เป็น"เม่า"แล้วผิดตรงไหน (จากกรุงเทพธุรกิจ)
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
เป็น"เม่า"แล้วผิดตรงไหน (จากกรุงเทพธุรกิจ)
โพสต์ที่ 1
เป็น"เม่า"แล้วผิดตรงไหน
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
Wednesday, April 03, 2013 07:41
เรื่อง : ปานใจ ปิ่นจินดา
อากาศที่ร้อนเสียจนเหงื่อท่วม แต่ที่ร้อนยิ่งกว่า กลับเป็นกระดานหุ้นเมื่อ
สองสัปดาห์ก่อน ที่ดัชนีหุ้นเจ้ากรรมเกิดร่วงกราว จนช็อคบรรดาพลเม่าให้ เกือบหัวใจวายตามกัน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเพิ่งจะฝันหวาน และฟันธงว่า หุ้นไทยจะทะลุ 1,700 จุดได้ เป็นเรื่องสิวๆ
เฉพาะ 22 มีนาคม วันเดียว SET ร่วงลงถึง 50.55 จุด ติดลบระหว่างวันสูงสุดถึง 64.80 จุด มูลค่าซื้อขายวันเดียว "กว่าหนึ่งแสนล้านบาท" สูงที่สุดตั้งแต่ประเทศไทยมีตลาดหลักทรัพย์มา 38 ปี...ผันผวนขนาดนี้ มีหรือ เม่าน้อย จะยังทนไหว
"ติดดอยไปเรียบร้อยแล้วครับ" เม่าชายวัย 30 ต้นๆ รายหนึ่งเอ่ยถึงผลของเหตุการณ์ ในวันนั้น หลังจากดันทุรังถือไว้ กระทั่งขายไม่ทัน และราคาก็ตกฮวบจนทำใจขายขาดทุนไม่ได้ เลยต้องติดแหง็กอยู่บนดอยอย่างเหงาๆ และเขาก็ไม่ใช่เม่าหนุ่มเพียงคนเดียวที่ต้องเจ็บตัว อย่างที่ จรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เคยออกมา เปิดเผยถึงจำนวนผู้ลงทุนหน้าใหม่ นับตั้งแต่ต้นปี 2556 พบว่า มีบัญชีใหม่เกิดขึ้นร่วม 40,000 บัญชี โดย 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ มีอายุระหว่าง 26 - 40 ปี
ความอยากรวย คือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจตลาดทุนกันมากขึ้น เพราะคนเจนวาย (Gen Y) อยากรวย ไม่อยากเหนื่อย จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมการเล่นหุ้น ถึงได้กลายเป็นเทรนด์ฮิตในหมู่คนรุ่นใหม่วันนี้
เมื่อบวกเข้ากับข้อมูลของร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ ที่ระบุว่า ตัวเลขหนังสือออกใหม่ในหมวดธุรกิจขนาดเล็ก การลงทุน หุ้น ที่ขายผ่านซีเอ็ด มีการเติบโตที่ชัดเจน โดยจาก 88 ปกในปี 2553 ขึ้นมาเป็น 112 ปก ในปี 2554 ซึ่งมากกว่าปี 2555 ที่มีหนังสือใหม่ในหมวดนี้ออกมา 101 ปกอยู่เล็กน้อย
ส่วนยอดขายผ่านหน้าร้านของซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ที่มีอยู่กว่า 400 สาขาทั่วประเทศ พบว่า ปี 2555 น้ำหนักการขายของหนังสือ กลุ่มหุ้น การลงทุน ขายได้เกือบครึ่งหนึ่งของหมวดบริหารธุรกิจทั้งหมด
นั่นก็น่าจะยืนยันได้ว่า กระแสการเล่นหุ้นในหมู่คนรุ่นใหม่แรงขึ้นจริงๆ
ไม่น่าแปลก เพราะพอคเก็ตบุ๊คเป็นช่องทางหาข้อมูลของนักลงทุนมือใหม่อยู่แล้ว แต่ที่แปลกคือ การที่นักเล่นหุ้นหันมาเขียนหนังสือกันมากขึ้น เพราะถ้าว่ากันตามจริง รายได้จากยอดขายแทบจะเป็นแค่เศษเสี้ยวเดียวของพอร์ตร้อยล้านพันล้านของท่านเซียนทั้งหลาย
...ทำไปถึงเป็นเช่นนั้น ก่อนจะตามหาเหตุผล โปรดย้อนกลับมาทำ ความรู้จักเหล่า 'เม่า' กันเสียก่อน
เม่าน้อย ด้อยประสบการณ์
เอ่ยชื่อ 'แมลงเม่า' นักลงทุนหลายคนอาจเคือง ถ้าถูกใครมาเรียกขาน แบบนั้น เพราะอันที่จริงคำว่า 'แมลงเม่า' เกิดขึ้นเพื่อใช้เรียกนักลงทุน รายย่อยที่ด้อยประสบการณ์ เห็นหุ้นตัวเขียวๆ ขึ้นเอา ขึ้นเอา ก็แห่กัน ไปซื้อ จนตกเป็นเหยื่อของขาใหญ่ที่สบโอกาสเทขาย ฟันกำไรแสนงาม ส่วนเม่าน้อยก็ค้างเติ่งอยู่บนดอยเพราะ "ลงไม่ทัน"
จุ๊บ - ชลิตา สมบุญเรืองศรี บล็อกเกอร์คนดังแห่ง www. maoinvestor.com และเปิดเพจบนเฟซบุ๊คในชื่อว่า Mao-Investor มีแฟนคลับชาวเม่าติดตามอยู่กว่า 4 หมื่นราย จุดขายของเธอ คือ "ความเป็นเม่า"
เพราะเล่นแล้วเจ๊งมาก็ไม่น้อย และเห็นว่า ใครๆ ก็เขียนแต่เรื่องเล่นหุ้นยังไงให้รวย แต่พอตอนเจ๊งไม่เห็นมีใครบอกเลย ว่าเล่นแล้วเจ๊งเพราะอะไร เธอจึงเปิดบล็อก "สารคดีชีวิตสัตว์โลก : แมลงเม่า" เขียนแต่ เรื่องเฟลๆ จากการลงทุน โดยมีตัวเอกของเรื่อง คือ 'คุณเม่า' ผู้ใฝ่ฝันว่า สักวันหนึ่งจะไต่เต้าขึ้นเป็น นางพญาปลวก
เรื่องเฟลที่เจอบ่อย ถ้าไม่ติดดอยกันไป ก็ขายหมูเพราะทนรวย ไม่ไหว เห็นหุ้นขึ้นหน่อย ก็รีบขาย แต่ปรากฏว่ามันยังขึ้นไม่หยุด สำหรับกรณี ขายหมู เธอบอกว่า ทำใจยากสักหน่อยที่จะกลับมาซื้ออีก
"มันแค้นน่ะค่ะ... เคยซื้อตัวนึงที่ 2 บาท พอ 3 บาทเราก็พอใจว่าโอเคแล้ว น่าจะใช้ได้ แล้วรู้มั้ย ตอนนี้ราคาเท่าไหร่... 22 บาทค่ะ มันน่าแค้นมั้ย" เธอเล่าขำๆ ถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งเธอ เชื่อว่า เม่าแทบทุกตัวต้องเคยเจอ
'กลัวรวย' คือโรคยอดฮิตในหมู่เม่า เนื่องจากไม่เชื่อมั่นในราคาที่แท้จริงของหุ้นที่ถืออยู่ พอหุ้นขึ้น ได้กำไรระดับหนึ่ง ก็ขายทิ้ง ทั้งๆ ที่ศักยภาพของมันยังไต่ขึ้นไปได้อีก ตรงกันข้ามกับในยามหุ้นตก กลับกอดหุ้นไว้แน่น ด้วยความหวังว่า เดี๋ยวมันจะดีดกลับขึ้นมา...
บางครั้งใช่ แต่ก็มีหลายครั้งที่ผลคือ ต้องอ้างว้างอยู่บนดอย เพราะใครๆ เขาก็ลงกันไปหมดแล้ว
"แฟนเพจของ Mao-Investor ส่วนใหญ่เป็น คนรุ่นใหม่ อายุระหว่าง 20 -35 ปี ซึ่งจะมีประสบการณ์การลงทุนที่คล้ายๆ กัน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เข้าถึงข้อมูลในออนไลน์ได้ง่าย มุมหนึ่งก็ดี ได้ความรู้ แต่อีกมุมที่ต้องระวังเพราะข้อมูลที่เข้าถึงได้ บางทีก็ไม่ใช่เรื่องจริง ทุกอย่างต้องใช้วิจารณญาณ ไม่ใช่ เขาลือกันมาก็แห่ตามกันไป" เหมือนมุมมองของนายแพทย์รายหนึ่ง ที่ควงไอแพดเปิดแอ๊พดูหุ้น สลับกับตรวจคนไข้ในโรงพยาบาลเอกชน ฐานะที่ถูกยกให้เป็น 'เซียน' เขาบอกว่า สิ่งที่สัมผัสได้ชัดเจนคือ คนรุ่นใหม่เล่นหุ้นแบบเอาง่าย อยากได้ทางลัด ชอบมาถามว่า เล่นตัวไหนดี แต่ไม่เคยถามว่า ต้องทำอย่างไร แก้ปัญหาตรงนี้อย่างไร กุญแจสำคัญอีกดอกที่ทำให้เม่ายังไม่สามารถยกระดับขึ้นเป็นนักลงทุนมืออาชีพได้ เกิดจากการตั้งต้นที่ผิด
"คนเล่นหุ้นรุ่นใหม่ ชอบคิดว่า การเล่นหุ้นคือการบริหารกำไร ซึ่งถ้าคิดแบบนี้จะทำให้ มีความโลภมาก เห็นคนอื่นได้กำไรเยอะ ก็จะอยากได้บ้าง แต่ถ้าเข้ามาช้ากว่าเขา ต้นทุนก็สูงกว่าเขา ถ้าอยากได้เท่าเขาก็ต้องเน้นเล่นรอบ (เก็งกำไรช่วงสั้น)มากขึ้น ก็จะเข้าสู่กับดัก เพราะ ยิ่งเทรดบ่อยโอกาสพลาดก็จะมีเยอะขึ้น" เป็นอีกหนึ่งเคสเม่าๆ ที่หมอหนุ่มฝากมา
วีไอขาโหด
หนึ่งในวิธีที่พลพรรคชาวเม่าชอบใช้เพื่อเป็นทางลัดไปสู่การได้มาซึ่งหุ้นตัวเจ๋งๆ ก็คือ การตามติดดูว่า เซียนหุ้นทั้งหลายครอบครองหุ้นตัวใดกันบ้าง จะได้ตาม(ก้น)ถูก
โดยเฉพาะเซียนหุ้นประเภท วีไอ (Value Investor) ที่ไม่ว่าขยับตัวไปทางไหน ก็มัก จะเป็นแรงกระพือปีกเม่าให้คึกคัก เพราะถือว่า เซียนกลุ่มนี้เน้นลงทุนโดยดูจากมูลค่า ที่แท้จริงของหุ้นตัวนั้นจึงอยู่ในขั้น 'น่าเชื่อถือ'
แต่ในโลกแห่งความจริง โจรในคราบตำรวจยังมี นับประสาอะไรกับโลกของเงินๆ ทองๆ อย่างตลาดหุ้น ที่มี 'วีไอขาโหด' แฝงอยู่ในกลุ่มเซียนผู้มีหลักการ"วีไอพวกนี้ เขาเรียกกันว่า วีไอทมิฬจะเน้น ตั้งแก๊งกันเพื่อปั่นหุ้น จากเดิมการปั่นหุ้นจะทำกันอยู่ในขาใหญ่ไม่กี่คน โยนกันไป โยนกันมา อาศัยความต่อเนื่อง หลอกให้รายย่อยคิดว่าดี แห่กันเข้ามาซื้อ แต่วิธีปั่นหุ้นของคนรุ่นใหม่ คือ จะตั้งเครือข่ายรายย่อย ที่มีเงินทุนระดับหนึ่ง อาจจะตั้งเป็นกรุ๊ปไลน์ ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค อะไรก็ตามแต่ เพื่อช่วยกันกระจายข่าว บอก ต่อๆ กันไป ซึ่งจะกระพือได้เร็วกว่า อาศัยพลังมวลชนมาดันราคาหุ้น" เม่ารายหนึ่งสรุปให้ฟัง ถึงกลวิธีลับลวงพรางของบรรดาวีไอขาโหดที่มีอยู่หลายกลุ่มก๊วนในปัจจุบัน
ว่ากันว่า พลังของมวลชนที่บรรดาวีไอทมิฬเหล่านี้ปั่นขึ้นมาได้ แรงเสียจนขนาดวีไอแท้ๆ ยังเป๋ หลวมตัวมาซื้อตามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจก็มี ส่วนผลลัพธ์ ก็ขึ้นอยู่กับความทันเกมของเหล่าเม่า เหมือนแชร์ลูกโซ่ 'เข้าก่อน ออกก่อน' มีสิทธิรวยกว่า ส่วนพวก 'เข้าทีหลัง ออกไม่ทัน' ก็โดนเชือดไปตามระเบียบ
ถ้าไม่ใช่เซียนใครจะเชื่อ... ถ้าไม่ใช่เซียน ใครจะแห่ตาม... และ ถ้าไม่ใช่เซียน จะไปหลอกฟันใครต่อใครได้
นั่นคือ อานิสงส์จากคำว่า 'เซียน' และเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมหนังสือ ออกใหม่โดยเซียนจริง เซียนปลอม ถึงได้ออกมาเยอะนัก โดยแม้ว่า ส่วนหนึ่งจะเขียนเพื่อเป็นวิทยาทานจริง แต่ก็ยากจะปฏิเสธว่า พอคเก็ตบุ๊ค กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือชุบตัว สถาปนา สร้างแบรนด์ตัวเองของเซียน ขาฟันทั้งหลาย
ถ้าถามว่า ใครเซียนจริง เซียนปลอม หนึ่งในเซียนรุ่นใหม่ วัย 32 ผู้มีผลงานจากการเล่นหุ้น 10 ปี (เล่นพร้อมทำงาน 8 ปี ออกจากงาน มาเล่นจริงจัง 2 ปี) เจอทั้งกำไรเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ จนถึงขาดทุน 40 เปอร์เซ็นต์ก็เคย
วันนี้ เขาเป็นเจ้าของพอร์ตมูลค่า 9 หลัก แต่ก็ยังคงไม่กล้ารับตำแหน่ง "เซียน"
"2-3 ปีมานี้ เซียนมีเยอะครับ ก็ตลาดมันขาขึ้นไง ใครๆ ก็เป็น เซียนได้ มีคนบอกว่า ต่อให้เอาลิงมาแข่งเล่นหุ้นกับผู้จัดการกองทุน ลิงก็มีสิทธิชนะได้ ถ้าตลาดมันเป็นช่วงขาขึ้น แต่จะเซียนจริงไหม เขาดูกันที่ตลาดขาลงต่างหาก"
แต่ต่อให้เป็นเซียนจริง ก็ไม่ควรเชื่อไปเสียทั้งหมด เพราะนั่นถือเป็นอีกหนึ่งเฟลยอดนิยมของชาวเม่า
การตามก้นเซียนอย่างไม่ลืมหูลืมตา ไม่ว่าจะด้วยจากการใบ้หุ้น, สืบรู้, เห็นจากรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือเขาเล่าว่า... อย่างไรก็ตามแต่ นิสัยชาวเม่า "เอาง่าย" คือ พอเห็นว่า เซียนถืออะไร ก็แห่ตามไปซื้อบ้าง แต่ตอนเซียนขายล่ะ... เขาจะมาป่าวประกาศไหม ว่าเขากำลังขายตัวนั้น ตัวนี้ทิ้งแล้วนะคิดดีๆ ก่อนตัดสินใจ ไม่อย่างนั้น แมลงเม่าตัวน้อยก็คงได้แต่ร้องเพลง... ซื้อเอง เจ๊งเอง เราอวดเก่งจะโทษใคร ?
"ตามติดชีวิตเหล่าเม่า ที่หลงระเริงกับความสวยของกองไฟ สาหรับใครที่กาลังคิดอยากผันตัวเป็นเม่า...บ่องตงๆ ว่า โปรดอ่านอย่างมีวิจารณญาณ"--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
Wednesday, April 03, 2013 07:41
เรื่อง : ปานใจ ปิ่นจินดา
อากาศที่ร้อนเสียจนเหงื่อท่วม แต่ที่ร้อนยิ่งกว่า กลับเป็นกระดานหุ้นเมื่อ
สองสัปดาห์ก่อน ที่ดัชนีหุ้นเจ้ากรรมเกิดร่วงกราว จนช็อคบรรดาพลเม่าให้ เกือบหัวใจวายตามกัน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเพิ่งจะฝันหวาน และฟันธงว่า หุ้นไทยจะทะลุ 1,700 จุดได้ เป็นเรื่องสิวๆ
เฉพาะ 22 มีนาคม วันเดียว SET ร่วงลงถึง 50.55 จุด ติดลบระหว่างวันสูงสุดถึง 64.80 จุด มูลค่าซื้อขายวันเดียว "กว่าหนึ่งแสนล้านบาท" สูงที่สุดตั้งแต่ประเทศไทยมีตลาดหลักทรัพย์มา 38 ปี...ผันผวนขนาดนี้ มีหรือ เม่าน้อย จะยังทนไหว
"ติดดอยไปเรียบร้อยแล้วครับ" เม่าชายวัย 30 ต้นๆ รายหนึ่งเอ่ยถึงผลของเหตุการณ์ ในวันนั้น หลังจากดันทุรังถือไว้ กระทั่งขายไม่ทัน และราคาก็ตกฮวบจนทำใจขายขาดทุนไม่ได้ เลยต้องติดแหง็กอยู่บนดอยอย่างเหงาๆ และเขาก็ไม่ใช่เม่าหนุ่มเพียงคนเดียวที่ต้องเจ็บตัว อย่างที่ จรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เคยออกมา เปิดเผยถึงจำนวนผู้ลงทุนหน้าใหม่ นับตั้งแต่ต้นปี 2556 พบว่า มีบัญชีใหม่เกิดขึ้นร่วม 40,000 บัญชี โดย 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ มีอายุระหว่าง 26 - 40 ปี
ความอยากรวย คือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจตลาดทุนกันมากขึ้น เพราะคนเจนวาย (Gen Y) อยากรวย ไม่อยากเหนื่อย จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมการเล่นหุ้น ถึงได้กลายเป็นเทรนด์ฮิตในหมู่คนรุ่นใหม่วันนี้
เมื่อบวกเข้ากับข้อมูลของร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ ที่ระบุว่า ตัวเลขหนังสือออกใหม่ในหมวดธุรกิจขนาดเล็ก การลงทุน หุ้น ที่ขายผ่านซีเอ็ด มีการเติบโตที่ชัดเจน โดยจาก 88 ปกในปี 2553 ขึ้นมาเป็น 112 ปก ในปี 2554 ซึ่งมากกว่าปี 2555 ที่มีหนังสือใหม่ในหมวดนี้ออกมา 101 ปกอยู่เล็กน้อย
ส่วนยอดขายผ่านหน้าร้านของซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ที่มีอยู่กว่า 400 สาขาทั่วประเทศ พบว่า ปี 2555 น้ำหนักการขายของหนังสือ กลุ่มหุ้น การลงทุน ขายได้เกือบครึ่งหนึ่งของหมวดบริหารธุรกิจทั้งหมด
นั่นก็น่าจะยืนยันได้ว่า กระแสการเล่นหุ้นในหมู่คนรุ่นใหม่แรงขึ้นจริงๆ
ไม่น่าแปลก เพราะพอคเก็ตบุ๊คเป็นช่องทางหาข้อมูลของนักลงทุนมือใหม่อยู่แล้ว แต่ที่แปลกคือ การที่นักเล่นหุ้นหันมาเขียนหนังสือกันมากขึ้น เพราะถ้าว่ากันตามจริง รายได้จากยอดขายแทบจะเป็นแค่เศษเสี้ยวเดียวของพอร์ตร้อยล้านพันล้านของท่านเซียนทั้งหลาย
...ทำไปถึงเป็นเช่นนั้น ก่อนจะตามหาเหตุผล โปรดย้อนกลับมาทำ ความรู้จักเหล่า 'เม่า' กันเสียก่อน
เม่าน้อย ด้อยประสบการณ์
เอ่ยชื่อ 'แมลงเม่า' นักลงทุนหลายคนอาจเคือง ถ้าถูกใครมาเรียกขาน แบบนั้น เพราะอันที่จริงคำว่า 'แมลงเม่า' เกิดขึ้นเพื่อใช้เรียกนักลงทุน รายย่อยที่ด้อยประสบการณ์ เห็นหุ้นตัวเขียวๆ ขึ้นเอา ขึ้นเอา ก็แห่กัน ไปซื้อ จนตกเป็นเหยื่อของขาใหญ่ที่สบโอกาสเทขาย ฟันกำไรแสนงาม ส่วนเม่าน้อยก็ค้างเติ่งอยู่บนดอยเพราะ "ลงไม่ทัน"
จุ๊บ - ชลิตา สมบุญเรืองศรี บล็อกเกอร์คนดังแห่ง www. maoinvestor.com และเปิดเพจบนเฟซบุ๊คในชื่อว่า Mao-Investor มีแฟนคลับชาวเม่าติดตามอยู่กว่า 4 หมื่นราย จุดขายของเธอ คือ "ความเป็นเม่า"
เพราะเล่นแล้วเจ๊งมาก็ไม่น้อย และเห็นว่า ใครๆ ก็เขียนแต่เรื่องเล่นหุ้นยังไงให้รวย แต่พอตอนเจ๊งไม่เห็นมีใครบอกเลย ว่าเล่นแล้วเจ๊งเพราะอะไร เธอจึงเปิดบล็อก "สารคดีชีวิตสัตว์โลก : แมลงเม่า" เขียนแต่ เรื่องเฟลๆ จากการลงทุน โดยมีตัวเอกของเรื่อง คือ 'คุณเม่า' ผู้ใฝ่ฝันว่า สักวันหนึ่งจะไต่เต้าขึ้นเป็น นางพญาปลวก
เรื่องเฟลที่เจอบ่อย ถ้าไม่ติดดอยกันไป ก็ขายหมูเพราะทนรวย ไม่ไหว เห็นหุ้นขึ้นหน่อย ก็รีบขาย แต่ปรากฏว่ามันยังขึ้นไม่หยุด สำหรับกรณี ขายหมู เธอบอกว่า ทำใจยากสักหน่อยที่จะกลับมาซื้ออีก
"มันแค้นน่ะค่ะ... เคยซื้อตัวนึงที่ 2 บาท พอ 3 บาทเราก็พอใจว่าโอเคแล้ว น่าจะใช้ได้ แล้วรู้มั้ย ตอนนี้ราคาเท่าไหร่... 22 บาทค่ะ มันน่าแค้นมั้ย" เธอเล่าขำๆ ถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งเธอ เชื่อว่า เม่าแทบทุกตัวต้องเคยเจอ
'กลัวรวย' คือโรคยอดฮิตในหมู่เม่า เนื่องจากไม่เชื่อมั่นในราคาที่แท้จริงของหุ้นที่ถืออยู่ พอหุ้นขึ้น ได้กำไรระดับหนึ่ง ก็ขายทิ้ง ทั้งๆ ที่ศักยภาพของมันยังไต่ขึ้นไปได้อีก ตรงกันข้ามกับในยามหุ้นตก กลับกอดหุ้นไว้แน่น ด้วยความหวังว่า เดี๋ยวมันจะดีดกลับขึ้นมา...
บางครั้งใช่ แต่ก็มีหลายครั้งที่ผลคือ ต้องอ้างว้างอยู่บนดอย เพราะใครๆ เขาก็ลงกันไปหมดแล้ว
"แฟนเพจของ Mao-Investor ส่วนใหญ่เป็น คนรุ่นใหม่ อายุระหว่าง 20 -35 ปี ซึ่งจะมีประสบการณ์การลงทุนที่คล้ายๆ กัน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เข้าถึงข้อมูลในออนไลน์ได้ง่าย มุมหนึ่งก็ดี ได้ความรู้ แต่อีกมุมที่ต้องระวังเพราะข้อมูลที่เข้าถึงได้ บางทีก็ไม่ใช่เรื่องจริง ทุกอย่างต้องใช้วิจารณญาณ ไม่ใช่ เขาลือกันมาก็แห่ตามกันไป" เหมือนมุมมองของนายแพทย์รายหนึ่ง ที่ควงไอแพดเปิดแอ๊พดูหุ้น สลับกับตรวจคนไข้ในโรงพยาบาลเอกชน ฐานะที่ถูกยกให้เป็น 'เซียน' เขาบอกว่า สิ่งที่สัมผัสได้ชัดเจนคือ คนรุ่นใหม่เล่นหุ้นแบบเอาง่าย อยากได้ทางลัด ชอบมาถามว่า เล่นตัวไหนดี แต่ไม่เคยถามว่า ต้องทำอย่างไร แก้ปัญหาตรงนี้อย่างไร กุญแจสำคัญอีกดอกที่ทำให้เม่ายังไม่สามารถยกระดับขึ้นเป็นนักลงทุนมืออาชีพได้ เกิดจากการตั้งต้นที่ผิด
"คนเล่นหุ้นรุ่นใหม่ ชอบคิดว่า การเล่นหุ้นคือการบริหารกำไร ซึ่งถ้าคิดแบบนี้จะทำให้ มีความโลภมาก เห็นคนอื่นได้กำไรเยอะ ก็จะอยากได้บ้าง แต่ถ้าเข้ามาช้ากว่าเขา ต้นทุนก็สูงกว่าเขา ถ้าอยากได้เท่าเขาก็ต้องเน้นเล่นรอบ (เก็งกำไรช่วงสั้น)มากขึ้น ก็จะเข้าสู่กับดัก เพราะ ยิ่งเทรดบ่อยโอกาสพลาดก็จะมีเยอะขึ้น" เป็นอีกหนึ่งเคสเม่าๆ ที่หมอหนุ่มฝากมา
วีไอขาโหด
หนึ่งในวิธีที่พลพรรคชาวเม่าชอบใช้เพื่อเป็นทางลัดไปสู่การได้มาซึ่งหุ้นตัวเจ๋งๆ ก็คือ การตามติดดูว่า เซียนหุ้นทั้งหลายครอบครองหุ้นตัวใดกันบ้าง จะได้ตาม(ก้น)ถูก
โดยเฉพาะเซียนหุ้นประเภท วีไอ (Value Investor) ที่ไม่ว่าขยับตัวไปทางไหน ก็มัก จะเป็นแรงกระพือปีกเม่าให้คึกคัก เพราะถือว่า เซียนกลุ่มนี้เน้นลงทุนโดยดูจากมูลค่า ที่แท้จริงของหุ้นตัวนั้นจึงอยู่ในขั้น 'น่าเชื่อถือ'
แต่ในโลกแห่งความจริง โจรในคราบตำรวจยังมี นับประสาอะไรกับโลกของเงินๆ ทองๆ อย่างตลาดหุ้น ที่มี 'วีไอขาโหด' แฝงอยู่ในกลุ่มเซียนผู้มีหลักการ"วีไอพวกนี้ เขาเรียกกันว่า วีไอทมิฬจะเน้น ตั้งแก๊งกันเพื่อปั่นหุ้น จากเดิมการปั่นหุ้นจะทำกันอยู่ในขาใหญ่ไม่กี่คน โยนกันไป โยนกันมา อาศัยความต่อเนื่อง หลอกให้รายย่อยคิดว่าดี แห่กันเข้ามาซื้อ แต่วิธีปั่นหุ้นของคนรุ่นใหม่ คือ จะตั้งเครือข่ายรายย่อย ที่มีเงินทุนระดับหนึ่ง อาจจะตั้งเป็นกรุ๊ปไลน์ ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค อะไรก็ตามแต่ เพื่อช่วยกันกระจายข่าว บอก ต่อๆ กันไป ซึ่งจะกระพือได้เร็วกว่า อาศัยพลังมวลชนมาดันราคาหุ้น" เม่ารายหนึ่งสรุปให้ฟัง ถึงกลวิธีลับลวงพรางของบรรดาวีไอขาโหดที่มีอยู่หลายกลุ่มก๊วนในปัจจุบัน
ว่ากันว่า พลังของมวลชนที่บรรดาวีไอทมิฬเหล่านี้ปั่นขึ้นมาได้ แรงเสียจนขนาดวีไอแท้ๆ ยังเป๋ หลวมตัวมาซื้อตามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจก็มี ส่วนผลลัพธ์ ก็ขึ้นอยู่กับความทันเกมของเหล่าเม่า เหมือนแชร์ลูกโซ่ 'เข้าก่อน ออกก่อน' มีสิทธิรวยกว่า ส่วนพวก 'เข้าทีหลัง ออกไม่ทัน' ก็โดนเชือดไปตามระเบียบ
ถ้าไม่ใช่เซียนใครจะเชื่อ... ถ้าไม่ใช่เซียน ใครจะแห่ตาม... และ ถ้าไม่ใช่เซียน จะไปหลอกฟันใครต่อใครได้
นั่นคือ อานิสงส์จากคำว่า 'เซียน' และเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมหนังสือ ออกใหม่โดยเซียนจริง เซียนปลอม ถึงได้ออกมาเยอะนัก โดยแม้ว่า ส่วนหนึ่งจะเขียนเพื่อเป็นวิทยาทานจริง แต่ก็ยากจะปฏิเสธว่า พอคเก็ตบุ๊ค กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือชุบตัว สถาปนา สร้างแบรนด์ตัวเองของเซียน ขาฟันทั้งหลาย
ถ้าถามว่า ใครเซียนจริง เซียนปลอม หนึ่งในเซียนรุ่นใหม่ วัย 32 ผู้มีผลงานจากการเล่นหุ้น 10 ปี (เล่นพร้อมทำงาน 8 ปี ออกจากงาน มาเล่นจริงจัง 2 ปี) เจอทั้งกำไรเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ จนถึงขาดทุน 40 เปอร์เซ็นต์ก็เคย
วันนี้ เขาเป็นเจ้าของพอร์ตมูลค่า 9 หลัก แต่ก็ยังคงไม่กล้ารับตำแหน่ง "เซียน"
"2-3 ปีมานี้ เซียนมีเยอะครับ ก็ตลาดมันขาขึ้นไง ใครๆ ก็เป็น เซียนได้ มีคนบอกว่า ต่อให้เอาลิงมาแข่งเล่นหุ้นกับผู้จัดการกองทุน ลิงก็มีสิทธิชนะได้ ถ้าตลาดมันเป็นช่วงขาขึ้น แต่จะเซียนจริงไหม เขาดูกันที่ตลาดขาลงต่างหาก"
แต่ต่อให้เป็นเซียนจริง ก็ไม่ควรเชื่อไปเสียทั้งหมด เพราะนั่นถือเป็นอีกหนึ่งเฟลยอดนิยมของชาวเม่า
การตามก้นเซียนอย่างไม่ลืมหูลืมตา ไม่ว่าจะด้วยจากการใบ้หุ้น, สืบรู้, เห็นจากรายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือเขาเล่าว่า... อย่างไรก็ตามแต่ นิสัยชาวเม่า "เอาง่าย" คือ พอเห็นว่า เซียนถืออะไร ก็แห่ตามไปซื้อบ้าง แต่ตอนเซียนขายล่ะ... เขาจะมาป่าวประกาศไหม ว่าเขากำลังขายตัวนั้น ตัวนี้ทิ้งแล้วนะคิดดีๆ ก่อนตัดสินใจ ไม่อย่างนั้น แมลงเม่าตัวน้อยก็คงได้แต่ร้องเพลง... ซื้อเอง เจ๊งเอง เราอวดเก่งจะโทษใคร ?
"ตามติดชีวิตเหล่าเม่า ที่หลงระเริงกับความสวยของกองไฟ สาหรับใครที่กาลังคิดอยากผันตัวเป็นเม่า...บ่องตงๆ ว่า โปรดอ่านอย่างมีวิจารณญาณ"--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เป็น"เม่า"แล้วผิดตรงไหน (จากกรุงเทพธุรกิจ)
โพสต์ที่ 2
เป็นเม่าไม่ผิดคับ เซียนก็เป็นเม่ามาก่อน
เซียนหลายๆคนเองสมัยลงทุนใหม่ๆ ก็ซื้อๆขายๆ
กำไรน้อย ขาดทุนหนัก แต่เรียนรู้ที่จะปรับปรุงแก้ไข
แต่ถ้าเป็นเม่าที่โลภ หวังรวยง่ายๆแค่ข้ามคืน นั่นแหละผิด
เพราะจะไม่ศึกษาข้อมูลต่างๆ ไม่อ่านหนังสือ ไม่ค้นคว้า คิดอะไรง่ายๆ
ทำอะไรง่ายๆ ฝันหวานตลอด
กว่าจะประสบความสำเร็จในการลงทุนใช้เวลาเป็นสิบปีคับ
เม่าต้องท่องไว้เสมอๆ
เซียนหลายๆคนเองสมัยลงทุนใหม่ๆ ก็ซื้อๆขายๆ
กำไรน้อย ขาดทุนหนัก แต่เรียนรู้ที่จะปรับปรุงแก้ไข
แต่ถ้าเป็นเม่าที่โลภ หวังรวยง่ายๆแค่ข้ามคืน นั่นแหละผิด
เพราะจะไม่ศึกษาข้อมูลต่างๆ ไม่อ่านหนังสือ ไม่ค้นคว้า คิดอะไรง่ายๆ
ทำอะไรง่ายๆ ฝันหวานตลอด
กว่าจะประสบความสำเร็จในการลงทุนใช้เวลาเป็นสิบปีคับ
เม่าต้องท่องไว้เสมอๆ
- uthai.l
- Verified User
- โพสต์: 177
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เป็น"เม่า"แล้วผิดตรงไหน (จากกรุงเทพธุรกิจ)
โพสต์ที่ 4
กว่าถ่านจะกลายเป็นเพชรก็ต้องใช้เวลา ผ่านแรงกดดันผ่านอะไรมาหลายๆอย่าง...
เช่นเดียวกัน...ผมเชื่อว่า...ถ้าเม่าได้ผ่านประสบการณ์ตลาดขึ้นลงหนักๆ รู้จักนำข้อผิดพลาดมาเป็นบทเรียนก็กลายเป็นพญาอินทรีย์ได้เช่นกันครับ...
เช่นเดียวกัน...ผมเชื่อว่า...ถ้าเม่าได้ผ่านประสบการณ์ตลาดขึ้นลงหนักๆ รู้จักนำข้อผิดพลาดมาเป็นบทเรียนก็กลายเป็นพญาอินทรีย์ได้เช่นกันครับ...
ทุกปัญหามีทางออก ถ้าไม่มีทางออก...ให้ออกทางเข้า!!!
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เป็น"เม่า"แล้วผิดตรงไหน (จากกรุงเทพธุรกิจ)
โพสต์ที่ 5
เป็นบทความที่ดีมากที่สุดบทความหนึ่งเลยครับ
แปลก!! ที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ
ผมเอาไปโพสในกลุ่ม Facebook ไม่เห็นมีใคร Like เลย
แปลก!! มาก!!
ทั้งที่เป็นบทความที่ดีมากแท้ ๆ
แปลก!! ที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ
ผมเอาไปโพสในกลุ่ม Facebook ไม่เห็นมีใคร Like เลย
แปลก!! มาก!!
ทั้งที่เป็นบทความที่ดีมากแท้ ๆ
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เป็น"เม่า"แล้วผิดตรงไหน (จากกรุงเทพธุรกิจ)
โพสต์ที่ 6
บังคับให้คนอื่นขายให้ถูก ๆ และบีบคั้นให้คนอื่นซื้อแพง ๆ
หากจริงคำพูดที่สวยหรูก็ไม่มีความจำเป็น
ในตลาดหุ้นนั้น มีคนอยู่แค่สองประเภท และมีสองประเภทนี้เท่านั้น
1. หมาป่า สัญชาตญาณนักล่า
เชิงสูง มีความรู้ลึก อาจจะเทคนิค พื้นฐาน ข่าว อินไซด์ เอาท์ไซด์ และอื่นๆอีกมากมาย
เข้ามาเพื่อหาอาหาร บางครั้ง บางฤดูกาล อาจโหย หนาวเหน็บ ซุ่มหมอบ หาจังหวะโจมตี สัญชาตญาณนักล่า อยู่ในสายเลือด
ไม่ปริปากร้อง
2. หมู อ้วนพี มีเงิน มากน้อยแตกต่างกับความอ้วนของหมู
กินเป็นหลัก ยิ่งเห็นอาหารยิ่งกิน กิน กิน กิน จนอ้วน ไม่รู้ว่าทำไมเค้าถึงเอาอาหารมาให้กิน ไม่มีความรู้ ไม่ต้องการเรียนรู้ แม้แต่ประสบการณ์ตัวเองก็ไม่คิดจะสั่งสม ไม่รู้สิ่งใดทั้งนั้น รู้เพียงอย่างเดียว นอนอุ่น กินอิ่ม
ยามโดนเชือด ร่ำร้องครวญคราง
หมูเป็นอาหารของหมาป่า
หากจริงคำพูดที่สวยหรูก็ไม่มีความจำเป็น
ในตลาดหุ้นนั้น มีคนอยู่แค่สองประเภท และมีสองประเภทนี้เท่านั้น
1. หมาป่า สัญชาตญาณนักล่า
เชิงสูง มีความรู้ลึก อาจจะเทคนิค พื้นฐาน ข่าว อินไซด์ เอาท์ไซด์ และอื่นๆอีกมากมาย
เข้ามาเพื่อหาอาหาร บางครั้ง บางฤดูกาล อาจโหย หนาวเหน็บ ซุ่มหมอบ หาจังหวะโจมตี สัญชาตญาณนักล่า อยู่ในสายเลือด
ไม่ปริปากร้อง
2. หมู อ้วนพี มีเงิน มากน้อยแตกต่างกับความอ้วนของหมู
กินเป็นหลัก ยิ่งเห็นอาหารยิ่งกิน กิน กิน กิน จนอ้วน ไม่รู้ว่าทำไมเค้าถึงเอาอาหารมาให้กิน ไม่มีความรู้ ไม่ต้องการเรียนรู้ แม้แต่ประสบการณ์ตัวเองก็ไม่คิดจะสั่งสม ไม่รู้สิ่งใดทั้งนั้น รู้เพียงอย่างเดียว นอนอุ่น กินอิ่ม
ยามโดนเชือด ร่ำร้องครวญคราง
หมูเป็นอาหารของหมาป่า
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เป็น"เม่า"แล้วผิดตรงไหน (จากกรุงเทพธุรกิจ)
โพสต์ที่ 7
Nevercry.boy เขียน:บังคับให้คนอื่นขายให้ถูก ๆ และบีบคั้นให้คนอื่นซื้อแพง ๆ
หากจริงคำพูดที่สวยหรูก็ไม่มีความจำเป็น
ในตลาดหุ้นนั้น มีคนอยู่แค่สองประเภท และมีสองประเภทนี้เท่านั้น
1. หมาป่า สัญชาตญาณนักล่า
เชิงสูง มีความรู้ลึก อาจจะเทคนิค พื้นฐาน ข่าว อินไซด์ เอาท์ไซด์ และอื่นๆอีกมากมาย
เข้ามาเพื่อหาอาหาร บางครั้ง บางฤดูกาล อาจโหย หนาวเหน็บ ซุ่มหมอบ หาจังหวะโจมตี สัญชาตญาณนักล่า อยู่ในสายเลือด
ไม่ปริปากร้อง
2. หมู อ้วนพี มีเงิน มากน้อยแตกต่างกับความอ้วนของหมู
กินเป็นหลัก ยิ่งเห็นอาหารยิ่งกิน กิน กิน กิน จนอ้วน ไม่รู้ว่าทำไมเค้าถึงเอาอาหารมาให้กิน ไม่มีความรู้ ไม่ต้องการเรียนรู้ แม้แต่ประสบการณ์ตัวเองก็ไม่คิดจะสั่งสม ไม่รู้สิ่งใดทั้งนั้น รู้เพียงอย่างเดียว นอนอุ่น กินอิ่ม
ยามโดนเชือด ร่ำร้องครวญคราง
หมูเป็นอาหารของหมาป่า
สงสัยผมจะเป็น 1.5 ครับ
หมาป่ามังสวิรัต 555
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เป็น"เม่า"แล้วผิดตรงไหน (จากกรุงเทพธุรกิจ)
โพสต์ที่ 8
ที่น่าเขกหัวคือ หมูเห็นหมาป่าเป็นหมู เดินเข้าไปเพราะคิดว่าเป็นพวกเดียวกัน ไม่ใช่อ้อยเข้าปากช้างแต่เป็นหมูเข้าปากหมาป่าNevercry.boy เขียน:บังคับให้คนอื่นขายให้ถูก ๆ และบีบคั้นให้คนอื่นซื้อแพง ๆ
หากจริงคำพูดที่สวยหรูก็ไม่มีความจำเป็น
ในตลาดหุ้นนั้น มีคนอยู่แค่สองประเภท และมีสองประเภทนี้เท่านั้น
1. หมาป่า สัญชาตญาณนักล่า
เชิงสูง มีความรู้ลึก อาจจะเทคนิค พื้นฐาน ข่าว อินไซด์ เอาท์ไซด์ และอื่นๆอีกมากมาย
เข้ามาเพื่อหาอาหาร บางครั้ง บางฤดูกาล อาจโหย หนาวเหน็บ ซุ่มหมอบ หาจังหวะโจมตี สัญชาตญาณนักล่า อยู่ในสายเลือด
ไม่ปริปากร้อง
2. หมู อ้วนพี มีเงิน มากน้อยแตกต่างกับความอ้วนของหมู
กินเป็นหลัก ยิ่งเห็นอาหารยิ่งกิน กิน กิน กิน จนอ้วน ไม่รู้ว่าทำไมเค้าถึงเอาอาหารมาให้กิน ไม่มีความรู้ ไม่ต้องการเรียนรู้ แม้แต่ประสบการณ์ตัวเองก็ไม่คิดจะสั่งสม ไม่รู้สิ่งใดทั้งนั้น รู้เพียงอย่างเดียว นอนอุ่น กินอิ่ม
ยามโดนเชือด ร่ำร้องครวญคราง
หมูเป็นอาหารของหมาป่า
หมาป่าไยว่าไม่กินพวกเดียวกัน ยามอาหารขาดแคลนหิวโหย หมาป่าก็อาจจะฟัดกันเอง ใครแข็งแรงกว่าก็รอด
หมูถึงจะไม่กินสัตว์ แต่ถ้าหมูมีมากเกินไป ก็อยู่อย่างแออัด เหยียบกันตาย บ้างก็มีโรคระบาดถึงกัน ตายทั้งเล้า
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เป็น"เม่า"แล้วผิดตรงไหน (จากกรุงเทพธุรกิจ)
โพสต์ที่ 9
ถ้าว่าด้วยวิธีการล่าของสุดยอดนักล่าของสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการลงทุนหรือการเทรดได้ ต้องยกให้กับเจ้าแห่งนักล่าชนิดนี้เพราะสามารถอยู่รอดมาได้ตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ครับ
http://www.learntotradethemarket.com/fo ... ex-trading
http://www.learntotradethemarket.com/fo ... ex-trading
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
-
- Verified User
- โพสต์: 1070
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เป็น"เม่า"แล้วผิดตรงไหน (จากกรุงเทพธุรกิจ)
โพสต์ที่ 10
มันยาวเกินไป ไม่มีใครอ่าน..เลยไม่มีใครไลท์peacedev เขียน:เป็นบทความที่ดีมากที่สุดบทความหนึ่งเลยครับ
แปลก!! ที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ
ผมเอาไปโพสในกลุ่ม Facebook ไม่เห็นมีใคร Like เลย
แปลก!! มาก!!
ทั้งที่เป็นบทความที่ดีมากแท้ ๆ
The One