เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นหลักทรัพย์

[namelessky]

ช่วงนี้เห็นหุ้นหลักทรัพย์หลายตัวราคาขึ้นกันทั่วหน้า

เป็นเพราะคนพึ่งตระหนักถึงมูลค่า หุ้นหลักทรัพย์ที่มีค่า pe แค่ 10 เท่า

หรือว่าเป็นเพราะการปั่นราคาของคนกลุ่มหนึ่งครับ


เพื่อนๆคิดว่าเป็นแบบไหนกัน

[woovi]

อันนี้ขออนุญาตแชร์ ข้อความตัวเองนะครับ ผิดกฏหรือป่าวครับ ถ้าผิดต้องข้อโทษและฝากลบด้วยครับ
ไม่ได้เข้าห้อง value investing นาน ลืมหน่ะครับ

สิ่งที่น่าสนใจของ CGS คือ PE ต่ำกว่าเฉลี่ยกลุ่มมากทั้งที่มี Marketshare สูงระดับ TOP 4 แล้วก็ตาม
ผลประกอบการค่อนข้างสวย มูลค่าเทรดมาเร็วไปเร็วจริงๆครับ แต่เป็นสิ่งที่สัมผัสได้ง่ายกว่าดูยอดขายเหล็ก
คอนโด ที่ดิน หรืออื่นๆ ไม่รู้ว่าขายๆด้ไม่ได้ ขายได้เท่าไหร่. มีแต่ข่าว.
ส่วนกลุ่มนี้เค้าเคลียร์ตัวเลขชัดแจ๋ว สิ่งที่น่าสนใจคือปริมาณเงินที่ทะลักเข้ามาถือสินทรัพย์เสี่ยงและปริมาณเงินที่ช้อนรับหุ้นจากฝั่งกองทุน
ทั้ง2ส่วน สร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดีมาก...ผมค่อนข้างเชื่อมือผู้บริหารประเทศสายธุรกิจในเรื่องนี้เป็นพิเศษ

ทั้งนี้ทั้งนั้นการลงทุนมีความเสี่ยง และหุ้นพวกนี้ยังไงก็ไม่ใช่หุ้น VI แท้จริง ผมแค่ดูตามความคุ้มค่าตามสถานการณ์

ยิ่งเมื่อเทียบกับตัวอื่นในตลาดตอนนี้ ผมให้เรต OUTSTANDING

เชียร์ครับ

ขออนุญาติแชร์ครับ

เนื่องจากบริษัท หลักทรัพย์มีสัดส่วนรายได้หลายทาง ยกตัวอย่าง CGS
ซึ่งจะมีรายได้ จำแนกโดยคร่าวดังนี้
1) รายได้ค่านายหน้า
2) ค่าธรรมเนียมและบริการ
3) กำไรเงินลงทุน
4) ส่วนแบ่งกำไรเงินลงทุน
5) รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลและดอกกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์

สังเกตุว่าปีนี้ตลาดอยู่ในช่วงกระทิงมากๆ ยอดเทรดต่อวันสูงมาก
มีภาวะการเกร็งกำไรสูง ทำให้บริษัทหลักทรัพย์มียอดปล่อย margin สูงกว่าปกติ
การที่บริษัทปันผลเป็นหุ้น ทั้งที่มีกำไรมาก ทำให้บริษัทสามารถมีสภาพคล่องที่ดีขึ้น
เพื่อใช้ในการเพิ่มสัดส่วนรายได้ในช่วงตลาดขาขึ้น

ผมมองว่าเป็นกลยุทธการบริหารสินทรัพย์ที่ดี เนื่องจากขณะนี้ผู้ลงทุนค่อนข้างมั่นใจใน
ตัวบริษัทมากๆ เนื่องจากมียอด trade volume ต่อวันสูงเป็นประวัติการณ์
ทำให้สถานะของบริษัทมั่นคงมากๆ ผมมองธุรกิจนี้ก็เป็นธุรกิจ turn around ตัวนึงเหมือนกัน

แม้ใครจะมองว่าค่าคอมมิชชั่นลด แต่ก็อย่าลืมว่า นักเล่นหุ้นสมัยนี้ใช้บริการโบรกเกอร์น้อยลงมาก
เมื่อเทียบกับสมัยก่อน เนื่องจากมีแหล่งข้อมูลอื่นๆที่สนใจกว่าโบรกในอินเตอร์เน็ต เช่น board.thaivi.org เป็นต้น

ความมั่นคงที่สัมผัสได้
1) ยอด trade เฉลี่ยในไตรมาส 1 เชื่อขนมกินได้ว่า ปึ๊ก
2) market share โตขึ้นอย่างมีนัยยะ
3) มีบริษัทที่จะ ipo ปีนี้ 3 บริษัท เท่าที่ทราบ ผมมองว่าปีที่แล้วกลางปี
ยอดบริษัทค่อนข้างแกว่ง ซึ่งการที่มี ipo ในปีนี้ถึง 3 บริษัท ทำให้สามารถรักษา
ความมั่นคงในปีนี้ได้ค่อนข้างปึ๊ก อะเกน

เทียบกับบริษัทอื่น
1) บริษัทอื่น ยังไม่รู้หมู่หรือจ่า เห็นว่าขายดีๆ มาแน่ๆ เทรนอะราวด์ พองบออก เงิบกันหมด
2) P/E สูงปรี๊ด ไม่ก็ กำไรพิเศษแยะ กะว่าจะเล่นกันปีเดียวเลยหรือไงครับเนี่ยะ
3) หลายตัวเป็นสินค้าที่ไม่เคยสัมผัส หรือซื้อขายเองกับมือบ่อยๆ เช่น ที่ดิน คอนโด เหล็ก
ป้ายโฆษณา(มันตกยุคแล้วป่าว) แต่ ที่นี่ซื้อขายหุ้นครับ เทรดบ่อยเลยสัมผัสได้ว่าช่วงนี้
ยอดขายมันปรี๊ดดีจริงๆ อย่างที่ ด็อกเตอร์ว่าครับ ถนนทุกสาย มุ่งมาที่นี่

เอาเป็นว่าเชียร์ครับ

[good to great]

จะว่าปั่น นี่ จ้าวก็คงน่าปวดหัวไม่น้อย เพราะมีตั้งหลายตัว เอาเป็นว่า มี catalyst ที่รุนแรงและน่าจะมีประสิทธิภาพ ที่น่าจับตา หุ้นไทยเทรดต่อวันสูงสุดในอาเซียน แซงสิงคโปร์ .... ถึงแม้ใครๆ จะ บอกเป็นสินค้า commo เดาทิศทางยาก แต่นาทีนี้ เทรนด์ ค่อนข้างชัด หวังว่า นี่จะเป็น จุดเริ่มต้น .... ขอเสียงพี่ ที่อยู่ในยุคหุ้น หลักทรัพย์เฟื่องฟู ช่วยแชร์หน่อยครับ

[leky]

หุ้นบล.ถูกตลาดมองแบบ "กดราคา" มาตลอดครับ ด้วยความรู้สึกว่าเป็นธุรกิจตะวันตกดินหรือค่านายหน้ามีแนวโน้มจะได้น้อยลงรวมถึงการเปิดเสรีในอนาคต

จากปัจจัยดังกล่าวจึงไม่ต้องแปลกใจที่ก่อนหน้านั้นหุ้นกลุ่มนี้ราคาไม่ค่อยไปไหน ทั้ง ๆ ที่หลายตัว PB ต่ำ จึงทำให้บางตัวผลตอบแทนของเงินปันผลสูง เนื่องจากอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงถึง 80-90% ของกำไร

จริง ๆ วอลุมการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมันเริ่มสูงชัดเจนตั้งแต่ประมาณปลายปีก่อนแล้วครับ มาเรื่อยจนถึงม.ค.-ก.พ. ซึ่งถ้าใครไหวตัวตรงนี้ทั้น จะว่าไปมีเวลาซื้อหุ้นอยู่ 1-2 เดือนทีเดียว

ในความเห็นผมในจำนวนหุ้นบล.ทั้งหมดคงต้องแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ สองกลุ่มคือกลุ่มโบรกใหญ่กับกลุ่มโบรกเล็ก กลุ่มแรกกำไรจะมีความสัมพันธ์กับปริมาณการซื้อขายค่อนข้างชัดเจน และหุ้นหลายตัวก็มีผลตอบแทนของเงินปันผลสูงมาก ถ้าเทียบกับราคาหุ้นเมื่อ 1-2 เดือนก่อน (ลองไปดูว่าตัวไหน) แต่ในขณะที่โบรกเล็ก ๆ จะมีความไม่แน่นอนสูงครับ บางทีมูลค่าการซื้อขายสูงแต่กำไรกลับไม่เพิ่มขึ้นมากนัก รวมถึงส่วนใหญ่ก็จ่ายเงินปันผลค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับบล.ตัวใหญ่

นอกจากนั้นผมมองว่าหุ้นบล.ส่วนใหญ่เทรดกันที่ราคาไม่สูง ตรงนี้ทำให้นักเก็งกำไรชอบครับ เพราะสามารถซื้อขายแบบซื้อแล้วขึ้นไม่กี่ช่องก็ออก จึงทำให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามาด้วยครับ

จะว่าไปตอนนี้ราคาหุ้นมันตอบรับไปมากพอสมควรแล้วครับ ใครคิดจะซื้อจะขายก็ควรตัดสินใจให้รอบคอบครับ

[airazoc]

ถ้าลองมองข้อมูลวอลุ่มการซื้อขาย

ไตรมาส 4 ของ 2012 กับ ไตรมาส 1 ของ 2013 บางโบร้กมีวอลุ่มเทรดมาขึ้นถึงเกือบสองเท่า

ธุรกิจหลักทรัพย์นั้น รายจ่ายสำคัญก็คือ
1>เงินเดือน,ค่าบริหาร,ค่าเช่าอาคาร
2>ส่วนแบ่งค่าคอมที่ให้มาร์และสายงาน

ในส่วนที่ 1 นั้นค่อนข้างคงที่
ดังนั้นหากรายได้ในส่วนธุรกิจหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นสองเท่า
กำไรไม่ได้เพิ่มขึ้นแค่สองเท่านะครับ

อาจจะมีหลายคนเก็งในเรื่องนี้จึงเข้าไปเลือกโบร้กที่เชื่อว่าผลประกอบการจะโตขึ้นมากๆ เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ แย่งกันเก็บหุ้นจนบางตัวราคาขึ้นไปสูง

แต่อย่าลืมอ่านงบให้ดี เพราะกำไรจาก proptrade, รายได้อื่นๆ , ค่าใช้จ่ายต่างๆ ของแต่ละโบร้กแตกต่างกัน ขอให้อ่านให้รอบคอบ โบร้กนึงกำไรโตดี ไม่ได้แปลว่าโบร้กอื่นๆ จะกำไรโตด้วย ศึกษากิจการให้รอบคอบนะครับ โดยเฉพาะราคาช่วงนี้

ขอให้ประสบความสำเร็จและมีความสุขในการลงทุนครับ

[namelessky]

แสดงว่าหุ้นหลักทรัพย์ถือเป็นหุ้นวัฎจักรเหมือนกันสิครับ

เพราะมีรอบขึ้นลงคล้ายๆกับพวก เดินเรือ อะไรประมาณนี้

[อ่อนซ่อนศิลป์]

“ในยามที่ลมหนุนแรง แม้แต่ไก่งวงก็บินได้ และด้วยตัวที่ใหญ่โตและในทัศนะวิสัยที่มืดมัว เราอาจจะคิดว่ามันเป็นพญาอินทรีย์”

ต้องดูดีดี ว่าที่เราดูอยู่เป็นไก่งวง หรือ เป็นอินทรี นะครับ