aec
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: aec
โพสต์ที่ 91
ขอ Share ครับ...อย่างฮา
http://www.facebook.com/photo.php?fbid= ... 653&type=1
ออกพญาหงส์ทอง
กูจักมาเล่าราชการบ้านเมืองอีกสักครา จักพยายามสรุปให้สั้นแลกระชับ
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จักทำให้เราเป็นตลาดเดียวกันกับอีก ๑๐ ประเทศ คือมีข้อตกลงร่วมกันที่จะไม่เก็บจังกอบ โดยมี ๕ ประการ
๑.สินค้า สามารถค้าขายกันได้โดยมิเก็บจังกอบแลอากร แต่กระนั้นสยามยังมีการปกป้อง (non-tariff measures, NTMs)มิให้สินค้าเข้ามาตีตลาดทำให้มีผลกับผู้ผลิตภายในสยามเสียเปรียบ ข้อได้เปรียบของสยามได้แก่การส่งออก ยาง ข้าวโพด รถยนต์
๒. บริการ สยามน่าจักได้เปรียบเป็นอันดับ๒ รองจากสิงหปุระ งานบริการที่ได้เปรียบได้แก่ ท่องเทียว สุขภาพ ความงาม
๓. การลงทุน น่าจักเป็นข้อที่สยามแลจักเสียเปรียบมากที่สุด สิงหปุระจักได้เปรียบมากที่สุดเนื่องจากมีเงินลงทุนมาก ซ้ำ เขมร พม่ารามัญนั้น ทรัพยากรยังคงอุดม ฐานการผลิตจักย้ายจากสยามไปประเทศข้างเคียง บ่าวไพร่โรงงานจักมิมีการงานทำ
๔. เงินทุน กล่าวความง่าย ก็คือ ปัจจุบันมิสามารถซื้อหุ้นต่างประเทศได้ถ้ายังไม่เปิด Port ต่างชาติ แต่หากเป็น AEC แล้วจักสามารถซื้อหุ้นของต่างประเทศได้ ซึ่งมูลค่ารวมราคาตลาด(Market Cap.)ใหญ่มาก พวกไพร่เยี่ยงมึงไปซื้อหุ้นเน้นมูลค่า VI มาเก็บไว้ได้เลย
๕.แรงงานฝีมือ หากมึงเป็นเฉกเช่นบ่าวไพร่ไร้ทักษะมึงจักโดนเขมร แลพม่ารามัญแย่งงาน หากมึงเป็นแรงงานทักษะสูงเตรียมย้ายไปทำงานยังประเทศที่จ้างแพงกว่า เนื่องด้วยเปิดเสรีเกือบทุกอาชีพ (ก่อนหน้า กีดกันเช่น หมอ วิศวกร ฯลฯ)
**มาตรแม้นทั้งหลายทั้งปวงหากไพร่สถุลเยี่ยงมึงยังคงแต่เฝ้า "ตำราพักตร์" (Facebook) มิไปฝึกปรือภาษาของชาวบริเตน แลพวกมึงจักเสียเปรียบทุกประการที่ได้กล่าวมา
เอามาเล่าความเนื่องจากแลเห็นตามโรงเรียนแลอุดมศึกษา รู้เพียงว่า AEC คือการเอาธงชาติมาปักให้ครบ ๑๐ ประเทศ
ออกพญาหงส์ทอง : "ข้อมูลทั้งหลายกูได้วิเคราะห์เอง ผิดถูกอย่าได้โทสะ กูมิใช่ปราชญ์วิชาการ"
-จบ-
http://www.facebook.com/photo.php?fbid= ... 653&type=1
ออกพญาหงส์ทอง
กูจักมาเล่าราชการบ้านเมืองอีกสักครา จักพยายามสรุปให้สั้นแลกระชับ
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จักทำให้เราเป็นตลาดเดียวกันกับอีก ๑๐ ประเทศ คือมีข้อตกลงร่วมกันที่จะไม่เก็บจังกอบ โดยมี ๕ ประการ
๑.สินค้า สามารถค้าขายกันได้โดยมิเก็บจังกอบแลอากร แต่กระนั้นสยามยังมีการปกป้อง (non-tariff measures, NTMs)มิให้สินค้าเข้ามาตีตลาดทำให้มีผลกับผู้ผลิตภายในสยามเสียเปรียบ ข้อได้เปรียบของสยามได้แก่การส่งออก ยาง ข้าวโพด รถยนต์
๒. บริการ สยามน่าจักได้เปรียบเป็นอันดับ๒ รองจากสิงหปุระ งานบริการที่ได้เปรียบได้แก่ ท่องเทียว สุขภาพ ความงาม
๓. การลงทุน น่าจักเป็นข้อที่สยามแลจักเสียเปรียบมากที่สุด สิงหปุระจักได้เปรียบมากที่สุดเนื่องจากมีเงินลงทุนมาก ซ้ำ เขมร พม่ารามัญนั้น ทรัพยากรยังคงอุดม ฐานการผลิตจักย้ายจากสยามไปประเทศข้างเคียง บ่าวไพร่โรงงานจักมิมีการงานทำ
๔. เงินทุน กล่าวความง่าย ก็คือ ปัจจุบันมิสามารถซื้อหุ้นต่างประเทศได้ถ้ายังไม่เปิด Port ต่างชาติ แต่หากเป็น AEC แล้วจักสามารถซื้อหุ้นของต่างประเทศได้ ซึ่งมูลค่ารวมราคาตลาด(Market Cap.)ใหญ่มาก พวกไพร่เยี่ยงมึงไปซื้อหุ้นเน้นมูลค่า VI มาเก็บไว้ได้เลย
๕.แรงงานฝีมือ หากมึงเป็นเฉกเช่นบ่าวไพร่ไร้ทักษะมึงจักโดนเขมร แลพม่ารามัญแย่งงาน หากมึงเป็นแรงงานทักษะสูงเตรียมย้ายไปทำงานยังประเทศที่จ้างแพงกว่า เนื่องด้วยเปิดเสรีเกือบทุกอาชีพ (ก่อนหน้า กีดกันเช่น หมอ วิศวกร ฯลฯ)
**มาตรแม้นทั้งหลายทั้งปวงหากไพร่สถุลเยี่ยงมึงยังคงแต่เฝ้า "ตำราพักตร์" (Facebook) มิไปฝึกปรือภาษาของชาวบริเตน แลพวกมึงจักเสียเปรียบทุกประการที่ได้กล่าวมา
เอามาเล่าความเนื่องจากแลเห็นตามโรงเรียนแลอุดมศึกษา รู้เพียงว่า AEC คือการเอาธงชาติมาปักให้ครบ ๑๐ ประเทศ
ออกพญาหงส์ทอง : "ข้อมูลทั้งหลายกูได้วิเคราะห์เอง ผิดถูกอย่าได้โทสะ กูมิใช่ปราชญ์วิชาการ"
-จบ-
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 92
“นายแบงก์” ชี้ “ตลาดเงินไทย” จุดอ่อนเพียบ ยังไม่พร้อมเปิดรับ “เออีซี”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2555 13:30 น.
“นายแบงก์” ชี้ ตลาดเงินไทยยังไม่พร้อมเปิดรับ “เออีซี” เพราะมีหลายจุดอ่อน ยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และไม่ตื่นตัว โดยเฉพาะภาษาที่ใช้ในการติดต่อต่อสื่อสาร พร้อมยกศักยภาพด้านภาษา “ไทย” ยังแพ้ “ลาว” แถมความล้าหลังด้าน กม. ที่ไม่มีการปรับปรุงให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นายบันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความพร้อมของตลาดการเงินไทยในการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558 โดยยอมรับว่า ภาคเอกชนที่เป็นสถาบันการเงินส่วนใหญ่ ยังไม่มีประเทศใดที่มีความพร้อม ยกเว้นสิงคโปร์
สำหรับประเทศไทย นายบันลือศักดิ์ ยอมรับว่า ยังมีจุดอ่อนหลายด้าน โดยเฉพาะการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะไปในทิศทางใด ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ภาคเอกชนยังขาดความรู้ และความเข้าใจในเรื่องนี้ เอกชนยังไม่มีความพร้อม และไม่ตื่นตัวเกี่ยวกับการรวมตัวเป็นเออีซี โดยเฉพาะภาษาที่ใช้ในการติดต่อต่อสื่อสารที่ประเทศไทยยังแพ้ประเทศลาว และความล้าหลังด้านกฎหมายของไทย ที่ไม่มีการปรับปรุงให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น ในช่วง 4-5 ปีแรกในการเปิดเออีซี อาจจะมีความยุ่งยาก และเชื่อว่า จะยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดโดยทันที มีเพียงการค้าระหว่างประเทศเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การเปิดเออีซีก็ต้องเป็นไปตามแผน และเปิดเต็มรูปแบบในปี 2563 ซึ่งยังต้องแก้ปัญหาตามสถานการณ์ โดยเฉพาะการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี
ด้านนายจอห์น ปัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สถาบันวิจัยอาเซียน ซีไอเอ็มบี กล่าวในการเสวนาเรื่อง “Rethinking ASEAN in the new Global Economy” โดยมองว่า จีน อินเดีย และอาเซียน เป็น 3 คลัสเตอร์ที่มีความสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจโลก หลังจากที่สหรัฐฯ และยุโรปมีปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ และหนี้สาธารณะ ทำให้บทบาทการเป็นผู้นำในการผลักดันเศรษฐกิจโลกหมดลง
โดยอาเซียน 10 ประเทศ และอาเซียน+ 3 และอาเซียน+ 6 ต้องลดข้อจำกัดในแต่ละประเทศ และต้องเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นผู้ผลิตเพียงอย่างเดียว มาเป็นทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค โดยอาเซียนต้องมีการปรับตัว ต้องกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และภายในภูมิภาคมากขึ้น แทนการส่งออกไปยังตะวันตกที่กำลังเกิดวิกฤต เพราะตลาดอาเซียนเป็นตลาดที่ใหญ่มาก มีจำนวนประชากรกว่า 500 ล้านคน
ดังนั้น อาเซียนต้องสร้างตลาดของอาเซียนเอง ต้องมีการพัฒนาแนวคิดสร้างจุดขายในผลิตภัณฑ์ และสร้างเครือข่ายผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัย และโซเซียล มีเดีย
“ถือว่าโชคดีที่อาเซียนยังไม่ได้รวมตัวกันเหมือนกับสหภาพยุโรป หรืออียู ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้อาเซียนได้ศึกษารูปแบบการรวมตัวของอียู และอเมริกาว่าไม่เหมาะสมกับอาเซียน และไม่ได้ผล ซึ่งรูปแบบการรวมตัวกันเป็นเออีซี ควรเป็นแบบบริษัทอาเซียน (ASIAN COMPANY) สร้างเอกลักษณ์ของอาเซียน สร้างทักษะ ความสามารถ ความรู้ โดยให้เอกชนเป็นแกนนำ ขณะที่ภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน”
นอกจากนี้ การรวมตัวกันทางเศรษฐกิจของอาเซียนเป็นการรวมตัวของประชากร เศรษฐกิจ และตลาดให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เราต้องพยายามสร้างความเข้มแข็งให้เอกชน ต้องมีความคิดของอาเซียนเอง พัฒนาตลาดในภูมิภาค และให้ตลาดการเงินรองรับตลาดของอุตสาหกรรมได้ โดยเชื่อว่า การเกิดเออีซีแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ เพราะเป็นการช่วยเพิ่มจีดีพีให้แก่ภูมิภาค แต่ต้องไม่ใช่ความไม่เท่าเทียมที่เกิดจากปัญหาการเมือง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2555 13:30 น.
“นายแบงก์” ชี้ ตลาดเงินไทยยังไม่พร้อมเปิดรับ “เออีซี” เพราะมีหลายจุดอ่อน ยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และไม่ตื่นตัว โดยเฉพาะภาษาที่ใช้ในการติดต่อต่อสื่อสาร พร้อมยกศักยภาพด้านภาษา “ไทย” ยังแพ้ “ลาว” แถมความล้าหลังด้าน กม. ที่ไม่มีการปรับปรุงให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นายบันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความพร้อมของตลาดการเงินไทยในการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558 โดยยอมรับว่า ภาคเอกชนที่เป็นสถาบันการเงินส่วนใหญ่ ยังไม่มีประเทศใดที่มีความพร้อม ยกเว้นสิงคโปร์
สำหรับประเทศไทย นายบันลือศักดิ์ ยอมรับว่า ยังมีจุดอ่อนหลายด้าน โดยเฉพาะการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะไปในทิศทางใด ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ภาคเอกชนยังขาดความรู้ และความเข้าใจในเรื่องนี้ เอกชนยังไม่มีความพร้อม และไม่ตื่นตัวเกี่ยวกับการรวมตัวเป็นเออีซี โดยเฉพาะภาษาที่ใช้ในการติดต่อต่อสื่อสารที่ประเทศไทยยังแพ้ประเทศลาว และความล้าหลังด้านกฎหมายของไทย ที่ไม่มีการปรับปรุงให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น ในช่วง 4-5 ปีแรกในการเปิดเออีซี อาจจะมีความยุ่งยาก และเชื่อว่า จะยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดโดยทันที มีเพียงการค้าระหว่างประเทศเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การเปิดเออีซีก็ต้องเป็นไปตามแผน และเปิดเต็มรูปแบบในปี 2563 ซึ่งยังต้องแก้ปัญหาตามสถานการณ์ โดยเฉพาะการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี
ด้านนายจอห์น ปัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สถาบันวิจัยอาเซียน ซีไอเอ็มบี กล่าวในการเสวนาเรื่อง “Rethinking ASEAN in the new Global Economy” โดยมองว่า จีน อินเดีย และอาเซียน เป็น 3 คลัสเตอร์ที่มีความสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจโลก หลังจากที่สหรัฐฯ และยุโรปมีปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ และหนี้สาธารณะ ทำให้บทบาทการเป็นผู้นำในการผลักดันเศรษฐกิจโลกหมดลง
โดยอาเซียน 10 ประเทศ และอาเซียน+ 3 และอาเซียน+ 6 ต้องลดข้อจำกัดในแต่ละประเทศ และต้องเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นผู้ผลิตเพียงอย่างเดียว มาเป็นทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค โดยอาเซียนต้องมีการปรับตัว ต้องกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และภายในภูมิภาคมากขึ้น แทนการส่งออกไปยังตะวันตกที่กำลังเกิดวิกฤต เพราะตลาดอาเซียนเป็นตลาดที่ใหญ่มาก มีจำนวนประชากรกว่า 500 ล้านคน
ดังนั้น อาเซียนต้องสร้างตลาดของอาเซียนเอง ต้องมีการพัฒนาแนวคิดสร้างจุดขายในผลิตภัณฑ์ และสร้างเครือข่ายผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัย และโซเซียล มีเดีย
“ถือว่าโชคดีที่อาเซียนยังไม่ได้รวมตัวกันเหมือนกับสหภาพยุโรป หรืออียู ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้อาเซียนได้ศึกษารูปแบบการรวมตัวของอียู และอเมริกาว่าไม่เหมาะสมกับอาเซียน และไม่ได้ผล ซึ่งรูปแบบการรวมตัวกันเป็นเออีซี ควรเป็นแบบบริษัทอาเซียน (ASIAN COMPANY) สร้างเอกลักษณ์ของอาเซียน สร้างทักษะ ความสามารถ ความรู้ โดยให้เอกชนเป็นแกนนำ ขณะที่ภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน”
นอกจากนี้ การรวมตัวกันทางเศรษฐกิจของอาเซียนเป็นการรวมตัวของประชากร เศรษฐกิจ และตลาดให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เราต้องพยายามสร้างความเข้มแข็งให้เอกชน ต้องมีความคิดของอาเซียนเอง พัฒนาตลาดในภูมิภาค และให้ตลาดการเงินรองรับตลาดของอุตสาหกรรมได้ โดยเชื่อว่า การเกิดเออีซีแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ เพราะเป็นการช่วยเพิ่มจีดีพีให้แก่ภูมิภาค แต่ต้องไม่ใช่ความไม่เท่าเทียมที่เกิดจากปัญหาการเมือง
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 93
ทุนไทยผนึกมาเลย์ผุดดีซีทุ่ม3,000ล้านเน้นครบวงจรรองรับไทยขึ้นศูนย์กลางเออีซี [ โพสต์ทูเดย์, 24 ก.ค. 55 ]
กลุ่มทุนไทย-มาเลเซีย ลงขันตั้งเออีซี พร็อพเพอร์ตี้ อัดงบ 3,000 ล้านบาท ผุดศูนย์กระจายสินค้า
รับเปิดเออีซี
นายทนงศักดิ์ หุตานุวัตร ประธานบริษัท เออีซี พร็อพเพอร์ตี้ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยว่า ธุรกิจเอส
เอ็มอีหรือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีความสำคัญมากในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต ขณะที่การลงทุน
ก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าเพื่อรองรับกับธุรกิจดังกล่าวครบวงจรนั้นยังไม่มีในประเทศไทย
กลุ่มทุนไทย-มาเลเซีย ลงขันตั้งเออีซี พร็อพเพอร์ตี้ อัดงบ 3,000 ล้านบาท ผุดศูนย์กระจายสินค้า
รับเปิดเออีซี
นายทนงศักดิ์ หุตานุวัตร ประธานบริษัท เออีซี พร็อพเพอร์ตี้ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยว่า ธุรกิจเอส
เอ็มอีหรือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีความสำคัญมากในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต ขณะที่การลงทุน
ก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าเพื่อรองรับกับธุรกิจดังกล่าวครบวงจรนั้นยังไม่มีในประเทศไทย
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 94
ถาม-ตอบ AEC: การทำธุรกิจประกันในประเทศเพื่อนบ้านหลังเปิดเสรีภาคการเงินใน AEC [ ทันหุ้น, 24 กรกฏาคม 2555 ]
ถาม : อยากทราบถึงโอกาสในการทำธุรกิจประกันในประเทศเพื่อนบ้านหลังเปิดเสรีภาคการเงินใน AEC
ตอบ : โอกาสมีมาก เพราะที่ผ่านมาความเจริญก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและการแพทย์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายประเทศในอาเซียนต้องเผชิญกับปัญหาการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ ซึ่งนอกจากจะทำให้อัตราการออม รวมทั้งความมั่งคั่งของประเทศลดลงจากการที่ประชากรวัยทำงานต้องนำรายได้มาจุนเจือครอบครัวมากขึ้นแล้ว ภาครัฐยังต้องสูญเสียงบประมาณสำหรับสวัสดิการเพื่อดูแลผู้สูงอายุอีกด้วย หลายประเทศในอาเซียนจึงให้ความสำคัญมากขึ้นกับการส่งเสริมให้ประชาชนทุกช่วงวัยออมเงินในรูปแบบต่างๆ อาทิ เงินฝาก อสังหาริมทรัพย์ พันธบัตรรัฐบาล รวมถึงการทำประกัน (โดยเฉพาะประกันชีวิต) ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในการคุ้มครองผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นบำนาญในวัยเกษียณอายุหรือค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการประกันวินาศภัยที่ภาครัฐให้การส่งเสริม เพราะสามารถลดภาระของทั้งผู้ทำประกันและของภาครัฐในการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย ทั้งนี้ ปัจจุบันธุรกิจประกันของแต่ละประเทศในอาเซียนมีความแตกต่างกันทั้งในเชิงปริมาณและรูปแบบการให้บริการ เมื่อพิจารณาถึงสัดส่วนมูลค่าสินทรัพย์รวมของธุรกิจประกันต่อ GDP เฉลี่ยของอาเซียนปี 2553 พบว่าอยู่ที่ 15.5% แต่เมื่อพิจารณารายประเทศมีสัดส่วนเรียงตามลำดับ คือ สิงคโปร์ (52.9%) มาเลเซีย (24.9%) ไทย (14.7%) และฟิลิปปินส์ (14.7%) ขณะที่แต่ละประเทศที่เหลือ อาทิ เวียดนาม กัมพูชา และ สปป.ลาว มีสัดส่วนไม่ถึง 5% สะท้อนให้เห็นว่าประชากรจำนวนมากในประเทศเหล่านี้ยังเข้าถึงบริการประกันได้ไม่มากนัก ปัจจัยทั้งหมดข้างต้นประกอบกับการเปิดเสรีภาคการเงิน AEC เต็มรูปแบบในปี 2563 ส่งผลให้ธุรกิจประกันเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจและเป็นโอกาสของนักลงทุนไทย
ประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ พม่า กัมพูชาและ สปป.ลาว นับเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับธุรกิจประกันไทยหลังจากการเปิดเสรีภาคการเงิน เนื่องจากทั้งสามประเทศมีพรมแดนติดกับไทย ประกอบกับคุณภาพของระบบสาธารณสุขและการประกันของไทยเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้ชาวกัมพูชาและชาวลาวนิยมข้ามพรมแดนมาใช้บริการประกัน โดยเฉพาะประกันสุขภาพในไทย ขณะที่ชาวพม่าอาจใช้บริการดังกล่าวมากขึ้นภายหลังการเปิดประเทศ ทั้งนี้ ธุรกิจประกันในประเทศเพื่อนบ้านของไทยยังมีไม่มากนัก โดยบริษัทในกัมพูชาทั้งบริษัทท้องถิ่นและบริษัทต่างชาติที่ให้บริการด้านประกันมีไม่ถึง 10 แห่ง และในจำนวนนี้ให้บริการเพียงประกันวินาศภัยเท่านั้น ส่วนใน สปป.ลาว มีจำนวนบริษัทที่ให้บริการประกันใกล้เคียงกับกัมพูชา เนื่องจากตลาดมีขนาดเล็ก และประชากรมีรายได้น้อย รวมทั้งรัฐบาล สปป.ลาว ยังไม่มีแผนสนับสนุนธุรกิจประกันโดยเฉพาะ ทั้งนี้ การขยายตลาดประกันในประเทศเพื่อนบ้านควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยผู้ประกอบการประกันของไทยควรเริ่มจากการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจประกันข้ามพรมแดนก่อนที่จะขยายตลาดในรูปแบบของการจัดตั้งธุรกิจ ซึ่งเป็นการขยายสาขา การจัดตั้งบริษัทลูก หรือการร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่น
ปัจจุบันบริษัทประกันของไทยทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่เริ่มมองหาลู่ทางในการขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เตรียมเจรจากับประเทศในอาเซียนเพื่อสนับสนุนการลงทุนของไทย ทั้งนี้แน่นอนว่าหลังการเปิด AEC ธุรกิจประกันของไทยจะต้องเผชิญกับการแข่งขันทั้งในประเทศและนอกประเทศ ดังนั้น ธุรกิจดังกล่าวจึงต้องเร่งพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน การเพิ่มสภาพคล่อง การปรับปรุงคุณภาพบริการก่อนและหลังการขาย รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันที่หลากหลายและตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อเพิ่มศักยภาพให้พร้อมรับมือกับการแข่งขันที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น
Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กรกฎาคม 2555--
ถาม : อยากทราบถึงโอกาสในการทำธุรกิจประกันในประเทศเพื่อนบ้านหลังเปิดเสรีภาคการเงินใน AEC
ตอบ : โอกาสมีมาก เพราะที่ผ่านมาความเจริญก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและการแพทย์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายประเทศในอาเซียนต้องเผชิญกับปัญหาการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ ซึ่งนอกจากจะทำให้อัตราการออม รวมทั้งความมั่งคั่งของประเทศลดลงจากการที่ประชากรวัยทำงานต้องนำรายได้มาจุนเจือครอบครัวมากขึ้นแล้ว ภาครัฐยังต้องสูญเสียงบประมาณสำหรับสวัสดิการเพื่อดูแลผู้สูงอายุอีกด้วย หลายประเทศในอาเซียนจึงให้ความสำคัญมากขึ้นกับการส่งเสริมให้ประชาชนทุกช่วงวัยออมเงินในรูปแบบต่างๆ อาทิ เงินฝาก อสังหาริมทรัพย์ พันธบัตรรัฐบาล รวมถึงการทำประกัน (โดยเฉพาะประกันชีวิต) ซึ่งประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในการคุ้มครองผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นบำนาญในวัยเกษียณอายุหรือค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการประกันวินาศภัยที่ภาครัฐให้การส่งเสริม เพราะสามารถลดภาระของทั้งผู้ทำประกันและของภาครัฐในการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย ทั้งนี้ ปัจจุบันธุรกิจประกันของแต่ละประเทศในอาเซียนมีความแตกต่างกันทั้งในเชิงปริมาณและรูปแบบการให้บริการ เมื่อพิจารณาถึงสัดส่วนมูลค่าสินทรัพย์รวมของธุรกิจประกันต่อ GDP เฉลี่ยของอาเซียนปี 2553 พบว่าอยู่ที่ 15.5% แต่เมื่อพิจารณารายประเทศมีสัดส่วนเรียงตามลำดับ คือ สิงคโปร์ (52.9%) มาเลเซีย (24.9%) ไทย (14.7%) และฟิลิปปินส์ (14.7%) ขณะที่แต่ละประเทศที่เหลือ อาทิ เวียดนาม กัมพูชา และ สปป.ลาว มีสัดส่วนไม่ถึง 5% สะท้อนให้เห็นว่าประชากรจำนวนมากในประเทศเหล่านี้ยังเข้าถึงบริการประกันได้ไม่มากนัก ปัจจัยทั้งหมดข้างต้นประกอบกับการเปิดเสรีภาคการเงิน AEC เต็มรูปแบบในปี 2563 ส่งผลให้ธุรกิจประกันเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจและเป็นโอกาสของนักลงทุนไทย
ประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ พม่า กัมพูชาและ สปป.ลาว นับเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับธุรกิจประกันไทยหลังจากการเปิดเสรีภาคการเงิน เนื่องจากทั้งสามประเทศมีพรมแดนติดกับไทย ประกอบกับคุณภาพของระบบสาธารณสุขและการประกันของไทยเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้ชาวกัมพูชาและชาวลาวนิยมข้ามพรมแดนมาใช้บริการประกัน โดยเฉพาะประกันสุขภาพในไทย ขณะที่ชาวพม่าอาจใช้บริการดังกล่าวมากขึ้นภายหลังการเปิดประเทศ ทั้งนี้ ธุรกิจประกันในประเทศเพื่อนบ้านของไทยยังมีไม่มากนัก โดยบริษัทในกัมพูชาทั้งบริษัทท้องถิ่นและบริษัทต่างชาติที่ให้บริการด้านประกันมีไม่ถึง 10 แห่ง และในจำนวนนี้ให้บริการเพียงประกันวินาศภัยเท่านั้น ส่วนใน สปป.ลาว มีจำนวนบริษัทที่ให้บริการประกันใกล้เคียงกับกัมพูชา เนื่องจากตลาดมีขนาดเล็ก และประชากรมีรายได้น้อย รวมทั้งรัฐบาล สปป.ลาว ยังไม่มีแผนสนับสนุนธุรกิจประกันโดยเฉพาะ ทั้งนี้ การขยายตลาดประกันในประเทศเพื่อนบ้านควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยผู้ประกอบการประกันของไทยควรเริ่มจากการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจประกันข้ามพรมแดนก่อนที่จะขยายตลาดในรูปแบบของการจัดตั้งธุรกิจ ซึ่งเป็นการขยายสาขา การจัดตั้งบริษัทลูก หรือการร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่น
ปัจจุบันบริษัทประกันของไทยทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่เริ่มมองหาลู่ทางในการขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เตรียมเจรจากับประเทศในอาเซียนเพื่อสนับสนุนการลงทุนของไทย ทั้งนี้แน่นอนว่าหลังการเปิด AEC ธุรกิจประกันของไทยจะต้องเผชิญกับการแข่งขันทั้งในประเทศและนอกประเทศ ดังนั้น ธุรกิจดังกล่าวจึงต้องเร่งพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน การเพิ่มสภาพคล่อง การปรับปรุงคุณภาพบริการก่อนและหลังการขาย รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันที่หลากหลายและตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อเพิ่มศักยภาพให้พร้อมรับมือกับการแข่งขันที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น
Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และการเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กรกฎาคม 2555--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 95
ICT ผนึกผู้ให้บริการโทรคมนาคมทุ่ม 40 ล้านจัดงานICT Expo 2012 [ ข่าวหุ้น, 25 ก.ค. 55 ]
กระทรวงไอซีทีผนึกกำลังผู้ให้บริการโทรคมนาคม "กสทช.-ทีโอที-กสทฯ-ADVANC-DTAC-TRUE" ทุ่ม
40 ล้านบาท จัด "Bangkok International ICT Expo 2012" หวังสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนต่าง
ชาติ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยรองรับ AEC
กระทรวงไอซีทีผนึกกำลังผู้ให้บริการโทรคมนาคม "กสทช.-ทีโอที-กสทฯ-ADVANC-DTAC-TRUE" ทุ่ม
40 ล้านบาท จัด "Bangkok International ICT Expo 2012" หวังสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนต่าง
ชาติ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยรองรับ AEC
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 96
เซ็นทรัลผุดห้างแห่งแรกในอินโดฯควัก600ล.รับเออีซีพร้อมเปิดปี'57 [ มติชน, 26 ก.ค. 55 ]
นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด
เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามเซ็นสัญญากับบริษัท พีที แกรนด์ อินโดนีเซีย ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศ
อินโดนีเซีย เพื่อเช่าพื้นที่ฝั่งตะวันออกของศูนย์การค้า แกรนด์ อินโดนีเซีย ช็อปปิ้งคอมเพล็กซ์ ระ
ดับไฮเอนด์ ใจกลางกรุงจาการ์ตาจำนวน 4 ชั้น รวมพื้นที่ทั้งสิ้น 21,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ใช้
เงินลงทุนกว่า 600 ล้านบาท เพื่อตอบรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ปี 2558
นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด
เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามเซ็นสัญญากับบริษัท พีที แกรนด์ อินโดนีเซีย ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศ
อินโดนีเซีย เพื่อเช่าพื้นที่ฝั่งตะวันออกของศูนย์การค้า แกรนด์ อินโดนีเซีย ช็อปปิ้งคอมเพล็กซ์ ระ
ดับไฮเอนด์ ใจกลางกรุงจาการ์ตาจำนวน 4 ชั้น รวมพื้นที่ทั้งสิ้น 21,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ใช้
เงินลงทุนกว่า 600 ล้านบาท เพื่อตอบรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ปี 2558
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 97
ของบลุยเออีซี1.8แสนล้าน
Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th), Friday, July 27, 2012
โพสต์ทูเดย์ -กระหน่ำของบ 1.8 แสนล้าน รับมือเออีซี
การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่26 ก.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าส่วนราชการต่างๆเสนอโครงการที่มีความสำคัญเร่งด่วน โดยขอใช้งบประมาณร่วม1.87 แสนล้านบาท
กระทรวงคมนาคม เสนอขอใช้งบ 1.57 แสนล้านบาท เช่น พัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ เฟสสอง 6.65 หมื่นล้านบาทสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 วงเงิน 1.14 หมื่นล้านบาทเพิ่มขีดความสามารถท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 รองรับตู้สินค้าเป็น 18 ล้านบาท TEU ต่อปี วงเงิน 6.07 หมื่นล้านบาทงบพัฒนาท่าเรือขั้นที่3 วงเงิน 1.32 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีการเสนอลงทุนโครงการก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์กาญจนบุรี-พุน้ำร้อน รถไฟทางคู่ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 167 กิโลเมตร และชุมทางจิระ-ขอนแก่น 185 กิโลเมตร แต่ไม่ระบุวงเงินก่อสร้าง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอของบ 2.54 หมื่นล้านบาทเช่นโครงการเตรียมความพร้อมด้านปศุสัตว์ โครงการพัฒนาครัวไทยสู่ครัวโลก กระทรวงกลาโหม เสนอของบ 1,022 ล้านบาท เพื่อดำเนินการด้านความมั่นคงทางทะเล
ขณะที่กระทรวงพลังงาน เสนอแผนเร่งด่วน เช่น บริษัท ปตท.สผ.ลงทุนพัฒนาแหล่งก๊าซ Natuna ของอินโดนีเซีย ในสัดส่วน 15%บริษัท ปตท. เร่งรัดการสร้างโครงข่ายท่อก๊าซธรรมชาติเชื่อมไทยอินโดนีเซีย ไทย-เวียดนาม และไทย-กัมพูชา
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า นายกฯ ขอให้บูรณาการทำงานข้ามกระทรวง โดยให้รายงานในอีก3 สัปดาห์ เพื่อจะทำงานกับภาคเอกชนต่อไป
--จบ--
Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th), Friday, July 27, 2012
โพสต์ทูเดย์ -กระหน่ำของบ 1.8 แสนล้าน รับมือเออีซี
การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่26 ก.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าส่วนราชการต่างๆเสนอโครงการที่มีความสำคัญเร่งด่วน โดยขอใช้งบประมาณร่วม1.87 แสนล้านบาท
กระทรวงคมนาคม เสนอขอใช้งบ 1.57 แสนล้านบาท เช่น พัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ เฟสสอง 6.65 หมื่นล้านบาทสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 วงเงิน 1.14 หมื่นล้านบาทเพิ่มขีดความสามารถท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 รองรับตู้สินค้าเป็น 18 ล้านบาท TEU ต่อปี วงเงิน 6.07 หมื่นล้านบาทงบพัฒนาท่าเรือขั้นที่3 วงเงิน 1.32 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีการเสนอลงทุนโครงการก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์กาญจนบุรี-พุน้ำร้อน รถไฟทางคู่ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 167 กิโลเมตร และชุมทางจิระ-ขอนแก่น 185 กิโลเมตร แต่ไม่ระบุวงเงินก่อสร้าง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอของบ 2.54 หมื่นล้านบาทเช่นโครงการเตรียมความพร้อมด้านปศุสัตว์ โครงการพัฒนาครัวไทยสู่ครัวโลก กระทรวงกลาโหม เสนอของบ 1,022 ล้านบาท เพื่อดำเนินการด้านความมั่นคงทางทะเล
ขณะที่กระทรวงพลังงาน เสนอแผนเร่งด่วน เช่น บริษัท ปตท.สผ.ลงทุนพัฒนาแหล่งก๊าซ Natuna ของอินโดนีเซีย ในสัดส่วน 15%บริษัท ปตท. เร่งรัดการสร้างโครงข่ายท่อก๊าซธรรมชาติเชื่อมไทยอินโดนีเซีย ไทย-เวียดนาม และไทย-กัมพูชา
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า นายกฯ ขอให้บูรณาการทำงานข้ามกระทรวง โดยให้รายงานในอีก3 สัปดาห์ เพื่อจะทำงานกับภาคเอกชนต่อไป
--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: aec
โพสต์ที่ 98
จีนซุ่มกว้านซื้อที่ดินพิษณุโลกบุกลงทุนรับเออีซี
updated: 27 ก.ค. 2555 เวลา 10:09:00 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
นายวิชัย วิทยฐานกรณ์ อนุกรรมการความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-ยูนนานและจีนตอนใต้ กล่าวให้ความรู้กับคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนในการแก้ไขปัญหาและพัฒนา เศรษฐกิจ จ.พิษณุโลก นักธุรกิจ และผู้บริหารสถานศึกษาในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ว่า ประเทศจีนเวลานี้เจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วด้วยจำนวนประชาชนที่มีมากกว่า 1.3 พันล้านคน กับพื้นที่ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร นับเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก
จากสภาพการแก่งแย่งแข่ง ขันสูง ทำให้ประชากรเอารัดเอาเปรียบ มีการใช้เงินซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อธุรกิจ และผลประโยชน์ตามความต้องการ จึงกังวลว่าหากมีประชากรจีนมาตั้งรกรากในประเทศไทย แต่คนไทยไม่เตรียมตัวทำอะไร ในอนาคตเราจะเป็นเพียงลูกจ้างในการผลิต ไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของธุรกิจ ดังนั้นคนไทยต้องมองหาสิ่งที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ หลังจากเปิดเออีซี
ด้าน นายสัญชัย ฐิติปุญญา รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ต้องการกระตุ้นเตือนผู้ประกอบการ นักธุรกิจ และสถานศึกษาเตรียมตัวสู่ประชาคมอาเซียน เพราะเราจะเป็นผู้ผลิตสินค้าส่งขายเพื่อรับผลประโยชน์ จึงต้องเตรียมตัวเพื่อต่อสู้กับการแข่งขัน โดยเฉพาะประเทศจีนจะมีการผลักดันคนเป็นล้านคนออกมากว้านซื้อที่ดินในประเทศ ไทยหลายจุด โดยเฉพาะ จ.พิษณุโลกมีกระแสข่าวว่ามีการเตรียมตัวซื้อที่ดิน โดยอาจมาซื้อในรูปแบบของนักลงทุนจากจีน หรือเป็นนอมินี และตั้งธุรกิจในประเทศไทย
ทั้งนี้ต้องการสะท้อนปัญหาให้ภาครัฐช่วยหา มาตรการป้องกันก่อนที่ดินส่วนใหญ่จะตกไปอยู่ในมือของชาวต่างประเทศ นอกจากนี้วัตถุดิบอย่างสมุนไพรไทยก็ควรมีการอนุรักษ์ เพื่อเป็นเอกลักษณ์ของสินค้าไทยในอนาคต
"สิ่งที่น่าเป็นห่วงนอกจาก ปริมาณคนจากหลายประเทศจะเข้ามาได้อย่างเสรีแล้ว สินค้าราคาถูกก็จะเข้ามา เช่น กางเกง ราคา 100-200 บาท เพราะแรงงานในประเทศจีนถูกมาก" นายสัญชัยกล่าว
-จบ-
updated: 27 ก.ค. 2555 เวลา 10:09:00 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
นายวิชัย วิทยฐานกรณ์ อนุกรรมการความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-ยูนนานและจีนตอนใต้ กล่าวให้ความรู้กับคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนในการแก้ไขปัญหาและพัฒนา เศรษฐกิจ จ.พิษณุโลก นักธุรกิจ และผู้บริหารสถานศึกษาในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ว่า ประเทศจีนเวลานี้เจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วด้วยจำนวนประชาชนที่มีมากกว่า 1.3 พันล้านคน กับพื้นที่ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร นับเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก
จากสภาพการแก่งแย่งแข่ง ขันสูง ทำให้ประชากรเอารัดเอาเปรียบ มีการใช้เงินซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อธุรกิจ และผลประโยชน์ตามความต้องการ จึงกังวลว่าหากมีประชากรจีนมาตั้งรกรากในประเทศไทย แต่คนไทยไม่เตรียมตัวทำอะไร ในอนาคตเราจะเป็นเพียงลูกจ้างในการผลิต ไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของธุรกิจ ดังนั้นคนไทยต้องมองหาสิ่งที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ หลังจากเปิดเออีซี
ด้าน นายสัญชัย ฐิติปุญญา รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ต้องการกระตุ้นเตือนผู้ประกอบการ นักธุรกิจ และสถานศึกษาเตรียมตัวสู่ประชาคมอาเซียน เพราะเราจะเป็นผู้ผลิตสินค้าส่งขายเพื่อรับผลประโยชน์ จึงต้องเตรียมตัวเพื่อต่อสู้กับการแข่งขัน โดยเฉพาะประเทศจีนจะมีการผลักดันคนเป็นล้านคนออกมากว้านซื้อที่ดินในประเทศ ไทยหลายจุด โดยเฉพาะ จ.พิษณุโลกมีกระแสข่าวว่ามีการเตรียมตัวซื้อที่ดิน โดยอาจมาซื้อในรูปแบบของนักลงทุนจากจีน หรือเป็นนอมินี และตั้งธุรกิจในประเทศไทย
ทั้งนี้ต้องการสะท้อนปัญหาให้ภาครัฐช่วยหา มาตรการป้องกันก่อนที่ดินส่วนใหญ่จะตกไปอยู่ในมือของชาวต่างประเทศ นอกจากนี้วัตถุดิบอย่างสมุนไพรไทยก็ควรมีการอนุรักษ์ เพื่อเป็นเอกลักษณ์ของสินค้าไทยในอนาคต
"สิ่งที่น่าเป็นห่วงนอกจาก ปริมาณคนจากหลายประเทศจะเข้ามาได้อย่างเสรีแล้ว สินค้าราคาถูกก็จะเข้ามา เช่น กางเกง ราคา 100-200 บาท เพราะแรงงานในประเทศจีนถูกมาก" นายสัญชัยกล่าว
-จบ-
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 99
สศค.ถกตลาดทุนวันนี้หาวิธีรับมือเออีซีบล.ขายของตปท.ตลท.เจาะรายย่อย [ โพสต์ทูเดย์, 30 ก.ค. 55 ]
วันนี้ สศค. นัดคุยโบรกเกอร์-บลจ. รับมือเออีซี สมาคม บล.ยันพร้อมเปิดอาเซียนลิงก์เกจ ก.ย.นี้
ตลท.เป็นแกนหาวิธีเรียกเงินเข้าไทย เจาะถึงตัวนักลงทุน
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เปิดเผยว่าสำนักงานเศรษฐกิจการ
คลัง (สศค.) ได้เรียกเอกชนภาคการเงิน-ตลาดทุนเข้าฟังทิศทางและนโยบายการรับมือการเปิดประชาคม
เศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ทั้งหมด 3 วันโดยกลุ่มตลาดทุนอย่างบริษัทหลักทรัพย์(โบรกเกอร์) และบริษัท
หลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ร่วมหารือในวันที่ 30 ก.ค.นี้ ส่วนธุรกิจประกันภัย วันที่ 31 ก.ค.และ
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ วันที่ 1 ส.ค.นี้
วันนี้ สศค. นัดคุยโบรกเกอร์-บลจ. รับมือเออีซี สมาคม บล.ยันพร้อมเปิดอาเซียนลิงก์เกจ ก.ย.นี้
ตลท.เป็นแกนหาวิธีเรียกเงินเข้าไทย เจาะถึงตัวนักลงทุน
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เปิดเผยว่าสำนักงานเศรษฐกิจการ
คลัง (สศค.) ได้เรียกเอกชนภาคการเงิน-ตลาดทุนเข้าฟังทิศทางและนโยบายการรับมือการเปิดประชาคม
เศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ทั้งหมด 3 วันโดยกลุ่มตลาดทุนอย่างบริษัทหลักทรัพย์(โบรกเกอร์) และบริษัท
หลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ร่วมหารือในวันที่ 30 ก.ค.นี้ ส่วนธุรกิจประกันภัย วันที่ 31 ก.ค.และ
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ วันที่ 1 ส.ค.นี้
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 100
'ก.ล.ต.' ดันตลาดทุนไทยฮับ 'AEC' ส่องธุรกิจท่องเที่ยว-ยานยนต์เด่น [ ทันหุ้น, 30 ก.ค. 55 ]
ผู้บริหาร ก.ล.ต. "ดร.วรพล โสคติยานุรักษ์" เร่งผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ พร้อม
พัฒนาตลาดทุนไทย เป็นประตูสู่การลงทุนในภูมิภาค เตรียมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (AEC) ด้าน "ธนินท์
เจียรวนนท์" มั่นใจประเทศไทยสบโอกาสดันผู้ประกอบการขยายธุรกิจ ส่องอุตสาหกรรม เกษตร ท่องเที่ยว
และยานยนต์ ฉายแววโดดเด่น
ผู้บริหาร ก.ล.ต. "ดร.วรพล โสคติยานุรักษ์" เร่งผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ พร้อม
พัฒนาตลาดทุนไทย เป็นประตูสู่การลงทุนในภูมิภาค เตรียมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (AEC) ด้าน "ธนินท์
เจียรวนนท์" มั่นใจประเทศไทยสบโอกาสดันผู้ประกอบการขยายธุรกิจ ส่องอุตสาหกรรม เกษตร ท่องเที่ยว
และยานยนต์ ฉายแววโดดเด่น
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 101
กรุงไทยจัดสัมมนาเพิ่มศักยภาพลูกค้า SME เตรียมรับ AEC [ ทันหุ้น, 30 กรกฏาคม 2555 ]
ธนาคารกรุงไทยจัดสัมมนา Innovation : A New Era of AEC นวัตกรรมนำไทยกล้า...ท้า เออีซี ให้ลูกค้า SME โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจ ระดมกูรูแถวหน้าสร้างโอกาสความสำเร็จ ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้
นายประสิทธิ์ วสุภัทร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานธุรกิจขนาดกลาง ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า จากที่ธนาคารได้ให้ความสำคัญกับลูกค้า SME มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในครึ่งปีแรก ได้อนุมัติสินเชื่อ SME ไปแล้ว 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของธนาคาร ซึ่งนอกจากการปล่อยสินเชื่อแล้ว ธนาคารยังมีโครงการให้ความรู้กับผู้ประกอบการ SME โดยในไตรมาสแรกได้จัดสัมมนาเรื่อง KTB SME Restart ทางรุ่ง...รับศักราชใหม่
สำหรับในไตรมาส 3 ธนาคารมุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันรวมทั้งสร้างโอกาสแห่งความสำเร็จในธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ โดยธนาคารจะจัดงานสัมมนาเรื่อง Innovation : A New Era of AEC นวัตกรรมนำไทยกล้า...ท้า เออีซี ให้กับลูกค้าและผู้ประกอบการ SME โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ระหว่างเวลา 12.30 - 16.30 น. ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ โดยได้รับเกียรติจาก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นองค์ปาฐกพิเศษ ในหัวข้อ AEC : โอกาสของธุรกิจไทย
นายประสิทธิ์ วสุภัทร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เชิญนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและสร้างโอกาสทางธุรกิจให้เหนือกว่าด้วยนวัตกรรม มาร่วมเสวนา ในหัวข้อ Innovation : A New Era of AEC นวัตกรรมนำไทยกล้า...ท้า เออีซี เพื่อเผยแพร่แนวคิดและเส้นทางที่พุ่งทะยานสู่ความเป็น 1 ใน AEC ประกอบด้วย ดร.วราทัศน์ วงศ์สุรไกร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทโรงเส้นหมี่ชอเฮง ผู้นำนวัตกรรม...คิดแปรรูปข้าว เพิ่มมูลค่าตลาดอินเตอร์ นายโชค บูลกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทฟาร์มโชคชัย คิดแบบเด็ก...ทำแบบผู้ใหญ่ พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัทกิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ เจ้าของธุรกิจหมื่นล้าน และนายวศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ ผู้บริหาร ห้างหุ้นส่วนเถ้าฮงไถ่ ผู้พลิกวงการเครื่องปั้นดินเผาของเมืองไทย ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดไดที่ โทร.0-2539-3309
ธนาคารกรุงไทยจัดสัมมนา Innovation : A New Era of AEC นวัตกรรมนำไทยกล้า...ท้า เออีซี ให้ลูกค้า SME โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจ ระดมกูรูแถวหน้าสร้างโอกาสความสำเร็จ ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้
นายประสิทธิ์ วสุภัทร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานธุรกิจขนาดกลาง ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า จากที่ธนาคารได้ให้ความสำคัญกับลูกค้า SME มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในครึ่งปีแรก ได้อนุมัติสินเชื่อ SME ไปแล้ว 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของธนาคาร ซึ่งนอกจากการปล่อยสินเชื่อแล้ว ธนาคารยังมีโครงการให้ความรู้กับผู้ประกอบการ SME โดยในไตรมาสแรกได้จัดสัมมนาเรื่อง KTB SME Restart ทางรุ่ง...รับศักราชใหม่
สำหรับในไตรมาส 3 ธนาคารมุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันรวมทั้งสร้างโอกาสแห่งความสำเร็จในธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ โดยธนาคารจะจัดงานสัมมนาเรื่อง Innovation : A New Era of AEC นวัตกรรมนำไทยกล้า...ท้า เออีซี ให้กับลูกค้าและผู้ประกอบการ SME โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ระหว่างเวลา 12.30 - 16.30 น. ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ โดยได้รับเกียรติจาก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นองค์ปาฐกพิเศษ ในหัวข้อ AEC : โอกาสของธุรกิจไทย
นายประสิทธิ์ วสุภัทร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เชิญนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและสร้างโอกาสทางธุรกิจให้เหนือกว่าด้วยนวัตกรรม มาร่วมเสวนา ในหัวข้อ Innovation : A New Era of AEC นวัตกรรมนำไทยกล้า...ท้า เออีซี เพื่อเผยแพร่แนวคิดและเส้นทางที่พุ่งทะยานสู่ความเป็น 1 ใน AEC ประกอบด้วย ดร.วราทัศน์ วงศ์สุรไกร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทโรงเส้นหมี่ชอเฮง ผู้นำนวัตกรรม...คิดแปรรูปข้าว เพิ่มมูลค่าตลาดอินเตอร์ นายโชค บูลกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทฟาร์มโชคชัย คิดแบบเด็ก...ทำแบบผู้ใหญ่ พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัทกิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ เจ้าของธุรกิจหมื่นล้าน และนายวศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ ผู้บริหาร ห้างหุ้นส่วนเถ้าฮงไถ่ ผู้พลิกวงการเครื่องปั้นดินเผาของเมืองไทย ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดไดที่ โทร.0-2539-3309
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 102
*** เปิด AEC >> Thai พลเมือง... " ชั้น2 "
ไทยรัฐ ( คุณนิติ นวรัตน์ ) : เมืองชั้นหนึ่ง การศึกษาชั้นหนึ่ง
31 กค. 55 เยาวชนคนไทย จะไปสมัครงานโรงแรม ก็แข่งขันกันกับปชช.คนทั้งประเทศเพียง 65ล้าน >> พอถึง 1 มค. 58 เมื่อเราเข้าสู่ การเป็นประชาคมAsean อย่างสมบูรณ์แล้ว MRA (Mutual Recognition Arrangements) ข้อตกลงมาตรฐานวิชาชีพร่วมกัน จะทำให้เยาวชนคนของเราก็ต้องแข่งขันกันกับผู้คนรวม 10ประเทศ 600ล้าน
เมื่อไรที่ เรารวมกันเป็นAsean +3 หมายความว่า บวก(+) จีน , เกาหลี & ญี่ปุ่น
คราวนี้ ก็ต้องแข่งกับคน 13ประเทศ 2พันกว่าล้าน , ต่อไป เป็นAsean +6 คราวนี้ บวก(+) India , Australia & NewZealand เข้าไปด้วย เยาวชนคนของเรา สมัครงานตำแหน่งอะไรก็ต้องไปแข่งกับผู้คน 16ประเทศ 3พันกว่าล้าน จะได้ดีมีงานทำหรือไม่? ก็ขึ้นอยู่กับ “ศักยภาพในการแข่งขัน”
องค์กรเพื่อความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ & การพัฒนา หรือ OEDC บอกว่า...
แต่เดิม ปชช.คนที่มีความรู้ส่วนใหญ่ มาจากยุโรปตะวันตก & อเมริกา ทว่า ปัจจุบันทุกวันนี้ แนวโน้มของผู้สำเร็จการศึกษาระดับ ปริญญาของโลกเปลี่ยนไป พศ. 2563 คนในช่วงอายุ 25 - 34ปี ที่จบปริญญาจะมีตัวเลขอยู่ที่ 129ล้าน
เดิม คนที่มีการศึกษาจะอยู่ที่USA. เป็นอันดับ1 ทว่า พศ. 2563 ไม่ใช่USA. แล้ว ตัวเลขของบัณฑิตในห้วงช่วงอายุดังกล่าว ในUSA. จะเหลือแค่ 11% , USA จะตกจากตำแหน่งมีบัณฑิตมากที่สุดในโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ & เป็น No.3 ซะด้วยซ้ำ
มหาอำนาจ ด้านทรัพยากรมนุษย์ผู้มีการศึกษาระดับปริญญา จะเป็น... จีน
จีน ขึ้นไปยืนบนแท่นที่1 ด้วยอัตราประชากร ที่จบ ปริญญา 29% & ตามมาด้วย India อีก 11%
Chin_dia ย ผมหมายถึง China & India จะผลิตบัณฑิตมากถึง 40% ของโลก
ส่วนเจ้าของChamp เดิ ม คือ อเมริกา + ยุโรป ทั้ง 2ภูมิภาครวมกัน จะมีบัณฑิตเพียง 25% เท่านั้น , NO.5 ของโลก ... " = Indonesia "
ลองหลับตา จินตนาการถึงเด็กไทย , เขมร , ลาว & Myunmar ว่า
ต่อไปในอนาคต เยาวชนประเทศวัฒนธรรม_อ่อน พวกนี้ จะต้องแข่งขันทำงานกับ คนที่มีวัฒนธรรมแข็งอย่าง... จีน , India , Singapore , เกาหลี , ญี่ปุ่น ฯลฯ เยาวชนของเรา จะมีศักยภาพสู้กับมนุษย์พวกนั้น ไหวไหม ?
แต่ก่อน จีนกับแขก เป็นพวกที่มีแรงงานราคาถูกๆ + ไร้ฝีมือ
สมัยก่อนตอนเด็กๆ แถวบ้าน มี... " เจ๊กย้อมผ้า " + " แขกขายถั่ว " วันนี้ คนพวกนั้นขยับขึ้นห้างฯ หมดแล้ว , ปัจจุบัน ลูกหลานคนจีน , India ที่เคยไร้การศึกษา ปรากฏว่า กลายมาเป็น... นักวิทยาศาสตร์ - วิศวกร - แรงงานฝีมือระดับสูง ที่อุตฯ Hi_Tech ในยุโรป & สหรัฐฯ ตั้งหน้า_ตั้งตา เชื้อเชิญให้เข้าไปทำงาน
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของมนุษย์ ที่มีการศึกษา ทำให้สถานะ ของUSA. & ยุโรป ต่ำ... โลง
ในขณะที่ กลุ่มAsia กลายเป็นประเทศที่ขยับขึ้นไปอยู่แถวหน้า พวกจีน& India เรียนหนังสือกันอย่าง... " บ้าเลือด " โดยเฉพาะในจีน นักเรียนม.ปลาย 80% ต้องกวดวิชาหลังเลิกเรียน & ใช้เวลาทำการบ้านอีก วันละโดยเฉลี่ย 4ชม. โดยมีผู้ปกครองดูแลใกล้ชิด
ขณะที่ ตะวันตก ปล่อยปละละเลยเยาวชนคนของตน ให้เรียนตามยถากรรม & ยกย่องให้เด็กเป็นศก.
แต่จีน ให้ครูเป็นหลัก , จีน พัฒนาคุณภาพของครู & ทำทุกอย่างเพื่อให้ครู ได้รับความเคารพอย่างสูง ผู้ปกครองของจีน ก็อุทิศตนให้กับการศึกษาของลูก , เดี๋ยวนี้ ในแต่ละเมืองของจีน ก็แข่งขันกันเป็น... " นครรัฐของความคิด " กำลังคน & ทรัพยากรเพื่อการศึกษา
ถ้าเราจะผลิตเยาวชนคนไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในการอยู่รวมเป็นประชาคมAsean
จะต้องให้การศึกษาเป็นวาระแห่งชาติ + วาระแห่งเมือง ผวจ. & นายกเทศมนตรี จะต้องแย่งกันเป็น “เมืองชั้นหนึ่ง การศึกษาชั้นหนึ่ง” แต่ถ้ายังปล่อยปละละเลยกันอยู่อย่างนี้
เชื่อ... เถิ๊ดคดดดด ว่า ในอนาคต ประเทศของเราจะเต็มไปด้วย... " ฅนตกงาน " เพราะการแข่งขันอย่างบ้าเลือด ทั้งภูมิภาค & ทั้งโลก ขนาดอเมริกา & ยุโรป ที่สะสมองค์ความรู้ด้านสาขาต่างๆ มาอย่างยาวนานหลาย100ปี มาเจอการแข่งขันยุคใหม่ ที่ไวเป็นจรวด ยังร่วงๆๆ ไม่เป็นท่า
Hongkong & Singapore รับครูผู้สอนจากบัณฑิต ป.ตรี ที่มีผลการเรียนดีที่สุด
ครูต้องมีคะแนนดีเด่นยอดเยี่ยมอยู่ในช่วง 30% แรก , ในขณะที่ สหรัฐอเมริกา รับครูจากบัณฑิต 1ใน3 ที่มีผลการเรียนต่ำที่สุด , Europe ก็เช่นเดียวกัน ผลลัพธ์ของการศึกษาของพวกนั้น จึงเริ่ม... " ตกต่ำ "
แนวโน้มใหม่ ของการรับครูบาอาจารย์ของโลก คือ รับบัณฑิตทั่วไปที่ไม่จำเป็นต้องจบครูโดยตรง
เพื่อให้เกิดการแข่งขันสูง เมื่อสอบเข้าเป็นครูได้แล้ว ก็จึงถึงค่อยมาอบรมเพิ่มเติม ในวิชาชีพครู ซึ่งอยากจะให้ประเทศไทย ลองพิจารณาวิธีการนี้ดูบ้าง
V V V Thailand ถ้าไม่ว่องไวต่อ การเปลี่ยน อาจจะ... " แบน " อย่างนี้ V V V
Credit : http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 48247.html
นำมาจากกระทู้ของคุณ ศิษย์ซุนวู@Pantip
ไทยรัฐ ( คุณนิติ นวรัตน์ ) : เมืองชั้นหนึ่ง การศึกษาชั้นหนึ่ง
31 กค. 55 เยาวชนคนไทย จะไปสมัครงานโรงแรม ก็แข่งขันกันกับปชช.คนทั้งประเทศเพียง 65ล้าน >> พอถึง 1 มค. 58 เมื่อเราเข้าสู่ การเป็นประชาคมAsean อย่างสมบูรณ์แล้ว MRA (Mutual Recognition Arrangements) ข้อตกลงมาตรฐานวิชาชีพร่วมกัน จะทำให้เยาวชนคนของเราก็ต้องแข่งขันกันกับผู้คนรวม 10ประเทศ 600ล้าน
เมื่อไรที่ เรารวมกันเป็นAsean +3 หมายความว่า บวก(+) จีน , เกาหลี & ญี่ปุ่น
คราวนี้ ก็ต้องแข่งกับคน 13ประเทศ 2พันกว่าล้าน , ต่อไป เป็นAsean +6 คราวนี้ บวก(+) India , Australia & NewZealand เข้าไปด้วย เยาวชนคนของเรา สมัครงานตำแหน่งอะไรก็ต้องไปแข่งกับผู้คน 16ประเทศ 3พันกว่าล้าน จะได้ดีมีงานทำหรือไม่? ก็ขึ้นอยู่กับ “ศักยภาพในการแข่งขัน”
องค์กรเพื่อความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ & การพัฒนา หรือ OEDC บอกว่า...
แต่เดิม ปชช.คนที่มีความรู้ส่วนใหญ่ มาจากยุโรปตะวันตก & อเมริกา ทว่า ปัจจุบันทุกวันนี้ แนวโน้มของผู้สำเร็จการศึกษาระดับ ปริญญาของโลกเปลี่ยนไป พศ. 2563 คนในช่วงอายุ 25 - 34ปี ที่จบปริญญาจะมีตัวเลขอยู่ที่ 129ล้าน
เดิม คนที่มีการศึกษาจะอยู่ที่USA. เป็นอันดับ1 ทว่า พศ. 2563 ไม่ใช่USA. แล้ว ตัวเลขของบัณฑิตในห้วงช่วงอายุดังกล่าว ในUSA. จะเหลือแค่ 11% , USA จะตกจากตำแหน่งมีบัณฑิตมากที่สุดในโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ & เป็น No.3 ซะด้วยซ้ำ
มหาอำนาจ ด้านทรัพยากรมนุษย์ผู้มีการศึกษาระดับปริญญา จะเป็น... จีน
จีน ขึ้นไปยืนบนแท่นที่1 ด้วยอัตราประชากร ที่จบ ปริญญา 29% & ตามมาด้วย India อีก 11%
Chin_dia ย ผมหมายถึง China & India จะผลิตบัณฑิตมากถึง 40% ของโลก
ส่วนเจ้าของChamp เดิ ม คือ อเมริกา + ยุโรป ทั้ง 2ภูมิภาครวมกัน จะมีบัณฑิตเพียง 25% เท่านั้น , NO.5 ของโลก ... " = Indonesia "
ลองหลับตา จินตนาการถึงเด็กไทย , เขมร , ลาว & Myunmar ว่า
ต่อไปในอนาคต เยาวชนประเทศวัฒนธรรม_อ่อน พวกนี้ จะต้องแข่งขันทำงานกับ คนที่มีวัฒนธรรมแข็งอย่าง... จีน , India , Singapore , เกาหลี , ญี่ปุ่น ฯลฯ เยาวชนของเรา จะมีศักยภาพสู้กับมนุษย์พวกนั้น ไหวไหม ?
แต่ก่อน จีนกับแขก เป็นพวกที่มีแรงงานราคาถูกๆ + ไร้ฝีมือ
สมัยก่อนตอนเด็กๆ แถวบ้าน มี... " เจ๊กย้อมผ้า " + " แขกขายถั่ว " วันนี้ คนพวกนั้นขยับขึ้นห้างฯ หมดแล้ว , ปัจจุบัน ลูกหลานคนจีน , India ที่เคยไร้การศึกษา ปรากฏว่า กลายมาเป็น... นักวิทยาศาสตร์ - วิศวกร - แรงงานฝีมือระดับสูง ที่อุตฯ Hi_Tech ในยุโรป & สหรัฐฯ ตั้งหน้า_ตั้งตา เชื้อเชิญให้เข้าไปทำงาน
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของมนุษย์ ที่มีการศึกษา ทำให้สถานะ ของUSA. & ยุโรป ต่ำ... โลง
ในขณะที่ กลุ่มAsia กลายเป็นประเทศที่ขยับขึ้นไปอยู่แถวหน้า พวกจีน& India เรียนหนังสือกันอย่าง... " บ้าเลือด " โดยเฉพาะในจีน นักเรียนม.ปลาย 80% ต้องกวดวิชาหลังเลิกเรียน & ใช้เวลาทำการบ้านอีก วันละโดยเฉลี่ย 4ชม. โดยมีผู้ปกครองดูแลใกล้ชิด
ขณะที่ ตะวันตก ปล่อยปละละเลยเยาวชนคนของตน ให้เรียนตามยถากรรม & ยกย่องให้เด็กเป็นศก.
แต่จีน ให้ครูเป็นหลัก , จีน พัฒนาคุณภาพของครู & ทำทุกอย่างเพื่อให้ครู ได้รับความเคารพอย่างสูง ผู้ปกครองของจีน ก็อุทิศตนให้กับการศึกษาของลูก , เดี๋ยวนี้ ในแต่ละเมืองของจีน ก็แข่งขันกันเป็น... " นครรัฐของความคิด " กำลังคน & ทรัพยากรเพื่อการศึกษา
ถ้าเราจะผลิตเยาวชนคนไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในการอยู่รวมเป็นประชาคมAsean
จะต้องให้การศึกษาเป็นวาระแห่งชาติ + วาระแห่งเมือง ผวจ. & นายกเทศมนตรี จะต้องแย่งกันเป็น “เมืองชั้นหนึ่ง การศึกษาชั้นหนึ่ง” แต่ถ้ายังปล่อยปละละเลยกันอยู่อย่างนี้
เชื่อ... เถิ๊ดคดดดด ว่า ในอนาคต ประเทศของเราจะเต็มไปด้วย... " ฅนตกงาน " เพราะการแข่งขันอย่างบ้าเลือด ทั้งภูมิภาค & ทั้งโลก ขนาดอเมริกา & ยุโรป ที่สะสมองค์ความรู้ด้านสาขาต่างๆ มาอย่างยาวนานหลาย100ปี มาเจอการแข่งขันยุคใหม่ ที่ไวเป็นจรวด ยังร่วงๆๆ ไม่เป็นท่า
Hongkong & Singapore รับครูผู้สอนจากบัณฑิต ป.ตรี ที่มีผลการเรียนดีที่สุด
ครูต้องมีคะแนนดีเด่นยอดเยี่ยมอยู่ในช่วง 30% แรก , ในขณะที่ สหรัฐอเมริกา รับครูจากบัณฑิต 1ใน3 ที่มีผลการเรียนต่ำที่สุด , Europe ก็เช่นเดียวกัน ผลลัพธ์ของการศึกษาของพวกนั้น จึงเริ่ม... " ตกต่ำ "
แนวโน้มใหม่ ของการรับครูบาอาจารย์ของโลก คือ รับบัณฑิตทั่วไปที่ไม่จำเป็นต้องจบครูโดยตรง
เพื่อให้เกิดการแข่งขันสูง เมื่อสอบเข้าเป็นครูได้แล้ว ก็จึงถึงค่อยมาอบรมเพิ่มเติม ในวิชาชีพครู ซึ่งอยากจะให้ประเทศไทย ลองพิจารณาวิธีการนี้ดูบ้าง
V V V Thailand ถ้าไม่ว่องไวต่อ การเปลี่ยน อาจจะ... " แบน " อย่างนี้ V V V
Credit : http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 48247.html
นำมาจากกระทู้ของคุณ ศิษย์ซุนวู@Pantip
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: aec
โพสต์ที่ 103
อิตาลีสนลงทุนไทยเป็นประตูอาเซียน
05 สิงหาคม 2555 เวลา 12:16 น. |
http://www.posttoday.com/%E0%B8%98%E0%B ... 2%E0%B8%99
กรมส่งเสริมการส่งออกเผยนักธุรกิจอิตาลีสนใจลงทุนในไทยด้านอาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ขณะนี้อิตาลีสนใจตั้งฐานการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกในไทย เพราะไทยเป็นประตูสำคัญในการส่งออกไปทั่วเอเชีย เมื่อเดือนมิ.ย.ได้หารือกับบริษัท Koelnmesse ซึ่งดำเนินการจัดงานแสดงสินค้าในเยอรมนี และทั่วโลก และเป็นผู้จัดงานร่วมงานแสดงสินค้าอาหาร Thailand International Food Exhibition (Thaifex) ในไทย โดยบริษัทจะผลักดันให้ผู้ประกอบการอาหาร และนักธุรกิจจากอิตาลีเข้าร่วมงานดังกล่าวในปี 56 ให้ได้มากกว่า 100 ราย เพราะงานดังกล่าวเป็นงานแสดงสินค้าอาหารที่สำคัญอันดับหนึ่งในเอเชีย
สำนักงานฯ ยังได้เยี่ยมพบบริษัท Union Trade ผู้นำเข้าสินค้าอาหารไทยรายใหญ่ที่สุดในอิตาลี โดยสินค้าที่นำเข้าจากไทย ได้แก่ ข้าว อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง อาหารแห้ง ซอสปรุงรส ผัก/ผลไม้สด และเครื่องดื่ม จัดจำหน่ายให้กับร้านค้าปลีกและส่งออกไปยังประเทศอื่นทั่วยุโรป มียอดขายทั้งสิ้น 17.90 ล้านยูโร ปีที่ผ่านมา นำเข้าจากไทย 20.70% ของการนำเข้าทั้งหมด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 4.47 ล้านยูโร โดยบริษัทมีแผนการนำเสนอสินค้าอาหารเข้าจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตอิตาลี Coop ซึ่งคล้ายกับ Big C ของไทย จึงเป็นโอกาสดีหากบริษัทสามารถนำเข้าสินค้าอาหารไทยเข้าวางจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ต Coop เพราะจะส่งผลให้สินค้าอาหารไทยเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคชาวอิตาเลียนในวงกว้าง และขยายมูลค่าของการส่งออกสินค้าอาหารไทยในตลาดอิตาลีได้อีกมาก
นอกจากนี้ ยังได้นัดหารือกับบริษัทอิตาลีรายใหญ่ 2 ราย ได้แก่ บริษัท Brembo ผู้ผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์ และบริษัท Fiat / Magneti Marelli บริษัทออกแบบและผลิตเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยทั้ง 2 บริษัทให้ความสนใจมาลงทุนตั้งฐานการผลิตเพื่อการส่งออก และสนใจจำหน่ายสินค้าให้กับประเทศที่ตั้งฐานการผลิตในไทยด้วย
-จบ-
05 สิงหาคม 2555 เวลา 12:16 น. |
http://www.posttoday.com/%E0%B8%98%E0%B ... 2%E0%B8%99
กรมส่งเสริมการส่งออกเผยนักธุรกิจอิตาลีสนใจลงทุนในไทยด้านอาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ขณะนี้อิตาลีสนใจตั้งฐานการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกในไทย เพราะไทยเป็นประตูสำคัญในการส่งออกไปทั่วเอเชีย เมื่อเดือนมิ.ย.ได้หารือกับบริษัท Koelnmesse ซึ่งดำเนินการจัดงานแสดงสินค้าในเยอรมนี และทั่วโลก และเป็นผู้จัดงานร่วมงานแสดงสินค้าอาหาร Thailand International Food Exhibition (Thaifex) ในไทย โดยบริษัทจะผลักดันให้ผู้ประกอบการอาหาร และนักธุรกิจจากอิตาลีเข้าร่วมงานดังกล่าวในปี 56 ให้ได้มากกว่า 100 ราย เพราะงานดังกล่าวเป็นงานแสดงสินค้าอาหารที่สำคัญอันดับหนึ่งในเอเชีย
สำนักงานฯ ยังได้เยี่ยมพบบริษัท Union Trade ผู้นำเข้าสินค้าอาหารไทยรายใหญ่ที่สุดในอิตาลี โดยสินค้าที่นำเข้าจากไทย ได้แก่ ข้าว อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง อาหารแห้ง ซอสปรุงรส ผัก/ผลไม้สด และเครื่องดื่ม จัดจำหน่ายให้กับร้านค้าปลีกและส่งออกไปยังประเทศอื่นทั่วยุโรป มียอดขายทั้งสิ้น 17.90 ล้านยูโร ปีที่ผ่านมา นำเข้าจากไทย 20.70% ของการนำเข้าทั้งหมด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 4.47 ล้านยูโร โดยบริษัทมีแผนการนำเสนอสินค้าอาหารเข้าจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตอิตาลี Coop ซึ่งคล้ายกับ Big C ของไทย จึงเป็นโอกาสดีหากบริษัทสามารถนำเข้าสินค้าอาหารไทยเข้าวางจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ต Coop เพราะจะส่งผลให้สินค้าอาหารไทยเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคชาวอิตาเลียนในวงกว้าง และขยายมูลค่าของการส่งออกสินค้าอาหารไทยในตลาดอิตาลีได้อีกมาก
นอกจากนี้ ยังได้นัดหารือกับบริษัทอิตาลีรายใหญ่ 2 ราย ได้แก่ บริษัท Brembo ผู้ผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์ และบริษัท Fiat / Magneti Marelli บริษัทออกแบบและผลิตเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยทั้ง 2 บริษัทให้ความสนใจมาลงทุนตั้งฐานการผลิตเพื่อการส่งออก และสนใจจำหน่ายสินค้าให้กับประเทศที่ตั้งฐานการผลิตในไทยด้วย
-จบ-
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 104
ขอบคุณมากเลยครับพี่
ขอแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับAECได้ที่ไหนครับ
ขอแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับAECได้ที่ไหนครับ
ลงทุนเพื่อชีวิต
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: aec
โพสต์ที่ 105
อ่านตาม นสพ. online อ่ะครับthaloengsak เขียน:ขอบคุณมากเลยครับพี่
ขอแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับAECได้ที่ไหนครับ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 9#p1023129
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 106
ไทยยังเนื้อหอมต่างชาติตั้งฐานลุยตลาดเออีซี [ โพสต์ทูเดย์, 7 ส.ค. 55 ]
ไทยเนื้อหอม ต่างชาติมองใช้เป็นฐานลงทุนรับเออีซี ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคและลงทุนพื้นฐานคึกคัก
"กสิกรไทย" เด้งรับจัดทัพทีมวาณิชธนกิจ
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ ผู้บริหาร กลุ่มวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีหลาย
ประเทศไม่เฉพาะในเอเชียที่มีความต้องการเข้ามาร่วมทุนกับบริษัทในไทย เพื่อรองรับการเปิดประชาคม
เศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี ในปี 2558 โดยมองว่าไทยมีภูมิศาสตร์ที่ดีอยู่ตรงกลาง ระหว่างประเทศเพื่อน
บ้าน ทั้งลาว กัมพูชา และพม่า สามารถเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะใน
กลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
ไทยเนื้อหอม ต่างชาติมองใช้เป็นฐานลงทุนรับเออีซี ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคและลงทุนพื้นฐานคึกคัก
"กสิกรไทย" เด้งรับจัดทัพทีมวาณิชธนกิจ
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ ผู้บริหาร กลุ่มวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีหลาย
ประเทศไม่เฉพาะในเอเชียที่มีความต้องการเข้ามาร่วมทุนกับบริษัทในไทย เพื่อรองรับการเปิดประชาคม
เศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี ในปี 2558 โดยมองว่าไทยมีภูมิศาสตร์ที่ดีอยู่ตรงกลาง ระหว่างประเทศเพื่อน
บ้าน ทั้งลาว กัมพูชา และพม่า สามารถเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะใน
กลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 107
แอร์เอเชียบินทั่วอาเซียนปี'58 สนไปพุกาม-ดานัง-ปากเซ หวังไทยฮับเที่ยวแห่งภูมิภาค [ โพสต์ทูเดย์, 7 ส.ค. 55 ]
แอร์เอเชียเร่งขยายเส้นทางบินทั่วอาเซียน พร้อมโต้ข่าวฮั้ว ทอท. ยันยังมุ่งเน้นธุรกิจการบินด้าน
ททท. หวังดันไทยขึ้นศูนย์กลางท่องเที่ยวแห่งอาเซียน
นายทัศนพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า แอร์
เอเชียเร่งเดินหน้าขยายเส้นทางใหม่ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย ที่จะครอบคลุมเส้น
ทางสำคัญภายในปี 2558 รองรับการเปิดเสรีทางการค้าในอาเซียน หรือเออีซี โดยล่าสุดได้เปิดเส้นทาง
ใหม่ กรุงเทพฯ-มัณฑะเลย์ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
แอร์เอเชียเร่งขยายเส้นทางบินทั่วอาเซียน พร้อมโต้ข่าวฮั้ว ทอท. ยันยังมุ่งเน้นธุรกิจการบินด้าน
ททท. หวังดันไทยขึ้นศูนย์กลางท่องเที่ยวแห่งอาเซียน
นายทัศนพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า แอร์
เอเชียเร่งเดินหน้าขยายเส้นทางใหม่ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย ที่จะครอบคลุมเส้น
ทางสำคัญภายในปี 2558 รองรับการเปิดเสรีทางการค้าในอาเซียน หรือเออีซี โดยล่าสุดได้เปิดเส้นทาง
ใหม่ กรุงเทพฯ-มัณฑะเลย์ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 108
คอลัมน์: วอร์มอัพประเทศไทย สู่เออีซีซ เอกชนรายใหญ่ พร้อมบุกอาเซียน
Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th), Tuesday, August 07, 2012
...ดวงใจ จิตต์มงคล
เพื่อเพิ่มการเตรียมตัวเข้าสู่เออีซีปี 2558 "โพสต์ทูเดย์" จึงขอนำเสนอเนื้อหาที่สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจร่วมกับธนาคารกรุงเทพ จัดอบรมโครงการเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี 2558 เพื่อปูพื้นฐานทุกฉบับวันอังคารต่อเนื่อง6 สัปดาห์
ในสัปดาห์ที่ 4 ของโครงการพัฒนาศักยภาพผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจระดับสูง(พศส.)เมื่อวันที่4 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในภาคการลงทุนและกิจการพลังงานมาร่วมบรรยายในหัวข้อต่างๆ ดังนี้
บีโอไอกาง 5 ยุทธศาสตร์รับเออีซี
อรรชกา สีบุญเรืองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวในหัวข้อ "การปรับบทบาทและกฎระเบียบการลงทุนของบีโอไอภายใต้เออีซี" ว่า การปรับยุทธศาสตร์ของบีโอไอเพื่อรองรับเออีซีนั้น ประกอบด้วย 5 ด้าน คือ 1.การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อแสวงหาโอกาสจากเออีซี 2.การทำตลาดเชิงรุกเพื่อชักจูงการลงทุน โดยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของไทยเป็นฐานผลิตสำหรับอาเซียน
ด้านที่ 3 การเจรจาและทำข้อตกลงด้านการลงทุนเออีซี โดยเจรจาและทำข้อตกลงเกี่ยวกับเออีซีให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย เช่น ข้อตกลงการลงทุนAsean Comprehensive Investment Agreement (ACIA) 4.เสริมสร้างโอกาสการลงทุนไทยในต่างประเทศ โดยกำหนดอาเซียนเป็นเป้าหมายสำคัญอันดับแรก และ5.พัฒนาด้านศักยภาพและแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรม โดยพัฒนาเชื่อมโยงอุตสาหกรรมในกลุ่มอาเซียน เช่น ฐานผลิตข้อมูลชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมสนับสนุนของกลุ่มอาเซียน พร้อมประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหานักลงทุน
ขณะที่ทิศทางอุตสาหกรรมไทยหลังปี2558 จะพบว่าการผลิตจะมีขนาดใหญ่ขึ้นโดยจะยุบเลิกการผลิตในโรงงานที่มีประสิทธิภาพต่ำ และเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานมีประสิทธิภาพสูง เพื่อได้ประโยชน์จาก อีโคโนมี ออฟ สเกล รวมทั้งขั้นตอนผลิตที่ใช้แรงงานเข้มข้นจะย้ายฐานการผลิตออกไปนอกประเทศ ขณะที่การเชื่อมโยงการผลิตระหว่างประเทศจะมีมากขึ้น พิธีทางศุลกากรจะอำนวยความสะดวกยิ่งขึ้น
ขณะที่การลงทุนระหว่างประเทศจะมีมากขึ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการควบรวมกิจการ(เอ็มแอนด์เอ) เพื่อให้สามารถขยายกิจการได้อย่างรวดเร็ว โดยบริษัทขนาดใหญ่จะเริ่มปรับตัวไปสู่การเป็นบรรษัทข้ามชาติ มีกรรมการบริษัทและผู้บริหารมาจากหลายประเทศ และใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น
"เออีซีจะทำให้ฐานการผลิตในประเทศต่างๆ ร่วมมือใกล้ชิดในด้านซัพพลายเชนมากขึ้น โดยขั้นตอนการผลิตในส่วนที่ใช้แรงงานเข้มข้นจะย้ายฐานไปยังประเทศที่มีแรงงานจำนวนมาก ซึ่งไทยจะหันไปผลิตใน
ส่วนขั้นตอนที่ใช้แรงงานทักษะและใช้เครื่องจักรอัตโนมัติมากขึ้น" อรรชกา กล่าว
วิชัน ’เอสซีจี’ มุ่งสินค้ามูลค่าเพิ่ม
บรรณ เกษมทรัพย์ผู้อำนวยการสำนักงานวางแผนกลางเครือเอสซีจี กล่าวในหัวข้อ "การเตรียมตัวเชิงรุก และรับของภาคเอกชนไทย" ว่าเอสซีจีได้กำหนดวิสัยทัศน์การนำกิจการออกนอกประเทศมาก่อนหน้านี้ ซึ่งใน 5 ปีข้างหน้านับจากนี้บริษัทเตรียมงบลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท จากงบเดิมที่วางไว้ 1 แสนล้านบาท ต่อเนื่องจากแผนลงทุนเมื่อ5 ปีก่อนใช้งบลงทุนในต่างประเทศกว่า 1 แสนล้านบาทเช่นกัน
ทั้งนี้ เอสซีจีได้เตรียมความพร้อมจัดทำแผนแม่บทใน 4 เสาหลัก คือ 1.Single Market 2.Compettitive Economic Region 3.Equitable Economic Development และ 4.Intergration Into The Global Economy ซึ่งบริษัทมีความเชื่อว่า การตลาดจะต้องไปพร้อมกับเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า จากเดิมก่อนหน้าหลายสิบปีที่ผ่านมาบริษัทมุ่งกลยุทธ์ด้าน คอสต์ ลีดเดอร์ชิป เป็นหลัก หรือของดีต้นทุนต่ำ เพื่อตอบสนองผู้บริโภค
แต่ปัจจุบันความเป็น คอสต์ ลีดเดอร์ชิปไม่สามารถนำไปใช้ได้อีกแล้ว จากการเปิดแข่งขันเสรีด้านต่างๆ โดยเฉพาะการเข้ามาของประเทศจีน ซึ่งมีต้นทุนผลิตต่ำกว่า
พร้อมกันนี้ เอสซีจียังมุ่งเน้นการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (อาร์แอนด์ดี) มากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้า เอชวีเอ (HVA :High Value Added) โดยจะเพิ่มสินค้ากลุ่มนี้ให้ทำตลาดมากขึ้นในอนาคต ให้มีสัดส่วนอยู่ที่ 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 34% จาก
เมื่อ10 ปีก่อนสินค้ากลุ่มนี้มีสัดส่วน 4% เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันกลุ่มสินค้าเอชวีเอมีมูลค่าบริษัทกว่า 1.17 แสนล้านบาท
ปตท.มองอนาคตพลังงานอาเซียน
สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร บริษัท ปตท.กล่าวในหัวข้อ "ธุรกิจพลังงานไทยกับผลกระทบการเปิดเออีซี" ว่า อนาคตอาเซียนยังต้องพึ่งพิงการใช้น้ำมันอย่างต่อเนื่องซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีที่ประเทศไทยจะใช้โอกาสการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในการเป็นศูนย์จำหน่ายและขนส่งน้ำมัน เนื่องจากไทยมีศักยภาพด้านทำเลที่ตั้งและระบบท่อนำส่งที่ปัจจุบันมีระบบส่ง 3,000-4,000 กิโลเมตร ที่พร้อมแตกกิ่งก้านสาขาไปยังประเทศต่างๆ
นอกจากนี้ ในส่วนของน้ำมันเอทานอลที่ใช้วัตถุดิบจากพืชในการผลิต เช่น มันสำปะหลัง ซึ่งไทยมีการเพาะปลูกได้ดีดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งส่งเสริม โดยเฉพาะการขยายพื้นที่ปลูก เพื่อให้มีต้นทุนที่ถูกลงเพื่อรองรับอนาคตสำหรับใช้ทดแทนพลังงานจากฟอสซิลได้จริง เนื่องจากเอทานอลสามารถนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลายน้ำได้ เช่น ผลิตภัณฑ์ไบโอพลาสติก ที่ในปัจจุบันประเทศไทยมีศักยภาพการผลิตไบโอพลาสติกใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากประเทศรัสเซีย
ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาดูเรื่องพื้นที่เพาะปลูกให้ดี ขณะที่ศักยภาพทางด้านการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะระบบขนส่งของไทยในปัจจุบันทำได้ดีมีการเคลื่อนย้ายสินค้าและประชากรได้อย่างสะดวก และช่วยเสริมสร้างโอกาสให้ไทยมีความพร้อมด้านการแข่งขันในเออีซีได้เป็นอย่างดี
--จบ--
Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th), Tuesday, August 07, 2012
...ดวงใจ จิตต์มงคล
เพื่อเพิ่มการเตรียมตัวเข้าสู่เออีซีปี 2558 "โพสต์ทูเดย์" จึงขอนำเสนอเนื้อหาที่สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจร่วมกับธนาคารกรุงเทพ จัดอบรมโครงการเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี 2558 เพื่อปูพื้นฐานทุกฉบับวันอังคารต่อเนื่อง6 สัปดาห์
ในสัปดาห์ที่ 4 ของโครงการพัฒนาศักยภาพผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจระดับสูง(พศส.)เมื่อวันที่4 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในภาคการลงทุนและกิจการพลังงานมาร่วมบรรยายในหัวข้อต่างๆ ดังนี้
บีโอไอกาง 5 ยุทธศาสตร์รับเออีซี
อรรชกา สีบุญเรืองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวในหัวข้อ "การปรับบทบาทและกฎระเบียบการลงทุนของบีโอไอภายใต้เออีซี" ว่า การปรับยุทธศาสตร์ของบีโอไอเพื่อรองรับเออีซีนั้น ประกอบด้วย 5 ด้าน คือ 1.การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อแสวงหาโอกาสจากเออีซี 2.การทำตลาดเชิงรุกเพื่อชักจูงการลงทุน โดยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของไทยเป็นฐานผลิตสำหรับอาเซียน
ด้านที่ 3 การเจรจาและทำข้อตกลงด้านการลงทุนเออีซี โดยเจรจาและทำข้อตกลงเกี่ยวกับเออีซีให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย เช่น ข้อตกลงการลงทุนAsean Comprehensive Investment Agreement (ACIA) 4.เสริมสร้างโอกาสการลงทุนไทยในต่างประเทศ โดยกำหนดอาเซียนเป็นเป้าหมายสำคัญอันดับแรก และ5.พัฒนาด้านศักยภาพและแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรม โดยพัฒนาเชื่อมโยงอุตสาหกรรมในกลุ่มอาเซียน เช่น ฐานผลิตข้อมูลชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมสนับสนุนของกลุ่มอาเซียน พร้อมประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหานักลงทุน
ขณะที่ทิศทางอุตสาหกรรมไทยหลังปี2558 จะพบว่าการผลิตจะมีขนาดใหญ่ขึ้นโดยจะยุบเลิกการผลิตในโรงงานที่มีประสิทธิภาพต่ำ และเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานมีประสิทธิภาพสูง เพื่อได้ประโยชน์จาก อีโคโนมี ออฟ สเกล รวมทั้งขั้นตอนผลิตที่ใช้แรงงานเข้มข้นจะย้ายฐานการผลิตออกไปนอกประเทศ ขณะที่การเชื่อมโยงการผลิตระหว่างประเทศจะมีมากขึ้น พิธีทางศุลกากรจะอำนวยความสะดวกยิ่งขึ้น
ขณะที่การลงทุนระหว่างประเทศจะมีมากขึ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการควบรวมกิจการ(เอ็มแอนด์เอ) เพื่อให้สามารถขยายกิจการได้อย่างรวดเร็ว โดยบริษัทขนาดใหญ่จะเริ่มปรับตัวไปสู่การเป็นบรรษัทข้ามชาติ มีกรรมการบริษัทและผู้บริหารมาจากหลายประเทศ และใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น
"เออีซีจะทำให้ฐานการผลิตในประเทศต่างๆ ร่วมมือใกล้ชิดในด้านซัพพลายเชนมากขึ้น โดยขั้นตอนการผลิตในส่วนที่ใช้แรงงานเข้มข้นจะย้ายฐานไปยังประเทศที่มีแรงงานจำนวนมาก ซึ่งไทยจะหันไปผลิตใน
ส่วนขั้นตอนที่ใช้แรงงานทักษะและใช้เครื่องจักรอัตโนมัติมากขึ้น" อรรชกา กล่าว
วิชัน ’เอสซีจี’ มุ่งสินค้ามูลค่าเพิ่ม
บรรณ เกษมทรัพย์ผู้อำนวยการสำนักงานวางแผนกลางเครือเอสซีจี กล่าวในหัวข้อ "การเตรียมตัวเชิงรุก และรับของภาคเอกชนไทย" ว่าเอสซีจีได้กำหนดวิสัยทัศน์การนำกิจการออกนอกประเทศมาก่อนหน้านี้ ซึ่งใน 5 ปีข้างหน้านับจากนี้บริษัทเตรียมงบลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท จากงบเดิมที่วางไว้ 1 แสนล้านบาท ต่อเนื่องจากแผนลงทุนเมื่อ5 ปีก่อนใช้งบลงทุนในต่างประเทศกว่า 1 แสนล้านบาทเช่นกัน
ทั้งนี้ เอสซีจีได้เตรียมความพร้อมจัดทำแผนแม่บทใน 4 เสาหลัก คือ 1.Single Market 2.Compettitive Economic Region 3.Equitable Economic Development และ 4.Intergration Into The Global Economy ซึ่งบริษัทมีความเชื่อว่า การตลาดจะต้องไปพร้อมกับเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า จากเดิมก่อนหน้าหลายสิบปีที่ผ่านมาบริษัทมุ่งกลยุทธ์ด้าน คอสต์ ลีดเดอร์ชิป เป็นหลัก หรือของดีต้นทุนต่ำ เพื่อตอบสนองผู้บริโภค
แต่ปัจจุบันความเป็น คอสต์ ลีดเดอร์ชิปไม่สามารถนำไปใช้ได้อีกแล้ว จากการเปิดแข่งขันเสรีด้านต่างๆ โดยเฉพาะการเข้ามาของประเทศจีน ซึ่งมีต้นทุนผลิตต่ำกว่า
พร้อมกันนี้ เอสซีจียังมุ่งเน้นการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (อาร์แอนด์ดี) มากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้า เอชวีเอ (HVA :High Value Added) โดยจะเพิ่มสินค้ากลุ่มนี้ให้ทำตลาดมากขึ้นในอนาคต ให้มีสัดส่วนอยู่ที่ 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 34% จาก
เมื่อ10 ปีก่อนสินค้ากลุ่มนี้มีสัดส่วน 4% เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันกลุ่มสินค้าเอชวีเอมีมูลค่าบริษัทกว่า 1.17 แสนล้านบาท
ปตท.มองอนาคตพลังงานอาเซียน
สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร บริษัท ปตท.กล่าวในหัวข้อ "ธุรกิจพลังงานไทยกับผลกระทบการเปิดเออีซี" ว่า อนาคตอาเซียนยังต้องพึ่งพิงการใช้น้ำมันอย่างต่อเนื่องซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีที่ประเทศไทยจะใช้โอกาสการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในการเป็นศูนย์จำหน่ายและขนส่งน้ำมัน เนื่องจากไทยมีศักยภาพด้านทำเลที่ตั้งและระบบท่อนำส่งที่ปัจจุบันมีระบบส่ง 3,000-4,000 กิโลเมตร ที่พร้อมแตกกิ่งก้านสาขาไปยังประเทศต่างๆ
นอกจากนี้ ในส่วนของน้ำมันเอทานอลที่ใช้วัตถุดิบจากพืชในการผลิต เช่น มันสำปะหลัง ซึ่งไทยมีการเพาะปลูกได้ดีดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งส่งเสริม โดยเฉพาะการขยายพื้นที่ปลูก เพื่อให้มีต้นทุนที่ถูกลงเพื่อรองรับอนาคตสำหรับใช้ทดแทนพลังงานจากฟอสซิลได้จริง เนื่องจากเอทานอลสามารถนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลายน้ำได้ เช่น ผลิตภัณฑ์ไบโอพลาสติก ที่ในปัจจุบันประเทศไทยมีศักยภาพการผลิตไบโอพลาสติกใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากประเทศรัสเซีย
ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาดูเรื่องพื้นที่เพาะปลูกให้ดี ขณะที่ศักยภาพทางด้านการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะระบบขนส่งของไทยในปัจจุบันทำได้ดีมีการเคลื่อนย้ายสินค้าและประชากรได้อย่างสะดวก และช่วยเสริมสร้างโอกาสให้ไทยมีความพร้อมด้านการแข่งขันในเออีซีได้เป็นอย่างดี
--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 109
'สิเรียม' กรี๊ด ขอเออีซีด้วย ผุดสาขา ตปท. [ โพสต์ทูเดย์, 9 ส.ค. 55 ]
ไบโอคอส กรุ๊ป ชี้ธุรกิจเสริมความงามยังรุ่ง เล็งเปิดสาขาในและต่างประเทศ รับแข่งเสรี
ตั้งเป้า 1,000 ล้าน
น.ส.สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ไบโอคอส กรุ๊ป
ผู้ดำเนินธุรกิจสถาบันความงาม ภายใต้แบรนด์ สลิมมิ่งพลัส แบะแบรนด์ อเมทิส บอดี้ แอนด์ บิวตี้
เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อจะขยายตลาดสถาบันความงามในต่างประเทศ เพื่อรองรับ
การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี โดยจะเริ่มในประเทศลาว พม่า สิงคโปร์ และมาเลเซีย
ไบโอคอส กรุ๊ป ชี้ธุรกิจเสริมความงามยังรุ่ง เล็งเปิดสาขาในและต่างประเทศ รับแข่งเสรี
ตั้งเป้า 1,000 ล้าน
น.ส.สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ไบโอคอส กรุ๊ป
ผู้ดำเนินธุรกิจสถาบันความงาม ภายใต้แบรนด์ สลิมมิ่งพลัส แบะแบรนด์ อเมทิส บอดี้ แอนด์ บิวตี้
เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อจะขยายตลาดสถาบันความงามในต่างประเทศ เพื่อรองรับ
การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี โดยจะเริ่มในประเทศลาว พม่า สิงคโปร์ และมาเลเซีย
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 110
สอ.เร่งอัพเกรดเอสเอ็มอีเพิ่มตลาดส่งออกรับเออีซี [ มติชน, 29 ส.ค. 55 ]
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก (สอ.) เปิดเผยว่า กรมยังสานต่อ
โครงการ ต้นกล้า ทู โกล ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาศักยภาพให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยไป
ต่างประเทศ โดยเฉพาะการเข้าถึงตลาดอาเซียน และเตรียมความพร้อมเปิดตลาดประชาคม
เศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ซึ่งในปี 2554 ได้อบรมผู้ประกอบการรุ่นแรกแล้ว 39
บริษัท แบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม 25 บริษัท และกลุ่มผลิตภัณฑ์หัตถกรรม 14
บริษัท และได้จัดคณะไปเจรจาการค้าในประเทศมาเลเซีย ไทยเฟ็กซ์ 2012 ในปี 2555 ส่วนรุ่น
2 อยู่ระหว่างการอบรม จะสิ้นสุดโครงการเดือนธันวาคมนี้ จำนวน 70 บริษัท
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก (สอ.) เปิดเผยว่า กรมยังสานต่อ
โครงการ ต้นกล้า ทู โกล ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาศักยภาพให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยไป
ต่างประเทศ โดยเฉพาะการเข้าถึงตลาดอาเซียน และเตรียมความพร้อมเปิดตลาดประชาคม
เศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ซึ่งในปี 2554 ได้อบรมผู้ประกอบการรุ่นแรกแล้ว 39
บริษัท แบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม 25 บริษัท และกลุ่มผลิตภัณฑ์หัตถกรรม 14
บริษัท และได้จัดคณะไปเจรจาการค้าในประเทศมาเลเซีย ไทยเฟ็กซ์ 2012 ในปี 2555 ส่วนรุ่น
2 อยู่ระหว่างการอบรม จะสิ้นสุดโครงการเดือนธันวาคมนี้ จำนวน 70 บริษัท
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 111
เชิญทูตอาเซียนรับมือเออีซี [ เดลินิวส์, 29 ส.ค. 55 ]
นายศิริชัย สมบัติศิริ รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่ง
เสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขยายตลาดไปกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจ
อาเซียนในปี 58 ว่า ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องให้ความรู้ผู้ประกอบการเกี่ยวกับกฎระเบียบ
ของแต่ละประเทศ หรือเชิญทูตพาณิชย์ประเทศเพื่อนบ้านและของไทยมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ประกอบการ
ไทยว่าจะต้องมีอะไรที่ต้องปฏิบัติและแก้ไขร่วมกัน เพื่อให้การเข้าออกทำการค้าขายในกลุ่มอาเซียนมีความ
สะดวกและรวดเร็วขึ้น
นายศิริชัย สมบัติศิริ รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่ง
เสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขยายตลาดไปกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจ
อาเซียนในปี 58 ว่า ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องให้ความรู้ผู้ประกอบการเกี่ยวกับกฎระเบียบ
ของแต่ละประเทศ หรือเชิญทูตพาณิชย์ประเทศเพื่อนบ้านและของไทยมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ประกอบการ
ไทยว่าจะต้องมีอะไรที่ต้องปฏิบัติและแก้ไขร่วมกัน เพื่อให้การเข้าออกทำการค้าขายในกลุ่มอาเซียนมีความ
สะดวกและรวดเร็วขึ้น
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 112
รัฐห่วงเปิดเออีซีSMEถูกต่างชาติฮุบ
Source - ไทยโพสต์ (Th), Friday, August 31, 2012
ประชาอุทิศ * พลังงานชี้หลังเปิดเออีซี กลุ่มเอสเอ็มอีไทยรอดยาก ถูกฮุบกิจการเหตุเปิดให้ต่างชาติแห่ถือหุ้นในธุรกิจคนไทยได้ 70% แนะเร่งปรับตัวและสร้างมาตรฐานสินค้าก่อนสาย พร้อมเร่งส่ง ปตท.ลงทุนในต่างประเทศหาพลังงานเข้าไทย
นายวีระวัฒน์ จันทนาคม ที่ปรึกษาอาวุโสสำนักงานปลัดกระ ทรวงพลังงาน เปิดเผยในงานสัมม นาความพร้อมของประเทศไทยด้านพลังงานเพื่อก้าวสู่ยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ว่า การเปิดเออีซีในปี 2558 จะเกิดภาระกับภาคผู้ประกอบการต้องแข่งขันสูง เนื่องจากภาษีนำเข้าจะกลายเป็น 0 สำหรับประเทศสมาชิกเออีซี นอกจากนี้ ต่างชาติยังสามารถเข้ามาถือหุ้นในกิจการคนไทยได้ถึง 70% ของบริษัท จากปัจจุบันที่ไทยกำหนดไว้เพียงแค่ 49% เพื่อป้องกันไม่ให้ต่างชาติฮุบกิจการของคนไทย
ดังนั้น ผู้ประกอบการที่ไม่ มีความพร้อมทั้งด้านคุณภาพสิน ค้า แรงงาน และไม่สามารถแสวง หาโอกาสจากเออีซีได้จะต้องปิดกิจการไป และยังจะเกิดการหลั่งไหลของสินค้านานาประเทศเข้ามา ซึ่งผู้บริโภคมีสิทธิ์เลือกซื้อได้หลากหลายทั้งด้านราคา สินค้าและคุณภาพ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว กลุ่มที่น่าเป็นห่วงคือกลุ่มธุรกิจขนาด กลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ของไทย เนื่องจากการเข้าถึงแหล่งเงินทุนยังด้อยกว่าต่างชาติ ทำให้การแข่งขันและพัฒนาธุรกิจเติบโต ช้า จนอาจเป็นช่องทางให้ต่างชาติ ฮุบกิจการได้ในอนาคต
"เอสเอ็มอีต้องเร่งพัฒนาคุณ ภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน และช่วยกันผลักดันยกระดับสินค้าในประเทศเพื่อนบ้านให้เท่ากับไทยเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และให้ ภาครัฐช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่ง เงินได้มากขึ้น" นายวีระวัฒน์กล่าว
นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ใน ส่วนของพลังงานนั้น หลังการเปิดเออีซีแล้ว ความต้องการใช้ พลังงานจะสูงขึ้นมาก จากการเข้ามาลงทุนธุรกิจอย่างเสรี ดังนั้น แผนเร่งด่วนที่ภาครัฐกำลังดำเนินการคือให้ บมจ.ปตท.สำ รวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) เข้าลงทุนพัฒนาแหล่งก๊าซนาทูน่าในประเทศอินโดนีเซียในสัดส่วน 15% และให้ ปตท.เร่งเชื่อมโยงโครงข่ายก๊าซธรรมชาติระหว่างไทยกับเพื่อนบ้านให้มากขึ้น พร้อมกันนี้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้าให้เพิ่มขึ้นรวมทั้งให้ ปตท.ลงทุนปลูกปาล์มน้ำมันพร้อมตั้งโรงสกัดน้ำมันปาล์มในกัมพูชา ลาว และพม่า เป็นต้น
ทั้งนี้ ในวันที่ 10-14 ก.ย.2555 จะมีการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จะมีการพูดคุยกันเรื่องการเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้าถึง 8 โครงการ และจัดตั้งคณะทำงานประสานงานด้านถ่านหินระหว่างกันด้วย.
--จบ--
Source - ไทยโพสต์ (Th), Friday, August 31, 2012
ประชาอุทิศ * พลังงานชี้หลังเปิดเออีซี กลุ่มเอสเอ็มอีไทยรอดยาก ถูกฮุบกิจการเหตุเปิดให้ต่างชาติแห่ถือหุ้นในธุรกิจคนไทยได้ 70% แนะเร่งปรับตัวและสร้างมาตรฐานสินค้าก่อนสาย พร้อมเร่งส่ง ปตท.ลงทุนในต่างประเทศหาพลังงานเข้าไทย
นายวีระวัฒน์ จันทนาคม ที่ปรึกษาอาวุโสสำนักงานปลัดกระ ทรวงพลังงาน เปิดเผยในงานสัมม นาความพร้อมของประเทศไทยด้านพลังงานเพื่อก้าวสู่ยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ว่า การเปิดเออีซีในปี 2558 จะเกิดภาระกับภาคผู้ประกอบการต้องแข่งขันสูง เนื่องจากภาษีนำเข้าจะกลายเป็น 0 สำหรับประเทศสมาชิกเออีซี นอกจากนี้ ต่างชาติยังสามารถเข้ามาถือหุ้นในกิจการคนไทยได้ถึง 70% ของบริษัท จากปัจจุบันที่ไทยกำหนดไว้เพียงแค่ 49% เพื่อป้องกันไม่ให้ต่างชาติฮุบกิจการของคนไทย
ดังนั้น ผู้ประกอบการที่ไม่ มีความพร้อมทั้งด้านคุณภาพสิน ค้า แรงงาน และไม่สามารถแสวง หาโอกาสจากเออีซีได้จะต้องปิดกิจการไป และยังจะเกิดการหลั่งไหลของสินค้านานาประเทศเข้ามา ซึ่งผู้บริโภคมีสิทธิ์เลือกซื้อได้หลากหลายทั้งด้านราคา สินค้าและคุณภาพ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว กลุ่มที่น่าเป็นห่วงคือกลุ่มธุรกิจขนาด กลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ของไทย เนื่องจากการเข้าถึงแหล่งเงินทุนยังด้อยกว่าต่างชาติ ทำให้การแข่งขันและพัฒนาธุรกิจเติบโต ช้า จนอาจเป็นช่องทางให้ต่างชาติ ฮุบกิจการได้ในอนาคต
"เอสเอ็มอีต้องเร่งพัฒนาคุณ ภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน และช่วยกันผลักดันยกระดับสินค้าในประเทศเพื่อนบ้านให้เท่ากับไทยเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และให้ ภาครัฐช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่ง เงินได้มากขึ้น" นายวีระวัฒน์กล่าว
นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ใน ส่วนของพลังงานนั้น หลังการเปิดเออีซีแล้ว ความต้องการใช้ พลังงานจะสูงขึ้นมาก จากการเข้ามาลงทุนธุรกิจอย่างเสรี ดังนั้น แผนเร่งด่วนที่ภาครัฐกำลังดำเนินการคือให้ บมจ.ปตท.สำ รวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) เข้าลงทุนพัฒนาแหล่งก๊าซนาทูน่าในประเทศอินโดนีเซียในสัดส่วน 15% และให้ ปตท.เร่งเชื่อมโยงโครงข่ายก๊าซธรรมชาติระหว่างไทยกับเพื่อนบ้านให้มากขึ้น พร้อมกันนี้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้าให้เพิ่มขึ้นรวมทั้งให้ ปตท.ลงทุนปลูกปาล์มน้ำมันพร้อมตั้งโรงสกัดน้ำมันปาล์มในกัมพูชา ลาว และพม่า เป็นต้น
ทั้งนี้ ในวันที่ 10-14 ก.ย.2555 จะมีการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จะมีการพูดคุยกันเรื่องการเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้าถึง 8 โครงการ และจัดตั้งคณะทำงานประสานงานด้านถ่านหินระหว่างกันด้วย.
--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
- Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: aec
โพสต์ที่ 113
สรุปผลการดำเนินงานของบจ. (F45-1)
บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน)
(หน่วย : พันบาท)
งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 1
สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม
ปี 2557 2556
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (37,382) 6,938
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (0.04) 0.01
ต่อหุ้น (บาท)
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไข
บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน)
(หน่วย : พันบาท)
งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 1
สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม
ปี 2557 2556
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (37,382) 6,938
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (0.04) 0.01
ต่อหุ้น (บาท)
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไข
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
- Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: aec
โพสต์ที่ 114
วันที่/เวลา 19 มิ.ย. 2557 19:43:00
หัวข้อข่าว แจ้งกรรมการลาออก
หลักทรัพย์ AEC
แหล่งข่าว AEC
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
หัวข้อข่าว แจ้งกรรมการลาออก
หลักทรัพย์ AEC
แหล่งข่าว AEC
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
- Samkok
- Verified User
- โพสต์: 1880
- ผู้ติดตาม: 0
Re: aec
โพสต์ที่ 115
วันที่/เวลา 19 มิ.ย. 2557 19:42:00
หัวข้อข่าว แจ้งมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2557
หลักทรัพย์ AEC
แหล่งข่าว AEC
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
ข้อ 4 ออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิแก่ผู้ลงทุนเฉพาะเจาะจง เพิ่มเติมอีก 500 ลบ.
ปี 57 งบไตรมาสที่ 1 มี ตราสารหนี้ที่ออกและเงินกู้ยืมอื่น 472.72 ลบ.
ตั๋วแลกเงิน
อัตราดอกเบี้ย 4.85 - 5.75 %
ระยะเวลาของหนี้ที่จะครบกำหนดชำระน้อยกว่า 1 ปี
หัวข้อข่าว แจ้งมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2557
หลักทรัพย์ AEC
แหล่งข่าว AEC
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
ข้อ 4 ออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิแก่ผู้ลงทุนเฉพาะเจาะจง เพิ่มเติมอีก 500 ลบ.
ปี 57 งบไตรมาสที่ 1 มี ตราสารหนี้ที่ออกและเงินกู้ยืมอื่น 472.72 ลบ.
ตั๋วแลกเงิน
อัตราดอกเบี้ย 4.85 - 5.75 %
ระยะเวลาของหนี้ที่จะครบกำหนดชำระน้อยกว่า 1 ปี
ในโลกหล้านี้... มีเพียงหนึ่งเดียวที่ฟ้ามิอาจลิขิตได้นั่นก็คือ "ยอดคน"
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: aec
โพสต์ที่ 116
กอบเกียรติ บุญธีรวร ปั้น AEC สู่ 'TOP 5'
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
Monday, September 29, 2014 06:20
แม้จะเป็นโบรกเกอร์น้องใหม่ แต่มือปืนรับจ้างบริหาร “กอบเกียรติ บุญธีรวร” จ่อสร้างแบรนด์สู้โบรกเกอร์ไซด์ใหญ่
ดาริน โชสูงเนิน
แม้เซียนหุ้นพอร์ตพันล้าน “เคน-โสรัตน์ วณิชวรากิจ” และ “เสี่ยโต-อภิชัย เตชะอุบล” เจ้าของ บมจ.ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม หรือ TFD จะตัดขาย หุ้นบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี หรือ AEC ชื่อเดิมบริษัทหลักทรัพย์ ยูไนเต็ด ของ “ประพล มิลินทจินดา” หลังใช้เวลาดูใจกันไม่นาน ตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 1/2557 จำนวน 37.38 ล้านบาท อาจเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทิ้งหุ้น AEC (2.96 และ 10 เปอร์เซ็นต์ สัดส่วนการถือหุ้น AEC ในอดีตของ “โสรัตน์-อภิชัย)
แต่นักธุรกิจคนดังหลายราย โดยเฉพาะ “ธเนศ พานิชชีวะ” กรรมการ บมจ.ทีทีแอล อุตสาหกรรม หรือ TTL กลับมีความเห็นต่าง โดยเมื่อเดือนต.ค.2556 เขาควักเงิน 120 ล้านบาท ซื้อหุ้น AEC ยกล็อต 8 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 15 บาท (พาร์ 5 บาท) ด้วยความเชื่อที่ว่า อนาคตดีกำลังมา หลังบริษัทประกาศแตกพาร์เหลือ 1 บาท ปัจจุบัน “ธเนศ” มีหุ้น AEC ประมาณ 48 ล้านหุ้น คิดเป็น 8.71 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่ “โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์” ประธานกรรมการบริหาร บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL และ “สาทิส ตัตวธร” กรรมการผู้จัดการ บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม หรือ SALEE ทยอยลดสัดส่วนการถือหุ้น AEC จาก 3.55 เปอร์เซ็นต์ และ 0.59 เปอร์เซ็นต์ เหลือประมาณ 2.20 เปอร์เซ็นต์ และ 0.52 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ตัวเลข ณ วันที่ 29/5/57 นักธุรกิจทั้งสองคนเข้ามาถือหุ้น AEC ตั้งแต่ปี 2556
ด้วยความที่ “ประพล มิลินทจินดา” ไม่มีประสบการณ์ในธุรกิจการเงิน เขาจึงเชื้อเชิญ “เคน-กอบเกียรติ บุญธีรวร” อดีตประธานกรรมการ บริษัท แคปปิตอลลิ้งค์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด มานั่งเก้าอี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “มาทำงานที่นี่ได้ เพราะผมตกปากรับคำเชิญหุ้นใหญ่ไป หลังท่านบอกว่า ไม่มีประสบการณ์ทางด้านธุรกิจการเงิน ตามเงื่อนไขผมต้องอยู่ในตำแหน่ง 3 ปี จากนั้นจะสรรหากันใหม่ หากผมและบริษัทไม่ต่อสัญญา” “กอบเกียรติ” บอกกับ “กรุงเทพธุรกิจ Biz Week”
“หัวใจสำคัญของธุรกิจการเงิน คือ การบริโภคข้อมูล ฉะนั้นเราต้องมีข้อมูลรวดเร็ว แม่นยำ ถูกต้อง และเชื่อถือได้” “ชายวัย 54 ปี” เชื่อเช่นนั้น
เขาอาสาเล่าแผนงานในช่วง 5 ปีข้างหน้า (2557-25561) ว่า "ฟลูเซอร์วิสโบรกเกอร์" คือ ยุทธศาสตร์การทำงานของ AEC เราอยากมีส่วนแบ่งการตลาดติด 1 ใน 5 เท่ากับว่า บริษัทต้องมีส่วนแบ่งการตลาด 5 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งการตลาด 2.1 เปอร์เซ็นต์ ขยับขึ้นจากปลายปี 2556 ที่อยู่ระดับ 0.2 เปอร์เซ็นต์ วันนี้เบอร์ 1 มีส่วนแบ่งการตลาด 10 เปอร์เซ็นต์
“ปี 2557 เป้าหมายส่วนแบ่งการตลาดของ AEC คือ 2.5 เปอร์เซ็นต์”
ถามถึงวิธีการทำงาน “กอบเกียรติ” ตอบว่า ต้องมีบริการด้านการเงินครอบคลุมทุกช่องทาง ที่สำคัญบริการต้องมีเสถียรภาพและทันสมัย ปฎิเสธไม่ได้ว่า วันนี้แต่ละโบรกเกอร์ต้องออกแรงแข่งขัน บางแห่งชูจุดขายด้านโปรแกรม ฉะนั้นเราจึงต้องดูแลลูกค้าที่มีอยู่ให้ดี ทำอย่างไรก็ได้ อย่าให้เขาขาดทุน ดังนั้นการมีบทวิเคราะห์ครบถ้วน และสามารถเผยแพร่ได้ทุกช่องทางย่อมเป็นเรื่องสำคัญ
ปัจจุบันบริษัทให้บริการ ธุรกรรมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) และตัวแทนซื้อขายตราสารอนุพันธ์ (TFEX) ขณะเดียวกันยังให้บริการตัวแทนนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์,บริการตัวแทนนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์,บริการซื้อขายทางอินเทอร์เนต (e-Trading),บริการด้านวาณิชธนกิจ (Investment Banking) และบริการซื้อขายกองทุนรวม (Mutual Funds)
“ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่า จะอนพลิกจากขาดทุน 40 ล้านบาท ในปี 2556 มาเป็น “กำไรสุทธิ” เท่าไหร่ แต่เราก็ตอบคำถามผู้ถือหุ้นไปว่า ปีนี้ต้องมีกำไรจะมากหรือน้อยก็ต้องมี”
ถามถึงแผนธุรกิจในช่วงที่เหลือของปี 2557 “ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร” เล่าว่า เรายังคงเดินหน้ารุกธุรกิจอย่างเต็มสูบ ด้วยการเร่งขยายฐานลูกค้าทั้งบุคคลและสถาบัน รวมถึงขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเปิดสาขาให้บริการแล้ว 9 แห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วย สาขาสีลม (อาคารยูไนเต็ด เซ็นเตอร์), สาขาซอยศูนย์วิจัย, สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว, สาขาประชาชื่น, สาขานครสวรรค์, สาขาเชียงใหม่-ถนนมหิดล, สาขาเชียงใหม่-ถนนช้างคลาน, สาขานครศรีธรรมราช และสาขาหาดใหญ่
ปลายปี 2557 ตั้งเป้าจะมีสาขาทั้งสิ้น 18 แห่ง
สำหรับ “ธุรกิจโบรกเกอร์” แน่นอนอย่างที่บอกไป เราจะมุ่งหน้าขยายฐานลูกค้า ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าสถาบันเริ่มมีวอลุ่มเข้ามาบ้างแล้ว ส่วนตัวเชื่อว่า วอลุ่มจากลูกค้าสถาบันจะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทมีสเถียรภาพมากขึ้น เรามีบทวิเคราะห์ฉบับภาษาอังกฤษซัพพอร์ตนักลงทุนสถาบัน และฉบับภาษาไทยสำหรับนักลงทุนรายย่อย ซึ่งบทวิเคราะห์ของเรามีความแม่นยำ
“ตลาดหุ้นไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น เชื่อว่าจะหนุนให้ธุรกิจโบรกเกอร์ขยายตัวตามไปด้วย
ส่วน “ธุรกิจวาณิชธนกิจ” บริษัทมีแผนจะเน้นงานในด้านนี้มากขึ้น โดยเราจะไปเป็นที่ปรึกษาการลงทุนทั้งในประเทศ และกลุ่มประเทศแถบอาเซียน ปัจจุบันมีหลายงานอยู่ในมือ เช่น ที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาฟื้นฟูปรับโครงสร้าง และที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุน เป็นต้น
ล่าสุดบริษัทมีดีลงานขายหุ้นไอพีโออยู่ในมือ 3-4 งาน มูลค่ารวมประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน คาดว่าหุ้นไอพีโอ 2 ราย จะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นไทยได้ภายในปีนี้
สำหรับ “ธุรกิจตัวแทนนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน” เราเริ่มทำธุรกรรมดังกล่าวมากขึ้นแล้วปัจจุบันเป็นตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุนของ 15 บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ประมาณ 2,800 ล้านบาท
เรากำลังยื่นขอทำ “ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล” ในช่วงไตรมาส 4/2557 เพื่อกระจายฐานรายได้และรองรับความต้องการของลูกค้า จริงๆเรามีใบอนุญาตอยู่แล้ว เพียงแต่เราขอให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้ามาตรวจสอบความพร้อมเรื่องระบบให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน
“ปี 2558 บริษัทจะเริ่มปั้มรายได้ และส่วนแบ่งการตลาด เราอยากเห็นส่วนแบ่งการตลาดระดับ 3 เปอร์เซ็นต์”
ปลายปีหน้าจะมีการเปิดประชาชนเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ฉะนั้นเรากำลังมองหาโอกาสที่จะเข้าไปทำธุรกิจในต่างประเทศ เมื่อต้นปี 2558 มีโอกาสเข้าไปศึกษาธุรกิจในประเทศลาว หากผลการศึกษาพบว่า ตลาดต่างประเทศน่าสนใจ บริษัทอาจเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นก่อนอันดับแรก ด้วยการเป็นนายหน้าซื้อหุ้นต่างประเทศตามความต้องการของลูกค้า โดยเราจะส่งออเดอร์ไปให้พันธมิตรในประเทศนั้นๆเป็นคนจัดการซื้อให้ คาดว่ากลางปี 2558 จะเห็นภาพชัดเจน
จากนั้นบริษัทอาจหาโอกาสในการทำธุรกิจวาณิชธนกิจในต่างประเทศต่อไป ซึ่ง “ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย” ประธานคณะที่ปรึกษา AEC ท่านแนะนำว่า “ลาว-พม่า-กัมพูชา” ถือเป็นประเทศที่น่าสนใจ หลังประเทศแถบอาเซียน ฉะนั้นเราคงต้องเริ่มมองหาเพื่อนใหม่แล้ว
เรากำลังเลือกคู่แต่งงาน ฉะนั้นต้องหาคู่ที่เหมาะสม เพราะว่าเราไม่ใช่คนหล่อ แถมพ่อ-แม่ก็ไม่รวย แต่คนรวยก็ไม่ใช่เป้าหมายหลักของ AEC เพราะคนรวยบางคนอาจมองไม่เห็นหัวเรา
“อยากให้ผู้ถือหุ้นสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่า ทำไมราคาหุ้น AEC ไม่ขึ้นเลย วันนี้เรามีบริการครบวงจรและรวดเร็ว จากนี้อะไรๆจะดีขึ้น”
บรรยายใต้ภาพ
กอบเกียรติ บุญธีรวร--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
Monday, September 29, 2014 06:20
แม้จะเป็นโบรกเกอร์น้องใหม่ แต่มือปืนรับจ้างบริหาร “กอบเกียรติ บุญธีรวร” จ่อสร้างแบรนด์สู้โบรกเกอร์ไซด์ใหญ่
ดาริน โชสูงเนิน
แม้เซียนหุ้นพอร์ตพันล้าน “เคน-โสรัตน์ วณิชวรากิจ” และ “เสี่ยโต-อภิชัย เตชะอุบล” เจ้าของ บมจ.ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม หรือ TFD จะตัดขาย หุ้นบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี หรือ AEC ชื่อเดิมบริษัทหลักทรัพย์ ยูไนเต็ด ของ “ประพล มิลินทจินดา” หลังใช้เวลาดูใจกันไม่นาน ตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 1/2557 จำนวน 37.38 ล้านบาท อาจเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทิ้งหุ้น AEC (2.96 และ 10 เปอร์เซ็นต์ สัดส่วนการถือหุ้น AEC ในอดีตของ “โสรัตน์-อภิชัย)
แต่นักธุรกิจคนดังหลายราย โดยเฉพาะ “ธเนศ พานิชชีวะ” กรรมการ บมจ.ทีทีแอล อุตสาหกรรม หรือ TTL กลับมีความเห็นต่าง โดยเมื่อเดือนต.ค.2556 เขาควักเงิน 120 ล้านบาท ซื้อหุ้น AEC ยกล็อต 8 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 15 บาท (พาร์ 5 บาท) ด้วยความเชื่อที่ว่า อนาคตดีกำลังมา หลังบริษัทประกาศแตกพาร์เหลือ 1 บาท ปัจจุบัน “ธเนศ” มีหุ้น AEC ประมาณ 48 ล้านหุ้น คิดเป็น 8.71 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่ “โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์” ประธานกรรมการบริหาร บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL และ “สาทิส ตัตวธร” กรรมการผู้จัดการ บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม หรือ SALEE ทยอยลดสัดส่วนการถือหุ้น AEC จาก 3.55 เปอร์เซ็นต์ และ 0.59 เปอร์เซ็นต์ เหลือประมาณ 2.20 เปอร์เซ็นต์ และ 0.52 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ตัวเลข ณ วันที่ 29/5/57 นักธุรกิจทั้งสองคนเข้ามาถือหุ้น AEC ตั้งแต่ปี 2556
ด้วยความที่ “ประพล มิลินทจินดา” ไม่มีประสบการณ์ในธุรกิจการเงิน เขาจึงเชื้อเชิญ “เคน-กอบเกียรติ บุญธีรวร” อดีตประธานกรรมการ บริษัท แคปปิตอลลิ้งค์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด มานั่งเก้าอี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “มาทำงานที่นี่ได้ เพราะผมตกปากรับคำเชิญหุ้นใหญ่ไป หลังท่านบอกว่า ไม่มีประสบการณ์ทางด้านธุรกิจการเงิน ตามเงื่อนไขผมต้องอยู่ในตำแหน่ง 3 ปี จากนั้นจะสรรหากันใหม่ หากผมและบริษัทไม่ต่อสัญญา” “กอบเกียรติ” บอกกับ “กรุงเทพธุรกิจ Biz Week”
“หัวใจสำคัญของธุรกิจการเงิน คือ การบริโภคข้อมูล ฉะนั้นเราต้องมีข้อมูลรวดเร็ว แม่นยำ ถูกต้อง และเชื่อถือได้” “ชายวัย 54 ปี” เชื่อเช่นนั้น
เขาอาสาเล่าแผนงานในช่วง 5 ปีข้างหน้า (2557-25561) ว่า "ฟลูเซอร์วิสโบรกเกอร์" คือ ยุทธศาสตร์การทำงานของ AEC เราอยากมีส่วนแบ่งการตลาดติด 1 ใน 5 เท่ากับว่า บริษัทต้องมีส่วนแบ่งการตลาด 5 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งการตลาด 2.1 เปอร์เซ็นต์ ขยับขึ้นจากปลายปี 2556 ที่อยู่ระดับ 0.2 เปอร์เซ็นต์ วันนี้เบอร์ 1 มีส่วนแบ่งการตลาด 10 เปอร์เซ็นต์
“ปี 2557 เป้าหมายส่วนแบ่งการตลาดของ AEC คือ 2.5 เปอร์เซ็นต์”
ถามถึงวิธีการทำงาน “กอบเกียรติ” ตอบว่า ต้องมีบริการด้านการเงินครอบคลุมทุกช่องทาง ที่สำคัญบริการต้องมีเสถียรภาพและทันสมัย ปฎิเสธไม่ได้ว่า วันนี้แต่ละโบรกเกอร์ต้องออกแรงแข่งขัน บางแห่งชูจุดขายด้านโปรแกรม ฉะนั้นเราจึงต้องดูแลลูกค้าที่มีอยู่ให้ดี ทำอย่างไรก็ได้ อย่าให้เขาขาดทุน ดังนั้นการมีบทวิเคราะห์ครบถ้วน และสามารถเผยแพร่ได้ทุกช่องทางย่อมเป็นเรื่องสำคัญ
ปัจจุบันบริษัทให้บริการ ธุรกรรมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) และตัวแทนซื้อขายตราสารอนุพันธ์ (TFEX) ขณะเดียวกันยังให้บริการตัวแทนนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์,บริการตัวแทนนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์,บริการซื้อขายทางอินเทอร์เนต (e-Trading),บริการด้านวาณิชธนกิจ (Investment Banking) และบริการซื้อขายกองทุนรวม (Mutual Funds)
“ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่า จะอนพลิกจากขาดทุน 40 ล้านบาท ในปี 2556 มาเป็น “กำไรสุทธิ” เท่าไหร่ แต่เราก็ตอบคำถามผู้ถือหุ้นไปว่า ปีนี้ต้องมีกำไรจะมากหรือน้อยก็ต้องมี”
ถามถึงแผนธุรกิจในช่วงที่เหลือของปี 2557 “ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร” เล่าว่า เรายังคงเดินหน้ารุกธุรกิจอย่างเต็มสูบ ด้วยการเร่งขยายฐานลูกค้าทั้งบุคคลและสถาบัน รวมถึงขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเปิดสาขาให้บริการแล้ว 9 แห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วย สาขาสีลม (อาคารยูไนเต็ด เซ็นเตอร์), สาขาซอยศูนย์วิจัย, สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว, สาขาประชาชื่น, สาขานครสวรรค์, สาขาเชียงใหม่-ถนนมหิดล, สาขาเชียงใหม่-ถนนช้างคลาน, สาขานครศรีธรรมราช และสาขาหาดใหญ่
ปลายปี 2557 ตั้งเป้าจะมีสาขาทั้งสิ้น 18 แห่ง
สำหรับ “ธุรกิจโบรกเกอร์” แน่นอนอย่างที่บอกไป เราจะมุ่งหน้าขยายฐานลูกค้า ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าสถาบันเริ่มมีวอลุ่มเข้ามาบ้างแล้ว ส่วนตัวเชื่อว่า วอลุ่มจากลูกค้าสถาบันจะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทมีสเถียรภาพมากขึ้น เรามีบทวิเคราะห์ฉบับภาษาอังกฤษซัพพอร์ตนักลงทุนสถาบัน และฉบับภาษาไทยสำหรับนักลงทุนรายย่อย ซึ่งบทวิเคราะห์ของเรามีความแม่นยำ
“ตลาดหุ้นไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น เชื่อว่าจะหนุนให้ธุรกิจโบรกเกอร์ขยายตัวตามไปด้วย
ส่วน “ธุรกิจวาณิชธนกิจ” บริษัทมีแผนจะเน้นงานในด้านนี้มากขึ้น โดยเราจะไปเป็นที่ปรึกษาการลงทุนทั้งในประเทศ และกลุ่มประเทศแถบอาเซียน ปัจจุบันมีหลายงานอยู่ในมือ เช่น ที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาฟื้นฟูปรับโครงสร้าง และที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุน เป็นต้น
ล่าสุดบริษัทมีดีลงานขายหุ้นไอพีโออยู่ในมือ 3-4 งาน มูลค่ารวมประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน คาดว่าหุ้นไอพีโอ 2 ราย จะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นไทยได้ภายในปีนี้
สำหรับ “ธุรกิจตัวแทนนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน” เราเริ่มทำธุรกรรมดังกล่าวมากขึ้นแล้วปัจจุบันเป็นตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุนของ 15 บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ประมาณ 2,800 ล้านบาท
เรากำลังยื่นขอทำ “ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล” ในช่วงไตรมาส 4/2557 เพื่อกระจายฐานรายได้และรองรับความต้องการของลูกค้า จริงๆเรามีใบอนุญาตอยู่แล้ว เพียงแต่เราขอให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้ามาตรวจสอบความพร้อมเรื่องระบบให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน
“ปี 2558 บริษัทจะเริ่มปั้มรายได้ และส่วนแบ่งการตลาด เราอยากเห็นส่วนแบ่งการตลาดระดับ 3 เปอร์เซ็นต์”
ปลายปีหน้าจะมีการเปิดประชาชนเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ฉะนั้นเรากำลังมองหาโอกาสที่จะเข้าไปทำธุรกิจในต่างประเทศ เมื่อต้นปี 2558 มีโอกาสเข้าไปศึกษาธุรกิจในประเทศลาว หากผลการศึกษาพบว่า ตลาดต่างประเทศน่าสนใจ บริษัทอาจเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นก่อนอันดับแรก ด้วยการเป็นนายหน้าซื้อหุ้นต่างประเทศตามความต้องการของลูกค้า โดยเราจะส่งออเดอร์ไปให้พันธมิตรในประเทศนั้นๆเป็นคนจัดการซื้อให้ คาดว่ากลางปี 2558 จะเห็นภาพชัดเจน
จากนั้นบริษัทอาจหาโอกาสในการทำธุรกิจวาณิชธนกิจในต่างประเทศต่อไป ซึ่ง “ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย” ประธานคณะที่ปรึกษา AEC ท่านแนะนำว่า “ลาว-พม่า-กัมพูชา” ถือเป็นประเทศที่น่าสนใจ หลังประเทศแถบอาเซียน ฉะนั้นเราคงต้องเริ่มมองหาเพื่อนใหม่แล้ว
เรากำลังเลือกคู่แต่งงาน ฉะนั้นต้องหาคู่ที่เหมาะสม เพราะว่าเราไม่ใช่คนหล่อ แถมพ่อ-แม่ก็ไม่รวย แต่คนรวยก็ไม่ใช่เป้าหมายหลักของ AEC เพราะคนรวยบางคนอาจมองไม่เห็นหัวเรา
“อยากให้ผู้ถือหุ้นสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่า ทำไมราคาหุ้น AEC ไม่ขึ้นเลย วันนี้เรามีบริการครบวงจรและรวดเร็ว จากนี้อะไรๆจะดีขึ้น”
บรรยายใต้ภาพ
กอบเกียรติ บุญธีรวร--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
- thumbman2001
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 8116
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 118
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อย (F45-3)
บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน)
(หน่วย : พันบาท)
งบการเงินรวม
ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 30 กันยายน
ปี 2557 2556 2557 2556
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 37,909 0 18,475 0
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0.038 0.00 0.02 0.00
ต่อหุ้น (บาท)
งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 30 กันยายน
ปี 2557 2556 2557 2556
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 42,053 (14,453) 22,816 6,247
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0.042 (0.017) 0.024 (0.007)
ต่อหุ้น (บาท)
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไข
หมายเหตุ
โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และหมายเหตุประกอบ
งบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์
"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบการเงิน
ฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน ก.ล.ต.
เรียบร้อยแล้ว"
ลงลายมือชื่อ ___________________________
( นายธาดา จันทร์ประสิทธิ์ )
ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
______________________________________________________________________
สารสนเทศฉบับนี้จัดทำและเผยแพร่โดยบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข้อมูลหรือเอกสารใดๆของบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์
ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่มีความรับผิดชอบใดๆ
ในความถูกต้องและครบถ้วนของเนื้อหา ตัวเลข รายงานหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฎในสารสนเทศฉบับนี้
และไม่มีความรับผิดในความสูญเสียหรือเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใด ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัย
หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ซึ่งได้จัดทำ
และเผยแพร่สารสนเทศฉบับนี้
บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน)
(หน่วย : พันบาท)
งบการเงินรวม
ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 30 กันยายน
ปี 2557 2556 2557 2556
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 37,909 0 18,475 0
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0.038 0.00 0.02 0.00
ต่อหุ้น (บาท)
งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน
สอบทาน สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 30 กันยายน
ปี 2557 2556 2557 2556
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 42,053 (14,453) 22,816 6,247
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0.042 (0.017) 0.024 (0.007)
ต่อหุ้น (บาท)
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไข
หมายเหตุ
โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และหมายเหตุประกอบ
งบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์
"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบการเงิน
ฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน ก.ล.ต.
เรียบร้อยแล้ว"
ลงลายมือชื่อ ___________________________
( นายธาดา จันทร์ประสิทธิ์ )
ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการ
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
______________________________________________________________________
สารสนเทศฉบับนี้จัดทำและเผยแพร่โดยบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ข้อมูลหรือเอกสารใดๆของบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์
ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่มีความรับผิดชอบใดๆ
ในความถูกต้องและครบถ้วนของเนื้อหา ตัวเลข รายงานหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฎในสารสนเทศฉบับนี้
และไม่มีความรับผิดในความสูญเสียหรือเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใด ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัย
หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อบริษัทจดทะเบียนและบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ซึ่งได้จัดทำ
และเผยแพร่สารสนเทศฉบับนี้