เห็นอะไรมั้ย?
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 91
ข้อสังเกตุของผมคือ..
หากเราไม่อยู่ในกระแสการเมือง ที่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เราไม่ได้ใส่หัวโขน หน้ากากทางการเมือง
-เราจะ raise this topic หรือเปล่า
-เราจะเชื่อจริงๆหรือเปล่า ว่าเศรษกิจกำลังจะมีปัญหา เราต้องขายหุ้น กรณีเราไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้
-และหากเราเป็นฝ่ายที่ชอบรัฐบาล เราจะมองข้ามตัวเลขเหล่านี้ไปหรือเปล่า
ถ้าเราถอดหัวโขนทางการเมืองออก เราอาจจะไม่ได้คิดอย่างที่เราโพสต์ก็ได้ครับ
หากเราไม่อยู่ในกระแสการเมือง ที่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เราไม่ได้ใส่หัวโขน หน้ากากทางการเมือง
-เราจะ raise this topic หรือเปล่า
-เราจะเชื่อจริงๆหรือเปล่า ว่าเศรษกิจกำลังจะมีปัญหา เราต้องขายหุ้น กรณีเราไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้
-และหากเราเป็นฝ่ายที่ชอบรัฐบาล เราจะมองข้ามตัวเลขเหล่านี้ไปหรือเปล่า
ถ้าเราถอดหัวโขนทางการเมืองออก เราอาจจะไม่ได้คิดอย่างที่เราโพสต์ก็ได้ครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- Linzhi
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1522
- ผู้ติดตาม: 1
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 93
อยากรู้ครับว่าองค์ประกอบตัว Government consumption / CAPEX ของ G ใน GDP เนี่ย แค่ไหนถึงเรียกว่าเยอะเกินไปครับ มี benchmark เปรียบเทียบกับประเทศต่าง ๆ หรือ scenario ต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นมั๊ยครับ (เผื่อว่าจะเหมือนพี่ ๆ ในนี้ที่คาดการณ์สถานการณ์ก่อนต้มยำกุ้งได้)
ถ้าบอกว่าเยอะขึ้นปีนึงแล้วน่ากลัวเนี่ย ผมก็คิดว่าผมงงกับการสรุปแบบนี้ (ไม่ใช่จากคุณสุมาอี้หรือพี่ ๆ ในเวปนี้นะครับ คือจากนักวิชาการต่างๆในตอนนี้)
หรือผมอาจจะเขลาเองที่ไม่ทราบว่ามันแย่แค่ไหนครับ :(
ถ้าบอกว่าเยอะขึ้นปีนึงแล้วน่ากลัวเนี่ย ผมก็คิดว่าผมงงกับการสรุปแบบนี้ (ไม่ใช่จากคุณสุมาอี้หรือพี่ ๆ ในเวปนี้นะครับ คือจากนักวิชาการต่างๆในตอนนี้)
หรือผมอาจจะเขลาเองที่ไม่ทราบว่ามันแย่แค่ไหนครับ :(
- redvdox
- Verified User
- โพสต์: 94
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 94
ถึงตอนนี้จะไม่มีใครเชื่อเพราะเป็นตัวเลขแค่2ปี
แต่อย่างน้อยมันก็เริ่มแสดงอาการออกมาแล้วและมีแนวโน้มว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป แย่แน่ๆ
ที่คุณลูกอิสานพูดว่า
'3.การใช้จ่ายเหล่านี้ อยู่ในกรอบงบประมาณ หากรัฐหารายได้เพียงพอรายจ่าย เราจะไปกังวลทำไมกับตัวเลขเหล่านี้'
การที่รัฐขอเจรจายืดเวลาชำระหนี้ ธ.ออมสิน ออกไปก่อน5000ล้านบาท ถ้าไม่ใช่ ธ.ออมสิน จะเป็นยังไงลองนึกดู
ผมสงสารธนาคารนี้เพราะนโยบายประชานิยมอะไรที่มีโอกาสเกิดNPLสูงๆ ก็ไปโปะไว้ ธ.ออมสิน ถ้ามีหุ้นจิงผมคงไม่กล้าซื้อ
ตอนนี้แหละคับที่เรียกว่ารัฐหารายได้ไม่พอรายจ่ายเราถึงต้องมากังวล
ใครจะว่า'เห็นตัวเลขแค่นี้ก็คิดมากไป' แต่ตัวเลขที่เค้าปกปิดไว้ล่ะถ้าที่เห็นมันเป็นยอดเขาบนทะเลลึก ผมก็ขอเป็นคนนึงที่คิดมากละกัน
แต่อย่างน้อยมันก็เริ่มแสดงอาการออกมาแล้วและมีแนวโน้มว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป แย่แน่ๆ
ที่คุณลูกอิสานพูดว่า
'3.การใช้จ่ายเหล่านี้ อยู่ในกรอบงบประมาณ หากรัฐหารายได้เพียงพอรายจ่าย เราจะไปกังวลทำไมกับตัวเลขเหล่านี้'
การที่รัฐขอเจรจายืดเวลาชำระหนี้ ธ.ออมสิน ออกไปก่อน5000ล้านบาท ถ้าไม่ใช่ ธ.ออมสิน จะเป็นยังไงลองนึกดู
ผมสงสารธนาคารนี้เพราะนโยบายประชานิยมอะไรที่มีโอกาสเกิดNPLสูงๆ ก็ไปโปะไว้ ธ.ออมสิน ถ้ามีหุ้นจิงผมคงไม่กล้าซื้อ
ตอนนี้แหละคับที่เรียกว่ารัฐหารายได้ไม่พอรายจ่ายเราถึงต้องมากังวล
ใครจะว่า'เห็นตัวเลขแค่นี้ก็คิดมากไป' แต่ตัวเลขที่เค้าปกปิดไว้ล่ะถ้าที่เห็นมันเป็นยอดเขาบนทะเลลึก ผมก็ขอเป็นคนนึงที่คิดมากละกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 97
เหมือนคนบ่นเรื่องหุ้นปั่นเลย ตลท กลต ไม่เห็นทำอะไร ไม่เห็นมาอุ้มเรารายย่อยซะที
- เพื่อน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1832
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 98
คุณCK คุณสุมาอื้ ครับ
ไปแตะต้องคุณทักษิณเค้า....การวิเคราะห์ของคุณกลายเป็นNegativeทันทีเลยนะครับ ไม่ว่าจะวิเคราะห์ไปตามความคิดที่บริสุทธิ์หรือเพราะความห่วงใยอย่างไรก็ตาม
แต่ถ้าเป็นผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันครับ.... :lol:
ผมก็เคยแสดงความเห็นมานานแล้วเหมือนกันครับว่า มีข้อมูลว่าเงินที่นำไปคืนIMFได้อย่างรวดเร็วนั้น ได้มาจากการกู้+เงินคงคลัง(ทางIMFเค้าก็รู้ครับ..แตไม่อยากแทรกแทรง) เพื่อผลทางจิตวิทยา และก็ได้ผลในระยะแรกๆ ในที่สุด เงินที่กู้ก็ถึงเวลาที่จะต้องคืน มีไม่พอก็ต้องกู้ใหม่มาโปะของเก่าด้วยการเปิดกองทุน+ออกBondไปเรื่อยๆ ถึงตอนนี้ก็เริ่มมีแนวคิดที่จะขยายเวลาการคืนBondออกมาให้เห็นกันบ้างแล้ว....มีการแพลมเรื่องอาจจะต้องไปกู้IMFใหม่เนื่องมาจากม็อปทำให้เศรษฐกิจเสียหาย(เห็นนายกพูดตอนหาเสียงเต็มตาเลยครับ ไม่รู้ท่านคิดได้ยังไง....แต่ก็คงมีคนเชื่อท่านอยู่ดี)
ที่จริงผมว่าการที่รัฐจะมาช่วยแทรกแทรงระบบบ้างก็เป็นการดีครับ แต่ต้องเป็นเรื่องที่เหมาะสมและโปร่งใส สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ
เรื่องทางด้านสาธารณะสุข+Infrastructure การให้การศึกษาและเรื่องทางสังคมถือเป็นปัจจัยที่ต้องเร่งดำเนินการก่อนเรื่องอื่นๆ
เรื่องภาคการผลิตและการขายก็ต้องคอยช่วยบ้าง เช่นการช่วยเหลือในการลดต้นทุนการผลิต การหาช่องทางโอกาสต่างๆในการกระจายสินค้า การช่วยเหลือทางด้านการต่อรองราคาขายและการเปิดตลาดให้กับเอกชน
อย่างไรก็ตามเรื่องเหล่านี้ย่อมต้องมีค่าใช้จ่าย...ว่าแต่เท่าไหร่จึงจะพอดี ก็คงต้องเกิดจากการคาดการณ์ประมาณรายได้ว่าจะสามารถนำเข้ามาBalanceกับรายจ่ายได้ทัน หรือได้มากกว่ารายจ่าย ซึ่งเป็นหลักการง่ายๆ..... ทั้งนี้รายได้ที่คำนวณนี้ควรจะคิดจากรายได้จากภายนอกจากการส่งออกเป็นหลักจึงถือว่าเป็นรายได้ที่ก่อให้เกิดประโยชน์จริง ไม่ใช่รายได้จากการเก็บภาษีแล้วนำมาอัดลงไปในระบบโดยไม่ได้สนใจเปรียบเทียบรายได้จากการส่งออกกับการนำเข้า
แล้วเราก็เห็นว่าตัวเลขเปรียบเทียบในตอนนี้ออกมาแล้วเป็นอย่างไร(คาดว่าเค้าพยายามทำให้ดูดีที่สุดแล้วครับ)
ผมว่าดูจากตัวเลข ไม่ใช้อคติใดๆ ก็น่าจะพอมองออกกันแล้วครับ ว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่รีบแก้ใขวิธีการ
หลายคนอาจจะบอกว่าสาเหตุเป็นเพราะ สึนามิ+ใข้หวัดนก+น้ำมัน+ม็อป.....ยังไงก็แล้วแต่ ทุกประเทศก็เจอด้วยกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถ้าเป็นสาเหตุให้เค้าต้องลดการนำเข้า เราก็คงไม่ต่างจากเค้า เผลอๆเราได้ประโยชน์จากการเกษตรด้วยซ้ำ...
....เรื่องเหล่านี้ต้องมีการเตรียมรับมือไว้ระดับหนึ่งครับ ปีนี้อาจเจอแผ่นดินไหวรุนแรง+พายุเข้า+น้ำท่วมใหญ่+น้ำแล้ง+โรคระบาด....ต้องกันเงินสำรองไว้ส่วนหนึ่งเสมอครับ และพยายามเตรียมรับมือไว้ล่วงหน้าก่อนที่มันจะเกิดขึ้นอีก
ไปแตะต้องคุณทักษิณเค้า....การวิเคราะห์ของคุณกลายเป็นNegativeทันทีเลยนะครับ ไม่ว่าจะวิเคราะห์ไปตามความคิดที่บริสุทธิ์หรือเพราะความห่วงใยอย่างไรก็ตาม
แต่ถ้าเป็นผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันครับ.... :lol:
ผมก็เคยแสดงความเห็นมานานแล้วเหมือนกันครับว่า มีข้อมูลว่าเงินที่นำไปคืนIMFได้อย่างรวดเร็วนั้น ได้มาจากการกู้+เงินคงคลัง(ทางIMFเค้าก็รู้ครับ..แตไม่อยากแทรกแทรง) เพื่อผลทางจิตวิทยา และก็ได้ผลในระยะแรกๆ ในที่สุด เงินที่กู้ก็ถึงเวลาที่จะต้องคืน มีไม่พอก็ต้องกู้ใหม่มาโปะของเก่าด้วยการเปิดกองทุน+ออกBondไปเรื่อยๆ ถึงตอนนี้ก็เริ่มมีแนวคิดที่จะขยายเวลาการคืนBondออกมาให้เห็นกันบ้างแล้ว....มีการแพลมเรื่องอาจจะต้องไปกู้IMFใหม่เนื่องมาจากม็อปทำให้เศรษฐกิจเสียหาย(เห็นนายกพูดตอนหาเสียงเต็มตาเลยครับ ไม่รู้ท่านคิดได้ยังไง....แต่ก็คงมีคนเชื่อท่านอยู่ดี)
ที่จริงผมว่าการที่รัฐจะมาช่วยแทรกแทรงระบบบ้างก็เป็นการดีครับ แต่ต้องเป็นเรื่องที่เหมาะสมและโปร่งใส สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ
เรื่องทางด้านสาธารณะสุข+Infrastructure การให้การศึกษาและเรื่องทางสังคมถือเป็นปัจจัยที่ต้องเร่งดำเนินการก่อนเรื่องอื่นๆ
เรื่องภาคการผลิตและการขายก็ต้องคอยช่วยบ้าง เช่นการช่วยเหลือในการลดต้นทุนการผลิต การหาช่องทางโอกาสต่างๆในการกระจายสินค้า การช่วยเหลือทางด้านการต่อรองราคาขายและการเปิดตลาดให้กับเอกชน
อย่างไรก็ตามเรื่องเหล่านี้ย่อมต้องมีค่าใช้จ่าย...ว่าแต่เท่าไหร่จึงจะพอดี ก็คงต้องเกิดจากการคาดการณ์ประมาณรายได้ว่าจะสามารถนำเข้ามาBalanceกับรายจ่ายได้ทัน หรือได้มากกว่ารายจ่าย ซึ่งเป็นหลักการง่ายๆ..... ทั้งนี้รายได้ที่คำนวณนี้ควรจะคิดจากรายได้จากภายนอกจากการส่งออกเป็นหลักจึงถือว่าเป็นรายได้ที่ก่อให้เกิดประโยชน์จริง ไม่ใช่รายได้จากการเก็บภาษีแล้วนำมาอัดลงไปในระบบโดยไม่ได้สนใจเปรียบเทียบรายได้จากการส่งออกกับการนำเข้า
แล้วเราก็เห็นว่าตัวเลขเปรียบเทียบในตอนนี้ออกมาแล้วเป็นอย่างไร(คาดว่าเค้าพยายามทำให้ดูดีที่สุดแล้วครับ)
ผมว่าดูจากตัวเลข ไม่ใช้อคติใดๆ ก็น่าจะพอมองออกกันแล้วครับ ว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่รีบแก้ใขวิธีการ
หลายคนอาจจะบอกว่าสาเหตุเป็นเพราะ สึนามิ+ใข้หวัดนก+น้ำมัน+ม็อป.....ยังไงก็แล้วแต่ ทุกประเทศก็เจอด้วยกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถ้าเป็นสาเหตุให้เค้าต้องลดการนำเข้า เราก็คงไม่ต่างจากเค้า เผลอๆเราได้ประโยชน์จากการเกษตรด้วยซ้ำ...
....เรื่องเหล่านี้ต้องมีการเตรียมรับมือไว้ระดับหนึ่งครับ ปีนี้อาจเจอแผ่นดินไหวรุนแรง+พายุเข้า+น้ำท่วมใหญ่+น้ำแล้ง+โรคระบาด....ต้องกันเงินสำรองไว้ส่วนหนึ่งเสมอครับ และพยายามเตรียมรับมือไว้ล่วงหน้าก่อนที่มันจะเกิดขึ้นอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 857
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 99
รู้สึกเหมือนกับถูกบอกว่า เกลียดสนธิต้องรักทักษิณเลยครับเพื่อน เขียน:คุณCK คุณสุมาอื้ ครับ
ไปแตะต้องคุณทักษิณเค้า....การวิเคราะห์ของคุณกลายเป็นNegativeทันทีเลยนะครับ ไม่ว่าจะวิเคราะห์ไปตามความคิดที่บริสุทธิ์หรือเพราะความห่วงใยอย่างไรก็ตาม
แต่ถ้าเป็นผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันครับ.... :lol:
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 101
8) อย่าไปคิดแทนท่านซีเค หรือ ท่านแม่ทัพ เลยครับเพื่อน เขียน: คุณCK คุณสุมาอื้ ครับ
ไปแตะต้องคุณทักษิณเค้า....การวิเคราะห์ของคุณกลายเป็นNegativeทันทีเลยนะครับ ไม่ว่าจะวิเคราะห์ไปตามความคิดที่บริสุทธิ์หรือเพราะความห่วงใยอย่างไรก็ตาม
สองท่านนี้เค้าไม่ใช่คนทั่วๆไปจะเปรียบเทียบได้
หรอกครับ..........
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 102
ของแสดงความเห็น งูๆ ปลาๆ หน่อยครับ ไม่ได้จบเศรษฐศาสตร์ แต่คิดว่าพอถูไถได้
ผมว่า ไอ้ G นี่ที่ปีนี้รัฐเอาเต็มที่น่ะ มันจะทำให้เงินหมุนกี่รอบครับ ตอนนี้ เงินมันหมุนน้อยลงเปล่า เพราะผมไปต่างจังหวัด เห็น กองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ ผมว่าเงินมันหมุนน้อยลงนะ หมุนไปที่ไหนล่ะ เงินหายไปไหนหมด ทำไมรัฐถังแตก แล้ว รัฐจะกระตุ้น GDP โดยใช้ ตัวG เป็นตัวขับดัน ต่อไป จะเอาเงินที่ไหนมาใช้ครับ
ผมว่า ไอ้ G นี่ที่ปีนี้รัฐเอาเต็มที่น่ะ มันจะทำให้เงินหมุนกี่รอบครับ ตอนนี้ เงินมันหมุนน้อยลงเปล่า เพราะผมไปต่างจังหวัด เห็น กองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ ผมว่าเงินมันหมุนน้อยลงนะ หมุนไปที่ไหนล่ะ เงินหายไปไหนหมด ทำไมรัฐถังแตก แล้ว รัฐจะกระตุ้น GDP โดยใช้ ตัวG เป็นตัวขับดัน ต่อไป จะเอาเงินที่ไหนมาใช้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 103
เล่นแรงนะ :\/: :\/: :\/:เพื่อน เขียน:คุณCK คุณสุมาอื้ ครับ
ไปแตะต้องคุณทักษิณเค้า....การวิเคราะห์ของคุณกลายเป็นNegativeทันทีเลยนะครับ ไม่ว่าจะวิเคราะห์ไปตามความคิดที่บริสุทธิ์หรือเพราะความห่วงใยอย่างไรก็ตาม
แต่ถ้าเป็นผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันครับ.... :lol:
เปิดใจให้กว้างหน่อย อย่าชี้นำในเชิงว่า ใครไม่เห็นด้วยกะคุณ ต้องผิด ต้องแย่ไปหมด
คำพูดคุณนี่ฟังแล้ว เหมือนกะว่า
โถ อุตส่าห์มาโปรด....แล้ว ยังโง่งมงายอยู่ได้
ดิฉันขอบคุณนะคะ ในความคิดเห็นที่หวังดี ของคุณ (ของทุกๆท่านด้วย)
แต่ไม่ถูกนะ ที่คุณมากล่าวว่า คนที่คิดไม่ตรงกับคุณ เป็นคนมืดบอด
หัวใจของความเป็นเสรี อยู่ที่ไหน
ไม่แฟร์ :\/: :\/: :\/:
จบนะคุณเพื่อน จบค่ะ
และดิฉันจะไม่โต้ตอบใดใด กับคุณ โอเค๊
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 104
[quote="007-s"][quote="chatchai"]อะไรคือความแตกต่างระหว่าง
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 105
ข้อความส่วนบน
ดิฉันแสดงความเห็นส่วนตัว ของดิฉัน
.
.
.
ข้อความส่วนล่าง ดิฉันคุยกับคุณ ck (ต่อเนื่องมาจาก คห.ก่อนหน้า)
...แย้งเรื่อง ที่คุณ ck กล่าวว่า เรื่องชาวบ้านด่า รบ.เรื่องน้ำมันขึ้นราคาไม่มีอยู่จริง, คุณ ck ว่า ปชช.รับได้อยู่แล้ว ....ดิฉันก็เล่าให้ฟังว่า ชาวบ้านที่ด่า เรื่องนี้นั้น มีอยู่มากโขทีเดียว จากที่ดิฉันได้พบเจอ และได้ยินเต็มสองหู
...แสดงความเห็นเรื่อง แนวคิด หักดิบ เหมาะสมหรือไม่ กับสังคมไทย
และ แสดงความในใจ ที่ตนเองก็ต้องการ หักดิบ และเบื่อมาก กับระบบการอุ้ม
แต่ให้ความเห็นไว้ว่า แม้เราจะเบื่อเพียงใด และอยากหักดิบแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำได้ ตราบใด เรายังคงอยู่ในสังคม ที่ไม่สามารถ หักดิบ
และ ทั้งคห.ก่อนหน้านี้ ด้วย
ดิฉันได้แสดงทัศนะ เรื่อง การเลิกนิสัยพึ่งพาที่แท้จริง จึงจะนำไปสู่การลด ยกเลิก ระบบอุ้มชู ทั้งหลายได้
รัฐนั้นเป็นผล อันมาจาก ปวงชนส่วนใหญ่
ปวงชนส่วนใหญ่ ต้องการอยากเห็นอะไร รัฐจึงทำเช่นนั้น
การเปลี่ยนระบบวิธีการบริหาร จากรัฐ
ควรเปลี่ยนที่ ปวงชน
การเปลี่ยนปวงชน ย่อมทำได้ โดยเริ่มจาก ตัวเรา และแนะนำ ให้ไปสู่คนรอบข้าง
ทำอย่างไร ที่เขาจะไม่อยากร้องขอ ...
หนึ่ง...ต้องให้เขาเป็นอยู่ได้ อย่างที่ไม่จำเป็นต้องร้องขอ
และ/หรือ...สอง เปลี่ยนค่านิยม ความเชื่อ ในการที่ ผู้อ่อนแอ ต้องเพียรเฝ้าแต่ร้องขอ ต่อผู้ แข็งแกร่ง
ดังที่ยกตย.ไว้แล้ว ก่อนหน้า...
หากเรียกร้อง ไม่อยากเห็นการ คอรัปชั่น ไม่อยากเห็นระบบอุ้มชู...เช่น ลองเลิก ค่านิยม ที่จำเป็นต้อง พาลูกไป ฝากผู้ใหญ่ หรือ ใส่ซองใต้โต๊ะ เพียงเพื่อ ให้ลูก ได้เข้าเรียน ที่โรงเรียนเก๋ๆ ดังๆ เป็นต้น
และ/หรือ ...หากตนเองได้กระทำ การต่อต้าน ระบบอุ้มชู ดังกล่าวนั้นได้อยู่แล้ว...ก็ เริ่ม ดำเนินการขั้นถัดไป คือ แนะนำคนรอบข้าง ให้ทำตาม
เพราะหากปวงชนไม่ยอมเปลี่ยน เราก็เปลี่ยนรัฐ ไม่ได้
...อย่างดี แค่เปลี่ยนนายก เปลี่ยนพรรค หรือ จะเปลี่ยนชื่อเรียกระบอบการปกครองเลยก้ได้
แต่...สุดท้าย ก็จะได้ วิธีบริหาร และ การปกครองแบบเดิม ๆ
ดิฉันแสดงความเห็นส่วนตัว ของดิฉัน
.
.
.
ข้อความส่วนล่าง ดิฉันคุยกับคุณ ck (ต่อเนื่องมาจาก คห.ก่อนหน้า)
...แย้งเรื่อง ที่คุณ ck กล่าวว่า เรื่องชาวบ้านด่า รบ.เรื่องน้ำมันขึ้นราคาไม่มีอยู่จริง, คุณ ck ว่า ปชช.รับได้อยู่แล้ว ....ดิฉันก็เล่าให้ฟังว่า ชาวบ้านที่ด่า เรื่องนี้นั้น มีอยู่มากโขทีเดียว จากที่ดิฉันได้พบเจอ และได้ยินเต็มสองหู
...แสดงความเห็นเรื่อง แนวคิด หักดิบ เหมาะสมหรือไม่ กับสังคมไทย
และ แสดงความในใจ ที่ตนเองก็ต้องการ หักดิบ และเบื่อมาก กับระบบการอุ้ม
แต่ให้ความเห็นไว้ว่า แม้เราจะเบื่อเพียงใด และอยากหักดิบแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำได้ ตราบใด เรายังคงอยู่ในสังคม ที่ไม่สามารถ หักดิบ
และ ทั้งคห.ก่อนหน้านี้ ด้วย
ดิฉันได้แสดงทัศนะ เรื่อง การเลิกนิสัยพึ่งพาที่แท้จริง จึงจะนำไปสู่การลด ยกเลิก ระบบอุ้มชู ทั้งหลายได้
รัฐนั้นเป็นผล อันมาจาก ปวงชนส่วนใหญ่
ปวงชนส่วนใหญ่ ต้องการอยากเห็นอะไร รัฐจึงทำเช่นนั้น
การเปลี่ยนระบบวิธีการบริหาร จากรัฐ
ควรเปลี่ยนที่ ปวงชน
การเปลี่ยนปวงชน ย่อมทำได้ โดยเริ่มจาก ตัวเรา และแนะนำ ให้ไปสู่คนรอบข้าง
ทำอย่างไร ที่เขาจะไม่อยากร้องขอ ...
หนึ่ง...ต้องให้เขาเป็นอยู่ได้ อย่างที่ไม่จำเป็นต้องร้องขอ
และ/หรือ...สอง เปลี่ยนค่านิยม ความเชื่อ ในการที่ ผู้อ่อนแอ ต้องเพียรเฝ้าแต่ร้องขอ ต่อผู้ แข็งแกร่ง
ดังที่ยกตย.ไว้แล้ว ก่อนหน้า...
หากเรียกร้อง ไม่อยากเห็นการ คอรัปชั่น ไม่อยากเห็นระบบอุ้มชู...เช่น ลองเลิก ค่านิยม ที่จำเป็นต้อง พาลูกไป ฝากผู้ใหญ่ หรือ ใส่ซองใต้โต๊ะ เพียงเพื่อ ให้ลูก ได้เข้าเรียน ที่โรงเรียนเก๋ๆ ดังๆ เป็นต้น
และ/หรือ ...หากตนเองได้กระทำ การต่อต้าน ระบบอุ้มชู ดังกล่าวนั้นได้อยู่แล้ว...ก็ เริ่ม ดำเนินการขั้นถัดไป คือ แนะนำคนรอบข้าง ให้ทำตาม
เพราะหากปวงชนไม่ยอมเปลี่ยน เราก็เปลี่ยนรัฐ ไม่ได้
...อย่างดี แค่เปลี่ยนนายก เปลี่ยนพรรค หรือ จะเปลี่ยนชื่อเรียกระบอบการปกครองเลยก้ได้
แต่...สุดท้าย ก็จะได้ วิธีบริหาร และ การปกครองแบบเดิม ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 577
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 107
สนุกดีครับ กระทู้นี้
ถามคุณ 007-S ตอนต่อคิว นอกจากต่อว่าเขาแล้ว ก้ปล่อยให้เขาลัดคิวอย่างนั้นหรือเปล่าครับ?
คุณ chatchai ครับ ติดสินบนยาม นี้ เราควรทำอย่างไรครับถึงไม่ให้เกิดการติดสินบนยามอีก?
การผลักดัน เราเริ่มที่เราเองได้ แต่ เราจะขยายวงได้อย่างไร ทำอย่างไร
ใครคนใหนจะมาฟังเราคอยจำจี้จ้ำใช ห้ามโน่น ห้ามนี้ ญาติก็ไม่ใช่
ใครกัน ที่บอกปุ๊บ เสียงดัง ต้องมีคนฟัง
ใครกัน ที่เป็นตัวอย่างได้อย่างดี
เรามีแรงน้อย ก็ทำตามแรงที่มี ใครมีแรงมากก็ช่วยผลักได้มากหน่อย ...
แต่ยังไงก็ต้องช่วยกัน
และ เสริมว่า ไม่ใช่บอกว่า ก็ข้าพเจ้าออกแรงแล้ว ทำตามหน้าที่ก็หมดเรื่องแล้ว ...
...
เรื่องการเงิน ถามหน่อยครับ ว่าทำไมช่วงนี้ดอกเบี้ยขึ้น เพราะ อะไร
มันมีการส่งผลกันเป็นทอด ๆ
(เอาหัวโขนการเมืองออกเหมือนคุณลูกอิสานบอกด้วยนะครับ)
มาหาต้นตอสาเหตุของดอกเบี้ยที่ขึ้นดีมั้ยครับ
....
1. ทุกปีใช้พยุงครับ รายจ่ายของรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ของการเติบโตของ GDP การที่รัฐบาลไม่มีรายจ่ายเลย GDP บางส่วนจะหายไป และต้องชดเชยด้วยการผลิตภาคเอกชนที่ไม่ได้ป้อนให้รัฐบาล ส่วนปี 2004 ใช้จ่ายเรื่องอะไรบ้างครับ (การชดเชยราคาน้ำมันนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายของรัฐบาลหรือไม่ครับ และ เป็นการพยุงเศรษฐกิจหรือไม่ ... ถ้าไม่นับรวมว่าเป็นการพยุงเศรษฐกิจ นี้มันก็เหมือนกับการเล่นบัญชีนะครับ)
2. เมกะโปรเจคยังไม่ได้ทำเลยนะครับ ตลอด 5 ปีของการบริหาร ผมเรียกว่าใช้จ่ายกันแบบไม่มีประสิทธิภาพ ตอนนี้ต้องมาดูว่าจะต้องไปกู้เงินมาทำงานเมกะพวกนี้อีกเท่าไร (ยิ่งกู้ตอนร้อนเงิน ไม่รู้ดอกเบี้ยและเงื่อนไขเป็นอย่างไร และที่สำคัญสิ่งนี้เป็นหนี้สาธารณะ)
3. ใช่ครับอยู่ในกรอบงบประมาณขาดดุล (คือ รัฐบาลกู้มาใช้จ่าย ... จะสมดุลได้ตามเป้าที่วางไว้หรือเปล่านี้ชักไม่แน่ใจ)
4. ความสามารถในการแข่งขัน แย่ลง (ต้นทุนการจัดการแพงขึ้น และ คุณภาพคนทำงานของเราไม่ได้ดีขึ้นกว่าเก่าเท่าไรนัก) และที่สำคัญ ความขยันน้อยลง , คุณภาพชีวิตดีขึ้น แต่ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น คือ สัดส่วนรายได้ กับค่าใช้จ่ายแย่ลง อัตราเงินออมลดลง หมายความว่า ความเสียงด้านการเงินของแต่ละคนมากขึ้น (ไม่รู้ว่าตัวนี้จะรวมอยู่ในการประเมินด้านคุณภาพด้วยหรือเปล่า)
เหมือนสมการบัญชี บอกว่าทรัพสินย์ ของเรามากขึ้น แต่ที่มาของทรัพย์สินนั้นไม่ได้มาจากส่วนทุน แต่มาจากส่วนของหนี้สิน ส่งผลให้รายจ่ายมากขึ้น
ถ้าทรัพยสินย์ สามารถสร้างรายได้คุ้มกับรายจ่ายนี้ก็ดีไป แต่ถ้าทำให้รายจ่ายมากกว่าหนี้สิน นี้รอสักพัก น้ำลดตอก็จะผุด
****
เรื่องการใช้จ่ายของสิ่งที่คุ้มค่า และ เป็นตัวอย่างให้รัฐบาลได้อย่างดีที่สุดอย่างนึงก็คือ โครงการขยายอ่างเก็บน้ำที่กุยบุรี โดย พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่ท่านทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ในการนี้ด้วย
จะเห็นว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก สร้าง GDP ให้ประชาชนแถบนั้นได้อย่างมหาศาล คือ เพียงแค่ปีเดียวก็คุ้มทุนแล้ว
สิ่งนี้เป็นตัวอย่าง ที่ดีสำหรับทุกคนที่ได้มาเป็นรัฐบาลที่ต้องคิด และ ต้องเดินตามราอยพระบาทในเรื่องนี้
ไม่ใช่ลงทุนอย่าง CTX ...
****
ถามคุณ 007-S ตอนต่อคิว นอกจากต่อว่าเขาแล้ว ก้ปล่อยให้เขาลัดคิวอย่างนั้นหรือเปล่าครับ?
คุณ chatchai ครับ ติดสินบนยาม นี้ เราควรทำอย่างไรครับถึงไม่ให้เกิดการติดสินบนยามอีก?
การผลักดัน เราเริ่มที่เราเองได้ แต่ เราจะขยายวงได้อย่างไร ทำอย่างไร
ใครคนใหนจะมาฟังเราคอยจำจี้จ้ำใช ห้ามโน่น ห้ามนี้ ญาติก็ไม่ใช่
ใครกัน ที่บอกปุ๊บ เสียงดัง ต้องมีคนฟัง
ใครกัน ที่เป็นตัวอย่างได้อย่างดี
เรามีแรงน้อย ก็ทำตามแรงที่มี ใครมีแรงมากก็ช่วยผลักได้มากหน่อย ...
แต่ยังไงก็ต้องช่วยกัน
และ เสริมว่า ไม่ใช่บอกว่า ก็ข้าพเจ้าออกแรงแล้ว ทำตามหน้าที่ก็หมดเรื่องแล้ว ...
...
เรื่องการเงิน ถามหน่อยครับ ว่าทำไมช่วงนี้ดอกเบี้ยขึ้น เพราะ อะไร
มันมีการส่งผลกันเป็นทอด ๆ
(เอาหัวโขนการเมืองออกเหมือนคุณลูกอิสานบอกด้วยนะครับ)
มาหาต้นตอสาเหตุของดอกเบี้ยที่ขึ้นดีมั้ยครับ
....
ตอบคำถามตามความเห็นของผมลูกอิสาน เขียน:มุมมองด้านอื่นๆ ของตัวเลขที่นำมาอ้าง ผมได้โพสต์ไว้ในกระทู้แล้ว แต่ขอสรุปสั้นง่ายๆ อย่างนี้ครับ
1.รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศมาแล้วประมาณ 5 ปี แล้วทุกปีใช้จ่ายพยุงเศรษกิจอย่างนี้หรือเปล่า ถ้าใช่แสดงว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ก็ต้องถามว่าแล้วปี 2004 ละครับ ทำไมใช้จ่ายน้อย
2.การใช้จ่ายเหล่านี้ ผันผวนไปตามเมกะโปรเจคหรือเปล่า ซึ่งคงไม่สามารถสร้างกันได้ทุกปี ถ้าปีไหนมีการสร้าง ตัวเลขก็ต้องกระโดดขึ้นเป็นธรรมดา
3.การใช้จ่ายเหล่านี้ อยู่ในกรอบงบประมาณ หากรัฐหารายได้เพียงพอรายจ่าย เราจะไปกังวลทำไมกับตัวเลขเหล่านี้
4.การใช้จ่ายเหล่านี้เพื่อกระตุ้นเศรษกิจหรือสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ หรือสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนหรือเปล่า
1. ทุกปีใช้พยุงครับ รายจ่ายของรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ของการเติบโตของ GDP การที่รัฐบาลไม่มีรายจ่ายเลย GDP บางส่วนจะหายไป และต้องชดเชยด้วยการผลิตภาคเอกชนที่ไม่ได้ป้อนให้รัฐบาล ส่วนปี 2004 ใช้จ่ายเรื่องอะไรบ้างครับ (การชดเชยราคาน้ำมันนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายของรัฐบาลหรือไม่ครับ และ เป็นการพยุงเศรษฐกิจหรือไม่ ... ถ้าไม่นับรวมว่าเป็นการพยุงเศรษฐกิจ นี้มันก็เหมือนกับการเล่นบัญชีนะครับ)
2. เมกะโปรเจคยังไม่ได้ทำเลยนะครับ ตลอด 5 ปีของการบริหาร ผมเรียกว่าใช้จ่ายกันแบบไม่มีประสิทธิภาพ ตอนนี้ต้องมาดูว่าจะต้องไปกู้เงินมาทำงานเมกะพวกนี้อีกเท่าไร (ยิ่งกู้ตอนร้อนเงิน ไม่รู้ดอกเบี้ยและเงื่อนไขเป็นอย่างไร และที่สำคัญสิ่งนี้เป็นหนี้สาธารณะ)
3. ใช่ครับอยู่ในกรอบงบประมาณขาดดุล (คือ รัฐบาลกู้มาใช้จ่าย ... จะสมดุลได้ตามเป้าที่วางไว้หรือเปล่านี้ชักไม่แน่ใจ)
4. ความสามารถในการแข่งขัน แย่ลง (ต้นทุนการจัดการแพงขึ้น และ คุณภาพคนทำงานของเราไม่ได้ดีขึ้นกว่าเก่าเท่าไรนัก) และที่สำคัญ ความขยันน้อยลง , คุณภาพชีวิตดีขึ้น แต่ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น คือ สัดส่วนรายได้ กับค่าใช้จ่ายแย่ลง อัตราเงินออมลดลง หมายความว่า ความเสียงด้านการเงินของแต่ละคนมากขึ้น (ไม่รู้ว่าตัวนี้จะรวมอยู่ในการประเมินด้านคุณภาพด้วยหรือเปล่า)
เหมือนสมการบัญชี บอกว่าทรัพสินย์ ของเรามากขึ้น แต่ที่มาของทรัพย์สินนั้นไม่ได้มาจากส่วนทุน แต่มาจากส่วนของหนี้สิน ส่งผลให้รายจ่ายมากขึ้น
ถ้าทรัพยสินย์ สามารถสร้างรายได้คุ้มกับรายจ่ายนี้ก็ดีไป แต่ถ้าทำให้รายจ่ายมากกว่าหนี้สิน นี้รอสักพัก น้ำลดตอก็จะผุด
****
เรื่องการใช้จ่ายของสิ่งที่คุ้มค่า และ เป็นตัวอย่างให้รัฐบาลได้อย่างดีที่สุดอย่างนึงก็คือ โครงการขยายอ่างเก็บน้ำที่กุยบุรี โดย พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่ท่านทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ในการนี้ด้วย
จะเห็นว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก สร้าง GDP ให้ประชาชนแถบนั้นได้อย่างมหาศาล คือ เพียงแค่ปีเดียวก็คุ้มทุนแล้ว
สิ่งนี้เป็นตัวอย่าง ที่ดีสำหรับทุกคนที่ได้มาเป็นรัฐบาลที่ต้องคิด และ ต้องเดินตามราอยพระบาทในเรื่องนี้
ไม่ใช่ลงทุนอย่าง CTX ...
****
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 108
1. อัตราดอกเบี้ยแท้จริงติดลบShexShy เขียน:เรื่องการเงิน ถามหน่อยครับ ว่าทำไมช่วงนี้ดอกเบี้ยขึ้น เพราะ อะไร
มันมีการส่งผลกันเป็นทอด ๆ
(เอาหัวโขนการเมืองออกเหมือนคุณลูกอิสานบอกด้วยนะครับ)
มาหาต้นตอสาเหตุของดอกเบี้ยที่ขึ้นดีมั้ยครับ
2. อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 312
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 110
สงคมไทยมีความเป็นสังคมอุปถัมป์แข็งแกร่งมากๆ ถือพรรคถือพวก ถือสายสัมพันธ์ แล้วตามด้วยถือฐานะ
ประสพการณ์ที่ผมเจอจังๆกับตัวเอง ครั้งหนึ่งต้องเข้ารพ.รัฐ อุตสาห์ไปจองคิวตั้งแต่หกโมงเช้าได้ตรวจเกือบสิบโมง กลับมาเล่าให้เพื่อนสนิทซึ่งมีภรรยาเป็นพยาบาลอยู่ที่รพ.นี้(ผมก็รู้จักเพื่อนๆเขาหลายคน)ฟัง เพื่อนมันด่าผมว่าทำไมไม่ไปหาน้องๆเขาให้ช่วยลัดคิวให้ ม..มาคบกับพวกเขาทำไม ซวยเลยกลายเป็นแกะดำไป
ประสพการณ์ที่ผมเจอจังๆกับตัวเอง ครั้งหนึ่งต้องเข้ารพ.รัฐ อุตสาห์ไปจองคิวตั้งแต่หกโมงเช้าได้ตรวจเกือบสิบโมง กลับมาเล่าให้เพื่อนสนิทซึ่งมีภรรยาเป็นพยาบาลอยู่ที่รพ.นี้(ผมก็รู้จักเพื่อนๆเขาหลายคน)ฟัง เพื่อนมันด่าผมว่าทำไมไม่ไปหาน้องๆเขาให้ช่วยลัดคิวให้ ม..มาคบกับพวกเขาทำไม ซวยเลยกลายเป็นแกะดำไป
การทำอะไรแบบเดิมๆเป็นเวลานานๆทำให้ชีวิตเสียหาย
-
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 111
สงสัยจะได้กระทู้ประวัติศาสตร์ทาบรัศมี "ตระแกรงร่อนหุ้น" 8)
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 112
ค่ะ แน่นอนได้กดดันเจ๊ แกไป พอท้วมๆ แต่การที่แก ไม่ยอมฟัง และยังจะใช้หลักเสียบ ก็มิสามารถ ทำไรเจ๊ได้ ...เพราะห้างมิได้มีกฏ เขียนไว้ที่หน้าห้องน้ำ ว่าต้องต่อคิว ...ไม่เช่นนั้น ดิฉันคง เดินไปหายาม หากมีกฏกำหนดไว้ดังกล่าว ....คุณไม่ต้องกังวล และแคลงใจดิฉันในข้อนี้ :lol:ShexShy เขียน:
ถามคุณ 007-S ตอนต่อคิว นอกจากต่อว่าเขาแล้ว ก้ปล่อยให้เขาลัดคิวอย่างนั้นหรือเปล่าครับ?
และ จากกรณีนี้ ดิฉันไม่คิดแค่ว่า การที่กดดันเจ๊ไม่สำเร็จ จะเป็นความล้มเหลว
เพราะ จากคำพูดของเจ๊เอง ก็บอกอยู่แล้วค่ะว่า แกทราบ ว่า ในเขตเมืองชั้นใน มีกระแสนิยม การต่อคิวห้องน้ำ และ จากคำพูดแกอีกเช่นกัน ที่บอกให้ดิฉันทราบว่า เมื่อใดที่เจ๊เข้าเมือง ...เจ๊ยอมที่จะต่อคิว ..เพียงแต่ แกยังไม่พร้อม ที่จะนับถือการต่อคิว ในขณะที่ อยู่เขตเมืองชั้นนอก
ดังนั้น ...เจ๊ทราบแล้วว่า กระแสมารยาทการต่อคิว เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่เจ๊ยังเห็นว่าเป็นแต่ในวงจำกัด ...เจ๊เลยยังไม่คิดจะหักดิบ ในทันที
และอย่างน้อย การที่มีกลุ่มดิฉัน ทดลอง ทำตย.ให้เจ๊ดู (ซึ่งอาจจะไม่ใช่กลุ่มแรกที่เคยทำก็ได้)
ก็หวังว่า ...เจ๊ จะนำกลับไปขบคิด ...หรือ คนอื่นที่นอกเหนือจากเจ๊ ในห้องน้ำวันนั้น ...อาจจะนำกลับไปขบคิด
ไม่ต้องห่วงเลย ว่าดิฉันจะละความพยายาม
มีอีกมากมาย หลายกรณี ที่ดิฉันแสดงตนชัดเจน ในการพยายามที่จะค่อยๆ เปลี่ยนค่านิยมใดก็ตาม ที่จะขัดขวาง การเจริญของแนวคิด นิยมเสรี และส่งเสริม การนับถือค่าความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียม
ไม่ท้อถอย ต่อคำครหา วิพากษ์ ค่อนแคะ จากคนรอบข้าง ว่าดิฉันกำลังทำในสิ่งที่เพ้อเจ้อ ไม่กดดันตัวเองว่า กำลังทำในสิ่งที่ ไม่มีวันเป็นไปได้
ดิฉันจะยืนยันที่จะ ทำต่อไปค่ะ .....สู้ตาย มิชิโกะ ไฟท์โตะ ทาเคชิ :lovl: :lovl: :lovl:
-
- Verified User
- โพสต์: 577
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 113
ทำไมอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบแล้วดอกเบี้ยถึงขึ้นครับchatchai เขียน: 1. อัตราดอกเบี้ยแท้จริงติดลบ
2. อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น
และ ทำมันอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น ดอกเบี้ยถึงขึ้นครับ ...
รบกวนคุณ chaichai อธิบายเป็น step ด้วยครับ จะได้ช่วยให้ความรู้กับหลายๆ คนที่นี้ด้วยครับ
ในความคิดผมอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพราะ ความต้องการเงินของธนาคารมีมากขึ้น ส่วนทำไมธนาคารถึงต้องการเงินมากขึ้นนั้น มันมีหลายสาเหตุ แต่ทุกสาเหตุจะส่งผลให้ธนาคารมีสภาพคล่องลดลง จึงต้องการเงินเพื่อให้มีเงินไว้ เพียงพอต่อการใช้จ่ายหลาย ๆ อย่าง เช่น การปล่อยกู้เพื่อการลงทุนในอนาคตเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ การที่มีหนี้เสียมากขึ้น ทำให้เงินหายไป จึงต้องมีการเตินเงินเข้ามาหรือ เงินหนีไปอยู่ที่อื่น เพราะให้ผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ยธนาคาร เป็นต้น
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 114
ทำไมอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบแล้วดอกเบี้ยถึงขึ้นครับShexShy เขียน:
1. อัตราดอกเบี้ยแท้จริงติดลบ
2. อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น
และ ทำมันอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น ดอกเบี้ยถึงขึ้นครับ ...
รบกวนคุณ chaichai อธิบายเป็น step ด้วยครับ จะได้ช่วยให้ความรู้กับหลายๆ คนที่นี้ด้วยครับ
ในความคิดผมอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพราะ ความต้องการเงินของธนาคารมีมากขึ้น ส่วนทำไมธนาคารถึงต้องการเงินมากขึ้นนั้น มันมีหลายสาเหตุ แต่ทุกสาเหตุจะส่งผลให้ธนาคารมีสภาพคล่องลดลง จึงต้องการเงินเพื่อให้มีเงินไว้ เพียงพอต่อการใช้จ่ายหลาย ๆ อย่าง เช่น การปล่อยกู้เพื่อการลงทุนในอนาคตเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ การที่มีหนี้เสียมากขึ้น ทำให้เงินหายไป จึงต้องมีการเตินเงินเข้ามาหรือ เงินหนีไปอยู่ที่อื่น เพราะให้ผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ยธนาคาร เป็นต้น
[/quote]
ผมว่าที่คุณ ShexShy ตอบมานี่ก็ครอบคลุมดีแล้วนิครับ
เงินหนีไปอยู่ที่อื่น หรือ ดูดเงินที่อื่นมาที่ธนาคาร
เพราะให้ผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ยธนาคาร หรือ ธนาคารแบบเดียวกันแต่ที่อื่นให้ดีกว่า
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 115
[quote="007-s"][quote="chatchai"]อะไรคือความแตกต่างระหว่าง
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- Verified User
- โพสต์: 577
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 116
ผมว่าที่คุณ ShexShy ตอบมานี่ก็ครอบคลุมดีแล้วนิครับBoring Stock Lover เขียน: ทำไมอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบแล้วดอกเบี้ยถึงขึ้นครับ
และ ทำมันอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น ดอกเบี้ยถึงขึ้นครับ ...
รบกวนคุณ chaichai อธิบายเป็น step ด้วยครับ จะได้ช่วยให้ความรู้กับหลายๆ คนที่นี้ด้วยครับ
ในความคิดผมอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพราะ ความต้องการเงินของธนาคารมีมากขึ้น ส่วนทำไมธนาคารถึงต้องการเงินมากขึ้นนั้น มันมีหลายสาเหตุ แต่ทุกสาเหตุจะส่งผลให้ธนาคารมีสภาพคล่องลดลง จึงต้องการเงินเพื่อให้มีเงินไว้ เพียงพอต่อการใช้จ่ายหลาย ๆ อย่าง เช่น การปล่อยกู้เพื่อการลงทุนในอนาคตเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ การที่มีหนี้เสียมากขึ้น ทำให้เงินหายไป จึงต้องมีการเตินเงินเข้ามาหรือ เงินหนีไปอยู่ที่อื่น เพราะให้ผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ยธนาคาร เป็นต้น
เงินหนีไปอยู่ที่อื่น หรือ ดูดเงินที่อื่นมาที่ธนาคาร
เพราะให้ผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ยธนาคาร หรือ ธนาคารแบบเดียวกันแต่ที่อื่นให้ดีกว่า[/quote]
ประเด็นต่อมาคือ ทำไมเงินถึงหนีไปอยู่ที่อื่น อะไรเป็นสาเหตุให้เงินหายไปครับ (เป็นการลงลึกไปถึงรายละเอียด)
ถ้ามันมี 10 สาเหตุ อะไรเป็นสาเหตุหลัก ส่งผลต่อมายังอัตราดอกเบี้ยได้กี่ %
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 117
ผมไม่เห็นสาเหตุทั้งสิบนะ :lol:ประเด็นต่อมาคือ ทำไมเงินถึงหนีไปอยู่ที่อื่น อะไรเป็นสาเหตุให้เงินหายไปครับ (เป็นการลงลึกไปถึงรายละเอียด)
ถ้ามันมี 10 สาเหตุ อะไรเป็นสาเหตุหลัก ส่งผลต่อมายังอัตราดอกเบี้ยได้กี่ %
แต่ที่ดูๆก็แค่ ฐานเงินออมเพิ่มไหม
เพิ่ม
คนกู้ (ไม่แยกประเภทนะ) เพิ่มหรือลด
เพิ่ม
เพราะฉนั้น ซื้อหุ้นแบงค์ต่อ
สัดส่วนเงินออมเงินกู้ เพิ่มหรือลด
ลด
เพราะฉนั้น ยังไม่ซื้อพันธบัตร
ผมรู้แค่เอาตัวรอดในตลาด และทำธุรกิจ แค่นั้นเอง :oops:
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นอะไรมั้ย?
โพสต์ที่ 118
ข้อ 1. ดิฉันมีความเห็นตาม ที่กล่าวค่ะคัดท้าย เขียน:
ตรงส่วนนี้ที่ผมถามครับ กำลังพยายามตีความอยู่ครับว่าคุณ 007-s หมายความว่ายังไง
เท่าที่แกะๆ ออกมาได้ คุณ 007-s บอกว่า
1. เมืองไทยนี่ มีแต่นักคิด กะนักพูดเต็มเมือง นักปฏิบัติ หาได้ยาก จริงๆ
2. ดิฉันน่ะจบไม่สูงค่ะ มิบังอาจถกเถียงเรื่อง วิชาการ หลักการ ตัวลงตัวเลขใดใด
3. แต่ดิฉันเชื่อมั่นใน การก้าวย่างอย่างมั่นใจ
ไม่ว่า ใครจะมีวิธีคิด และบริหารเช่นไร ...ไม่มีทางใด ที่ถูกหรือผิด ร้อยเปอเซนต์
ไม่ทราบผมเข้าใจแบบนี้ถูกมั้ย
ข้อ 1. ผมขอไม่ออกความเห็น
ข้อ 2. ผมก็จบไม่สูงครับ แสดงว่าผมมีเพื่อนแล้ว
ข้อ 3. ผมเข้าใจว่า คุณ 007-s เชื่อว่า ไม่มีใครทำถูกหรือผิด ทั้ง ปชป ทรท ชาติไทย ชาติพัฒนา ไม่มีทางไหนถูกหรือผิด ร้อยเปอร์เซนต์ นายก มาจากพรรคไหนก็ได้
พอจะเข้าใจแบบนี้ถูกมั้ยครับ ?
......นักปฏิบัติ น้อยเกินไป ...ยกตย. เรื่อง มีคนมากมาย แสดงความเห็น เป็นห่วง สาระพัด เรื่อง คอรัปชั่น และ เห็นควรให้ลด ระบบพึ่งพา...แต่คนที่ยึดถือ ปฏิตบัติเอง จริงๆยังมีไม่มากพอ โดยเริ่มจาก กรณีเล็กๆ เช่น ฝากลูกเข้าเรียน ไปตีความว่า ตนกำลังส่งให้ลูกไปดี ...ทั้งๆที่ นั่นเป็นการ เสี้ยมสอนให้เด็กเติบโต ฝังหัว มากับระบบเก่าๆ คือ พึ่งพา พรรคพวก และคอรัปชั่น
ข้อ 2. ยินดีค่ะ
ข้อ 3. ดิฉันขอ ขยายความซักนิดค่ะ
.....ดิฉัน คิดว่า เรื่อง หลักการ เรื่องตัวเลข สาระพัดสูตรต่างๆ เรื่องขั้นตอน วิธีการ เรื่องกระบวนการ เทคนิค ในวิธีกรรม หรือการจัดการ บริหาร ....ต่างๆ
เป็นสิ่งที่ เปลี่ยนแปลง ได้เสมอ มีโอกาสปรับปรุง ปรับเปลี่ยน และแม้แต่ เวียนกลับมาใช้ ....เกิดขึ้นได้ ตามแต่ความต้องการของสมัยนิยม และ แต่ละความเป็นไป ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้า
....เนื่องจาก วันนี้ เป็นผลต่อเนื่องของ วันวาน
....และสิ่งที่เราทำใน วันนี้ ก็ไม่ได้ ชี้วัดว่า เราจะเห็นภาพ ของ พรุ่งนี้ ได้แจ่มแจ้งแดงแจ๋
....ดังนั้น ประโยคที่ดิฉัน กล่าวว่า "ดิฉันเชื่อมั่นใน การก้าวย่างอย่างมั่นใจ "
หมายถึง ...ดิฉันมั่นใจ ในทุกก้าว ที่ได้ตัดสินใจแล้ว ที่จะย่างออกไป ...เพราะดิฉัน ใส่ความเชื่อมั่นลงไป ในแต่ละก้าว ...ทำไงจึงจะใส่ความเชื่อมั่นลงไปได้ล่ะ .....ก็คือ ดิฉันต้อง คิดอย่างถี่ถ้วน หักล้างสิ่งบกพร่อง บวกลบสิ่งที่อาจ ดี และ อาจไม่ดี ตามมา เท่าที่จะคิดออก ใน ปัจจุบัน โดยประมวลรวมจาก ข้อมูลในอดีต
...........ทำไมดิฉันจึง ชอบวิธีการก้าวด้วยความเชื่อมั่น
เพราะดิฉัน ทราบข้อจำกัดที่ว่า ไม่มีวิธีใดเลย ที่จะ บอกอนาคตได้อย่างแจ่มแจ๋ว
....ข้อกวนใจนี้ อาจทำให้เรา เกิดอาการ ขาสั่น โดยทั้งๆ ที่ก็ยังไม่รู้ ว่า พรุ่งนี้ จะดีหรือไม่ดี
...แต่ขาเราอาจสั่น ...ทั้งๆที่ยังไม่ทันได้เดิน ...ซึ่งจะทำให้ ผลงานการเดินของเรา เป๋ได้
กลับมาที่คำถามข้อ 3. (เพลินไปหน่อย :lol: )
ใช่ค่ะ ดิฉันไม่เชื่อว่า มีบุคคลใด พรรคใด ชนชาติใด ประเทศใด ...ที่จะถูก หรือผิด ได้อย่างแน่นอน ถาวร ตลอดไป ...แม้ในช่วงวินาทีเดียวกัน ก็เป็นได้ทั้งถูกและผิด ถ้าเหลี่ยมมุม ที่เรามอง นั้นต่างออกไป (เช่น แม่ทำโทษลูก ด้วยการตีให้เจ็บ มันปนไว้ ทั้งถูก และ ผิด ในคราวเดียวกันนั่นเอง)
เช่นกัน ...ใครจะเป็น นายก ...อยู่ที่ คนเลือก เขาเลือกชอบ วิธีการบริหารของใคร วิธีคิดและบริหารจัดการ ของแต่ละนายก ก็มีเทคนิค และสไตล์ ที่ไม่เหมือนกัน (จะว่าไปก็คือ จริงค่ะ เป็นใครก็ได้ ... ที่สังคมส่วนใหญ่เลือกใช้ ในแต่ละสถานการณ์ หรือสมัยนิยม)
...และขึ้นอยู่กะว่า เมื่อตั้งวิธีการของตนไว้ แล้วสามารถ กระทำไปตามสไตล์ที่ตนบอกว่าถนัดได้ ตามนั้นหรือไม่ และผลที่ออกมา ตรงใจผู้ที่เลือกเขามาหรือไม่ ...ซึ่งขั้นตอนหลังนี่เอง จะตอบว่า คนส่วนใหญ่จะยัง เลือกใช้เขา หรือว่า ไม่เอาแล้ว เลิกใช้เขาแล้ว
...หรือบางที การเลิกใช้เขาแล้ว ก็เกิดขึ้นได้นะ ทั้งๆที่เขาทำได้ตามเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้น่ะล่ะ ..แต่บังเอิญถ้ากลายเป็นว่า ตอนนี้ เขา(คนเดิม+วิธีบริหารจัดการเดิม)ไม่แมทช์ แล้ว กะความต้องการของสังคม ส่วนใหญ่ ที่เป็นนายเขา ..เมื่อ ความต้องการเกิดมีวันเปลี่ยนไป ในขณะที่ เขาไม่ได้ปรับตัวให้ตรงตามความต้องการใหม่ ...เขาก็มีโอกาส หลุดโผ ...ก็ไม่แปลกตรงไหน ค่ะ