ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
-
- Verified User
- โพสต์: 874
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 31
ผมขออนุญาตโพสต์ในส่วนที่ไม่เกี่ยวกะผบห. หรือบมจ.นะฮะ
ผมขอขอบคุณ กลต.ที่สร้างผลงานชิ้นนี้
ผมขอขอโทษที่เคยโพสต์ประชดจะให้รางวัลจักรยานทองคำ(ไว้ปั่น)ในกระทู้"หุ้นปั่น"ของนายกลูกอิสานนะฮะ
สร้างผลงานแบบนี้ออกมาให้เป็นตัวอย่างธรรมาภิบาลของตลท.อีกนะฮะ
พวกเราจะได้เหลือแต่บมจ.กะผบห.คุณภาพที่โปร่งใสตรวจสอบได้ไว้ลงทุนกันต่อไปฮะ
หรือว่าขนาดซุปเป้อร์สต็อคยังขนาดนี้ หุ้นอื่นจาไปเหลือเรอะ..(อ้าว..เฮ้ย..)
ผมขอขอบคุณ กลต.ที่สร้างผลงานชิ้นนี้
ผมขอขอโทษที่เคยโพสต์ประชดจะให้รางวัลจักรยานทองคำ(ไว้ปั่น)ในกระทู้"หุ้นปั่น"ของนายกลูกอิสานนะฮะ
สร้างผลงานแบบนี้ออกมาให้เป็นตัวอย่างธรรมาภิบาลของตลท.อีกนะฮะ
พวกเราจะได้เหลือแต่บมจ.กะผบห.คุณภาพที่โปร่งใสตรวจสอบได้ไว้ลงทุนกันต่อไปฮะ
หรือว่าขนาดซุปเป้อร์สต็อคยังขนาดนี้ หุ้นอื่นจาไปเหลือเรอะ..(อ้าว..เฮ้ย..)
samatah
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 32
คนเรามีดีมีชั่วทุกคนครับ
พิจารณาว่าความดีและความชั่วของเขานั้นมันเป็นอย่างไร
ด้วยปัจจัยต่างๆ ประเทศ บริษัท คน
ผมว่าสังคมเรากำลังดีขึ้นนะครับ จากการแสดงออกของพวกเรา
แค่นี้บุคคลก็ทุกข์มากมายแล้ว
ในอีกทศวรรษหน้ามีการขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ บุคคลสำคัญของตลาดทุนออกมากล่าวถึงประเด็นนี้
มาตรฐานของบริษัทก็จะดีขึ้นตามลำดับอย่างเหมาะสมครับ
ที่นี้ซีจีเข้มได้อย่างเหมาะสมดีครับ
พิจารณาว่าความดีและความชั่วของเขานั้นมันเป็นอย่างไร
ด้วยปัจจัยต่างๆ ประเทศ บริษัท คน
ผมว่าสังคมเรากำลังดีขึ้นนะครับ จากการแสดงออกของพวกเรา
แค่นี้บุคคลก็ทุกข์มากมายแล้ว
ในอีกทศวรรษหน้ามีการขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ บุคคลสำคัญของตลาดทุนออกมากล่าวถึงประเด็นนี้
มาตรฐานของบริษัทก็จะดีขึ้นตามลำดับอย่างเหมาะสมครับ
ที่นี้ซีจีเข้มได้อย่างเหมาะสมดีครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 504
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 33
โลกในมุมมองของ Value Investor 5 ธันวาคม 2558
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เก็บเงินริมทาง
ช่วงปลายปี 2010 จนถึงต้นปี 2011 หรือเมื่อประมาณ 4-5 ปี มาแล้ว มีการพูดถึงประเด็นเรื่องการ “สืบทอด” ตำแหน่งของ วอเร็น บัฟเฟตต์ ในเบิร์กไชร แฮททาเวย์ ค่อนข้างมากเนื่องจากบัฟเฟตต์ก็เริ่มแก่ตัวลงและไม่มีใครรู้ว่าใครจะมาแทนเขา หนึ่งใน “ตัวเลือก” ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงว่ามีโอกาสสูงสุดก็คือ David Sokol ผู้บริหารของบริษัท MidAmerican Energy Holding บริษัทลูกของเบิร์กไชร์ที่ดูแลเรื่องของการลงทุนในธุรกิจพลังงาน และยังเป็นผู้บริหารของ Netjets บริษัทให้บริการเช่าใช้เครื่องบินของบัฟเฟตต์ด้วย นอกจากการเป็นผู้บริหารของบริษัทลูกที่มีขนาดใหญ่โตมากแล้ว โซโคลยังมีบทบาทในเบิร์กไชร์มาก ดูเหมือนว่าเขาจะเป็น “มือขวา” คนหนึ่งของบัฟเฟตต์ในการที่เขามักจะนำเสนอบริษัทหรือกิจการต่าง ๆ ที่น่าสนใจให้บัฟเฟตต์พิจารณาซื้อ นอกจากนั้น เขายังช่วยบัฟเฟตต์แก้ปัญหาเวลาบริษัทลูก ๆ ในเครือมีปัญหาด้วย และที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ โซโคลเองนั้นเป็นคน “บ้านเดียวกัน” กับบัฟเฟตต์ คือ เป็นคนที่เกิดที่เมืองโอมาฮา รัฐเนบราสกา แถมเรียนจบมหาวิทยาลัยเดียวกับบัฟเฟตต์ ในมุมมองของคนท้องถิ่นแล้ว เขาก็เป็น “หนึ่ง” รอง ๆ จากบัฟเฟตต์ สถานที่สำคัญหลายแห่ง รวมถึงสนามกีฬาที่จัดประชุมผู้ถือหุ้นของเบิร์กไชร์ก็มีชื่อของเขาเข้าไปเกี่ยวข้อง เขาทำกิจกรรม บริจาคและช่วยเหลือสังคมอย่างกว้างขวางเป็นที่รักและชื่นชมทั่วไปในเมืองบ้านเกิด อายุเขาก็ยังไม่มากคือเพียง 56 ปี ดังนั้น อนาคตของเขานั้นดูเหมือนว่าจะ “โรยด้วยกลีบกุหลาบ”
แต่แล้วโดยที่ไม่มีใครคาดคิด เขาประกาศลาออกจากเบิร์กไชร์ในวันที่ 28 มีนาคม 2011 และต่อมาในเดือนเมษายนคณะกรรมการตรวจสอบของเบิร์กไชร์ก็ออกมาแถลงถึงผลการตรวจสอบที่แสดงว่าโซโคลมีความ “ไม่โปร่งใส” ในกรณีของการเทคโอเวอร์บริษัทผู้ผลิตน้ำมันหล่อลื่น Lubrizol ของเบิร์กไชร์ เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ โซคอลนั้นซื้อหุ้นของ Lubrizol ก่อนที่จะนำเสนอดีลให้กับบัฟเฟตต์ จำนวนเงินที่เขาซื้อประมาณ 10 ล้านเหรียญ และเมื่อการเทคโอเวอร์เกิดขึ้น เขาทำกำไรได้ประมาณ 3 ล้านเหรียญ โซโคลแถลงแก้ว่าเขาเองได้บอกกับบัฟเฟตต์ก่อนแล้วว่าเขามีหุ้นและมีก่อนที่จะนำเสนอดีลเทคโอเวอร์กับบัฟเฟตต์ ดังนั้นเขาไม่ผิด บัฟเฟตต์เองในตอนแรกก็พูดทำนองว่า โซโคลไม่ได้ลาออกเพราะเรื่องนี้และเขาก็เชื่อว่าสิ่งที่โซโคลทำไม่น่าจะผิดกฎหมาย แต่ต่อมาภายหลัง บัฟเฟตต์ก็ยอมรับว่าเขาอาจจะไม่ได้สรุปหรือคิดเรื่องนี้ละเอียดพอ พูดง่าย ๆ บัฟเฟตต์เองก็คิดว่าโซโคลทำไม่ถูก อย่างไรก็ตามต่อมา กลต. ของสหรัฐก็เข้ามาตรวจสอบเรื่อง “การใช้ข้อมูลภายใน” ของโซโคลและก็สรุปว่าโซโคลไม่ผิด แต่ทุกอย่างก็จบลงแล้ว เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างบัฟเฟตต์กับโซโคล
ในวันประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของเบิร์กไชร์ปี 2011 บัฟเฟตต์พูดกับผู้ถือหุ้นว่าเขาทำผิดอย่างแรงที่ไม่ถามโซโคลเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น Lubrizol ที่อธิบายและแก้ตัวไม่ได้ เพราะสิ่งที่โซโคลทำนั้นละเมิดกฎของการปฎิบัติงานที่ดีของเบิร์กไชร์และเรื่องของการใช้ข้อมูลภายในในการซื้อขายหุ้น บัฟเฟตต์ยังพูดอีกว่าเขาจะไม่มีวันเข้าใจเลยว่าทำไมโซโคลทำสิ่งที่เขาทำ เขาอธิบายไม่ได้ว่าทำไมโซโคลจึงไม่ปิดบังหรือใช้โนมินีเข้ามาซื้อหุ้น Lubrizol ถ้าเขาคิดว่าเขากำลังทำอะไรผิด เขาปล่อยข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นของเขาอย่างเปิดเผย บัฟเฟตต์ยังพูดต่อว่า เขาไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมชื่อเสียงของโซโคลจึงถูกทำลายไปด้วยเรื่องฉาวโฉ่ที่เกี่ยวกับเงินเพียง 3 ล้านเหรียญ ทั้ง ๆ ที่โซโคลเองนั้นเคยสมัครใจที่จะยกเงินค่าตอบแทนหรือโบนัสที่เขาควรจะได้จำนวนถึง 12.5 ล้านเหรียญให้กับเพื่อนร่วมงานคือ Greg Abel ที่บริษัท MidAmerican
ผมเองคิดว่าเรื่องการใช้ข้อมูลภายในเพื่อทำเงินนั้น มันคงจะเปรียบคล้าย ๆ กับการที่เราเดินไปตามทางเดินสาธารณะ แล้วเราไปเห็นเงินที่ตกหล่นอยู่ข้างทาง เราไม่รู้ว่าเป็นเงินของใคร และด้วย “สัญชาตญาณ” ซึ่งเป็นอารมณ์ที่อยู่ในมนุษย์ทุกคน เราก็จะเก็บ เงินที่ได้จากการเก็บของตกหล่นนั้น ถ้าจำได้ตอนเป็นเด็ก เราจะรู้สึกดีใจมากทั้ง ๆ ที่มันอาจจะเป็นแค่เหรียญหรือเงินไม่กี่บาท เพราะมันได้มาฟรี แทบไม่ต้องออกแรงเลย เรารู้สึกว่าเป็นความโชคดี เราไม่คิดว่าเราไป “โกง” ใคร เราไม่ได้ทำผิด และถ้ามีใครมาอ้างว่าเป็นเงินของเขา เราก็มักจะคืนเงินไป นี่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตาม “ธรรมชาติ” แต่ในตลาดหุ้นนั้น กฎเกณฑ์การซื้อขายหุ้นที่ห้ามไม่ให้ใช้ “ข้อมูลภายใน” ที่เรารู้แต่คนอื่นไม่รู้มาซื้อขายหุ้นก็เพื่อที่จะทำให้ตลาดนั้นมีความยุติธรรมสำหรับทุกคน ดังนั้น คนที่ทำและถูกจับได้ก็ผิด แต่ถ้าถามว่าคนที่ถูกตัดสินว่าผิดในเรื่องนี้หมายความว่าเขามีพฤติกรรม “โกง” เป็นนิสัยหรือไม่ ผมก็คิดว่าไม่ใช่ และก็คงต้องดูเป็นกรณี ๆ ไป ในกรณีของโซโคลนั้น ทางกฎหมายถือว่าไม่ผิดแม้ว่าทางเบิร์กไชร์จะ “รับไม่ได้” และสังคมเองก็ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมรับคำอธิบายของโซโคล ในโลกยุคปัจจุบันนั้น ถ้าคุณเป็นคนดังและยิ่งใหญ่ แม้แต่สิ่งที่อาจจะเล็กน้อยหรือไม่จริง แต่ถ้ามีคำถามถึงความโปร่งใสหรือความมีธรรมาภิบาล คนก็จะไม่ยอมรับและ “แสดงออก” อย่างแรง นี่ก็คงเป็น “ธรรมชาติ” ของคนอีกเช่นกัน
วันที่มีข่าวเรื่อง Insider’s Trading ของโซโคล หุ้นเบิร์กไชร์ตกลงไป 2% ซึ่งต้องถือว่าหนักพอสมควรเนื่องจากเป็นหุ้นตัวใหญ่มากที่ไม่ใคร่ผันผวน แต่หลังจากนั้นเรื่องนี้ก็จางหายไป หุ้นเบิร์กไชร์ยังเหมือนเดิม ความ “น่าเชื่อถือ” ของเบิร์กไชร์ในด้านของ Governance ไม่ถูกกระทบ ถ้าจะถามว่ามีโอกาสที่จะเกิดกรณีแบบนี้อีกไหม ผมก็คิดว่ามี โดยเฉพาะปริมาณการซื้อขายหุ้นของผู้บริหารที่มีจำนวนมากทุกวันก็คงต้องมีบ้างที่จะเกิดความผิดพลาดทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ
ประเด็นสุดท้ายสำหรับนักลงทุนก็คือ เราจะทำอย่างไรถ้าเรามีหุ้นของบริษัทที่มีกรณีอินไซ้ด์ของผู้บริหารและในกรณีที่ยังไม่มีหุ้น หลายคนบอกว่าเราไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวกับหุ้นเหล่านั้นเลยเพราะ ผู้บริหารคง “ไว้ใจไม่ได้แล้ว” และถ้าวอเร็น บัฟเฟตต์ เจอแบบนี้เขาก็คงจะขายหุ้นทิ้งแน่นอน ตัวอย่างเช่นกรณีของหุ้นเทสโก้ที่เกิดกรณีอื้อฉาวแต่งบัญชีซึ่งทำให้บัฟเฟตต์ขายหุ้นเทสโก้ทิ้งหมด
สำหรับคำตอบนี้ ผมเองคิดว่าการพิจารณาเรื่องของธรรมาภิบาลหรือ CG นั้นเราคงจะต้องดูระดับของความเลวร้ายด้วย กรณีของเทสโก้นั้น ผมคิดว่าผู้บริหารตั้งใจและวางแผนที่จะหลอกลวงผู้ถือหุ้นและคนทั่วไปเกี่ยวกับบริษัทโดยตรงและทำมานาน ในกรณีแบบนี้เราก็คงยอมรับยาก เหนือสิ่งอื่นใด บัฟเฟตต์เองอาจจะขายหุ้นทิ้งเพราะพื้นฐานของกิจการมากกว่าเรื่อง CG ด้วยซ้ำ เนื่องจากเขาพบว่าผลการดำเนินงานของกิจการที่เขาคิดว่า OK นั้น จริง ๆ แย่กว่าที่รายงานมากเพราะคู่แข่งเด่นขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่เทสโก้แย่ลงหนัก
ในกรณีที่ยังไม่มีหุ้นอยู่ เราควรที่จะเข้าไปซื้อหรือไม่โดยเฉพาะถ้าราคาหุ้นร่วงลงมาก ? ในกรณีนี้ก็อีกเช่นกัน เราคงต้องดูเป็นกรณี ๆ ไป ถ้าเรื่องไม่เลวร้ายอย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกัน หรือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น “ครั้งเดียว” และน่าจะ “แก้ไขได้” เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีกฎ “ตายตัว” ว่าจะไม่เกี่ยวข้อง บัฟเฟตต์เองนั้น ครั้งหนึ่งก็เคยเข้าไปลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทอเมริกันเอ้กซเพรสซึ่งเกิดเรื่องอื้อฉาวกรณี “น้ำมันสลัด” ที่มีการโกงกันอย่างมโหฬาร แต่บัฟเฟตต์เห็นว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นร้ายแรงครั้งเดียวและแก้ไขได้ในขณะที่กิจการหลักของบริษัทยังดีและแข็งแกร่งมากแต่ราคาหุ้นตกลงไปมาก เขาเข้าไปซื้อหุ้นอเมริกันเอ้กซเพรสแบบ “ตีแตก” ด้วยเงินเกือบครึ่งพอร์ตและทำกำไรมหาศาลจนกลายเป็น “ตำนาน” มาจนถึงทุกวันนี้
บทเรียนสุดท้ายสำหรับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนของผมก็คือ ชื่อเสียงนั้นสร้างยากและส่วนใหญ่ใช้เวลาหลายสิบปี แต่เวลาที่มันถูกทำลายนั้น มักเกิดขึ้นภายในเวลาชั่วข้ามคืน ดังนั้น เราจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง “โซนอันตราย” ทั้งหมด การซื้อขายหุ้นของบริษัทที่ตนเป็นผู้บริหารหรือมีความเกี่ยวข้องควรจะต้องเลิกหมด พูดแบบเปรียบเทียบก็คือต้อง “เลิกเก็บเงินริมทาง” อย่างสิ้นเชิง
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เก็บเงินริมทาง
ช่วงปลายปี 2010 จนถึงต้นปี 2011 หรือเมื่อประมาณ 4-5 ปี มาแล้ว มีการพูดถึงประเด็นเรื่องการ “สืบทอด” ตำแหน่งของ วอเร็น บัฟเฟตต์ ในเบิร์กไชร แฮททาเวย์ ค่อนข้างมากเนื่องจากบัฟเฟตต์ก็เริ่มแก่ตัวลงและไม่มีใครรู้ว่าใครจะมาแทนเขา หนึ่งใน “ตัวเลือก” ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงว่ามีโอกาสสูงสุดก็คือ David Sokol ผู้บริหารของบริษัท MidAmerican Energy Holding บริษัทลูกของเบิร์กไชร์ที่ดูแลเรื่องของการลงทุนในธุรกิจพลังงาน และยังเป็นผู้บริหารของ Netjets บริษัทให้บริการเช่าใช้เครื่องบินของบัฟเฟตต์ด้วย นอกจากการเป็นผู้บริหารของบริษัทลูกที่มีขนาดใหญ่โตมากแล้ว โซโคลยังมีบทบาทในเบิร์กไชร์มาก ดูเหมือนว่าเขาจะเป็น “มือขวา” คนหนึ่งของบัฟเฟตต์ในการที่เขามักจะนำเสนอบริษัทหรือกิจการต่าง ๆ ที่น่าสนใจให้บัฟเฟตต์พิจารณาซื้อ นอกจากนั้น เขายังช่วยบัฟเฟตต์แก้ปัญหาเวลาบริษัทลูก ๆ ในเครือมีปัญหาด้วย และที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ โซโคลเองนั้นเป็นคน “บ้านเดียวกัน” กับบัฟเฟตต์ คือ เป็นคนที่เกิดที่เมืองโอมาฮา รัฐเนบราสกา แถมเรียนจบมหาวิทยาลัยเดียวกับบัฟเฟตต์ ในมุมมองของคนท้องถิ่นแล้ว เขาก็เป็น “หนึ่ง” รอง ๆ จากบัฟเฟตต์ สถานที่สำคัญหลายแห่ง รวมถึงสนามกีฬาที่จัดประชุมผู้ถือหุ้นของเบิร์กไชร์ก็มีชื่อของเขาเข้าไปเกี่ยวข้อง เขาทำกิจกรรม บริจาคและช่วยเหลือสังคมอย่างกว้างขวางเป็นที่รักและชื่นชมทั่วไปในเมืองบ้านเกิด อายุเขาก็ยังไม่มากคือเพียง 56 ปี ดังนั้น อนาคตของเขานั้นดูเหมือนว่าจะ “โรยด้วยกลีบกุหลาบ”
แต่แล้วโดยที่ไม่มีใครคาดคิด เขาประกาศลาออกจากเบิร์กไชร์ในวันที่ 28 มีนาคม 2011 และต่อมาในเดือนเมษายนคณะกรรมการตรวจสอบของเบิร์กไชร์ก็ออกมาแถลงถึงผลการตรวจสอบที่แสดงว่าโซโคลมีความ “ไม่โปร่งใส” ในกรณีของการเทคโอเวอร์บริษัทผู้ผลิตน้ำมันหล่อลื่น Lubrizol ของเบิร์กไชร์ เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ โซคอลนั้นซื้อหุ้นของ Lubrizol ก่อนที่จะนำเสนอดีลให้กับบัฟเฟตต์ จำนวนเงินที่เขาซื้อประมาณ 10 ล้านเหรียญ และเมื่อการเทคโอเวอร์เกิดขึ้น เขาทำกำไรได้ประมาณ 3 ล้านเหรียญ โซโคลแถลงแก้ว่าเขาเองได้บอกกับบัฟเฟตต์ก่อนแล้วว่าเขามีหุ้นและมีก่อนที่จะนำเสนอดีลเทคโอเวอร์กับบัฟเฟตต์ ดังนั้นเขาไม่ผิด บัฟเฟตต์เองในตอนแรกก็พูดทำนองว่า โซโคลไม่ได้ลาออกเพราะเรื่องนี้และเขาก็เชื่อว่าสิ่งที่โซโคลทำไม่น่าจะผิดกฎหมาย แต่ต่อมาภายหลัง บัฟเฟตต์ก็ยอมรับว่าเขาอาจจะไม่ได้สรุปหรือคิดเรื่องนี้ละเอียดพอ พูดง่าย ๆ บัฟเฟตต์เองก็คิดว่าโซโคลทำไม่ถูก อย่างไรก็ตามต่อมา กลต. ของสหรัฐก็เข้ามาตรวจสอบเรื่อง “การใช้ข้อมูลภายใน” ของโซโคลและก็สรุปว่าโซโคลไม่ผิด แต่ทุกอย่างก็จบลงแล้ว เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างบัฟเฟตต์กับโซโคล
ในวันประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของเบิร์กไชร์ปี 2011 บัฟเฟตต์พูดกับผู้ถือหุ้นว่าเขาทำผิดอย่างแรงที่ไม่ถามโซโคลเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น Lubrizol ที่อธิบายและแก้ตัวไม่ได้ เพราะสิ่งที่โซโคลทำนั้นละเมิดกฎของการปฎิบัติงานที่ดีของเบิร์กไชร์และเรื่องของการใช้ข้อมูลภายในในการซื้อขายหุ้น บัฟเฟตต์ยังพูดอีกว่าเขาจะไม่มีวันเข้าใจเลยว่าทำไมโซโคลทำสิ่งที่เขาทำ เขาอธิบายไม่ได้ว่าทำไมโซโคลจึงไม่ปิดบังหรือใช้โนมินีเข้ามาซื้อหุ้น Lubrizol ถ้าเขาคิดว่าเขากำลังทำอะไรผิด เขาปล่อยข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นของเขาอย่างเปิดเผย บัฟเฟตต์ยังพูดต่อว่า เขาไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมชื่อเสียงของโซโคลจึงถูกทำลายไปด้วยเรื่องฉาวโฉ่ที่เกี่ยวกับเงินเพียง 3 ล้านเหรียญ ทั้ง ๆ ที่โซโคลเองนั้นเคยสมัครใจที่จะยกเงินค่าตอบแทนหรือโบนัสที่เขาควรจะได้จำนวนถึง 12.5 ล้านเหรียญให้กับเพื่อนร่วมงานคือ Greg Abel ที่บริษัท MidAmerican
ผมเองคิดว่าเรื่องการใช้ข้อมูลภายในเพื่อทำเงินนั้น มันคงจะเปรียบคล้าย ๆ กับการที่เราเดินไปตามทางเดินสาธารณะ แล้วเราไปเห็นเงินที่ตกหล่นอยู่ข้างทาง เราไม่รู้ว่าเป็นเงินของใคร และด้วย “สัญชาตญาณ” ซึ่งเป็นอารมณ์ที่อยู่ในมนุษย์ทุกคน เราก็จะเก็บ เงินที่ได้จากการเก็บของตกหล่นนั้น ถ้าจำได้ตอนเป็นเด็ก เราจะรู้สึกดีใจมากทั้ง ๆ ที่มันอาจจะเป็นแค่เหรียญหรือเงินไม่กี่บาท เพราะมันได้มาฟรี แทบไม่ต้องออกแรงเลย เรารู้สึกว่าเป็นความโชคดี เราไม่คิดว่าเราไป “โกง” ใคร เราไม่ได้ทำผิด และถ้ามีใครมาอ้างว่าเป็นเงินของเขา เราก็มักจะคืนเงินไป นี่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตาม “ธรรมชาติ” แต่ในตลาดหุ้นนั้น กฎเกณฑ์การซื้อขายหุ้นที่ห้ามไม่ให้ใช้ “ข้อมูลภายใน” ที่เรารู้แต่คนอื่นไม่รู้มาซื้อขายหุ้นก็เพื่อที่จะทำให้ตลาดนั้นมีความยุติธรรมสำหรับทุกคน ดังนั้น คนที่ทำและถูกจับได้ก็ผิด แต่ถ้าถามว่าคนที่ถูกตัดสินว่าผิดในเรื่องนี้หมายความว่าเขามีพฤติกรรม “โกง” เป็นนิสัยหรือไม่ ผมก็คิดว่าไม่ใช่ และก็คงต้องดูเป็นกรณี ๆ ไป ในกรณีของโซโคลนั้น ทางกฎหมายถือว่าไม่ผิดแม้ว่าทางเบิร์กไชร์จะ “รับไม่ได้” และสังคมเองก็ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมรับคำอธิบายของโซโคล ในโลกยุคปัจจุบันนั้น ถ้าคุณเป็นคนดังและยิ่งใหญ่ แม้แต่สิ่งที่อาจจะเล็กน้อยหรือไม่จริง แต่ถ้ามีคำถามถึงความโปร่งใสหรือความมีธรรมาภิบาล คนก็จะไม่ยอมรับและ “แสดงออก” อย่างแรง นี่ก็คงเป็น “ธรรมชาติ” ของคนอีกเช่นกัน
วันที่มีข่าวเรื่อง Insider’s Trading ของโซโคล หุ้นเบิร์กไชร์ตกลงไป 2% ซึ่งต้องถือว่าหนักพอสมควรเนื่องจากเป็นหุ้นตัวใหญ่มากที่ไม่ใคร่ผันผวน แต่หลังจากนั้นเรื่องนี้ก็จางหายไป หุ้นเบิร์กไชร์ยังเหมือนเดิม ความ “น่าเชื่อถือ” ของเบิร์กไชร์ในด้านของ Governance ไม่ถูกกระทบ ถ้าจะถามว่ามีโอกาสที่จะเกิดกรณีแบบนี้อีกไหม ผมก็คิดว่ามี โดยเฉพาะปริมาณการซื้อขายหุ้นของผู้บริหารที่มีจำนวนมากทุกวันก็คงต้องมีบ้างที่จะเกิดความผิดพลาดทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ
ประเด็นสุดท้ายสำหรับนักลงทุนก็คือ เราจะทำอย่างไรถ้าเรามีหุ้นของบริษัทที่มีกรณีอินไซ้ด์ของผู้บริหารและในกรณีที่ยังไม่มีหุ้น หลายคนบอกว่าเราไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวกับหุ้นเหล่านั้นเลยเพราะ ผู้บริหารคง “ไว้ใจไม่ได้แล้ว” และถ้าวอเร็น บัฟเฟตต์ เจอแบบนี้เขาก็คงจะขายหุ้นทิ้งแน่นอน ตัวอย่างเช่นกรณีของหุ้นเทสโก้ที่เกิดกรณีอื้อฉาวแต่งบัญชีซึ่งทำให้บัฟเฟตต์ขายหุ้นเทสโก้ทิ้งหมด
สำหรับคำตอบนี้ ผมเองคิดว่าการพิจารณาเรื่องของธรรมาภิบาลหรือ CG นั้นเราคงจะต้องดูระดับของความเลวร้ายด้วย กรณีของเทสโก้นั้น ผมคิดว่าผู้บริหารตั้งใจและวางแผนที่จะหลอกลวงผู้ถือหุ้นและคนทั่วไปเกี่ยวกับบริษัทโดยตรงและทำมานาน ในกรณีแบบนี้เราก็คงยอมรับยาก เหนือสิ่งอื่นใด บัฟเฟตต์เองอาจจะขายหุ้นทิ้งเพราะพื้นฐานของกิจการมากกว่าเรื่อง CG ด้วยซ้ำ เนื่องจากเขาพบว่าผลการดำเนินงานของกิจการที่เขาคิดว่า OK นั้น จริง ๆ แย่กว่าที่รายงานมากเพราะคู่แข่งเด่นขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่เทสโก้แย่ลงหนัก
ในกรณีที่ยังไม่มีหุ้นอยู่ เราควรที่จะเข้าไปซื้อหรือไม่โดยเฉพาะถ้าราคาหุ้นร่วงลงมาก ? ในกรณีนี้ก็อีกเช่นกัน เราคงต้องดูเป็นกรณี ๆ ไป ถ้าเรื่องไม่เลวร้ายอย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกัน หรือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น “ครั้งเดียว” และน่าจะ “แก้ไขได้” เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีกฎ “ตายตัว” ว่าจะไม่เกี่ยวข้อง บัฟเฟตต์เองนั้น ครั้งหนึ่งก็เคยเข้าไปลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทอเมริกันเอ้กซเพรสซึ่งเกิดเรื่องอื้อฉาวกรณี “น้ำมันสลัด” ที่มีการโกงกันอย่างมโหฬาร แต่บัฟเฟตต์เห็นว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นร้ายแรงครั้งเดียวและแก้ไขได้ในขณะที่กิจการหลักของบริษัทยังดีและแข็งแกร่งมากแต่ราคาหุ้นตกลงไปมาก เขาเข้าไปซื้อหุ้นอเมริกันเอ้กซเพรสแบบ “ตีแตก” ด้วยเงินเกือบครึ่งพอร์ตและทำกำไรมหาศาลจนกลายเป็น “ตำนาน” มาจนถึงทุกวันนี้
บทเรียนสุดท้ายสำหรับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนของผมก็คือ ชื่อเสียงนั้นสร้างยากและส่วนใหญ่ใช้เวลาหลายสิบปี แต่เวลาที่มันถูกทำลายนั้น มักเกิดขึ้นภายในเวลาชั่วข้ามคืน ดังนั้น เราจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง “โซนอันตราย” ทั้งหมด การซื้อขายหุ้นของบริษัทที่ตนเป็นผู้บริหารหรือมีความเกี่ยวข้องควรจะต้องเลิกหมด พูดแบบเปรียบเทียบก็คือต้อง “เลิกเก็บเงินริมทาง” อย่างสิ้นเชิง
ปัจจุบันขณะ
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4366
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 34
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 35
วันนี้เป็นวันแรกครับ ผมตั้งใจที่จะเริ่มโครงการ "ไม่เข้าเซเว่น-ของตัวผมเองครับ"
ของใช้ ก็ไปซุปเปอร์เอา ไปสัปดาห์ละหนเดือนละหนก็ว่าไป ซื้อมาแล้วไม่พอ ก็ไม่ต้องถ่อออกไปซื้อตอนเย็น งดได้ก็งด
อาหารตามสั่ง ก็กลับบ้านกิน หิวก็ร้านตามสั่ง ป้า ๆ ลุง ๆ แถวบ้านแถวออฟฟิต
กาแฟ บวกขนมกุ๊กกิ๊ก ชงเอง หรือไม่ก็อดเอา ซื้อร้านที่ไม่ใช่เซเว่น หายากก็ทำให้อดง่าย
จ่ายเงินจุ๊กจิ๊ก ทำตัดบัญชีเอา สะดวกไม่ต้องเดินทาง
ไม่ต้องห่วง เซเว่นไม่เจ๊ง หุ้นไม่ตก เพราะผมคนเดียวหรอกครับ
ของใช้ ก็ไปซุปเปอร์เอา ไปสัปดาห์ละหนเดือนละหนก็ว่าไป ซื้อมาแล้วไม่พอ ก็ไม่ต้องถ่อออกไปซื้อตอนเย็น งดได้ก็งด
อาหารตามสั่ง ก็กลับบ้านกิน หิวก็ร้านตามสั่ง ป้า ๆ ลุง ๆ แถวบ้านแถวออฟฟิต
กาแฟ บวกขนมกุ๊กกิ๊ก ชงเอง หรือไม่ก็อดเอา ซื้อร้านที่ไม่ใช่เซเว่น หายากก็ทำให้อดง่าย
จ่ายเงินจุ๊กจิ๊ก ทำตัดบัญชีเอา สะดวกไม่ต้องเดินทาง
ไม่ต้องห่วง เซเว่นไม่เจ๊ง หุ้นไม่ตก เพราะผมคนเดียวหรอกครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4366
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 36
รออยู่ตั้งนานว่าท่าน N.b จะมีความเห็นยังไงกับประเด็นนี้Nevercry.boy เขียน:วันนี้เป็นวันแรกครับ ผมตั้งใจที่จะเริ่มโครงการ "ไม่เข้าเซเว่น-ของตัวผมเองครับ"
ของใช้ ก็ไปซุปเปอร์เอา ไปสัปดาห์ละหนเดือนละหนก็ว่าไป ซื้อมาแล้วไม่พอ ก็ไม่ต้องถ่อออกไปซื้อตอนเย็น งดได้ก็งด
อาหารตามสั่ง ก็กลับบ้านกิน หิวก็ร้านตามสั่ง ป้า ๆ ลุง ๆ แถวบ้านแถวออฟฟิต
กาแฟ บวกขนมกุ๊กกิ๊ก ชงเอง หรือไม่ก็อดเอา ซื้อร้านที่ไม่ใช่เซเว่น หายากก็ทำให้อดง่าย
จ่ายเงินจุ๊กจิ๊ก ทำตัดบัญชีเอา สะดวกไม่ต้องเดินทาง
ไม่ต้องห่วง เซเว่นไม่เจ๊ง หุ้นไม่ตก เพราะผมคนเดียวหรอกครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2547
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 37
พี่ NB แวะของคู่แข่งขันก็ได้นะครับ มีทั้ง Bigc Tesco หรือ Family mart ที่เป็นร้าน Express ทั้งหลาย นะครับ ชีวิตเราก็ยังสะดวกได้ครับNevercry.boy เขียน:วันนี้เป็นวันแรกครับ ผมตั้งใจที่จะเริ่มโครงการ "ไม่เข้าเซเว่น-ของตัวผมเองครับ"
ของใช้ ก็ไปซุปเปอร์เอา ไปสัปดาห์ละหนเดือนละหนก็ว่าไป ซื้อมาแล้วไม่พอ ก็ไม่ต้องถ่อออกไปซื้อตอนเย็น งดได้ก็งด
อาหารตามสั่ง ก็กลับบ้านกิน หิวก็ร้านตามสั่ง ป้า ๆ ลุง ๆ แถวบ้านแถวออฟฟิต
กาแฟ บวกขนมกุ๊กกิ๊ก ชงเอง หรือไม่ก็อดเอา ซื้อร้านที่ไม่ใช่เซเว่น หายากก็ทำให้อดง่าย
จ่ายเงินจุ๊กจิ๊ก ทำตัดบัญชีเอา สะดวกไม่ต้องเดินทาง
ไม่ต้องห่วง เซเว่นไม่เจ๊ง หุ้นไม่ตก เพราะผมคนเดียวหรอกครับ
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 153
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 40
ผมล่ะแอบอิจฉาผู้ที่พักในจังหวัดสุราษฯ จริงๆ เลยครับที่เซเว่นน่าจะพ่ายแพ้ให้กับ แฟมิลี่มาร์ท ทำให้นึกถึงNevercry.boy เขียน:วันนี้เป็นวันแรกครับ ผมตั้งใจที่จะเริ่มโครงการ "ไม่เข้าเซเว่น-ของตัวผมเองครับ"
ของใช้ ก็ไปซุปเปอร์เอา ไปสัปดาห์ละหนเดือนละหนก็ว่าไป ซื้อมาแล้วไม่พอ ก็ไม่ต้องถ่อออกไปซื้อตอนเย็น งดได้ก็งด
อาหารตามสั่ง ก็กลับบ้านกิน หิวก็ร้านตามสั่ง ป้า ๆ ลุง ๆ แถวบ้านแถวออฟฟิต
กาแฟ บวกขนมกุ๊กกิ๊ก ชงเอง หรือไม่ก็อดเอา ซื้อร้านที่ไม่ใช่เซเว่น หายากก็ทำให้อดง่าย
จ่ายเงินจุ๊กจิ๊ก ทำตัดบัญชีเอา สะดวกไม่ต้องเดินทาง
ไม่ต้องห่วง เซเว่นไม่เจ๊ง หุ้นไม่ตก เพราะผมคนเดียวหรอกครับ
ประเทศญี่ปุ่นเหมือนกัน อยากให้คู่แข่งเซเว่น เปิดตัวในโซน กทม. และ ปริมณฑลเยอะๆ ครับ จะได้เกิด
การคานอำนาจกับบ้างไม่อยากให้ผูกขาดกันจนเกินไป
มงคลชีวิต 38 ประการ
คือ บทมงคลสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสตอบปัญหาเทวดาที่ถามว่า คุณธรรมอันใดที่ทำให้ชีวิตประสบความเจริญ หรือ มี "มงคลชีวิต" ซึ่งมี ทั้งหมด ๓๘ ประการ
คือ บทมงคลสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสตอบปัญหาเทวดาที่ถามว่า คุณธรรมอันใดที่ทำให้ชีวิตประสบความเจริญ หรือ มี "มงคลชีวิต" ซึ่งมี ทั้งหมด ๓๘ ประการ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 42
ผ่านวันแรกด้วยดี ปกติต้องจอดหน้าเซเว่น + เบียร์ซักกะป๋อง
เอาละวันนี้ผ่านเลยเข้าบ้าน นั่งดู ณเดช ตามรักคืนใจ ไม่เมาไม่เสียตังค์
เอาละวันนี้ผ่านเลยเข้าบ้าน นั่งดู ณเดช ตามรักคืนใจ ไม่เมาไม่เสียตังค์
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 43
กล้าทำ ก็กล้ารับ
แนบไฟล์
[/color]I DREAM FOR LIVING
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 44
ความในใจของคุณก่อศักดิ์ เรื่องใช้ข้อมูลภายใน ซื้อหุ้น
แนบไฟล์
[/color]I DREAM FOR LIVING
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 45
ข่าวที่ลงหนังสือพิมพ์ ทั่วไป เผื่อยังไม่มีใครได้เห็น ได้อ่าน
แนบไฟล์
[/color]I DREAM FOR LIVING
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 46
ความในใจของคุณก่อศักดิ์
[/color]I DREAM FOR LIVING
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 380
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 48
อ่านกรณีใช้ขอมูลอินไซด์ซื้อหุ้นของเคสนี้มากๆชักมึน มีทั้ง กล้าทำ กล้ารับ
ความสุจริตใจ เปิดเผย เก็บเงินริมทางอีก ทำผิดแบ่งเป็นหลายระดับ
ถ้าเห็นว่าความผิดนั้นไม่มากก็พอก็อาจลงทุนได้
ชักเริ่มสับสนกับชีวิต ตอนเป็นเด็กครูสอนให้แยกแยะแค่อันไหนทำแล้าเรียกทำดี
อันไหนทำแล้วเรียกว่าทำชั่ว ว่าแล้วอยากกลับไปเป็นเด็กครับจะได้เลิกสับสนซะที
ความสุจริตใจ เปิดเผย เก็บเงินริมทางอีก ทำผิดแบ่งเป็นหลายระดับ
ถ้าเห็นว่าความผิดนั้นไม่มากก็พอก็อาจลงทุนได้
ชักเริ่มสับสนกับชีวิต ตอนเป็นเด็กครูสอนให้แยกแยะแค่อันไหนทำแล้าเรียกทำดี
อันไหนทำแล้วเรียกว่าทำชั่ว ว่าแล้วอยากกลับไปเป็นเด็กครับจะได้เลิกสับสนซะที
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 957
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 49
ตามปกติ.
องค์กรใหญ่ๆทั่วไป
มักจะมีการจัดการ การสื่อสารและเครือข่าย ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว
รอคอย รอดู คอยชม
แนวทาง การสื่อสาร ชุดต่อๆไป จะมีอะไรอีกบ้าง
น่าจะเพลินดี ระหว่างรอฟังข่าวการเจรจา จากกองทุนต่างๆ ครับ
องค์กรใหญ่ๆทั่วไป
มักจะมีการจัดการ การสื่อสารและเครือข่าย ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว
รอคอย รอดู คอยชม
แนวทาง การสื่อสาร ชุดต่อๆไป จะมีอะไรอีกบ้าง
น่าจะเพลินดี ระหว่างรอฟังข่าวการเจรจา จากกองทุนต่างๆ ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 50
อธึก อัศวานนท์ ลาออก บอร์ด กรุงไทยละ
แนบไฟล์
[/color]I DREAM FOR LIVING
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 957
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 51
หลังจากอ่าน บทความ
เกี่ยวกับคนหนึ่ง ในเหตุครั้งนี้
- กล้าทำกล้ารับ
- ความในใจของคุณก่อศักดิ์
- บททดสอบก่อศักดิ์
ตามมาดูข่าว อีกด้าน
ในส่วนของข่าว ของอีกคนหนึ่ง
“อธึก อัศวานันท์” ไขก๊อกพ้นเก้าอี้บอร์ด “แบงก์กรุงไทย” คาดเจอภาวะกดดัน
http://www.manager.co.th/iBizChannel/Vi ... 0000135574
“อธึก”ลาออกบอร์ดแบงก์กรุงไทย
http://www.thairath.co.th/content/546472
เกี่ยวกับคนหนึ่ง ในเหตุครั้งนี้
- กล้าทำกล้ารับ
- ความในใจของคุณก่อศักดิ์
- บททดสอบก่อศักดิ์
ตามมาดูข่าว อีกด้าน
ในส่วนของข่าว ของอีกคนหนึ่ง
“อธึก อัศวานันท์” ไขก๊อกพ้นเก้าอี้บอร์ด “แบงก์กรุงไทย” คาดเจอภาวะกดดัน
http://www.manager.co.th/iBizChannel/Vi ... 0000135574
“อธึก”ลาออกบอร์ดแบงก์กรุงไทย
http://www.thairath.co.th/content/546472
- นายมานะ
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1167
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 53
ผมไม่คิดว่าดีหรือชั่วนี่มันวัดหรือแบ่งได้โดยชัดเจนมาตั้งแต่แรกแล้วนะครับ เดิมที่มันก็แค่สิ่งที่ "สังคมมนุษย์" กำหนดขึ้นด้วยว่าแบบไหนเรียกดี แบบไหนเรียกชั่ว และแม้แต่ต่างท้องถิ่น ต่างยุคสมัยก็ยังนิยามดีชั่วได้แตกต่างกันเลยmaninpp เขียน:อ่านกรณีใช้ขอมูลอินไซด์ซื้อหุ้นของเคสนี้มากๆชักมึน มีทั้ง กล้าทำ กล้ารับ
ความสุจริตใจ เปิดเผย เก็บเงินริมทางอีก ทำผิดแบ่งเป็นหลายระดับ
ถ้าเห็นว่าความผิดนั้นไม่มากก็พอก็อาจลงทุนได้
ชักเริ่มสับสนกับชีวิต ตอนเป็นเด็กครูสอนให้แยกแยะแค่อันไหนทำแล้าเรียกทำดี
อันไหนทำแล้วเรียกว่าทำชั่ว ว่าแล้วอยากกลับไปเป็นเด็กครับจะได้เลิกสับสนซะที
ส่วนตัวผมกลับมองว่าการที่เราโตขึ้นแล้วได้เรียนรู้การแยกแยะประเด็นเหล่านี้ นี่เป็นหนึ่งในกระบวนการพัฒนาเชิงความคิดที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตมากเลยนะครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 380
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 54
ผมเห็นตรงข้ามนะครับว่าสมัยก่อนมันชัดเจนมากกว่านี้ตรับ แต่ตอนนี้เรากลับทำให้มันเป็นเรื่องเข้าใจยากนายมานะ เขียน:ผมไม่คิดว่าดีหรือชั่วนี่มันวัดหรือแบ่งได้โดยชัดเจนมาตั้งแต่แรกแล้วนะครับ เดิมที่มันก็แค่สิ่งที่ "สังคมมนุษย์" กำหนดขึ้นด้วยว่าแบบไหนเรียกดี แบบไหนเรียกชั่ว และแม้แต่ต่างท้องถิ่น ต่างยุคสมัยก็ยังนิยามดีชั่วได้แตกต่างกันเลยmaninpp เขียน:อ่านกรณีใช้ขอมูลอินไซด์ซื้อหุ้นของเคสนี้มากๆชักมึน มีทั้ง กล้าทำ กล้ารับ
ความสุจริตใจ เปิดเผย เก็บเงินริมทางอีก ทำผิดแบ่งเป็นหลายระดับ
ถ้าเห็นว่าความผิดนั้นไม่มากก็พอก็อาจลงทุนได้
ชักเริ่มสับสนกับชีวิต ตอนเป็นเด็กครูสอนให้แยกแยะแค่อันไหนทำแล้าเรียกทำดี
อันไหนทำแล้วเรียกว่าทำชั่ว ว่าแล้วอยากกลับไปเป็นเด็กครับจะได้เลิกสับสนซะที
ส่วนตัวผมกลับมองว่าการที่เราโตขึ้นแล้วได้เรียนรู้การแยกแยะประเด็นเหล่านี้ นี่เป็นหนึ่งในกระบวนการพัฒนาเชิงความคิดที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตมากเลยนะครับ
ผมเขียนไปเขียนมาผมก็ใช้ความรู้สึกล้วนๆในการเขียน ผ่านไปนานเข้าอาจจะกลับมากดลบสิ่งที่ตัวเองเขียนก็ได้
ว่าเราอาจมองสุดโต่งไปหรือไม่ แต่ตอนนี้ยังคิดเหมือนเดิมครับ
- astro345
- Verified User
- โพสต์: 600
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 55
ข้อมูลที่ควรเท่าเทียม
โดย ปริย เตชะมวลไววิทย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายงานเลขาธิการและสื่อสารองค์กร สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
การได้รับข้อมูลข่าวสารที่เท่าเทียมกันเป็นหัวใจสำคัญที่สร้างความเป็นธรรมในการซื้อขายหลักทรัพย์ ในตลาดทุน เพราะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีผู้ถือหุ้นจำนวนมาก การซื้อขายหลักทรัพย์โดยอาศัยข้อมูลที่ยังไม่ได้เปิดเผยให้ผู้ลงทุนได้รับทราบในวงกว้างอย่างเท่าเทียมกันจึงเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้นทั่วไป กฎหมายหลักทรัพย์จึงห้ามคนที่มีตำแหน่งหรือฐานะที่ล่วงรู้ข้อมูลภายในหรือ.....
อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/economy/invest/404019
โดย ปริย เตชะมวลไววิทย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายงานเลขาธิการและสื่อสารองค์กร สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
การได้รับข้อมูลข่าวสารที่เท่าเทียมกันเป็นหัวใจสำคัญที่สร้างความเป็นธรรมในการซื้อขายหลักทรัพย์ ในตลาดทุน เพราะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีผู้ถือหุ้นจำนวนมาก การซื้อขายหลักทรัพย์โดยอาศัยข้อมูลที่ยังไม่ได้เปิดเผยให้ผู้ลงทุนได้รับทราบในวงกว้างอย่างเท่าเทียมกันจึงเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้นทั่วไป กฎหมายหลักทรัพย์จึงห้ามคนที่มีตำแหน่งหรือฐานะที่ล่วงรู้ข้อมูลภายในหรือ.....
อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/economy/invest/404019
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 56
แปลกใจว่าเคสนี้ พุ่งเป้าหมายไปที่ CG ของ CPALL อย่างเดียว
แต่ทว่า ยังมีบุคคลอื่นๆ ที่โดนเรื่องนี้้ด้วย
เช่นกรรมการธรรมภิบาลของธนาคารพาณิชย์ เมื่อผลออกมาก็ไม่ได้ลาออกทันทีทันใด
แต่ลาออกเมื่อเวลาผ่านไปเล็กน้อย ซึ่งเรื่องนี้ น่าจะเป็นคำถามเรื่อง CG ของธนาคารพาณิชย์
ภายใต้กำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เน้นเรื่องนี้มากๆ แต่อย่างไรเสียในเรื่องนี้
ก็ไม่มีข่าวคราวจากธปท ว่ามีแนวทางอะไรออกมาเพื่อเป็นกรอบในการทำงานด้าน CG เมื่อ
มีบุคคลากรของธนาคารโดนลงโทษเรื่องนี้
มันก็น่าแปลกครับ
แต่ทว่า ยังมีบุคคลอื่นๆ ที่โดนเรื่องนี้้ด้วย
เช่นกรรมการธรรมภิบาลของธนาคารพาณิชย์ เมื่อผลออกมาก็ไม่ได้ลาออกทันทีทันใด
แต่ลาออกเมื่อเวลาผ่านไปเล็กน้อย ซึ่งเรื่องนี้ น่าจะเป็นคำถามเรื่อง CG ของธนาคารพาณิชย์
ภายใต้กำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เน้นเรื่องนี้มากๆ แต่อย่างไรเสียในเรื่องนี้
ก็ไม่มีข่าวคราวจากธปท ว่ามีแนวทางอะไรออกมาเพื่อเป็นกรอบในการทำงานด้าน CG เมื่อ
มีบุคคลากรของธนาคารโดนลงโทษเรื่องนี้
มันก็น่าแปลกครับ
- นายมานะ
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1167
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 57
ออกตัวก่อนว่าประเด็นที่ผมคอมเม้นนี่ผมไม่ได้นำ case cpall เข้ามาคิดนะครับmaninpp เขียน:ผมเห็นตรงข้ามนะครับว่าสมัยก่อนมันชัดเจนมากกว่านี้ตรับ แต่ตอนนี้เรากลับทำให้มันเป็นเรื่องเข้าใจยากนายมานะ เขียน:ผมไม่คิดว่าดีหรือชั่วนี่มันวัดหรือแบ่งได้โดยชัดเจนมาตั้งแต่แรกแล้วนะครับ เดิมที่มันก็แค่สิ่งที่ "สังคมมนุษย์" กำหนดขึ้นด้วยว่าแบบไหนเรียกดี แบบไหนเรียกชั่ว และแม้แต่ต่างท้องถิ่น ต่างยุคสมัยก็ยังนิยามดีชั่วได้แตกต่างกันเลยmaninpp เขียน:อ่านกรณีใช้ขอมูลอินไซด์ซื้อหุ้นของเคสนี้มากๆชักมึน มีทั้ง กล้าทำ กล้ารับ
ความสุจริตใจ เปิดเผย เก็บเงินริมทางอีก ทำผิดแบ่งเป็นหลายระดับ
ถ้าเห็นว่าความผิดนั้นไม่มากก็พอก็อาจลงทุนได้
ชักเริ่มสับสนกับชีวิต ตอนเป็นเด็กครูสอนให้แยกแยะแค่อันไหนทำแล้าเรียกทำดี
อันไหนทำแล้วเรียกว่าทำชั่ว ว่าแล้วอยากกลับไปเป็นเด็กครับจะได้เลิกสับสนซะที
ส่วนตัวผมกลับมองว่าการที่เราโตขึ้นแล้วได้เรียนรู้การแยกแยะประเด็นเหล่านี้ นี่เป็นหนึ่งในกระบวนการพัฒนาเชิงความคิดที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตมากเลยนะครับ
ผมเขียนไปเขียนมาผมก็ใช้ความรู้สึกล้วนๆในการเขียน ผ่านไปนานเข้าอาจจะกลับมากดลบสิ่งที่ตัวเองเขียนก็ได้
ว่าเราอาจมองสุดโต่งไปหรือไม่ แต่ตอนนี้ยังคิดเหมือนเดิมครับ
ผมคิดว่าดีหรือชั่วนี่มันไม่เคยชัดเจนมาตั้งแต่แรกแล้วครับ ในสมัยสงครามฆ่าคนยังเป็นวีรบุรุษ ฆ่าล้างตระกูลศัตรูชิงบัลลังก์ยังเป็นยอดนักปกครอง แต่กลับกันในยุคสมัยปัจจุบันการฆ่าคนเพื่ออำนาจก็ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นการทำดีอีกต่อไปแล้ว
เหตุที่ผมเห็นว่านิยามของ ทำดี กับ ทำชั่ว ผมเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ สังคมมนุษย์ กำหนดขึ้น เพราะการทำดี ที่สังคมมองก็คือการทำประโยชน์ให้กับสังคมหนึ่งๆ เท่านั้น การฆ่าศัตรูนี่ก็เป็นเพียงว่า "ทำดีต่อพวกพ้อง" ไม่ได้หมายถึงการทำดีต่อมนุษย์ในสังคมภาพรวม (อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับฝ่ายที่ถูกฆ่าแน่นอน) หรือแม้แต่การล่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร ในยุคสมัยก่อนก็คงไม่ถือเป็นเรื่องชั่ว แต่เป็นเรื่องปกติเพื่อดำรงชีพ ในขณะที่ปัจจุบันเรากลับมองว่าการสังหารสัตว์ด้วยมือเราเองนี่เป็นเรื่องผิดศีลธรรม
แม้แต่ต่างท้องถิ่น หรือต่างศาสนาเองแนวคิดเรื่องดีชั่วก็ยังแตกต่างกัน บางความเชื่อการกินเนื้อสัตว์ก็เป็นบาป บางความเชื่อการกินสัตว์บางชนิด เช่นหมู หรือวัว ก็เป็นบาป หรือบางเครื่องเชื่อ การดื่มสุราแต่พอสมควรก็ไม่ได้ถือว่าผิดบาปก็มี นิยามดี หรือชั่ว นี่มันจึงแล้วแต่มุมมองของสังคม และปัจเจกบุคคล มันไม่ใช่อะไรที่ตายตัว และเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาโดยตลอด
เหตุที่ในบางสังคมนั้นมองว่าดี หรือชั่ว นี่เป็นอะไรที่แบ่งแยกได้ง่ายและชัดเจน อาจเป็นเพราะ "ชนชั้นปกครอง" พยายามจะแบ่งว่าอะไร ดี อะไร ชั่ว ออกมาชัดเจนนั้น ก็มักจะเป็นไปเพื่อให้ง่ายต่อการปกครอง เพื่อประโยชน์ส่วนตน ของชนชั้นปกครองเอง ซึ่งหากเราเป็นนักลงทุน ผมเชื่อว่าทักษะอย่างหนึ่งที่สำคัญคือการรู้จักตั้งคำถาม หรือสงสัยในสิ่งที่สังคมพยายามกำหนดหรือโน้มน้าวความคิดของเรา และการเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อสิ่งที่สังคมกำหนดนั้น ควรมาจากวิจารณญาณของเราเอง อย่าลืมว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็ยังบัญญัติกาลามสูตร 10 ไว้ ซึ่งข้อสุดท้ายของกาลามสูตรนี้ก็ยังเตือนให้เราอย่าเชื่อคำสอนครู หรือก็คืออย่าเชื่อคำสอนของท่านเองเพียงเพราะท่านเป็นครู แต่ให้เราพิจารณาด้วยปัญญาของเราเองให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนจะเชื่อ
สุดท้ายนี้ผมขอยกประโยคของอาจารย์สังเวียนมาไว้ ณ ทีนี้ด้วย "สิ่งที่ถูกต้องคือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทําสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดคือผิด แม้ทุกคนทําสิ่งนั้น"
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4366
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 58
มาถูกทางแล้วครับ สัมมาทิฏฐิเท่านั้นครับคือทางออกนายมานะ เขียน:ผมคิดว่าดีหรือชั่วนี่มันไม่เคยชัดเจนมาตั้งแต่แรกแล้วครับ ในสมัยสงครามฆ่าคนยังเป็นวีรบุรุษ ฆ่าล้างตระกูลศัตรูชิงบัลลังก์ยังเป็นยอดนักปกครอง แต่กลับกันในยุคสมัยปัจจุบันการฆ่าคนเพื่ออำนาจก็ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นการทำดีอีกต่อไปแล้ว
เหตุที่ผมเห็นว่านิยามของ ทำดี กับ ทำชั่ว ผมเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ สังคมมนุษย์ กำหนดขึ้น เพราะการทำดี ที่สังคมมองก็คือการทำประโยชน์ให้กับสังคมหนึ่งๆ เท่านั้น การฆ่าศัตรูนี่ก็เป็นเพียงว่า "ทำดีต่อพวกพ้อง" ไม่ได้หมายถึงการทำดีต่อมนุษย์ในสังคมภาพรวม (อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับฝ่ายที่ถูกฆ่าแน่นอน) หรือแม้แต่การล่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร ในยุคสมัยก่อนก็คงไม่ถือเป็นเรื่องชั่ว แต่เป็นเรื่องปกติเพื่อดำรงชีพ ในขณะที่ปัจจุบันเรากลับมองว่าการสังหารสัตว์ด้วยมือเราเองนี่เป็นเรื่องผิดศีลธรรม
แม้แต่ต่างท้องถิ่น หรือต่างศาสนาเองแนวคิดเรื่องดีชั่วก็ยังแตกต่างกัน บางความเชื่อการกินเนื้อสัตว์ก็เป็นบาป บางความเชื่อการกินสัตว์บางชนิด เช่นหมู หรือวัว ก็เป็นบาป หรือบางเครื่องเชื่อ การดื่มสุราแต่พอสมควรก็ไม่ได้ถือว่าผิดบาปก็มี นิยามดี หรือชั่ว นี่มันจึงแล้วแต่มุมมองของสังคม และปัจเจกบุคคล มันไม่ใช่อะไรที่ตายตัว และเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาโดยตลอด
เหตุที่ในบางสังคมนั้นมองว่าดี หรือชั่ว นี่เป็นอะไรที่แบ่งแยกได้ง่ายและชัดเจน อาจเป็นเพราะ "ชนชั้นปกครอง" พยายามจะแบ่งว่าอะไร ดี อะไร ชั่ว ออกมาชัดเจนนั้น ก็มักจะเป็นไปเพื่อให้ง่ายต่อการปกครอง เพื่อประโยชน์ส่วนตน ของชนชั้นปกครองเอง ซึ่งหากเราเป็นนักลงทุน ผมเชื่อว่าทักษะอย่างหนึ่งที่สำคัญคือการรู้จักตั้งคำถาม หรือสงสัยในสิ่งที่สังคมพยายามกำหนดหรือโน้มน้าวความคิดของเรา และการเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อสิ่งที่สังคมกำหนดนั้น ควรมาจากวิจารณญาณของเราเอง อย่าลืมว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็ยังบัญญัติกาลามสูตร 10 ไว้ ซึ่งข้อสุดท้ายของกาลามสูตรนี้ก็ยังเตือนให้เราอย่าเชื่อคำสอนครู หรือก็คืออย่าเชื่อคำสอนของท่านเองเพียงเพราะท่านเป็นครู แต่ให้เราพิจารณาด้วยปัญญาของเราเองให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนจะเชื่อ
สุดท้ายนี้ผมขอยกประโยคของอาจารย์สังเวียนมาไว้ ณ ทีนี้ด้วย "สิ่งที่ถูกต้องคือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทําสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดคือผิด แม้ทุกคนทําสิ่งนั้น"
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4366
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ข่าวCPALL ล่าสุด เรื่องผู้บริหารไม่มีธรรมาภิบาล
โพสต์ที่ 60
ต้องอ่านนิยายจีนเยอะๆ จะเข้าใจง่ายครับ ฝ่ายธรรมะทำอะไรก็ถูก ฝ่ายอธรรมทำอะไรก็ผิดในสายตาฝ่ายธรรมะmaninpp เขียน:ผมก็พยามอ่านทำความเข้าใจที่ท่านมานะเขียนมานะครับ
สรุปว่าผมก็ยังมึนเหมือนเดิมครับ
ฝ่ายธรรมฆ่าฝ่ายอธรรมคือความถูกต้อง
ฝ่ายอธรรมฆ่าฝ่ายธรรมะคือมารโฉดชั่ว