เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 547
- ผู้ติดตาม: 0
เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 1
ตั้งกระกระทู้ขึ้นเพราะแปลกใจครับ เลยอยากถาม
1. ถ้าพวกพี่ๆเค้าถือมาจนถึงวันนี้ มูลค่าพอร์ตจะมากกว่า หรือ น้อยกว่าปัจจุบันครับ และเมื่อเทียบเวลาที่เสียไป กับการที่ต้องคอยหาหุ้นใหม่เข้าพอร์ตอยู่ตลอดเวลา คิดว่าคุ้มมั้ย..
2. ในเมื่อตีแตกซะขนาดนั้นจนมีหุ้นดีๆอยู่ในมือและทุนต่ำมากๆ แต่ทำไมถึงไม่กล้าถือยาว.. ถ้าให้ผมเดานะครับคงเป็นเพราะว่า โดนแรงกดดันจากแมงเม่านักเก็งกำไรสมัยก่อนเลยยอมเฉือนกำไรและปลีกวิเวกดีกว่า
เพราะสมัยนั้นคนที่เล่นตัวนี้จริงๆแล้วน่าจะมีแค่ 4 ประเภทเท่านั้น คือ 1. เก็งกำไร (ส่วนใหญ่ในตลาด) 2. ลอกเซียน 3. มั่นใจ 4. รู้จริง
ปล...สำหรับผม ผมยอมรับและจัดตัวเองอยู่ระหว่างกลุ่มที่ 2 กับ 3 เพราะผมเจอหลังพวกพี่ๆเค้าจริงๆ ทั้งๆที่สนใจธุรกิจนี้มาตลอดตั้งแต่สมัย TRUE กับ TT&T...แต่ทุกวันนี้ผมก็เลยยังไม่ได้ทำอะไรกับมันเลย..ถึงแม้ผมจะซื้อหลังจากพวกพี่เค้า ก็หลายเด้งอยู่
1. ถ้าพวกพี่ๆเค้าถือมาจนถึงวันนี้ มูลค่าพอร์ตจะมากกว่า หรือ น้อยกว่าปัจจุบันครับ และเมื่อเทียบเวลาที่เสียไป กับการที่ต้องคอยหาหุ้นใหม่เข้าพอร์ตอยู่ตลอดเวลา คิดว่าคุ้มมั้ย..
2. ในเมื่อตีแตกซะขนาดนั้นจนมีหุ้นดีๆอยู่ในมือและทุนต่ำมากๆ แต่ทำไมถึงไม่กล้าถือยาว.. ถ้าให้ผมเดานะครับคงเป็นเพราะว่า โดนแรงกดดันจากแมงเม่านักเก็งกำไรสมัยก่อนเลยยอมเฉือนกำไรและปลีกวิเวกดีกว่า
เพราะสมัยนั้นคนที่เล่นตัวนี้จริงๆแล้วน่าจะมีแค่ 4 ประเภทเท่านั้น คือ 1. เก็งกำไร (ส่วนใหญ่ในตลาด) 2. ลอกเซียน 3. มั่นใจ 4. รู้จริง
ปล...สำหรับผม ผมยอมรับและจัดตัวเองอยู่ระหว่างกลุ่มที่ 2 กับ 3 เพราะผมเจอหลังพวกพี่ๆเค้าจริงๆ ทั้งๆที่สนใจธุรกิจนี้มาตลอดตั้งแต่สมัย TRUE กับ TT&T...แต่ทุกวันนี้ผมก็เลยยังไม่ได้ทำอะไรกับมันเลย..ถึงแม้ผมจะซื้อหลังจากพวกพี่เค้า ก็หลายเด้งอยู่
-
- Verified User
- โพสต์: 547
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 2
ตั้งกระทู้ขึ้นมาไม่ได้มีเจตนา ว่ากล่าวใครหรือโจมตีอะไรนะครับ แค่สงสัยจริงๆครับ
user เก่าๆน่าจะรู้ว่าผมเป็นคนยังไง
ถ้าพิมพ์ออกมาแล้วทำให้ใครไม่สบายใจก็ขออภัยล่วงหน้าครับ
user เก่าๆน่าจะรู้ว่าผมเป็นคนยังไง
ถ้าพิมพ์ออกมาแล้วทำให้ใครไม่สบายใจก็ขออภัยล่วงหน้าครับ
- SI Freedom
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 174
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 3
เรื่องของราคาที่ขึ้นมาได้ขนาดนี้ ผมว่าไม่มีใครคาดหมายได้ ณ เวลาที่ซื้อทั้งนั้นแหละครับ หุ้นหลายๆตัว ก็วิ่งขึ้นเป็นสิบเด้ง แต่จะมีใครบ้างที่ทนถือได้ตลอดทาง 10 เด้งที่วิ่งมา ผมว่าคนที่เค้าขายไป 3-4 บาท เค้าก็พอใจของเค้ามากๆๆๆ แล้วอะครับ คงไม่มีใครมานั่งคิดหรอกว่า ถ้าถือต่อได้เงินเพิ่มอีก เท่านั้น เท่านี้ ถ้ามัวคิดแค่นี้ มันก็อยู่แค่นี้ และคงเป็นสุดยอดนักลงทุนไม่ได้
เพราะแสวงหา..มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ..มิใช่เพราะโอกาส
เพราะสามารถ..มิใช่เพราะโชคช่วย ดังนี้แล้ว ลิขิตฟ้า หรือจะสู้ มานะตน
เพราะสามารถ..มิใช่เพราะโชคช่วย ดังนี้แล้ว ลิขิตฟ้า หรือจะสู้ มานะตน
-
- Verified User
- โพสต์: 1024
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 4
หากพอร์ตไม่ใหญ่อยากเห็นพอร์ตโตไวๆ ผมว่าเมื่อถึงเวลานึงหุ้นมันต้องขายนะครับ
"เพราะเรียบง่าย จึงชนะ"
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 5
1. เข้าใจว่าใหญ่กว่านี้เยอะนะครับ และคุ้มแน่นอนครับ
2. การที่หุ้นขึ้นหมายถึงระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเรื่อยตามระดับราคา กลยุทธ์ในการบริหารพอร์ทวีไอ เราต้อง balance upside เมื่อเทียบกับความเสี่ยงเสมอ ราคาที่สูงขึ้นหมายถึง upside ที่น้อยลง อัตราผลตอบแทนระยะยาวที่ต่ำลง ในขณะที่ความเสี่ยงสูงขึ้น คุณภาพกิจการของ JAS ก็ใช่ว่าจะดีขนาดถึงได้จนวันตาย เทคโนโลยีเปลี่ยนตลอด การแข่งขันเปลี่ยนตลอด ดังนั้ถือแบบตีแตกตลอดไปเป็นกลยุทธ์ที่ผิดแน่นอน เมื่อหุ้นขึ้นมาจนถึงจุดหนึ่ง ในระดับราคาที่ไม่ได้ undervalue มากๆ ก็สมควรแล้วที่จะลดสัดส่วนให้เพราะกับ profile ของ upside เมื่อเทียบกับตวามเสี่ยงที่เปลี่ยนไป
สำหรับผม ก็ขายหมูตอนได้มีโอกาสไปฟังแผนธุรกิจของ cth และเห็นบริษัทอย่าง google บทจะทำ gigabit internet ก็เข้ามาได้ง่ายๆ ประชาชนอวยกัน ต่อคิวสมัครเข้าใช้บริการ
อย่างไรก็ตามการที่ราคาขึ้นระยะสั้นไม่ได้หมายความว่ากิจการดีในระยะยาวนะครับ ก็แค่มีคนซื้อมากกว่าคนขาย อาจจะไม่ใช่ด้วยเหตุผลทางพัฒนาการของกิจการก็ได้
ด้วยความเคารพ ถ้าพี่ firewalker ได้ติดตามอ่านผมมาในอดีตก็คงจะรู้ว่าผมปากสุนัขไปเรื่อย ดังนั้นโปรดให้อภัยผมด้วยนะครับ
2. การที่หุ้นขึ้นหมายถึงระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเรื่อยตามระดับราคา กลยุทธ์ในการบริหารพอร์ทวีไอ เราต้อง balance upside เมื่อเทียบกับความเสี่ยงเสมอ ราคาที่สูงขึ้นหมายถึง upside ที่น้อยลง อัตราผลตอบแทนระยะยาวที่ต่ำลง ในขณะที่ความเสี่ยงสูงขึ้น คุณภาพกิจการของ JAS ก็ใช่ว่าจะดีขนาดถึงได้จนวันตาย เทคโนโลยีเปลี่ยนตลอด การแข่งขันเปลี่ยนตลอด ดังนั้ถือแบบตีแตกตลอดไปเป็นกลยุทธ์ที่ผิดแน่นอน เมื่อหุ้นขึ้นมาจนถึงจุดหนึ่ง ในระดับราคาที่ไม่ได้ undervalue มากๆ ก็สมควรแล้วที่จะลดสัดส่วนให้เพราะกับ profile ของ upside เมื่อเทียบกับตวามเสี่ยงที่เปลี่ยนไป
สำหรับผม ก็ขายหมูตอนได้มีโอกาสไปฟังแผนธุรกิจของ cth และเห็นบริษัทอย่าง google บทจะทำ gigabit internet ก็เข้ามาได้ง่ายๆ ประชาชนอวยกัน ต่อคิวสมัครเข้าใช้บริการ
อย่างไรก็ตามการที่ราคาขึ้นระยะสั้นไม่ได้หมายความว่ากิจการดีในระยะยาวนะครับ ก็แค่มีคนซื้อมากกว่าคนขาย อาจจะไม่ใช่ด้วยเหตุผลทางพัฒนาการของกิจการก็ได้
ด้วยความเคารพ ถ้าพี่ firewalker ได้ติดตามอ่านผมมาในอดีตก็คงจะรู้ว่าผมปากสุนัขไปเรื่อย ดังนั้นโปรดให้อภัยผมด้วยนะครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 883
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 6
ฮ่าาpicatos เขียน:1. เข้าใจว่าใหญ่กว่านี้เยอะนะครับ และคุ้มแน่นอนครับ
2. การที่หุ้นขึ้นหมายถึงระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเรื่อยตามระดับราคา กลยุทธ์ในการบริหารพอร์ทวีไอ เราต้อง balance upside เมื่อเทียบกับความเสี่ยงเสมอ ราคาที่สูงขึ้นหมายถึง upside ที่น้อยลง อัตราผลตอบแทนระยะยาวที่ต่ำลง ในขณะที่ความเสี่ยงสูงขึ้น คุณภาพกิจการของ JAS ก็ใช่ว่าจะดีขนาดถึงได้จนวันตาย เทคโนโลยีเปลี่ยนตลอด การแข่งขันเปลี่ยนตลอด ดังนั้ถือแบบตีแตกตลอดไปเป็นกลยุทธ์ที่ผิดแน่นอน เมื่อหุ้นขึ้นมาจนถึงจุดหนึ่ง ในระดับราคาที่ไม่ได้ undervalue มากๆ ก็สมควรแล้วที่จะลดสัดส่วนให้เพราะกับ profile ของ upside เมื่อเทียบกับตวามเสี่ยงที่เปลี่ยนไป
สำหรับผม ก็ขายหมูตอนได้มีโอกาสไปฟังแผนธุรกิจของ cth และเห็นบริษัทอย่าง google บทจะทำ gigabit internet ก็เข้ามาได้ง่ายๆ ประชาชนอวยกัน ต่อคิวสมัครเข้าใช้บริการ
อย่างไรก็ตามการที่ราคาขึ้นระยะสั้นไม่ได้หมายความว่ากิจการดีในระยะยาวนะครับ ก็แค่มีคนซื้อมากกว่าคนขาย อาจจะไม่ใช่ด้วยเหตุผลทางพัฒนาการของกิจการก็ได้
ด้วยความเคารพ ถ้าพี่ firewalker ได้ติดตามอ่านผมมาในอดีตก็คงจะรู้ว่าผมปากสุนัขไปเรื่อย ดังนั้นโปรดให้อภัยผมด้วยนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1904
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 7
Vi. ก็คนครับ เห็นกำไรหลายๆเท่าก็อยากขายเหมือนกัน แบบ ดร. ท่านเคยบอกว่าท่านก็อยากขาย แต่ไม่รู้จะเอาเงินไปซื้อตัวไหนที่มันดีกว่าตัวที่ท่านมีอยู่ vi. ชื่อดังสมัยนั้นเค้าก็คงขายเพราะเห็นตัวอื่นดีกว่าเลยสลับตัวน่ะแหละ แต่บังเอิญคนที่รับหุ้นจากเค้าไปเป็น super vi
-
- Verified User
- โพสต์: 547
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณครับพี่ picatos แต่ผมไม่เห็นด้วยนะครับ ที่บอกว่ารู้สึกกล้วและขายหมูเพราะไปฟังแผนธุรกิจของ cth และกลัวเทคโนโลยีตกเทรน ฟังแล้วรู้สึกคล้ายๆ true สมัยก่อนตอนทำตลาด mobile ใหม่ๆ สมัยนั้นแผนการตลาดเค้าแรงมาก บอกว่าจะแซง AIS ภายใน 5 ปี หรือ อย่าง DTAC ตอนสมัย Telenor เข้ามาใหม่ๆก็แผนคล้ายๆงี้ แต่สุดท้าย AIS ก็ยังเป็นอันดับ 1 และโตขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่เทคโนโลยีก็พัฒนาขึ้นทุกๆปี จาก voice>voice modem หรือ data over circuit switch>GPRS data>EDGE>3G WCDMA>HSDPA>HSPA>DC HSPA และในอนาคตกำลังจะไป LTE เผอิญผมเคยไปอยู่มาหลายประเทศนะครับ และยังไม่เห็นว่าในเรื่อง data แล้วจะมีอะไรที่แซงกิจการพื้นๆแบบ ADSL ได้
picatos เขียน:1. เข้าใจว่าใหญ่กว่านี้เยอะนะครับ และคุ้มแน่นอนครับ
2. การที่หุ้นขึ้นหมายถึงระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเรื่อยตามระดับราคา กลยุทธ์ในการบริหารพอร์ทวีไอ เราต้อง balance upside เมื่อเทียบกับความเสี่ยงเสมอ ราคาที่สูงขึ้นหมายถึง upside ที่น้อยลง อัตราผลตอบแทนระยะยาวที่ต่ำลง ในขณะที่ความเสี่ยงสูงขึ้น คุณภาพกิจการของ JAS ก็ใช่ว่าจะดีขนาดถึงได้จนวันตาย เทคโนโลยีเปลี่ยนตลอด การแข่งขันเปลี่ยนตลอด ดังนั้ถือแบบตีแตกตลอดไปเป็นกลยุทธ์ที่ผิดแน่นอน เมื่อหุ้นขึ้นมาจนถึงจุดหนึ่ง ในระดับราคาที่ไม่ได้ undervalue มากๆ ก็สมควรแล้วที่จะลดสัดส่วนให้เพราะกับ profile ของ upside เมื่อเทียบกับตวามเสี่ยงที่เปลี่ยนไป
สำหรับผม ก็ขายหมูตอนได้มีโอกาสไปฟังแผนธุรกิจของ cth และเห็นบริษัทอย่าง google บทจะทำ gigabit internet ก็เข้ามาได้ง่ายๆ ประชาชนอวยกัน ต่อคิวสมัครเข้าใช้บริการ
อย่างไรก็ตามการที่ราคาขึ้นระยะสั้นไม่ได้หมายความว่ากิจการดีในระยะยาวนะครับ ก็แค่มีคนซื้อมากกว่าคนขาย อาจจะไม่ใช่ด้วยเหตุผลทางพัฒนาการของกิจการก็ได้
ด้วยความเคารพ ถ้าพี่ firewalker ได้ติดตามอ่านผมมาในอดีตก็คงจะรู้ว่าผมปากสุนัขไปเรื่อย ดังนั้นโปรดให้อภัยผมด้วยนะครับ
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 9
No comments, just come in to read krub
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1223
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 10
อิอิ...เข้ามาเดาใจเหล่าเซียนด้วยคน
(พี่ๆห้ามหัวเราะเยาะผมน๊ะครับ)
เหล่าเซียนซื้อตอนนั้น เพราะธุรกิจอยู่ในช่วงกลับตัว ราคาหุ้น ยังundervalueมากๆเลยตีแตก
เมื่อราคาวิ่งเข้าใกล้มูลค่าที่เค้าประเมินได้เค้าก็ขาย เค้าอาจเสียดายที่หุ้นวิ่งขึ้นมาต่อ แต่เค้าไม่เสียใจ
เพราะเค้าขายตามมูลค่าที่เค้าประเมินได้
ถ้าเค้าถือมาถึงวันนี้ พอร์ตเค้าอาจจะเท่า มากกว่า หรือน้อยกว่าการไปซื้อหุ้นตัวใหม่
แต่ตอนนั้นเค้าคงไม่ทราบ(และคิดว่าคงไม่มีใครทราบ)
ถ้าทราบ เค้าคงเลือกวิธีที่จะทำให้พอร์ตเค้าโตที่สุด
วันนี้เค้าอาจเจอหุ้นตัวใหม่ที่ดีกว่าหรือใกล้เคียงกัน หรือเงินไม่ใช้สิ่งสำคัญกับเค้าอีกแล้ว
หรือเค้ารู้สึกพอใจกับผลตอบแทนระดับหนึ่งในการถือหุ้น
ที่ทำให้เค้ามีเวลาไปอยู่กับภรรยาและลูก หรือเอาเวลาไปศึกษาธรรมะตามวิถีของแต่ละท่าน
ผมเดาแบบนี้ครับ ผิดถูกไม่รู้...ฮ่า...
(พี่ๆห้ามหัวเราะเยาะผมน๊ะครับ)
เหล่าเซียนซื้อตอนนั้น เพราะธุรกิจอยู่ในช่วงกลับตัว ราคาหุ้น ยังundervalueมากๆเลยตีแตก
เมื่อราคาวิ่งเข้าใกล้มูลค่าที่เค้าประเมินได้เค้าก็ขาย เค้าอาจเสียดายที่หุ้นวิ่งขึ้นมาต่อ แต่เค้าไม่เสียใจ
เพราะเค้าขายตามมูลค่าที่เค้าประเมินได้
ถ้าเค้าถือมาถึงวันนี้ พอร์ตเค้าอาจจะเท่า มากกว่า หรือน้อยกว่าการไปซื้อหุ้นตัวใหม่
แต่ตอนนั้นเค้าคงไม่ทราบ(และคิดว่าคงไม่มีใครทราบ)
ถ้าทราบ เค้าคงเลือกวิธีที่จะทำให้พอร์ตเค้าโตที่สุด
วันนี้เค้าอาจเจอหุ้นตัวใหม่ที่ดีกว่าหรือใกล้เคียงกัน หรือเงินไม่ใช้สิ่งสำคัญกับเค้าอีกแล้ว
หรือเค้ารู้สึกพอใจกับผลตอบแทนระดับหนึ่งในการถือหุ้น
ที่ทำให้เค้ามีเวลาไปอยู่กับภรรยาและลูก หรือเอาเวลาไปศึกษาธรรมะตามวิถีของแต่ละท่าน
ผมเดาแบบนี้ครับ ผิดถูกไม่รู้...ฮ่า...
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 11
เพราะความคิดเห็นต่าง การซื้อขายจึงเกิดมี... ในการซื้อขาย ผมอาจถูก ผมอาจผิด... แต่ที่แน่ๆ คือ ผมรู้ตัวว่า ผมไม่เก่ง ไม่มีความรู้ความสามารถในธุรกิจบรอดแบรนด์อินเตอร์เน็ตเพียงพอ... ผมเลยทำได้แค่ซื้อเก็งกำไร ไม่เคยซื้อลงทุนระยะยาว และไม่เคยกล้าตีแตกครับfirewalker เขียน:ขอบคุณครับพี่ picatos แต่ผมไม่เห็นด้วยนะครับ ที่บอกว่ารู้สึกกล้วและขายหมูเพราะไปฟังแผนธุรกิจของ cth และกลัวเทคโนโลยีตกเทรน ฟังแล้วรู้สึกคล้ายๆ true สมัยก่อนตอนทำตลาด mobile ใหม่ๆ สมัยนั้นแผนการตลาดเค้าแรงมาก บอกว่าจะแซง AIS ภายใน 5 ปี หรือ อย่าง DTAC ตอนสมัย Telenor เข้ามาใหม่ๆก็แผนคล้ายๆงี้ แต่สุดท้าย AIS ก็ยังเป็นอันดับ 1 และโตขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่เทคโนโลยีก็พัฒนาขึ้นทุกๆปี จาก voice>voice modem หรือ data over circuit switch>GPRS data>EDGE>3G WCDMA>HSDPA>HSPA>DC HSPA และในอนาคตกำลังจะไป LTE เผอิญผมเคยไปอยู่มาหลายประเทศนะครับ และยังไม่เห็นว่าในเรื่อง data แล้วจะมีอะไรที่แซงกิจการพื้นๆแบบ ADSL ได้
picatos เขียน:1. เข้าใจว่าใหญ่กว่านี้เยอะนะครับ และคุ้มแน่นอนครับ
2. การที่หุ้นขึ้นหมายถึงระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเรื่อยตามระดับราคา กลยุทธ์ในการบริหารพอร์ทวีไอ เราต้อง balance upside เมื่อเทียบกับความเสี่ยงเสมอ ราคาที่สูงขึ้นหมายถึง upside ที่น้อยลง อัตราผลตอบแทนระยะยาวที่ต่ำลง ในขณะที่ความเสี่ยงสูงขึ้น คุณภาพกิจการของ JAS ก็ใช่ว่าจะดีขนาดถึงได้จนวันตาย เทคโนโลยีเปลี่ยนตลอด การแข่งขันเปลี่ยนตลอด ดังนั้ถือแบบตีแตกตลอดไปเป็นกลยุทธ์ที่ผิดแน่นอน เมื่อหุ้นขึ้นมาจนถึงจุดหนึ่ง ในระดับราคาที่ไม่ได้ undervalue มากๆ ก็สมควรแล้วที่จะลดสัดส่วนให้เพราะกับ profile ของ upside เมื่อเทียบกับตวามเสี่ยงที่เปลี่ยนไป
สำหรับผม ก็ขายหมูตอนได้มีโอกาสไปฟังแผนธุรกิจของ cth และเห็นบริษัทอย่าง google บทจะทำ gigabit internet ก็เข้ามาได้ง่ายๆ ประชาชนอวยกัน ต่อคิวสมัครเข้าใช้บริการ
อย่างไรก็ตามการที่ราคาขึ้นระยะสั้นไม่ได้หมายความว่ากิจการดีในระยะยาวนะครับ ก็แค่มีคนซื้อมากกว่าคนขาย อาจจะไม่ใช่ด้วยเหตุผลทางพัฒนาการของกิจการก็ได้
ด้วยความเคารพ ถ้าพี่ firewalker ได้ติดตามอ่านผมมาในอดีตก็คงจะรู้ว่าผมปากสุนัขไปเรื่อย ดังนั้นโปรดให้อภัยผมด้วยนะครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- theerasak24
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 621
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 12
เห็นด้วยอย่างยิ่งยวดครับ บรรดาเซียนๆอาจจะไม่ถือหุ้นตัวนี้ แต่นับถืบคุณสายชลจริงๆๆ ที่ยังมีจุดยึดและถือมาได้จนถึงวันนี้ จิตใจ และแนวทางต้องแน่วแน่และมั่นคงมากๆ นับถือนับถือsaichon เขียน:อิอิ...เข้ามาเดาใจเหล่าเซียนด้วยคน
(พี่ๆห้ามหัวเราะเยาะผมน๊ะครับ)
เหล่าเซียนซื้อตอนนั้น เพราะธุรกิจอยู่ในช่วงกลับตัว ราคาหุ้น ยังundervalueมากๆเลยตีแตก
เมื่อราคาวิ่งเข้าใกล้มูลค่าที่เค้าประเมินได้เค้าก็ขาย เค้าอาจเสียดายที่หุ้นวิ่งขึ้นมาต่อ แต่เค้าไม่เสียใจ
เพราะเค้าขายตามมูลค่าที่เค้าประเมินได้
ถ้าเค้าถือมาถึงวันนี้ พอร์ตเค้าอาจจะเท่า มากกว่า หรือน้อยกว่าการไปซื้อหุ้นตัวใหม่
แต่ตอนนั้นเค้าคงไม่ทราบ(และคิดว่าคงไม่มีใครทราบ)
ถ้าทราบ เค้าคงเลือกวิธีที่จะทำให้พอร์ตเค้าโตที่สุด
วันนี้เค้าอาจเจอหุ้นตัวใหม่ที่ดีกว่าหรือใกล้เคียงกัน หรือเงินไม่ใช้สิ่งสำคัญกับเค้าอีกแล้ว
หรือเค้ารู้สึกพอใจกับผลตอบแทนระดับหนึ่งในการถือหุ้น
ที่ทำให้เค้ามีเวลาไปอยู่กับภรรยาและลูก หรือเอาเวลาไปศึกษาธรรมะตามวิถีของแต่ละท่าน
ผมเดาแบบนี้ครับ ผิดถูกไม่รู้...ฮ่า...
"เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะยังคงทำสิ่งต่างๆ ต่อไปตราบใดที่มันยังให้ความรื่นรมย์และคุณก็ทำมันได้ดี"
-
- Verified User
- โพสต์: 547
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 13
คือถ้าพี่เอาเหตุผลว่า รายได้ลด npm หรือ งบเริ่มแปร่งๆ ผมคงไม่กล้าโต้แย้ง และคงจะเห็นด้วย แต่พี่เอาเหตุผลอื่นมาอ้างว่า ไปฟังธุรกิจโน้น ฟังเทคโนโลยีนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าขายฝันรึปล่าวและกว่าจะเป็นรูปเป็นร่างก็อีกนาน แล้วบอกว่า บริษัทมันเริ่มไม่ดีแล้ว อ่านแล้วมันไม่ใช่หลัก vi เท่าไหร่ ผมเลยต้องขออนุยาดแย้งนิดนึง อย่าโกรธกันนะครับpicatos เขียน:เพราะความคิดเห็นต่าง การซื้อขายจึงเกิดมี... ในการซื้อขาย ผมอาจถูก ผมอาจผิด... แต่ที่แน่ๆ คือ ผมรู้ตัวว่า ผมไม่เก่ง ไม่มีความรู้ความสามารถในธุรกิจบรอดแบรนด์อินเตอร์เน็ตเพียงพอ... ผมเลยทำได้แค่ซื้อเก็งกำไร ไม่เคยซื้อลงทุนระยะยาว และไม่เคยกล้าตีแตกครับfirewalker เขียน:ขอบคุณครับพี่ picatos แต่ผมไม่เห็นด้วยนะครับ ที่บอกว่ารู้สึกกล้วและขายหมูเพราะไปฟังแผนธุรกิจของ cth และกลัวเทคโนโลยีตกเทรน ฟังแล้วรู้สึกคล้ายๆ true สมัยก่อนตอนทำตลาด mobile ใหม่ๆ สมัยนั้นแผนการตลาดเค้าแรงมาก บอกว่าจะแซง AIS ภายใน 5 ปี หรือ อย่าง DTAC ตอนสมัย Telenor เข้ามาใหม่ๆก็แผนคล้ายๆงี้ แต่สุดท้าย AIS ก็ยังเป็นอันดับ 1 และโตขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่เทคโนโลยีก็พัฒนาขึ้นทุกๆปี จาก voice>voice modem หรือ data over circuit switch>GPRS data>EDGE>3G WCDMA>HSDPA>HSPA>DC HSPA และในอนาคตกำลังจะไป LTE เผอิญผมเคยไปอยู่มาหลายประเทศนะครับ และยังไม่เห็นว่าในเรื่อง data แล้วจะมีอะไรที่แซงกิจการพื้นๆแบบ ADSL ได้
picatos เขียน:1. เข้าใจว่าใหญ่กว่านี้เยอะนะครับ และคุ้มแน่นอนครับ
2. การที่หุ้นขึ้นหมายถึงระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเรื่อยตามระดับราคา กลยุทธ์ในการบริหารพอร์ทวีไอ เราต้อง balance upside เมื่อเทียบกับความเสี่ยงเสมอ ราคาที่สูงขึ้นหมายถึง upside ที่น้อยลง อัตราผลตอบแทนระยะยาวที่ต่ำลง ในขณะที่ความเสี่ยงสูงขึ้น คุณภาพกิจการของ JAS ก็ใช่ว่าจะดีขนาดถึงได้จนวันตาย เทคโนโลยีเปลี่ยนตลอด การแข่งขันเปลี่ยนตลอด ดังนั้ถือแบบตีแตกตลอดไปเป็นกลยุทธ์ที่ผิดแน่นอน เมื่อหุ้นขึ้นมาจนถึงจุดหนึ่ง ในระดับราคาที่ไม่ได้ undervalue มากๆ ก็สมควรแล้วที่จะลดสัดส่วนให้เพราะกับ profile ของ upside เมื่อเทียบกับตวามเสี่ยงที่เปลี่ยนไป
สำหรับผม ก็ขายหมูตอนได้มีโอกาสไปฟังแผนธุรกิจของ cth และเห็นบริษัทอย่าง google บทจะทำ gigabit internet ก็เข้ามาได้ง่ายๆ ประชาชนอวยกัน ต่อคิวสมัครเข้าใช้บริการ
อย่างไรก็ตามการที่ราคาขึ้นระยะสั้นไม่ได้หมายความว่ากิจการดีในระยะยาวนะครับ ก็แค่มีคนซื้อมากกว่าคนขาย อาจจะไม่ใช่ด้วยเหตุผลทางพัฒนาการของกิจการก็ได้
ด้วยความเคารพ ถ้าพี่ firewalker ได้ติดตามอ่านผมมาในอดีตก็คงจะรู้ว่าผมปากสุนัขไปเรื่อย ดังนั้นโปรดให้อภัยผมด้วยนะครับ
คือมุมมองผม ผมก็ไม่คิดว่า ADSL จะคงอยู่ตราบนิรันดร์ เพียงแต่ไม่คิดว่ามันจะแย่ลงในอนาคตอันใกล้อย่างที่ใครบางคนอยากให้เป็น แถมธุรกิจทุกธุรกิจก็ต้องมีการปรับตัว ไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ ก็เลยไม่คิดว่าคนทำธุรกิจ ADSL จะย่ำอยู่กับที่ตลอดไป ไม่ขยับตัวไปกับเค้าบ้าง ไม่งั้น ถ้าเทียบในกรณี AIS กับคู่แข่งอย่าง DTAC TRUE เค้าก็คงไม่เป็นอันดับ 1 อยู่ทุกวันนี้
หรืออย่างในตปท สมัยก่อน เค้าหมายมั่นกันมากมากว่า 10ปีว่า WiMax จะเป็น Killer ของธุรกิจ data network รวมทั้ง mobile data ด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่คู่แข่งจนบางประเทศอาจจะลืมๆเทคโนโลยีนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 14
ไม่รู้หลักการ vi เป็นยังไง
แต่ความไม่ดี วัดไม่ได้
ดีของเรา อาจจะธรรมดา
สำหรับคนอื่นก็ได้
แต่ความไม่ดี วัดไม่ได้
ดีของเรา อาจจะธรรมดา
สำหรับคนอื่นก็ได้
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4366
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 15
ธุรกิจ CTH ไม่น่าจะอีกนานนะครับ เรือธงของเค้าคือลิขสิทธิ์ EPL ที่ลงทุนไปมหาศาล แล้วมันก็ต้องหาลูกค้าให้ได้ก่อนเริ่มฤดูกาลหน้า (ประมาณ ส.ค.56) ถ้าไม่คิดว่าจะสร้างฐานลูกค้าได้ทัน จะทุ่มเอาเงินไปละลายทิ้งทำไมครับ
ถ้าสมมติว่า CTH วางโครงข่าย Fiber Optic ได้ทัน ในหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ (เอาเป็นว่าครัวเรือนส่วนใหญ่เข้าถึงได้) แล้วใช้ Bundle Package ทั้งเน็ตความเร็วสูงไม่ต่ำกว่า 30 M ที่เสถียรสูง รวมทั้ง Content รายการทีวีระดับ Premium ขายรวมกันพันเดียว (ไม่ว่าเราจะมองว่าเค้าจะคุ้มไม่คุ้ม เก็บไว้ก่อน) คิดว่าคู่แข่งกระเทือนมั้ยครับ
ถ้าสมมติว่า CTH วางโครงข่าย Fiber Optic ได้ทัน ในหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ (เอาเป็นว่าครัวเรือนส่วนใหญ่เข้าถึงได้) แล้วใช้ Bundle Package ทั้งเน็ตความเร็วสูงไม่ต่ำกว่า 30 M ที่เสถียรสูง รวมทั้ง Content รายการทีวีระดับ Premium ขายรวมกันพันเดียว (ไม่ว่าเราจะมองว่าเค้าจะคุ้มไม่คุ้ม เก็บไว้ก่อน) คิดว่าคู่แข่งกระเทือนมั้ยครับ
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 16
อ้าก ผมขอโทษคร๊าบ ผมผิดไปแล้วคร๊าบfirewalker เขียน:คือถ้าพี่เอาเหตุผลว่า รายได้ลด npm หรือ งบเริ่มแปร่งๆ ผมคงไม่กล้าโต้แย้ง และคงจะเห็นด้วย แต่พี่เอาเหตุผลอื่นมาอ้างว่า ไปฟังธุรกิจโน้น ฟังเทคโนโลยีนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าขายฝันรึปล่าวและกว่าจะเป็นรูปเป็นร่างก็อีกนาน แล้วบอกว่า บริษัทมันเริ่มไม่ดีแล้ว อ่านแล้วมันไม่ใช่หลัก vi เท่าไหร่ ผมเลยต้องขออนุยาดแย้งนิดนึง อย่าโกรธกันนะครับpicatos เขียน:เพราะความคิดเห็นต่าง การซื้อขายจึงเกิดมี... ในการซื้อขาย ผมอาจถูก ผมอาจผิด... แต่ที่แน่ๆ คือ ผมรู้ตัวว่า ผมไม่เก่ง ไม่มีความรู้ความสามารถในธุรกิจบรอดแบรนด์อินเตอร์เน็ตเพียงพอ... ผมเลยทำได้แค่ซื้อเก็งกำไร ไม่เคยซื้อลงทุนระยะยาว และไม่เคยกล้าตีแตกครับfirewalker เขียน:ขอบคุณครับพี่ picatos แต่ผมไม่เห็นด้วยนะครับ ที่บอกว่ารู้สึกกล้วและขายหมูเพราะไปฟังแผนธุรกิจของ cth และกลัวเทคโนโลยีตกเทรน ฟังแล้วรู้สึกคล้ายๆ true สมัยก่อนตอนทำตลาด mobile ใหม่ๆ สมัยนั้นแผนการตลาดเค้าแรงมาก บอกว่าจะแซง AIS ภายใน 5 ปี หรือ อย่าง DTAC ตอนสมัย Telenor เข้ามาใหม่ๆก็แผนคล้ายๆงี้ แต่สุดท้าย AIS ก็ยังเป็นอันดับ 1 และโตขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่เทคโนโลยีก็พัฒนาขึ้นทุกๆปี จาก voice>voice modem หรือ data over circuit switch>GPRS data>EDGE>3G WCDMA>HSDPA>HSPA>DC HSPA และในอนาคตกำลังจะไป LTE เผอิญผมเคยไปอยู่มาหลายประเทศนะครับ และยังไม่เห็นว่าในเรื่อง data แล้วจะมีอะไรที่แซงกิจการพื้นๆแบบ ADSL ได้
picatos เขียน:1. เข้าใจว่าใหญ่กว่านี้เยอะนะครับ และคุ้มแน่นอนครับ
2. การที่หุ้นขึ้นหมายถึงระดับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเรื่อยตามระดับราคา กลยุทธ์ในการบริหารพอร์ทวีไอ เราต้อง balance upside เมื่อเทียบกับความเสี่ยงเสมอ ราคาที่สูงขึ้นหมายถึง upside ที่น้อยลง อัตราผลตอบแทนระยะยาวที่ต่ำลง ในขณะที่ความเสี่ยงสูงขึ้น คุณภาพกิจการของ JAS ก็ใช่ว่าจะดีขนาดถึงได้จนวันตาย เทคโนโลยีเปลี่ยนตลอด การแข่งขันเปลี่ยนตลอด ดังนั้ถือแบบตีแตกตลอดไปเป็นกลยุทธ์ที่ผิดแน่นอน เมื่อหุ้นขึ้นมาจนถึงจุดหนึ่ง ในระดับราคาที่ไม่ได้ undervalue มากๆ ก็สมควรแล้วที่จะลดสัดส่วนให้เพราะกับ profile ของ upside เมื่อเทียบกับตวามเสี่ยงที่เปลี่ยนไป
สำหรับผม ก็ขายหมูตอนได้มีโอกาสไปฟังแผนธุรกิจของ cth และเห็นบริษัทอย่าง google บทจะทำ gigabit internet ก็เข้ามาได้ง่ายๆ ประชาชนอวยกัน ต่อคิวสมัครเข้าใช้บริการ
อย่างไรก็ตามการที่ราคาขึ้นระยะสั้นไม่ได้หมายความว่ากิจการดีในระยะยาวนะครับ ก็แค่มีคนซื้อมากกว่าคนขาย อาจจะไม่ใช่ด้วยเหตุผลทางพัฒนาการของกิจการก็ได้
ด้วยความเคารพ ถ้าพี่ firewalker ได้ติดตามอ่านผมมาในอดีตก็คงจะรู้ว่าผมปากสุนัขไปเรื่อย ดังนั้นโปรดให้อภัยผมด้วยนะครับ
คือมุมมองผม ผมก็ไม่คิดว่า ADSL จะคงอยู่ตราบนิรันดร์ เพียงแต่ไม่คิดว่ามันจะแย่ลงในอนาคตอันใกล้อย่างที่ใครบางคนอยากให้เป็น แถมธุรกิจทุกธุรกิจก็ต้องมีการปรับตัว ไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ ก็เลยไม่คิดว่าคนทำธุรกิจ ADSL จะย่ำอยู่กับที่ตลอดไป ไม่ขยับตัวไปกับเค้าบ้าง ไม่งั้น ถ้าเทียบในกรณี AIS กับคู่แข่งอย่าง DTAC TRUE เค้าก็คงไม่เป็นอันดับ 1 อยู่ทุกวันนี้
หรืออย่างในตปท สมัยก่อน เค้าหมายมั่นกันมากมากว่า 10ปีว่า WiMax จะเป็น Killer ของธุรกิจ data network รวมทั้ง mobile data ด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่คู่แข่งจนบางประเทศอาจจะลืมๆเทคโนโลยีนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 17
ยังตามอ่าน แต่ไม่มีความเมนต์ ในทีีนี่เหมือนเดิม
เพราะให้ไว้จนหมดเปลือกในห้องแจส 2-3 ปีที่ผ่านมาแล้ว
เวลาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในการลงทุนครับ:D
เพราะให้ไว้จนหมดเปลือกในห้องแจส 2-3 ปีที่ผ่านมาแล้ว
เวลาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในการลงทุนครับ:D
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 279
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 18
ราคาวันนี้บอกอะไรไม่ได้มากกว่าความถูกแพง สินค้าทดแทนความหมายตรงๆ ก็คือ
คู่ต่อสู้ เรื่องเทคโนโลยี ผมว่าเอาประวัติศาสตร์ หรือสถิติ มาวัดว่าประเทศนั้นมีอัตราการ
ใช้ใน% เท่านี้แล้วจะเชื่อมบทสรุปว่ายังมี room อีกมาก ไม่น่าจะใช้ได้กับเทคโนโลยี
เพราะ timeline ต่างกันมาก เหมือนกับอดตีประเทศไทยใช้มือถือระบบ amps 800
ใน % ที่มาก แล้วประเทศที่ไล่หลังจะมี%ในการใช้มากตาม ระดับ market cap 5 หมื่น
กว่าล้านถ้าขายยกบริษัทผมว่าหาคนซื้อไม่ง่าย ในส่วนการลงทุน กำไร หรือ ขาดทุนเป็น
สิ่งที่สำผัสได้จริงกว่า การคาดหวังในบริบทของสินค้าเทตโนโลยี เมื่อรู้สึกอิ่มสำหรับผมก็ยินดี
ที่จะลุกออกจากโต๊ะแน่นอน สำหรับสินค้าที่ผมคิดว่าระดับ royalty ของลูกค้าอยู่ในระดับต่ำ
คู่ต่อสู้ เรื่องเทคโนโลยี ผมว่าเอาประวัติศาสตร์ หรือสถิติ มาวัดว่าประเทศนั้นมีอัตราการ
ใช้ใน% เท่านี้แล้วจะเชื่อมบทสรุปว่ายังมี room อีกมาก ไม่น่าจะใช้ได้กับเทคโนโลยี
เพราะ timeline ต่างกันมาก เหมือนกับอดตีประเทศไทยใช้มือถือระบบ amps 800
ใน % ที่มาก แล้วประเทศที่ไล่หลังจะมี%ในการใช้มากตาม ระดับ market cap 5 หมื่น
กว่าล้านถ้าขายยกบริษัทผมว่าหาคนซื้อไม่ง่าย ในส่วนการลงทุน กำไร หรือ ขาดทุนเป็น
สิ่งที่สำผัสได้จริงกว่า การคาดหวังในบริบทของสินค้าเทตโนโลยี เมื่อรู้สึกอิ่มสำหรับผมก็ยินดี
ที่จะลุกออกจากโต๊ะแน่นอน สำหรับสินค้าที่ผมคิดว่าระดับ royalty ของลูกค้าอยู่ในระดับต่ำ
Way of life is way of brain
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 19
ถามหน่อยนะครับ พอดีผมไม่มีความรู้ด้านนี้จริง ๆ แต่สิ่งที่ทำให้ผม "รู้สึก" มาตลอดว่า ที่ AIS เป็นอันดับ 1 มาตลอด ส่วนหนึ่งเป็นจากรากฐานของสัญญาสัมปทานที่ได้เปรียบคู่แข่งอย่าง DTAC และ TRUE ค่อนข้างมากด้วยหรือเปล่าครับ นั่นหมายความว่าการที่ต้องจ่ายน้อยกว่าก็ทำให้มีเงินเหลือที่จะขยายและพัฒนาระบบได้มากกว่าfirewalker เขียน:ขอบคุณครับพี่ picatos แต่ผมไม่เห็นด้วยนะครับ ที่บอกว่ารู้สึกกล้วและขายหมูเพราะไปฟังแผนธุรกิจของ cth และกลัวเทคโนโลยีตกเทรน ฟังแล้วรู้สึกคล้ายๆ true สมัยก่อนตอนทำตลาด mobile ใหม่ๆ สมัยนั้นแผนการตลาดเค้าแรงมาก บอกว่าจะแซง AIS ภายใน 5 ปี หรือ อย่าง DTAC ตอนสมัย Telenor เข้ามาใหม่ๆก็แผนคล้ายๆงี้ แต่สุดท้าย AIS ก็ยังเป็นอันดับ 1 และโตขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่เทคโนโลยีก็พัฒนาขึ้นทุกๆปี จาก voice>voice modem หรือ data over circuit switch>GPRS data>EDGE>3G WCDMA>HSDPA>HSPA>DC HSPA และในอนาคตกำลังจะไป LTE
"Become a risk taker, not a risk maker"
- freddyset
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 20
ไม่มีใครถูกใครผิดหรอกเพราะไม่มีใครคาดเดาอนาคตได้ แต่พอราคาขึ้นมาหลายเด้งแล้วก็เลือกเปลี่ยนไปเล่นตัวอื่นแทนอาจจะได้กำไรมากกว่าเยอะก็ได้
เช่นถ้าถือ jas จนถึงปลายปีที่แล้วขายไปตอนราวๆ 5 บาท แล้วไปเข้า PT ตอน 3 บาทกว่าๆ ตอนนี้เขาก็จะกำไรมากกว่าถือ jas ไว้เฉยๆจนถึงวันนี้ที่ขึ้นมาอีกไม่ถึงเท่าตัวจากราคา 5 บาท แต่ PT วิ่งจาก 3 บาท ไป 13 บาท ทำให้เขาสามารถสร้างกำไรเพิ่มได้อีกหลายเท่าตัว
แต่ก็เช่นกันมีโอกาสที่บางคนอาจจะขาย jas ออกไปแล้วไปเข้าหุ้นที่ไม่ได้สร้างผลกำไรได้เท่ากับที่ถืออยู่เช่นกัน
เช่นถ้าถือ jas จนถึงปลายปีที่แล้วขายไปตอนราวๆ 5 บาท แล้วไปเข้า PT ตอน 3 บาทกว่าๆ ตอนนี้เขาก็จะกำไรมากกว่าถือ jas ไว้เฉยๆจนถึงวันนี้ที่ขึ้นมาอีกไม่ถึงเท่าตัวจากราคา 5 บาท แต่ PT วิ่งจาก 3 บาท ไป 13 บาท ทำให้เขาสามารถสร้างกำไรเพิ่มได้อีกหลายเท่าตัว
แต่ก็เช่นกันมีโอกาสที่บางคนอาจจะขาย jas ออกไปแล้วไปเข้าหุ้นที่ไม่ได้สร้างผลกำไรได้เท่ากับที่ถืออยู่เช่นกัน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 411
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 21
ผมเคยอ่านจากที่ไหนสักแห่งจําไม่ได้
นักข่าวถามเซียนหุ้นวอลล์สตรีทว่า
"เคล็ดลับในการลงทุนของท่านคืออะไร"
เซียนหุ้นตอบว่า
"ผมซื้อช้าเกินไป และขายเร็วเกินไปเสมอ"
ไม่มีเซียนคนไหนที่ซื้อราคาตํ่าสุดแล้วขายได้ราคาสูงสุดหรอก
มีแต่พวกขี้โม้เท่านั้นที่ทําได้
เซียนหุ้นที่แท้จริงซื้อหุ้นที่พอใจในราคาที่พอใจและขายในราคาที่พอเพียง
ผมเป็นคนหนึ่งที่ร่วมในสงครามราคาjas
เซียนหุ้นระดับเทพส่วนใหญ่ทุน50สตางค์หรือตํ่ากว่า
ผมมาลอกการบ้านตอน1.50บาท
เข้าๆออกๆเพราะใจไม่นิ่งจนมาขายหมดตอน5บาทกว่า
ช่วงนั้นเซียนหลายท่านตีแตกหุ้นjas
คนดังที่สุดก็คือหมอสามัญชน
ผมเข้าใจว่าคุณหมอถือjasตัวเดียวเกือบทั้งพอร์ท
และได้กําไรอย่างน้อย4-5เด้งเป็นเงินหลายร้อยล้านบาทจากหุ้นตัวเดียว
ถามว่าถ้าคุณกําไรหุ้นตัวเดียวในระยะสั้นขนาดนี้
คุณจะไม่ขายจริงหรือ
ผมว่า90%ของคนในห้องนี้รวมทั้งผมด้วยเด้งเดียวก็ขายหมดแล้ว
เซียนหุ้นส่วนใหญ่มองระยะยาว
เหตุผลส่วนตัวที่ผมขายก็เพราะ
ผมไม่ได้มองjasเป็นsuper stock
dcaก็ไม่เข้มแข็งนัก
และอนาคตจะไม่เติบโตเร็วเท่าอดีตที่ผ่านมา
จากผลของ3G และคู่แข่งมากมายทั้ง
true TOT cth symc simat
ได้ราคาที่พอใจผมก็ขาย
ขายแล้ววิ่งต่อผมก็เฉยๆเพราะผมลงทุนตามหล้กการ
ผมไม่ใช่นักพยากรณ์ราคาหุ้น
ใครถูกผิดคําตอบคงไม่ได้อยู่ที่ราคา1-2ไตรมาศนี้หรอกครับ
คงต้องดูกันยาวๆ
อันที่จริงส่วนหนึ่งของเงินที่ได้จาการขายjas
ผมไปซื้อuacตอนนี้ก็ได้มา1เด้งแล้ว
แต่ตัวอื่นที่ซื้อก็ไม่ค่อยวิ่งเท่าไหร่
ผมว่าถ้าผมลงทุนผิดวิธีในสายตาทุกคน
แต่ผมมีฐานะทางการเงินดีขึ้นเรื่อยๆ
เอาชนะดัขนีหุ้นได้เสมอ
ถึงแม้จะแพ้เทพทั้งหลายหลุดลุ่ย
ผมยอมผิดตลอดชีวิตเลยครับ
นักข่าวถามเซียนหุ้นวอลล์สตรีทว่า
"เคล็ดลับในการลงทุนของท่านคืออะไร"
เซียนหุ้นตอบว่า
"ผมซื้อช้าเกินไป และขายเร็วเกินไปเสมอ"
ไม่มีเซียนคนไหนที่ซื้อราคาตํ่าสุดแล้วขายได้ราคาสูงสุดหรอก
มีแต่พวกขี้โม้เท่านั้นที่ทําได้
เซียนหุ้นที่แท้จริงซื้อหุ้นที่พอใจในราคาที่พอใจและขายในราคาที่พอเพียง
ผมเป็นคนหนึ่งที่ร่วมในสงครามราคาjas
เซียนหุ้นระดับเทพส่วนใหญ่ทุน50สตางค์หรือตํ่ากว่า
ผมมาลอกการบ้านตอน1.50บาท
เข้าๆออกๆเพราะใจไม่นิ่งจนมาขายหมดตอน5บาทกว่า
ช่วงนั้นเซียนหลายท่านตีแตกหุ้นjas
คนดังที่สุดก็คือหมอสามัญชน
ผมเข้าใจว่าคุณหมอถือjasตัวเดียวเกือบทั้งพอร์ท
และได้กําไรอย่างน้อย4-5เด้งเป็นเงินหลายร้อยล้านบาทจากหุ้นตัวเดียว
ถามว่าถ้าคุณกําไรหุ้นตัวเดียวในระยะสั้นขนาดนี้
คุณจะไม่ขายจริงหรือ
ผมว่า90%ของคนในห้องนี้รวมทั้งผมด้วยเด้งเดียวก็ขายหมดแล้ว
เซียนหุ้นส่วนใหญ่มองระยะยาว
เหตุผลส่วนตัวที่ผมขายก็เพราะ
ผมไม่ได้มองjasเป็นsuper stock
dcaก็ไม่เข้มแข็งนัก
และอนาคตจะไม่เติบโตเร็วเท่าอดีตที่ผ่านมา
จากผลของ3G และคู่แข่งมากมายทั้ง
true TOT cth symc simat
ได้ราคาที่พอใจผมก็ขาย
ขายแล้ววิ่งต่อผมก็เฉยๆเพราะผมลงทุนตามหล้กการ
ผมไม่ใช่นักพยากรณ์ราคาหุ้น
ใครถูกผิดคําตอบคงไม่ได้อยู่ที่ราคา1-2ไตรมาศนี้หรอกครับ
คงต้องดูกันยาวๆ
อันที่จริงส่วนหนึ่งของเงินที่ได้จาการขายjas
ผมไปซื้อuacตอนนี้ก็ได้มา1เด้งแล้ว
แต่ตัวอื่นที่ซื้อก็ไม่ค่อยวิ่งเท่าไหร่
ผมว่าถ้าผมลงทุนผิดวิธีในสายตาทุกคน
แต่ผมมีฐานะทางการเงินดีขึ้นเรื่อยๆ
เอาชนะดัขนีหุ้นได้เสมอ
ถึงแม้จะแพ้เทพทั้งหลายหลุดลุ่ย
ผมยอมผิดตลอดชีวิตเลยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 547
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 23
ผมคิดจากจำนวน subscriber ในปัจจุบันนะครับ ไม่ได้เอาความได้เปรียบของสัญญาสัมปทานมาเกี่ยวข้องleky เขียน:ถามหน่อยนะครับ พอดีผมไม่มีความรู้ด้านนี้จริง ๆ แต่สิ่งที่ทำให้ผม "รู้สึก" มาตลอดว่า ที่ AIS เป็นอันดับ 1 มาตลอด ส่วนหนึ่งเป็นจากรากฐานของสัญญาสัมปทานที่ได้เปรียบคู่แข่งอย่าง DTAC และ TRUE ค่อนข้างมากด้วยหรือเปล่าครับ นั่นหมายความว่าการที่ต้องจ่ายน้อยกว่าก็ทำให้มีเงินเหลือที่จะขยายและพัฒนาระบบได้มากกว่าfirewalker เขียน:ขอบคุณครับพี่ picatos แต่ผมไม่เห็นด้วยนะครับ ที่บอกว่ารู้สึกกล้วและขายหมูเพราะไปฟังแผนธุรกิจของ cth และกลัวเทคโนโลยีตกเทรน ฟังแล้วรู้สึกคล้ายๆ true สมัยก่อนตอนทำตลาด mobile ใหม่ๆ สมัยนั้นแผนการตลาดเค้าแรงมาก บอกว่าจะแซง AIS ภายใน 5 ปี หรือ อย่าง DTAC ตอนสมัย Telenor เข้ามาใหม่ๆก็แผนคล้ายๆงี้ แต่สุดท้าย AIS ก็ยังเป็นอันดับ 1 และโตขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่เทคโนโลยีก็พัฒนาขึ้นทุกๆปี จาก voice>voice modem หรือ data over circuit switch>GPRS data>EDGE>3G WCDMA>HSDPA>HSPA>DC HSPA และในอนาคตกำลังจะไป LTE
และถ้าเอาตามหลักการแล้ว คลื่น 900 ของ AIS ก็ได้เปรียบคลื่น 1800 ของเจ้าอื่นอยู่พอสมควร ในด้านความครอบคลุมของพื้นรับส่งสัญญาณครับ อย่างสมัยก่อนที่ AIS เอา นิโคลอำเภอ มาโปรโมทเรื่อง สัญญาณครอบคลุมทุกอำเภอ..AIS เค้าจะได้เปรียบกว่า เจ้าอื่นเพราะอำเภอเล็กๆ 1 อำเภอ เค้าติดตั้งแค่ 1 site ก็ครอบคลุม แต่เจ้าอื่น 1 site อาจจะไม่เพียงพอ
ปัจจัยความครอบคลุมของสัญญาณ เป็นปัจจัยสำคัญหลักๆของทุกประเทศ ที่ช่วยให้เค้าทำการตลาดง่าย และดึงดูดลูกค้าเข้ามาได้ง่ายกว่าเจ้าอื่นๆ...
-
- Verified User
- โพสต์: 243
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 24
ผมคือคน ที่ถูกปล่อยติดดอย 3 บาทกว่า ช่วงนั้นเห็นหุ้นติดลบกว่า 50%
หลังจากถูกถล่มขายหุ้นอย่างหนักในช่วงนั้น ซึ่งแน่นอนว่า ก็มีเซียน ปล่อยถล่มมาในช่วงนั้นอย่างหนัก
แต่ก็ยังมั่นใจ ถัวมาเรื่อย ปัจจุบันก็ยังคงอยู่ ตอนนี้ก็ happy ดีครับ ^^
หลังจากถูกถล่มขายหุ้นอย่างหนักในช่วงนั้น ซึ่งแน่นอนว่า ก็มีเซียน ปล่อยถล่มมาในช่วงนั้นอย่างหนัก
แต่ก็ยังมั่นใจ ถัวมาเรื่อย ปัจจุบันก็ยังคงอยู่ ตอนนี้ก็ happy ดีครับ ^^
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 92
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 26
ผมว่ามีหุ้นมากมายถ้าเราติดตามราคามาตลอด เมื่อเวลาผ่านไป หันกลับมาดู อาว ราคาไปไกลแล้ว หรือหุ้นที่เราเคยซื้อมาแล้วขายไปก่อน ตอนที่ราคาขึ้นพอเราได้กำไรระดับนึงซึ่งคิดว่าพอใจแล้ว ตัดสินใจขาย จากนั้นหันกลับดูอีกที ราคาวิ่งขึ้นไปเสียไกลเลย รู้งี้ ไม่ขายดีกว่า ดั้งนั้นคราวต่อไป หากคิดว่าเราติดสินใจดีแล้วตอนแรก ลองอดทนเห็นกำไรของตัวเองขึ้นไปสูงๆ บ้าง อดทนแล้ว อดทนอีก อย่าขาย ลองสักครั้ง เอาน่ะ รวมถึงผมเองด้วย
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 27
ว่าจะไม่ขอแสดงความเห็น แต่ มี pm มี fb มาถาม ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว เอาซะหน่อย
เรื่องการซื้อ แล้วขาย ไปซื้อตัวอื่น เปลี่ยนหุ้นตัวใหม่ หรือซื้อแล้วถือมาจนปัจจุบัน อะไรมันดีกว่า
มันตอบยากเหมืินกันครับ มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ นักลงทุนตัดสินใจเลือกทำแบบไหน
ผมเปรียบคนเล่นหุ้น หรือ ลงทุนหุ้น ( แล้วแต่จะเรียกนะครับ) เหมือนเป็น พ่อค้าแม่ค้า พันธ์ุพืช
1. คนเพาะกล้าไม้ขาย ; บางคนชอบ หรือถนัด ที่จะซื้อเมล็ด มาเพาะเป็นกล้าไม้ แล้วขาย ผมเปรียบดั่งคนที่ชอบหุ้นเทิร์นอะราวด์
เขาต้องมีความสามารถดูเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นว่าเมล็ดดี หรือเสีย บางเมล็ดใช้เวลานานมากในการงอกเป็นต้นกล้า
บางเมล็ดอาจเน่าตายไม่งอก บางเมล็ด งอกได้อย่างรวดเร็ว เมื่อได้รับโอกาส คนที่เมล็ดมาเพาะก็จะได้ราคาที่งดงามเมื่อเทียบกับต้นทุนที่ซื้อเมล็ดมา
2. คนเลี้ยงไม้ขาย; กลุ่มพ่อค้าชาวสวนกลุ่มนี้ มักชอบซื้อต้นกล้าต่อเขามา เพราะเขาไม่อยากเสี่ยงเพาะเมล็ดเอง
หรือเขาอาจไม่มีความชำนาญในการเลือกเมล็ดพันธุ์ เขาซื้อต้นกล้า เข้ามาเลี้ยงดูให้เติบใหญ่ รูปทรงสวย ใหญ่แข็งแรงพอที่จะทนแล้งทนฝน แล้วเขาก็เอาไปตั้งขายในตลาด เขาก็ได้กำไรงามเช่นกัน แต่อาจใช้เวลานานหน่อยแต่ก็คุ้มกับการลงทุน ไม่ต้องเสี่ยงมากที่จะต้องเพาะเมล็ดเอง
3. ชาวสวนปลูกไม้ขายดอก ขายผล ; กลุ่มนั้นชอบลงทุนทีีจะซื้อต้นไม้ ต้นดอกไม้ พืชพันธุ์ ที่แข็งแรงเติบโตมาระดับหนึง ด้วยเวลาที่ผ่านมาพอสมควรพืชผลพวกนั้น แสดงให้เห็นความแข็งแกร่งขึ้น ความเสี่ยงที่ล้มตายเริ่มน้อยลง ถึงต้นไม้เหล่านั้นอาจะไม้ได้โตเร็วอย่างที่ผ่านมา แต่เขาเหล่านี้เชื่อว่าวันหนึง เขาปลูกไว้และคอยดูแล เพื่อที่จะขายดอก ขายผล หรือไว้เก็บกินเมื่อต้นไม้ของเขาโตเต็มที่
4. ชาวสวน กึ่ง และ ครบวงจร; กลุ่มนี้ออาจจะซื้อตั้งแต่เมล็ดมาเพาะ---เลี้ยงต้นกล้า---เลี้ยงไม้ต้น----ปลูกขายดอก ขายผล
คนที่เข้ามาซื้อขาย น้องมะลิ นางสาวมะลิ และ แม่มะลิ (หรือเปล่า) ก็เป็นดั่งเช่นนี้แล----ไม่มีใครผิดใครถูกหรอก มันขึ้นอยู่กับเขาตัดสินใจจะเป็นพ่อค้าชาวสวน ประเภทใด
ใครใคร่ค้า ค้า
ใครใคร่ขาย ขาย
สังคม ทุนนิยม ดีเช่นนี้ครับ
โชคดีในการลงทุนครับ
เรื่องการซื้อ แล้วขาย ไปซื้อตัวอื่น เปลี่ยนหุ้นตัวใหม่ หรือซื้อแล้วถือมาจนปัจจุบัน อะไรมันดีกว่า
มันตอบยากเหมืินกันครับ มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ นักลงทุนตัดสินใจเลือกทำแบบไหน
ผมเปรียบคนเล่นหุ้น หรือ ลงทุนหุ้น ( แล้วแต่จะเรียกนะครับ) เหมือนเป็น พ่อค้าแม่ค้า พันธ์ุพืช
1. คนเพาะกล้าไม้ขาย ; บางคนชอบ หรือถนัด ที่จะซื้อเมล็ด มาเพาะเป็นกล้าไม้ แล้วขาย ผมเปรียบดั่งคนที่ชอบหุ้นเทิร์นอะราวด์
เขาต้องมีความสามารถดูเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นว่าเมล็ดดี หรือเสีย บางเมล็ดใช้เวลานานมากในการงอกเป็นต้นกล้า
บางเมล็ดอาจเน่าตายไม่งอก บางเมล็ด งอกได้อย่างรวดเร็ว เมื่อได้รับโอกาส คนที่เมล็ดมาเพาะก็จะได้ราคาที่งดงามเมื่อเทียบกับต้นทุนที่ซื้อเมล็ดมา
2. คนเลี้ยงไม้ขาย; กลุ่มพ่อค้าชาวสวนกลุ่มนี้ มักชอบซื้อต้นกล้าต่อเขามา เพราะเขาไม่อยากเสี่ยงเพาะเมล็ดเอง
หรือเขาอาจไม่มีความชำนาญในการเลือกเมล็ดพันธุ์ เขาซื้อต้นกล้า เข้ามาเลี้ยงดูให้เติบใหญ่ รูปทรงสวย ใหญ่แข็งแรงพอที่จะทนแล้งทนฝน แล้วเขาก็เอาไปตั้งขายในตลาด เขาก็ได้กำไรงามเช่นกัน แต่อาจใช้เวลานานหน่อยแต่ก็คุ้มกับการลงทุน ไม่ต้องเสี่ยงมากที่จะต้องเพาะเมล็ดเอง
3. ชาวสวนปลูกไม้ขายดอก ขายผล ; กลุ่มนั้นชอบลงทุนทีีจะซื้อต้นไม้ ต้นดอกไม้ พืชพันธุ์ ที่แข็งแรงเติบโตมาระดับหนึง ด้วยเวลาที่ผ่านมาพอสมควรพืชผลพวกนั้น แสดงให้เห็นความแข็งแกร่งขึ้น ความเสี่ยงที่ล้มตายเริ่มน้อยลง ถึงต้นไม้เหล่านั้นอาจะไม้ได้โตเร็วอย่างที่ผ่านมา แต่เขาเหล่านี้เชื่อว่าวันหนึง เขาปลูกไว้และคอยดูแล เพื่อที่จะขายดอก ขายผล หรือไว้เก็บกินเมื่อต้นไม้ของเขาโตเต็มที่
4. ชาวสวน กึ่ง และ ครบวงจร; กลุ่มนี้ออาจจะซื้อตั้งแต่เมล็ดมาเพาะ---เลี้ยงต้นกล้า---เลี้ยงไม้ต้น----ปลูกขายดอก ขายผล
คนที่เข้ามาซื้อขาย น้องมะลิ นางสาวมะลิ และ แม่มะลิ (หรือเปล่า) ก็เป็นดั่งเช่นนี้แล----ไม่มีใครผิดใครถูกหรอก มันขึ้นอยู่กับเขาตัดสินใจจะเป็นพ่อค้าชาวสวน ประเภทใด
ใครใคร่ค้า ค้า
ใครใคร่ขาย ขาย
สังคม ทุนนิยม ดีเช่นนี้ครับ
โชคดีในการลงทุนครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เห็น JAS ในวันนี้แล้วนึกถึงเหล่าเซียนในอดีตจังครับ
โพสต์ที่ 28
ท่านโดมออกความเห็นบ่อย ๆ เถอะครับ มันมีคุณค่ามากครับdome@perth เขียน:ว่าจะไม่ขอแสดงความเห็น แต่ มี pm มี fb มาถาม ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว เอาซะหน่อย
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/