โพสต์
AGM VIH (บริษัท ศรีวิชัยเวชวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน)) by K'Loby
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=150
***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 62
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 63
- AGM MODERN by K'ตัวบรรจงเต็มบรรทัด
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... start=2040
- AGM GRAND by K'CHATHKO
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=120
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... start=2040
- AGM GRAND by K'CHATHKO
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=120
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 64
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 65
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
คืนนี้ดาวสวย
- Verified User
- โพสต์: 69
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 66
อิอิ-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 67
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
amornkowa
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2576
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 68
AGM Rojna 24/4/57
ผลประกอบการปี56 รายได้จากการขายที่ดิน อาคารชุด ค่าไฟฟ้า บริการ ค่าเช่าเพิ่มขึ้น จาก ปี 55 6,171 MB เป็น 9,154 MB
ยอดขายในส่วนขายที่ดินลดลงเหลือแค่ 350 ไร่ เมื่อเทียบกับปี 55 ซึ่งเป็นส่วนที่มี GP สูงสุด ทำให้ผลกำไรสุทธิลดลงจาก 1,193 เหลือแค่ 580 MB
รายได้ขายอาคารชุด เป็นรายได้จากการขายอาคารชุดที่เมืองจีน ซึ่งขายหมดแล้ว
รายได้ค่าไฟฟ้าเป็นรายได้มาจากโรง ซึ่งรับรู้รายได้เต็มปี 56 แต่มี GP ต่ำกว่าขายที่ดินทำให้ไม่สามารถผลักดันกำไรสุทธิให้เติบโตมากกว่าปี 55
กำไรสุทธิ ต่อหุ้น 0.41 บาท บริษัทขอสำรองไว้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ในภาวะความไม่แน่นอนของตลาดการเงิน และ เหตุการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติ จึงงดปันผลงวดนี้แต่มีปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสมไปแล้ว 0.30 บาท เมื่อ 13 กันยายน 2556 แต่ดูจากประวัติการจ่ายปันผลระหว่างกาลของบริษัท อาจมีจ่ายระหว่างกาลในปีนี้ ( ยังไม่ยืนยัน )
สรุปผลประกอบการปี 56
1. โรงงานผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ เป็นโครงการกำลังผลิต 8 MW เพื่อขายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ฟาร์มแรกสามารถส่งได้ในต้นเดือน พค57 ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม 30 เดือน เนื่องจากสถานที่ราชการปิด ทำให้การขออนุญาติล่าช้า ส่วนฟาร์มสองและสาม จะเริ่มส่งได้ในเดือน มิย และ กค
ซึ่งรายได้จะเข้าตั้งแต่Q3 57 คิดเป็นรายได้เข้ามาแค่ครึ่งปี และ เต็มปีในปี 58 โครงการนี้เป็นรุ่นแรกที่ได้รับอนุญาติผลิตไฟฟ้าดังนั้นได้รับส่วนเพิ่มค่าไฟอีก 8 บาทต่อหน่วย ซึ่งมีผล10ปี ส่วนรายอื่นที่ได้รับอนุญาติผลิตรุ่นที่สองจะได้ค่าไฟเพิ่มแค่ 6.50 บาท
2. โครงการคอนโดที่จีน ขายหมดแล้วในปี 56 ตอนนี้ไม่มีธุรกิจในจีนแล้ว
3. การลงทุนใน Ticon 22% ตั้งแต่ปี 46 รับปันผล 1บาทต่อหุ้น ประมาณ 16.8 ล้านบาท ก่อนภาษีทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดเข้ามาใน Q2 ช่วยเสริมสภาพคล่อง
4. ผลประกอบการบริษัท ในปี 54 ไม่ดีจากน้ำท่วมใหญ่ ปี 55 เป็นช่วงซ่อม สร้าง ขยายธุรกิจไปทางปราจีนบุรี และ ปลวกแดง ระยอง ปี 56 ธุรกิจเริ่มกลับมา และ ปี 57 จะเป็นการกลับมาครบในทุกส่วนธุรกิจ ทำให้รายได้น่าสูงขึ้น
ประเด็นที่น่าเป็นห่วงในการขายที่ดิน
การลงทุนจากต่างประเทศยังต่อเนื่อง หลักๆคือ ญี่ปุ่น ซึ่งความสนใจที่จะลงทุนในจีนน้อยลงเนื่องจากเหตุผลการเมือง ดังนั้นญี่ปุ่นสนใจลงทุนในอาเซียน เกี่ยวกับธุรกิจรถยนต์ ส่วน อิเลคทรอนิคส์ ไม่เพิ่มแล้ว เนื่องจาก ได้ลงทุนในธุรกิจรถยนต์มากแล้วในช่วงที่ผ่านมา ต่อไปจะลงทุนในส่วนอุตสาหกรรมทั่วไป ตอนนี้ปัญหาในด้านลงทุนคือการเมืองยืดยาว ซึ่งนอกจากไทยที่ญึ่ปุ่นสนใจในอาเซียน แล้วก็สนใจอินโดนีเซียมากขึ้นเพราะ เสถียรภาพทางการเมืองมากกว่าไทย
เศรษฐกิจใหญ่กว่าไทย ดังนั้นถ้าการเมืองไทยยังไม่จบ ก็จะย้ายไปลงทุนอินโดนีเซียแทน ซึ่งจะมีการเลือกตั้งใหม่ ในเร็วๆนี้ ทำให้การเมืองค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับไทย แต่ไทยก็มีข้อดีคือพื้นฐาน ดี
เป็น ศูนย์กลางทาง Logistics ของ อาเซียน
บริษัท มีธุรกิจหลักคือการขายที่ดิน ในสองพี้นที่หลัก คือ ระยอง และ ปราจีนบุรี
ซึ่งขายที่ดินได้มากในปี 55 มาจากการเข้ามาของอุตสาหกรรมรถยนต์ เนื่องจาก โครงการรถคันแรก และ การเปิดประเทศของพม่า ซึงมีความต้องการรถยนต์สูง
ปี 56 อุตสาหกรรมชลอลง หลังจากโตมากในปี55 และ มีความไม่แน่นอนทางการเมืองในครึ่งปีหลัง
หลังจากยุบสภาช่วงธค ทำให้ไม่สามารถตั้งบอร์คพิจารณา ส่งเสริมการลงทุน BOI
และขายที่ดินได้ 350 ไร่ ซึ่งใกล้เคียงค่าเฉลี่ยที่ผ่านมา และ ขายต่อเนื่องใน Q1 57 ทำสัญญาขายที่ดิน 120 ไร่ เพิ่มเติม แต่ไม่มากเหมือนปี 55 ปัจจุบันรอตั้งกรรมการส่งเสริมการลงทุนใหม่ จะมีการเคลื่อนไหวของการลงทุน ( หลังจากจบงานประชุมAGM 24/4 มีการแต่งตั้งกรรมการBOIในวันรุ่งขึ้น 25/4 แต่ยังรอเรียกประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการ BOI นับว่าน่าเป็นข่าวดี )
ช่วงภาวะที่มีการประกาศพรก นักธุรกิจไม่สามารถเดินทางมาไทย เพราะติดกฎระเบียบของบริษัท
ทำให้ไม่สามารถขายที่ดินได้ บริษัทมีที่ดินที่ยังไม่โอน ซึ่งไม่สามารถรับรู้รายได้ค่อนข้างสูง 3,100 ไร่ ดังนั้นจากนี้ไปจนถึง 18 เดือน บริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะมี Backlog มากพอสมควร
5. ธุรกิจโรงไฟฟ้า
หลังเจอน้ำท่วมไปเมื่อปี 54 ก็สามารถกลับมาผลิตไฟฟ้าได้ตั้งแต่ Q1 56 ปลายปีก่อนยังมีการก่อสร้างค้างอยู่ IPP2/Phase5 ซึ่งเริ่มผลิตได้ตั้งแต่ พย 56 และส่งผลต่อรายได้เต็มปีในปีนี้ เป็นการขายไฟฟ้าให้กับ EGAT 2 สัญญา ๆ ละ 90 MW
6. ธุรกิจน้ำ
ขายน้ำให้ลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมอยุธยา ซึ่งเป็นธุรกิจอาหาร และ เครื่องดื่มเช่น อิชิตัน
กำลังการผลิต 48,000 ลบ ก่อนน้ำท่วมปี 54 ตอนนี้สามารถผลิต ได้ 96% แล้วและจะขายเพิ่มขึ้น
มีผลกำไร 100 ล้านบาท
7. การร่วมมือกับอิตัลไทยในการลงทุนในทวาย
เนื่องจากเงื่อนไขของการลงทุนในทวายเปลี่ยนแปลงจากภาครัฐ ของ พม่า รวมถึงไม่มีความสมบูรณ์ของโครงการ เนื่องจากให้ประมูลที่ดิน 20,000 ไร่ในกพ แต่ไม่มี สาธาณูปโภค รองรับซึ่งจะเหมาะกับอุตสาหกรรมเบา แต่ Rojna เชี่ยวชาญทางอุตสาหกรรมหนักดังนั้น ยังไม่ดำเนินการ
8. การโอนที่ดินให้กับ Honda จะพยายามให้จบในปลายปีนี้ แต่ไม่ทันช่วงกลางปี
กำไรจากการขาย ประมาณ 500,000 บาทต่อไร่
ซึ่งที่ดินที่ขายเป็นพื้นที่ในส่วน ปราจีนบุรี ซึ่งขายได้ 75% แล้ว ราคาขายประมาณ 2ล้านกว่าต่อไร่
ส่วนระยอง ปลวกแดง เนื้อที่ 1,000 ไร่ ขายได้ 600 ไร่ ส่วนใหญ่ผู้ซื้อเป็นผู้ทำโรงไฟฟ้า
ส่วนที่จังหวัดระยอง พื้นที่อุตสาหกรรมมีค่อนข้างน้อย แต่ ลูกค้าต้องการค่อนข้างมาก ทำมา10กว่าปี เหลือพื้นที่ค่อนข้างน้อย
พื้นที่เหลือในปราจีน ประมาณ 1000 ไร่ต้นๆ ส่วน อยุธยา เหลือ 700-800 ไร่
9. งบช่วยเหลือน้ำท่วม 1200 ล้านบาท ตามหลักควรบันทึกเป็นทรัพย์สิน แต่ทางรัฐ ให้คิดเป็นรายได้ และ ตัดเป็นปีรวม 50 ปี มีประเด็นเรื่องภาษี หลังจากชี้แจงภาครัฐ ทำให้ไม่ต้องเสียภาษีของรายได้ส่วนนี้
ผลประกอบการปี56 รายได้จากการขายที่ดิน อาคารชุด ค่าไฟฟ้า บริการ ค่าเช่าเพิ่มขึ้น จาก ปี 55 6,171 MB เป็น 9,154 MB
ยอดขายในส่วนขายที่ดินลดลงเหลือแค่ 350 ไร่ เมื่อเทียบกับปี 55 ซึ่งเป็นส่วนที่มี GP สูงสุด ทำให้ผลกำไรสุทธิลดลงจาก 1,193 เหลือแค่ 580 MB
รายได้ขายอาคารชุด เป็นรายได้จากการขายอาคารชุดที่เมืองจีน ซึ่งขายหมดแล้ว
รายได้ค่าไฟฟ้าเป็นรายได้มาจากโรง ซึ่งรับรู้รายได้เต็มปี 56 แต่มี GP ต่ำกว่าขายที่ดินทำให้ไม่สามารถผลักดันกำไรสุทธิให้เติบโตมากกว่าปี 55
กำไรสุทธิ ต่อหุ้น 0.41 บาท บริษัทขอสำรองไว้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ในภาวะความไม่แน่นอนของตลาดการเงิน และ เหตุการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติ จึงงดปันผลงวดนี้แต่มีปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสมไปแล้ว 0.30 บาท เมื่อ 13 กันยายน 2556 แต่ดูจากประวัติการจ่ายปันผลระหว่างกาลของบริษัท อาจมีจ่ายระหว่างกาลในปีนี้ ( ยังไม่ยืนยัน )
สรุปผลประกอบการปี 56
1. โรงงานผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ เป็นโครงการกำลังผลิต 8 MW เพื่อขายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ฟาร์มแรกสามารถส่งได้ในต้นเดือน พค57 ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม 30 เดือน เนื่องจากสถานที่ราชการปิด ทำให้การขออนุญาติล่าช้า ส่วนฟาร์มสองและสาม จะเริ่มส่งได้ในเดือน มิย และ กค
ซึ่งรายได้จะเข้าตั้งแต่Q3 57 คิดเป็นรายได้เข้ามาแค่ครึ่งปี และ เต็มปีในปี 58 โครงการนี้เป็นรุ่นแรกที่ได้รับอนุญาติผลิตไฟฟ้าดังนั้นได้รับส่วนเพิ่มค่าไฟอีก 8 บาทต่อหน่วย ซึ่งมีผล10ปี ส่วนรายอื่นที่ได้รับอนุญาติผลิตรุ่นที่สองจะได้ค่าไฟเพิ่มแค่ 6.50 บาท
2. โครงการคอนโดที่จีน ขายหมดแล้วในปี 56 ตอนนี้ไม่มีธุรกิจในจีนแล้ว
3. การลงทุนใน Ticon 22% ตั้งแต่ปี 46 รับปันผล 1บาทต่อหุ้น ประมาณ 16.8 ล้านบาท ก่อนภาษีทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดเข้ามาใน Q2 ช่วยเสริมสภาพคล่อง
4. ผลประกอบการบริษัท ในปี 54 ไม่ดีจากน้ำท่วมใหญ่ ปี 55 เป็นช่วงซ่อม สร้าง ขยายธุรกิจไปทางปราจีนบุรี และ ปลวกแดง ระยอง ปี 56 ธุรกิจเริ่มกลับมา และ ปี 57 จะเป็นการกลับมาครบในทุกส่วนธุรกิจ ทำให้รายได้น่าสูงขึ้น
ประเด็นที่น่าเป็นห่วงในการขายที่ดิน
การลงทุนจากต่างประเทศยังต่อเนื่อง หลักๆคือ ญี่ปุ่น ซึ่งความสนใจที่จะลงทุนในจีนน้อยลงเนื่องจากเหตุผลการเมือง ดังนั้นญี่ปุ่นสนใจลงทุนในอาเซียน เกี่ยวกับธุรกิจรถยนต์ ส่วน อิเลคทรอนิคส์ ไม่เพิ่มแล้ว เนื่องจาก ได้ลงทุนในธุรกิจรถยนต์มากแล้วในช่วงที่ผ่านมา ต่อไปจะลงทุนในส่วนอุตสาหกรรมทั่วไป ตอนนี้ปัญหาในด้านลงทุนคือการเมืองยืดยาว ซึ่งนอกจากไทยที่ญึ่ปุ่นสนใจในอาเซียน แล้วก็สนใจอินโดนีเซียมากขึ้นเพราะ เสถียรภาพทางการเมืองมากกว่าไทย
เศรษฐกิจใหญ่กว่าไทย ดังนั้นถ้าการเมืองไทยยังไม่จบ ก็จะย้ายไปลงทุนอินโดนีเซียแทน ซึ่งจะมีการเลือกตั้งใหม่ ในเร็วๆนี้ ทำให้การเมืองค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับไทย แต่ไทยก็มีข้อดีคือพื้นฐาน ดี
เป็น ศูนย์กลางทาง Logistics ของ อาเซียน
บริษัท มีธุรกิจหลักคือการขายที่ดิน ในสองพี้นที่หลัก คือ ระยอง และ ปราจีนบุรี
ซึ่งขายที่ดินได้มากในปี 55 มาจากการเข้ามาของอุตสาหกรรมรถยนต์ เนื่องจาก โครงการรถคันแรก และ การเปิดประเทศของพม่า ซึงมีความต้องการรถยนต์สูง
ปี 56 อุตสาหกรรมชลอลง หลังจากโตมากในปี55 และ มีความไม่แน่นอนทางการเมืองในครึ่งปีหลัง
หลังจากยุบสภาช่วงธค ทำให้ไม่สามารถตั้งบอร์คพิจารณา ส่งเสริมการลงทุน BOI
และขายที่ดินได้ 350 ไร่ ซึ่งใกล้เคียงค่าเฉลี่ยที่ผ่านมา และ ขายต่อเนื่องใน Q1 57 ทำสัญญาขายที่ดิน 120 ไร่ เพิ่มเติม แต่ไม่มากเหมือนปี 55 ปัจจุบันรอตั้งกรรมการส่งเสริมการลงทุนใหม่ จะมีการเคลื่อนไหวของการลงทุน ( หลังจากจบงานประชุมAGM 24/4 มีการแต่งตั้งกรรมการBOIในวันรุ่งขึ้น 25/4 แต่ยังรอเรียกประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการ BOI นับว่าน่าเป็นข่าวดี )
ช่วงภาวะที่มีการประกาศพรก นักธุรกิจไม่สามารถเดินทางมาไทย เพราะติดกฎระเบียบของบริษัท
ทำให้ไม่สามารถขายที่ดินได้ บริษัทมีที่ดินที่ยังไม่โอน ซึ่งไม่สามารถรับรู้รายได้ค่อนข้างสูง 3,100 ไร่ ดังนั้นจากนี้ไปจนถึง 18 เดือน บริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะมี Backlog มากพอสมควร
5. ธุรกิจโรงไฟฟ้า
หลังเจอน้ำท่วมไปเมื่อปี 54 ก็สามารถกลับมาผลิตไฟฟ้าได้ตั้งแต่ Q1 56 ปลายปีก่อนยังมีการก่อสร้างค้างอยู่ IPP2/Phase5 ซึ่งเริ่มผลิตได้ตั้งแต่ พย 56 และส่งผลต่อรายได้เต็มปีในปีนี้ เป็นการขายไฟฟ้าให้กับ EGAT 2 สัญญา ๆ ละ 90 MW
6. ธุรกิจน้ำ
ขายน้ำให้ลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมอยุธยา ซึ่งเป็นธุรกิจอาหาร และ เครื่องดื่มเช่น อิชิตัน
กำลังการผลิต 48,000 ลบ ก่อนน้ำท่วมปี 54 ตอนนี้สามารถผลิต ได้ 96% แล้วและจะขายเพิ่มขึ้น
มีผลกำไร 100 ล้านบาท
7. การร่วมมือกับอิตัลไทยในการลงทุนในทวาย
เนื่องจากเงื่อนไขของการลงทุนในทวายเปลี่ยนแปลงจากภาครัฐ ของ พม่า รวมถึงไม่มีความสมบูรณ์ของโครงการ เนื่องจากให้ประมูลที่ดิน 20,000 ไร่ในกพ แต่ไม่มี สาธาณูปโภค รองรับซึ่งจะเหมาะกับอุตสาหกรรมเบา แต่ Rojna เชี่ยวชาญทางอุตสาหกรรมหนักดังนั้น ยังไม่ดำเนินการ
8. การโอนที่ดินให้กับ Honda จะพยายามให้จบในปลายปีนี้ แต่ไม่ทันช่วงกลางปี
กำไรจากการขาย ประมาณ 500,000 บาทต่อไร่
ซึ่งที่ดินที่ขายเป็นพื้นที่ในส่วน ปราจีนบุรี ซึ่งขายได้ 75% แล้ว ราคาขายประมาณ 2ล้านกว่าต่อไร่
ส่วนระยอง ปลวกแดง เนื้อที่ 1,000 ไร่ ขายได้ 600 ไร่ ส่วนใหญ่ผู้ซื้อเป็นผู้ทำโรงไฟฟ้า
ส่วนที่จังหวัดระยอง พื้นที่อุตสาหกรรมมีค่อนข้างน้อย แต่ ลูกค้าต้องการค่อนข้างมาก ทำมา10กว่าปี เหลือพื้นที่ค่อนข้างน้อย
พื้นที่เหลือในปราจีน ประมาณ 1000 ไร่ต้นๆ ส่วน อยุธยา เหลือ 700-800 ไร่
9. งบช่วยเหลือน้ำท่วม 1200 ล้านบาท ตามหลักควรบันทึกเป็นทรัพย์สิน แต่ทางรัฐ ให้คิดเป็นรายได้ และ ตัดเป็นปีรวม 50 ปี มีประเด็นเรื่องภาษี หลังจากชี้แจงภาครัฐ ทำให้ไม่ต้องเสียภาษีของรายได้ส่วนนี้
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 69
AGM BAFS by K' ReRedrum ครับ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... start=1530
เพิ่มเติมประเด็นโดย K' artvr4
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... start=1530
เพิ่มเติมประเด็นโดย K' artvr4
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 70
AGM PJW by K' Tsurumi ครับ
คอมเมน ล่างสุดของ link นี้ครับ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=420
คอมเมน ล่างสุดของ link นี้ครับ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &start=420
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 71
AGM WAVE by K' Laziale
คอมเมน ล่างสุดของ link นี้ครับ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 2&start=30
คอมเมน ล่างสุดของ link นี้ครับ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 2&start=30
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 72
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
jokerz
- Verified User
- โพสต์: 1724
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 73
อันนี้เหมือนเป็นของ DCON ครับ
-
thumbman2001
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 8116
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 74
GFPT 2557 Krub
http://www.gfpt.co.th/minute_reports/GF ... 100414.pdf
http://www.gfpt.co.th/minute_reports/GF ... 100414.pdf
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 75
ขอบคุณครับ คุณ VAEEEEEVAEEEEE เขียน:อันนี้เหมือนเป็นของ DCON ครับ
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
amornkowa
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2576
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 76
AGM M 28/4/57
สุกี้ MK
ผลประกอบการปี56 รายได้เติบโต จาก ปี 55 13,141 MB เป็น 14,240 MB เติบโต 8%
สาเหตุมาจากการขยายสาขาของ MK 27 สาขา , Yayoi 22 สาขาและ brand อื่นๆอีก 6 สาขา
ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น มาจากค่าแรงมีการปรับตามกระทรวงแรงงาน 300 บาท ที่มีผลตั้งแต่เมย 55
กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 8 ล้านบาท เป็น 2,039 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.6 บาท
ปันผล 1.60 บาทต่อหุ้น XD วันที่ 6 พค 14
สรุปผลประกอบการปี 56
กำไรในQ1-2 ยังปกติ แต่ Q3-4 กำไรลดลงมาจาก ปัญหาทางการเมือง ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม คนเดินห้างทุกที่ลดลง และยังมีผลต่อเนื่องไปถึง Q1 57 ซึ่งมีผลประกอบการล้อกับ Q4 56 ผบห หวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยเร็ว ส่วนโครงการขยายสาขา และ ขยายการลงทุนยังทำอย่างต่อเนื่อง
เหตุการณ์น้ำท่วมในปี 54 ทำให้คลังสินค้าแห่งแรกที่ นวนคร น้ำท่วมใช้งานไม่ได้หนึ่งปี ทำให้ต้องใช้คลังสินค้าที่สองที่บางนาตราด ฝั่งขาออก หลังจากเหตุการณ์นี้ผู้บริหารจึงสร้างคลังสินค้าแห่งที่สาม อยู่ถนนบางนาตราด ฝั่งขาเข้าซึ่งอยู่สูงกว่า ขาออก เพื่อป้องกันความเสี่ยงเรื่องน้ำท่วม ทำให้รอบรับการขยายสาขาได้ถึง 1,000 สาขา
โครงสร้างรายได้ของ M
สุกี้ รายได้คิดเป็น 83% ของรายได้ทั้งหมด กำไรสุทธิ หลังหักภาษี 13-14%
ยาโยอิ รายได้คิดเป็น 14% รายได้ทั้งหมดกำไรสุทธิ หลังหักภาษี 7-8%
และอีก 3% ของ รายได้ทั้งหมด เป็นอื่นๆ
ระยะเวลาในการลงทุน
หลักเกณฑ์ในการขยายสาขา
มีการตั้งทีมงานที่รับผิดชอบในการขยายสาขา มีผู้เสนอlocation มาให้เลือก ปฎิเสธ ไป 500-600 locations
ทีมงานคอยตรวจสอบตลอดเวลาว่าตลาดสุกี้ MK อิ่มตัวหรือยัง โดยเช็คยอดขายของสาขาเดิม เมื่อเปิดสาขาใหม่ใกล้เคียงกัน ตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญาณว่าอิ่มตัว ดังนั้นหลังจากสามารถเปิดสาขาเพิ่ม 200 สาขาใน 5 ปี และในระหว่างนี้จะคอยตรวจสอบว่าตลาดอิ่มตัวหรือไม่
ส่วนยาโยอิ เปิดมาแค่ 6 ปี เทียบกับ MK เปิดมา 30 ปี เสมือนเป็นผู้ใหญ่ ยังมีโอกาสโตได้อีกมาก
การปิดสาขา มีสาเหตุมาจาก 2 เหตุผล คือ ห้างเจ๊ง แต่ร้านไม่เจ๊ง และ ห้างไฟไหม้
นับจากปี 2008 ( 5 ปีย้อนหลัง ) มีปิดไปแค่ 3 สาขา เพราะ cash ติดลบ เนื่องจากไม่พอจ่ายค่าพนักงาน และ ค่าเช่า และถ้าเปิดต่อจะไปดึงกำไรจากสาขาอื่น แย่ไปด้วย
ปัจจัยเสี่ยงของM
1. จากการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง
2. จากความผันผวนของวัตถุดิบ
3. จากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายพนักงาน
4. จากการขาดแคลนบุคลากรฝ่ายปฎิบัติการสาขา
5. จากการเปิดสาขาใหม่
6. จากการไม่ได้ต่อสัญญาแฟรนส์ไชร์ 1 ล้านบาท
คู่แข่งไม่สามารถเข้ามาได้ เนื่องมาจาก หาlocationยาก ,โฆษณาแพง
การบริหารในช่วงวิกถต อย่างเช่น ต้มยำกุ้ง บริษัทไม่ได้กู้เงินจากต่างประเทศ
คู่แข่งที่ไม่แข็งแรง จะล้มหายไป บริษัท M เข้าไปซื้อเพื่อขยายสาขาให้รวดเร็ว
และมีการเปิดร้านใน Modern tradeเช่น บริษัท BigC Testco Lotusโดยปรับเปลี่ยนขนาดให้เล็กลง
กลยุทธ์ในการเข้าไปทำธุรกิจในต่างประเทศ
วัตถุประสงค์ เป็นการเข้าไปเรียนรู้วัฒนธรรมการกินของแต่ละประเทศ ทำให้พนักงานมีความเป็น interมากขึ้น หลังจาก5ปี จะส่งผลต่อองค์กรได้แข็งแรงอย่างไร
ตอนนี้เป็นช่วงทดลองเปิดสาขาในต่างประเทศ ว่าเปิดแล้ว สามารถดูแลได้หรือเปล่า
ซึ่งแต่ละประเทศจะไม่ชอบอาหารที่เหมือนกัน เช่น อินโดนีเซีย ไม่ทานหมู ญี่ปุ่น ทานอาหารเน้นแต่คุณภาพค่อนข้างสูง ไม่ทานเครื่องใน เช่น ตับ เซี้ยงจี้ ไส้อ่อน
ผลตอบแทนที่ไปลงในต่างประเทศจะอยู่ในรูปแบบ ค่าแฟรนส์ไชร์ จากยอดขายสุทธิ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย
และมีการลงทุนร่วมกับ partner เช่น ที่ญี่ปุ่น หุ้น 12% และ ร่วมค้า Joint venture กับ partner ใน สิงคโปร์
ทางบริษัท ยังไม่มีนโยบายขายแฟรนส์ในประเทศ
ระยะเวลาในการคืนทุน
MK คืนทุนภายใน 3 ปี ส่วน Yayoi คืนทุน ภายใน 4 ปี
การฝึกการให้บริการ
ผู้บริหารให้ความเอาใจใส่ต่อพนักงาน กินดีอยู่ดี และ มีความสุข ทำให้สามารถให้บริการที่ดีกับลูกค้า เอาพุทธศาสนามาสอน ไม่มีสูบบุหรี่ ในโรงงาน จะเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้สังคมดีขึ้น
เหตุผลในการเข้าตลาดหลักทรัพย์
1. การปรับเปลี่ยน ธุรกิจแบบครอบครัว เป็นธุรกิจระดับชาติ และ ธุรกิจเป็นมหาชน
2. ได้ไอเดียใหม่จากนักลงทุน เพื่อไปพัฒนาต่อ และ เงินลงทุนที่ได้รับ เป็นโอกาสในการซื้อกิจการ
นวัตกรรม
1. หุ่นยนต์เสริฟอาหาร ราคาค่อนข้างแพง ตอนนี้ได้ให้ทุนกับทาง มหาวิทยาลัยจุฬา และ กรุงเทพ
เพื่อพัฒนาให้สามารถใช้งานได้จริง
2. Electronics Board for Self ordering
ตอนนี้มีที่สาขา จามจุรี Terminal21 และ MK สีลม และจะนำมาใช้เพิ่ม อีก 7 สาขา
Company visit
ผู้ถือหุ้น ต้องการไปเยี่ยมชม บริษัท ทางบริษัทจะจัดไปดูในส่วนของสถาบันฝึกอบรม และ ศูนย์กระจายสินค้า โดยจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ศูนย์พัฒนาการ
บริษัทซื้อที่ดิน แถวพัฒนาการติดห้างโลตัส สร้างอาคารเพื่อรองรับร้านอาหารในเครือ MK ในบรรยากาศแบบ อังกฤษ แต่มีเงื่อนไขจุดคืนทุนภายใน 12 ปี ถ้าเกิน 12 ปีจะปรับเป็นร้านอาหารธรรมดาเท่านั้น
สุกี้ MK
ผลประกอบการปี56 รายได้เติบโต จาก ปี 55 13,141 MB เป็น 14,240 MB เติบโต 8%
สาเหตุมาจากการขยายสาขาของ MK 27 สาขา , Yayoi 22 สาขาและ brand อื่นๆอีก 6 สาขา
ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น มาจากค่าแรงมีการปรับตามกระทรวงแรงงาน 300 บาท ที่มีผลตั้งแต่เมย 55
กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 8 ล้านบาท เป็น 2,039 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.6 บาท
ปันผล 1.60 บาทต่อหุ้น XD วันที่ 6 พค 14
สรุปผลประกอบการปี 56
กำไรในQ1-2 ยังปกติ แต่ Q3-4 กำไรลดลงมาจาก ปัญหาทางการเมือง ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม คนเดินห้างทุกที่ลดลง และยังมีผลต่อเนื่องไปถึง Q1 57 ซึ่งมีผลประกอบการล้อกับ Q4 56 ผบห หวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยเร็ว ส่วนโครงการขยายสาขา และ ขยายการลงทุนยังทำอย่างต่อเนื่อง
เหตุการณ์น้ำท่วมในปี 54 ทำให้คลังสินค้าแห่งแรกที่ นวนคร น้ำท่วมใช้งานไม่ได้หนึ่งปี ทำให้ต้องใช้คลังสินค้าที่สองที่บางนาตราด ฝั่งขาออก หลังจากเหตุการณ์นี้ผู้บริหารจึงสร้างคลังสินค้าแห่งที่สาม อยู่ถนนบางนาตราด ฝั่งขาเข้าซึ่งอยู่สูงกว่า ขาออก เพื่อป้องกันความเสี่ยงเรื่องน้ำท่วม ทำให้รอบรับการขยายสาขาได้ถึง 1,000 สาขา
โครงสร้างรายได้ของ M
สุกี้ รายได้คิดเป็น 83% ของรายได้ทั้งหมด กำไรสุทธิ หลังหักภาษี 13-14%
ยาโยอิ รายได้คิดเป็น 14% รายได้ทั้งหมดกำไรสุทธิ หลังหักภาษี 7-8%
และอีก 3% ของ รายได้ทั้งหมด เป็นอื่นๆ
ระยะเวลาในการลงทุน
หลักเกณฑ์ในการขยายสาขา
มีการตั้งทีมงานที่รับผิดชอบในการขยายสาขา มีผู้เสนอlocation มาให้เลือก ปฎิเสธ ไป 500-600 locations
ทีมงานคอยตรวจสอบตลอดเวลาว่าตลาดสุกี้ MK อิ่มตัวหรือยัง โดยเช็คยอดขายของสาขาเดิม เมื่อเปิดสาขาใหม่ใกล้เคียงกัน ตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญาณว่าอิ่มตัว ดังนั้นหลังจากสามารถเปิดสาขาเพิ่ม 200 สาขาใน 5 ปี และในระหว่างนี้จะคอยตรวจสอบว่าตลาดอิ่มตัวหรือไม่
ส่วนยาโยอิ เปิดมาแค่ 6 ปี เทียบกับ MK เปิดมา 30 ปี เสมือนเป็นผู้ใหญ่ ยังมีโอกาสโตได้อีกมาก
การปิดสาขา มีสาเหตุมาจาก 2 เหตุผล คือ ห้างเจ๊ง แต่ร้านไม่เจ๊ง และ ห้างไฟไหม้
นับจากปี 2008 ( 5 ปีย้อนหลัง ) มีปิดไปแค่ 3 สาขา เพราะ cash ติดลบ เนื่องจากไม่พอจ่ายค่าพนักงาน และ ค่าเช่า และถ้าเปิดต่อจะไปดึงกำไรจากสาขาอื่น แย่ไปด้วย
ปัจจัยเสี่ยงของM
1. จากการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง
2. จากความผันผวนของวัตถุดิบ
3. จากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายพนักงาน
4. จากการขาดแคลนบุคลากรฝ่ายปฎิบัติการสาขา
5. จากการเปิดสาขาใหม่
6. จากการไม่ได้ต่อสัญญาแฟรนส์ไชร์ 1 ล้านบาท
คู่แข่งไม่สามารถเข้ามาได้ เนื่องมาจาก หาlocationยาก ,โฆษณาแพง
การบริหารในช่วงวิกถต อย่างเช่น ต้มยำกุ้ง บริษัทไม่ได้กู้เงินจากต่างประเทศ
คู่แข่งที่ไม่แข็งแรง จะล้มหายไป บริษัท M เข้าไปซื้อเพื่อขยายสาขาให้รวดเร็ว
และมีการเปิดร้านใน Modern tradeเช่น บริษัท BigC Testco Lotusโดยปรับเปลี่ยนขนาดให้เล็กลง
กลยุทธ์ในการเข้าไปทำธุรกิจในต่างประเทศ
วัตถุประสงค์ เป็นการเข้าไปเรียนรู้วัฒนธรรมการกินของแต่ละประเทศ ทำให้พนักงานมีความเป็น interมากขึ้น หลังจาก5ปี จะส่งผลต่อองค์กรได้แข็งแรงอย่างไร
ตอนนี้เป็นช่วงทดลองเปิดสาขาในต่างประเทศ ว่าเปิดแล้ว สามารถดูแลได้หรือเปล่า
ซึ่งแต่ละประเทศจะไม่ชอบอาหารที่เหมือนกัน เช่น อินโดนีเซีย ไม่ทานหมู ญี่ปุ่น ทานอาหารเน้นแต่คุณภาพค่อนข้างสูง ไม่ทานเครื่องใน เช่น ตับ เซี้ยงจี้ ไส้อ่อน
ผลตอบแทนที่ไปลงในต่างประเทศจะอยู่ในรูปแบบ ค่าแฟรนส์ไชร์ จากยอดขายสุทธิ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย
และมีการลงทุนร่วมกับ partner เช่น ที่ญี่ปุ่น หุ้น 12% และ ร่วมค้า Joint venture กับ partner ใน สิงคโปร์
ทางบริษัท ยังไม่มีนโยบายขายแฟรนส์ในประเทศ
ระยะเวลาในการคืนทุน
MK คืนทุนภายใน 3 ปี ส่วน Yayoi คืนทุน ภายใน 4 ปี
การฝึกการให้บริการ
ผู้บริหารให้ความเอาใจใส่ต่อพนักงาน กินดีอยู่ดี และ มีความสุข ทำให้สามารถให้บริการที่ดีกับลูกค้า เอาพุทธศาสนามาสอน ไม่มีสูบบุหรี่ ในโรงงาน จะเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้สังคมดีขึ้น
เหตุผลในการเข้าตลาดหลักทรัพย์
1. การปรับเปลี่ยน ธุรกิจแบบครอบครัว เป็นธุรกิจระดับชาติ และ ธุรกิจเป็นมหาชน
2. ได้ไอเดียใหม่จากนักลงทุน เพื่อไปพัฒนาต่อ และ เงินลงทุนที่ได้รับ เป็นโอกาสในการซื้อกิจการ
นวัตกรรม
1. หุ่นยนต์เสริฟอาหาร ราคาค่อนข้างแพง ตอนนี้ได้ให้ทุนกับทาง มหาวิทยาลัยจุฬา และ กรุงเทพ
เพื่อพัฒนาให้สามารถใช้งานได้จริง
2. Electronics Board for Self ordering
ตอนนี้มีที่สาขา จามจุรี Terminal21 และ MK สีลม และจะนำมาใช้เพิ่ม อีก 7 สาขา
Company visit
ผู้ถือหุ้น ต้องการไปเยี่ยมชม บริษัท ทางบริษัทจะจัดไปดูในส่วนของสถาบันฝึกอบรม และ ศูนย์กระจายสินค้า โดยจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ศูนย์พัฒนาการ
บริษัทซื้อที่ดิน แถวพัฒนาการติดห้างโลตัส สร้างอาคารเพื่อรองรับร้านอาหารในเครือ MK ในบรรยากาศแบบ อังกฤษ แต่มีเงื่อนไขจุดคืนทุนภายใน 12 ปี ถ้าเกิน 12 ปีจะปรับเป็นร้านอาหารธรรมดาเท่านั้น
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 77
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 78
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
amornkowa
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2576
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 79
AGM KCE 29/4/57
ผลประกอบการปี56 รายได้เติบโต จาก ปี 55 6,477 MB เป็น 9,293 MB เติบโต 43%
สาเหตุมาจากสามารถดำเนินการผลิตได้อย่างเต็มที่เป็นปีแรกหลังจากการฟื้นฟูจากน้ำท่วม ปี54 ของบริษัท เคซีอี เทคโนโลยี และการเติบโตของตลาดส่งผลให้ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งลูกค้าในปัจจุบันโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์รวมถึงกลุ่มที่บริษัทพัฒนาเพิ่มขึ้นใหม่
กำไรขั้นต้น เพิ่มขึ้นจากปี 55 19.2% เป็น 26.3%
กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น จาก 643 ล้านบาท เป็น 1,173 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.53 บาท
กำไรเติบโตมาก มาจาก สาเหตุ เช่น ต้นทุนลดจากการผลิตในปริมาณมาก การผลิตมีประสิทธิภาพ ของเสียน้อยลง
ปันผล 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 33% ของกำไรสุทธิ ซึ่งปันผลน้อย เพราะต้องการเอาเงินไปขยาย และลงทุนเพื่ออนาคต การสร้างโรงงานแห่งใหม่
ปันผลประกอบด้วย 0.32 บาทจาก BOI และ 0.18 บาทจากบริษัทย่อยได้รับยกเว้นไม่ต้องนำไปคำนวณเป็นรายได้
ยกเลิก ESOP-W4 เนื่องจากพนักงานได้ลาออกหมด
ออก ESOP-W5 แจกพนักงานจำนวนไม่เกิน 10M หุ้น ราคาแปลงสภาพ 31.95 บาทต่อหุ้น
รายได้มาจากส่วน Automobile ประมาณ 71% Industries 11%
Consumer 8% Networking 5%
รายได้เติบโต เฉลี่ย 21% ต่อปี นับจาก 2001-2008 กำไรไม่สม่ำเสมอ เนื่องจาก ความผันผวนของค่าเงิน
ตั้งเป้ารายได้ โต 20% ต่อปี ส่วนกำไรโตมากกว่า 20% ดูจาก
รายได้ ปกติ ของอุตสาหกรรมรถยนต์ โต 6% และการเข้าไปแย่งลูกค้าจากอุตสาหกรรมอีก 14%
ส่วน ต้นทุน ประกอบไปด้วย
1. ต้นทุนแปรผัน มาจาก ต้นทุนสินค้า 55% Shipping cost 5%
2 ต้นทุนคงที่ ค่าเสื่อม ค่าแรงงาน ค่าไฟฟ้า อีก 40% ซึ่งปกติโตไม่เกิน 5%
ดังนั้น กำไร จะโตมากกว่า 20%
หลังจากเอาระบบ SAP มาใช้ตั้งแต่ปี 2009 ระบบเสถึยรขึ้น ทำให้เห็นว่ารายได้สูงขึ้น และกำไรสูงอย่างสม่ำเสมอ
ปัจจัยที่น่าเป็นห่วง
ความเสี่ยงจากค่าเงิน จากลุกค้า จาก เศรษฐกิจโลก และ จาก ตะกั่ว
ต้องmonitor ตลอดเวลา เช่นวางแผนมีลูกค้าในปีนี้เพื่อให้ บรรลุเป้าหมาย รายได้โต 20%อย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ไม่มีปัญหา แต่ห่วงการเพิ่มยอดขายในปีหน้า ซึ่งต้องหาลูกค้าใหม่เพื่มขึ้น
ตลาดรถยนต์ยังโตได้อีกไกล โดยเฉพาะ ความต้องการเพิ่มมากขึ้น สำหรับ Car entertainment และ Drive by wired
คู่แข่ง มี 4 ราย
บริษัท CNK บริษัทแม่อยู่ที่ญี่ปุ่น ราคาขายค่อนข้างสูงกว่า KCE 30% ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัท ในเครือ โตโยต้า
บริษัทในไต้หวัน ทำธุรกิจด้าน consumer เช่น ทีวี set top box ไม่ใช่คู่แข็งโดยตรง
Dragon ไม่ได้ผลิต multilayer ทำแต่ single layer
มีการสร้างโรงงานแห่งที่ 4 ตั้งแต่ พย 14 จนถึงปลาย Q4 14 หลังจากรง ใหม่เริ่มเดินเครื่องในเฟสหนึ่ง ค่าเสื่อมของเครื่องจักร ตัดระยะเวลา 10 ปี คิดค่าเสื่อมราคา 20 ล้านบาท ต่อเดือน
หลังจากโรงงานแห่งใหม่เดินเครื่อง ก็จะรอจนกว่า รง ใหม่ ผลิตเต็ม capacity ก็จะทุบและสร้างใหม่เพื่อรองรับ ความต้องการสินค้ามากกว่า
ผลประกอบการปี56 รายได้เติบโต จาก ปี 55 6,477 MB เป็น 9,293 MB เติบโต 43%
สาเหตุมาจากสามารถดำเนินการผลิตได้อย่างเต็มที่เป็นปีแรกหลังจากการฟื้นฟูจากน้ำท่วม ปี54 ของบริษัท เคซีอี เทคโนโลยี และการเติบโตของตลาดส่งผลให้ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งลูกค้าในปัจจุบันโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์รวมถึงกลุ่มที่บริษัทพัฒนาเพิ่มขึ้นใหม่
กำไรขั้นต้น เพิ่มขึ้นจากปี 55 19.2% เป็น 26.3%
กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น จาก 643 ล้านบาท เป็น 1,173 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.53 บาท
กำไรเติบโตมาก มาจาก สาเหตุ เช่น ต้นทุนลดจากการผลิตในปริมาณมาก การผลิตมีประสิทธิภาพ ของเสียน้อยลง
ปันผล 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 33% ของกำไรสุทธิ ซึ่งปันผลน้อย เพราะต้องการเอาเงินไปขยาย และลงทุนเพื่ออนาคต การสร้างโรงงานแห่งใหม่
ปันผลประกอบด้วย 0.32 บาทจาก BOI และ 0.18 บาทจากบริษัทย่อยได้รับยกเว้นไม่ต้องนำไปคำนวณเป็นรายได้
ยกเลิก ESOP-W4 เนื่องจากพนักงานได้ลาออกหมด
ออก ESOP-W5 แจกพนักงานจำนวนไม่เกิน 10M หุ้น ราคาแปลงสภาพ 31.95 บาทต่อหุ้น
รายได้มาจากส่วน Automobile ประมาณ 71% Industries 11%
Consumer 8% Networking 5%
รายได้เติบโต เฉลี่ย 21% ต่อปี นับจาก 2001-2008 กำไรไม่สม่ำเสมอ เนื่องจาก ความผันผวนของค่าเงิน
ตั้งเป้ารายได้ โต 20% ต่อปี ส่วนกำไรโตมากกว่า 20% ดูจาก
รายได้ ปกติ ของอุตสาหกรรมรถยนต์ โต 6% และการเข้าไปแย่งลูกค้าจากอุตสาหกรรมอีก 14%
ส่วน ต้นทุน ประกอบไปด้วย
1. ต้นทุนแปรผัน มาจาก ต้นทุนสินค้า 55% Shipping cost 5%
2 ต้นทุนคงที่ ค่าเสื่อม ค่าแรงงาน ค่าไฟฟ้า อีก 40% ซึ่งปกติโตไม่เกิน 5%
ดังนั้น กำไร จะโตมากกว่า 20%
หลังจากเอาระบบ SAP มาใช้ตั้งแต่ปี 2009 ระบบเสถึยรขึ้น ทำให้เห็นว่ารายได้สูงขึ้น และกำไรสูงอย่างสม่ำเสมอ
ปัจจัยที่น่าเป็นห่วง
ความเสี่ยงจากค่าเงิน จากลุกค้า จาก เศรษฐกิจโลก และ จาก ตะกั่ว
ต้องmonitor ตลอดเวลา เช่นวางแผนมีลูกค้าในปีนี้เพื่อให้ บรรลุเป้าหมาย รายได้โต 20%อย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ไม่มีปัญหา แต่ห่วงการเพิ่มยอดขายในปีหน้า ซึ่งต้องหาลูกค้าใหม่เพื่มขึ้น
ตลาดรถยนต์ยังโตได้อีกไกล โดยเฉพาะ ความต้องการเพิ่มมากขึ้น สำหรับ Car entertainment และ Drive by wired
คู่แข่ง มี 4 ราย
บริษัท CNK บริษัทแม่อยู่ที่ญี่ปุ่น ราคาขายค่อนข้างสูงกว่า KCE 30% ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัท ในเครือ โตโยต้า
บริษัทในไต้หวัน ทำธุรกิจด้าน consumer เช่น ทีวี set top box ไม่ใช่คู่แข็งโดยตรง
Dragon ไม่ได้ผลิต multilayer ทำแต่ single layer
มีการสร้างโรงงานแห่งที่ 4 ตั้งแต่ พย 14 จนถึงปลาย Q4 14 หลังจากรง ใหม่เริ่มเดินเครื่องในเฟสหนึ่ง ค่าเสื่อมของเครื่องจักร ตัดระยะเวลา 10 ปี คิดค่าเสื่อมราคา 20 ล้านบาท ต่อเดือน
หลังจากโรงงานแห่งใหม่เดินเครื่อง ก็จะรอจนกว่า รง ใหม่ ผลิตเต็ม capacity ก็จะทุบและสร้างใหม่เพื่อรองรับ ความต้องการสินค้ามากกว่า
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 80
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 81
AGM THIP by K' cosmo
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 7&start=90
AGM STPI by K' Zumo , K' Joi , และมีเพิ่มเติมจาก K' sermrut
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... start=8130
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 7&start=90
AGM STPI by K' Zumo , K' Joi , และมีเพิ่มเติมจาก K' sermrut
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... start=8130
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 82
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 83
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 84
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 85
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 86
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 87
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 88
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 89
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ***โครงการอาสาสมัคร “ประชุมผู้ถือหุ้น”***
โพสต์ที่ 90
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
บันทึกไม่สำเร็จ