มือใหม่อยากสอบถามเรื่อง financial account ใน BoP ครับ

[blitzkrieg]

ที่เขาบอกว่าเงินต่างชาติไหลเข้าประเทศไทย(เรียก fund flow ถูกหรือไม่ครับ) นี่จะแสดงใน financial account ใน BoP ใช่ไหมครับ

แล้วเงินฝรั่งที่เข้ามาซื้อขายสุทธิในแต่ละวันจะรวมอยู่ในนี้ใช่ไหมครับ

แล้วใน financial account มีเงินอื่นที่ไหนเข้านอกจากตลาดหุ้นไหมครับ

[blitzkrieg]

ที่เขาบอกว่าเงินต่างชาติไหลเข้าประเทศไทย(เรียก fund flow ถูกหรือไม่ครับ) นี่จะแสดงใน financial account ใน BoP ใช่ไหมครับ

แล้วเงินฝรั่งที่เข้ามาซื้อขายสุทธิในแต่ละวันจะรวมอยู่ในนี้ใช่ไหมครับ

แล้วใน financial account มีเงินอื่นที่ไหนเข้านอกจากตลาดหุ้นไหมครับ

แล้วเราสามารถดูโครงสร้างของ financial account ได้ที่ไหนครับ

[Ii'8N]

ในการลงทุนนั้นที่เราเห็นกันสรุปยอดทุกวัน คือเฉพาะตลาดหุ้นเท่านั้น
เป็นการลงทุนทางอ้อม ลงทุนในบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์

มี Fund flow ที่มีเงินไหลเข้า-ออกประเทศอีกทางหนึ่ง เรียกว่า FDI: Foreign Direct Investment มีทั้งการลงทุนแบบตั้งสาขาบริษัท เอาสินค้ามาขาย เอาไอเดียมาขาย ซื้อสินค้าไทยออกไปขายตลาดโลก หรืออีกแบบที่เป็นก้อนใหญ่ คือส่งออกสินค้าโดยเอาไทยเราเป็นฐานการผลิตส่งออก
อย่างที่เรารู้จัก เห็นชัดเจนที่สุด ก็เป็นกลุ่มยานยนต์ ทั้งต้นน้ำ (ผลิตชิ้นส่วน) และปลายน้ำ (ประกอบเป็นคันรถ) ... แล้วยังมีพวกเคื่รองจักรกล ผลิตภัณฑ์ยาง ปิโตรเคมี
ที่ผลกระทบมากคืออุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิคส์ พวกประกอบแผงวงจร ทำชิ้นส่วน และทำ Hard disk... อย่างตอนน้ำท่วม 54 ผลกระทบทำให้ Hard disk ขาดตลาดโลกเลย เพราะโรงงานของเราผลิต hard disk เป็นปริมาณ 25% ของทั่วโลก ต้องไปเร่งปั๊มจากโรงวานที่อื่นเพิ่ม


ข้อมูล FDI ดูที่แบงค์ชาติ
http://www2.bot.or.th/statistics/BOTWEB ... nguage=ENG

[blitzkrieg]

ขออนุญาตถามเพิ่มนะครับ ผมงงว่าทำไม Current Account + Capital & Financial Account + Change in Reserve =0 อะครับ

[Bachelier]

โครงสร้างของ BOP สามารถดูได้ที่นี่ครับ
https://www.bot.or.th/English/Statistic ... ments.aspx

ส่วนประเด็นเรื่องทำไมว่า Current Account + Capital & Financial Account + Change in Reserve =0 ผมขออธิบายตามที่ผมเข้าใจดังนี้ครับ
ผมขอยกตัวอย่างประเทศจีน สมมติว่าประเทศจีนมี Current Account Surplus (พูดง่ายๆคือมีการส่งออกสินค้ามากกว่าการนำเข้า) ทำให้มีเงินสุทธิไหลเข้ามาในประเทศ จีนเองก็อยากนำเงินก้อนนั้นไปลงทุน แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าในประเทศจีนเองความต้องการเงินทุนมีไม่มากพอ (ประเทศที่มี Current Account Surplus คือประเทศที่มีผลผลิตมากกว่าความต้องการบริโภคในประเทศ จึงต้องมีการส่งออก) จึงจำเป็นต้องนำเงินไปลงทุนในประเทศอื่นๆที่มีความต้องการ เช่นไปลงทุนซื้อพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ ทำให้ประเทศจีนมี Capital Account Deficit (การไปซื้อสินทรัพย์ในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ทางการเงินเช่น หุ้น หรือพันธบัตร หรือ FDI ทำให้เกิด Capital Account Deficit) แน่นอนว่าเงินสุทธิที่จีนได้มาจาก Net Export กับจำนวนเงินที่ไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอาจไม่เท่ากัน พูดอีกในนึงคือ Current Account Surplus อาจไม่เท่ากับ Capital Account Deficit เป๊ะๆ โดยถ้า Current Account surplus มีมากกว่า Capital Account Deficit โดยสุทธิแล้วก็จะมีเงินต่างชาติไหลเข้ามาในประเทศจีนมากกว่าที่ออกไป ก็จะทำให้ FX Reserve ของจีนปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นโดยสรุปแล้วเมื่อเรารวมผลของ Current Account, Capital Account กับ FX reserve แล้วผลรวมประมาณเท่ากับ 0 อาจมีความคาดเคลื่อนทางสถิตินิดหน่อย

[blitzkrieg]

ผมเข้าใจถูกไหมครับ
1.ถ้า ส่งออกมากว่านำเข้า หรือ คนไปทำงานต่างประเทศแล้วส่งเงินกลับมาประเทศ จะทำให้ CA เพิ่ม BoP เพิ่ม ทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่ม
2.ถ้า มีเงินต่างชาติมาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น จะทำให้ FA เพิ่ม BoP เพิ่ม ทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่ม
3.ถ้า คนในประเทศทำงานเเล้วออมเงินแต่เอาเงินไปลงทุนต่างประเทศ(แบบญี่ปุ่นที่ไปซื้อพันธบัตรต่างชาติ) เงินไหลออก จะทำให้ FA ลด BoP ลด ทุนสำรองระหว่างประเทศลด
4.ถ้า เงินต่างชาติที่ลงทุนในประเทศ ย้ายออกไป จะทำให้ FA ลด BoP ลด ทุนสำรองระหว่างประเทศลด

4 ข้อนี่ผมเข้าใจถูกไหมครับ
แล้วขอยกตัวอย่างเป็นประเทศไทยได้ไหมครับ

[Bachelier]

เข้าใจถูกแล้วครับ แต่อย่าลืมว่าต้องดูทั้ง Current Account และ Capital Account รวมกันนะครับเพราะทั้ง 2ตัวจะมีผลต่อ BOP จะแยกดูเป็นรายตัวไม่ได้
ประเทศไทยก็ไม่ได้ต่างกับจีนมากหรอกครับ เพราะเราก็เน้นส่งออก มี Current Account Surplus เหมือนกัน (เพียงแต่ขนาดต่างกันเยอะมาก) แต่ช่วงหลังมานี่ส่งออกค่อนข้างชะลอตัว แต่นำเข้าลดลงมากกว่าก็เลยยังมีเกินดุลอยู่ แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไทยเราเอาเงินนั้นไปลงทุนข้างนอกที่ไหนบ้าง แต่ถ้าดู FX reserve ของเราก็ปรับตัวขึ้นมาสูงมากตอนนี้อยู่ประมาณ 160,000 ล้านเหรียญ (ตอนวิกฤต ปี2540 เรามีทุนสำรองเพียงประมาณ 30,000 ล้านเหรียญ) แต่ต้องจับตาดูว่าการที่เราจะมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในอนาคตอาจต้องมีการนำเข้า Raw material พวกเครื่องมือ เครื่องจักรจากต่างประเทศ อาจทำให้ Current Account กลายเป็น Deficit โดยเฉพาะถ้าภาพการส่งออกยังไม่ดีขึ้น นั่นหมายความว่าเราอาจต้องกู้เงินจากต่างประเทศมาเพื่อใช้จ่าย (Capital Account Surplus) ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี ถ้าเป็นการกู้มาเพื่อลงทุนระยะยาวไม่ใช่ Hot money ที่มาเก็งกำไรระยะสั้นในอสังหาริมทรัพย์ หรือหุ้น ทำให้เกิด Investment Boom แล้ว Bust ในที่สุด ตอนนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร ต้องติดตามต่อไปครับ

ไม่ทราบว่าคุณ blitzkrieg มีความเห็นเป็นอย่างไรบ้างครับ