เทคโนโลยี่คือ mega trend จะทำให้หุ้น หรือธุรกิจพวกนี้แย่ลง
-
- Verified User
- โพสต์: 428
- ผู้ติดตาม: 0
เทคโนโลยี่คือ mega trend จะทำให้หุ้น หรือธุรกิจพวกนี้แย่ลง
โพสต์ที่ 1
เทคโนโลยี่คือ mega trend จะทำให้หุ้น หรือธุรกิจพวกนี้แย่ลง
1.ธนาคาร
1.1. ดร.นิเวศน์ พูดว่า ธนาคารเป็นธุรกิจที่ดี จนกระทั่งเจ้ง หมายความว่า ธนาคารจะดีไปเรื่อยๆ
จนเมื่อมีปัญหาทาง ศ.ก. เมื่อมีหนี้เสียมากๆ ธนาคารอาจจะเจ้งเอาง่ายๆ
1.2. ยิ่งมีการค้าขาย on line มากเท่าไหร่ธนาคารก็ยิ่งลำบากขึ้น พวกบริษัท on line ระดับโลก
ต่างมีระบบการชำระเงินของตนเองไว้บริการลูกค้า อนาคต คนอาจจะไม่รู้จักว่า Letter of Credit คืออะไร
และยังมีอีกหลายธุรกิจที่จะมาแย่งลูกค้าของธนาคาร
2. พลังงานทุกชนิด เทคโนโลยี่ ทำให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น และรูปแบบการใช้เปลี่ยนไป
รถยนต์ไฟฟ้า จะทำให้น้ำมันหมดความสำคัญ จริงอยู่รถยนต์ไฟฟ้ายังงัย ก็ต้องใช้พลังงาน แต่การ
เปลี่ยนเป็นใช้ ไฟฟ้าแทน ไฟฟ้า ต้องมีพลังงานมาผลิต แต่มีเชื้อเพลิงให้เลือกมากกว่า
ทำให้น้ำมันหมดความสำคัญลง และมอเตอร์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากกว่า เครื่องยนต์สันดาปภายใน
ยิ่งถ้ามีรถยนต์ไร้คนขับ ประสิทธิภาพการใช้พลังงานจะสูงขึ้นมากอีกหลายเท่า
3. สินค้าต้นน้ำทุกชนิด ยิ่งต้นน้ำมากเท่าไหร่ ยิ่งไม่ดี เช่น ดาวเทียม เหล็ก ทองแดง ผ้า ปิโตเคมี กระดาษ
น้ำตาลฯลฯ เทคโนโลยี่ทำให้เราใช้ของพวกนี้น้อยลง และอาจจะะผลิตอย่างอื่นมาทดแทน
เช่น ไฟเบอออฟติคแทนสายทองแดง บอลลูนแทนดาวเทียมฯลฯ ความรู้ว่าน้ำตาลอันตรายต่อสุขภาพ
รถยนต์ ทีวี โต๊ะ ใช้เหล็ก ทองแดง ทอง น้อยลงมาก
4.หุ้นที่มี PE สูง (>30) อนาคตมีอะไรใหม่ๆออกมาเสมอ ธุรกิจที่เรามั่นใจมากๆ ว่า กำไรชัวร์มีแต่โตทุกปี
เช่น ค้าปลี, modern tade ในประเทศพัฒนาแล้ว pe ต่ำกว่าในประเทศด้อยพัฒนามาก เพราะมีพวก
alibaba amzon มาแข่ง บางคนก็คิดว่ากลุ่มโรงพยาบาลน่าจะปลอดภัย มันก็ไม่แน่ อนาคต เราอาจจะมี
หุ่นยนต์ตัวเดียว เป็นหมอทำทุกอย่างตั้งแต่ตรวจ รักษาจนคนไข้จนหาย ดังนั้นใครที่คิดซื้อหุ้นที่ pe สูงๆ
เพราะเชื่อว่า เป็นหุ้นที่เติบโตอย่างมั่นคงคิดใหม่ได้เลย
น่าจะมีอีก แต่ ผมนึกไม่ออก
1.ธนาคาร
1.1. ดร.นิเวศน์ พูดว่า ธนาคารเป็นธุรกิจที่ดี จนกระทั่งเจ้ง หมายความว่า ธนาคารจะดีไปเรื่อยๆ
จนเมื่อมีปัญหาทาง ศ.ก. เมื่อมีหนี้เสียมากๆ ธนาคารอาจจะเจ้งเอาง่ายๆ
1.2. ยิ่งมีการค้าขาย on line มากเท่าไหร่ธนาคารก็ยิ่งลำบากขึ้น พวกบริษัท on line ระดับโลก
ต่างมีระบบการชำระเงินของตนเองไว้บริการลูกค้า อนาคต คนอาจจะไม่รู้จักว่า Letter of Credit คืออะไร
และยังมีอีกหลายธุรกิจที่จะมาแย่งลูกค้าของธนาคาร
2. พลังงานทุกชนิด เทคโนโลยี่ ทำให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น และรูปแบบการใช้เปลี่ยนไป
รถยนต์ไฟฟ้า จะทำให้น้ำมันหมดความสำคัญ จริงอยู่รถยนต์ไฟฟ้ายังงัย ก็ต้องใช้พลังงาน แต่การ
เปลี่ยนเป็นใช้ ไฟฟ้าแทน ไฟฟ้า ต้องมีพลังงานมาผลิต แต่มีเชื้อเพลิงให้เลือกมากกว่า
ทำให้น้ำมันหมดความสำคัญลง และมอเตอร์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากกว่า เครื่องยนต์สันดาปภายใน
ยิ่งถ้ามีรถยนต์ไร้คนขับ ประสิทธิภาพการใช้พลังงานจะสูงขึ้นมากอีกหลายเท่า
3. สินค้าต้นน้ำทุกชนิด ยิ่งต้นน้ำมากเท่าไหร่ ยิ่งไม่ดี เช่น ดาวเทียม เหล็ก ทองแดง ผ้า ปิโตเคมี กระดาษ
น้ำตาลฯลฯ เทคโนโลยี่ทำให้เราใช้ของพวกนี้น้อยลง และอาจจะะผลิตอย่างอื่นมาทดแทน
เช่น ไฟเบอออฟติคแทนสายทองแดง บอลลูนแทนดาวเทียมฯลฯ ความรู้ว่าน้ำตาลอันตรายต่อสุขภาพ
รถยนต์ ทีวี โต๊ะ ใช้เหล็ก ทองแดง ทอง น้อยลงมาก
4.หุ้นที่มี PE สูง (>30) อนาคตมีอะไรใหม่ๆออกมาเสมอ ธุรกิจที่เรามั่นใจมากๆ ว่า กำไรชัวร์มีแต่โตทุกปี
เช่น ค้าปลี, modern tade ในประเทศพัฒนาแล้ว pe ต่ำกว่าในประเทศด้อยพัฒนามาก เพราะมีพวก
alibaba amzon มาแข่ง บางคนก็คิดว่ากลุ่มโรงพยาบาลน่าจะปลอดภัย มันก็ไม่แน่ อนาคต เราอาจจะมี
หุ่นยนต์ตัวเดียว เป็นหมอทำทุกอย่างตั้งแต่ตรวจ รักษาจนคนไข้จนหาย ดังนั้นใครที่คิดซื้อหุ้นที่ pe สูงๆ
เพราะเชื่อว่า เป็นหุ้นที่เติบโตอย่างมั่นคงคิดใหม่ได้เลย
น่าจะมีอีก แต่ ผมนึกไม่ออก
-
- Verified User
- โพสต์: 897
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เทคโนโลยี่คือ mega trend จะทำให้หุ้น หรือธุรกิจพวกนี้แย่
โพสต์ที่ 3
ผมคิดว่าธุรกิจโรงพยาบาลเทคโนโลยีมาแทนได้ช้าที่สุดมั้งครับCARPENTER เขียน:เทคโนโลยี่คือ mega trend จะทำให้หุ้น หรือธุรกิจพวกนี้แย่ลง
1.ธนาคาร
1.1. ดร.นิเวศน์ พูดว่า ธนาคารเป็นธุรกิจที่ดี จนกระทั่งเจ้ง หมายความว่า ธนาคารจะดีไปเรื่อยๆ
จนเมื่อมีปัญหาทาง ศ.ก. เมื่อมีหนี้เสียมากๆ ธนาคารอาจจะเจ้งเอาง่ายๆ
1.2. ยิ่งมีการค้าขาย on line มากเท่าไหร่ธนาคารก็ยิ่งลำบากขึ้น พวกบริษัท on line ระดับโลก
ต่างมีระบบการชำระเงินของตนเองไว้บริการลูกค้า อนาคต คนอาจจะไม่รู้จักว่า Letter of Credit คืออะไร
และยังมีอีกหลายธุรกิจที่จะมาแย่งลูกค้าของธนาคาร
2. พลังงานทุกชนิด เทคโนโลยี่ ทำให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น และรูปแบบการใช้เปลี่ยนไป
รถยนต์ไฟฟ้า จะทำให้น้ำมันหมดความสำคัญ จริงอยู่รถยนต์ไฟฟ้ายังงัย ก็ต้องใช้พลังงาน แต่การ
เปลี่ยนเป็นใช้ ไฟฟ้าแทน ไฟฟ้า ต้องมีพลังงานมาผลิต แต่มีเชื้อเพลิงให้เลือกมากกว่า
ทำให้น้ำมันหมดความสำคัญลง และมอเตอร์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากกว่า เครื่องยนต์สันดาปภายใน
ยิ่งถ้ามีรถยนต์ไร้คนขับ ประสิทธิภาพการใช้พลังงานจะสูงขึ้นมากอีกหลายเท่า
3. สินค้าต้นน้ำทุกชนิด ยิ่งต้นน้ำมากเท่าไหร่ ยิ่งไม่ดี เช่น ดาวเทียม เหล็ก ทองแดง ผ้า ปิโตเคมี กระดาษ
น้ำตาลฯลฯ เทคโนโลยี่ทำให้เราใช้ของพวกนี้น้อยลง และอาจจะะผลิตอย่างอื่นมาทดแทน
เช่น ไฟเบอออฟติคแทนสายทองแดง บอลลูนแทนดาวเทียมฯลฯ ความรู้ว่าน้ำตาลอันตรายต่อสุขภาพ
รถยนต์ ทีวี โต๊ะ ใช้เหล็ก ทองแดง ทอง น้อยลงมาก
4.หุ้นที่มี PE สูง (>30) อนาคตมีอะไรใหม่ๆออกมาเสมอ ธุรกิจที่เรามั่นใจมากๆ ว่า กำไรชัวร์มีแต่โตทุกปี
เช่น ค้าปลี, modern tade ในประเทศพัฒนาแล้ว pe ต่ำกว่าในประเทศด้อยพัฒนามาก เพราะมีพวก
alibaba amzon มาแข่ง บางคนก็คิดว่ากลุ่มโรงพยาบาลน่าจะปลอดภัย มันก็ไม่แน่ อนาคต เราอาจจะมี
หุ่นยนต์ตัวเดียว เป็นหมอทำทุกอย่างตั้งแต่ตรวจ รักษาจนคนไข้จนหาย ดังนั้นใครที่คิดซื้อหุ้นที่ pe สูงๆ
เพราะเชื่อว่า เป็นหุ้นที่เติบโตอย่างมั่นคงคิดใหม่ได้เลย
น่าจะมีอีก แต่ ผมนึกไม่ออก
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เทคโนโลยี่คือ mega trend จะทำให้หุ้น หรือธุรกิจพวกนี้แย่
โพสต์ที่ 4
ไม่รู้จะเกี่ยวกับหัวข้อกระทู้หรือเปล่า
แต่นึกถึงสิ่งที่น่าสนใจได้ อีกอย่าง
ตอนนี้ กลุ่มคนที่เข้าถึง บัตรเครติต ยังน้อยอยู่มากสำหรับเมืองไทย
และ ระบบจ่ายเงิน online ยังไม่ดีเท่าที่ควร
ดังนั้น บริษัทไหน ที่สามารถทำ ระบบจ่ายเงิน online แบบที่ใช้งานง่าย และใช้ได้จริง มีเสถียรภาพ มี API ให้ร้านค้าใช้ได้ดี
ถ้าตามนี้ใครทำได้ก่อน
ผมว่า พุ่งกระฉูด
แต่นึกถึงสิ่งที่น่าสนใจได้ อีกอย่าง
ตอนนี้ กลุ่มคนที่เข้าถึง บัตรเครติต ยังน้อยอยู่มากสำหรับเมืองไทย
และ ระบบจ่ายเงิน online ยังไม่ดีเท่าที่ควร
ดังนั้น บริษัทไหน ที่สามารถทำ ระบบจ่ายเงิน online แบบที่ใช้งานง่าย และใช้ได้จริง มีเสถียรภาพ มี API ให้ร้านค้าใช้ได้ดี
ถ้าตามนี้ใครทำได้ก่อน
ผมว่า พุ่งกระฉูด
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เทคโนโลยี่คือ mega trend จะทำให้หุ้น หรือธุรกิจพวกนี้แย่
โพสต์ที่ 5
ล่าสุดในหนังสือ science illustrated December 2015kur2519 เขียน:ผมคิดว่าธุรกิจโรงพยาบาลเทคโนโลยีมาแทนได้ช้าที่สุดมั้งครับCARPENTER เขียน:เทคโนโลยี่คือ mega trend จะทำให้หุ้น หรือธุรกิจพวกนี้แย่ลง
1.ธนาคาร
1.1. ดร.นิเวศน์ พูดว่า ธนาคารเป็นธุรกิจที่ดี จนกระทั่งเจ้ง หมายความว่า ธนาคารจะดีไปเรื่อยๆ
จนเมื่อมีปัญหาทาง ศ.ก. เมื่อมีหนี้เสียมากๆ ธนาคารอาจจะเจ้งเอาง่ายๆ
1.2. ยิ่งมีการค้าขาย on line มากเท่าไหร่ธนาคารก็ยิ่งลำบากขึ้น พวกบริษัท on line ระดับโลก
ต่างมีระบบการชำระเงินของตนเองไว้บริการลูกค้า อนาคต คนอาจจะไม่รู้จักว่า Letter of Credit คืออะไร
และยังมีอีกหลายธุรกิจที่จะมาแย่งลูกค้าของธนาคาร
2. พลังงานทุกชนิด เทคโนโลยี่ ทำให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น และรูปแบบการใช้เปลี่ยนไป
รถยนต์ไฟฟ้า จะทำให้น้ำมันหมดความสำคัญ จริงอยู่รถยนต์ไฟฟ้ายังงัย ก็ต้องใช้พลังงาน แต่การ
เปลี่ยนเป็นใช้ ไฟฟ้าแทน ไฟฟ้า ต้องมีพลังงานมาผลิต แต่มีเชื้อเพลิงให้เลือกมากกว่า
ทำให้น้ำมันหมดความสำคัญลง และมอเตอร์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากกว่า เครื่องยนต์สันดาปภายใน
ยิ่งถ้ามีรถยนต์ไร้คนขับ ประสิทธิภาพการใช้พลังงานจะสูงขึ้นมากอีกหลายเท่า
3. สินค้าต้นน้ำทุกชนิด ยิ่งต้นน้ำมากเท่าไหร่ ยิ่งไม่ดี เช่น ดาวเทียม เหล็ก ทองแดง ผ้า ปิโตเคมี กระดาษ
น้ำตาลฯลฯ เทคโนโลยี่ทำให้เราใช้ของพวกนี้น้อยลง และอาจจะะผลิตอย่างอื่นมาทดแทน
เช่น ไฟเบอออฟติคแทนสายทองแดง บอลลูนแทนดาวเทียมฯลฯ ความรู้ว่าน้ำตาลอันตรายต่อสุขภาพ
รถยนต์ ทีวี โต๊ะ ใช้เหล็ก ทองแดง ทอง น้อยลงมาก
4.หุ้นที่มี PE สูง (>30) อนาคตมีอะไรใหม่ๆออกมาเสมอ ธุรกิจที่เรามั่นใจมากๆ ว่า กำไรชัวร์มีแต่โตทุกปี
เช่น ค้าปลี, modern tade ในประเทศพัฒนาแล้ว pe ต่ำกว่าในประเทศด้อยพัฒนามาก เพราะมีพวก
alibaba amzon มาแข่ง บางคนก็คิดว่ากลุ่มโรงพยาบาลน่าจะปลอดภัย มันก็ไม่แน่ อนาคต เราอาจจะมี
หุ่นยนต์ตัวเดียว เป็นหมอทำทุกอย่างตั้งแต่ตรวจ รักษาจนคนไข้จนหาย ดังนั้นใครที่คิดซื้อหุ้นที่ pe สูงๆ
เพราะเชื่อว่า เป็นหุ้นที่เติบโตอย่างมั่นคงคิดใหม่ได้เลย
น่าจะมีอีก แต่ ผมนึกไม่ออก
เกี่ยวกับม้ามเทียม ที่สามารถกรองเชื้อโรค เชื้อไวรัส แบททีเรีย เซลล์มะเร็ง
ทดลองในหนูกรองได้ 90 % ที่เหลือ อีก 10 % ให้ภูมิต้านทานทำลาย
วิธีการคือ ตัดต่อปลายของโปรตีน mbl ให้เป็นแม่เหล็กด้วย นาโนบีด
เจ้าโปรตีน mbl ตัวนี้ ทำหน้าที่เกาะ ไวรัส แบททีเรีย และสิ่งแปลกปลอมทุกชนิด
แล้วส่งสัญญานให้เม็ดเลือดขาวกำจัด
เมื่อเลือดวิ่งผ่าน แผ่นกรอง คล้ายเครื่องฟอกไต
อีกด้าน จะมีเกลือปลอดเชื้อ ทำหน้าที่ดูดเชื้อโรคที่มีนาโนบีดเกาะ
ขอให้เป็นจริงเร็วๆนี้ครับ โรคเอด โรคอีโบลา และอื่นๆ ก็จะโดนกรองออก โดยไม่ต้องไปฆ่ามัน
เราฆ่ามัน เท่ากับเราก็ฆ่าเซลล์เราเอง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เทคโนโลยี่คือ mega trend จะทำให้หุ้น หรือธุรกิจพวกนี้แย่
โพสต์ที่ 6
Artificial Biospleen Cleans Blood with Magnets (VIDEO)
http://www.medgadget.com/2014/09/artifi ... video.html
http://www.medgadget.com/2014/09/artifi ... video.html
-
- Verified User
- โพสต์: 428
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เทคโนโลยี่คือ mega trend จะทำให้หุ้น หรือธุรกิจพวกนี้แย่
โพสต์ที่ 7
http://piggyman007.blogspot.com/2015/12 ... d.html?m=1
น่าสนใจมาก รถยนต์ไฟฟ้ามาเร็วกว่าที่หลายๆคนคิด
น่าสนใจมาก รถยนต์ไฟฟ้ามาเร็วกว่าที่หลายๆคนคิด
- romee
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เทคโนโลยี่คือ mega trend จะทำให้หุ้น หรือธุรกิจพวกนี้แย่
โพสต์ที่ 8
เห็นด้วยครับ ใช้มาหลายเจ้าในไทย ยังหาตัวที่ประทับใจ และสะดวกใจไม่ค่อยได้เลยpeacedev เขียน:ไม่รู้จะเกี่ยวกับหัวข้อกระทู้หรือเปล่า
แต่นึกถึงสิ่งที่น่าสนใจได้ อีกอย่าง
ตอนนี้ กลุ่มคนที่เข้าถึง บัตรเครติต ยังน้อยอยู่มากสำหรับเมืองไทย
และ ระบบจ่ายเงิน online ยังไม่ดีเท่าที่ควร
ดังนั้น บริษัทไหน ที่สามารถทำ ระบบจ่ายเงิน online แบบที่ใช้งานง่าย และใช้ได้จริง มีเสถียรภาพ มี API ให้ร้านค้าใช้ได้ดี
ถ้าตามนี้ใครทำได้ก่อน
ผมว่า พุ่งกระฉูด
การลงทุนแนวvi ไม่ได้แปลว่า นักลงทุนคนนั้นดีกว่า หรือมีวรรณะสูงกว่าคนที่ลงทุนแนวอื่นๆหรอก
-
- Verified User
- โพสต์: 428
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เทคโนโลยี่คือ mega trend จะทำให้หุ้น หรือธุรกิจพวกนี้แย่
โพสต์ที่ 9
การเปลี่ยนแปลงของโลกเปลี่ยนแปลงด้วยอัตราเร่ง ไม่ใช่ความเร็ว
ทั้งหมดมาจากเทคโนโลยี่ และ เทคโนโลยี่ทั้งหมดก็มาจาก วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์
เซอไอแซคตันบอกว่า เขายืนบนไหล่ของยักษ์ เขาจึงตัวสูงมาก
ความรู้ของคนยุคนี้ ก็มาจากความรู้สะสมที่มาจากคนในอดีตร
คณิตรศาสตรเป็นรากฐานของความรู้ที่สำคัญมาก แคลคูลัส คือความมหัศจรรย์ ของคณิตศาสตร์
คนสมัยนี้ ส่วนมากยังไม่ค่อยเข้าใจแคลคูลัส(ผมก็ลืมหมดแล้ว สมัยเรียนผมเกือบจะเข้าใจ)
ไลบ์นิซ และ นิวตัน ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ที่คิดค้นแคลคูลัสขึ้นมา ประมาณ 400ปีที่แล้ว
ห้องนี้เชื่อว่า ดอกเบี้ยทบต้นคือสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8
สำหรับผมแล้ว เทคโนโลยี่(ความรู้)คือสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 1 ของสิ่งมีชีวิตที่มีอารยะธรรม
ความรู้ที่มนุษย์สะสมมาตลอดหลายพันปี ได้เปลี่ยนเป็นเทคโนโลยี่ตั้งแต่สมัยปฏิวัติอุตสาหกรรม
หลังจากนั้น ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ได้เปลี่ยนเป็นเทคโนโลยี้ ตั้งแต่นั้นมา
ย้ำโลกเปลี่ยแปลงเร็วมาก และเร็วขึ้นเรื่อยๆ เพราะโลกเปลี่ยนแปลงด้วยความเร่ง นี่คือความจริง
เทคโนโลยี่ทำให้เราใช้สินค้าต้นน้ำ(ส่วนมากคือสินค้าcommodity)ลดไปอย่างมหาศาล
เพราะใช้อย่างมีประสิทธิภาพ หนักกว่านั้น เราอาจจะใช้สิ่งอื่นที่ดีกว่าหรือถูกกว่าทดแทน
หนักที่สุดคือ เราเลิกใช้มันเลย (กล้องดิจิตัล ไม่ได้ลดการใช้ฟิล์ม แต่เลิกใช้ฟิล์ม)
เช่น เหล็ก ทองแดง ฝ้าย น้ำตาล ปิโตเลียม แก๊ส ยาง ยางสังเคราะห์ ปริมาณการใช้ลดลงส่วนหนึ่ง
เนื่องมาจากเทคโนโลยี่ไม่เหมือนสมัยก่อน การพัฒนาประสิทธิภาพช้าและมนุษย์ในประเทศที่มีเงิน
ก็เกิดมากกว่านี้ demand ในสินค้าพวกนี้ เพิ่มขึ้นทุกปี จนทำให้คนกล้ว จะไม่มีของพวกนี้พอใช้
สรุป หลีกเลี่ยงหุ้นสินค้าต้นน้ำ และหุ้นพีอี 30-40เท่า เพราะต่อไปโลกจะเปลี่ยนแปลงเร็วมาก
(ยกเว้นหุ้น Market Cap.เล็กมากๆและอนาคตดีมาก ถ้าแบบนี้พีอีสูงก็น่าลุ้น )
เหตุผลที่ผมต้องเขียนเรื่องนี้ซ้ำอีก เพราะ ผมรู้สึกว่า คนอ่านหลายท่านตระหนัก
ในเรื่องเทคโนโลยี่น้อยกว่าที่ผมคิดไว้มาก
ทั้งหมดมาจากเทคโนโลยี่ และ เทคโนโลยี่ทั้งหมดก็มาจาก วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์
เซอไอแซคตันบอกว่า เขายืนบนไหล่ของยักษ์ เขาจึงตัวสูงมาก
ความรู้ของคนยุคนี้ ก็มาจากความรู้สะสมที่มาจากคนในอดีตร
คณิตรศาสตรเป็นรากฐานของความรู้ที่สำคัญมาก แคลคูลัส คือความมหัศจรรย์ ของคณิตศาสตร์
คนสมัยนี้ ส่วนมากยังไม่ค่อยเข้าใจแคลคูลัส(ผมก็ลืมหมดแล้ว สมัยเรียนผมเกือบจะเข้าใจ)
ไลบ์นิซ และ นิวตัน ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ที่คิดค้นแคลคูลัสขึ้นมา ประมาณ 400ปีที่แล้ว
ห้องนี้เชื่อว่า ดอกเบี้ยทบต้นคือสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8
สำหรับผมแล้ว เทคโนโลยี่(ความรู้)คือสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 1 ของสิ่งมีชีวิตที่มีอารยะธรรม
ความรู้ที่มนุษย์สะสมมาตลอดหลายพันปี ได้เปลี่ยนเป็นเทคโนโลยี่ตั้งแต่สมัยปฏิวัติอุตสาหกรรม
หลังจากนั้น ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ได้เปลี่ยนเป็นเทคโนโลยี้ ตั้งแต่นั้นมา
ย้ำโลกเปลี่ยแปลงเร็วมาก และเร็วขึ้นเรื่อยๆ เพราะโลกเปลี่ยนแปลงด้วยความเร่ง นี่คือความจริง
เทคโนโลยี่ทำให้เราใช้สินค้าต้นน้ำ(ส่วนมากคือสินค้าcommodity)ลดไปอย่างมหาศาล
เพราะใช้อย่างมีประสิทธิภาพ หนักกว่านั้น เราอาจจะใช้สิ่งอื่นที่ดีกว่าหรือถูกกว่าทดแทน
หนักที่สุดคือ เราเลิกใช้มันเลย (กล้องดิจิตัล ไม่ได้ลดการใช้ฟิล์ม แต่เลิกใช้ฟิล์ม)
เช่น เหล็ก ทองแดง ฝ้าย น้ำตาล ปิโตเลียม แก๊ส ยาง ยางสังเคราะห์ ปริมาณการใช้ลดลงส่วนหนึ่ง
เนื่องมาจากเทคโนโลยี่ไม่เหมือนสมัยก่อน การพัฒนาประสิทธิภาพช้าและมนุษย์ในประเทศที่มีเงิน
ก็เกิดมากกว่านี้ demand ในสินค้าพวกนี้ เพิ่มขึ้นทุกปี จนทำให้คนกล้ว จะไม่มีของพวกนี้พอใช้
สรุป หลีกเลี่ยงหุ้นสินค้าต้นน้ำ และหุ้นพีอี 30-40เท่า เพราะต่อไปโลกจะเปลี่ยนแปลงเร็วมาก
(ยกเว้นหุ้น Market Cap.เล็กมากๆและอนาคตดีมาก ถ้าแบบนี้พีอีสูงก็น่าลุ้น )
เหตุผลที่ผมต้องเขียนเรื่องนี้ซ้ำอีก เพราะ ผมรู้สึกว่า คนอ่านหลายท่านตระหนัก
ในเรื่องเทคโนโลยี่น้อยกว่าที่ผมคิดไว้มาก