คนดังทำให้หุ้นดูดีหรือเปล่า

[jaychou]

เวลาได้ยินข่าววงในว่า ดร.นิเวศน์ กำลังซื้อหุ้น A หรือ คุณมนตรีกำลังเก็บหุ้น B อย่างเอาเป็นเอาตาย หรือคุณ LOSO โกยหุ้น C ไปแล้วหลายล้านหุ้นและยังไม่พอ ...คุณมองหุ้นนั้นมีภาพพจน์ดีขึ้น และยอมสู้ราคามากขึ้นหรือเปล่า

ถามความเห็นครับ

[สามัญชน]

บัฟเฟตต์บอกให้เชื่อตัวเอง อย่าทำตามกระแส

แต่ผมเองก็มีส่วนตามๆไปเหมือนกันครับ  

เพราะถ้าไม่ตามก็เท่ากับผมตามบัฟเฟตต์เป๊ะๆเหมือนกัน

[BHT]

ในแง่จิตวิทยามีแน่นอน เพราะบุคคลเหล่านี้ ได้รับการยอมรับหรือมองว่ามีความรู้ดี และถ้าซื้อหุ้นตัวใด ก็น่าจะคัดกรองมาอย่างดีแล้ว ถึงได้ซื้อ

ผมก็เคยเป็นเหมือนกัน แต่หลังๆเลือกเองมากกว่า

[nanchan]

กำลังคิดจะซื้อS&P เลยนะนี่ วันนี้ล่วงมาหน่อยแล้ว
ผมก็ชอบ ตามคนดัง เหมือนกัน
ยังเสียดายไม่ได้ตามคุณหมอสามัญชน อยู่เลย

[yakole]

ผมก็ชอบตามเหมือนกันครับ ถ้าตามตั้งแต่ตอนแรกๆ ก็ไม่รู้สึกอะไรซักเท่าไร
แต่ถ้าตามทีหลังคนอื่น มากๆแล้ว คิดว่าโอกาสติดดอยมีอยู่สูงมาก เช่น
CENTEL

[moo]

ก็ของเค๊าดีจริงๆอะ

ยังอยากให้คุณ jaycho   แนะนำด้วยครับ

[007-s]

[quote="สามัญชน"]บัฟเฟตต์บอกให้เชื่อตัวเอง อย่าทำตามกระแส

แต่ผมเองก็มีส่วนตามๆไปเหมือนกันครับ

[sirivajj]

หุ้นคนดัง ก็มีส่วนทำให้ดูดี แต่ไม่ได้เป็นเกณฑ์ให้ตัดสินใจลงทุน

เพราะ หุ้นดังกล่าวแม้ว่าน่าจะมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี
แต่ ผลตอบแทนที่คาดว่า จะได้รับ กับมูลค่าปัจจุบัน
ว่า เหมาะกับการเข้าลงทุนหรือไม่
ผมว่า เป็นการตัดสินใจส่วนบุคคลนะครับ

[Mr. Big]

มีผลทางจิตวิทยาสำหรับคนที่น่าเชื่อถือบ้างบางส่วนอยู่แล้วครับ ไม่มีเลยเป็นไปไม่ได้นะครับ

[CK]

ผมว่าหุ้นดีทำให้คนดังมากกว่า

อย่างช่วงนี้ CPN CENTEL MINT MINOR SF LRH ERAWAN CMO

ทำให้คุณบิ๊กกลายเป็นคนดังไปแล้ว... 5555

[oo]

มีผลกับผมมากพอสมควรเลยครับ เพราะ เริ่มเล่นหุ้นเลือกหุ้นก็ตามพี่ๆในนี้บ้างตามดร.บ้าง อาศัยอ่านว่าใครให้เหตุผลฟังแล้วน่าเชื่อถือ ลองวิเคราะห์ตามแล้วพอเข้าใจได้ มีเลือกเองจริงๆอยู่ตัวเดียวมั้งครับในพอร์ต  :lol:   นึกๆดูก็รู้สึกว่าถ้าวิเคราะห์เองได้ก็คงจะดี  แต่อีกแง่นึงก็รู้สึกว่า อินเตอร์เนต ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราหาข้อมูลต่างๆได้ง่ายขึ้น นึกถึงสมัยก่อนที่ยังไม่มีเนต คนเล่นหุ้นได้กำไรมากๆ นี่สุดยอดจริงๆ ต้องไปหาข้อมูลเองที่ตลาด ต้องวิเคราะห์เอง ความคิดก็ต้องเอามาจากหนังสือต่างประเทศที่ยังไม่มีใครแปล ผมก็เลยทึกทักเอาเองว่าคงเป็นความโชคดีของคนที่เริ่มเล่นหุ้นในยุคนี้ที่มีเนตแล้ว เหมือนเด็กยุคนี้ที่สามารถเรียนหนังสือแล้วก็หาข้อมูลในเนตได้ จะว่าไปก็ต้องขอบคุณ Thaivi อย่างมากครับ  :oops:

[redvdox]

ก่อนอื่นที่ผมจะโพส.....ต้องขอโทษคนที่ชื่นชมท่าน ดร. ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ขอตอบก่อนว่ามีผลมากเลยคับ ยังไงนั้นเดี๋ยวจะอธิบายต่อ

ย้อนกลับไปเมื่อก่อนที่ผมยังชื่นชมท่านอยู่ บทความของท่านมีประโยชน์ ได้ข้อคิดมากมายส่วนใหญ่จะเน้นไปทางแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นที่เราควรระวัง

เช่นตอน PE(โข่ง)

หรือแม้กระทั่งตอน 'หุ้นเจ๊ดัน' ที่ท่าน ดร. เป็นคนเขียนเอง

ขอcopy บทความมาจาก http://www.thaivi.com/content/view/333/49/

ปริมาณการซื้อขายของหุ้นเจ๊ดันจะสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนแม้ว่าจะห่างจากหุ้นปั่นมาก พร้อม ๆ กับราคาหุ้นที่มักจะปรับตัวขึ้นอย่างน่าประทับใจ โดยการปรับขึ้นของราคาหุ้นนี้มักจะมีการสนับสนุนจากผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจไม่แพ้กันจนหุ้นหลายตัวกลายเป็นหุ้น Value สุดยอดตัวหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง หลาย ๆ ครั้งก็เป็นปีหรือ 2 หรือ 3 ปี ก็มี
ปัญหาที่สำคัญก็คือ เมื่อ เจ๊ เลิกดัน และหุ้นไม่ได้เป็นอย่างที่คนอาจจะคิด หุ้นเจ๊ดันก็จะกลับมาสู่ความเป็นจริง

แต่สองบทความล่าสุดของท่าน

หุ้นโรงเรือน
http://www.thaivi.com/content/view/387/49/
วัฏฎะแห่งความรุ่งเรือง
http://www.thaivi.com/content/view/376/49/

มีการพูดถึงหุ้น modern trade บ่อยๆย้ำๆ ถึงไม่ได้บอกว่าเป็นหุ้นตัวใหนแต่เราก็พอจะเดาได้

สิ่งนี้เองที่เปลี่ยนจากการสอน, การแนะนำ, การเตือน มาเป็นการ...


และถ้าเราย้อนกลับไปดูวัน/เวลา ที่บทความนี้ published ออกไป
1 วันหลังจากนั้นก็จะเกิดทั้ง gain ทั้ง volume ไม่รู้มากจากใหนมากมาย

ไม่ใช่แต่เฉพาะกับบทความของท่าน ดร. / หลายๆกระทู้ของ thaivi ที่มีการพูดถึงหุ้นโดยบางท่านที่เรานับถือและผมก็นับถือด้วย หากเราย้อนเวลากลับไปดูหลังจากที่ท่านโพส1วัน volume เพิ่มขึ้น10เท่า gain เพิ่มขึ้น10-20% และgainเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยก่อนหน้านั้นราคาไม่ขยับไปใหนมาเป็นปี

หุ้นเป็นหุ้นที่ดีจิงไม่มีข้อโต้แย้ง และผมก็ยังนับถือท่านเหล่านั้นอยู่ และหวังว่าคงไม่มีเหตุผลอื่นแอบแฝงนอกจากความบังเอิญหรืออะไรซักอย่างที่ผมเรียกว่า 'power of thaivi effect'

[สามัญชน]

ผมมองว่าเป็นเรื่องสุดวิสัยครับ..........

คุณเฟยหงแห่งพันทิพย์ก็เคยโดนตำหนิว่ามาโพสท์เชียร์หุ้นตัวเอง  โดนหาว่าซื้อไว้เต็มพอร์ทแล้วถึงค่อยมาโพสท์

แต่ผมมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา  ผมจะให้คุณเฟยหงมาบอกคนอื่นๆก่อนเพื่อให้ซื้อที่ราคาถูกๆแล้วตัวคุณเฟยหงค่อยซื้อทีหลังที่ราคาแพงๆก็คงเป็นไปไม่ได้  เพราะผมและคนอื่นๆก็ไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหายถึงขั้นที่คุณเฟยหงจะต้องรักมากๆๆและมากกว่าตัวคุณเฟยหงเอง

แล้วสมมติว่าเกิดเป็นอย่างนั้นจริงๆ  คือคุณเฟยหงบอกให้คนอื่นซื้อไปก่อนแล้วคุณเฟยหงค่อยซื้อตามที่ราคาแพงกว่า  คำครหาก็ไม่ได้หายไป  อย่างน้อยผมก็คงจะถามใจตัวเองว่าโดนหลอกหรือเปล่าที่ว่าให้เราซื้อก่อน  ถ้าหุ้นตัวนี้ดีจริงทำไมคุณเฟยหงไม่เสี่ยงก่อนหละ  ทำไมไม่กล้าซื้อก่อนหละ  ตัวเองยังไม่ซื้อเลยแล้วจะให้ผมเชื่อได้อย่างไรว่าดีจริง

เห็นไหมครับว่าถ้าผมจะว่าเขาผมสามารถว่าได้ตลอด  ที่จริงแม้พระพุทธรูปที่นั่งอยู่เฉยๆไม่เคยทำอะไรให้ใครเดือดร้อนเลยก็ไม่วายที่จะโดนคนว่านะครับ

[สามัญชน]

กรณีของดร.  ลองสมมติว่าตัวเราเองเป็นดร. คือคิดแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา  สมมติว่าเรามีความรู้เรื่องหุ้น และสมมติว่ามีคนเล่นหุ้นอีกมากที่ยังไม่ค่อยรู้  เรามีทางเลือกสองทาง ทางแรกคือปล่อยให้พวกนี้ไม่รู้ต่อไป  เพราะยิ่งโง่เราก็ยิ่งได้เปรียบ เก็บพวกนี้ไว้เป็นเหยื่อเราและเป็นเหยื่อของลูกหลานเราต่อไปในอนาคตไม่มีสิ้นสุด  แต่ดร.ไม่ได้เลือกทางนี้

ทางเลือกอีกทางที่ดร.เลือก คือพยายามถ่ายทอดวิชาความรู้ที่เรามีอยู่  ตอนแรกๆก็ยังไม่กล้ามากเพราะว่ายังไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองถ่ายทอดจะดีจริงๆไหม  ก็ลองปฏิบัติกับตัวเองไปก่อนจนมั่นใจว่าดีจริงๆถึงค่อยๆกล้าที่จะสั่งสอนและแนะนำ

จากที่ติดตามมานานดร.ถ่ายทอดความรู้ผ่านหนังสือเยอะมาก  และตัวผมเองก็ได้ประโยชน์จากแนวคิดต่างๆมาก เรียกว่ากลับเป็นตาลปัตรเลยถ้าไม่ได้อ่านหนังสือของดร.ผมคงจะขาดทุนเป็นล้านๆเพราะความไม่รู้

ผมมองย้อนดูผมพบว่าดร.ไม่ได้อะไรเลยจากการเขียนหนังสือ  ค่าแรงจากการเขียนหนังสือได้ไม่เท่าไหร่เลยถ้าเทียบกับความพยายามที่ทุ่มลงไป  เล่มหนึ่งก็ได้ไม่กี่บาท  อย่างมากที่สุดตีว่าเล่มละร้อยบาทเลยอ่ะ  สมมติว่าขายได้ห้าพันเล่มก็ได้ห้าแสนบาท เทียบกับการค้นคว้าเรียบเรียงที่ต้องใช้เวลาเป็นปีๆแล้วมันเทียบกับค่าเหนื่อยไม่ได้เลย  ดร.ซื้อหุ้นไอทีปีเดียวกำไรกว่าห้าสิบล้านบาทโดยลงทุนลงแรงวิเคราะห์แบบสบายๆไม่กี่วันเท่านั้นเอง  ถ้าเป็นผมๆก็คงไม่เสียเวลาอันมีค่ามาแต่งหนังสือเพื่อค่าตอบแทนเพียงเท่านี้  

หรือแม้แต่การเป็นคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์  ก็ไม่ได้ค่าแรงค่าเขียนอะไรมากมายเทียบกับการเล่นหุ้นอย่างเดียว  และยังเครียดมากๆด้วย  ลองนึกดูสิครับว่ามีงานที่จะต้องเขียนบทความทุกอาทิตย์ติดต่อกันหลายๆปี  ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย  แรกๆก็คงไม่ยากเพราะมีเรื่องให้เขียนเยอะแยะ  แต่ตอนหลังๆนี่สิครับมันคิดไม่ออกเพราะว่าเขียนไปหมดแล้ว  จะไม่เขียนก็ไม่ได้ กองบก.ก็ทวงยิกๆทุกอาทิตย์ เครียดจริงๆครับ แค่นึกผมก็เครียดแทนแล้ว

ดร.ทำอย่างนั้นทำไม  ผมมองว่าทำด้วยจิตวิญญาณความเป็นครู  เพราะท่านเคยเป็นครูอยู่ช่วงหนึ่ง


การที่ท่านเขียนเกี่ยวกับเรื่องหุ้นโรงเรือน และวัฏฎะแห่งความรุ่งเรือง  ผมว่าท่านก็พยายามเลี่ยงนะครับ  เพราะมีหลายคนชอบว่าท่านเขียนเพื่อปั่นหุ้นตัวเอง  แต่ผมมองว่ามันเป็นเรื่องสุดวิสัย  ก็เพราะท่านเชื่อมั่นว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆท่านก็ต้องเอาความจริงมาพูดสิครับ ผมว่าจะเป็นเรื่องแปลกต่างหาก ถ้าท่านเชียร์ให้ซื้อหุ้นโมเดิร์นเทรด  แต่ตัวท่านกลับไม่มีหุ้นโมเดิร์นเทรดแม้แต่หุ้นเดียว

[nanchan]

ขอสนับสนุนความคิดเห็นของหมอสามัญชนคนธรรมดาครับ


ผมว่าคนที่คิดจะซื้อหุ้นควรจะคิดเองเป็นนะ
ส่วนคนคิดเองยังไม่เป็น ถ้าจะให้เจ็บซะหน่อยที่ตามคนอื่น ก็สมควรแล้ว
เผื่อต่อไปจะได้คิดเป็นบ้าง
ประเทศชาติจะได้เข้มแข็ง

[สามัญชน]

ครับ  ผมมองว่าคนเราไม่ได้เชื่อใครง่ายๆ  โดยปกติก็จะมีความระแวงอยู่ในตัวอยู่แล้ว ถ้าทำตามแล้วได้ประโยชน์ก้มีแนวโน้มจะทำตามอีก  ถ้าทำแล้วเสียประโยชน์ก็มีแนวโน้มจะเลิกทำตาม  ถ้าแนวคิดของ ดร.ไม่ดี ทำตามแล้วขาดทุนยับ คนก็จะเลิกตามโดยอัตโนมัติ

ขอยกตัวอย่างเพิ่มเติมครับ

อย่างบทวิเคราะห์โดยมืออาชีพต่างๆของโบรคเกอร์  (โดยเฉพาะกิมเอ็ง) โอกาสถูกไม่ถึงครึ่งเลยครับ  แล้วเรามีสิทธิสงสัยไหมครับว่า เขาออกบทวิเคราะห์มาเพื่ออะไร  เขาแนะนำ ขายทำกำไร  ต่อจากนั้นหุ้นก็ขึ้นอย่างแรง  แนะนำซื้อ ต่อจากนั้นหุ้นก็ตกยาวเป็นปีๆ

ผมสงสัยบ่อยๆว่าพวกนี้ออกบทวิเคราะห์มาเพื่อตัวเอง  หรือให้รายใหญ่เก็บของ  หรือให้รายใหญ่ออกของเท่านั้นเอง

ผมเคยพูดว่า ความเห็นในบทวิเคราะห์นั้น เชื่อไม่ได้อย่าไปดู  ให้ดูเฉพาะส่วนที่เป็นข้อเท็จจริงเท่านั้น

เดี๋ยวนี้แม้แต่ส่วนที่เป็นข้อเท็จจริงก็เชื่อไม่ได้  เพราะเขาอาจจะเอาข้อเท็จจริงมาให้เราดูไม่หมดกั๊กบางส่วนไว้ ทำให้เราเข้าใจภาพใหญ่ผิดไป  และเขามักจะเอาเฉพาะข้อเท็จจริงที่สนับสนุนข้อคิดเห็นเขาเท่านั้นมาลงให้เราดู  

เห็นไหมครับนี่ขนาดบทวิเคราะห์ของคนที่มีใบอนุญาตด้วยนะเนี่ย.........

[MarginofSafety]

ดร. ท่านได้รับการยอมรับและยกย่องว่าเป็น
ผู้บุกเบิกแนวคิดในการลงทุน ด้าน Value Investment
ผมยกย่องให้ท่านเป็น บิดาแห่ง "Thai Value Investment"

หากท่านไม่ได้นำแนวคิดนี้มาเผยแพร่
นักลงทุนไทย คงยากที่จะหลุดพ้น
มุมมองที่มองว่าตลาดหุ้น เหมือนบ่อนการพนันของคนรวย
หรือไม่ก็คอยหาตัวทีเด็ด ว่าวันนี้เจ้ามือจะเล่นตัวไหน
หรือแห่ตามกันไป ตามหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงๆ

การให้ความรู้ ผมมองว่าสามารถทำได้ทั้ง 2 แบบ

1. อะไรไม่ดี ควรหลีกเลี่ยง
2. อะไรดี ควรทำ

และผู้สอนก็ทำในสิ่งดังกล่าวด้วย
(ผมคิดว่าน่าเชื่อถือกว่า ผู้ที่ดีแต่แนะนำ แต่ไม่เคยทำในสิ่งที่ตัวเองแนะนำเลย)

ผมเชื่อโดยเต็มใจว่า ไม่มีความคิดแบบนั้นแฝงอยู่ในความคิดของท่านแน่นอน
ความพอเพียง และ แนวทาง VI เป็นสิ่งคู่กัน
และการที่ได้มีโอกาสติดตามบทความของท่านมาตลอด
ผมคิดว่า เป็นการเผยแพร่ความรู้ตามหลักวิชาการลงทุน
มากกว่าจะมีเจตนาอื่นแอบแฝง

(สังเกตจากบทความ ที่มีพนักงานโกงก็ได้ครับ
ท่านจะออกมาพูดทำไม ว่าพนักงานในบริษัทตัวเองโกง
หากต้องการให้หุ้นวิ่ง อย่างเดียว)

หากมีการกระแสวิพากษ์วิจารณ์ท่านในลักษณะนี้ผมว่าน่ากลัว
หากท่านตัดสินใจเลิกเผยแพร่ความรู้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือชาว VI นี่เองครับ

ผมกับคุณหมอศรราม อาจจะมีความคิดเห็นไม่ตรงกันบ้างในประเด็นการเมือง
โดนอัดลำตัว จุกเอาบ่อยๆ แต่ความคิดเห็นในเรื่องนี้ ผมเห็นด้วยกับคุณหมอครับ

[chansaiw]

ผมว่าทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวคนที่ตัดสินใจตามหรือไม่ตาม

เพราะเงินใครก็เงินมัน

ก่อนซื้อก็ต้องคิดเองอยู่แล้ว สิ่งที่ท่าน ดร. นำเสนอคือ concept มากกว่าจะชี้นำ

ซึ่งผมเชื่อว่าคนที่อ่านแล้วคิดตาม จะได้ประโยชน์มากกว่า การ copy

[Jeng]

เฮ้อ กระทู้หวาดเสียว

อืม ต้องย้อนดูว่า คนดัง ดังจากอะไร

แล้วทำไมคนถึงตาม

แต่กระทู้นี้ใช่ว่าจะไม่มีดี

คือ ว่า ถ้าตามแบบไร้สติ ก็ไร้สตังนะ

อิอิ

[redvdox]

ผมพอจะกะได้ว่าจะมีคนโพสตอบแบบใหน ก็เป็นแบบนั้นจิงๆ

ถ้าให้พวกเราเลือกกันเองเอาคนที่มีความสามารถในการลงทุนที่สุด 10 คน รวมท่าน ดร. อีก 1 คน เป็น 11 คน จะมีกี่คนที่ยอมซื้อหุ้นที่ท่าน ดร. ถืออยู่ ณ ราคาตลาดตอนนี้

เวลานี้ผมว่าไม่เหมาะเท่าไร การจะเชียร์อะไรยิ่งไม่ควร ถ้าผมจะเป็นคนเดียวที่แปลกจากคนอื่นก็ยอม

หุ้นโรงเรือนยอมรับว่าดี แต่ให้ซื้อตอนนี้ไม่เอา

ผมมีประเด็นนึงอยากจะถามว่าในบรรดาคนทั้งหมดที่เข้ามาอ่านเว็บนี้
จะมีซํกกี่คนที่ไม่เคยโพสอะไรเลย แต่เข้ามาเพื่อหาหุ้นอะไรก็ได้ซํกตัวนึงจากคนที่มีชื่อเสียงที่สุดหรือเกือบที่สุด โดยไม่สนใจเหตุผลอื่นใดประกอบพร้อมจะซื้อตามทันที ขอให้เป็นเพียงหุ้นที่ท่านเหล่านั้นแนะนำและถืออยู่ ไม่ต้องการเหตุผลอะไรไปมากกว่านี้ก็เพียงพอแล้ว ยิ่งเป็นหุ้นที่พื้นฐานดี มีผลประกอบการดีเยี่ยมก็เลยไม่ต้องลังเล

ลองถามท่าน jaychou ดูก็ได้ว่าจำนวนคนที่เข้าเว็บนี้ วันนี้กับเมื่อสองปีที่แล้วต่างกันจนน่าตกในแค่ใหน

เฮ้อ พิมพ์ไปก็เครียดไป ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่เครียดนะเนี่ย... :lol:
หากท่านใดที่ผมพาดพิงไปก็ต้องขออภัยไม่ว่าจะสุดวิสัยอย่างพี่หมอศรรามว่าหรือไม่ก็ตาม

โอมเพี้ยงขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย

ที่พิมพ์มายืดยาวก็แค่จะอธิบายว่า คนดังทำให้หุ้นดูดี แค่นั้นเอง

[MarginofSafety]

Contributed by ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร    
           ระยะนี้มีหุ้นกลุ่มหนึ่งที่มีราคาปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น หุ้นกลุ่มนี้กระจายอยู่ในหลายหมวดอุตสาหกรรมและทำธุรกิจแตกต่างกันออกไปค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มนี้มีคุณลักษณะร่วมที่คล้ายคลึงกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ หุ้นกลุ่มนี้เป็นหุ้นที่มีทรัพย์สินที่ใช้ทำมาหากินหลักที่เป็นอาคารหรือเป็นโรงเรือนหรือเป็นร้านค้า
           เหตุผลที่ทำให้หุ้นโรงเรือนมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในช่วงนี้ผมคิดว่าเหตุผลหนึ่งอาจจะมาจากการที่ราคาของอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคาร ที่ดิน หรือสิทธิการเช่าต่าง ๆ มีราคาปรับตัวขึ้นหลังจากที่เศรษฐกิจฟื้นจากภาวะวิกฤติ ดังนั้น กิจการที่มีทรัพย์สินที่เป็นอาคาร ที่ดิน มาก ก็จะได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของราคาทรัพย์สินนั้น และนักลงทุนเริ่มเห็น
           เหตุผลข้อสองก็คือ การที่ธุรกิจต้องอาศัยอาคารโรงเรือนในการประกอบธุรกิจ นั่นหมายความว่าลูกค้าต้องเดินทางมาใช้บริการ และนั่นหมายความว่า ลูกค้าอาจจะไม่อยากเดินทางไกลเพื่อไปหาซื้อของหรือบริการจากคู่แข่งหรือร้านอื่นถ้าผลประโยชน์ที่จะได้รับไม่คุ้มที่จะทำ นี่อาจจะก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Local Monopoly หรือการผูกขาดในท้องถิ่นเนื่องจากทำเลของสถานที่ให้บริการ
           เหตุผลข้อสุดท้ายอาจจะเป็นเรื่องของทำเลที่กิจการมีอยู่อาจจะโดดเด่นมากและเป็นทำเลที่หาไม่ได้อีกหรือหาได้ยากมาก  หรือเรียกว่าเป็น Strategic Location ดังนั้น กิจการจึงมีความได้เปรียบอย่างยั่งยืน และความได้เปรียบนี้กำลังแสดงให้เห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ว่าสามารถทำเงินได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
           แน่นอน มีเหตุผลอื่น ๆ ด้วยที่เข้ามาประกอบที่ทำให้บริษัทมีความโดดเด่นและทำกำไรได้ดีนอกจากเรื่องของโรงเรือน ทั้งในด้านของแนวโน้มอุตสาหกรรม ผู้บริหาร และอื่น ๆ แต่การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่โดดเด่นในช่วงนี้ผมคิดว่าหนีไม่พ้นว่าส่วนสำคัญอย่างหนึ่งน่าจะเกิดจากปัจจัยทางด้านของโรงเรือนจนน่าจะพูดได้ว่าเป็น คลื่นของหุ้นกลุ่มโรงเรือน เพราะหุ้นจำนวนมากในกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นกันเป็นระลอก มาดูกันว่ามีหุ้นกลุ่มไหนบ้าง
           หุ้นกลุ่มแรกก็คือ หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่หรือ Modern Trade ที่ผมเคยพูดไว้ในหลายโอกาสหุ้นกลุ่มนี้เป็นสุดยอดของหุ้นโรงเรือน เพราะมีร้านค้ากระจายกันไปมากมายทั่วประเทศ การแข่งขันกับคู่แข่งมักจะมีจำกัดด้วยเงื่อนไขของระยะห่างของแต่ละร้านซึ่งก่อให้เกิด Local Monopoly อ่อน ๆ และนี่ทำให้หุ้นในกลุ่มนี้มีราคาปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นมาเป็นเวลาพอสมควรและน่าจะเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในตลาดหลักทรัพย์กลุ่มหนึ่งในช่วงนี้
           หุ้นของกิจการที่ขึ้นชื่อด้วยคำว่าโรงดูเหมือนว่าจะมีความโดดเด่นและดีขึ้นต่อเนื่อง เริ่มจากหุ้นของโรงพยาบาลบางแห่งที่มีชื่อเสียงโดดเด่น ตามมาด้วยโรงพยาบาลที่ขยายตัวเร็ว และสุดท้ายถึงโรงพยาบาลทั่ว ๆ ไป ทั้ง ๆ ที่ในอดีตโรงพยาบาลเป็นหุ้นที่เงียบเหงาไม่ไปไหน โรงพยาบาลนั้น ชัดเจนว่ามีอำนาจในการผูกขาดในระดับท้องถิ่นไม่น้อย และโรงพยาบาลนั้นมักจะไม่ต้องแข่งขันกันทางด้านราคามากนัก ทำให้กำไรของโรงพยาบาลค่อนข้างจะสม่ำเสมอและเพิ่มขึ้นอย่างมีเหตุผลโดยที่อำนาจต่อรองของลูกค้าแทบไม่มี
           หุ้นที่ขึ้นต้นด้วยคำว่าโรงกลุ่มต่อไปก็คือหุ้นโรงแรม หุ้นกลุ่มนี้ที่โดดเด่นน่าจะเริ่มจากโรงแรมที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีธุรกิจอื่นประกอบเฉพาะอย่างยิ่งก็คือร้านอาหาร ตามมาด้วยโรงแรมที่ดูเหมือนว่าจะมีทรัพย์สินคือตัวโรงแรมที่มีค่าสูงถ้าจะสร้างใหม่ และในที่สุดก็คงตามมาด้วยโรงแรมทั่ว ๆ ไป
           หุ้นโรงต่อไปก็คือหุ้นโรงงานหรือหุ้นที่ทำโรงงานขายและ/หรือให้เช่า ซึ่งก็น่าจะเกิดจากการที่ทรัพย์สินมีค่ามากขึ้นเมื่อมีการขายทรัพย์สินออกไปเฉพาะอย่างยิ่งโดยผ่านทางกองทุนอสังหาริมทรัพย์ก็ทำให้เกิดกำไรอย่างมีนัยสำคัญและมีผลทำให้หุ้นมีผลงานที่โดดเด่นน่าประทับใจ
           หุ้นโรงเรือนที่สร้างผลงานได้ดีพอสมควรยังประกอบไปด้วยหุ้นของกิจการภัตตาคาร หุ้นโรงภาพยนต์ หุ้นที่ทำช็อปปิงมอล และอาจจะมีหุ้นอื่น ๆ ที่ผมคิดไม่ถึงและไม่มีพื้นที่พอที่จะบรรยายได้หมด แต่ก็เป็นจุดที่นักลงทุนสามารถที่จะไปค้นหาและอาจจะพบหุ้นที่เข้าข่ายนี้ซึ่งอาจจะมีศักยภาพที่จะทำกำไรที่โดดเด่นได้  ข้อที่น่าสังเกตก็คือ หุ้นของบริษัททำบ้านจัดสรรขายนั้นในความเห็นของผม ไม่ใช่หุ้นโรงเรือน เพราะในภาวะปัจจุบันนั้น บริษัทส่วนใหญ่ไม่สะสมที่ดินเพื่อพัฒนาอย่างในสมัยก่อน
อย่างไรก็ตาม คงไม่ใช่ทุกบริษัทหรือทุกหุ้นที่เป็นหุ้นโรงเรือนแล้วจะต้องเป็นหุ้นที่ดีน่าลงทุนไปหมด เพราะหุ้นโรงเรือนบางตัวอาจจะไม่ดีจริง หรือหุ้นโรงเรือนบางตัวอาจจะมีราคาขึ้นไปสูงมากเกินไปแล้ว  การลงทุนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นหนีไม่พ้นที่จะต้องวิเคราะห์ตามมาตรฐานของ Value Investment ทุกประการ การเป็นหุ้นโรงเรือนนั้น อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการวิเคราะห์ เพราะนี่เป็น คลื่น ที่น่าจะก่อตัวขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว

อ่านกี่รอบก็เป็นการให้ความรู้ชัดๆ แถมมีการเตือนให้ระวังอีกต่างหาก
ในระยะยาวแล้วหุ้นจะดีหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่คงดังเลย ขึ้นอยู่กับผลประกอบการมากกว่า
แต่คนดังมักจะเลือกหุ้นดีเป็นประจำ (ถึงได้ดังไงครับ)

[นายสต็อก]

หุ้นคนดัง ก็มีส่วนทำให้ดูดี แต่ไม่ได้เป็นเกณฑ์ให้ตัดสินใจลงทุน

ผมว่าเราคิดลึกเกินไปครับ...!!!
ดูอย่างหนังสือพิมพ์ คอลัมน์ที่ลงเรื่องหุ้นซิครับเขียนชื่อ หุ้นตัวนั้น ตัวนี้
แถม เค้ามียอดจำหน่ายไปยังผู้อ่าน เป็นแสนๆคน/วัน

กะอีแค่ เขียนเรื่องหุ้นในเว็บบอร์ด หรือ ในคอลัมน์เว็บไซต์ มันเป็นมุมมอง
ที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตมากมายอะไรเลยครับ คนอ่านในเว็บ เจ้าเก่าๆ ก็เยอะ
คนอ่าน หน้าใหม่ก็มีแต่ ผมไม่เชื่อว่าจะมากมายอย่างพวกหนังสือพิมพ์เขียน

ผมมองว่าเราไม่เห็นต้องกังวลเรื่อง คนดัง หรือ HiSo เล่นหุ้นเลย ผมเชื่อว่า
เราคิดมาก และ คิดลึกเกินไปครับ!!!

ถึงเชียร์หุ้นไป...แต่ก็ใช่ว่าจะมีคนมารีบเคาะซื้อตามที่เชียร์ครับ ตลาดคนเล่น
หุ้น มีทั้งพอร์ตที่ Active และ พอร์ตที่ร้างรา หรือ ไม่มีการซื้อขายอะไร เราจะ
ไปกังวลมากขนาดนั้น ก็คงจะแย่ครับ  (Freedom to Press) ครับ

อย่าคิดมาก!...อย่าคิดมาก!... 8)

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

อย่าคิดมาก!...อย่าคิดมาก!... 

แล้วถ้าวันนึง สถาบันโบรกเกอร์ รวมทั้งหนังสือพิมพ์ ทั้งหลาย

คนเลิกอ่านหมด

สนใจ เข้ามาอ่านแต่ tvi อย่างเดียวหละ ทำไงดี

[นายสต็อก]

แล้วถ้าวันนึง สถาบันโบรกเกอร์ รวมทั้งหนังสือพิมพ์ ทั้งหลาย

คนเลิกอ่านหมด สนใจ เข้ามาอ่านแต่ tvi อย่างเดียวหละ ทำไงดี

ผมเชื่อว่า คนเข้าเยี่ยมชม TVI คงมีหลากหลายเหมือนกันครับ แต่ที่นี่
ผมเห็นตั้งกระทู้กันประสาชาวบ้านๆ แต่ถ้าคนอ่านคิดลึก หรือ มีมุมมองกว้าง
ไกล มันก็พูดยากครับ ต่างคน...ต่างมุมมอง!!!

อย่างโบรคเกอร์ เค้า ต้องออกบทวิเคราะห์ ให้กับนักลงทุนทั้งหลายอยู่
แล้วที่ TVI ก็ไม่เห็นจะมีบทความละเอียดมากแบบตามโบรคเกอร์เลยครับ

ผมเองบางทีก็อ่านบ้าง...ข้ามบ้างเลย!!! (ฮะๆ...ฮะๆ...):lol:

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผมเองบางทีก็อ่านบ้าง...ข้ามบ้างเลย!!! (ฮะๆ...ฮะๆ...)

เอ๊ะ ข้ามโบรก หรือ ข้าม tvi

[Mon money]

ขอใช้สิทธิพาดพิงเล็กน้อยนะครับ

จำความได้ว่าผมจะบอกแต่เพียงหลักๆและแนวคิดเท่านั้น จะไม่พยายามเข้าไปใกล้ๆหุ้นมากเท่าไร ใครจะว่าอย่างไรก็เอาแถอะ

ผมว่าระหว่างนี้คุณๆทั้งหลายพยายามฝึกฝนการลงทุนของท่านกันเถิด เร็วๆนี้จะมี Invesment clubให้รวมกลุ่มกันลงทุนแล้ว ดร.นิเวศน์ท่านริเริ่มให้เกิดขึ้นเพื่อพัฒนานักลงทุน เราก้จะมาร่วมกันแชร์ความคิดกันเพื่อให้investment clubลงทุนและสมาชิกก็เอาหุ้นไปลงทุนได้ด้วย

เร่งๆกันหาความรู้กันดีกว่า

[Muffin]

เกิดเมื่อไหร่ครับ พี่มน
ผมว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะครับ

แต่ถึงแม้เจตนาดีเนี่ย กลต เขาจะเพ่งเล็งมั้ยครับ อาจจะหาว่า พวกชาว TVI จะมาปั่นหุ้นกันอีก เห็นคุยกันตัวไหน เป็นขึ้น

[CK]

เรื่องเจตนา ก็เป็นเรื่องที่ทีมโมเดอเรเตอร์ดูอยู่เหมือนกันครับ

การพูดว่าหุ้นตัวนี้น่าซื้อ ด้วยเหตุผลทางพื้นฐานและเทคนิค
เป็นสิ่งที่ทำได้ (กลต.แจ้งมา)

แต่การบอกว่า รายใหญ่กำลังเก็บหุ้นนั่น ดร.กำลังไล่หุ้นนี่
ผิดกฎครับ และโมเดอเรเตอร์จะลบทันที ที่มีกระทู้แบบนั้น
และยังต้องเก็บ ip กับ user name เพื่อนำส่งกลต.
หากกลต.แจ้งมาให้เราดำเนินการครับ

[สามัญชน]

ถ้าให้พวกเราเลือกกันเองเอาคนที่มีความสามารถในการลงทุนที่สุด 10 คน รวมท่าน ดร. อีก 1 คน เป็น 11 คน จะมีกี่คนที่ยอมซื้อหุ้นที่ท่าน ดร. ถืออยู่ ณ ราคาตลาดตอนนี้

เวลานี้ผมว่าไม่เหมาะเท่าไร การจะเชียร์อะไรยิ่งไม่ควร ถ้าผมจะเป็นคนเดียวที่แปลกจากคนอื่นก็ยอม

หุ้นโรงเรือนยอมรับว่าดี แต่ให้ซื้อตอนนี้ไม่เอา

ของผมก็ไม่เอาครับ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ไม่เอา  แต่ไม่กล้า(ซื้อ)

ผมไม่กล้าซื้อ mint ตอนนี้ ไม่กล้าซื้อ ticon ไม่กล้าซื้อ se-ed

ไม่กล้าของผมก็คือกลัว  คือไม่กล้าเฉยๆ  แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่กล้าแปลว่าสิ่งนั้นไม่ถูก(ต้อง)  หรือกล้าแปลว่าถูก(ต้อง)

ผมไม่กล้าผ่าตัดหัวใจ ไม่กล้าผ่าตัดสมอง  แต่ไม่ใช่การผ่าตัดหัวใจหรือสมองเป็นสิ่งที่เสี่ยงเกินไปและไม่ควรทำ  สำหรับผู้เชี่ยวชาญแล้วเรื่องนี้ไม่ได้เสี่ยงเกินไปและเขาก็ทำกันทุกวันอยู่แล้ว มีการผ่าตัดสมองและหัวใจทุกวัน   แต่ผมไม่กล้าทำเพราะผมไม่เชี่ยวชาญ  ถ้าผ่าตัดไส้ติ่งละก็สบายๆ........

ผมซื้อหุ้นวันนี้เพื่อขายในวันหน้า เพราะผมมองยาวๆเป็นสิบหรือยี่สิบปีไม่ได้เพราะผมไม่มีความสามารถขนาดนั้น ถ้า pbสูงๆ peสูงๆ ผมก็ไม่กล้าซื้อ  แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าถ้าบริษัทดีแล้วละก็ซื้อได้ ราคานี้ยังไม่แพง  ยิ่งบัฟเฟตต์ยิ่งแล้วใหญ่  เขาซื้อแล้วถือตลอดชีวิตเลย  เขาซื้อโค้กตอน pb มากกว่าสี่เท่าและpe>45เท่าตอนนี้ก็ยังถืออยู่ และผลก็คือเขาไม่ได้ขาดทุน แต่กลายเป็นเศรษฐีของโลกด้วยซ้ำ...............

[สามัญชน]

อย่างไรก็ตาม คงไม่ใช่ทุกบริษัทหรือทุกหุ้นที่เป็นหุ้นโรงเรือนแล้วจะต้องเป็นหุ้นที่ดีน่าลงทุนไปหมด เพราะหุ้นโรงเรือนบางตัวอาจจะไม่ดีจริง หรือหุ้นโรงเรือนบางตัวอาจจะมีราคาขึ้นไปสูงมากเกินไปแล้ว  การลงทุนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นหนีไม่พ้นที่จะต้องวิเคราะห์ตามมาตรฐานของ Value Investment ทุกประการ การเป็นหุ้นโรงเรือนนั้น อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการวิเคราะห์ เพราะนี่เป็น คลื่น ที่น่าจะก่อตัวขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว  

อ่านกี่รอบก็เป็นการให้ความรู้ชัดๆ แถมมีการเตือนให้ระวังอีกต่างหาก
ในระยะยาวแล้วหุ้นจะดีหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่คงดังเลย ขึ้นอยู่กับผลประกอบการมากกว่า แต่คนดังมักจะเลือกหุ้นดีเป็นประจำ (ถึงได้ดังไงครับ)

ตรงนี้เห็นด้วยเลยครับ  ไม่ได้ปั่นจั๊กหน่อย

ท่าน redvdox ลองมองมุมกลับถ้าดร.เลิกเขียนหนังสือ เลิกเขียนคอลัมน์ผมว่าน่าเสียดายมากกว่านะครับ  

หัวใจที่ทำจากเลือดและเนื้อต่อให้แกร่งแค่ไหนก็น้อยใจได้เหมือนกันนะครับ