หนังสือออมไว้ในหุ้น / ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือออมไว้ในหุ้น / ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
โพสต์ที่ 1
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หนังสือออมไว้ในหุ้น / ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
โพสต์ที่ 3
ออมในหุ้น : Money Making Machine
เคล็ดวิชาสร้างเครื่องผลิตเงิน รวยด้วยตัวเองแบบคนรุ่นใหม่!!!
ผู้เขียน ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
รายละเอียดหนังสือ
ISBN : 9786167752242 (ปกอ่อน) 256 หน้า
ขนาดรูปเล่ม : 145 x 210 x 15 มม.
น้ำหนัก : 315 กรัม
เนื้อในพิมพ์ : ขาว-ดำ (สีเดียว) / สี
ชนิดกระดาษ : กระดาษถนอมสายตา
สำนักพิมพ์ : สต็อคทูมอร์โรว์, สนพ.
เดือนปีที่พิมพ์ : 5/2014
เคล็ดวิชาสร้างเครื่องผลิตเงิน รวยด้วยตัวเองแบบคนรุ่นใหม่!!!
ผู้เขียน ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
รายละเอียดหนังสือ
ISBN : 9786167752242 (ปกอ่อน) 256 หน้า
ขนาดรูปเล่ม : 145 x 210 x 15 มม.
น้ำหนัก : 315 กรัม
เนื้อในพิมพ์ : ขาว-ดำ (สีเดียว) / สี
ชนิดกระดาษ : กระดาษถนอมสายตา
สำนักพิมพ์ : สต็อคทูมอร์โรว์, สนพ.
เดือนปีที่พิมพ์ : 5/2014
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หนังสือออมไว้ในหุ้น / ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
โพสต์ที่ 4
เนื้อหาโดยสังเขป
พบกับ "เคล็ดวิชาสร้างเครื่องผลิตเงิน รวยด้วยตัวเองแบบคนรุ่นใหม่" ถ่ายทอดโดย "ภาววิทย์ กลิ่นประทุม" ผู้ที่โชกโชนกับทั้งวงการลงทุนเอง และงานบรรยายที่ชุก งานสัมมนา รวมทั้งงานเกี่ยวกับหุ้น ทำให้ได้สัมผัสทั้งนักลงทุนทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ รวมทั้งได้พบกับหลายคำถามสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการ "ออมในหุ้น" ผู้เขียนจึงได้คัดสรรนำมารวบรวมไว้ให้ผู้ที่สนใจ "ออมในหุ้น" ได้ศึกษาในเล่มนี้ ไม่ว่าจะเป็น "ทัศนคติการลงทุนหุ้น การออมในหุ้น กระบวนการขึ้นลงของราคาหุ้น วิธีเริ่่มต้นของมือใหม่ เคล็ดลับการลงทุนให้ประสบความสำเร็จ" ทั้งหมดกระจายอยู่ในแต่ละบท ด้วยการสื่อสารที่เข้าใจง่ายๆ ตรงประเด็น เพราะผ่านการกรองและย่อยจากสิ่งยากๆ มาให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น เพื่อไปสู่ทัศนคติที่ถูกต้อง และผลลัพธ์ที่ดีๆ ต่อการออมหุ้นของผู้อ่านทุกท่าน
สารบัญ
1. ทำไมต้องออมในหุ้น
2. ออมในหุ้น คือ การทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
3. ต้องใช้เงินเริ่มต้นเท่าไหร่ถึงจะออมในหุ้นได้?
4. ใช้เวลานานแค่ไหน กว่าจะรวยจากการออมในหุ้น?
5. "คนจะรวยต้องทนรวยเป็น"
6. มีคนบอกว่าพวกออมในหุ้น ระวังเจอวิกฤต หมดตัวได้ จริงหรือเปล่า?
7. อยากซื้อในเวลาที่ไม่ขาดทุนเยอะมีวิธีช่วยไหม?
8. คนที่จะออมในหุ้นได้
9. การออมในหุ้นที่ดี ต้องแบ่ง Port อย่างไร?
10. ออมในหุ้น The Beginning ออมแบบมนุษย์เงินเดือน ที่ไม่ได้มีพ่อรวย ต้องมีนิสัยอย่างไร?
ฯลฯ
พบกับ "เคล็ดวิชาสร้างเครื่องผลิตเงิน รวยด้วยตัวเองแบบคนรุ่นใหม่" ถ่ายทอดโดย "ภาววิทย์ กลิ่นประทุม" ผู้ที่โชกโชนกับทั้งวงการลงทุนเอง และงานบรรยายที่ชุก งานสัมมนา รวมทั้งงานเกี่ยวกับหุ้น ทำให้ได้สัมผัสทั้งนักลงทุนทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ รวมทั้งได้พบกับหลายคำถามสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการ "ออมในหุ้น" ผู้เขียนจึงได้คัดสรรนำมารวบรวมไว้ให้ผู้ที่สนใจ "ออมในหุ้น" ได้ศึกษาในเล่มนี้ ไม่ว่าจะเป็น "ทัศนคติการลงทุนหุ้น การออมในหุ้น กระบวนการขึ้นลงของราคาหุ้น วิธีเริ่่มต้นของมือใหม่ เคล็ดลับการลงทุนให้ประสบความสำเร็จ" ทั้งหมดกระจายอยู่ในแต่ละบท ด้วยการสื่อสารที่เข้าใจง่ายๆ ตรงประเด็น เพราะผ่านการกรองและย่อยจากสิ่งยากๆ มาให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น เพื่อไปสู่ทัศนคติที่ถูกต้อง และผลลัพธ์ที่ดีๆ ต่อการออมหุ้นของผู้อ่านทุกท่าน
สารบัญ
1. ทำไมต้องออมในหุ้น
2. ออมในหุ้น คือ การทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
3. ต้องใช้เงินเริ่มต้นเท่าไหร่ถึงจะออมในหุ้นได้?
4. ใช้เวลานานแค่ไหน กว่าจะรวยจากการออมในหุ้น?
5. "คนจะรวยต้องทนรวยเป็น"
6. มีคนบอกว่าพวกออมในหุ้น ระวังเจอวิกฤต หมดตัวได้ จริงหรือเปล่า?
7. อยากซื้อในเวลาที่ไม่ขาดทุนเยอะมีวิธีช่วยไหม?
8. คนที่จะออมในหุ้นได้
9. การออมในหุ้นที่ดี ต้องแบ่ง Port อย่างไร?
10. ออมในหุ้น The Beginning ออมแบบมนุษย์เงินเดือน ที่ไม่ได้มีพ่อรวย ต้องมีนิสัยอย่างไร?
ฯลฯ
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หนังสือออมไว้ในหุ้น / ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
โพสต์ที่ 5
คำนิยม
แพ้ทได้สัมผัสนักลงทุนทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ด้วยการเป็นไอดอลของภาคการลงทุนหุ้น จึงมีคำถามมากมายมาหาแพ้ท ทำให้เขาสามารถรวบรวมประเด็นดังกล่าว มารวบยอดสรุปในหนังสือเล่มนี้ ทั้งหมดกระจายไปอยู่ในแต่ละบท ด้วยภาษาสื่อสาร ที่เข้าใจง่ายๆ ตรงประเด็นอย่างน่าติดตาม
ปิยพันธ์ วงศ์ยะธา
- CEO สต็อคทูมอร์โรว์
ตัวหนังสือของแพ้ททำให้ผมตื่นเต้นทุกครั้ง เพราะมันบรรจุอัดแน่นไปด้วยสาระเข้มข้นที่ย่อยง่ายสุดๆ อ่านแล้วเหมือนเพื่อนมาตบบ่า "เฮ้ย! ไปด้วยกันเว้ย!" ไม่ใช่แบบอาจารย์มาสอนเล็คเชอร์หน้าชั้น
วิสูตร แสงอรุณเลิศ
- ผู้เขียนหนังสือ "งานไม่ประจำ ทำเงินกว่า"
แพ้ทได้สัมผัสนักลงทุนทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ด้วยการเป็นไอดอลของภาคการลงทุนหุ้น จึงมีคำถามมากมายมาหาแพ้ท ทำให้เขาสามารถรวบรวมประเด็นดังกล่าว มารวบยอดสรุปในหนังสือเล่มนี้ ทั้งหมดกระจายไปอยู่ในแต่ละบท ด้วยภาษาสื่อสาร ที่เข้าใจง่ายๆ ตรงประเด็นอย่างน่าติดตาม
ปิยพันธ์ วงศ์ยะธา
- CEO สต็อคทูมอร์โรว์
ตัวหนังสือของแพ้ททำให้ผมตื่นเต้นทุกครั้ง เพราะมันบรรจุอัดแน่นไปด้วยสาระเข้มข้นที่ย่อยง่ายสุดๆ อ่านแล้วเหมือนเพื่อนมาตบบ่า "เฮ้ย! ไปด้วยกันเว้ย!" ไม่ใช่แบบอาจารย์มาสอนเล็คเชอร์หน้าชั้น
วิสูตร แสงอรุณเลิศ
- ผู้เขียนหนังสือ "งานไม่ประจำ ทำเงินกว่า"
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หนังสือออมไว้ในหุ้น / ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
โพสต์ที่ 6
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หนังสือออมไว้ในหุ้น / ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
โพสต์ที่ 7
- marcus147
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 615
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หนังสือออมไว้ในหุ้น / ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
โพสต์ที่ 8
วันนี้ไปยืนอ่านมาครับ
ผมว่าน่าจะเหมาะกับคนที่
ไม่ชอบการเล่นหุ้น เพราะคิดว่ายาก แต่ไม่เคยศึกษาอย่างจริงจัง
อ่านแล้วอาจจะทำให้เปลี่ยนมุมมองต่อการลงทุนในหุ้น
ให้รู้สึกว่ามันน่าสนใจมากขึ้น
แต่ถ้าเป็นนักลงทุนหุ้นอยู่แล้ว
อาจจะไม่ได้อะไรเท่าไร่ สไตร์คนเขียนคนนี้
(ไม่ลึกมาก ได้แต่ข้อมูลพื้นๆ)
ผมว่าน่าจะเหมาะกับคนที่
ไม่ชอบการเล่นหุ้น เพราะคิดว่ายาก แต่ไม่เคยศึกษาอย่างจริงจัง
อ่านแล้วอาจจะทำให้เปลี่ยนมุมมองต่อการลงทุนในหุ้น
ให้รู้สึกว่ามันน่าสนใจมากขึ้น
แต่ถ้าเป็นนักลงทุนหุ้นอยู่แล้ว
อาจจะไม่ได้อะไรเท่าไร่ สไตร์คนเขียนคนนี้
(ไม่ลึกมาก ได้แต่ข้อมูลพื้นๆ)
การลงทุนในตลาดหุ้น ไม่มีทางลัด อยากเก่ง ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
My Blog : http://marcus147.wordpress.com/
My Blog : http://marcus147.wordpress.com/
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หนังสือออมไว้ในหุ้น / ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
โพสต์ที่ 9
Money Making Machine6666666v เขียน:เห็นชื่อเรื่องแล้วคิดว่าพี่แกลงทุนในหุ้น singerซะอีกpakapong_u เขียน:
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- คืนนี้ดาวสวย
- Verified User
- โพสต์: 69
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หนังสือออมไว้ในหุ้น / ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
โพสต์ที่ 11
เอาจริงนะครับ ผมอ่านแล้วผมชอบครับ บทที่พูดถึงการลงทุนนั้นดีครับ
แต่ที่ถูกใจจริงคือแนวคิดเกี่ยวกับธุรกิจ การมองเทรนด์ ที่แทรกๆมา
ผมว่าแนวคิดเขาดีพอตัวเลยล่ะ ไม่แปลกใจทำไมขายดี
สำนวนการเขียนอารมณ์แบบนี้รุ่นผม (เด็กมหาวิทยาลัย) ค่อนข้างชอบครับ
อย่างน้อยเล่มนี้น่าจะทำให้คนทั่วไปได้ชะงักเรื่องการสร้างรายจ่ายถาวร
พวกหนี้รถ หนี้บัตรเครดิต กู้ แล้วหันมาสนใจการออมเงินลงทุนในหุ้นมากขึ้น
มีโอกาสที่เล่มต่อไปที่เขามาคว้าจะได้เป็นพวกหนังสือของ Lynch Buffet ครับ
แต่ที่ถูกใจจริงคือแนวคิดเกี่ยวกับธุรกิจ การมองเทรนด์ ที่แทรกๆมา
ผมว่าแนวคิดเขาดีพอตัวเลยล่ะ ไม่แปลกใจทำไมขายดี
สำนวนการเขียนอารมณ์แบบนี้รุ่นผม (เด็กมหาวิทยาลัย) ค่อนข้างชอบครับ
อย่างน้อยเล่มนี้น่าจะทำให้คนทั่วไปได้ชะงักเรื่องการสร้างรายจ่ายถาวร
พวกหนี้รถ หนี้บัตรเครดิต กู้ แล้วหันมาสนใจการออมเงินลงทุนในหุ้นมากขึ้น
มีโอกาสที่เล่มต่อไปที่เขามาคว้าจะได้เป็นพวกหนังสือของ Lynch Buffet ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หนังสือออมไว้ในหุ้น / ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
โพสต์ที่ 13
คอลัมน์: มุมคิดคนข่าว: คิดแบบขาใหญ่ รวยได้...แม้พอร์ตเล็ก
Source - ประชาชาติธุรกิจ (Th)
Saturday, May 24, 2014 04:30
พัชรินทร์ ธนากรพิพัฒนกุล [email protected]
รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็น"พ.ร.บ.กฎอัยการศึก" ควบคุมพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรไทย ซึ่งมีผล ตั้งแต่เวลา 03.00 น. วันที่ 20 พ.ค. 2557 นั้น ดูเหมือนจะทำให้นักลงทุนไทยเริ่มสับสน ไม่รู้ว่าจะวางกลยุทธ์การลงทุนอย่างไร และที่ร้ายกว่านั้น บางรายปฏิเสธที่จะลงทุน โดยให้เหตุผลว่า "ตลาดหุ้นผันผวนคาดเดายาก" หรือ "หุ้นไทยถึงจุดสูงสุด แล้ว" ดังนั้น อย่าเอากลยุทธ์การลงทุนมายัดเยียดฉัน ! พอร์ตขาใหญ่กับรายย่อย มันต่างกัน ! ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง หรือ "มายาคติ"
การไขคำตอบเหล่านี้ อาจจะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมาช่วย ซึ่งก็โชคดีที่ "ภาววิทย์ กลิ่นประทุม" หรือ "คุณแพท" ที่ปรึกษาการลงทุนนักลงทุนรายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง เจ้าของหนังสือลงทุนหุ้นติดอันดับ Best Seller หลายเล่ม (ดูจากจำนวนผลการสืบค้นในกูเกิลได้) สละเวลามาให้มุมคิดที่น่าสนใจกับคนข่าว เพื่อสะท้อนไปยังนักลงทุนอีกทอดหนึ่ง
"คุณแพท" ร่ายให้ฟังว่า ถ้าหากตอนนี้เขาเป็นนักลงทุนที่มีเงินในพอร์ต 1 แสนบาท ก็มั่นใจว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้เป็น 1 ล้านได้ภายใน 10 ปี หรือเร็วกว่านั้น...!
วิธีการคือ สมมติว่าตอนนี้เขายังเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ ก็จะต้องจัดการ กับ "มายาคติ" ที่เกิดขึ้นในใจก่อน อันดับแรกคือ เรื่องของ "ความกลัว" ซึ่งมักจะทำให้ไม่สามารถลงทุนได้ทั้งที่มีจังหวะ ยกตัวอย่างเช่น ในตอนนี้ที่มีการประกาศกฎอัยการศึก นักลงทุนหลายคนไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุน เพราะกลัวว่าตลาด จะปรับตัวลดลงไปอีก ซึ่งความเห็น ส่วนตัวของ "คุณแพท" กลับมีมุมมองที่ต่าง ออกไปเพราะการลงทุนสามารถทำได้ทุกจังหวะ โดยเฉพาะหากเป็นการลงทุนเพื่อ "การออม"
ดังนั้น แม้จะอยู่ในภาวะที่ดัชนีปรับตัวลดลง แต่หากนักลงทุนเลือกซื้อหุ้นประเภทที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ก็จะทำให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีโดยไม่ต้องกลัวว่าภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องของผลตอบแทนจากการขายหุ้น (Capital Gain) นั้น ไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะหากเป็นหุ้นพื้นฐาน ดีสามารถถือลงทุนในระยะยาว 5-10 ปีได้ ในที่สุดแล้วราคาก็จะปรับตัวขึ้นมาสูงกว่าต้นทุนอย่างแน่นอน ซึ่งประเด็นนี้สามารถย้อนดูสถิติย้อนหลังของ "หุ้นน้ำดี" ในตลาดได้อย่างไรก็ตาม การที่มีเงินไม่มากนัก ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะนักลงทุนสามารถเลือกใช้เครื่องมือที่เรียกว่า LTF และ RMF ได้ ซึ่งก็จะช่วยให้เข้าถึงหุ้นขนาดใหญ่ ปันผลดี ล็อกเงินลงทุนได้ในระยะยาว ตามเป้าหมายเช่นกัน
ขณะเดียวกัน "คุณแพท" จะใช้วิธีบริหาร "ความโลภ" ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้หลายคนสอบไม่ผ่านในสนามการลงทุนมาโดยตลอด เนื่องจากแม้นักลงทุนจะพยายามเลือกหุ้นที่ดีเข้าพอร์ตแล้ว แต่เพราะราคาหุ้นบริษัทนั้น ๆ ขึ้นไปไม่เร็วทันใจ จึงทำให้ยอมแพ้ง่าย ๆ ตัดสินใจขายทิ้งในที่สุด หรือนักลงทุนบางรายอาจเน้นจะเลือกลงทุน "หุ้นปั่น" ที่ราคาปรับตัว อย่างร้อนแรง เพียงแค่หวังจะ "รวยทางลัด" ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะหากเข้าไปซื้อในราคาที่สูง ก็แน่นอนว่ามีโอกาสเสี่ยงจะ "ติดดอย" แถมไม่ได้เงินปันผลอีกต่างหาก
"คุณแพท" ยืนยันว่า หากนักลงทุนทำได้ตามคำแนะนำ ทั้งในเรื่องการบริหาร "ความกลัว" และ "บริหารความโลภ" ก็ถือว่าก้าวข้ามผ่านมายาคติ ปูพรมสู่หนทางความมั่งคั่งขั้นเริ่มต้นได้แล้ว
สั้น ๆ ย้ำอีกทีว่า พอร์ตจะเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ ทุกคนมีโอกาสมั่งคั่ง ถ้าปรับความคิด และอดทนที่จะรวยให้เป็น--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 26 - 28 พ.ค. 2557--
Source - ประชาชาติธุรกิจ (Th)
Saturday, May 24, 2014 04:30
พัชรินทร์ ธนากรพิพัฒนกุล [email protected]
รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็น"พ.ร.บ.กฎอัยการศึก" ควบคุมพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรไทย ซึ่งมีผล ตั้งแต่เวลา 03.00 น. วันที่ 20 พ.ค. 2557 นั้น ดูเหมือนจะทำให้นักลงทุนไทยเริ่มสับสน ไม่รู้ว่าจะวางกลยุทธ์การลงทุนอย่างไร และที่ร้ายกว่านั้น บางรายปฏิเสธที่จะลงทุน โดยให้เหตุผลว่า "ตลาดหุ้นผันผวนคาดเดายาก" หรือ "หุ้นไทยถึงจุดสูงสุด แล้ว" ดังนั้น อย่าเอากลยุทธ์การลงทุนมายัดเยียดฉัน ! พอร์ตขาใหญ่กับรายย่อย มันต่างกัน ! ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง หรือ "มายาคติ"
การไขคำตอบเหล่านี้ อาจจะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมาช่วย ซึ่งก็โชคดีที่ "ภาววิทย์ กลิ่นประทุม" หรือ "คุณแพท" ที่ปรึกษาการลงทุนนักลงทุนรายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง เจ้าของหนังสือลงทุนหุ้นติดอันดับ Best Seller หลายเล่ม (ดูจากจำนวนผลการสืบค้นในกูเกิลได้) สละเวลามาให้มุมคิดที่น่าสนใจกับคนข่าว เพื่อสะท้อนไปยังนักลงทุนอีกทอดหนึ่ง
"คุณแพท" ร่ายให้ฟังว่า ถ้าหากตอนนี้เขาเป็นนักลงทุนที่มีเงินในพอร์ต 1 แสนบาท ก็มั่นใจว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้เป็น 1 ล้านได้ภายใน 10 ปี หรือเร็วกว่านั้น...!
วิธีการคือ สมมติว่าตอนนี้เขายังเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ ก็จะต้องจัดการ กับ "มายาคติ" ที่เกิดขึ้นในใจก่อน อันดับแรกคือ เรื่องของ "ความกลัว" ซึ่งมักจะทำให้ไม่สามารถลงทุนได้ทั้งที่มีจังหวะ ยกตัวอย่างเช่น ในตอนนี้ที่มีการประกาศกฎอัยการศึก นักลงทุนหลายคนไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุน เพราะกลัวว่าตลาด จะปรับตัวลดลงไปอีก ซึ่งความเห็น ส่วนตัวของ "คุณแพท" กลับมีมุมมองที่ต่าง ออกไปเพราะการลงทุนสามารถทำได้ทุกจังหวะ โดยเฉพาะหากเป็นการลงทุนเพื่อ "การออม"
ดังนั้น แม้จะอยู่ในภาวะที่ดัชนีปรับตัวลดลง แต่หากนักลงทุนเลือกซื้อหุ้นประเภทที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ก็จะทำให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีโดยไม่ต้องกลัวว่าภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องของผลตอบแทนจากการขายหุ้น (Capital Gain) นั้น ไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะหากเป็นหุ้นพื้นฐาน ดีสามารถถือลงทุนในระยะยาว 5-10 ปีได้ ในที่สุดแล้วราคาก็จะปรับตัวขึ้นมาสูงกว่าต้นทุนอย่างแน่นอน ซึ่งประเด็นนี้สามารถย้อนดูสถิติย้อนหลังของ "หุ้นน้ำดี" ในตลาดได้อย่างไรก็ตาม การที่มีเงินไม่มากนัก ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะนักลงทุนสามารถเลือกใช้เครื่องมือที่เรียกว่า LTF และ RMF ได้ ซึ่งก็จะช่วยให้เข้าถึงหุ้นขนาดใหญ่ ปันผลดี ล็อกเงินลงทุนได้ในระยะยาว ตามเป้าหมายเช่นกัน
ขณะเดียวกัน "คุณแพท" จะใช้วิธีบริหาร "ความโลภ" ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้หลายคนสอบไม่ผ่านในสนามการลงทุนมาโดยตลอด เนื่องจากแม้นักลงทุนจะพยายามเลือกหุ้นที่ดีเข้าพอร์ตแล้ว แต่เพราะราคาหุ้นบริษัทนั้น ๆ ขึ้นไปไม่เร็วทันใจ จึงทำให้ยอมแพ้ง่าย ๆ ตัดสินใจขายทิ้งในที่สุด หรือนักลงทุนบางรายอาจเน้นจะเลือกลงทุน "หุ้นปั่น" ที่ราคาปรับตัว อย่างร้อนแรง เพียงแค่หวังจะ "รวยทางลัด" ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะหากเข้าไปซื้อในราคาที่สูง ก็แน่นอนว่ามีโอกาสเสี่ยงจะ "ติดดอย" แถมไม่ได้เงินปันผลอีกต่างหาก
"คุณแพท" ยืนยันว่า หากนักลงทุนทำได้ตามคำแนะนำ ทั้งในเรื่องการบริหาร "ความกลัว" และ "บริหารความโลภ" ก็ถือว่าก้าวข้ามผ่านมายาคติ ปูพรมสู่หนทางความมั่งคั่งขั้นเริ่มต้นได้แล้ว
สั้น ๆ ย้ำอีกทีว่า พอร์ตจะเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ ทุกคนมีโอกาสมั่งคั่ง ถ้าปรับความคิด และอดทนที่จะรวยให้เป็น--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 26 - 28 พ.ค. 2557--
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หนังสือออมไว้ในหุ้น / ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
โพสต์ที่ 14
คอลัมน์: เปิดพอร์ต: 'ภาววิทย์'เชื่อออมในหุ้นเหมือนมีเครื่องผลิตเงิน
Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th)
Friday, June 20, 2014 04:21
บงกชรัตน์ สร้อยทอง
ชื่อ "ภาววิทย์ กลิ่นประทุม" หรือ"แพท" นักเขียน นักลงทุน และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)บัวหลวง คงเป็นที่รู้จักของผู้ลงทุนหรือนักอ่านหนังสือกันพอสมควร จนเรียกได้ว่าเป็นคนหนึ่งที่มีแฟนคลับของตัวเองไม่แพ้คนในวงการบันเทิง
ทว่า วันนี้เขาได้ออกพ็อกเกตบุ๊กเล่มที่ 8 ออกมา ชื่อ"ออมในหุ้น Money Making Machine" ที่ขึ้นอันดับ 1 หนังสือขายดีของซีเอ็ดบุ๊คตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา แต่เพิ่งมีการเปิดตัวแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่17 มิ.ย. 2557 ที่ผ่านมา
"แพท" บอกว่า พ็อกเกตบุ๊กเล่มนี้ถือเป็นเล่มหนึ่งที่นำเสนอเรื่องการลงทุนในหุ้นสามัญ เพราะจะเสนอแบบเข้าใจง่าย สั้น และกระชับที่สุดที่เคยทำมา อีกทั้งยังเข้ากับกระแสของผู้ลงทุนที่เริ่มนิยมใช้หุ้นเป็นสินทรัพย์ตัวหนึ่งในการออมมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายหนังสือเล่มนี้ คือ กลุ่มมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายเพราะจะทำให้รู้ว่าทุกคนสามารถเก็บเงินได้ดีเพื่อหวังชนะอัตราเงินเฟ้อที่มีแต่ระดับที่สูงขึ้น และสามารถมีเงินเตรียมตัวไว้สำหรับวัยเกษียณอายุได้ถ้าเขารู้จักออมในหุ้น
สำหรับคอนเซปต์ว่า "การออมหุ้นนั้นเหมือนเครื่องผลิตเงินเองได้เพราะเม็ดเงินที่ลงทุนไปหรือมูลค่าพอร์ตการลงทุนจะมีแต่จะเติบโตขึ้นในอนาคต"ดังนั้น จึงมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดกับเล่ม "ดีที่สุดในจุดที่ยืน" ที่จะเน้นไปยังบุคคลที่มีการลงทุนอยู่แล้ว รู้จักเทคนิคว่าควรเข้าซื้อในจังหวะที่พอเหมาะพอดีรู้จักขายตัดขาดทุน เป็นต้น ขณะที่เล่มนี้เน้นให้ทยอยเก็บหุ้นเพิ่มในจังหวะที่มีข่าวร้ายมากระทบบรรยากาศการลงทุนในหุ้น
ทั้งนี้ เขามองว่าหุ้นกับที่ดินเป็นสินทรัพย์ที่ให้ค่าเหมือนกัน แม้ระหว่างทางหุ้นจะมีความผันผวนของราคาไปบ้าง แต่หากอดทนรอรวยให้เป็น โดยรู้จักที่จะซื้อและไม่ขายสิ่งที่เราจะได้ก็คือเงินปันผล และหากถือไว้ในระยะยาวอัตราผลตอบแทนที่จะได้ยังไงก็ต้องมีส่วนต่างของราคาอยู่ดี ขณะที่ที่ดินหากซื้อที่มีทำเลดี อย่างน้อยมูลค่าของที่ดินก็จะมีการปรับขึ้นทุกปีอยู่แล้ว ยกตัวอย่างให้เห็น ในวันที่ให้พนักงานของธนาคารกรุงเทพ ดูหุ้น บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต (BLA) ตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อ5 ปีก่อน และถือยาว แต่หลายคนเลือกจะขายไปในราคาที่ปรับขึ้นจากไอพีโอได้สักพัก แต่ปัจจุบันใครจะรู้บ้างว่า 5 ปีผ่านมา ราคาหุ้น BLA ได้ปรับขึ้นมาถึง 8 เด้ง (เท่า)
"แพท" บอกว่า หัวใจหลักของหนังสือเล่มนี้คือ การลงทุนต้องอาศัยความรู้และต้องรู้จักอดทนให้เป็น โดยเฉพาะข้อหลังนี้หลายคนพอเห็นว่าเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีมาก พอได้กำไร 5% ก็มองว่าน่าจะขายทำกำไรไป แทนที่บางทีจะได้กำไรมากกว่า 10% ก็ตาม เช่นกันหลายครั้งที่ตอนดัชนีหุ้นปรับลง 70% ก็ต้องรู้จักอดทนให้ได้ เพราะเงินในพอร์ตเราจะหายไปจนใจวูบ แต่ให้จำไว้เสมอว่า ถ้าหุ้นดีพอจังหวะมันจะดีดกลับ มันก็จะกลับมาแรงกว่าตอนที่ลงไปอีก ซึ่งหากตรงกับหลักการออมในหุ้นคือ ช่วงที่หุ้นปรับลงแรงทุกครั้งก็ควรเข้าไปซื้อถั่วเฉลี่ยไว้ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นตอนที่มีข่าวร้ายๆ เข้ามา
ทั้งนี้ ค่าเฉลี่ยส่วนใหญ่หากถือหุ้นมากกว่า 10 ปีขึ้นไปมักจะได้ปันผลเฉลี่ยที่ 12% หรือในเกณฑ์ทั่วไปปกติ หากถือหุ้น 10 ปีจะมีผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 5-10 เด้ง และหากถือ 20 ปีจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 10-100 เด้งได้ ซึ่งตรงข้ามกับพฤติกรรมของผู้ลงทุนรายย่อยที่มักจะเปิดบัญชีและปิดบัญชีภายใน 6 เดือนเพราะรายย่อยมักให้น้ำหนักไปลงทุนในหุ้นปั่นเป็นส่วนใหญ่ และกลับมองว่าหุ้นที่อยู่ในกระแสข่าวราคาจะปรับขึ้นได้ แต่อยากให้มองว่าหุ้นที่อยู่ในกระแสข่าวแล้วราคาจะตกลงแน่นอน แต่รายย่อยชอบเข้าไปเล่น
สำหรับพอร์ตการลงทุนส่วนตัวของ"แพท" เอง ตอนนี้ 70% เป็นการออมในหุ้นที่ซื้อลงทุนมาตลอด 5 ปี ที่เขาเริ่มลงทุนมา และที่เหลือ 30% เป็นการถือเงินสดเพื่อรอจังหวะเข้าซื้อเก็บหุ้นในพอร์ตของเขาส่วนใหญ่ยังเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ฉะนั้นการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 5 เด้ง แต่ก็จะมีบางตัวที่มี 100 เด้งบ้าง ที่สำคัญคือ เลือกออมในหุ้นเพียง 5-10 ตัว เท่านั้น และควรเลือกหุ้นที่มีความโดดเด่นในแต่ละอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันยังสามารถมองเห็นการเติบโตในอนาคตได้ด้วย แต่สำหรับมูลค่าพอร์ตการลงทุนส่วนตัวเจ้าตัวไม่ขอเอ่ยถึงเพราะอยากเน้นให้คนดูที่ผลจากการออมในระยะยาวเป็นหลักมากกว่าซึ่ง"แพท" ก็เพิ่งผ่านการลงทุนมา 5 ปี
อย่างไรก็ดี ปี 2557 มองว่าได้ผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว และกลุ่มที่มองว่ามีโอกาสลงทุนได้ ได้แก่ กลุ่มพลังงานหลักอย่างกลุ่มน้ำมันหรือปิโตรเคมี กลุ่มสื่อสารและนอกจากนั้นต้องมีการวิเคราะห์เป็นรายตัว n--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th)
Friday, June 20, 2014 04:21
บงกชรัตน์ สร้อยทอง
ชื่อ "ภาววิทย์ กลิ่นประทุม" หรือ"แพท" นักเขียน นักลงทุน และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)บัวหลวง คงเป็นที่รู้จักของผู้ลงทุนหรือนักอ่านหนังสือกันพอสมควร จนเรียกได้ว่าเป็นคนหนึ่งที่มีแฟนคลับของตัวเองไม่แพ้คนในวงการบันเทิง
ทว่า วันนี้เขาได้ออกพ็อกเกตบุ๊กเล่มที่ 8 ออกมา ชื่อ"ออมในหุ้น Money Making Machine" ที่ขึ้นอันดับ 1 หนังสือขายดีของซีเอ็ดบุ๊คตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา แต่เพิ่งมีการเปิดตัวแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่17 มิ.ย. 2557 ที่ผ่านมา
"แพท" บอกว่า พ็อกเกตบุ๊กเล่มนี้ถือเป็นเล่มหนึ่งที่นำเสนอเรื่องการลงทุนในหุ้นสามัญ เพราะจะเสนอแบบเข้าใจง่าย สั้น และกระชับที่สุดที่เคยทำมา อีกทั้งยังเข้ากับกระแสของผู้ลงทุนที่เริ่มนิยมใช้หุ้นเป็นสินทรัพย์ตัวหนึ่งในการออมมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายหนังสือเล่มนี้ คือ กลุ่มมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายเพราะจะทำให้รู้ว่าทุกคนสามารถเก็บเงินได้ดีเพื่อหวังชนะอัตราเงินเฟ้อที่มีแต่ระดับที่สูงขึ้น และสามารถมีเงินเตรียมตัวไว้สำหรับวัยเกษียณอายุได้ถ้าเขารู้จักออมในหุ้น
สำหรับคอนเซปต์ว่า "การออมหุ้นนั้นเหมือนเครื่องผลิตเงินเองได้เพราะเม็ดเงินที่ลงทุนไปหรือมูลค่าพอร์ตการลงทุนจะมีแต่จะเติบโตขึ้นในอนาคต"ดังนั้น จึงมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดกับเล่ม "ดีที่สุดในจุดที่ยืน" ที่จะเน้นไปยังบุคคลที่มีการลงทุนอยู่แล้ว รู้จักเทคนิคว่าควรเข้าซื้อในจังหวะที่พอเหมาะพอดีรู้จักขายตัดขาดทุน เป็นต้น ขณะที่เล่มนี้เน้นให้ทยอยเก็บหุ้นเพิ่มในจังหวะที่มีข่าวร้ายมากระทบบรรยากาศการลงทุนในหุ้น
ทั้งนี้ เขามองว่าหุ้นกับที่ดินเป็นสินทรัพย์ที่ให้ค่าเหมือนกัน แม้ระหว่างทางหุ้นจะมีความผันผวนของราคาไปบ้าง แต่หากอดทนรอรวยให้เป็น โดยรู้จักที่จะซื้อและไม่ขายสิ่งที่เราจะได้ก็คือเงินปันผล และหากถือไว้ในระยะยาวอัตราผลตอบแทนที่จะได้ยังไงก็ต้องมีส่วนต่างของราคาอยู่ดี ขณะที่ที่ดินหากซื้อที่มีทำเลดี อย่างน้อยมูลค่าของที่ดินก็จะมีการปรับขึ้นทุกปีอยู่แล้ว ยกตัวอย่างให้เห็น ในวันที่ให้พนักงานของธนาคารกรุงเทพ ดูหุ้น บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต (BLA) ตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อ5 ปีก่อน และถือยาว แต่หลายคนเลือกจะขายไปในราคาที่ปรับขึ้นจากไอพีโอได้สักพัก แต่ปัจจุบันใครจะรู้บ้างว่า 5 ปีผ่านมา ราคาหุ้น BLA ได้ปรับขึ้นมาถึง 8 เด้ง (เท่า)
"แพท" บอกว่า หัวใจหลักของหนังสือเล่มนี้คือ การลงทุนต้องอาศัยความรู้และต้องรู้จักอดทนให้เป็น โดยเฉพาะข้อหลังนี้หลายคนพอเห็นว่าเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีมาก พอได้กำไร 5% ก็มองว่าน่าจะขายทำกำไรไป แทนที่บางทีจะได้กำไรมากกว่า 10% ก็ตาม เช่นกันหลายครั้งที่ตอนดัชนีหุ้นปรับลง 70% ก็ต้องรู้จักอดทนให้ได้ เพราะเงินในพอร์ตเราจะหายไปจนใจวูบ แต่ให้จำไว้เสมอว่า ถ้าหุ้นดีพอจังหวะมันจะดีดกลับ มันก็จะกลับมาแรงกว่าตอนที่ลงไปอีก ซึ่งหากตรงกับหลักการออมในหุ้นคือ ช่วงที่หุ้นปรับลงแรงทุกครั้งก็ควรเข้าไปซื้อถั่วเฉลี่ยไว้ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นตอนที่มีข่าวร้ายๆ เข้ามา
ทั้งนี้ ค่าเฉลี่ยส่วนใหญ่หากถือหุ้นมากกว่า 10 ปีขึ้นไปมักจะได้ปันผลเฉลี่ยที่ 12% หรือในเกณฑ์ทั่วไปปกติ หากถือหุ้น 10 ปีจะมีผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 5-10 เด้ง และหากถือ 20 ปีจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 10-100 เด้งได้ ซึ่งตรงข้ามกับพฤติกรรมของผู้ลงทุนรายย่อยที่มักจะเปิดบัญชีและปิดบัญชีภายใน 6 เดือนเพราะรายย่อยมักให้น้ำหนักไปลงทุนในหุ้นปั่นเป็นส่วนใหญ่ และกลับมองว่าหุ้นที่อยู่ในกระแสข่าวราคาจะปรับขึ้นได้ แต่อยากให้มองว่าหุ้นที่อยู่ในกระแสข่าวแล้วราคาจะตกลงแน่นอน แต่รายย่อยชอบเข้าไปเล่น
สำหรับพอร์ตการลงทุนส่วนตัวของ"แพท" เอง ตอนนี้ 70% เป็นการออมในหุ้นที่ซื้อลงทุนมาตลอด 5 ปี ที่เขาเริ่มลงทุนมา และที่เหลือ 30% เป็นการถือเงินสดเพื่อรอจังหวะเข้าซื้อเก็บหุ้นในพอร์ตของเขาส่วนใหญ่ยังเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ฉะนั้นการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 5 เด้ง แต่ก็จะมีบางตัวที่มี 100 เด้งบ้าง ที่สำคัญคือ เลือกออมในหุ้นเพียง 5-10 ตัว เท่านั้น และควรเลือกหุ้นที่มีความโดดเด่นในแต่ละอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันยังสามารถมองเห็นการเติบโตในอนาคตได้ด้วย แต่สำหรับมูลค่าพอร์ตการลงทุนส่วนตัวเจ้าตัวไม่ขอเอ่ยถึงเพราะอยากเน้นให้คนดูที่ผลจากการออมในระยะยาวเป็นหลักมากกว่าซึ่ง"แพท" ก็เพิ่งผ่านการลงทุนมา 5 ปี
อย่างไรก็ดี ปี 2557 มองว่าได้ผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว และกลุ่มที่มองว่ามีโอกาสลงทุนได้ ได้แก่ กลุ่มพลังงานหลักอย่างกลุ่มน้ำมันหรือปิโตรเคมี กลุ่มสื่อสารและนอกจากนั้นต้องมีการวิเคราะห์เป็นรายตัว n--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
-
- Verified User
- โพสต์: 366
- ผู้ติดตาม: 0
Re: หนังสือออมไว้ในหุ้น / ภาววิทย์ กลิ่นประทุม
โพสต์ที่ 15
อ่านจบแล้วเห็นด้วยเลยครับ คือได้ภาพรวมดี แต่รายละเอียดเชิงลึกค่อนข้างน้อยครับ
marcus147 เขียน:วันนี้ไปยืนอ่านมาครับ
ผมว่าน่าจะเหมาะกับคนที่
ไม่ชอบการเล่นหุ้น เพราะคิดว่ายาก แต่ไม่เคยศึกษาอย่างจริงจัง
อ่านแล้วอาจจะทำให้เปลี่ยนมุมมองต่อการลงทุนในหุ้น
ให้รู้สึกว่ามันน่าสนใจมากขึ้น
แต่ถ้าเป็นนักลงทุนหุ้นอยู่แล้ว
อาจจะไม่ได้อะไรเท่าไร่ สไตร์คนเขียนคนนี้
(ไม่ลึกมาก ได้แต่ข้อมูลพื้นๆ)