เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 121
เรียน พี่เนเวอร์คาย
ลองหาเวลาไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานที่ วิเวกอาศรม จ.ชลบุรี
อาจารย์เป็นลูกศิษย์ของพระพม่าแต่โบราณ
ตอนนี้อาจารย์เป็นคนธรรมดา ไม่ได้เป็นพระ ตัวบึกๆ หน่อยครับ จำชื่อไม่ได้ แต่รู้สึกว่ามีเวบไซด์
โชคดีครับ
ลองหาเวลาไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานที่ วิเวกอาศรม จ.ชลบุรี
อาจารย์เป็นลูกศิษย์ของพระพม่าแต่โบราณ
ตอนนี้อาจารย์เป็นคนธรรมดา ไม่ได้เป็นพระ ตัวบึกๆ หน่อยครับ จำชื่อไม่ได้ แต่รู้สึกว่ามีเวบไซด์
โชคดีครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4940
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 122
ขออนุโมทนาด้วยนะครับพี่ ทั้งได้ไปบวชและปฏิบัติธรรมครับNevercry.boy เขียน:ผมบวชและปฏิบัติ ที่วัดป่าธรรมอุทยานครับ
https://www.facebook.com/LP.Kluay
หลวงพ่อกล้วย คือพระอาจารย์ที่ผมเคารพ
ก่อนบวชผมไม่สนใจเรื่องธรรมมะเลย แม้แต่นิดเดียวครับ และไม่เคยคิดว่าชีวิตจะบวช แต่เมื่อไปปฏิบัติกับ พระอาจารย์แล้ว การนอนในป่าช้าหรือเดินจงกรมในป่าช้า คืนแรก ๆ กลัวนะครับแต่หลังจากนั้นผมว่ามันสงบมาก ผมแทบไม่สามารถออกมาจากวัดได้ อย่าว่าแต่กลับมากรุงเทพฯ แค่ออกมาเมืองขอนแก่นยังไม่ค่อยชอบ ได้ยินเสียงเพลงบันเทิงเริงรมย์ รู้สึกมันไม่สงบมาก เพราะติดความสงบในวัด
หลวงพ่อท่านเมตตา ท่านสอนว่า "โยมเอาวัดกลับไปกรุงเทพฯไม่ได้" ให้เอากายเป็นวัดเอาจิตเป็นพระ และให้เข้ามาบูชาพระในใจบ่อย ๆ
ประมาณนี้นะครับ ผมจำเนื้อประโยคเป๊ะ ๆ ไม่ได้
หลวงพ่อกล้วย ท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่สุดยอดอยู่แล้วครับ
ยังไม่เคยได้กราบท่านสักครั้งเลย เคยคิดจะไปอยู่แต่ก็ไม่ได้ทำสักที
เคยติดตามอ่านอยู่แวบๆ และมีที่ได้อ่านผ่านแนวคิดลูกศิษย์ชื่อดังของท่านอีกคน ดร.วรภัทร ภู่เจริญ ครับ
แค่นั้นก็รู้แล้วว่าท่านไม่ธรรมดาครับ สาธุครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 123
สาธุครับคุณ Dech อาจารย์ วรภัทร ท่านเป็นทั้ง อาจารย์และรุ่นพี่ที่จุฬา สมัยก่อนแกสอนวิชายากมากวิชาหนึ่งคือ Ex design ซึ่งท่านก็ได้รับอิทธิพลมาจาก นาซา (เทห์มากนะครับ คนไทยทำงาน นาซา)Dech เขียน: ขออนุโมทนาด้วยนะครับพี่ ทั้งได้ไปบวชและปฏิบัติธรรมครับ
หลวงพ่อกล้วย ท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่สุดยอดอยู่แล้วครับ
ยังไม่เคยได้กราบท่านสักครั้งเลย เคยคิดจะไปอยู่แต่ก็ไม่ได้ทำสักที
เคยติดตามอ่านอยู่แวบๆ และมีที่ได้อ่านผ่านแนวคิดลูกศิษย์ชื่อดังของท่านอีกคน ดร.วรภัทร ภู่เจริญ ครับ
แค่นั้นก็รู้แล้วว่าท่านไม่ธรรมดาครับ สาธุครับ
และผมก็ได้ทราบ ตอนที่ไปปฏิบัติที่ธรรมอุทยาน นี่แหละครับ ว่าท่านสนใจทางธรรม ท่านเป็นคนที่ฉลาดมาก พอได้ร่ำเรียนทางธรรมแล้วยิ่ง สุดยอดไปใหญ่เลยครับ ท่านมีหนังสือหลายเล่มครับ
ผมเองก็ต้องเร่ง ๆ ๆ
สองสามวันมานี้ผมประชุมดีขึ้นเยอะนะครับ เริ่มมองภาพ รูป นาม เสียงกระทบ ภาวนาในห้องประชุม (แบบไม่ให้ใครได้ยิน) ยังไม่เพอร์เฟค แต่ไม่ย่อท้อครับ หมั่น ๆ ๆ ถึงปัญญาจะน้อง แต่ เรื่องอดทนผมไม่ค่อยยอมแพ้ใคร
ขอบพระคุณคุณ Dech อย่างสูงครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 151
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 124
แนะนำหนังสือ พุทธธรรม เผื่อบางท่านจะสนใจ เป็นหนังสือที่นำเนื้อหาของพระไตรปิฏกทั้งหมดมาสรุปเรียบเรียงเป็นหมวดหมู่เพื่อให้สะดวกในการศึกษา ความหนาพันกว่าหน้า ผมอ่านแล้วชอบมากๆรู้สึกเหมือนได้อยู่ใกล้พระธรรมขึ้นอีกเยอะ หนังสือเล่มนี้หลังจากท่านพระอาจารย์ ปยุตโต เรียบเรียงเสร็จ (20 ปีก่อน) ท่านได้รับปริญญาดุษฏีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วโลกรวม 15 ใบ , รางวัลการศึกษาเพื่อสันติภาพจาก UNESCO ปี 2537
อ่านแบบ pdf ได้ที่เวบวัดญาณเวศฯ
http://www.watnyanaves.net/th/book_detail/583
ผมมีอยู่หลายเล่มสำหรับแจกถ้าสนใจ pm ที่อยู่มาได้เลยครับยินดีส่งเป็นพัสดุให้
อ่านแบบ pdf ได้ที่เวบวัดญาณเวศฯ
http://www.watnyanaves.net/th/book_detail/583
ผมมีอยู่หลายเล่มสำหรับแจกถ้าสนใจ pm ที่อยู่มาได้เลยครับยินดีส่งเป็นพัสดุให้
- Nanjeng
- Verified User
- โพสต์: 102
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 125
เส้นทางธรรมของผมยาวมาก กว่าจะมาเป็นวันนี้
แรกเริ่มเดิมทีตั้งแต่เด็กๆ แล้ว
ผมสนใจด้านไสยศาสตร์ เวทมนต์คาถาอาคม ทั้งอยู่ยง คงกระพัน ชาตรี มหาเสน่ห๋ เมตตามหานิยม
วัวธนู ควายธนู คุณไสยก็ศึกษา เอาทุกอย่าง ศึกษาตำราขุนช้างขุนแผน เพราะในนั้นจะมีบอกหมดว่าสวดคาถาอะไร ทำยังไง
ใครเคยอ่านจะรู้ว่าขุนแผนทำกุมารทอง ตีดาบฟ้าฟื้น และอื่นๆ มีสาธยายไว้หมด ทั้งพิธีกรรม คาถาและข้อห้ามต่างๆ
และเนื่องจากไสยศาสตร์มันก็คาบเกี่ยวกับหลวงพ่อต่างๆ คือแยกกันไม่ออกว่างั้นเถอะ
จากไสยศาสตร์ก็มาสายธรรม คือศึกษาทั้งขาวและดำเลย ธรรมะก็ศึกษาลามถึงท่านพุทธทาส หลวงพ่อปัญญา เจ้าคุณนรฯ หลวงพ่อฤาษี หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เยอะแยะไปหมด
จนกระทั่งประมาณปี 2544-2545 ไปทำงานกับญาติห่างๆ ซึ่งเปิดร้านขายส่งพลาสติก ย่านสำโรง (เรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง+ทำงานไปด้วย)
วันหนึ่งตอนว่างๆ ได้เข้าไปในห้องพระ ด้วยความที่ชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว
เห็นมีเล่มหนึ่งสะดุดตา ก็หยิบขึ้นมาเล่มหนึ่ง ตอนนั้นยังไม่รู้จักว่าหลวงปู่่เป็นใคร เพราะท่านไม่ใช่สายคาถาอาคม
ก็เปิดอ่านแบบผ่านๆ จากหน้าปกมามาถึงหน้าสุดท้าย ก็จบแบบผ่านๆ พอปิดเล่มหนังสือ ที่นี้ก็เป็นปกหลัง
มีข้อความสั้นๆ 4 บรรทัด จึงอ่านและคิดตามดู พออ่านจบบรรทัดที่ 4 แค่นั้นแหละ
มันเหมือนสายฟ้าฟาดลงมาที่กลางศีรษะเลย และจิตสัมผัสได้ถึงแสงสว่างที่ผ่านวาบมาอย่างรวดเร็ว
และอุทานในใจ ว่า
เฮ้ย! นี่ของจริง นี่คือความจริง หลวงพ่อนี่คือของจริง
นี่มันอริยสัจสี่แบบย่อและเป็นคอนเซ็ปต์ของท่านเอง ซึ่งถ้าไม่แน่จริง ไม่ถึงธรรมจริงจะไม่สามารถสรุปเป็นแก่นแล้วมาถ่ายทอดได้
ขนลุกเลยตอนนั้น เย็นทั่วสรรภางค์เลย
จากนั้นก็อ่านหน้าปกเลยว่าหลวงพ่อนี้เป็นใคร อาจารย์ของท่านเป็นใคร ก็เลยอ่านรวดเดียวจบ
และขอยืมกลับมาอ่านที่บ้านอ่านทวนอีกหลายสิบ หลายร้อยรอบ เพราะเป็นเล่มเล็กๆเอง ชื่อหนังสือคือ หลวงปู่ฝากไว้
4 บรรทัดท้ายเล่มที่ว่าก็คือ
จิตที่ส่งออกนอก.................เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก........ เป็นทุกข์
จิตเห็นจิต...........................เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต.............เป็นนิโรธ
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
ตอนนนั้นยังไม่รู้จักหลวงปู่ดูลย์ และตอนหลังพึ่งมารู้จักพระอาจารย์ปราโมชช์ ปราโมชโช
และฟังธรรมของท่านจึงรู้ว่าหลวงพ่อปราโมชช์ก็ปิ๊งบทนี้เหมือนกัน
ซึ่งบังเอิญมากที่ไปสะดุดธรรมเดียวกัน และตอนนั้นผมก็ไม่รู้จักท่านเลยหรือแม้กระทั่งหลวงปู่ดูลย์
แรกเริ่มเดิมทีตั้งแต่เด็กๆ แล้ว
ผมสนใจด้านไสยศาสตร์ เวทมนต์คาถาอาคม ทั้งอยู่ยง คงกระพัน ชาตรี มหาเสน่ห๋ เมตตามหานิยม
วัวธนู ควายธนู คุณไสยก็ศึกษา เอาทุกอย่าง ศึกษาตำราขุนช้างขุนแผน เพราะในนั้นจะมีบอกหมดว่าสวดคาถาอะไร ทำยังไง
ใครเคยอ่านจะรู้ว่าขุนแผนทำกุมารทอง ตีดาบฟ้าฟื้น และอื่นๆ มีสาธยายไว้หมด ทั้งพิธีกรรม คาถาและข้อห้ามต่างๆ
และเนื่องจากไสยศาสตร์มันก็คาบเกี่ยวกับหลวงพ่อต่างๆ คือแยกกันไม่ออกว่างั้นเถอะ
จากไสยศาสตร์ก็มาสายธรรม คือศึกษาทั้งขาวและดำเลย ธรรมะก็ศึกษาลามถึงท่านพุทธทาส หลวงพ่อปัญญา เจ้าคุณนรฯ หลวงพ่อฤาษี หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เยอะแยะไปหมด
จนกระทั่งประมาณปี 2544-2545 ไปทำงานกับญาติห่างๆ ซึ่งเปิดร้านขายส่งพลาสติก ย่านสำโรง (เรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง+ทำงานไปด้วย)
วันหนึ่งตอนว่างๆ ได้เข้าไปในห้องพระ ด้วยความที่ชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว
เห็นมีเล่มหนึ่งสะดุดตา ก็หยิบขึ้นมาเล่มหนึ่ง ตอนนั้นยังไม่รู้จักว่าหลวงปู่่เป็นใคร เพราะท่านไม่ใช่สายคาถาอาคม
ก็เปิดอ่านแบบผ่านๆ จากหน้าปกมามาถึงหน้าสุดท้าย ก็จบแบบผ่านๆ พอปิดเล่มหนังสือ ที่นี้ก็เป็นปกหลัง
มีข้อความสั้นๆ 4 บรรทัด จึงอ่านและคิดตามดู พออ่านจบบรรทัดที่ 4 แค่นั้นแหละ
มันเหมือนสายฟ้าฟาดลงมาที่กลางศีรษะเลย และจิตสัมผัสได้ถึงแสงสว่างที่ผ่านวาบมาอย่างรวดเร็ว
และอุทานในใจ ว่า
เฮ้ย! นี่ของจริง นี่คือความจริง หลวงพ่อนี่คือของจริง
นี่มันอริยสัจสี่แบบย่อและเป็นคอนเซ็ปต์ของท่านเอง ซึ่งถ้าไม่แน่จริง ไม่ถึงธรรมจริงจะไม่สามารถสรุปเป็นแก่นแล้วมาถ่ายทอดได้
ขนลุกเลยตอนนั้น เย็นทั่วสรรภางค์เลย
จากนั้นก็อ่านหน้าปกเลยว่าหลวงพ่อนี้เป็นใคร อาจารย์ของท่านเป็นใคร ก็เลยอ่านรวดเดียวจบ
และขอยืมกลับมาอ่านที่บ้านอ่านทวนอีกหลายสิบ หลายร้อยรอบ เพราะเป็นเล่มเล็กๆเอง ชื่อหนังสือคือ หลวงปู่ฝากไว้
4 บรรทัดท้ายเล่มที่ว่าก็คือ
จิตที่ส่งออกนอก.................เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก........ เป็นทุกข์
จิตเห็นจิต...........................เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต.............เป็นนิโรธ
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
ตอนนนั้นยังไม่รู้จักหลวงปู่ดูลย์ และตอนหลังพึ่งมารู้จักพระอาจารย์ปราโมชช์ ปราโมชโช
และฟังธรรมของท่านจึงรู้ว่าหลวงพ่อปราโมชช์ก็ปิ๊งบทนี้เหมือนกัน
ซึ่งบังเอิญมากที่ไปสะดุดธรรมเดียวกัน และตอนนั้นผมก็ไม่รู้จักท่านเลยหรือแม้กระทั่งหลวงปู่ดูลย์
-
- Verified User
- โพสต์: 2690
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 126
มาต่อ..
เก็บตก
จด
ไว้ก่อน
...
1. สีลัพพตปรามาส
ปรามาส=ลูบคลำ
2. อติธัมมครุ
=ผู้เคารพยิ่งนักต่อพระสัทธรรมของสมเด็จพระผู้มีพระภาค
3. ศีล..
ตอบโดยพระนาคเสน
4. กุศลกรรมบท10
5. ตโป จ=มีความเพียรสำรวมระวังรักษาซึ่งอินทรีย์
...
เก็บตก
จด
ไว้ก่อน
...
1. สีลัพพตปรามาส
ปรามาส=ลูบคลำ
2. อติธัมมครุ
=ผู้เคารพยิ่งนักต่อพระสัทธรรมของสมเด็จพระผู้มีพระภาค
3. ศีล..
ตอบโดยพระนาคเสน
4. กุศลกรรมบท10
5. ตโป จ=มีความเพียรสำรวมระวังรักษาซึ่งอินทรีย์
...
-
- Verified User
- โพสต์: 2690
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 127
1.
ปรามาส=ลูบคลำ (อ่าน ว่า ประ-รา-มาส)
ท่าน อจ. แนบ มหานีรานนท์ ในบทอธิบาย โลกธรรม ในวิสุทธิมรรค
source1:
เทปที่ 352 นาที 11.54
http://audiofiles.palungjit.org/attachm ... ntid=33398
source:
index audio-อาจารย์แนบ มหานีรานนท์
http://audio.palungjit.org/f69/%E0%B8%8 ... -4236.html
....
ผมถอดเทปได้ว่า
อจ. พูด 1 นาที
เราต้อง ถอดเทป ฟังตั้ง 20-30รอบ
ถึงจะเข้าใจ
ลองไปฟังเทป buffet พูด ถึง dow jone 100 ปี ที่ terry UGA
ใน 8 นาที ก็เป็นแบบนี้.
......
(comment ผู้โพสต์)
...จะไม่ลงลึกไป
เอาเป็นว่า ความเห็นที่ถูก อะไรถูก อะไรผิด มีความสำคัญ
...
เราอยู่ในเมืองพุทธ เถรวาทแท้ๆ
...
ปรามาส=ลูบคลำ (อ่าน ว่า ประ-รา-มาส)
ท่าน อจ. แนบ มหานีรานนท์ ในบทอธิบาย โลกธรรม ในวิสุทธิมรรค
source1:
เทปที่ 352 นาที 11.54
http://audiofiles.palungjit.org/attachm ... ntid=33398
source:
index audio-อาจารย์แนบ มหานีรานนท์
http://audio.palungjit.org/f69/%E0%B8%8 ... -4236.html
....
ผมถอดเทปได้ว่า
ระดับมิจฉาทิฐิ ชื่อว่า ปรามาส (ประ-รา-มาศ)
แปลว่าลูบคลำ
ไม่ใช่ลูบคลำ ด้วยมือ
จิตใจลูบคลำ
ลูบคลาำด้วยจิตใจว่า
เอ๊..วิธีนี้..เขาถ้าจะดี
เอ๊...วิธีนี้..เขาดีเหมือนกัน..อย่างโน้นเขาก็ดีเหมือนกัน...ละเอียดดี
..ถ้าจะถูกอย่างนั้น..เห็นคนเขาก็ไปกันมาก..คนเขาก็นับถือกันมาก..อะไรอย่างนี้
นี่อะ..แปลว่าตัวไม่แน่ ..ความไม่แน่ในใจของตัว..เพราะตัวยังไม่เคยรู้ว่า
..ไอ้ที่ถูกมันเป็นยังไร..
...ฉะนั้นก็เลยไปลูบคลำด้วยจิตใจ..คือไม่แน่
..ตัวตัดสินไม่ได้ว่า อะไรถูก อะไรผิด..
ก็ไปทดลองที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง อะไรไปต่างๆนานา..
อจ. พูด 1 นาที
เราต้อง ถอดเทป ฟังตั้ง 20-30รอบ
ถึงจะเข้าใจ
ลองไปฟังเทป buffet พูด ถึง dow jone 100 ปี ที่ terry UGA
ใน 8 นาที ก็เป็นแบบนี้.
......
สีลัพพตปรามาสจัดเป็นความเห็นผิดหรือมิจฉาทิฏฐิอย่างหนึ่ง[2] จัดเข้าในกลุ่มสังโยชน์ขั้นต้นที่พระอริยบุคคลระดับโสดาบันจะละความยึดมั่นเช่นนี้ได้[3]
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA% ... 2%E0%B8%AA
(comment ผู้โพสต์)
...จะไม่ลงลึกไป
เอาเป็นว่า ความเห็นที่ถูก อะไรถูก อะไรผิด มีความสำคัญ
...
เราอยู่ในเมืองพุทธ เถรวาทแท้ๆ
...
-
- Verified User
- โพสต์: 2690
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 128
อติธัมมครุ
=ผู้เคารพยิ่งนักต่อพระสัทธรรมของสมเด็จพระผู้มีพระภาค
...
ท่าน
มหาวงศ์ ชาญบาลี
อธิบายไว้ ในอรััมภกถา-พุทธโฆสุปปัตติ
ว่า
...
..
=ผู้เคารพยิ่งนักต่อพระสัทธรรมของสมเด็จพระผู้มีพระภาค
...
ท่าน
มหาวงศ์ ชาญบาลี
อธิบายไว้ ในอรััมภกถา-พุทธโฆสุปปัตติ
ว่า
...
................................ครั้นสำเร็จจบพระคัมภีร์แล้วก็ตั้งไว้ จึงจำวัดหลับไป พระคัมภีร์นั้น
ก็หายไป ด้วยสักกะเทวราชานุภาพ
...
ท่านจึงจารคัมภีร์ขึ้นอีก เป็นคำรบสอง
พระคัมภีร์นั้น
ก็หายไป ด้วยสักกะเทวราชานุภาพ อีกเล่า
..
ก็..จารคัมภีร์เป็นคำรบสาม
ครั้นจารเสร็จ จึงผูกคัมภีร์วิสุทธิมรรคคำรบสามไว้กับจีวร
พอรุ่งเช้า พระผุ้เป็นเจ้าตื่นขึ้น เห็นในคัมภีร์พระวิสุทธิมรรคทั้งสองคัมภีร์
ที่พระผู้เป็นเจ้าได้รจนาแลจารซึ่งหายไปนั้นอัน
ท้าวสักกะเทวราชนำมาคืนให้ตั้งไว้ที่ดังเก่า..
..
วิจารณ์
ข้อนี้
นักปราชญ์ในภายหลังอนุมานเห็นว่าพระพุทธโฆษาจารย์เจ้าไม่นิมพนธ์ปณามคาถาขึ้นใหม่ไว้ในต้นคัมภีร์
เพราะพระผู้เป็นเจ้าเป็น อติธัมมครุ ผู้เคารพยิ่งนักต่อพระสัทธธรรมของสมเด็จพระผู้มีพระภาค
หวังให้คาถาพระพุทธฎีกาที่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสเทศนา ว่าด้วยศีลสมาธิปัญญา
เป็นอรรถสารบริบูรณ์ในพระคาถาบทเดียวเท่านี้ เชิดชูปรากฏอยู่ในเบื้องต้นพระคัมภีร์
ไม่ให้มีสำนวนคาถาของตนอยู่เบื้องตนปกคุมสำนวนคาถาพุทธฎีกาไปดังนั้น
..
-
- Verified User
- โพสต์: 2690
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 129
3. ศีล..
ตอบโดยพระนาคเสน
...
source 1.
สารบัญ มิลินทปัญหา
http://84000.org/tipitaka/milin/
source 2.
มิลินทปัญหา
สีลปติฏฐายลักขณปัญหา ที่ ๙
http://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=13
พื้นฐาน
แน่นนี้
สมมติว่า
เรา เป็นคนยุคใหม่ แล้วกัน แล้วไม่ ยอมท่องสูตรคูณ สองหนึ่งสอง สองสองสี่
หรือ หน้ากำลังสองสองหน้าหลังหลังกำลังสอง
หรือ คน46 กบ28 แมลงหวี่แปด
ผมดูหลังเรื่อง battleship (2012) บอกว่า
สะสารที่พบ "not in the table of peroidic" ไม่อยู่ในตารางธาตุว่างั้น
ระดับ ดร. ตารางธาตุเขาคงท่องได้ขึ้น ใจไม่ต้องมาเปิด ดู เพราะฐานแน่นนี่เอง..
...
ตอบโดยพระนาคเสน
...
source 1.
สารบัญ มิลินทปัญหา
http://84000.org/tipitaka/milin/
source 2.
มิลินทปัญหา
สีลปติฏฐายลักขณปัญหา ที่ ๙
http://84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=13
พระนาคเสนผู้ปรีชาจึงอุปมาต่อไปอีกเล่าว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภารเจ้า
ดุจหนึ่งว่าบุคคลมีวิชาการข้างเล่นเต้นโลดลอดบ่วงและวิชาบังเหลื่อมนั้น ย่อมขุดแผ่นดิน
หินกรวดหลักตอให้ราบรื่นกระทำพื้นภูมิภาคให้เสมอเป็นอันดี อาศัยพื้นแผ่นดินเป็นที่ตั้ง จึงได้
แสดงวิชาของอาตมา ยถา มีครุวนาฉันใด โยคาวจรเจ้าตั้งอยู่ในพระปาติโมกขสังวรศีลอาศัยศีลนั้น
ก็ยังปัญจอินทรีย์ ๕ คือสัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ ให้จำเริญขึ้น
เปรียบดุจพื้นแผ่นดินอันเป็นที่ตั้ง เหมือนพวกหกคะเมนเต้นโลดลอดบ่วงนั้น ขอถวายพระพร
พระนาคเสนถวายพระพรอุปมาว่า มหาราช ดูรานะบพิตรพระราชสมภาร เปรียบดุจ
นายวัฑฒกีสร้างพระนครราชธานี โสธาเปตฺวา จึงถางที่ให้เตียน ขาณุกณฺฐกํ นำเสี้ยน
หนามหลักตอตัดโคนให้ราบ สมํ กตฺวา ปราบพื้นให้ราบดีแล้วจึงกระทำเป็นราชธานีนคร ยถา
ฉันใด พระโยคาวจรก็รักษาศีลสังสรให้บริสุทธิ์ผ่องใสเป็นอันดี ยังอินทรีย์ ๕ คือสัทธินทรีย์ คือ
วิริยินทรีย์ คือสตินทรีย์ คือสมาธินทรีย์ คือปัญญินทรีย์ ให้จำเริญเป็นอันดี เหมือนวัฑฒกี
อันสร้างนครนั้น ขอถวายพระพร
(comment)อนึ่งเล่าก็สมด้วยพระพุทธฎีกา สมเด็จพระบรมโลกนายกยิ่งบุคคลทศพล
ญาณตรัสประทานธรรมเทศนาไว้ดังนี้ว่า
สีเล ปติฏฺฐาย นโร สปญฺโญ จิตฺตํ ปญฺญญฺจ ภาวยํ
อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ โส อิมํ วิชฏเย ชฏนฺติ
อยํ ปติฏฺฐา ธรณีว ปาณีนํ อิทญฺจ มูลํ กุสลาภิวุฑฺฒิยา
มูลมิทํ สพฺพชินานุสาสเน สสีลกฺขนฺโธ วรปาติโมกฺขิโยติ ฯ
ในกระแสพระพุทธฎีกา ตรัสว่า ฝูงชนคนใดมีใจศรัทธา สีเล ปติฏฺฐาย ตั้งอยู่ในศีลรักษา
ศีลไว้ ผู้นั้นแหละได้ชื่อว่า เป็นภิกษุ จำเริญไปในสมาธิจิตและสมาธิปัญญา ก็ยังสมาธิจิตแล
สมาธิปัญญาให้จำเริญ นิปโก ก็จะมีปัญญาแก่กล้า เหตุว่ามีเพียรให้กิเลสเร่าร้อน ก็จะถึงธรรม
วิเศษกำจัดเสียซึ่งกิเลสตัณหาภายนอกภายใน ให้ขาดไปจากสันดาน ศีลเป็นเหตุที่จะให้ถาวร
เป็นผลเป็นรากเหง้าเป็นลำเป็นต้น ที่จะให้เกิดก่อกองกุศล ธรณีว ดุจปฐพีดลพื้นภูมิภาค
แผ่นธรณีอันหนาแน่นได้สองแสนสี่หมื่นโยชน์ อันเป็นที่ตั้งแห่งโขดเขาลำเนาที อันเป็นที่พึ่ง
แก่นาคครุฑมนุษยนิกรอมรภูตปีศาจสรรพสัตว์ทุกชาติย่อมอาศัยทั่วทิศแดนธรณี มีครุวนา
ฉันใด ศีลที่รักษาไว้ก็เหมือนกัน ศีลนั้นคือศีลขันธ์ได้แก่พระปาติโมกข์อันประเสริฐ อันจะบังเกิด
ตั้งมั่นไปในพระพุทธศาสนา ย่อมเป็นที่สั่งสอนสืบมา สพฺพชินานํ แห่งสมเด็จพระชิเนนทร
สัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ก่อนนั้น นี่แหละคำอาตมาอันวิสัชนาก็สมด้วยพระพุทธฎีกาโปรดไว้ฉะนี้
ขอถวายพระพร
พื้นฐาน
แน่นนี้
สมมติว่า
เรา เป็นคนยุคใหม่ แล้วกัน แล้วไม่ ยอมท่องสูตรคูณ สองหนึ่งสอง สองสองสี่
หรือ หน้ากำลังสองสองหน้าหลังหลังกำลังสอง
หรือ คน46 กบ28 แมลงหวี่แปด
ผมดูหลังเรื่อง battleship (2012) บอกว่า
สะสารที่พบ "not in the table of peroidic" ไม่อยู่ในตารางธาตุว่างั้น
ระดับ ดร. ตารางธาตุเขาคงท่องได้ขึ้น ใจไม่ต้องมาเปิด ดู เพราะฐานแน่นนี่เอง..
...
-
- Verified User
- โพสต์: 2690
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 135
ถอดจากวิดีโอ.Buffet at .terry UGA 2001
เฉพาะ 8 นาที เกี่ยวกับ 100ปี ตลาดหุ้น (dow jones)
Quote:
8 minutes Minute48-56 (buffett 2001 to terry UGA)
เป็นหนึ่งใน speech ที่ ดี ที่สุด ถ้า คุณจะรู้จักปู่บัฟ..
.............
เคยลงไว้
แล้ว
แต่ ตัวเองยังหาไม่ เจอเลย
มาลงซ้ำ
...
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=54335
Post subject: Re: อะไรทำให้บัฟเฟตต์เป็นนักลงทุนในตำนาน
PostPosted: Sun Oct 28, 2012 12:40 am
..........
เฉพาะ 8 นาที เกี่ยวกับ 100ปี ตลาดหุ้น (dow jones)
Quote:
8 minutes Minute48-56 (buffett 2001 to terry UGA)
[youtube]2a9Lx9J8uSs[/youtube]1. GDP us in 20century(1901-1999) went up 600% (6x ใน 100ปี)
2. up every Decade including the30s up 13%
3. 100year of Improve..
4. the 40s WWI up 36%
5. 6 big peroids in there and 3 Big bull market
6. 1900-1921 Dow from 66-71 a 10% move in 20years = 0.5% a year.
7. 1921-29 Dow 71-381 in September 1929 up 500% ; obvious Well being of the nation did not up 500% during that peroid.
8. Sep1929-end of1948 Dow 381 to 180 cut in half in 18 long year. but GDP is moving up..
9. end 1948-1965 Dow 180 to close to 1000 up 5to 1
10. 1965-81 Dow went down
11. last period went up a lot (หมายถึง 1980-1999)
12. 100y $1000 become 180:1 or $180,000
13. 43.75 year of Big Hugh Bull Market.
14. 56.25 year of period stagnation.
13. total 100y move from 66 to 11000. (ประมาณ 166X)
14. the Answer Investor behave very HUMAN very Excite during Bull Market. only look last year Rear Mirror n push push PRICE.
They don't care the Underly business.
15. Buffet's Live 17year of Stagnationperiod .1965-1982 17year of stagnation.
16. (m53)in1970s Pesion Fund put 100% in stock; then get a lot cheaper They put a Record low of 9% in stock in 1978 when stock are way cheaper.
17. (m53.43)They get Exite when other get Exit; they get greedy when other get greedy; they get fearful when other get fearful.
The country will do well over time; but you will see those HUGH wave.
***18. (m53.59)If you can stay Objective thru out that; detach yourselve temper mentally from the crowd..YOU GET VERY RICH!!!
You don't have to be very bright. It does not take brain; it take "temperament" (54.15) take ability to sit there..
เป็นหนึ่งใน speech ที่ ดี ที่สุด ถ้า คุณจะรู้จักปู่บัฟ..
.............
เคยลงไว้
แล้ว
แต่ ตัวเองยังหาไม่ เจอเลย
มาลงซ้ำ
...
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=54335
Post subject: Re: อะไรทำให้บัฟเฟตต์เป็นนักลงทุนในตำนาน
PostPosted: Sun Oct 28, 2012 12:40 am
..........
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 676
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 136
ตอนที่ผมทุกข์มากๆ หลงทางหาหนทางไม่เจอ บังเอิญได้พบกับหลักธรรมของหลวงปู่ดูลย์ อดุโลครับ ทุกคำสอนของท่านได้เปิดจิตของผมครับ ท่านเป็นคนแรกๆ ที่บอกถึงวิชา"ดูจิต" ซึ่งท่านได้กล่าวกับแพทย์และพยาบาลที่ดูแลรักษาท่านในปี 2526 เนื่องจากพวกเขาเหล่านั้นไม่มีเวลาแต่อยากปฏิบัติ ซึ่งหลวงปู่ท่านพิจารณาถึงการทำงานของพวกเขาที่ต้องอยู่กับร่างกาย ความเจ็บไข้ได้ป่วยของคนเป็นอาจิณ แต่ยังด้อยเรื่องวิปัสสนาทางธรรม ท่านเลยสอนเต็มส่วนนี้ให้Nanjeng เขียน:เป็นเล่มเล็กๆเอง ชื่อหนังสือคือ หลวงปู่ฝากไว้
4 บรรทัดท้ายเล่มที่ว่าก็คือ
จิตที่ส่งออกนอก.................เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก........ เป็นทุกข์
จิตเห็นจิต...........................เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต.............เป็นนิโรธ
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
ตอนนนั้นยังไม่รู้จักหลวงปู่ดูลย์ และตอนหลังพึ่งมารู้จักพระอาจารย์ปราโมชช์ ปราโมชโช
และฟังธรรมของท่านจึงรู้ว่าหลวงพ่อปราโมชช์ก็ปิ๊งบทนี้เหมือนกัน
ซึ่งบังเอิญมากที่ไปสะดุดธรรมเดียวกัน และตอนนั้นผมก็ไม่รู้จักท่านเลยหรือแม้กระทั่งหลวงปู่ดูลย์
ดังนั้น คำสอนทางธรรมที่ถ่ายทอด ท่านถ่ายทอดเฉพาะคนเฉพาะบุคคล ดังนั้นวิชาดูจิต จึงไม่ประสบความสำเร็จในหลายๆท่านครับ
ข้างล่างนี้เป็นเว็บคำสอนส่วนหนึ่งของท่านครับ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=3100
สติปัฎฐาน 4
กาย เวทนา จิต ธรรม
กาย เวทนา จิต ธรรม
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4940
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 137
ไม่ถึงขนาดขอบพระคุณหรอกครับพี่Nevercry.boy เขียน:
ขอบพระคุณคุณ Dech อย่างสูงครับ
ผมก็มือใหม่หัดปฏิบัติครับ ผิดๆถูกๆ ไปตามเรื่องครับ
ต้องขอบคุณพี่มากกว่า ที่มาช่วยตั้งคำถามดีๆครับ
เรื่องพวกนี้ต้องมีคำถามดีๆ ก่อนแล้วคำตอบจะตามมาเองครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4940
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 138
อ่านแล้ว คุณ f.escape น่าจะเหมาะกับการพิจารณาแบบจิตในจิตนะครับf.escape เขียน:เวลาคนอื่นว่าเรา เขาว่าเพียงครั้งเดียว
แต่เวลาเราคิดถึงขึ้นมาแล้วโกรธ มันเป็นสิบๆครั้ง
ถ้าเคยหัดดูจิตตัวเองบ่อยๆ จะเห็นมันโกรธเอง มันไม่ได้ตั้งใจจะโกรธ
มันบังคับไม่ให้โกรธไม่ได้ เพราะความจริงมันเป็นอย่างนั้น
เคยกำลังจะโกรธลูกแล้วมันเห็น มันก็หายไปเลย ปากที่กำลังจะพูดมันก็หยุดไปเลย
มันแปลกสำหรับตัวเองที่ว่า ความรู้สึกที่เห็นมันยังไม่ใช่ความโกรธ มันเป็นอะไรที่ก่อนจะโกรธด้วยซ้ำ
หนึ่งในสติปัฏฐานสี่ ไม่ต้องทำทั้งสี่อย่างหรอกครับ ทำอันเดียวเนี้ยแหละพอแล้วครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 139
ขอถามทุกท่านครับ
ในสมัยพุทธกาลหรือหลังจากนั้น มี ฆราวาส หรือ อุบาสก หรือ อุบาสิกา พ่อค้าวานิช หรือ นักธุรกิจ ท่านใด บรรลุธรรมบ้างครับ?
ในสมัยพุทธกาลหรือหลังจากนั้น มี ฆราวาส หรือ อุบาสก หรือ อุบาสิกา พ่อค้าวานิช หรือ นักธุรกิจ ท่านใด บรรลุธรรมบ้างครับ?
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 676
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 140
บรรลุธรรมขั้นไหนครับ ถ้าขั้นเบื้องต้นก็มีมากมาย ขอยกตัวอย่างที่ผมรู้จัก เช่น นางสุชาดา นางวิสาขา อนาถบิณฑิกะเศรษฐี หมอชีวกโกมารภัจจ์ บิดา-มารดา-ภรรยาของพระยสะ เป็นต้น และที่ไม่ปรากฎนามมีอีกเป็นจำนวนมากครับNevercry.boy เขียน:ขอถามทุกท่านครับ
ในสมัยพุทธกาลหรือหลังจากนั้น มี ฆราวาส หรือ อุบาสก หรือ อุบาสิกา พ่อค้าวานิช หรือ นักธุรกิจ ท่านใด บรรลุธรรมบ้างครับ?
ส่วนหลังจากพุทธกาลก็มีมาก แต่ไม่สามารถระบุได้ ถือว่าเป็นการอวดอุตริ มีเพียงพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าใครบรรลุธรรมถึงขั้นไหนเท่านั้นครับ
สติปัฎฐาน 4
กาย เวทนา จิต ธรรม
กาย เวทนา จิต ธรรม
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 676
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 141
ถูกตามคุณ Dech ครับ ทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็เหมือนทำทั้งสี่ แต่ในบางขณะเรายังมีอารมณ์เบื่อ หรือรู้จิตในจิตไม่ชัดแจ้ง (หาไม่เจอ) ก็ให้เปลี่ยนมาพิจารณาในอีก 3 หมวดที่เหลือที่ชัดเจนกว่าบ้างครับDech เขียน:อ่านแล้ว คุณ f.escape น่าจะเหมาะกับการพิจารณาแบบจิตในจิตนะครับf.escape เขียน:เวลาคนอื่นว่าเรา เขาว่าเพียงครั้งเดียว
แต่เวลาเราคิดถึงขึ้นมาแล้วโกรธ มันเป็นสิบๆครั้ง
ถ้าเคยหัดดูจิตตัวเองบ่อยๆ จะเห็นมันโกรธเอง มันไม่ได้ตั้งใจจะโกรธ
มันบังคับไม่ให้โกรธไม่ได้ เพราะความจริงมันเป็นอย่างนั้น
เคยกำลังจะโกรธลูกแล้วมันเห็น มันก็หายไปเลย ปากที่กำลังจะพูดมันก็หยุดไปเลย
มันแปลกสำหรับตัวเองที่ว่า ความรู้สึกที่เห็นมันยังไม่ใช่ความโกรธ มันเป็นอะไรที่ก่อนจะโกรธด้วยซ้ำ
หนึ่งในสติปัฏฐานสี่ ไม่ต้องทำทั้งสี่อย่างหรอกครับ ทำอันเดียวเนี้ยแหละพอแล้วครับ
ขออ้างอิงที่ผมเคย Post ไว้ในอีกกระทู้หนึ่งในนี้ จากหนังสือหายใจให้เป็นสุข สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน หน้า 54 เกี่ยวกับสติปัฎฐาน 4 ดังนี้
"...คือ ตั้งสติกำหนดดูกาย ยกเอากายคือลมหายใจเข้าออกนี่เป็นที่ตั้ง แล้วอีก 3 ข้อก็จะรวมเข้ามาเอง (กาย เวทนา จิต ธรรม) เพราะว่าเป็นก้อนเดียวกัน เหมือนอย่างเก้าอี้ที่มีสี่ขา ในการจะยกเก้าอี้นั้น ยกขึ้นเพียงขาเดียว อันหมายความว่า เก้าอี้ที่พอจะยกได้ด้วยมือข้างเดียว จับที่ขาเดียวยกขึ้นมา อีก 3 ขาก็ติดขึ้นมาด้วย เป็นเก้าอี้ทั้งหมด คือเป็นอันว่ายกเก้าอี้ทั้งหมด"
สติปัฎฐาน 4
กาย เวทนา จิต ธรรม
กาย เวทนา จิต ธรรม
-
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 142
เยอะแยะเลยค่ะ อย่างท่านพาหิยะที่ถูกวัวขวิดตายก็บรรลุพระอรหันต์ตอนยังไม่ได้บวชNevercry.boy เขียน:ขอถามทุกท่านครับ
ในสมัยพุทธกาลหรือหลังจากนั้น มี ฆราวาส หรือ อุบาสก หรือ อุบาสิกา พ่อค้าวานิช หรือ นักธุรกิจ ท่านใด บรรลุธรรมบ้างครับ?
อันนี้เป็นประวัติการบรรลุธรรมของพระอรหันต์ อ.สุเทพบรรยายดีมากค่ะ
http://www.bodhiyalai.org/index.php?opt ... 6-05-11-09
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4940
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 143
ผมว่าพี่ Nevercry.boy อย่างรู้เพิ่มว่า ท่านเหล่าปฏิบัติธรรมกันอย่างไรครับPekko เขียน:บรรลุธรรมขั้นไหนครับ ถ้าขั้นเบื้องต้นก็มีมากมาย ขอยกตัวอย่างที่ผมรู้จัก เช่น นางสุชาดา นางวิสาขา อนาถบิณฑิกะเศรษฐี หมอชีวกโกมารภัจจ์ บิดา-มารดา-ภรรยาของพระยสะ เป็นต้น และที่ไม่ปรากฎนามมีอีกเป็นจำนวนมากครับNevercry.boy เขียน:ขอถามทุกท่านครับ
ในสมัยพุทธกาลหรือหลังจากนั้น มี ฆราวาส หรือ อุบาสก หรือ อุบาสิกา พ่อค้าวานิช หรือ นักธุรกิจ ท่านใด บรรลุธรรมบ้างครับ?
ส่วนหลังจากพุทธกาลก็มีมาก แต่ไม่สามารถระบุได้ ถือว่าเป็นการอวดอุตริ มีเพียงพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าใครบรรลุธรรมถึงขั้นไหนเท่านั้นครับ
แล้วการอวดอุตรินี่คืออวดยังไงครับ
ผมว่าพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้รู้องค์เดียวนะครับ ว่าใครบรรลุธรรมบ้าง
มาช่วยถามครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
- Nanjeng
- Verified User
- โพสต์: 102
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 144
ถ้าปรารถนาตั้งแต่ชั้นโสดาบันขึ้นไป ต้องลงทุนหน่อยคือปฏิบัติในรูปแบบทำให้มาก เจริญให้มาก
แล้วปฏิบัติในรูปแบบคืออะไร คือเดินจงกรม นั่งสมาธิ หรือแนวไหนก็ได้ที่ถูกกับจริตนิสัยของตน ทั้งตอนก่อนนอนและตอนเช้าตรู่
คือปฏิบัติธรรมให้เป็นกิจลักษณะไปเลย มีความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว เพียรพยายาม วิริยะอุตสาหะ
ถ้าไม่ทำให้มากแล้วหรือทำบ้างไม่ทำบ้าง สมบัติชั้นโสดาบันขึ้นไปก็หวังผลได้ยากขึ้น
เพราะเหตุดี ผลจึงดี
เพราะเหตุพอประมาณ ผลก็พอประมาณ
เพราะเหตุไม่ดี ผลก็จึงไม่ดี
ส่วนเรื่องการปฏิบัติกรรมฐานแนวไหนถูกจริตนิสัยของตนนั้น ให้ดูที่
1.ถ้าทำแล้วสบายกาย สบายใจ
2.ทำแล้วจิตรวมเป็นสมาธิได้เร็ว
3.ไม่อึดอัด ขัดข้องใจ ผ่อนคลาย ฯ
แต่ถ้ากรรมฐานใดที่เราปฏิบัติแล้วเกิดผลตรงกันข้ามแสดงว่า ไม่ถูกจริตนิสัยของเราเข้าแล้ว
เพราะแต่ละคนมีของเดิมหรือของที่เคยทำไม่เหมือนกัน
ส่วนเรื่องการรู้ว่าใครอยู่ชั้นใดนั้น พระอริยเจ้าที่ภูมิธรรมสูงกว่าจะรู้ว่าใครบรรลุชั้นใดในระดับที่เท่ากันหรือระดับที่รองลงมา เช่น
พระอรหันต์ ก็จะสามารถรู้ได้ว่าใคร บรรลุโสดาบัน สกทาคามี อนาคนมี หรืออรหันต์ด้วยกัน
แต่โสดาบันจะไม่รู้ในระดับที่สูงกว่าตนขึ้นไป
ขออโหสิกรรมถ้าคลาดเคลื่อนประการใด
แล้วปฏิบัติในรูปแบบคืออะไร คือเดินจงกรม นั่งสมาธิ หรือแนวไหนก็ได้ที่ถูกกับจริตนิสัยของตน ทั้งตอนก่อนนอนและตอนเช้าตรู่
คือปฏิบัติธรรมให้เป็นกิจลักษณะไปเลย มีความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว เพียรพยายาม วิริยะอุตสาหะ
ถ้าไม่ทำให้มากแล้วหรือทำบ้างไม่ทำบ้าง สมบัติชั้นโสดาบันขึ้นไปก็หวังผลได้ยากขึ้น
เพราะเหตุดี ผลจึงดี
เพราะเหตุพอประมาณ ผลก็พอประมาณ
เพราะเหตุไม่ดี ผลก็จึงไม่ดี
ส่วนเรื่องการปฏิบัติกรรมฐานแนวไหนถูกจริตนิสัยของตนนั้น ให้ดูที่
1.ถ้าทำแล้วสบายกาย สบายใจ
2.ทำแล้วจิตรวมเป็นสมาธิได้เร็ว
3.ไม่อึดอัด ขัดข้องใจ ผ่อนคลาย ฯ
แต่ถ้ากรรมฐานใดที่เราปฏิบัติแล้วเกิดผลตรงกันข้ามแสดงว่า ไม่ถูกจริตนิสัยของเราเข้าแล้ว
เพราะแต่ละคนมีของเดิมหรือของที่เคยทำไม่เหมือนกัน
ส่วนเรื่องการรู้ว่าใครอยู่ชั้นใดนั้น พระอริยเจ้าที่ภูมิธรรมสูงกว่าจะรู้ว่าใครบรรลุชั้นใดในระดับที่เท่ากันหรือระดับที่รองลงมา เช่น
พระอรหันต์ ก็จะสามารถรู้ได้ว่าใคร บรรลุโสดาบัน สกทาคามี อนาคนมี หรืออรหันต์ด้วยกัน
แต่โสดาบันจะไม่รู้ในระดับที่สูงกว่าตนขึ้นไป
ขออโหสิกรรมถ้าคลาดเคลื่อนประการใด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 676
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 145
มีพุทธบัญญัติไว้ครับ ห้ามอวดอ้าง ส่วนบุคคลใดถึงขั้นไหน บุคคลนั้นจะรู้เองหรือเหล่าหมู่เพื่อนที่ปฏิบัติก็จะรู้เงียบๆเอง มิได้หมายความพระพุทธเจ้าจะรู้เพียงพระองค์เดียว แต่จะการบอกกล่าวว่าใครถึงขั้นใดนั้น พระพุทธองค์สามารถบอกกล่าวได้เพียงผู้เดียวครับDech เขียน:ผมว่าพี่ Nevercry.boy อย่างรู้เพิ่มว่า ท่านเหล่าปฏิบัติธรรมกันอย่างไรครับPekko เขียน:บรรลุธรรมขั้นไหนครับ ถ้าขั้นเบื้องต้นก็มีมากมาย ขอยกตัวอย่างที่ผมรู้จัก เช่น นางสุชาดา นางวิสาขา อนาถบิณฑิกะเศรษฐี หมอชีวกโกมารภัจจ์ บิดา-มารดา-ภรรยาของพระยสะ เป็นต้น และที่ไม่ปรากฎนามมีอีกเป็นจำนวนมากครับNevercry.boy เขียน:ขอถามทุกท่านครับ
ในสมัยพุทธกาลหรือหลังจากนั้น มี ฆราวาส หรือ อุบาสก หรือ อุบาสิกา พ่อค้าวานิช หรือ นักธุรกิจ ท่านใด บรรลุธรรมบ้างครับ?
ส่วนหลังจากพุทธกาลก็มีมาก แต่ไม่สามารถระบุได้ ถือว่าเป็นการอวดอุตริ มีเพียงพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าใครบรรลุธรรมถึงขั้นไหนเท่านั้นครับ
แล้วการอวดอุตรินี่คืออวดยังไงครับ
ผมว่าพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้รู้องค์เดียวนะครับ ว่าใครบรรลุธรรมบ้าง
มาช่วยถามครับ
สติปัฎฐาน 4
กาย เวทนา จิต ธรรม
กาย เวทนา จิต ธรรม
-
- Verified User
- โพสต์: 874
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 146
ขออนุญาติแจมแบบคน"ยังไม่รู้อะไร"(อวิชชา)นะครับ
อ่านๆดูผมแบ่งเอาเองว่า เรากำลังพูดถึง
1. โลกียะธรรม ความจริงทางโลก
2. โลกุตรธรรม ความจริงเหนือโลก
บางท่านมีความเห็นว่าเป็นเรื่องคนละทาง
ถึงเวลาต้องเลือกอย่างไดอย่างหนึ่ง
บางท่านก็เห็นว่า ทำไปด้วยกันได้
ผมเลยมั่วๆมายำใส่กันซะเลย ว่ามันเป็นขั้นตอน(มั้ง)
เช่น สังเกตว่า ความอยากตอนแรกๆมักเป็น
1.ปัจจัยสี่ 4อย่าง
2.ได้ข้อ1.ต่อมาเหลือ3 กิน กาม เกียรติ
(money sex power)
3.ได้ข้อ2.ต่อมาเหลือ2( bimodal)
อิสรถาพ กะ ความรับผิดชอบ
ประมาณ ได้มาสมอยากแล้วก็เบื่อ อยากเป็นอิสระ ไม่เอาแล้ว
ทั้งตำแหน่ง เงิน ผอร์ทสามคอมม่า ครอบครัว ๆลๆ
คือ เบื่อๆอยากๆ
4.ก็เลยอยากพ้นจาก3 คือ
ไม่เอาอะไรแล้ว (ไม่ได้ ไม่มี ไม่เป็น)
หลุดโลก พ้นโลก ไม่เกิด พบพระเจ้า ๆลๆ
บางท่านลัดไป4.(โลกุตระ)เลย
เพราะเห็น1.2.3.(โลกียะ)ของคนอื่น ตัวเอง
แล้วงั้นๆ ไม่เอาละ เสียเวลา
บางท่านก็..ซักทีให้รู้ว่ามันเป็นไง โลกๆเนี่ย
ส่วนผม..เฮ้อ..ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเอา รึไม่เอา
รู้เมื่อไร ก็อาจหายไปเลยนะครับ
แบบหลายๆท่านที่เคยผ่านมา และผ่านไป แบบเงียบๆ
และแบบทิ้งรอย ชี้ทาง และทำให้ดูให้เดินตาม
ขอขมาและขอบพระคุณทุกๆท่านครับ
อ่านๆดูผมแบ่งเอาเองว่า เรากำลังพูดถึง
1. โลกียะธรรม ความจริงทางโลก
2. โลกุตรธรรม ความจริงเหนือโลก
บางท่านมีความเห็นว่าเป็นเรื่องคนละทาง
ถึงเวลาต้องเลือกอย่างไดอย่างหนึ่ง
บางท่านก็เห็นว่า ทำไปด้วยกันได้
ผมเลยมั่วๆมายำใส่กันซะเลย ว่ามันเป็นขั้นตอน(มั้ง)
เช่น สังเกตว่า ความอยากตอนแรกๆมักเป็น
1.ปัจจัยสี่ 4อย่าง
2.ได้ข้อ1.ต่อมาเหลือ3 กิน กาม เกียรติ
(money sex power)
3.ได้ข้อ2.ต่อมาเหลือ2( bimodal)
อิสรถาพ กะ ความรับผิดชอบ
ประมาณ ได้มาสมอยากแล้วก็เบื่อ อยากเป็นอิสระ ไม่เอาแล้ว
ทั้งตำแหน่ง เงิน ผอร์ทสามคอมม่า ครอบครัว ๆลๆ
คือ เบื่อๆอยากๆ
4.ก็เลยอยากพ้นจาก3 คือ
ไม่เอาอะไรแล้ว (ไม่ได้ ไม่มี ไม่เป็น)
หลุดโลก พ้นโลก ไม่เกิด พบพระเจ้า ๆลๆ
บางท่านลัดไป4.(โลกุตระ)เลย
เพราะเห็น1.2.3.(โลกียะ)ของคนอื่น ตัวเอง
แล้วงั้นๆ ไม่เอาละ เสียเวลา
บางท่านก็..ซักทีให้รู้ว่ามันเป็นไง โลกๆเนี่ย
ส่วนผม..เฮ้อ..ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเอา รึไม่เอา
รู้เมื่อไร ก็อาจหายไปเลยนะครับ
แบบหลายๆท่านที่เคยผ่านมา และผ่านไป แบบเงียบๆ
และแบบทิ้งรอย ชี้ทาง และทำให้ดูให้เดินตาม
ขอขมาและขอบพระคุณทุกๆท่านครับ
samatah
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4940
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 147
ตัวอย่างการรู้ลมหายใจ ที่ผมทำอยู่
ทำตอนสวดมนต์นะครับ กรณีบทสวดมนต์ทำวัตรเช้า กรณีไม่แปล
ให้รู้ตัวแล้วหายใจเข้าออก เข้าออก เข้าออกแรงๆลึกๆ ให้สบายๆ สักสองสามเที่ยว
แล้วค่อยๆ หายใจเข้าออก ให้เบาลงเบาลง สักสี่ห้าเที่ยว ให้สบายๆ ก็แล้วแต่ว่ารู้สึกสบายตอนไหน
หลังจากนั้นก็เริ่มสวดมนต์ ไหว้พระ
คำบูชาพระรัตนตรัย
หายใจเข้า
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
หายใจเข้า
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
หายใจเข้า
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ)
คำทำวัตรเช้า
ปุพพภาคนมการ
หายใจเข้า
(นำ) (หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง
กะโรมะ เส)
หายใจเข้า
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ ครั้ง)
๑. พุทธาภิถุติ
หายใจเข้า
(นำ) (หันทะ มะยัง พุทธาภิถุติง กะโรมะ เส)
หายใจเข้า
โย โส ตะถาคะโต อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
หายใจเข้า
อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ
สัตถา เทวะมะนุสสานัง
พุทโธ ภะคะวา
หายใจเข้า
โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพรัหมะกัง,
สัสสะมะณะ พราหมะณัง ปะชัง สะเทวะมะนุสสัง สะยัง อะภิญูญูา
สัจฉิกัตวา ปะเวเทสิ
หายใจเข้า
โย ธัมมัง เทเสสิ
อาทิกัลยาณัง
มัชเฌกัลยาณัง
ปะริโยสานะกัลยาณัง
สาตถัง สะพยัญูชะนัง เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง พรัหมะจะริยัง
ปะกาเสสิ
หายใจเข้า
ตะมะหัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ
ตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ
(กราบระลึกพระพุทธคุณ)
แล้วก็ทำต่อไป คล้ายๆ อย่างนี้จนจบคำทำวัตรเช้า วัตรเย็น หรือจะสวดอะไรก็ตามสะดวกครับ
หรือใครจะแบ่งท่อนหายใจใหม่ แบบอื่นๆ ก็ตามสะดวกที่จะหายใจของแต่ละคนนะครับ
จะหายใจเร็วหายใจช้าหรือจะสวดเร็วหรือช้า
ก็ตามสะดวกเหมือนกันครับ เอาให้รู้สึกสบายเป็นอันใช้ได้
แต่ประเด็นสำคัญหรือให้รู้ตัวทุกครั้งขณะหายใจเข้า
แล้วถ้าสงสัยว่าหายใจออกตอนไหน ก็ตอนระหว่างที่สวดนั้นแหละครับ
ทำตอนสวดมนต์นะครับ กรณีบทสวดมนต์ทำวัตรเช้า กรณีไม่แปล
ให้รู้ตัวแล้วหายใจเข้าออก เข้าออก เข้าออกแรงๆลึกๆ ให้สบายๆ สักสองสามเที่ยว
แล้วค่อยๆ หายใจเข้าออก ให้เบาลงเบาลง สักสี่ห้าเที่ยว ให้สบายๆ ก็แล้วแต่ว่ารู้สึกสบายตอนไหน
หลังจากนั้นก็เริ่มสวดมนต์ ไหว้พระ
คำบูชาพระรัตนตรัย
หายใจเข้า
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
หายใจเข้า
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
หายใจเข้า
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ)
คำทำวัตรเช้า
ปุพพภาคนมการ
หายใจเข้า
(นำ) (หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง
กะโรมะ เส)
หายใจเข้า
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ ครั้ง)
๑. พุทธาภิถุติ
หายใจเข้า
(นำ) (หันทะ มะยัง พุทธาภิถุติง กะโรมะ เส)
หายใจเข้า
โย โส ตะถาคะโต อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
หายใจเข้า
อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ
สัตถา เทวะมะนุสสานัง
พุทโธ ภะคะวา
หายใจเข้า
โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพรัหมะกัง,
สัสสะมะณะ พราหมะณัง ปะชัง สะเทวะมะนุสสัง สะยัง อะภิญูญูา
สัจฉิกัตวา ปะเวเทสิ
หายใจเข้า
โย ธัมมัง เทเสสิ
อาทิกัลยาณัง
มัชเฌกัลยาณัง
ปะริโยสานะกัลยาณัง
สาตถัง สะพยัญูชะนัง เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง พรัหมะจะริยัง
ปะกาเสสิ
หายใจเข้า
ตะมะหัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ
ตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ
(กราบระลึกพระพุทธคุณ)
แล้วก็ทำต่อไป คล้ายๆ อย่างนี้จนจบคำทำวัตรเช้า วัตรเย็น หรือจะสวดอะไรก็ตามสะดวกครับ
หรือใครจะแบ่งท่อนหายใจใหม่ แบบอื่นๆ ก็ตามสะดวกที่จะหายใจของแต่ละคนนะครับ
จะหายใจเร็วหายใจช้าหรือจะสวดเร็วหรือช้า
ก็ตามสะดวกเหมือนกันครับ เอาให้รู้สึกสบายเป็นอันใช้ได้
แต่ประเด็นสำคัญหรือให้รู้ตัวทุกครั้งขณะหายใจเข้า
แล้วถ้าสงสัยว่าหายใจออกตอนไหน ก็ตอนระหว่างที่สวดนั้นแหละครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4940
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 148
ข้อมูลเพิ่มเติม จากคนที่พึ่งมาเป็นสนใจทางพุทธได้ 15 ปี ดร.วรภัทร
http://www.thairath.co.th/content/life/345549
http://www.gotoknow.org/posts/253599
http://www.thairath.co.th/content/life/345549
http://www.gotoknow.org/posts/253599
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 149
เฟส ของ อาจารย์ครับDech เขียน:ข้อมูลเพิ่มเติม จากคนที่พึ่งมาเป็นสนใจทางพุทธได้ 15 ปี ดร.วรภัทร
http://www.thairath.co.th/content/life/345549
http://www.gotoknow.org/posts/253599
https://www.facebook.com/woraphatFC
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 63
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 150
ขอแชร์ด้วยนะครับ
ผมเชื่อเรื่องธรรมะมากๆ คือ ผมเชื่อว่า ธรรมะ คือ ธรรมชาติ
คราวนี้ธรรมชาติ มองในแง่ตรรกะขึ้นมาอีกนิดก็คือ เหตุและผล
ทุกสิ่งอย่างในโลกย่อมมีเหตุและผล แต่เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกอณูของเหตุและผล
ธรรมะเราพึงกระทำได้ตามปัญญาที่ตนมี หาทำเกินปัญญาที่เข้าใจได้แล้วท่านจะอิ่มกับธรรมะหรือ?
และการตีความผิดเนื่องจากปัญญาที่ยังไม่ถึงหล่ะ? เราควรทำหรือไม่??? ทำทำไม?
ผมเชื่อว่าคนเราเจตนาดี ต่อให้ทำแล้วผิด นั่นก็ยังเป็นความดี แต่... in detail??
มีแต่ตัวเราที่รู้ครับ ว่าเราเจตนาดีจริงหรือไม่ และ ผลลัพธ์ที่ผิด ผิดเพราะเรารอบคอบดีแล้วหรือยัง
ระดับจิตของเราปล่อยวางได้เพียงใด สิ่งเหล่านี้คือตัวชี้ขาด ปรับสมดุล ให้จิตของเรานิ่ง และมั่นคง
ผมเคยเข้าคอร์ส HOAI ผมชอบมากเช่นกัน เราแบ่งการรับรู้ของเราเป็น 3 แบบง่ายๆคือ
1) รู้ว่ารู้ 2)รู้ว่าไม่รู้ 3) ไม่รู้ว่าไม่รู้
คุณคิดว่าคุณเคยประสบแบบไหนบ่อยครั้งกว่ากัน อย่างไหนอันตราย?
---- คุณเตรียมพร้อมจะรับมือแค่ไหนเพียงไร ----
เช่นเดียวกับการลงทุน หากเราไม่เข้าใจธรรมชาติมัน เราก็จะไม่สามารถอยู่กับมัน
ในเมื่อหุ้นวิ่งเป็นกราฟยึกยักคล้ายคลื่นหัวใจ แล้วทำไม นลท. มักคาดหวังจะเห็นกราฟเป็นเส้นเอียงบ้าง ตรงบ้าง ไรบ้าง..
ผมเชื่อเรื่องธรรมะมากๆ คือ ผมเชื่อว่า ธรรมะ คือ ธรรมชาติ
คราวนี้ธรรมชาติ มองในแง่ตรรกะขึ้นมาอีกนิดก็คือ เหตุและผล
ทุกสิ่งอย่างในโลกย่อมมีเหตุและผล แต่เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกอณูของเหตุและผล
ธรรมะเราพึงกระทำได้ตามปัญญาที่ตนมี หาทำเกินปัญญาที่เข้าใจได้แล้วท่านจะอิ่มกับธรรมะหรือ?
และการตีความผิดเนื่องจากปัญญาที่ยังไม่ถึงหล่ะ? เราควรทำหรือไม่??? ทำทำไม?
ผมเชื่อว่าคนเราเจตนาดี ต่อให้ทำแล้วผิด นั่นก็ยังเป็นความดี แต่... in detail??
มีแต่ตัวเราที่รู้ครับ ว่าเราเจตนาดีจริงหรือไม่ และ ผลลัพธ์ที่ผิด ผิดเพราะเรารอบคอบดีแล้วหรือยัง
ระดับจิตของเราปล่อยวางได้เพียงใด สิ่งเหล่านี้คือตัวชี้ขาด ปรับสมดุล ให้จิตของเรานิ่ง และมั่นคง
ผมเคยเข้าคอร์ส HOAI ผมชอบมากเช่นกัน เราแบ่งการรับรู้ของเราเป็น 3 แบบง่ายๆคือ
1) รู้ว่ารู้ 2)รู้ว่าไม่รู้ 3) ไม่รู้ว่าไม่รู้
คุณคิดว่าคุณเคยประสบแบบไหนบ่อยครั้งกว่ากัน อย่างไหนอันตราย?
---- คุณเตรียมพร้อมจะรับมือแค่ไหนเพียงไร ----
เช่นเดียวกับการลงทุน หากเราไม่เข้าใจธรรมชาติมัน เราก็จะไม่สามารถอยู่กับมัน
ในเมื่อหุ้นวิ่งเป็นกราฟยึกยักคล้ายคลื่นหัวใจ แล้วทำไม นลท. มักคาดหวังจะเห็นกราฟเป็นเส้นเอียงบ้าง ตรงบ้าง ไรบ้าง..