100 ล้านบาทแรกในชีวิต

[Sattha]

อ่านกระทู้นี้แล้ว ทำให้ผมไปค้นหาไฟล์ excel ที่ทำคาดการณ์ขนาดพอร์ทไว้
ผมไม่ได้เปิดไฟล์นี้ขึ้นมานานมากแล้วล่ะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนเปิดดูเกือบทุกวัน แก้นู่น แก้นี่ ให้ตัวเองรวยไว้ๆ(ในอนาคต )
มีหมดทั้ง Best, Worst และ Base case
จำได้ว่าจะอัพเดทขนาดทุกไตรมาส ลิงค์สูตรอะไรเยอะแยะ (จนตอนนี้ลืมไปแล้วนะบางตัว)
เห็นแล้วก็ยิ้มให้ตัวเองสมัยก่อนจัง ช่างสร้างสรรค์
แต่ปัจจุบันเลือนไปแล้วครับ ว่าเคยอยากได้ร้อยล้าน ความอยากยังมีอยู่แต่มันลงไปในใจลึกๆ
ไม่ใช่ว่าปลงนะ แต่อะไรที่เป็นของเรา มันก็จะเป็นของเราครับ

เป็นกำลังใจให้นะครับ ผมก็รุ่นๆเดียวกันนี่แหละครับ
อ้อ ร้านอาหารคุณคนคอนชื่ออะไรครับ ผมไปขอนแก่นบ่อย เผื่อไปอุดหนุน เป็นเงินผมซักนิดในร้อยล้านก็ยังดีครับ

[คนคอน]

อ่านกระทู้นี้แล้ว ทำให้ผมไปค้นหาไฟล์ excel ที่ทำคาดการณ์ขนาดพอร์ทไว้
ผมไม่ได้เปิดไฟล์นี้ขึ้นมานานมากแล้วล่ะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนเปิดดูเกือบทุกวัน แก้นู่น แก้นี่ ให้ตัวเองรวยไว้ๆ(ในอนาคต )
มีหมดทั้ง Best, Worst และ Base case
จำได้ว่าจะอัพเดทขนาดทุกไตรมาส ลิงค์สูตรอะไรเยอะแยะ (จนตอนนี้ลืมไปแล้วนะบางตัว)
เห็นแล้วก็ยิ้มให้ตัวเองสมัยก่อนจัง ช่างสร้างสรรค์
แต่ปัจจุบันเลือนไปแล้วครับ ว่าเคยอยากได้ร้อยล้าน ความอยากยังมีอยู่แต่มันลงไปในใจลึกๆ
ไม่ใช่ว่าปลงนะ แต่อะไรที่เป็นของเรา มันก็จะเป็นของเราครับ

เป็นกำลังใจให้นะครับ ผมก็รุ่นๆเดียวกันนี่แหละครับ
อ้อ ร้านอาหารคุณคนคอนชื่ออะไรครับ ผมไปขอนแก่นบ่อย เผื่อไปอุดหนุน เป็นเงินผมซักนิดในร้อยล้านก็ยังดีครับ

ห๊ะ ทำไมเข้าใจว่าร้านยุที่ขอนแก่นละครับ ร้านอาหารผมชื่อ กชกร ครับ ยุชั้น2 ในมหาลัยเอแบคบางนาครับ

[supparsorn]

ความรู้สึกมันคงไม่ได้น่าตื้นตันอะไรขนาดนั้นหรอกครับ
สุดท้ายแล้ว มันก็แค่นั้นครับ ดีใจไม่กี่วัน ก็หายดีใจแล้วครับ
ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอแล้วครับ เป็นนักลงทุน ก็มีความสุขกับการลงทุน ทำการลงทุนเพราะใจรัก ใช้เวลาทุกวันไปอย่างคุ้มค่า และมีสติ

การไปใฝ่ฝันหาเงินมากๆ เท่ากับเป็นการสร้างกิเลสในจิตใจให้เกิดแต่ความอยากไม่รู้จักพอ และก็เกิดความทุกข์ตามมาครับ ตกเป็นทาสของความอยากไปเรื่อยๆ ครับ พอไม่ได้สมอยากก็ทุกข์ แต่ครั้นพอสมอยากก็มีอีโก้ ซึ่งสุดท้ายก็นำมาซึ่งความทุกข์ (ผมเป็นมาก่อน)

หลังจากได้เงินมามากมายแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะเริ่มคิดว่า "ฉันมีเงินมากมายแบบนี้ ทำไมก็ยังมีเรื่องให้เป็นทุกข์ใจ เหมือนเมื่อก่อนอยู่ดี? ไม่เรื่องโน่นก็เรื่องนี้ สารพัดเรื่อง" จากนั้นก็จะเริ่มรู้เองครับว่า "เงินซื้อความทุกข์ (โดยเฉพาะความไม่ค่อยสะดวกสบาย) ออกไปให้พ้นได้ แต่ซื้อความทุกข์ให้ออกไปจากใจไม่ได้ครับ"

สุดท้ายต้องหันมาพึ่ง "ธรรมโอสถ" ของพระพุทธองค์โดยการปฏิบัติธรรมครับ เพราะยาขนานนี้สอนให้เรารู้จักหนทางแห่งการหลุดพ้นจากความทุกข์ที่แท้จริงครับ นำมาซึ่งอิสระภาพที่เงินจำนวนมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถให้เราได้ครับ

[คนคอน]

ความรู้สึกมันคงไม่ได้น่าตื้นตันอะไรขนาดนั้นหรอกครับ
สุดท้ายแล้ว มันก็แค่นั้นครับ ดีใจไม่กี่วัน ก็หายดีใจแล้วครับ
ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอแล้วครับ เป็นนักลงทุน ก็มีความสุขกับการลงทุน ทำการลงทุนเพราะใจรัก ใช้เวลาทุกวันไปอย่างคุ้มค่า และมีสติ

การไปใฝ่ฝันหาเงินมากๆ เท่ากับเป็นการสร้างกิเลสในจิตใจให้เกิดแต่ความอยากไม่รู้จักพอ และก็เกิดความทุกข์ตามมาครับ ตกเป็นทาสของความอยากไปเรื่อยๆ ครับ พอไม่ได้สมอยากก็ทุกข์ แต่ครั้นพอสมอยากก็มีอีโก้ ซึ่งสุดท้ายก็นำมาซึ่งความทุกข์ (ผมเป็นมาก่อน)

หลังจากได้เงินมามากมายแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะเริ่มคิดว่า "ฉันมีเงินมากมายแบบนี้ ทำไมก็ยังมีเรื่องให้เป็นทุกข์ใจ เหมือนเมื่อก่อนอยู่ดี? ไม่เรื่องโน่นก็เรื่องนี้ สารพัดเรื่อง" จากนั้นก็จะเริ่มรู้เองครับว่า "เงินซื้อความทุกข์ (โดยเฉพาะความไม่ค่อยสะดวกสบาย) ออกไปให้พ้นได้ แต่ซื้อความทุกข์ให้ออกไปจากใจไม่ได้ครับ"

สุดท้ายต้องหันมาพึ่ง "ธรรมโอสถ" ของพระพุทธองค์โดยการปฏิบัติธรรมครับ เพราะยาขนานนี้สอนให้เรารู้จักหนทางแห่งการหลุดพ้นจากความทุกข์ที่แท้จริงครับ นำมาซึ่งอิสระภาพที่เงินจำนวนมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถให้เราได้ครับ

ขอบคุณครับที่มาแชร์ประสบการณ์

แต่ผมขอตั้งข้อสังเกตนิดนึงครับ ถ้าเราย้อนมองไปในกระทู้ ล้านหรือสิบล้านนี่ มีแต่ความยินดีปรีดา ความสุข แต่พอมองมาที่กระทู้ร้อยล้านแล้วเหมือนมีแต่คนพูดเหมือนกับว่า มันโลภ มันไม่ดี เงินไม่ใช่ทุกอย่างเลย อะไรประมาณนี้เลยนะครับ

ส่วนตัวแล้วเนี่ย กลับคิดว่า ความทุกข์มันคือสิ่งที่ไม่ได้เลวร้ายเลยครับ มันคือส่วนหนึ่งของแรงผลักดัน หากเราไม่ทุกข์ชีวิตคงน่าเบื่อแย่เลยครับ จริงๆแล้วผมก็เคยอินนะ พุทธศาสนา อ่านมันเป็นสิบๆ เล่ม นั่งสมาธิ หาทางดับทุกข์ บราๆ แต่สุดท้ายแล้ว ถึงตัวผมจะนับถือพุทธ ในสำเนา แต่ผมขออยู่แบบโลภๆ มีความหวัง มีแรงผลักดันที่จะทำอะไรที่คนมองว่าโลภดีกว่าครับ แต่ถึงยังไงผมยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นนะครับ จะติจะติงอะไรก็ตามสบายเลยครับ เพราะในเวปก็พี่ๆน้องๆกัน ลงทุนแนวเดียวกัน

[supparsorn]

ความรู้สึกมันคงไม่ได้น่าตื้นตันอะไรขนาดนั้นหรอกครับ
สุดท้ายแล้ว มันก็แค่นั้นครับ ดีใจไม่กี่วัน ก็หายดีใจแล้วครับ
ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอแล้วครับ เป็นนักลงทุน ก็มีความสุขกับการลงทุน ทำการลงทุนเพราะใจรัก ใช้เวลาทุกวันไปอย่างคุ้มค่า และมีสติ

การไปใฝ่ฝันหาเงินมากๆ เท่ากับเป็นการสร้างกิเลสในจิตใจให้เกิดแต่ความอยากไม่รู้จักพอ และก็เกิดความทุกข์ตามมาครับ ตกเป็นทาสของความอยากไปเรื่อยๆ ครับ พอไม่ได้สมอยากก็ทุกข์ แต่ครั้นพอสมอยากก็มีอีโก้ ซึ่งสุดท้ายก็นำมาซึ่งความทุกข์ (ผมเป็นมาก่อน)

หลังจากได้เงินมามากมายแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะเริ่มคิดว่า "ฉันมีเงินมากมายแบบนี้ ทำไมก็ยังมีเรื่องให้เป็นทุกข์ใจ เหมือนเมื่อก่อนอยู่ดี? ไม่เรื่องโน่นก็เรื่องนี้ สารพัดเรื่อง" จากนั้นก็จะเริ่มรู้เองครับว่า "เงินซื้อความทุกข์ (โดยเฉพาะความไม่ค่อยสะดวกสบาย) ออกไปให้พ้นได้ แต่ซื้อความทุกข์ให้ออกไปจากใจไม่ได้ครับ"

สุดท้ายต้องหันมาพึ่ง "ธรรมโอสถ" ของพระพุทธองค์โดยการปฏิบัติธรรมครับ เพราะยาขนานนี้สอนให้เรารู้จักหนทางแห่งการหลุดพ้นจากความทุกข์ที่แท้จริงครับ นำมาซึ่งอิสระภาพที่เงินจำนวนมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถให้เราได้ครับ

ขอบคุณครับที่มาแชร์ประสบการณ์

แต่ผมขอตั้งข้อสังเกตนิดนึงครับ ถ้าเราย้อนมองไปในกระทู้ ล้านหรือสิบล้านนี่ มีแต่ความยินดีปรีดา ความสุข แต่พอมองมาที่กระทู้ร้อยล้านแล้วเหมือนมีแต่คนพูดเหมือนกับว่า มันโลภ มันไม่ดี เงินไม่ใช่ทุกอย่างเลย อะไรประมาณนี้เลยนะครับ

ส่วนตัวแล้วเนี่ย กลับคิดว่า ความทุกข์มันคือสิ่งที่ไม่ได้เลวร้ายเลยครับ มันคือส่วนหนึ่งของแรงผลักดัน หากเราไม่ทุกข์ชีวิตคงน่าเบื่อแย่เลยครับ จริงๆแล้วผมก็เคยอินนะ พุทธศาสนา อ่านมันเป็นสิบๆ เล่ม นั่งสมาธิ หาทางดับทุกข์ บราๆ แต่สุดท้ายแล้ว ถึงตัวผมจะนับถือพุทธ ในสำเนา แต่ผมขออยู่แบบโลภๆ มีความหวัง มีแรงผลักดันที่จะทำอะไรที่คนมองว่าโลภดีกว่าครับ แต่ถึงยังไงผมยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นนะครับ จะติจะติงอะไรก็ตามสบายเลยครับ เพราะในเวปก็พี่ๆน้องๆกัน ลงทุนแนวเดียวกัน

ยินดีครับ

ผมเข้าใจว่า ข้อสังเกตของคุณ "คนคอน" ที่ว่า "ถ้าเราย้อนมองไปในกระทู้ ล้านหรือสิบล้านนี่ มีแต่ความยินดีปรีดา ความสุข แต่พอมองมาที่กระทู้ร้อยล้านแล้วเหมือนมีแต่คนพูดเหมือนกับว่า มันโลภ มันไม่ดี เงินไม่ใช่ทุกอย่างเลย อะไรประมาณนี้เลยนะครับ" มันน่าจะมาจากว่า การลงทุนจนมีพอร์ตเป็นหลัก 10 ล้านนั้น เป็นจำนวนที่เริ่มๆ จะสามารถนำเงินปันผลมาใช้ในการดำรงชีวิตได้พอสมควร เริ่มเป็นก้าวแรกของการได้สัมผัสอิสระภาพทางการเงินมั้งครับ หลายคนจึงรู้สึกยินดีปรีดา ซึ่งผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งผิดปกติอะไรนะครับ

แต่หลังนั้น พอร์ตระดับหลายสิบล้านหรือมากกว่านั้นนี้ เงินปันผลมันจะมากเสียจนเราสามารถใช้ชีวิตอยู่แบบสบายๆ ไม่เดือดร้อนหรือกระเสือกกระสนเพื่อหาเงินมาดำรงชีวิตอีกต่อไป หลายท่านเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ก็จะได้รู้ว่า เงินแก้ปัญหาบางอย่างไม่ได้เสมอไป ต่อให้มีเงินมากกว่านี้อีกเท่าไหร่ มี 100 ล้าน หรือหลายร้อยล้าน ก็ไม่ได้ทำให้คุณภาพในการดำรงชีวิตแตกต่างกันมากนัก

ถ้าจะพูดกันจริงๆ ลึกๆ แล้ว สิ่งที่มนุษย์ต้องการ อาจจะไม่ใช่เงินก็ได้ครับ มนุษย์แค่ต้องการ "เงิน" เพื่อใช้เป็นตัวกลางในการตอบสนองกิเลสของตนเองเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น บ้านแพงๆ รถแพงๆ ความมีชื่อเสียงในสังคม เป็นที่ยอมรับ อีโก้ ฯลฯ มนุษย์ส่วนมาก จึงพยายามหาเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะคิดว่ามันจะทำให้ตนเองมีความสุขมากขึ้นได้เรื่อยๆ จากการได้ตอบสนองกิเลสภายในจิตใจของตนนะผมว่า

คนที่มีเงินมากๆ พอรู้ว่าเงินซึ่งเป็นปัจจัยภายนอก ไม่สามารถซื้อความทุกข์ในใจออกไปได้ สุดท้ายก็ต้องหันกลับมาแก้จากภายในใจของตนเอง หาวิธีจัดการทางตรงกับกิเลส แทนที่จะตอบสนองมันทางอ้อมด้วยเงิน

ผมไม่ได้ปฏิเสธเงิน หรือคิดว่าการมีเงินมากเป็นเรื่องเลวร้ายอะไร ตราบใดที่การได้มาซึ่งเงินนั้น เราไม่ได้เบียดเบียนใคร และอยู่กับมันอย่างมีสติครับ

[คนคอน]

ความรู้สึกมันคงไม่ได้น่าตื้นตันอะไรขนาดนั้นหรอกครับ
สุดท้ายแล้ว มันก็แค่นั้นครับ ดีใจไม่กี่วัน ก็หายดีใจแล้วครับ
ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอแล้วครับ เป็นนักลงทุน ก็มีความสุขกับการลงทุน ทำการลงทุนเพราะใจรัก ใช้เวลาทุกวันไปอย่างคุ้มค่า และมีสติ

การไปใฝ่ฝันหาเงินมากๆ เท่ากับเป็นการสร้างกิเลสในจิตใจให้เกิดแต่ความอยากไม่รู้จักพอ และก็เกิดความทุกข์ตามมาครับ ตกเป็นทาสของความอยากไปเรื่อยๆ ครับ พอไม่ได้สมอยากก็ทุกข์ แต่ครั้นพอสมอยากก็มีอีโก้ ซึ่งสุดท้ายก็นำมาซึ่งความทุกข์ (ผมเป็นมาก่อน)

หลังจากได้เงินมามากมายแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะเริ่มคิดว่า "ฉันมีเงินมากมายแบบนี้ ทำไมก็ยังมีเรื่องให้เป็นทุกข์ใจ เหมือนเมื่อก่อนอยู่ดี? ไม่เรื่องโน่นก็เรื่องนี้ สารพัดเรื่อง" จากนั้นก็จะเริ่มรู้เองครับว่า "เงินซื้อความทุกข์ (โดยเฉพาะความไม่ค่อยสะดวกสบาย) ออกไปให้พ้นได้ แต่ซื้อความทุกข์ให้ออกไปจากใจไม่ได้ครับ"

สุดท้ายต้องหันมาพึ่ง "ธรรมโอสถ" ของพระพุทธองค์โดยการปฏิบัติธรรมครับ เพราะยาขนานนี้สอนให้เรารู้จักหนทางแห่งการหลุดพ้นจากความทุกข์ที่แท้จริงครับ นำมาซึ่งอิสระภาพที่เงินจำนวนมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถให้เราได้ครับ

ขอบคุณครับที่มาแชร์ประสบการณ์

แต่ผมขอตั้งข้อสังเกตนิดนึงครับ ถ้าเราย้อนมองไปในกระทู้ ล้านหรือสิบล้านนี่ มีแต่ความยินดีปรีดา ความสุข แต่พอมองมาที่กระทู้ร้อยล้านแล้วเหมือนมีแต่คนพูดเหมือนกับว่า มันโลภ มันไม่ดี เงินไม่ใช่ทุกอย่างเลย อะไรประมาณนี้เลยนะครับ

ส่วนตัวแล้วเนี่ย กลับคิดว่า ความทุกข์มันคือสิ่งที่ไม่ได้เลวร้ายเลยครับ มันคือส่วนหนึ่งของแรงผลักดัน หากเราไม่ทุกข์ชีวิตคงน่าเบื่อแย่เลยครับ จริงๆแล้วผมก็เคยอินนะ พุทธศาสนา อ่านมันเป็นสิบๆ เล่ม นั่งสมาธิ หาทางดับทุกข์ บราๆ แต่สุดท้ายแล้ว ถึงตัวผมจะนับถือพุทธ ในสำเนา แต่ผมขออยู่แบบโลภๆ มีความหวัง มีแรงผลักดันที่จะทำอะไรที่คนมองว่าโลภดีกว่าครับ แต่ถึงยังไงผมยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นนะครับ จะติจะติงอะไรก็ตามสบายเลยครับ เพราะในเวปก็พี่ๆน้องๆกัน ลงทุนแนวเดียวกัน

ยินดีครับ

ผมเข้าใจว่า ข้อสังเกตของคุณ "คนคอน" ที่ว่า "ถ้าเราย้อนมองไปในกระทู้ ล้านหรือสิบล้านนี่ มีแต่ความยินดีปรีดา ความสุข แต่พอมองมาที่กระทู้ร้อยล้านแล้วเหมือนมีแต่คนพูดเหมือนกับว่า มันโลภ มันไม่ดี เงินไม่ใช่ทุกอย่างเลย อะไรประมาณนี้เลยนะครับ" มันน่าจะมาจากว่า การลงทุนจนมีพอร์ตเป็นหลัก 10 ล้านนั้น เป็นจำนวนที่เริ่มๆ จะสามารถนำเงินปันผลมาใช้ในการดำรงชีวิตได้พอสมควร เริ่มเป็นก้าวแรกของการได้สัมผัสอิสระภาพทางการเงินมั้งครับ หลายคนจึงรู้สึกยินดีปรีดา ซึ่งผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งผิดปกติอะไรนะครับ

แต่หลังนั้น พอร์ตระดับหลายสิบล้านหรือมากกว่านั้นนี้ เงินปันผลมันจะมากเสียจนเราสามารถใช้ชีวิตอยู่แบบสบายๆ ไม่เดือดร้อนหรือกระเสือกกระสนเพื่อหาเงินมาดำรงชีวิตอีกต่อไป หลายท่านเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ก็จะได้รู้ว่า เงินแก้ปัญหาบางอย่างไม่ได้เสมอไป ต่อให้มีเงินมากกว่านี้อีกเท่าไหร่ มี 100 ล้าน หรือหลายร้อยล้าน ก็ไม่ได้ทำให้คุณภาพในการดำรงชีวิตแตกต่างกันมากนัก

ถ้าจะพูดกันจริงๆ ลึกๆ แล้ว สิ่งที่มนุษย์ต้องการ อาจจะไม่ใช่เงินก็ได้ครับ มนุษย์แค่ต้องการ "เงิน" เพื่อใช้เป็นตัวกลางในการตอบสนองกิเลสของตนเองเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น บ้านแพงๆ รถแพงๆ ความมีชื่อเสียงในสังคม เป็นที่ยอมรับ อีโก้ ฯลฯ มนุษย์ส่วนมาก จึงพยายามหาเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะคิดว่ามันจะทำให้ตนเองมีความสุขมากขึ้นได้เรื่อยๆ จากการได้ตอบสนองกิเลสภายในจิตใจของตนนะผมว่า

คนที่มีเงินมากๆ พอรู้ว่าเงินซึ่งเป็นปัจจัยภายนอก ไม่สามารถซื้อความทุกข์ในใจออกไปได้ สุดท้ายก็ต้องหันกลับมาแก้จากภายในใจของตนเอง หาวิธีจัดการทางตรงกับกิเลส แทนที่จะตอบสนองมันทางอ้อมด้วยเงิน

ผมไม่ได้ปฏิเสธเงิน หรือคิดว่าการมีเงินมากเป็นเรื่องเลวร้ายอะไร ตราบใดที่การได้มาซึ่งเงินนั้น เราไม่ได้เบียดเบียนใคร และอยู่กับมันอย่างมีสติครับ

ผมชักอยากจะขอบคุณตัวเองที่ตั้งกระทู้นี้มาสะแล้วสิ

[Radio]

ผมไม่คิดว่าคุณ คนคอน จะคิดว่าถ้ามี100 ล้านแล้วจะมี
ความสุขเพิ่มขึ้นมากมายกว่าการมี20-30ล้านหรอก
แต่คุณ คนคอน เขามีเป้าหมาย 100 ล้าน ก็เหมือนกับ
นักกีฬาที่มีเป้าหมาย เช่นนักวิ่งก็จะมีเป้าหมายว่าจะต้อง
วิ่งให้เร็วใช้เวลาต่ำกว่า 10 วินาที เป็นต้น
มันเป็นการท้าทายที่สนุกสนานอย่างหนึ่ง

[maymekung]

ผมกำลังวิ่งตามล่าสิ่งที่ตั้งเป้าไว้อย่างบ้าคลั่ง และทุกครั้งที่สมดังปรารถนา ทำให้ผมดีใจเสมอ ผมเป็นคนชอบตั้งเป้าสูงๆไว้ก่อน และใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ มีเป้าหมายหลายอย่าง ทั้งประสบการณ์ชีวิต ท่องเที่ยว หน้าที่การงาน ความมีหน้ามีตาในสังคม และความร่ำรวย แน่นอนว่า 100 ล้าน เป็นเป้าหมายหนึ่งของชีวิต ที่ผมพยายามจะก้าวไปให้ถึงสักวันครับ การมีเป้าหมายเหมือนเป็นแรงผลักดันให้เราสู้และมีชิวิตอยู่อย่างมีความหมายครับ

[Sattha]

ห๊ะ ทำไมเข้าใจว่าร้านยุที่ขอนแก่นละครับ ร้านอาหารผมชื่อ กชกร ครับ ยุชั้น2 ในมหาลัยเอแบคบางนาครับ

โทดทีครับ สงสัยเห็นชื่อคนคอน เลยพาลนึกไปเองว่าคงมีธุรกิจที่ขอนแก่นครับ

[คนคอน]

ผมไม่คิดว่าคุณ คนคอน จะคิดว่าถ้ามี100 ล้านแล้วจะมี
ความสุขเพิ่มขึ้นมากมายกว่าการมี20-30ล้านหรอก
แต่คุณ คนคอน เขามีเป้าหมาย 100 ล้าน ก็เหมือนกับ
นักกีฬาที่มีเป้าหมาย เช่นนักวิ่งก็จะมีเป้าหมายว่าจะต้อง
วิ่งให้เร็วใช้เวลาต่ำกว่า 10 วินาที เป็นต้น
มันเป็นการท้าทายที่สนุกสนานอย่างหนึ่ง

ขอบคุณครับ

[คนคอน]

ห๊ะ ทำไมเข้าใจว่าร้านยุที่ขอนแก่นละครับ ร้านอาหารผมชื่อ กชกร ครับ ยุชั้น2 ในมหาลัยเอแบคบางนาครับ

โทดทีครับ สงสัยเห็นชื่อคนคอน เลยพาลนึกไปเองว่าคงมีธุรกิจที่ขอนแก่นครับ

อ่อ มันถึงเป็นเป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช ครับ

[PLUSLOVE]

ผมไม่คิดว่าคุณ คนคอน จะคิดว่าถ้ามี100 ล้านแล้วจะมี
ความสุขเพิ่มขึ้นมากมายกว่าการมี20-30ล้านหรอก
แต่คุณ คนคอน เขามีเป้าหมาย 100 ล้าน ก็เหมือนกับ
นักกีฬาที่มีเป้าหมาย เช่นนักวิ่งก็จะมีเป้าหมายว่าจะต้อง
วิ่งให้เร็วใช้เวลาต่ำกว่า 10 วินาที เป็นต้น
มันเป็นการท้าทายที่สนุกสนานอย่างหนึ่ง

+1ครับ ผมเชื่อว่าหลายคนที่พอรท์เกินร้อยล้านแล้ว เป้าต่อไปก้คงพันล้าน

ถ้ามีใครทำได้ถึง 1 พันล้าน ก้ถือว่า ชีวิตเค้าคงได้เหมือนอยู่ใน สนามกีฬาที่มีรูปติด

ข้างฝาผนังใน hall of frame ว่า ผู้นี้คือนักกีฬาที่ยิงประตูได้มากที่สุด

หลังจากนั้น ก้อาจจะเห็น เค้าแขวนสตั๊ดก้ได้นะครับ

เมื่อความท้าทายในเกม หมดลง ชีวิตก้คงหันหน้าเข้าหาพระธรรม

ที่สุดปลายถนนแห่งการลงทุน มันมีคำนึงปักไว้ คำนั้นคือ

หยุดทางโลก เข้าหาทางธรรม เส้นทางได้สิ้นสุดลง และดับลงไปพร้อมกิเลสตัณหา

หันหลังคืนฝั่ง ทำดีให้สังคม ทดแทนคุณแผ่นดิน

[dragonrider]

กระทู้นี้คงจะไม่ได้ ความคิดเห็นที่สอดคล้องกับความตั้งใจของเจ้าของกระทู้นะครับ งั้นผมขอแสดงความคิดเห็นบางอย่างเกี่ยวกับกระทู้นี้ละกันนะครับ

ผมคิดว่า ชื่อกระทู้กับ ความคิดเห็นในกระทู้ มีความน่าสนใจบางอย่าง หัวข้อกระทู้นำไปสู่ บริบทของคุณค่าบางอย่างที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับหัวข้อกระทู้เลย โดยที่คุณค่าของความหมายเชิงบริบทในแต่ละหัวข้อน่าจะเป็นดังนี้
1 ล้านบาท แรกในชีวิต = ความพยายาม
10 ล้านบาท แรกในชีวิต = ความสำเร็จ
100 ล้านบาท แรกในชีวิต = ความโลภ
ถ้ามี 1000 ล้านบาท แรกในชีวิต = ??? อาจจะเป็นความบ้า ที่ไม่มีใครสนใจจะเข้าไปแสดงความเห็น หรือ เข้าไปตอบ

จะเห็นว่า ถ้าเราถกกันถึงความโลภ ความโลภ นั้น ไม่เกี่ยวกับ 1 ล้าน 10 ล้าน หรือ 100 ล้าน โดยตรง เพียงแต่เรา เห็นคำว่า 100 ล้าน แล้วนึกถึงเพียงคำว่า "โลภ" เท่านั้น ซึ่งเป็นไปโดยธรรมชาติ แต่ที่น่าประหลาดใจคือ การลงทุนในตลาดทุนนั้น สิ่งที่คนส่วนใหญ่มองเห็น คือ ราคา น้อยคนที่ใส่ใจในมูลค่า หรือ คุณค่าของการเป็นเจ้าของกิจการอย่างแท้จริง ตอกย้ำว่าสิ่งที่เราทำ มักตรงข้ามกับสิ่งที่เราคิด อยู่ตลอดเวลา

นักลงทุนที่ทำได้ 100 ล้านบาท เรา ยกย่องว่าเป็น เทพ
นักลงทุนที่ทำได้ 1000 ล้านบาท เรา เทิดทูนว่าเป็น เซียน
จริงหรือไม่?

[picatos]

ผมไม่คิดว่าคุณ คนคอน จะคิดว่าถ้ามี100 ล้านแล้วจะมี
ความสุขเพิ่มขึ้นมากมายกว่าการมี20-30ล้านหรอก
แต่คุณ คนคอน เขามีเป้าหมาย 100 ล้าน ก็เหมือนกับ
นักกีฬาที่มีเป้าหมาย เช่นนักวิ่งก็จะมีเป้าหมายว่าจะต้อง
วิ่งให้เร็วใช้เวลาต่ำกว่า 10 วินาที เป็นต้น
มันเป็นการท้าทายที่สนุกสนานอย่างหนึ่ง

+1ครับ ผมเชื่อว่าหลายคนที่พอรท์เกินร้อยล้านแล้ว เป้าต่อไปก้คงพันล้าน

ถ้ามีใครทำได้ถึง 1 พันล้าน ก้ถือว่า ชีวิตเค้าคงได้เหมือนอยู่ใน สนามกีฬาที่มีรูปติด

ข้างฝาผนังใน hall of frame ว่า ผู้นี้คือนักกีฬาที่ยิงประตูได้มากที่สุด

หลังจากนั้น ก้อาจจะเห็น เค้าแขวนสตั๊ดก้ได้นะครับ

เมื่อความท้าทายในเกม หมดลง ชีวิตก้คงหันหน้าเข้าหาพระธรรม

ที่สุดปลายถนนแห่งการลงทุน มันมีคำนึงปักไว้ คำนั้นคือ

หยุดทางโลก เข้าหาทางธรรม เส้นทางได้สิ้นสุดลง และดับลงไปพร้อมกิเลสตัณหา

หันหลังคืนฝั่ง ทำดีให้สังคม ทดแทนคุณแผ่นดิน

จริงเหรอครับ...​ ถึงพันล้านนี่ถึงกับได้ hall of frame เลยเหรอครับ?

ผมว่า... คนที่ถึงพันล้านนี่ บางทีเค้ามองออกไปที่นักลงทุนเก่งๆ คนอื่นๆ ที่มีหมื่นล้าน แสนล้าน ล้านล้าน ซึ่งมีอยู่เยอะแยะเต็มโลก เค้าอาจจะรู้สึกว่าตัวเองกระจอกมากก็ได้นะครับ... อาจจะพยายามตะเกียกตะกายให้สูงกว่านี้ขึ้นไปอีกก็ได้นะครับ

[kraikria]

มีเป้าหมายเป็นเรื่องที่ดีแน่นอนครับ แต่ถ้าทำตามเป้าหมายไม่ได้หรือยังไม่ถึงเป้าหมาย ก็อย่าเสียใจไป ผมคิดว่าถ้าเราแยกเรื่องเป้าหมาย ออกจากเรื่องความสุขบ้างก็คงดี

ขอให้ได้ตามที่หวังครับ

[arwut]

ลองนั่นอ่านผ่านๆมา รู้สึกว่ามีแต่ความคาดหวังและเป้าหมายอันพองโต เป็นส่วนใหญ่ ไม่มีใครกลัวกันเลยเหรอครับ ... ทำไมผมกลัว อยู่คนเดียวก็ไม่รู้

ดูเหมือนมันง่ายจังเลยครับ ทำไมผมรู้สึกว่ามันยากเย็นแสนเข็น

ยังงง

[dragonrider]

ลองนั่นอ่านผ่านๆมา รู้สึกว่ามีแต่ความคาดหวังและเป้าหมายอันพองโต เป็นส่วนใหญ่ ไม่มีใครกลัวกันเลยเหรอครับ ... ทำไมผมกลัว อยู่คนเดียวก็ไม่รู้

ดูเหมือนมันง่ายจังเลยครับ ทำไมผมรู้สึกว่ามันยากเย็นแสนเข็น

ยังงง

ผมอยากบอกว่า ความคาดหวังและเป้าหมายอันพองโตนี้ เต็มไปด้วยความกลัวโคตรๆ เลยครับ หุ้นที่ผมถือต้องมีราคาต่ำกว่ามูลค่าของมัน ถ้าตลาดจะถล่มลงมามันจะเป็นการลดราคาครั้งยิ่งใหญ่ และ ผมก็เตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับมัน

[คนคอน]

ลองนั่นอ่านผ่านๆมา รู้สึกว่ามีแต่ความคาดหวังและเป้าหมายอันพองโต เป็นส่วนใหญ่ ไม่มีใครกลัวกันเลยเหรอครับ ... ทำไมผมกลัว อยู่คนเดียวก็ไม่รู้

ดูเหมือนมันง่ายจังเลยครับ ทำไมผมรู้สึกว่ามันยากเย็นแสนเข็น

ยังงง

ผมอยากบอกว่า ความคาดหวังและเป้าหมายอันพองโตนี้ เต็มไปด้วยความกลัวโคตรๆ เลยครับ หุ้นที่ผมถือต้องมีราคาต่ำกว่ามูลค่าของมัน ถ้าตลาดจะถล่มลงมามันจะเป็นการลดราคาครั้งยิ่งใหญ่ และ ผมก็เตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับมัน

ผมรออัดเต็มแมคเลยพี่ ตอนนี้เงินเหลือบานเลยฮิขอสัก500จุดได้ไม๊อ่าา

[tanateyupa]

เมื่อมี 1แล้ว ต่อมาก็มี10 ต่อไปก็จะต้องมี100ล้าน ยังไงผมขอตั้งไว้ก่อนนะครับ ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่ถึงแต่ ผมอยากให้คนที่มีประสบการณ์มาแชร์กันหน่อยว่ารู้สึกยังไง ชีวิตเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ใครเอาเงินที่ได้ไปซื้ออะไรบ้าง

ส่วนตัวผมตั้งเป้า 100 ล้าน ไปไว้ก่อนอายุ 28ครับ นับจากตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกประมาณ 4 ปีกว่าๆครับ

กระทู้นี้ดีมากครับ ขอออกความเห็นบ้างครับ

มีคนรู้จักคนนึงครับ แต่ก่อนทำงานประจำหามรุ่งหามคำ ตอนมีพอร์ตแตะหลักล้านครั้งแรก เห็นเขาดีใจเฉยๆครับ ออกจะป๊อดๆ ด้วยซ้ำไป เงินทำงานกับปันผลก็ค่อย ๆ ใส่เข้าไปเรื่อยๆ

ผ่านมาไม่นานจนพอร์ตเลยหลักสิบล้าน ดูท่าทาง กร่าง ๆ ครับ นึกว่าเจ๋งเก่ง เป็นเซียนอะไรทำนองนั้น ต่อมาเขาบอกว่า
เป็นกบในกะลา

ผ่านมาไม่นานอีกครับตอนนี้ พอร์ต แตะหลัก ห้าสิบล้านแล้วขาดไปนิดนึง ดูเจียมเนื้อเจียมตัว พูดจานอบน้อมถ่อมตนกว่าตอนพอร์ตแตะสิบล้านใหม่ๆ บอกเสมอ คนเก่ง ๆมีมากมาย ต้องเรียนรู้จากเขาให้มาก ไม่เคยไปอบรมที่ไหน อ่านหนังสือ ออกสื่อตอนประชุมผู้ถือหุ้นเท่านั้น

การใช้ชีวิตตอนช่วงแรก ๆ ประหยัดจนเรียกได้ว่าขี้เหนียว ปัจจุบันยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม กางเกงมีสามตัว เสื้อมีไม่เกินสิบ ใส่ซ้ำไปซ้ำมา ใส่จนเก่า ไม่เที่ยวต่างประเทศ ครอบครัวยังอยู่กับพ่อกับแม่

[คนคอน]

เมื่อมี 1แล้ว ต่อมาก็มี10 ต่อไปก็จะต้องมี100ล้าน ยังไงผมขอตั้งไว้ก่อนนะครับ ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่ถึงแต่ ผมอยากให้คนที่มีประสบการณ์มาแชร์กันหน่อยว่ารู้สึกยังไง ชีวิตเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ใครเอาเงินที่ได้ไปซื้ออะไรบ้าง

ส่วนตัวผมตั้งเป้า 100 ล้าน ไปไว้ก่อนอายุ 28ครับ นับจากตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกประมาณ 4 ปีกว่าๆครับ

กระทู้นี้ดีมากครับ ขอออกความเห็นบ้างครับ

มีคนรู้จักคนนึงครับ แต่ก่อนทำงานประจำหามรุ่งหามคำ ตอนมีพอร์ตแตะหลักล้านครั้งแรก เห็นเขาดีใจเฉยๆครับ ออกจะป๊อดๆ ด้วยซ้ำไป เงินทำงานกับปันผลก็ค่อย ๆ ใส่เข้าไปเรื่อยๆ

ผ่านมาไม่นานจนพอร์ตเลยหลักสิบล้าน ดูท่าทาง กร่าง ๆ ครับ นึกว่าเจ๋งเก่ง เป็นเซียนอะไรทำนองนั้น ต่อมาเขาบอกว่า
เป็นกบในกะลา

ผ่านมาไม่นานอีกครับตอนนี้ พอร์ต แตะหลัก ห้าสิบล้านแล้วขาดไปนิดนึง ดูเจียมเนื้อเจียมตัว พูดจานอบน้อมถ่อมตนกว่าตอนพอร์ตแตะสิบล้านใหม่ๆ บอกเสมอ คนเก่ง ๆมีมากมาย ต้องเรียนรู้จากเขาให้มาก ไม่เคยไปอบรมที่ไหน อ่านหนังสือ ออกสื่อตอนประชุมผู้ถือหุ้นเท่านั้น

การใช้ชีวิตตอนช่วงแรก ๆ ประหยัดจนเรียกได้ว่าขี้เหนียว ปัจจุบันยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม กางเกงมีสามตัว เสื้อมีไม่เกินสิบ ใส่ซ้ำไปซ้ำมา ใส่จนเก่า ไม่เที่ยวต่างประเทศ ครอบครัวยังอยู่กับพ่อกับแม่

แต่ละคนก็มีสไตล์ชีวิตที่แตกต่างกันไป แต่ผมว่า ถ้ามีเงินพอที่จะอยู่ได้อย่างสบายแล้ว เราควรจะดูแลตัวเองด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป้นเรื่องการแต่งตัว ,การออกกำลังกาย หรือจะเป็นประสบการณ์ ใหม่ ให้กับตัวเอง

ปล.แถวบ้านผม แบบนี้มีเยอะเหมือนกัน แต่รุ่นลูกขับเฟอนะครับ

[คนคอน]

เมื่อมี 1แล้ว ต่อมาก็มี10 ต่อไปก็จะต้องมี100ล้าน ยังไงผมขอตั้งไว้ก่อนนะครับ ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่ถึงแต่ ผมอยากให้คนที่มีประสบการณ์มาแชร์กันหน่อยว่ารู้สึกยังไง ชีวิตเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ใครเอาเงินที่ได้ไปซื้ออะไรบ้าง

ส่วนตัวผมตั้งเป้า 100 ล้าน ไปไว้ก่อนอายุ 28ครับ นับจากตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกประมาณ 4 ปีกว่าๆครับ

กระทู้นี้ดีมากครับ ขอออกความเห็นบ้างครับ

มีคนรู้จักคนนึงครับ แต่ก่อนทำงานประจำหามรุ่งหามคำ ตอนมีพอร์ตแตะหลักล้านครั้งแรก เห็นเขาดีใจเฉยๆครับ ออกจะป๊อดๆ ด้วยซ้ำไป เงินทำงานกับปันผลก็ค่อย ๆ ใส่เข้าไปเรื่อยๆ

ผ่านมาไม่นานจนพอร์ตเลยหลักสิบล้าน ดูท่าทาง กร่าง ๆ ครับ นึกว่าเจ๋งเก่ง เป็นเซียนอะไรทำนองนั้น ต่อมาเขาบอกว่า
เป็นกบในกะลา

ผ่านมาไม่นานอีกครับตอนนี้ พอร์ต แตะหลัก ห้าสิบล้านแล้วขาดไปนิดนึง ดูเจียมเนื้อเจียมตัว พูดจานอบน้อมถ่อมตนกว่าตอนพอร์ตแตะสิบล้านใหม่ๆ บอกเสมอ คนเก่ง ๆมีมากมาย ต้องเรียนรู้จากเขาให้มาก ไม่เคยไปอบรมที่ไหน อ่านหนังสือ ออกสื่อตอนประชุมผู้ถือหุ้นเท่านั้น

การใช้ชีวิตตอนช่วงแรก ๆ ประหยัดจนเรียกได้ว่าขี้เหนียว ปัจจุบันยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม กางเกงมีสามตัว เสื้อมีไม่เกินสิบ ใส่ซ้ำไปซ้ำมา ใส่จนเก่า ไม่เที่ยวต่างประเทศ ครอบครัวยังอยู่กับพ่อกับแม่

แต่ละคนก็มีสไตล์ชีวิตที่แตกต่างกันไป แต่ผมว่า ถ้ามีเงินพอที่จะอยู่ได้อย่างสบายแล้ว เราควรจะดูแลตัวเองด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป้นเรื่องการแต่งตัว ,การออกกำลังกาย หรือจะเป็นประสบการณ์ ใหม่ ให้กับตัวเอง

ปล.แถวบ้านผม แบบนี้มีเยอะเหมือนกัน แต่รุ่นลูกขับเฟอนะครับ

ส่วนผมได้แต่มองตาปริบๆ หวังว่าจะมีซักวันครับ

[*AQUA*]

เริ่มจาก 100,000 เมื่อปี32 รอดวิกฤตช่วงจาก 1700 มา 200 เพราะโดนบังคับให้ไปเรียนต่อต่างประเทศ มาเริ่มอีกครั้งตอนหลังลดค่าเงิน

ตอนมี 100 เมื่อเกือบสิบปีก่อนหลังจากแบ่งเงินให้พ่อแม่ และสัญญาว่าจะดูแลท่านและน้องๆไปตลอดชีวิต และก็ให้รางวัลกับชีวิตเป็นรถสปอร์ต

ตอนมี 500 เมื่อห้าปีก่อนก็เปลี่ยนรถอีกครั้ง ใช้ชีวิตเหมือนเดิม

ตอนมี 900 แบ่งเงินครึ่งนึงลงทุนตราสารหนี้ อีกครึ่งนึงเป็นหุ้น เลือกหุ้นแบบเซฟๆ ขออีก 100 นึง พอแล้ว เริ่มซื้อบ้านและที่ดินเพื่อกระจายการลงทุน

ตอนมี 1000 ก็งงๆ เฮ้ย ได้แล้ว ดีใจแต่ก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิมอยู่ดี

ตอนนี้เกือบ xxxx ใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่ทำบุญเยอะขึ้น เน้นทำกับคนและสุนัข แต่ที่ยังถือหุ้นอยู่เกือบ 80% เพราะสัดส่วนตอนแบ่ง50/50 เมื่อปีที่แล้ว ช่วง4-5 เดือนที่ผ่านมาหุ้นที่ถือทำกำไรได้ดี ทำให้สัดส่วนที่ลงทุนในหุ้นมากขึ้น ก็ยังถือต่อไป ตัวหลักๆในport มี 4-5 ตัว ตัวรองๆอีก 3-4 ตัว

ยังไงก็แล้วแต่ คิดว่า ถ้ายังไม่ขายทำกำไร ก็ยังไม่แน่ วันร้ายคืนร้าย หุ้นตก 100 จุด หรือมีข่าวร้ายที่ไม่คาดคิด อาจกลับถอยกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ที่ตรงไหนก็ได้ แต่ไม่เป็นไร เพราะไม่ใช้ margin loan เลย

ตอนนี้ สนุกกับความคิดที่เราคิดว่าเรามองถูกทาง port ระดับพันล้านขึ้น แนวคิดจะเปลี่ยนไป

อ้อ...คิดไว้แล้วก่อนตาย จะแบ่งเงินเป็น4 ส่วนให้กับน้องทั้ง 2 คนคนละส่วน อีกส่วนให้กับกลุ่มคนที่ดูแลเราก่อนตาย อีกส่วนมอบให้การกุศล เพราะไม่มีลูก

[คนคอน]

เริ่มจาก 100,000 เมื่อปี32 รอดวิกฤตช่วงจาก 1700 มา 200 เพราะโดนบังคับให้ไปเรียนต่อต่างประเทศ มาเริ่มอีกครั้งตอนหลังลดค่าเงิน

ตอนมี 100 เมื่อเกือบสิบปีก่อนหลังจากแบ่งเงินให้พ่อแม่ และสัญญาว่าจะดูแลท่านและน้องๆไปตลอดชีวิต และก็ให้รางวัลกับชีวิตเป็นรถสปอร์ต

ตอนมี 500 เมื่อห้าปีก่อนก็เปลี่ยนรถอีกครั้ง ใช้ชีวิตเหมือนเดิม

ตอนมี 900 แบ่งเงินครึ่งนึงลงทุนตราสารหนี้ อีกครึ่งนึงเป็นหุ้น เลือกหุ้นแบบเซฟๆ ขออีก 100 นึง พอแล้ว เริ่มซื้อบ้านและที่ดินเพื่อกระจายการลงทุน

ตอนมี 1000 ก็งงๆ เฮ้ย ได้แล้ว ดีใจแต่ก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิมอยู่ดี

ตอนนี้เกือบ xxxx ใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่ทำบุญเยอะขึ้น เน้นทำกับคนและสุนัข แต่ที่ยังถือหุ้นอยู่เกือบ 80% เพราะสัดส่วนตอนแบ่ง50/50 เมื่อปีที่แล้ว ช่วง4-5 เดือนที่ผ่านมาหุ้นที่ถือทำกำไรได้ดี ทำให้สัดส่วนที่ลงทุนในหุ้นมากขึ้น ก็ยังถือต่อไป ตัวหลักๆในport มี 4-5 ตัว ตัวรองๆอีก 3-4 ตัว

ยังไงก็แล้วแต่ คิดว่า ถ้ายังไม่ขายทำกำไร ก็ยังไม่แน่ วันร้ายคืนร้าย หุ้นตก 100 จุด หรือมีข่าวร้ายที่ไม่คาดคิด อาจกลับถอยกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ที่ตรงไหนก็ได้ แต่ไม่เป็นไร เพราะไม่ใช้ margin loan เลย

ตอนนี้ สนุกกับความคิดที่เราคิดว่าเรามองถูกทาง port ระดับพันล้านขึ้น แนวคิดจะเปลี่ยนไป

อ้อ...คิดไว้แล้วก่อนตาย จะแบ่งเงินเป็น4 ส่วนให้กับน้องทั้ง 2 คนคนละส่วน อีกส่วนให้กับกลุ่มคนที่ดูแลเราก่อนตาย อีกส่วนมอบให้การกุศล เพราะไม่มีลูก

เป็นคำตอบที่ตรงกับกระทู้ และ ผมก็ชอบมากครับ

ขอบคุณครับที่มาแชร์ประสบการณ์

[dragonrider]

ขอถาม คุณ *AQUA* ครับ ว่า แนวทางการลงทุน หรือ วิธีการลงทุน มีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ อย่างไร ครับ เช่น สภาพคล่องของหุ้นเป็นปัจจัยสำคัญ หรือไม่? ประเภทของหุ้นที่ลงทุนเปลี่ยนหรือไม่? รายละเอียดต่างๆ แล้วแต่จะกรุณา แบ่งปัน ครับ ขอบคุณครับ

[*AQUA*]

ขอถาม คุณ *AQUA* ครับ ว่า แนวทางการลงทุน หรือ วิธีการลงทุน มีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ อย่างไร ครับ เช่น สภาพคล่องของหุ้นเป็นปัจจัยสำคัญ หรือไม่? ประเภทของหุ้นที่ลงทุนเปลี่ยนหรือไม่? รายละเอียดต่างๆ แล้วแต่จะกรุณา แบ่งปัน ครับ ขอบคุณครับ

เท่าที่นึกได้นะครับ เอาหลังวิกฤตปี 2540 แล้วกัน

แนวทางการลงทุน ในช่วงที่ port หลักสิบล้าน จะเน้นลงทุนใน warrant ของตัวที่คิดว่าดีในแต่ละยุคนั้นๆ port จะโตได้เร็ว เช่น scb-c1 spl-w kk-w3 kk-w4 แต่ช่วงนี้ warrant ดูไม่ค่อยมีตัวน่าสนใจ ไม่เหมือนเมื่อ 5-10 ปีก่อน

หลักต้นๆร้อยก็ยังเน้นเหมือนเดิม แต่จะถือควบคู่กันไป เน้นหุ้น trunaround ในสมัยนั้นๆ ช่วงปี 2546 ก็เช่น TDT THL (ตอนนี้เจ๊งไปหมดแล้ว บริษัทพวกนี้) หุ้นวัฎจักร PSL TTA STA ATC และหุ้นใหญ่ๆที่ตอนนั้นใครๆต้องเล่น PTT PTTEP

พอ 300-400 ก็เปลี่ยนมาเก็บน้อยๆตัว ไม่เกิน4-5ตัว แต่มองให้ขาดว่ามันจะใช่หรือไม่ โดยซื้อแรกๆไม่เยอะ ศึกษาเพิ่มเติมทั้งภาพอุตสาหกรรม,ผู้นำตลาดและคู่แข่งที่สำคัญคือจิตวิทยาการลงทุน ต้องมองไปข้างหน้าก่อนคนอื่นหนึ่งก้าวเสมอ อย่าทำสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิด ถ้าราคาใช่ ก็ซื้อเยอะๆ แล้วเก็บยาว ที่ได้กำไรและขายไปแล้วเช่น JAS SIRI

กลับมาต่อค่ำๆครับ

[Nevercry.boy]

โอ้โห เปิดกะลาของผมอีกแล้ว 10 ล้านต้น ๆ เล่น วอร์ โอ้แม่เจ้า

สุดยอดครับคุณ *AQUA*

ขอบคุณคุณคนคอนด้วยครับที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา

เย็นนี้มาต่อครับ ปูเสื่อรอ

[booklover]

เป้าหมายที่ดีควรจะท้าทายบ้าง เป็นกำลังใจให้ครับน้องบอส

มีความสุขกับการเดินทาง

[superboy]

ตบมือให้เลย ทำไปได้สุดยอดมั่กๆๆ ครับ ท่าน AQUA

ฟังดูง่ายดาย แต่ของจริงจะเป็นยังไง ล่ะเนี้ย
แต่ก็นับถือครับ ในความเก่งและกล้า ยอดเยี่ยมครับ

[paoz]

อ่านข้อความแต่ละท่านแล้วสุดยอดจริงๆครับ ผมเองก็เพิ่งจะเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนมาเป็นแนว VI ครับ แอบตั้งเป้าหมายทางการเงินไว้เหมือนกันครับ ตอนนี้อายุ 28 ยังอยู่ที่ 7 หลักอยู่เลยครับ รู้สึกว่าตัวเองไปเสียเวลากับการเล่นแบบเก็งกำไรมาเยอะ -*-

[leky]

โอ้โห เปิดกะลาของผมอีกแล้ว 10 ล้านต้น ๆ เล่น วอร์ โอ้แม่เจ้า

สุดยอดครับคุณ *AQUA*

ขอบคุณคุณคนคอนด้วยครับที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา

เย็นนี้มาต่อครับ ปูเสื่อรอ

ผมว่าพวก W ถ้าเลือกดี ๆ ก็ไม่แพ้การลงทุนในหุ้นแม่นะครับ ใช้เงินต่อหุ้นน้อยกว่าหุ้นแม่ แต่ที่สำคัญต้องรู้จักเลือกครับ พวก W พรีเมี่ยมสูง ๆ ไม่ควรเข้าไปยุ่ง คือต้องรู้จักบริหารความเสี่ยงด้วยครับ ไม่ใช่จัดเต็มอย่างเดียว อันนี้ถ้าพลาดจะกลายเป็นดาบสองคม แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือการวิเคราะห์พื้นฐานครับ ต้องทำไม่แพ้หุ้นแม่ครับ อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวครับ