ตลาดเปลี่ยนไปมากทีเดียว ....ไม่เหมือน 10 ปีก่อน
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตลาดเปลี่ยนไปมากทีเดียว ....ไม่เหมือน 10 ปีก่อน
โพสต์ที่ 31
เดี๋ยวนี้เด็กใหม่ๆ ทั้งความรู้และความขยันเยอะมากครับ เป็นสาเหตุนึงที่ทำให้หุ้นต่ำที่ราคาถูกเรื้อรังราคาก็สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงออกมาได้ หุ้นที่ดูง่ายๆก็หายากขึ้น แต่สิ่งที่เหมือนเดิมคือไม่เปลี่ยนคือทุกคนก็ยังมุ่งมั่นในการค้นหาหุ้นดีที่ราคาตลาดหุ้นต่ำกว่ามูลค่าในตลาดคับ
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 2547
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตลาดเปลี่ยนไปมากทีเดียว ....ไม่เหมือน 10 ปีก่อน
โพสต์ที่ 32
ความเห็นผมเพิ่มเติมก็คือเดี๋ยวนี้เด็กใหม่ๆ ทั้งความรู้และความขยันเยอะมากครับ เป็นสาเหตุนึงที่ทำให้หุ้นต่ำที่ราคาถูกเรื้อรังราคาก็สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงออกมาได้ หุ้นที่ดูง่ายๆก็หายากขึ้น แต่สิ่งที่เหมือนเดิมคือไม่เปลี่ยนคือทุกคนก็ยังมุ่งมั่นในการค้นหาหุ้นดีที่ราคาตลาดหุ้นต่ำกว่ามูลค่าในตลาดคับ
หากนำแนวคิดของบัฟเฟทมาประยุกต์ใช้
ความสำเร็จของการลงทุน ไม่ได้แปรผันไปตามระดับสติปัญญาหรือไอคิวผู้ลงทุนหรือความเชี่ยวชาญในการลงทุน
เพราะ คนธรรมดาทั่วไปก็สามารถเอาชนะตลาดได้ เพียงแต่มีวินัยการลงทุน และมีสติที่จะสามารถควบคุมอุณหภูมิความต้องการหรือความอยากในการซื้อและขายตามฝูงชนหรือนายตลาดให้ได้เพื่อมิให้การลงทุนในหุ้นที่จะก่อให้เกิดปัญหาการซื้ิอและขายบ่อยครั้งโดยไม่จำเป็น ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการถือครองหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากทุกครั้งที่มีการซื้อขาย
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ตลาดเปลี่ยนไปมากทีเดียว ....ไม่เหมือน 10 ปีก่อน
โพสต์ที่ 33
ผมสังเกตว่าคอมพิวเตอร์กับเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารสมัยนี้มันรวดเร็วมากขึ้นด้วยครับ
ใครๆก็หาหุ้นถูกได้ ป้อนข้อมูลเข้าไปแล้วให้คอมมันกรอกออกมาซะก็ได้ตามที่ต้องการแล้วเลือกเอาหุ้นถูก หุ้นเติบโต ทำได้หมด
แต่ข้อมูลพวกนี้มันเป็นอดีต การมองอนาคตก็เป็นศิลปะในการเลือกลงทุนอยู่ดี
มีตัวอย่างที่เราเห็นมากมายอยู่แล้วว่าการถือหุ้นเติบโตในระยะยาวมักให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นเน้นจ่ายปันผลเป็นหลัก
หากเราเลือกหุ้นได้ถูกตัวอะน่ะ ^^ และต้องมีวินัยในการถืออย่างมั่นคงด้วย
ถ้าจำไม่ผิด ในหนังสือ Intelligent Investment ได้แสดงผลตอบแทนต่อปีของเซียนแต่ละท่านให้ดูด้วยครับ
สายที่เน้นหุ้นเติบโตอย่างฟิชเชอร์ หรือ ปู่มังเกอร์ ผลตอบแทนเหวี่ยงน่าดูเลยล่ะ ผมยอมรับว่าถ้าพอร์ตหุ้นแกว่งขนาดนี้ คงไม่มีความสุขเท่าไร
อีกอย่างผมว่ากระแสการลงทุนตอนนี้ คนยังไม่นิยมหาหุ้นถูกเท่าไรนะครับ เน้นหาหุ้นที่มีสตอรี่มากกว่า
ใครๆก็หาหุ้นถูกได้ ป้อนข้อมูลเข้าไปแล้วให้คอมมันกรอกออกมาซะก็ได้ตามที่ต้องการแล้วเลือกเอาหุ้นถูก หุ้นเติบโต ทำได้หมด
แต่ข้อมูลพวกนี้มันเป็นอดีต การมองอนาคตก็เป็นศิลปะในการเลือกลงทุนอยู่ดี
มีตัวอย่างที่เราเห็นมากมายอยู่แล้วว่าการถือหุ้นเติบโตในระยะยาวมักให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นเน้นจ่ายปันผลเป็นหลัก
หากเราเลือกหุ้นได้ถูกตัวอะน่ะ ^^ และต้องมีวินัยในการถืออย่างมั่นคงด้วย
ถ้าจำไม่ผิด ในหนังสือ Intelligent Investment ได้แสดงผลตอบแทนต่อปีของเซียนแต่ละท่านให้ดูด้วยครับ
สายที่เน้นหุ้นเติบโตอย่างฟิชเชอร์ หรือ ปู่มังเกอร์ ผลตอบแทนเหวี่ยงน่าดูเลยล่ะ ผมยอมรับว่าถ้าพอร์ตหุ้นแกว่งขนาดนี้ คงไม่มีความสุขเท่าไร
อีกอย่างผมว่ากระแสการลงทุนตอนนี้ คนยังไม่นิยมหาหุ้นถูกเท่าไรนะครับ เน้นหาหุ้นที่มีสตอรี่มากกว่า
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตลาดเปลี่ยนไปมากทีเดียว ....ไม่เหมือน 10 ปีก่อน
โพสต์ที่ 34
ขอเอาประสบการณ์ของคุณกวี ชูกิจเกษม ที่บอกว่าอยู่ในตลาดมา 20 ปีแล้วดังนี้.-(ผมชอบที่ตรงระบายเป็นสีแดงให้ ตรงใจผมมากเลยครับ)
ผมอยากแชร์ประสบการณ์การลงทุนหุ้นในฐานะ Value Intestor (VI) มาแล้ว 20 ปี
1) วิกฤติคือโอกาส ผมยังไม่เห็นวิกฤติไหนที่ตลาดหุ้นจ่ะผ่านไปไม่ได้ ผมผ่านมา 2 วิกฤติใหญ่ วิกฤติต้มยำกุ้ง SET ลงมาจาก 1700 จุดเหลือ 200 จุด และวิกฤติซัมไพรม์จาก 900 จุด เหลือ 380 จุด ไม่นับรวมวิกฤติย่อยๆ อีกนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้าย SET ก็กลับขึ้นมาได้ใหม่ รอบนี้เกือบทำ Historical high ด้วยซ้ำ และแม้กระทั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ผ่านสงครามโลกมาด้วยซ้ำ ก็ยังสามารถทำ New high ได้อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ว่าเราจะอดทนให้วิกฤตินั้นผ่านพ้นไปได้หรือไม่ (อันนี้สำคัญ) ดังนั้นผมก็ยังมองวิกฤติเป็นโอกาส ราคาหุ้นลงมาช่วงนี้ ดีซักอีก จะได้หุ้นดี ราคาถูกลง BGH เคยขึ้นไป 180 บาท ตอนนี้ลงมาจะต่ำกว่า 120 บาทอยู่แล้ว ผมถามว่า BGH พื้นฐานเปลี่ยนมากขนาดนั้นหรือ (ไม่ได้แนะนำให้ซื้อ BGH นะ แต่เชื่อว่าระยะยาว กี่ปีไม่รู้ BGH จะ ทำ New High)
2) นักลงทุน VI จะมองที่พื้นฐานหุ้น ไม่ได้มองที่ดัชนีหุ้น (SET index) ว่าจะลงเหลือเท่าไรแล้วซื้อ ขอให้เราเชื่อมั่นในพื้นฐานของบริษัทว่าแข็งแกร่ง ราคาลงมาก็ไม่ต้องกลัว อย่างน้อยบริษัทที่พื้นฐานแกร่งก็ยังคงจ่ายปันผลให้ชื่นใจ และหากเรายังไม่มีหุ้นที่ดีๆ เหลานั้นไว้ในพอร์ต ยิ่งถือว่าเป็นความโชคดีที่เราจะได้หุ้นพื้นฐานดี ราคาถูกแล้ว
3) อย่าซื้อหุ้นแพง หุ้นดีเรารู้ และรู้ไม่ยาก แต่หุ้นแพงนี่ซิ ดูยาก ผมเคยพูดประเด็นนี้ไปแล้วว่ามีเหตุผลแค่ไหนที่หุ้นตัวหนึ่ง จะขึ้นไปซื้อขายกันที่ P/E สูงถึง 25-30 เท่า หรือมากกว่านั้น ซึ่ง ณ ราคาดังกล่าว ในแง่พื้นฐาน ผมว่าแพงแน่นอน ดังนั้นจงอย่าฝืนซื้อหุ้นราคาแพง อย่างน้อยหากจะติดหุ้นพื้นฐานดี ก็ขอให้ติดที่เชิงเขา ไม่ใช่ติดที่ยอดดอย
4) จงใช้เงินเย็นในการลงทุน ผมเห็นคำถามของนักลงทุนบางคน ถามมาว่าต้องใช้เงินเดือนหน้า ตอนนี้ควรทำอย่างไรกับหุ้นที่ถืออยู่ หากเป็นนักลงทุน VI การลงทุนโดยไม่ใช้เงินเย็น จะมีความเสี่ยงสูงมาก เพราะเมื่อถึงเวลาต้องใช้เงิน ราคาไหน ก็ต้องขาย เสียดายที่เราต้องขาดทุนจากหุ้นพื้นฐานดี
5) จงมีสติ ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง อย่าไปตกใจกลัวเมื่อหุ้นที่เราถิออยู่ลงมาแรงๆ ขอให้เป็นหุ้นพื้นฐานดี และเป็นเงินเย็น เดี๋ยวราคาหุ้นก็กลับมา เพียงแต่อาจใช้เวลานานหน่อย และต้องมีสติตอนหุ้นขึ้นด้วย หากราคาแพงอย่าไปซื้อ อย่าคิดว่าราคามันไม่ลงมาให้ซื้อหรอก (ประสบการณ์ครั้งนี้คงสอนนักลงทุนหลายคนไปแล้ว) ขอให้ใช้เหตุผลอยู่เหนืออารมณ์
นี่คือกำลังใจที่อยากจะฝากทุกคนไว้ ยามที่ตลาดหุ้นเหมือนจะลงมาเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุด แต่จากประสบการณ์ผม ไม่มีอะไรยั่งยืนถาวร หุ้นลงเดี๋ยวก็มีวันขึ้น หุ้นขึ้นเดี๋ยวก็มีวันลง แต่หุ้นที่อยู่ในพอร์ตของเราพื้นฐานดีหรือเปล่า รู้กันไหมครับ
ด้วยรักและเป็นห่วงจากใจ
กวี ชูกิจเกษม
ผมอยากแชร์ประสบการณ์การลงทุนหุ้นในฐานะ Value Intestor (VI) มาแล้ว 20 ปี
1) วิกฤติคือโอกาส ผมยังไม่เห็นวิกฤติไหนที่ตลาดหุ้นจ่ะผ่านไปไม่ได้ ผมผ่านมา 2 วิกฤติใหญ่ วิกฤติต้มยำกุ้ง SET ลงมาจาก 1700 จุดเหลือ 200 จุด และวิกฤติซัมไพรม์จาก 900 จุด เหลือ 380 จุด ไม่นับรวมวิกฤติย่อยๆ อีกนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้าย SET ก็กลับขึ้นมาได้ใหม่ รอบนี้เกือบทำ Historical high ด้วยซ้ำ และแม้กระทั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ผ่านสงครามโลกมาด้วยซ้ำ ก็ยังสามารถทำ New high ได้อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ว่าเราจะอดทนให้วิกฤตินั้นผ่านพ้นไปได้หรือไม่ (อันนี้สำคัญ) ดังนั้นผมก็ยังมองวิกฤติเป็นโอกาส ราคาหุ้นลงมาช่วงนี้ ดีซักอีก จะได้หุ้นดี ราคาถูกลง BGH เคยขึ้นไป 180 บาท ตอนนี้ลงมาจะต่ำกว่า 120 บาทอยู่แล้ว ผมถามว่า BGH พื้นฐานเปลี่ยนมากขนาดนั้นหรือ (ไม่ได้แนะนำให้ซื้อ BGH นะ แต่เชื่อว่าระยะยาว กี่ปีไม่รู้ BGH จะ ทำ New High)
2) นักลงทุน VI จะมองที่พื้นฐานหุ้น ไม่ได้มองที่ดัชนีหุ้น (SET index) ว่าจะลงเหลือเท่าไรแล้วซื้อ ขอให้เราเชื่อมั่นในพื้นฐานของบริษัทว่าแข็งแกร่ง ราคาลงมาก็ไม่ต้องกลัว อย่างน้อยบริษัทที่พื้นฐานแกร่งก็ยังคงจ่ายปันผลให้ชื่นใจ และหากเรายังไม่มีหุ้นที่ดีๆ เหลานั้นไว้ในพอร์ต ยิ่งถือว่าเป็นความโชคดีที่เราจะได้หุ้นพื้นฐานดี ราคาถูกแล้ว
3) อย่าซื้อหุ้นแพง หุ้นดีเรารู้ และรู้ไม่ยาก แต่หุ้นแพงนี่ซิ ดูยาก ผมเคยพูดประเด็นนี้ไปแล้วว่ามีเหตุผลแค่ไหนที่หุ้นตัวหนึ่ง จะขึ้นไปซื้อขายกันที่ P/E สูงถึง 25-30 เท่า หรือมากกว่านั้น ซึ่ง ณ ราคาดังกล่าว ในแง่พื้นฐาน ผมว่าแพงแน่นอน ดังนั้นจงอย่าฝืนซื้อหุ้นราคาแพง อย่างน้อยหากจะติดหุ้นพื้นฐานดี ก็ขอให้ติดที่เชิงเขา ไม่ใช่ติดที่ยอดดอย
4) จงใช้เงินเย็นในการลงทุน ผมเห็นคำถามของนักลงทุนบางคน ถามมาว่าต้องใช้เงินเดือนหน้า ตอนนี้ควรทำอย่างไรกับหุ้นที่ถืออยู่ หากเป็นนักลงทุน VI การลงทุนโดยไม่ใช้เงินเย็น จะมีความเสี่ยงสูงมาก เพราะเมื่อถึงเวลาต้องใช้เงิน ราคาไหน ก็ต้องขาย เสียดายที่เราต้องขาดทุนจากหุ้นพื้นฐานดี
5) จงมีสติ ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง อย่าไปตกใจกลัวเมื่อหุ้นที่เราถิออยู่ลงมาแรงๆ ขอให้เป็นหุ้นพื้นฐานดี และเป็นเงินเย็น เดี๋ยวราคาหุ้นก็กลับมา เพียงแต่อาจใช้เวลานานหน่อย และต้องมีสติตอนหุ้นขึ้นด้วย หากราคาแพงอย่าไปซื้อ อย่าคิดว่าราคามันไม่ลงมาให้ซื้อหรอก (ประสบการณ์ครั้งนี้คงสอนนักลงทุนหลายคนไปแล้ว) ขอให้ใช้เหตุผลอยู่เหนืออารมณ์
นี่คือกำลังใจที่อยากจะฝากทุกคนไว้ ยามที่ตลาดหุ้นเหมือนจะลงมาเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุด แต่จากประสบการณ์ผม ไม่มีอะไรยั่งยืนถาวร หุ้นลงเดี๋ยวก็มีวันขึ้น หุ้นขึ้นเดี๋ยวก็มีวันลง แต่หุ้นที่อยู่ในพอร์ตของเราพื้นฐานดีหรือเปล่า รู้กันไหมครับ
ด้วยรักและเป็นห่วงจากใจ
กวี ชูกิจเกษม
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ตลาดเปลี่ยนไปมากทีเดียว ....ไม่เหมือน 10 ปีก่อน
โพสต์ที่ 38
รออ่านจดหมายถึงลุงขวด ภาคต่อไปครับ
ด้วยความเคารพครับลุง ผมได้ข้อคิดดีๆจากลุงเสมอ
บทความของลุงสร้างกำลังใจได้ดีในสภาวะตลาดที่ผันผวนครับ
ด้วยความเคารพครับลุง ผมได้ข้อคิดดีๆจากลุงเสมอ
บทความของลุงสร้างกำลังใจได้ดีในสภาวะตลาดที่ผันผวนครับ
ลงทุนเพื่อชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตลาดเปลี่ยนไปมากทีเดียว ....ไม่เหมือน 10 ปีก่อน
โพสต์ที่ 40
ขอบคุณครับ มีแต่ข้อความดีๆ เป็นประโยชน์ทั้งนั้นเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 1904
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตลาดเปลี่ยนไปมากทีเดียว ....ไม่เหมือน 10 ปีก่อน
โพสต์ที่ 41
สมัยก่อนไม่มี ปอบเทรด ไงครับ หุ้นขึ้นลงก็ด้วยนักลงทุนด้วยกันเองว่ากันไปตามสภาพ แต่ตอนนี้หุ้นมีแนวโน้มลง พวกปอบพวกถาบันก็ทุบให้มันลงซะเกินจริง พอมีแนวโน้มที่ดีขึ้นมันก็ค่อยรีบกลับมาไล่ซื้อคืน
แล้วยังมีทีเฟคอีกล่ะ แทงขึ้นแทงลง สนุกสนาน หวยใต้ดินไม่ต้องมีแล้วล่ะครับแบบนี้
แล้วยังมีทีเฟคอีกล่ะ แทงขึ้นแทงลง สนุกสนาน หวยใต้ดินไม่ต้องมีแล้วล่ะครับแบบนี้
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4366
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ตลาดเปลี่ยนไปมากทีเดียว ....ไม่เหมือน 10 ปีก่อน
โพสต์ที่ 42
ในเมื่อความจริงมันเป็นเช่นนี้ แล้วเราก็ไปแก้ไขอะไรเองไม่ได้ ทางเลือกที่ดีทางหนึ่งคือ เอาความผันผวนมาใข้ให้เป็นประโยชน์ครับpatongpa เขียน:สมัยก่อนไม่มี ปอบเทรด ไงครับ หุ้นขึ้นลงก็ด้วยนักลงทุนด้วยกันเองว่ากันไปตามสภาพ แต่ตอนนี้หุ้นมีแนวโน้มลง พวกปอบพวกถาบันก็ทุบให้มันลงซะเกินจริง พอมีแนวโน้มที่ดีขึ้นมันก็ค่อยรีบกลับมาไล่ซื้อคืน
แล้วยังมีทีเฟคอีกล่ะ แทงขึ้นแทงลง สนุกสนาน หวยใต้ดินไม่ต้องมีแล้วล่ะครับแบบนี้
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ตลาดเปลี่ยนไปมากทีเดียว ....ไม่เหมือน 10 ปีก่อน
โพสต์ที่ 43
ชอบสไตล์การเขียนของลุงขวดจริงๆครับ อ่านทีไรก็ได้อารม์เหมือนคุณลุงใจดีกำลังสอนหลาน
เห็นลุงขวดคุยกันถึง p-fcb ผมยังจำได้ดีถึงความรู้สึกของการประชุมผถห. ครั้งแรกในชีวิต
ไปคนเดียวแบบใจตุ่มๆต่อมๆ ทั้งห้องประชุมนอกจากพน้กงานบริษัทที่เกณฑ์มานั่งกันให้ครบองค์ประชุม
มีนักลงทุนมาแค่ 2 คน คือผมกับคุณลุงหน้าตาใจดีคนหนึ่ง
เห็นลุงขวดคุยกันถึง p-fcb ผมยังจำได้ดีถึงความรู้สึกของการประชุมผถห. ครั้งแรกในชีวิต
ไปคนเดียวแบบใจตุ่มๆต่อมๆ ทั้งห้องประชุมนอกจากพน้กงานบริษัทที่เกณฑ์มานั่งกันให้ครบองค์ประชุม
มีนักลงทุนมาแค่ 2 คน คือผมกับคุณลุงหน้าตาใจดีคนหนึ่ง
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 2236
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตลาดเปลี่ยนไปมากทีเดียว ....ไม่เหมือน 10 ปีก่อน
โพสต์ที่ 44
ผมเป็นอีกคนที่ชื่นชมและนับถือในน้ำใจลุงขวดมากๆ เคยpmไปคุยกับลุงขวด ลุงก็เต็มใจตอบแบบไม่มีกั๊ก(แถมแนะนำหุ้นให้อีก แต่ผมไม่ได้ซื้อนะคร้าบลุง ) รออ่านโพสท์ลุงขวดเสมอครับ
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
- s3410312
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 180
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ตลาดเปลี่ยนไปมากทีเดียว ....ไม่เหมือน 10 ปีก่อน
โพสต์ที่ 45
ลุงขวด เขียน: .... และต้องมีสติตอนหุ้นขึ้นด้วย หากราคาแพงอย่าไปซื้อ
อย่าคิดว่าราคามันไม่ลงมาให้ซื้อหรอก
(ประสบการณ์ครั้งนี้คงสอนนักลงทุนหลายคนไปแล้ว)
ขอให้ใช้เหตุผลอยู่เหนืออารมณ์ ....
ชอบท่อนนี้ มากครับ
Nothing like it seem.