11.51 10.32 11.51
SET 15.50 13.59 11.44 13.59
อินโดนีเซีย 15.90 14.18 13.35 14.18
มาเลเซีย 15.95 14.51 14.18 14.51
สิงคโปร์ 14.86 14.78 13.51 14.78
ไต้หวัน 18.64 14.86 14.15 14.86
ฟิลิปปินส์ 18.39 17.87 14.22 17.87
MAI 16.58 18.07 10.33 18.07
* Forward P/E Ratio ณ สิ้นเดือนมกราคม 2556: อัตราส่วนราคาหลักทรัพย์ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2556
และกำไรสุทธิคาดการณ์ต่อหุ้นในปี 2556 ของทุกหลักทรัพย์ของแต่ละประเทศ
อินโฟเควสท์ โดย ดาณี ทรัพย์คงมั่น โทร.02-2535000 ต่อ 328 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556 16:07:19 น.
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สรุปภาพรวมอัตราส่วนระหว่างราคาหลักทรัพย์ต่อกำไรสุทธิคาดการณ์ต่อหุ้น
(Forward P/E ratio) ของตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET) เทียบกับตลาดในภูมิภาค ณ สิ้นเดือนมกราคม 2556 มีรายละเอียดดังนี้
* Forward P/E ของไทยเทียบกับตลาดในภูมิภาค (หน่วย: เท่า)
เปรียบเทียบจากเดือนก่อนหน้า เปรียบเทียบจากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า
ธ.ค.2555 ม.ค.2556 ม.ค.2555 ม.ค.2556
เกาหลีใต้ 11.41 9.80 9.45 9.80
จีน 11.04 10.26 9.45 10.26
ฮ่องกง 11.93 11.51 10.32 11.51
SET 15.50 13.59 11.44 13.59
อินโดนีเซีย 15.90 14.18 13.35 14.18
มาเลเซีย 15.95 14.51 14.18 14.51
สิงคโปร์ 14.86 14.78 13.51 14.78
ไต้หวัน 18.64 14.86 14.15 14.86
ฟิลิปปินส์ 18.39 17.87 14.22 17.87
MAI 16.58 18.07 10.33 18.07
* Forward P/E Ratio ณ สิ้นเดือนมกราคม 2556: อัตราส่วนราคาหลักทรัพย์ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2556
และกำไรสุทธิคาดการณ์ต่อหุ้นในปี 2556 ของทุกหลักทรัพย์ของแต่ละประเทศ
อินโฟเควสท์ โดย ดาณี ทรัพย์คงมั่น โทร.02-2535000 ต่อ 328 อีเมล์: [email protected]--