Money Talk ภาคพิเศษ “ โลกของคนรุ่นใหม่ กับ MBA ยุคดิจิตอล “
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2576
- ผู้ติดตาม: 1
Money Talk ภาคพิเศษ “ โลกของคนรุ่นใหม่ กับ MBA ยุคดิจิตอล “
โพสต์ที่ 1
Money Talk ภาคพิเศษ “ โลกของคนรุ่นใหม่ กับ MBA ยุคดิจิตอล “
วิทยากร
อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ เถ้าแก่น้อยกรุ๊ป
วรวุฒิ อุ่นใจ กรรมการผู้จัดการ บมจ เซ็นทรัลออนไลน์
ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน
ศักดา สรรพปัญญาวงศ์ A-Academy
อาจารย์ ดร ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ดำเนินการ
นพ ศุภศักดิ์ หล่อธนวณิชย์ พิธีกรรับเชิญ
เกริ่นนำประวัติของวิทยากรก่อนเข้ารายการ
วิทยากรรับเชิญ มี3ท่านเป็นศิษย์เก่าของนิด้า ยกเว้น คุณ ต็อบ อิทธิพัทธ์
ดร นิเวศน์ เรียน MBA หลังจาก ดร ไพบูลย์ 3 รุ่น โดย มีความตั้งใจอยากเรียนเป็นทุน หลังจากอจ ไพบูลย์ชักชวน ก็ตอบตกลงโดยคิดไม่ถึงนาที และ เป็นที่มาของ การเป็นปรมาจารย์ ด้านการลงทุนในเวลาต่อมา
ส่วนคุณวรวุฒิ เป็นศิษย์เก่ารุ่นแรกของ Y MBA และ ได้นำความรู้จากการเรียน MBA ไปก่อตั้ง บริษัท Office Mate
ต่อมาได้รวมกับ Central เป็น Central Online (COL)
คนที่3 คุณ เอ ศักดา เคยเป็น TA , โฆษก และ ถูกอาจารย์ไพบูลย์ดุมากสุด สุดท้ายก็เป็นคนเก่งหลังจบนิด้ามา
อาจารย์ไพบูลย์ จะบอกลูกศิษย์อยู่เสมอว่า ลูกศิษย์ต้องเก่งกว่าอาจารย์ และ ต่อยอดจากอาจารย์ได้
คุณเอ จบมาก็อยู่สายบริหารกองทุน ของ บลจที่บริหารกองทุนแบบ Passive เป็น เวลากว่า 5 ปี หลังจากนั้นก็ออกมา
ทำสิ่งที่ใจอยากทำ ก่อตั้ง A-Academy.net เพื่อให้คนสนใจด้านการเงิน มาเรียนรู้ พร้อมสอบวัดความรู้ได้
ตอนนี้ทำหลักสูตร Financial Foundation รุ่นที่6แล้ว ซึ่งมีผู้เรียน 200 คน ใช้เวลาแค่ 3 นาทีก็เต็มแล้ว เมื่อก่อน
ห้องเรียนเล็กกว่าตอนนี้มาก แต่เนื่องจากคนนิยมกันมากเลยต้องรับเพิ่มจากรุ่นก่อน
ผมเคยจองก็ไม่ทันสักที งานนี้ฟรีทุกอย่างเลยครับ แต่ผมเคยเรียน MoneyLiteracy รุ่น5แล้ว อาจารย์เอ บอกว่า
เนื้อหาคล้ายกัน ถือว่าได้เรียนรู้กับ อาจารย์เอ แล้วครับ
วิทยากรท่านสุดท้าย คุณต๊อบ อิทธิพัทธ์ ไม่ได้จบจากนิด้า แต่เป็นตัวอย่างของชีวิตไม่ได้มาจากการเรียนเพียงอย่างเดียว
เมืองนอกมี มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก แจ๊ก หม่า ในไทยก็มี ต็อบ อิทธิพัทธ์
หมอเค เสริม ตั้งบริษัทมา 11 ปี สร้างกำไร 400 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว ไตรมาสหนึ่งปีนี้ กำไร 160 ล้านบาท สูงกว่านักวิเคราะห์ แจ้งไว้ 86 ล้านบาท
อาจารย์ไพบูลย์ ถามว่า ปิ้งสาหร่ายเป็นไหม คุณต็อบตอบว่า เคยทำแต่ตอนนี้ไม่ค่อยเก่งแล้ว วันนึงปิ้งได้ 8,000 แผ่นต่อคน
ตอนเริ่มต้น ปิ้งได้เพียง 500-1,000 แผ่นต่อคน เคยพีทสุด 10,000 แผ่นต่อคน
ดร นิเวศน์ ถามว่า ปิ้งได้แผ่นละเท่าไหร่ เป็นคำถามที่น่าสนใจ
คุณต็อบ ตอบว่า สมัยก่อนปิ้งได้ 5,000 แผ่นต่อคน เลยให้ incentive สำหรับยอดที่ปิ้งมากกว่า 5,100 แผ่น ปรากฎว่า
สามารถทำได้ 10,000 แผ่น ต่อคน ซึ่งคิดออกมาเป็นรายได้ 15,000-20,000 บาท ต่อ เดือน
Q: เริ่มคำถาม จาก อาจารย์ ดร ไพบูลย์ ถาม ดร นิเวศน์ ว่า จบ MBA และ ยังสอน MBA คิดว่ามีประโยชน์หรือไม่
A: ดร นิเวศน์ ตอบว่า ถ้าเก่งแบบ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็ไม่ต้องเรียน แต่คนทั่วไป ใช้เวลา2ปีเรียนรู้โลกธุรกิจทั้งหมด
เมื่อก่อน ดร เป็นวิศกร กินและนอนที่โรงงานตลอด ไม่รู้โลกภายนอก ถ้ากลับเข้ากรุงเทพก็เที่ยวอย่างเดียว
ไม่รู้ธุรกิจเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าอะไรเป็นปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจ หลังเรียนจบ รู้กว้างกว่าคนที่ไม่ได้เรียน ซึ่งรู้แคบกว่า
บางทีคิดว่ากำไร แต่จริงๆขาดทุน ทำไปสักพักก็เจ็ง
เด็กรุ่นใหม่ อยากรวยแบบ Startup แต่ขายไม่ได้ มีปัจจัยเยอะ คิดไม่ทะลุ
Q: หมอเคถามว่า MBA มีส่วนช่วยเยอะไหม
A: ดร นิเวศน์ตอบว่า การลงทุนแบบพื้นฐานต้องรู้หมด บางครั้งเจอบริษัทที่โดดเด่นเรื่องการตลาด แต่รู้ว่ามีจุดอ่อนซ่อนไว้
คนไม่เข้าใจไปซื้อหุ้นเลยขาดทุน บางบริษัท operation ใช้ไม่ได้ แต่ยอดขายดีมาก เช่น Fitness ถ้าเราไม่รู้จริง มีโอกาสล้มเหลวสูง คุณต็อบเป็น special เหมือน มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก
A: คุณต็อบ เสริมว่า MBA สำคัญมาก ผมไม่ชอบ MBA แต่รู้จักMBAจากพี่ชาย ดูแลด้าน ITและ พี่สาว ดูแล ต่างประเทศ ที่มารับงานแต่ความรู้ไม่เพียงพอเลยไปเรียนต่อ MBA ผมเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เรียนMBA แต่คนรอบข้างเรียน MBA เกิดการผสมผสาน หน้าที่ของผมใน 10ปีที่ผ่านมา มี 2 อย่างคือ
1.กำหนดเป้าหมายชัดเจน
2.หาคนเก่งมาทำให้บรรลุเป้าหมาย ดังนั้นคนที่มาทำงานจบ MBA ทั้งหมด
อาจารย์ไพบูลย์บอกว่า ฟังต๊อบแล้วมั่นใจว่า MBA ช่วยได้ 100% และ เปลี่ยนมาถามคุณวรวุฒิว่ามีมุมมองอย่างไรต่อ MBA
A: คุณวรวุฒิ กล่าวว่า Office Mate เกิดจาก Project ที่ทำกับเพื่อนในชั้นเรียนMBA ที่นิด้า
บริษัทเข้าตลาดเมื่อ 5 ปีที่แล้ว IPO ราคา 4.9 บาท เคยไปสูงสุด 84.75 บาท ภายใน 3 ปี
ช่วงแรกหลังจากจบปริญญาตรีมา ก็มาช่วยงานที่บ้าน3-4ปี ซึ่งทำยี่ปั้ว ในช่วงปี 2525-26 ปรากฎว่าเจอน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพ ค้าขายไม่ได้ 3-4 เดือน ค่าเงินอ่อนตัวจาก 20 บาท เป็น 25 บาทต่อ ดอลลาร์ ธุรกิจเกือบเจ๊ง
ตอนที่เรียนอยู่ที่เกษตร มีวิชาค้าขาย ทำให้รู้ว่า พ่อค้าส่งท้ายสุดจะหายไป เราจะย้ายไปค้าปลีก ซึ่งอยู่ในมือของ
Modern trade ถ้าเราทำ retail จะถูกบริษัทใหญ่กินรวบ หลังจากมาเจอ Catalog sales เลยคิดว่ามันใช่
งานที่ช่วยทำให้ที่บ้าน คืองานร้านเครื่องเขียนที่ตั้งบนตึกแถว ปรากฎว่า ขายดี งานที่ทำตั้งแต่เช้า เช็คstock
ตอนสายทำ call center ตกเย็นก็เคลียร์บัญชี ถ้าส่งไม่ทัน ก็ไปช่วยส่งของด้วย ผมไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอด
ประกอบกับความรู้ไม่เพียงพอเลยมาสมัครเข้าเรียน Y MBA ซึ่งเขารับผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์ 3-10ปี
อายุไม่เกิน 30 ปี แต่ถ้าอายุมากกว่า 30ปี ก็ไปเรียนคอร์ตอีกอัน หลักสูตร Y MBA เรียนตอนเย็น เลยสามารถทำงาน
ควบคู่กับเรียนได้เลย เราได้เรียนรู้ Case study ระดับโลก ยอดขายก็ระดับ ล้านล้านบาท
อยากจะเสริมเรื่องวิธีการเรียนว่า ต้องตั้งวัตถุประสงค์ ส่วนของผมคือ อยากไปตั้งบริษัท
ดังนั้นตอนเรียนวิชา Marketing , Finance , Human และ วิชาอื่นๆ ก็พยายามคิดว่าตั้งบริษัทต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวิชา
ชื่อบริษัท Office Mate ก็มาจากชื่อของเพื่อนในกลุ่มที่เสนอเข้ามา 3-4 ชื่อ สุดท้ายก็เลือก Office Mate
และเอา Project นี้ไปเสนอธนาคารรวงข้าว โดยเขียน Feasibility มีเงิน 7-8 ล้านบาทกู้ได้ถึง 25 ล้านบาท
หลังจบ MBA ก็มาทำ Catalog Office Mate โดยศึกษารูปแบบจาก อเมริกา ยุโรป และ ญี่ปุ่น เอาของ3ที่มารวม
กัน ทำให้เกิด Catalog Office Mate ขึ้นมา
Q: ถาม คุณเอ อยากให้เล่าความเป็นมาของ A-Academy ครับ
A: หลังจากผมเรียนจบ ปวช ช่างกลโรงงาน ก็ทางเลือกไม่มาก เช่น สอบเรียนต่อวิศวะ
หลังจากเข้าไปเรียน ได้รู้ว่า จะไม่ทำงานวิศวะแน่นอน พอเรียนจบ ก็หาทางถ่วงเวลา
ได้มีโอกาสอ่านหนังสือตีแตก และ ท้ายเล่มเขียนว่าผู้แต่งจบจากนิด้า เป็นเหตุผล
ให้มาลองสำรวจสถานที่ดู เห็น นักศึกษานั่งทำงานกันเป็นกลุ่มใต้ตึก มีการถกเถียงกันอย่าง
จริงจัง ดูน่าสนใจ เลยเลือกเรียนที่นี่
ประโยชน์ จากการเรียน MBA ที่นี่
1. ถ่วงเวลา ในการไปทำงานที่ไม่ชอบ
2. เห็นภาพที่ครบขึ้น นึกว่ารู้ แต่จริงๆไม่รู้ เช่น การตลาด เวลาอ่านนิตยสารเช่น Brandage เลยไม่รู้เรื่อง
แต่พอผ่านเบ้าหลอม เห็นจักรวาล มีความสามารถคิดไปต่อถึงขอบจักรวาลได้
วิชาพื้นฐาน ได้แก่ การตลาด ,operation ,การเงิน ,บัญชี ,จัดการทรัพยากรมนุษย์
ผมมีความสามารถในการเลือกมากขึ้น ครั้งแรกจะเลือก operation management เพราะเรียนวิศวะมาก่อน
แต่เจออาจารย์ไพบูลย์ เลยเปลี่ยนใจมาเรียนการเงินแทน ได้วัตถุดิบมากพอในการไปต่อในชีวิต
“ ทางถูก เดินไปเรื่อยๆ ก็ถึงเอง “
ที่มาของชื่อ A-Academy ซึ่งเป็น financial education ไม่คิดค่าใช้จ่าย
ตอนนี้กำลังเริ่มทดลอง Self fund โดยผู้เรียนจ่ายในส่วนของตัวเองเพื่อบริจาค แต่ ผู้สอนไม่ได้สิ่งตอบแทน
วิชาการเงิน ได้เรียนรู้มูลค่าเงินตามเวลา ถ้าชลอการบริโภคไปได้
คำสุภาษิตไทย อดเปรี้ยวไว้กินหวาน แต่ ทางการเงิน มี financial benefit มากกว่านี้
หลังจากจบได้ทำงานเป็นที่ปรึกษาการลงทุน รู้ว่าต้องศึกษาอะไรบ้าง
Q: หมอเค ถามต่อว่า คนเรียน MBA กลัวว่าเรียนไปไม่ได้ใช้ การเปลี่ยนงานจากการเรียนช่างมา7ปี
เป็นการเรียนวิชาการเงิน เป็นคำตอบที่ต้องคิดไหม
A: จริงๆเหมือนไม่ได้ทิ้ง เราจะเรียนรู้ตัวเองจากการทดลองหลายๆครั้ง ดูว่าอะไรที่เราถนัด อันไหนไม่ถนัด
เรียนไป100อย่าง แต่ถนัดแค่ 2-3 อย่าง ก็คุ้มแล้ว
A-Academy เริ่มต้นเมื่อปี 2005 ก่อนเรียน MBA แรกๆคนดูไม่เยอะ แต่ตอนนั้นก็มี Youtube แล้วแต่upload
ได้แค่ 10นาที ซึ่งเป็นตัวอย่างทดลองเล็กๆที่ไม่ได้ใช้เงินเยอะ แต่ตาม feedback ได้ค่อนข้างยาก
ต้นแบบมาจาก Time academy ซึ่งให้ความรู้ตั้งแต่ การนับเลข จนถึง แคลคูลัส ประวัติศาสตร์ ภาษา Art
ทำโดย คนอินเดีย คนเดียว มีอายุแค่30กว่าปี มีเสน่ห์ ถ่ายทอดเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
เราสามารถช่วยเหลือเขาได้ เช่น บริจาคเงิน แต่ที่ดีกว่านั้นคือ ทำเหมือนเขา เลยเป็นการจุดประกายของผม
ในการcopyรูปแบบ รวมถึงชื่อจนมากลายเป็น A-Academy ด้านการเงิน เป็น Logicalize แต่เถ้าแก่น้อย
จะเป็น Globalize
คุณต็อบ มาเล่าถึง เวลาอยู่ต่างประเทศ เจออะไรมาบ้าง เช่น ที่เมืองจีน จะมีภาษาจีนกำกับอยู่ข้างๆซอง
ซึ่งเป็นชื่อ เซี่ยวหลอปั่น หมายถึง เถ้าแก่น้อย และ ก็มีภาษาอังกฤษทับศัพท์ไปด้วย
ช่วงแรกที่ขายสาหร่ายเถ้าแก่น้อย ได้ส่งออกไปขายที่ ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน
คนที่เคยมาเที่ยวไทย เห็นมีขายที่นั่น จะดูสินค้ามีพรีเมี่ยม
มีการ Launch หนัง Top Secret จากค่ายหนัง GTH ในวันที่ 20 ตุลาคม 2553 บอกพนักงานว่าจะพาไปดู
ปรากฎว่าวันนั้น เจอน้ำท่วม2เมตรที่โรงงาน ก็เลยไม่ได้ไปเพราะต้องมาดูแลโรงงานแทน
ทำให้มีกลุ่มวัยรุ่นที่ดูหนังเรื่องนี้มาเป็นลูกค้าอีกกลุ่ม หลังจากนั้น content ได้ย้ายไปต่างประเทศ
ทำให้ติดอันดับหนึ่งในหนังเข้าฉายที่ไต้หวัน และ มีการแปลเป็นภาษาจีนลงยูทู ซึ่งคล้ายกับ Youtube
คนจีนเลยรู้จักว่าสินค้าสาหร่ายเถ้าแก่น้อย หรือ เซี่ยวหลงปัน นั้นเป็นสินค้าจากเมืองไทย
ผมเคยไปเป็นวิทยากรที่ Harvard University เมื่อ3ปีที่แล้ว รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน ฝรั่งจะรู้เรื่องไหมเพราะ
พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่ง ได้น้องที่เรียนที่นั่นมาช่วยแปลจากไทยเป็นอังกฤษให้
ที่น่าสนใจคือ ก่อนขึ้นเวทีก็คิดว่าคำถามของฝรั่งจะเป็นแนวไหน ปรากฎว่าคำถามคล้ายกับคนไทยถามเลย
เช่น ทำไมถึงคิดมาทำธุรกิจนี้ ก็เลยตอบได้ แต่คนที่อเมริกาแตกต่างจากไทยคือ เวลาให้ถาม ทุกคนพุ่งคำถาม
มาเหมือนแจกเงิน ทุกคนที่เข้ามาฟังพร้อมที่จะถาม มีimpressionมาก
คุณต็อบมาเล่าที่มาของการทำสาหร่ายให้ฟัง โดยย้อนไปถึงช่วงแรก ชอบโดดเรียนไปเล่นเกมกับคนที่อเมริกา
ชื่อเกม Warcraft ซึ่งนำมาสร้างเป็นหนังฉายอยู่เมืองไทยตอนนี้ ซึ่งเนื้อหาคล้ายกับ Lord of the Ring
เล่นเป็นนักรบได้ 3-4 เดือนคิดว่าจะเลิกเล่น เพราะ ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง ก็เลยไม่ชนะ คนในเกมเห็นว่าคุย
ไม่ได้ก็จะdelete ออกจากกลุ่ม เลยเปลี่ยนตัวเล่นเป็นพ่อค้าชื่อ เฮอคิวลิส และ ปลอมตัวเข้าไปในเกมใหม่
ผ่านไป4เดือน ปรากฎว่า เฮอคิวลิสรวยที่สุดในผู้เล่น 40,000 คน ซึ่งบทบาทพ่อค้าไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเยอะ
วันๆอยู่แต่ในตลาดพลาซ่า ซึ่งการขายสินค้า จะรู้ว่า ดาบ โล่ ซื้อขายกันในราคาเท่าไหร่ เพียงแค่4-5เดือนมีเพื่อน
เต็มไปหมด เป็นจุดนึงของความกระตือรือร้นในการทำเถ้าแก่น้อย
วันนึงเพื่อนในเกมถามผมว่า ร่ำรวยในเกมขนาดนี้ ทำไมไม่ขายเป็นเงินจริงละ
ผมไม่เชื่อเลยทดลองให้รองเท้าในเกมไปคู่นึง ไม่น่าเชื่อวัน 3-4 วันผ่านไป เขามาบอกว่าจะโอนเงินมาให้
ผ่านช่องทาง Western Union เลยให้เลขที่บัตรประชาชนไป หลังจากนั้น วันนึงจะไปโรงเรียน ก็ได้เรียกTaxi
ขณะนั่งรถผ่านธนาคารกรุงศรีอยุธยา เห็นป้าย Western เลยแวะจอดไปเช็คว่าได้เงินจริงหรือไม่
ปรากฎว่า พนักงานธนาคารนับธนบัตรใบละพัน ก่อนให้เรา หนึ่ง สอง สาม ……แปด พระเจ้า แปดพันบาท
ผมรับเงินและเดินออกมาหน้าธนาคาร มองไปที่ท้องฟ้า รู้สึกท้องฟ้าสดใสมาก รู้สึกตื่นเต้น เพราะ ผมยังมี
รองเท้าแบบนี้ในเกมอีกหลายร้อยคู่ บอกกับตัวเองว่า รวยแล้ว เลยนั่งTaxiคันเดิมกลับมาที่บ้าน
คุยกับเพื่อนในเกมว่า I want money เขาเลยเป็นเอเยนต์ให้นับจากตอนนั้น ตอนหลังก็มีอีกหลายคนเป็นเอเยนต์ให้
ขายสินค้าได้เดือนละ 4แสนบาท เป็นเวลาประมาณเป็นปี เพราะช่วงนั้นคนนิยมเล่นเกมนี้มาก
สรุป จุดเปลี่ยนความคิด คือการขายรองเท้าในเกมได้ 8,000 บาท ต่างจากที่มีคนมากรอกหูบ่อยๆว่า
ขยันเรียน พอจบออกมา จะได้งานทำที่ดีๆ เลยเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด ไม่ต้องเรียนเก่งก็หาเงินได้
ดร นิเวศน์ ได้เสริมขึ้นว่า ก่อนมาทำธุรกิจลูกน้ำซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ ก็มาเป็นพ่อค้าขายหมากฝรั่ง
ไม่รู้เป็นความบังเอิญหรือไม่ เพราะผมได้อ่านชีวประวัติของ คุณวอร์เรน บัฟเฟต ตอนเด็ก ก็เคยรับหมากฝรั่งมาขาย
เหมือนกัน แต่ปรากฎว่าขายไม่ดีเลยมาตรวจสอบฝาขวดของเครื่องขายน้ำอัดลมว่าเป็นยี่ห้อไหนเยอะสุด ซึ่งก็คือ
ยี่ห้อ โคคา โคลา เลยเปลี่ยนมา ขายน้ำโคคา โคลา ปรากฎว่ากำไรดีกว่าขายหมากฝรั่งมาก
คนเก่งจะคิดอะไรที่คล้ายกัน กลับมาที่ ดร นิเวศน์กันต่อ ซึ่งซื้อมาหมากฝรั่งแถวละ 7.50 บาท และเอามาแบ่งขาย
ตั้งแต่เรียนประถมปีที่4 มีโปรโมชั่น เดาทาย ว่าในมือมีกี่เหรียญ ทายถูกก็กินฟรี นอกจากนี้ ดร นิเวศน์ยังเขียนสุนทรพจน์
ได้เก่งมาก และให้ อาจารย์ไพบูลย์พูดแทน เมื่อได้รางวัลก็นำมาแบ่งกัน
ส่วนมุมมองในเรื่องการเรียน MBA นั้น ดร นิเวศน์ บอกว่า ถ้าเรียน MBAเสร็จแล้วไปเป็นลูกจ้าง จะไม่ประสบความสำเร็จ
เป็นจังหวะชีวิต คนพวกนี้ต้อง Passion ผมเสียดายเวลาที่เรียนวิศวะ ทำงานที่โรงงานกว่า 8 ปีจึงหลุดมาได้
เคยโดนเครื่องจักรทับ นิ้วงอไม่ได้ ทำให้เกิดแรงกระตุ้นในการเรียนต่อ MBA และ อีกสาเหตุคือเราต้องเลี้ยงดูพ่อกับแม่
ไปทำงานหาเงิน และ มาเรียนต่อ เด็กสมัยนี้มีโอกาสมาก เรียนจบ 2-3 ปี ค่อยมาทำงาน ทำขาดทุนก็ไม่เป็นไร เพราะ
พ่อแม่มีเงิน มีเสรีภาพ สมัยใหม่มีเครื่องมือ มาช่วยเยอะ มี Venture Capital หรือ Start up มาสนับสนุน
ขอให้เป็นคนเก่ง และ มี Passion ทำเพื่ออะไร อย่าง คุณ เอ ศักดา มาแก้ปัญหาเรื่องเงินทองของคนทั่วไป
เดี๋ยวความสำเร็จก็มาเอง โอกาสสมัยใหม่มีมาก มี Passion ก็จะมี VC มาช่วย ดีกว่าผมสมัยก่อน เพาะลูกน้ำมา
แต่ไม่รู้ขายที่ไหน จนกลายเป็นยุงบินไป
อาจารย์ เอ ศักดา เสริมว่า คนมีปัญหาก็หาทางแก้ไขกันไป ตอนนั้นที่ทำ A-Academy ก็ไม่ได้คิดเรื่องเงิน
เมื่อคุณค่าอยู่เหนือsurface ได้ประโยชน์ทางอ้อมคือ มีงานสอนให้กับสถาบันการเงินบางแห่ง ทำไม่กี่วันเทียบเท่ากัน
กับคนทำงานทั้งเดือน แค่มีมือถือ ก็สามารถโพสเนื้อหาลงบน Youtubeได้แล้วครับ
Q: ถามคุณวรวุฒิ ว่าไม่เรียน MBA ทำงานได้ไหม
A: ถ้าเรียนจะดีกว่า 100 คนที่เรียน ใครจะได้เท่าไหร่ขึ้นอยู่กับใครมองขุมทรัพย์ที่อยู่ตรงหน้าได้เจอ
เราได้ลายแทง แต่ละคนต้องไปขุดเอง คุณต็อบไม่ต้องเรียน แต่ก็เจอขุมทรัพย์ คนที่เรียนอาจไม่เจอขุมทรัพย์
ผมจบ MBA ก็ไปหาความรู้เพิ่มเติมอีกเยอะ MBA สอนหลายวิชา เพราะเวลาทำงานต้องใช้ทีเดียว8วิชา เช่น
การเงิน , operation management , Human resource management เป็นต้น
ตอนทำคลังสินค้าOffice Mate มีระบบสายพานอย่างหรู แต่คนไม่อยู่กะดึก เพราะผีดุ หลังตั้งศาลพระภูมิ
คนกลับมาทำงาน เพราะไม่ได้ยินเสียงประหลาดแล้ว ซึ่งเป็นความรู้หลายศาสตร์เข้ามาร่วมกัน
ถ้าคุณต็อบเรียนMBA จะเก่งกว่าตอนนี้ซึ่งเก่งอยู่แล้วขึ้นไปอีก
ดร นิเวศน์ บอกว่าน่าจะตั้งหลักสูตรเพิ่มเกี่ยวกับกำจัดผี ยกตัวอย่าง คือ บ้านผมจะต่อเติม และ จะต้องวางเสาเข็ม
ปรากฎว่า แนววางเสาเข็มผ่านตรงศาลพระภูมิพอดี คนงานไม่กล้าไปย้ายศาลพระภูมิ ซึ่งเวลาย้าย ต้องมีหลักฐาน
หลายอย่าง เช่น บัตรประชาชน ดวงของเจ้าของบ้าน รวมถึง ต้องเตรียมเงิน 20,000 บาทเป็นค่าทำพิธีด้วย
บ้านหลังเดิม ตอนตั้งศาลพระภูมิ ก็โดนเรียกค่าทำพิธี 20,000 บาท หัวหน้าคนงานอาสาไปหาพราหมณ์มาทำพิธี
ในงบแค่ 8,000 บาท พอวันทำพิธี ตัวหัวหน้าคนงานก็แต่งชุดพราหมณ์ มาทำพิธี หลังเสร็จงานรับเงินแล้วก็กลับไป
ทำงานต่อ ผมไม่เชื่อเรื่องผี แต่ไม่กล้าลบหลู่ในการย้ายศาลเอง
คุณวรวุฒิเสริมว่า ตอนตั้งศาลพระภูมิที่บริษัทเสียเงินไปเป็นแสนบาท ต้องเชิญพราหมณ์มาจากเสาชิงช้า
หลายคนกำลังคิดว่าเรียน MBA ดีไหม มันขึ้นกับว่า สอนให้คุณคิดอย่างไร เราเป็นนายจ้างรับน้องที่เรียนMBA
ถ้าไม่เรียน แล้วคิดไม่เป็น ดังนั้นต้องไปเรียน ส่วนคนที่คิดเป็น เช่น เจ้าสัวซึ่งจบป4แต่มีลูกน้องจบปริญญาเอก
เขาคิดเป็น คิดเก่ง สามารถสั่งงานดอกเตอร์ได้ ผมคิดว่าไม่ใช่ทุกคนจะเก่งเหมือนต็อบ เลยต้องมาเรียน
เหมือนลายแทงสามารถไปขุดสมบัติได้ Mission ชัดเจน เราก็สามารถกลับมาได้
Q: ถามคุณวรวุฒิต่อว่า อยากเล่าเรื่องการทำธุรกิจ ช่วงนั้นต้องทำอย่างไร
A: แบ่งช่วงตั้งบริษัทออกเป็น3ช่วง
ช่วงที่1 ตั้งตัว ยอดขายน้อยกว่า 200 ล้านบาท ช่วงนี้ใช้เวลา5ปี ยากสุด สร้างจากที่ไม่มีอะไรเลย
เปรียบเทียบเหมือนเครื่องบิน ก่อนบินขึ้น กินพลังงานมากสุด
ธุรกิจ Startup เป็นการขายไอเดียเพื่อหาคนมาลงทุนให้
ช่วงที่ 2 ขยายกิจการ รายได้ตั้งแต่ 200- 2,000 ล้านบาท
สร้างทีมให้ได้ มีทีมที่เก่ง มี Knowhow Process ซึ่งไม่สามารถcopyได้ ถึงแม้ผมบอกหมดเลย แต่
คนอื่นทำตามไม่ได้ เพราะมันมีรายละเอียดอีกมาก ซึ่งผมจะรู้เรื่องดีเพราะเข้าไปคลุกคลีกับปัญหาตลอด
อันนี้เป็นไฮไลด์ของ คุณวรวุฒิเลยครับ
มนุษย์ต้องสองอย่างประกอบกัน
1. Attitude ที่ดี ครอบคลุมทุกมิติ ของ attitude เลย แต่ถ้ากว้างไปให้ Focus ที่อิทธิบาท4 ก็พอ
ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
2. Creativities คือ การมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี
ซึ่งทั้ง2สิ่งนี้จะมียากมากถ้าไม่ได้เรียน MBA มาก่อน
ช่วงที่ 3 เติบโตยั่งยืน
เอาบริษัทไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ มียอดขายเป็น 10,000 ล้านบาท
มี financial model , พัฒนา Strategy ให้เติบโตอย่างยั่งยืน
Q: ถามอาจารย์ไพบูลย์ว่า เรียนแล้วเจอเนื้อคู่บ้างไหม อันนี้ผมเห็นว่าเป็นคำถามสำคัญมาก
A: อาจารย์ตอบว่า ส่วนใหญ่เจอ เพราะว่า ช่วง2ปีที่เรียนอยู่ด้วยกัน มีความใกล้ชิด รู้จักนิสัยกัน
เจออาจารย์ นิเวศน์ เคยบอกว่า ชีวิตคนเราประสบความสำเร็จ มี2ช่วงคือ ช่วงทำงาน และ ช่วงหาแฟน
อันนี้สำคัญ บางครั้งถ้าเราทำเองยาก เลยจับใครสักคนที่ประสบความสำเร็จมาเลยดีกว่า
แต่ ดร นิเวศน์ บอกว่า ผมไปจับหุ้นแทนผู้หญิง อยู่กับเขาไปเรื่อยๆ รอปันผล
อาจารย์ไพบูลย์ ก็มาแชร์ เรื่องวิธีการใช้ชีวิต การเลือกคู่ที่มีศีลใกล้เรา หรือ สูงกว่าเรา ซึ่งฉุดเราขึ้นไป
ทำให้ชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น อันนี้ผมได้นำไปใช้เรียบร้อยแล้วครับอาจารย์
แต่ดร นิเวศน์ บอกว่า เลือกแฟนที่รวยกว่าเรา จับถูก เราก็สบายไป คนที่ตั้งใจเรียน แต่ลืมหาแฟน 30ปีขึ้นไป
ก็หาแฟนยาก ถ้าเลือกได้ก็เลือกให้รวยที่สุด
Q: หมอเคถามคุณต็อบว่า ตอนที่จะข้ามจากการขายรองเท้าในเกมไปที่การขายสาหร่ายเถ้าแก้น้อย มองเห็น
โอกาสได้อย่างไร
A: คุณต็อบตอบว่า ต้องย้อนกลับมาที่การขายเกาลัดก่อน ชีวิตเกิดมาคู่กับปัญหาเลย
เรารู้จักมันดี ต้องต้อนรับขับสู้มันได้ สมัยก่อนทำแฟรนไชส์เกาลัดในห้าง ซึ่งตอนนั้นอายุ19ปี มีขาย30สาขา
อยู่ในLotus 27 สาขา รายได้เดือนละ 2-3 ล้านบาท คิดเป็นกำไร 4-5 แสนบาทต่อเดือน
คิดว่าจะขายเกาลัดไปจนตาย แต่ก็มีปัญหาเรื่องควันหลังคั่วเกาลัด
ผู้บริหารของLotusเปลี่ยนใหม่และมาสำรวจสถานที่ขายของในห้าง พบว่า ที่บูทขายเกาลัด ควันทำให้ฝ้าเหลือง
เจ้าหน้าที่โทรมาหลังจากนั้น2-3วันว่าขอยกเลิกสัญญาเช่าทั้ง27สาขา
คุณต็อบ มีข้อดีอยู่ 3 อย่างคือ1.ดื้อ 2. ดื้อ และ 3. ก็ดื้อ
ดังนั้นไม่ยอมแพ้ ฝ้าเหลืองก็ไปซื้อสีทาฝ้าจาก Homepro มาทาทั้ง 27 สาขา
หลังจากทาเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็มาบอกว่า ยังมีควัน มีกลิ่น และ แสบตา ซึ่งคุณต็อบก็ไม่ยอมแพ้ แก้ปัญหาไป
สุดท้ายก็ไปคั่วด้านนอกและเอามาขายที่บูท ปรากฎว่ายอดขายตกลง 50% อีก3เดือนไม่มีเงินพอจ่ายพนักงาน
ช่วงนั้นไปซื้อไอศกรีมที่ แดรี่ควีน เห็นขายสินค้าอื่นเช่น ไส้กรอก ได้เลยเกิดไอเดีย เอาสาหร่ายมาขายในบูทด้วย
2เดือนผ่านไป สาหร่ายขายดีกว่าเกาลัดเสียอีก มีสาขานึงขายดีมากเลยไปสำรวจดูปรากฎว่าไม่มีสาหร่ายวางขาย
ที่บูท เลยไปสอบถามพนักงาน พบว่า สาหร่ายวางอยู่ใต้บูท และ บอกว่าต้องทำเป็นสินค้าขาด ทำให้คนรู้สึกว่าขายดี
ก็เลยขยายสาขาที่วางขายสาหร่ายจากเดิม 4-5 สาขา ไปขายทุกสาขา และเปลี่ยนเป็นเน้นขายสาหร่าย ทำให้ยอดขาย
ส่วนนี้ขึ้นเป็น 70% ตอนยืนขาย กลุ่มเป้าหมายเดิมที่มาซื้อเกาลัด เป็นอาเจ็ก อาซิ๋ม ม่า แต่กลุ่มใหม่ที่มาเสริมคือ
กลุ่มสาวofficeซึ่งกว้างกว่าเยอะ เลยสนใจทำมากขึ้น
ดร นิเวศน์ บอกว่า ยอดขายเกาลัดลดลง เพราะมันไม่มีกลิ่นเกาลัดตอนคั่ว แนะนำให้ทำกลิ่นเกาลัดมาขาย
ปัญหาอันนึงนำไปสู่โอกาสอีกอันนึง อันนี้เป็นคำคมของ ดร เลยครับ
คุณต็อบพูดต่อเรื่อง คู่แข่งในประเทศ มองเป็นปัญหาก็ได้ ในระหว่าง5ปีที่เริ่มธุรกิจ เคยชกระดับตำบล คือสินค้า O Top
SME พอชนะก็มาแข่งระดับอำเภอ พอมีรายใหญ่เข้ามา ธุรกิจมี detail ทำให้เกิดความได้เปรียบจากประสบการณ์ทำให้คู่แข่งรายใหม่เสียเปรียบ
การมีคู่แข่งทำให้ตลาดขยายตัวจากเมื่อก่อน 1,200 มาเป็น 3,000 ล้านบาท Marketshare ลดจากเดิม 80% ยอด 1,000 ลบเป็น 67-68% แต่ยอดขายโตเป็นมากกว่า 2,000 ล้านบาท
และการโปรโมทสินค้าของคู่แข่งทำให้คนรู้จักสาหร่ายมากขึ้นด้วย นับว่าเป็นมุมมองที่ดีต่อการมีคู่แข่งเข้ามาในตลาด
Q: อาจารย์ไพบูลย์อยากให้คุณต็อบซึ่งประสบความสำเร็จกับสินค้าสาหร่ายเถ้าแก่น้อย มองย้อนมามองMBAอย่างไร
A: บอกกับน้องๆในมหาลัยว่า ผมออกจากโรงเรียนมา เพราะว่าในใจบอกว่าถ้าตื่นขึ้นมาอีก10ปีข้างหน้า ผมไม่ขายเกาลัด ผมจะfail เสียใจที่ไม่ได้ทำ ผมมีเป้าหมายคือ การทำเกาลัด ไม่ใช่เรียน ถ้าตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ต้องมีเป้าหมาย ซึ่ง MBA ช่วยให้เป้าหมายสำเร็จ
Q: อาจารย์ไพบูลย์ ถามกับคุณวรวุฒิและคุณเอ ว่า เทียบกับตัวเราเอง ถ้าได้เรียน MBA จะช่วยไหม
เพราะเราไม่ทำธุรกิจ ไปเรียนก็เสียโอกาส ถ้าสับสนการเรียนจะช่วยได้ไหม
A: ตัดสินใจทำ มุ่งมั่นจริงไหม ทำธุรกิจปัญหาเยอะมาก เหมือนเล่นเกม Level up ขึ้นไปเรื่อยๆ
ใครควรมาเรียน MBA ก็ต้องตัดสินใจดู ผมอยากเรียนปริญญาเอก แต่ต้องทำสิ่งที่อยากทำ สุดท้ายเลยไม่ได้เรียน
เราต้องเรียนรู้ไม่หยุด ทำยอดขายปีแรก 21 ล้านบาท ตอนนี้ยอดขายทะลุ 10,000 ล้านบาทแล้ว เราทำธุรกิจไปเรื่อยๆ
เราก็ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ดังนั้น ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต ประโยคนี้ชอบมากครับ
ส่วน คุณ เอ ศักดา บอกว่ามี 2 ข้อ
คือ 1. ถ้าตัดสินใจเรียน เราต้องตอบได้ก่อนว่าเรียนไปทำไม
2.เรียนมันอย่างไรให้ได้ประโยชน์ ผมนึกไปว่า ตื่นเต้นในการอยากเรียนและได้ประโยชน์จากการเรียน
เรียนให้ดี มีความสุข ตื่นเต้นกับนวัตกรรม และ ข่าวสารใหม่ๆ
สุดท้ายขอขอบคุณวิทยากรทุกท่าน และ ผู้ดำเนินรายการ อาจารย์ไพบูลย์ และ นพ ศุภศักดิ์ รวมถึง เจ้าหน้าที่ทุกท่านครับ
วิทยากร
อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ เถ้าแก่น้อยกรุ๊ป
วรวุฒิ อุ่นใจ กรรมการผู้จัดการ บมจ เซ็นทรัลออนไลน์
ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน
ศักดา สรรพปัญญาวงศ์ A-Academy
อาจารย์ ดร ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ดำเนินการ
นพ ศุภศักดิ์ หล่อธนวณิชย์ พิธีกรรับเชิญ
เกริ่นนำประวัติของวิทยากรก่อนเข้ารายการ
วิทยากรรับเชิญ มี3ท่านเป็นศิษย์เก่าของนิด้า ยกเว้น คุณ ต็อบ อิทธิพัทธ์
ดร นิเวศน์ เรียน MBA หลังจาก ดร ไพบูลย์ 3 รุ่น โดย มีความตั้งใจอยากเรียนเป็นทุน หลังจากอจ ไพบูลย์ชักชวน ก็ตอบตกลงโดยคิดไม่ถึงนาที และ เป็นที่มาของ การเป็นปรมาจารย์ ด้านการลงทุนในเวลาต่อมา
ส่วนคุณวรวุฒิ เป็นศิษย์เก่ารุ่นแรกของ Y MBA และ ได้นำความรู้จากการเรียน MBA ไปก่อตั้ง บริษัท Office Mate
ต่อมาได้รวมกับ Central เป็น Central Online (COL)
คนที่3 คุณ เอ ศักดา เคยเป็น TA , โฆษก และ ถูกอาจารย์ไพบูลย์ดุมากสุด สุดท้ายก็เป็นคนเก่งหลังจบนิด้ามา
อาจารย์ไพบูลย์ จะบอกลูกศิษย์อยู่เสมอว่า ลูกศิษย์ต้องเก่งกว่าอาจารย์ และ ต่อยอดจากอาจารย์ได้
คุณเอ จบมาก็อยู่สายบริหารกองทุน ของ บลจที่บริหารกองทุนแบบ Passive เป็น เวลากว่า 5 ปี หลังจากนั้นก็ออกมา
ทำสิ่งที่ใจอยากทำ ก่อตั้ง A-Academy.net เพื่อให้คนสนใจด้านการเงิน มาเรียนรู้ พร้อมสอบวัดความรู้ได้
ตอนนี้ทำหลักสูตร Financial Foundation รุ่นที่6แล้ว ซึ่งมีผู้เรียน 200 คน ใช้เวลาแค่ 3 นาทีก็เต็มแล้ว เมื่อก่อน
ห้องเรียนเล็กกว่าตอนนี้มาก แต่เนื่องจากคนนิยมกันมากเลยต้องรับเพิ่มจากรุ่นก่อน
ผมเคยจองก็ไม่ทันสักที งานนี้ฟรีทุกอย่างเลยครับ แต่ผมเคยเรียน MoneyLiteracy รุ่น5แล้ว อาจารย์เอ บอกว่า
เนื้อหาคล้ายกัน ถือว่าได้เรียนรู้กับ อาจารย์เอ แล้วครับ
วิทยากรท่านสุดท้าย คุณต๊อบ อิทธิพัทธ์ ไม่ได้จบจากนิด้า แต่เป็นตัวอย่างของชีวิตไม่ได้มาจากการเรียนเพียงอย่างเดียว
เมืองนอกมี มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก แจ๊ก หม่า ในไทยก็มี ต็อบ อิทธิพัทธ์
หมอเค เสริม ตั้งบริษัทมา 11 ปี สร้างกำไร 400 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว ไตรมาสหนึ่งปีนี้ กำไร 160 ล้านบาท สูงกว่านักวิเคราะห์ แจ้งไว้ 86 ล้านบาท
อาจารย์ไพบูลย์ ถามว่า ปิ้งสาหร่ายเป็นไหม คุณต็อบตอบว่า เคยทำแต่ตอนนี้ไม่ค่อยเก่งแล้ว วันนึงปิ้งได้ 8,000 แผ่นต่อคน
ตอนเริ่มต้น ปิ้งได้เพียง 500-1,000 แผ่นต่อคน เคยพีทสุด 10,000 แผ่นต่อคน
ดร นิเวศน์ ถามว่า ปิ้งได้แผ่นละเท่าไหร่ เป็นคำถามที่น่าสนใจ
คุณต็อบ ตอบว่า สมัยก่อนปิ้งได้ 5,000 แผ่นต่อคน เลยให้ incentive สำหรับยอดที่ปิ้งมากกว่า 5,100 แผ่น ปรากฎว่า
สามารถทำได้ 10,000 แผ่น ต่อคน ซึ่งคิดออกมาเป็นรายได้ 15,000-20,000 บาท ต่อ เดือน
Q: เริ่มคำถาม จาก อาจารย์ ดร ไพบูลย์ ถาม ดร นิเวศน์ ว่า จบ MBA และ ยังสอน MBA คิดว่ามีประโยชน์หรือไม่
A: ดร นิเวศน์ ตอบว่า ถ้าเก่งแบบ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็ไม่ต้องเรียน แต่คนทั่วไป ใช้เวลา2ปีเรียนรู้โลกธุรกิจทั้งหมด
เมื่อก่อน ดร เป็นวิศกร กินและนอนที่โรงงานตลอด ไม่รู้โลกภายนอก ถ้ากลับเข้ากรุงเทพก็เที่ยวอย่างเดียว
ไม่รู้ธุรกิจเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าอะไรเป็นปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจ หลังเรียนจบ รู้กว้างกว่าคนที่ไม่ได้เรียน ซึ่งรู้แคบกว่า
บางทีคิดว่ากำไร แต่จริงๆขาดทุน ทำไปสักพักก็เจ็ง
เด็กรุ่นใหม่ อยากรวยแบบ Startup แต่ขายไม่ได้ มีปัจจัยเยอะ คิดไม่ทะลุ
Q: หมอเคถามว่า MBA มีส่วนช่วยเยอะไหม
A: ดร นิเวศน์ตอบว่า การลงทุนแบบพื้นฐานต้องรู้หมด บางครั้งเจอบริษัทที่โดดเด่นเรื่องการตลาด แต่รู้ว่ามีจุดอ่อนซ่อนไว้
คนไม่เข้าใจไปซื้อหุ้นเลยขาดทุน บางบริษัท operation ใช้ไม่ได้ แต่ยอดขายดีมาก เช่น Fitness ถ้าเราไม่รู้จริง มีโอกาสล้มเหลวสูง คุณต็อบเป็น special เหมือน มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก
A: คุณต็อบ เสริมว่า MBA สำคัญมาก ผมไม่ชอบ MBA แต่รู้จักMBAจากพี่ชาย ดูแลด้าน ITและ พี่สาว ดูแล ต่างประเทศ ที่มารับงานแต่ความรู้ไม่เพียงพอเลยไปเรียนต่อ MBA ผมเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เรียนMBA แต่คนรอบข้างเรียน MBA เกิดการผสมผสาน หน้าที่ของผมใน 10ปีที่ผ่านมา มี 2 อย่างคือ
1.กำหนดเป้าหมายชัดเจน
2.หาคนเก่งมาทำให้บรรลุเป้าหมาย ดังนั้นคนที่มาทำงานจบ MBA ทั้งหมด
อาจารย์ไพบูลย์บอกว่า ฟังต๊อบแล้วมั่นใจว่า MBA ช่วยได้ 100% และ เปลี่ยนมาถามคุณวรวุฒิว่ามีมุมมองอย่างไรต่อ MBA
A: คุณวรวุฒิ กล่าวว่า Office Mate เกิดจาก Project ที่ทำกับเพื่อนในชั้นเรียนMBA ที่นิด้า
บริษัทเข้าตลาดเมื่อ 5 ปีที่แล้ว IPO ราคา 4.9 บาท เคยไปสูงสุด 84.75 บาท ภายใน 3 ปี
ช่วงแรกหลังจากจบปริญญาตรีมา ก็มาช่วยงานที่บ้าน3-4ปี ซึ่งทำยี่ปั้ว ในช่วงปี 2525-26 ปรากฎว่าเจอน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพ ค้าขายไม่ได้ 3-4 เดือน ค่าเงินอ่อนตัวจาก 20 บาท เป็น 25 บาทต่อ ดอลลาร์ ธุรกิจเกือบเจ๊ง
ตอนที่เรียนอยู่ที่เกษตร มีวิชาค้าขาย ทำให้รู้ว่า พ่อค้าส่งท้ายสุดจะหายไป เราจะย้ายไปค้าปลีก ซึ่งอยู่ในมือของ
Modern trade ถ้าเราทำ retail จะถูกบริษัทใหญ่กินรวบ หลังจากมาเจอ Catalog sales เลยคิดว่ามันใช่
งานที่ช่วยทำให้ที่บ้าน คืองานร้านเครื่องเขียนที่ตั้งบนตึกแถว ปรากฎว่า ขายดี งานที่ทำตั้งแต่เช้า เช็คstock
ตอนสายทำ call center ตกเย็นก็เคลียร์บัญชี ถ้าส่งไม่ทัน ก็ไปช่วยส่งของด้วย ผมไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอด
ประกอบกับความรู้ไม่เพียงพอเลยมาสมัครเข้าเรียน Y MBA ซึ่งเขารับผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์ 3-10ปี
อายุไม่เกิน 30 ปี แต่ถ้าอายุมากกว่า 30ปี ก็ไปเรียนคอร์ตอีกอัน หลักสูตร Y MBA เรียนตอนเย็น เลยสามารถทำงาน
ควบคู่กับเรียนได้เลย เราได้เรียนรู้ Case study ระดับโลก ยอดขายก็ระดับ ล้านล้านบาท
อยากจะเสริมเรื่องวิธีการเรียนว่า ต้องตั้งวัตถุประสงค์ ส่วนของผมคือ อยากไปตั้งบริษัท
ดังนั้นตอนเรียนวิชา Marketing , Finance , Human และ วิชาอื่นๆ ก็พยายามคิดว่าตั้งบริษัทต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวิชา
ชื่อบริษัท Office Mate ก็มาจากชื่อของเพื่อนในกลุ่มที่เสนอเข้ามา 3-4 ชื่อ สุดท้ายก็เลือก Office Mate
และเอา Project นี้ไปเสนอธนาคารรวงข้าว โดยเขียน Feasibility มีเงิน 7-8 ล้านบาทกู้ได้ถึง 25 ล้านบาท
หลังจบ MBA ก็มาทำ Catalog Office Mate โดยศึกษารูปแบบจาก อเมริกา ยุโรป และ ญี่ปุ่น เอาของ3ที่มารวม
กัน ทำให้เกิด Catalog Office Mate ขึ้นมา
Q: ถาม คุณเอ อยากให้เล่าความเป็นมาของ A-Academy ครับ
A: หลังจากผมเรียนจบ ปวช ช่างกลโรงงาน ก็ทางเลือกไม่มาก เช่น สอบเรียนต่อวิศวะ
หลังจากเข้าไปเรียน ได้รู้ว่า จะไม่ทำงานวิศวะแน่นอน พอเรียนจบ ก็หาทางถ่วงเวลา
ได้มีโอกาสอ่านหนังสือตีแตก และ ท้ายเล่มเขียนว่าผู้แต่งจบจากนิด้า เป็นเหตุผล
ให้มาลองสำรวจสถานที่ดู เห็น นักศึกษานั่งทำงานกันเป็นกลุ่มใต้ตึก มีการถกเถียงกันอย่าง
จริงจัง ดูน่าสนใจ เลยเลือกเรียนที่นี่
ประโยชน์ จากการเรียน MBA ที่นี่
1. ถ่วงเวลา ในการไปทำงานที่ไม่ชอบ
2. เห็นภาพที่ครบขึ้น นึกว่ารู้ แต่จริงๆไม่รู้ เช่น การตลาด เวลาอ่านนิตยสารเช่น Brandage เลยไม่รู้เรื่อง
แต่พอผ่านเบ้าหลอม เห็นจักรวาล มีความสามารถคิดไปต่อถึงขอบจักรวาลได้
วิชาพื้นฐาน ได้แก่ การตลาด ,operation ,การเงิน ,บัญชี ,จัดการทรัพยากรมนุษย์
ผมมีความสามารถในการเลือกมากขึ้น ครั้งแรกจะเลือก operation management เพราะเรียนวิศวะมาก่อน
แต่เจออาจารย์ไพบูลย์ เลยเปลี่ยนใจมาเรียนการเงินแทน ได้วัตถุดิบมากพอในการไปต่อในชีวิต
“ ทางถูก เดินไปเรื่อยๆ ก็ถึงเอง “
ที่มาของชื่อ A-Academy ซึ่งเป็น financial education ไม่คิดค่าใช้จ่าย
ตอนนี้กำลังเริ่มทดลอง Self fund โดยผู้เรียนจ่ายในส่วนของตัวเองเพื่อบริจาค แต่ ผู้สอนไม่ได้สิ่งตอบแทน
วิชาการเงิน ได้เรียนรู้มูลค่าเงินตามเวลา ถ้าชลอการบริโภคไปได้
คำสุภาษิตไทย อดเปรี้ยวไว้กินหวาน แต่ ทางการเงิน มี financial benefit มากกว่านี้
หลังจากจบได้ทำงานเป็นที่ปรึกษาการลงทุน รู้ว่าต้องศึกษาอะไรบ้าง
Q: หมอเค ถามต่อว่า คนเรียน MBA กลัวว่าเรียนไปไม่ได้ใช้ การเปลี่ยนงานจากการเรียนช่างมา7ปี
เป็นการเรียนวิชาการเงิน เป็นคำตอบที่ต้องคิดไหม
A: จริงๆเหมือนไม่ได้ทิ้ง เราจะเรียนรู้ตัวเองจากการทดลองหลายๆครั้ง ดูว่าอะไรที่เราถนัด อันไหนไม่ถนัด
เรียนไป100อย่าง แต่ถนัดแค่ 2-3 อย่าง ก็คุ้มแล้ว
A-Academy เริ่มต้นเมื่อปี 2005 ก่อนเรียน MBA แรกๆคนดูไม่เยอะ แต่ตอนนั้นก็มี Youtube แล้วแต่upload
ได้แค่ 10นาที ซึ่งเป็นตัวอย่างทดลองเล็กๆที่ไม่ได้ใช้เงินเยอะ แต่ตาม feedback ได้ค่อนข้างยาก
ต้นแบบมาจาก Time academy ซึ่งให้ความรู้ตั้งแต่ การนับเลข จนถึง แคลคูลัส ประวัติศาสตร์ ภาษา Art
ทำโดย คนอินเดีย คนเดียว มีอายุแค่30กว่าปี มีเสน่ห์ ถ่ายทอดเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
เราสามารถช่วยเหลือเขาได้ เช่น บริจาคเงิน แต่ที่ดีกว่านั้นคือ ทำเหมือนเขา เลยเป็นการจุดประกายของผม
ในการcopyรูปแบบ รวมถึงชื่อจนมากลายเป็น A-Academy ด้านการเงิน เป็น Logicalize แต่เถ้าแก่น้อย
จะเป็น Globalize
คุณต็อบ มาเล่าถึง เวลาอยู่ต่างประเทศ เจออะไรมาบ้าง เช่น ที่เมืองจีน จะมีภาษาจีนกำกับอยู่ข้างๆซอง
ซึ่งเป็นชื่อ เซี่ยวหลอปั่น หมายถึง เถ้าแก่น้อย และ ก็มีภาษาอังกฤษทับศัพท์ไปด้วย
ช่วงแรกที่ขายสาหร่ายเถ้าแก่น้อย ได้ส่งออกไปขายที่ ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน
คนที่เคยมาเที่ยวไทย เห็นมีขายที่นั่น จะดูสินค้ามีพรีเมี่ยม
มีการ Launch หนัง Top Secret จากค่ายหนัง GTH ในวันที่ 20 ตุลาคม 2553 บอกพนักงานว่าจะพาไปดู
ปรากฎว่าวันนั้น เจอน้ำท่วม2เมตรที่โรงงาน ก็เลยไม่ได้ไปเพราะต้องมาดูแลโรงงานแทน
ทำให้มีกลุ่มวัยรุ่นที่ดูหนังเรื่องนี้มาเป็นลูกค้าอีกกลุ่ม หลังจากนั้น content ได้ย้ายไปต่างประเทศ
ทำให้ติดอันดับหนึ่งในหนังเข้าฉายที่ไต้หวัน และ มีการแปลเป็นภาษาจีนลงยูทู ซึ่งคล้ายกับ Youtube
คนจีนเลยรู้จักว่าสินค้าสาหร่ายเถ้าแก่น้อย หรือ เซี่ยวหลงปัน นั้นเป็นสินค้าจากเมืองไทย
ผมเคยไปเป็นวิทยากรที่ Harvard University เมื่อ3ปีที่แล้ว รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน ฝรั่งจะรู้เรื่องไหมเพราะ
พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่ง ได้น้องที่เรียนที่นั่นมาช่วยแปลจากไทยเป็นอังกฤษให้
ที่น่าสนใจคือ ก่อนขึ้นเวทีก็คิดว่าคำถามของฝรั่งจะเป็นแนวไหน ปรากฎว่าคำถามคล้ายกับคนไทยถามเลย
เช่น ทำไมถึงคิดมาทำธุรกิจนี้ ก็เลยตอบได้ แต่คนที่อเมริกาแตกต่างจากไทยคือ เวลาให้ถาม ทุกคนพุ่งคำถาม
มาเหมือนแจกเงิน ทุกคนที่เข้ามาฟังพร้อมที่จะถาม มีimpressionมาก
คุณต็อบมาเล่าที่มาของการทำสาหร่ายให้ฟัง โดยย้อนไปถึงช่วงแรก ชอบโดดเรียนไปเล่นเกมกับคนที่อเมริกา
ชื่อเกม Warcraft ซึ่งนำมาสร้างเป็นหนังฉายอยู่เมืองไทยตอนนี้ ซึ่งเนื้อหาคล้ายกับ Lord of the Ring
เล่นเป็นนักรบได้ 3-4 เดือนคิดว่าจะเลิกเล่น เพราะ ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง ก็เลยไม่ชนะ คนในเกมเห็นว่าคุย
ไม่ได้ก็จะdelete ออกจากกลุ่ม เลยเปลี่ยนตัวเล่นเป็นพ่อค้าชื่อ เฮอคิวลิส และ ปลอมตัวเข้าไปในเกมใหม่
ผ่านไป4เดือน ปรากฎว่า เฮอคิวลิสรวยที่สุดในผู้เล่น 40,000 คน ซึ่งบทบาทพ่อค้าไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเยอะ
วันๆอยู่แต่ในตลาดพลาซ่า ซึ่งการขายสินค้า จะรู้ว่า ดาบ โล่ ซื้อขายกันในราคาเท่าไหร่ เพียงแค่4-5เดือนมีเพื่อน
เต็มไปหมด เป็นจุดนึงของความกระตือรือร้นในการทำเถ้าแก่น้อย
วันนึงเพื่อนในเกมถามผมว่า ร่ำรวยในเกมขนาดนี้ ทำไมไม่ขายเป็นเงินจริงละ
ผมไม่เชื่อเลยทดลองให้รองเท้าในเกมไปคู่นึง ไม่น่าเชื่อวัน 3-4 วันผ่านไป เขามาบอกว่าจะโอนเงินมาให้
ผ่านช่องทาง Western Union เลยให้เลขที่บัตรประชาชนไป หลังจากนั้น วันนึงจะไปโรงเรียน ก็ได้เรียกTaxi
ขณะนั่งรถผ่านธนาคารกรุงศรีอยุธยา เห็นป้าย Western เลยแวะจอดไปเช็คว่าได้เงินจริงหรือไม่
ปรากฎว่า พนักงานธนาคารนับธนบัตรใบละพัน ก่อนให้เรา หนึ่ง สอง สาม ……แปด พระเจ้า แปดพันบาท
ผมรับเงินและเดินออกมาหน้าธนาคาร มองไปที่ท้องฟ้า รู้สึกท้องฟ้าสดใสมาก รู้สึกตื่นเต้น เพราะ ผมยังมี
รองเท้าแบบนี้ในเกมอีกหลายร้อยคู่ บอกกับตัวเองว่า รวยแล้ว เลยนั่งTaxiคันเดิมกลับมาที่บ้าน
คุยกับเพื่อนในเกมว่า I want money เขาเลยเป็นเอเยนต์ให้นับจากตอนนั้น ตอนหลังก็มีอีกหลายคนเป็นเอเยนต์ให้
ขายสินค้าได้เดือนละ 4แสนบาท เป็นเวลาประมาณเป็นปี เพราะช่วงนั้นคนนิยมเล่นเกมนี้มาก
สรุป จุดเปลี่ยนความคิด คือการขายรองเท้าในเกมได้ 8,000 บาท ต่างจากที่มีคนมากรอกหูบ่อยๆว่า
ขยันเรียน พอจบออกมา จะได้งานทำที่ดีๆ เลยเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด ไม่ต้องเรียนเก่งก็หาเงินได้
ดร นิเวศน์ ได้เสริมขึ้นว่า ก่อนมาทำธุรกิจลูกน้ำซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ ก็มาเป็นพ่อค้าขายหมากฝรั่ง
ไม่รู้เป็นความบังเอิญหรือไม่ เพราะผมได้อ่านชีวประวัติของ คุณวอร์เรน บัฟเฟต ตอนเด็ก ก็เคยรับหมากฝรั่งมาขาย
เหมือนกัน แต่ปรากฎว่าขายไม่ดีเลยมาตรวจสอบฝาขวดของเครื่องขายน้ำอัดลมว่าเป็นยี่ห้อไหนเยอะสุด ซึ่งก็คือ
ยี่ห้อ โคคา โคลา เลยเปลี่ยนมา ขายน้ำโคคา โคลา ปรากฎว่ากำไรดีกว่าขายหมากฝรั่งมาก
คนเก่งจะคิดอะไรที่คล้ายกัน กลับมาที่ ดร นิเวศน์กันต่อ ซึ่งซื้อมาหมากฝรั่งแถวละ 7.50 บาท และเอามาแบ่งขาย
ตั้งแต่เรียนประถมปีที่4 มีโปรโมชั่น เดาทาย ว่าในมือมีกี่เหรียญ ทายถูกก็กินฟรี นอกจากนี้ ดร นิเวศน์ยังเขียนสุนทรพจน์
ได้เก่งมาก และให้ อาจารย์ไพบูลย์พูดแทน เมื่อได้รางวัลก็นำมาแบ่งกัน
ส่วนมุมมองในเรื่องการเรียน MBA นั้น ดร นิเวศน์ บอกว่า ถ้าเรียน MBAเสร็จแล้วไปเป็นลูกจ้าง จะไม่ประสบความสำเร็จ
เป็นจังหวะชีวิต คนพวกนี้ต้อง Passion ผมเสียดายเวลาที่เรียนวิศวะ ทำงานที่โรงงานกว่า 8 ปีจึงหลุดมาได้
เคยโดนเครื่องจักรทับ นิ้วงอไม่ได้ ทำให้เกิดแรงกระตุ้นในการเรียนต่อ MBA และ อีกสาเหตุคือเราต้องเลี้ยงดูพ่อกับแม่
ไปทำงานหาเงิน และ มาเรียนต่อ เด็กสมัยนี้มีโอกาสมาก เรียนจบ 2-3 ปี ค่อยมาทำงาน ทำขาดทุนก็ไม่เป็นไร เพราะ
พ่อแม่มีเงิน มีเสรีภาพ สมัยใหม่มีเครื่องมือ มาช่วยเยอะ มี Venture Capital หรือ Start up มาสนับสนุน
ขอให้เป็นคนเก่ง และ มี Passion ทำเพื่ออะไร อย่าง คุณ เอ ศักดา มาแก้ปัญหาเรื่องเงินทองของคนทั่วไป
เดี๋ยวความสำเร็จก็มาเอง โอกาสสมัยใหม่มีมาก มี Passion ก็จะมี VC มาช่วย ดีกว่าผมสมัยก่อน เพาะลูกน้ำมา
แต่ไม่รู้ขายที่ไหน จนกลายเป็นยุงบินไป
อาจารย์ เอ ศักดา เสริมว่า คนมีปัญหาก็หาทางแก้ไขกันไป ตอนนั้นที่ทำ A-Academy ก็ไม่ได้คิดเรื่องเงิน
เมื่อคุณค่าอยู่เหนือsurface ได้ประโยชน์ทางอ้อมคือ มีงานสอนให้กับสถาบันการเงินบางแห่ง ทำไม่กี่วันเทียบเท่ากัน
กับคนทำงานทั้งเดือน แค่มีมือถือ ก็สามารถโพสเนื้อหาลงบน Youtubeได้แล้วครับ
Q: ถามคุณวรวุฒิ ว่าไม่เรียน MBA ทำงานได้ไหม
A: ถ้าเรียนจะดีกว่า 100 คนที่เรียน ใครจะได้เท่าไหร่ขึ้นอยู่กับใครมองขุมทรัพย์ที่อยู่ตรงหน้าได้เจอ
เราได้ลายแทง แต่ละคนต้องไปขุดเอง คุณต็อบไม่ต้องเรียน แต่ก็เจอขุมทรัพย์ คนที่เรียนอาจไม่เจอขุมทรัพย์
ผมจบ MBA ก็ไปหาความรู้เพิ่มเติมอีกเยอะ MBA สอนหลายวิชา เพราะเวลาทำงานต้องใช้ทีเดียว8วิชา เช่น
การเงิน , operation management , Human resource management เป็นต้น
ตอนทำคลังสินค้าOffice Mate มีระบบสายพานอย่างหรู แต่คนไม่อยู่กะดึก เพราะผีดุ หลังตั้งศาลพระภูมิ
คนกลับมาทำงาน เพราะไม่ได้ยินเสียงประหลาดแล้ว ซึ่งเป็นความรู้หลายศาสตร์เข้ามาร่วมกัน
ถ้าคุณต็อบเรียนMBA จะเก่งกว่าตอนนี้ซึ่งเก่งอยู่แล้วขึ้นไปอีก
ดร นิเวศน์ บอกว่าน่าจะตั้งหลักสูตรเพิ่มเกี่ยวกับกำจัดผี ยกตัวอย่าง คือ บ้านผมจะต่อเติม และ จะต้องวางเสาเข็ม
ปรากฎว่า แนววางเสาเข็มผ่านตรงศาลพระภูมิพอดี คนงานไม่กล้าไปย้ายศาลพระภูมิ ซึ่งเวลาย้าย ต้องมีหลักฐาน
หลายอย่าง เช่น บัตรประชาชน ดวงของเจ้าของบ้าน รวมถึง ต้องเตรียมเงิน 20,000 บาทเป็นค่าทำพิธีด้วย
บ้านหลังเดิม ตอนตั้งศาลพระภูมิ ก็โดนเรียกค่าทำพิธี 20,000 บาท หัวหน้าคนงานอาสาไปหาพราหมณ์มาทำพิธี
ในงบแค่ 8,000 บาท พอวันทำพิธี ตัวหัวหน้าคนงานก็แต่งชุดพราหมณ์ มาทำพิธี หลังเสร็จงานรับเงินแล้วก็กลับไป
ทำงานต่อ ผมไม่เชื่อเรื่องผี แต่ไม่กล้าลบหลู่ในการย้ายศาลเอง
คุณวรวุฒิเสริมว่า ตอนตั้งศาลพระภูมิที่บริษัทเสียเงินไปเป็นแสนบาท ต้องเชิญพราหมณ์มาจากเสาชิงช้า
หลายคนกำลังคิดว่าเรียน MBA ดีไหม มันขึ้นกับว่า สอนให้คุณคิดอย่างไร เราเป็นนายจ้างรับน้องที่เรียนMBA
ถ้าไม่เรียน แล้วคิดไม่เป็น ดังนั้นต้องไปเรียน ส่วนคนที่คิดเป็น เช่น เจ้าสัวซึ่งจบป4แต่มีลูกน้องจบปริญญาเอก
เขาคิดเป็น คิดเก่ง สามารถสั่งงานดอกเตอร์ได้ ผมคิดว่าไม่ใช่ทุกคนจะเก่งเหมือนต็อบ เลยต้องมาเรียน
เหมือนลายแทงสามารถไปขุดสมบัติได้ Mission ชัดเจน เราก็สามารถกลับมาได้
Q: ถามคุณวรวุฒิต่อว่า อยากเล่าเรื่องการทำธุรกิจ ช่วงนั้นต้องทำอย่างไร
A: แบ่งช่วงตั้งบริษัทออกเป็น3ช่วง
ช่วงที่1 ตั้งตัว ยอดขายน้อยกว่า 200 ล้านบาท ช่วงนี้ใช้เวลา5ปี ยากสุด สร้างจากที่ไม่มีอะไรเลย
เปรียบเทียบเหมือนเครื่องบิน ก่อนบินขึ้น กินพลังงานมากสุด
ธุรกิจ Startup เป็นการขายไอเดียเพื่อหาคนมาลงทุนให้
ช่วงที่ 2 ขยายกิจการ รายได้ตั้งแต่ 200- 2,000 ล้านบาท
สร้างทีมให้ได้ มีทีมที่เก่ง มี Knowhow Process ซึ่งไม่สามารถcopyได้ ถึงแม้ผมบอกหมดเลย แต่
คนอื่นทำตามไม่ได้ เพราะมันมีรายละเอียดอีกมาก ซึ่งผมจะรู้เรื่องดีเพราะเข้าไปคลุกคลีกับปัญหาตลอด
อันนี้เป็นไฮไลด์ของ คุณวรวุฒิเลยครับ
มนุษย์ต้องสองอย่างประกอบกัน
1. Attitude ที่ดี ครอบคลุมทุกมิติ ของ attitude เลย แต่ถ้ากว้างไปให้ Focus ที่อิทธิบาท4 ก็พอ
ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
2. Creativities คือ การมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี
ซึ่งทั้ง2สิ่งนี้จะมียากมากถ้าไม่ได้เรียน MBA มาก่อน
ช่วงที่ 3 เติบโตยั่งยืน
เอาบริษัทไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ มียอดขายเป็น 10,000 ล้านบาท
มี financial model , พัฒนา Strategy ให้เติบโตอย่างยั่งยืน
Q: ถามอาจารย์ไพบูลย์ว่า เรียนแล้วเจอเนื้อคู่บ้างไหม อันนี้ผมเห็นว่าเป็นคำถามสำคัญมาก
A: อาจารย์ตอบว่า ส่วนใหญ่เจอ เพราะว่า ช่วง2ปีที่เรียนอยู่ด้วยกัน มีความใกล้ชิด รู้จักนิสัยกัน
เจออาจารย์ นิเวศน์ เคยบอกว่า ชีวิตคนเราประสบความสำเร็จ มี2ช่วงคือ ช่วงทำงาน และ ช่วงหาแฟน
อันนี้สำคัญ บางครั้งถ้าเราทำเองยาก เลยจับใครสักคนที่ประสบความสำเร็จมาเลยดีกว่า
แต่ ดร นิเวศน์ บอกว่า ผมไปจับหุ้นแทนผู้หญิง อยู่กับเขาไปเรื่อยๆ รอปันผล
อาจารย์ไพบูลย์ ก็มาแชร์ เรื่องวิธีการใช้ชีวิต การเลือกคู่ที่มีศีลใกล้เรา หรือ สูงกว่าเรา ซึ่งฉุดเราขึ้นไป
ทำให้ชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น อันนี้ผมได้นำไปใช้เรียบร้อยแล้วครับอาจารย์
แต่ดร นิเวศน์ บอกว่า เลือกแฟนที่รวยกว่าเรา จับถูก เราก็สบายไป คนที่ตั้งใจเรียน แต่ลืมหาแฟน 30ปีขึ้นไป
ก็หาแฟนยาก ถ้าเลือกได้ก็เลือกให้รวยที่สุด
Q: หมอเคถามคุณต็อบว่า ตอนที่จะข้ามจากการขายรองเท้าในเกมไปที่การขายสาหร่ายเถ้าแก้น้อย มองเห็น
โอกาสได้อย่างไร
A: คุณต็อบตอบว่า ต้องย้อนกลับมาที่การขายเกาลัดก่อน ชีวิตเกิดมาคู่กับปัญหาเลย
เรารู้จักมันดี ต้องต้อนรับขับสู้มันได้ สมัยก่อนทำแฟรนไชส์เกาลัดในห้าง ซึ่งตอนนั้นอายุ19ปี มีขาย30สาขา
อยู่ในLotus 27 สาขา รายได้เดือนละ 2-3 ล้านบาท คิดเป็นกำไร 4-5 แสนบาทต่อเดือน
คิดว่าจะขายเกาลัดไปจนตาย แต่ก็มีปัญหาเรื่องควันหลังคั่วเกาลัด
ผู้บริหารของLotusเปลี่ยนใหม่และมาสำรวจสถานที่ขายของในห้าง พบว่า ที่บูทขายเกาลัด ควันทำให้ฝ้าเหลือง
เจ้าหน้าที่โทรมาหลังจากนั้น2-3วันว่าขอยกเลิกสัญญาเช่าทั้ง27สาขา
คุณต็อบ มีข้อดีอยู่ 3 อย่างคือ1.ดื้อ 2. ดื้อ และ 3. ก็ดื้อ
ดังนั้นไม่ยอมแพ้ ฝ้าเหลืองก็ไปซื้อสีทาฝ้าจาก Homepro มาทาทั้ง 27 สาขา
หลังจากทาเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็มาบอกว่า ยังมีควัน มีกลิ่น และ แสบตา ซึ่งคุณต็อบก็ไม่ยอมแพ้ แก้ปัญหาไป
สุดท้ายก็ไปคั่วด้านนอกและเอามาขายที่บูท ปรากฎว่ายอดขายตกลง 50% อีก3เดือนไม่มีเงินพอจ่ายพนักงาน
ช่วงนั้นไปซื้อไอศกรีมที่ แดรี่ควีน เห็นขายสินค้าอื่นเช่น ไส้กรอก ได้เลยเกิดไอเดีย เอาสาหร่ายมาขายในบูทด้วย
2เดือนผ่านไป สาหร่ายขายดีกว่าเกาลัดเสียอีก มีสาขานึงขายดีมากเลยไปสำรวจดูปรากฎว่าไม่มีสาหร่ายวางขาย
ที่บูท เลยไปสอบถามพนักงาน พบว่า สาหร่ายวางอยู่ใต้บูท และ บอกว่าต้องทำเป็นสินค้าขาด ทำให้คนรู้สึกว่าขายดี
ก็เลยขยายสาขาที่วางขายสาหร่ายจากเดิม 4-5 สาขา ไปขายทุกสาขา และเปลี่ยนเป็นเน้นขายสาหร่าย ทำให้ยอดขาย
ส่วนนี้ขึ้นเป็น 70% ตอนยืนขาย กลุ่มเป้าหมายเดิมที่มาซื้อเกาลัด เป็นอาเจ็ก อาซิ๋ม ม่า แต่กลุ่มใหม่ที่มาเสริมคือ
กลุ่มสาวofficeซึ่งกว้างกว่าเยอะ เลยสนใจทำมากขึ้น
ดร นิเวศน์ บอกว่า ยอดขายเกาลัดลดลง เพราะมันไม่มีกลิ่นเกาลัดตอนคั่ว แนะนำให้ทำกลิ่นเกาลัดมาขาย
ปัญหาอันนึงนำไปสู่โอกาสอีกอันนึง อันนี้เป็นคำคมของ ดร เลยครับ
คุณต็อบพูดต่อเรื่อง คู่แข่งในประเทศ มองเป็นปัญหาก็ได้ ในระหว่าง5ปีที่เริ่มธุรกิจ เคยชกระดับตำบล คือสินค้า O Top
SME พอชนะก็มาแข่งระดับอำเภอ พอมีรายใหญ่เข้ามา ธุรกิจมี detail ทำให้เกิดความได้เปรียบจากประสบการณ์ทำให้คู่แข่งรายใหม่เสียเปรียบ
การมีคู่แข่งทำให้ตลาดขยายตัวจากเมื่อก่อน 1,200 มาเป็น 3,000 ล้านบาท Marketshare ลดจากเดิม 80% ยอด 1,000 ลบเป็น 67-68% แต่ยอดขายโตเป็นมากกว่า 2,000 ล้านบาท
และการโปรโมทสินค้าของคู่แข่งทำให้คนรู้จักสาหร่ายมากขึ้นด้วย นับว่าเป็นมุมมองที่ดีต่อการมีคู่แข่งเข้ามาในตลาด
Q: อาจารย์ไพบูลย์อยากให้คุณต็อบซึ่งประสบความสำเร็จกับสินค้าสาหร่ายเถ้าแก่น้อย มองย้อนมามองMBAอย่างไร
A: บอกกับน้องๆในมหาลัยว่า ผมออกจากโรงเรียนมา เพราะว่าในใจบอกว่าถ้าตื่นขึ้นมาอีก10ปีข้างหน้า ผมไม่ขายเกาลัด ผมจะfail เสียใจที่ไม่ได้ทำ ผมมีเป้าหมายคือ การทำเกาลัด ไม่ใช่เรียน ถ้าตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ต้องมีเป้าหมาย ซึ่ง MBA ช่วยให้เป้าหมายสำเร็จ
Q: อาจารย์ไพบูลย์ ถามกับคุณวรวุฒิและคุณเอ ว่า เทียบกับตัวเราเอง ถ้าได้เรียน MBA จะช่วยไหม
เพราะเราไม่ทำธุรกิจ ไปเรียนก็เสียโอกาส ถ้าสับสนการเรียนจะช่วยได้ไหม
A: ตัดสินใจทำ มุ่งมั่นจริงไหม ทำธุรกิจปัญหาเยอะมาก เหมือนเล่นเกม Level up ขึ้นไปเรื่อยๆ
ใครควรมาเรียน MBA ก็ต้องตัดสินใจดู ผมอยากเรียนปริญญาเอก แต่ต้องทำสิ่งที่อยากทำ สุดท้ายเลยไม่ได้เรียน
เราต้องเรียนรู้ไม่หยุด ทำยอดขายปีแรก 21 ล้านบาท ตอนนี้ยอดขายทะลุ 10,000 ล้านบาทแล้ว เราทำธุรกิจไปเรื่อยๆ
เราก็ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ดังนั้น ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต ประโยคนี้ชอบมากครับ
ส่วน คุณ เอ ศักดา บอกว่ามี 2 ข้อ
คือ 1. ถ้าตัดสินใจเรียน เราต้องตอบได้ก่อนว่าเรียนไปทำไม
2.เรียนมันอย่างไรให้ได้ประโยชน์ ผมนึกไปว่า ตื่นเต้นในการอยากเรียนและได้ประโยชน์จากการเรียน
เรียนให้ดี มีความสุข ตื่นเต้นกับนวัตกรรม และ ข่าวสารใหม่ๆ
สุดท้ายขอขอบคุณวิทยากรทุกท่าน และ ผู้ดำเนินรายการ อาจารย์ไพบูลย์ และ นพ ศุภศักดิ์ รวมถึง เจ้าหน้าที่ทุกท่านครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2576
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Money Talk ภาคพิเศษ “ โลกของคนรุ่นใหม่ กับ MBA ยุคดิจิตอ
โพสต์ที่ 2
Money Talk ภาคพิเศษ “ โลกของคนรุ่นใหม่ กับ MBA ยุคดิจิตอล “ Update
วิทยากร
อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ เถ้าแก่น้อยกรุ๊ป
วรวุฒิ อุ่นใจ กรรมการผู้จัดการ บมจ เซ็นทรัลออนไลน์
ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน
ศักดา สรรพปัญญาวงศ์ A-Academy
อาจารย์ ดร ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ดำเนินการ
นพ ศุภศักดิ์ หล่อธนวณิชย์ พิธีกรรับเชิญ
เกริ่นนำประวัติของวิทยากรก่อนเข้ารายการ
วิทยากรรับเชิญ มี3ท่านเป็นศิษย์เก่าของนิด้า ยกเว้น คุณ ต็อบ อิทธิพัทธ์
ดร นิเวศน์ เรียน MBA หลังจาก ดร ไพบูลย์ 3 รุ่น โดย มีความตั้งใจอยากเรียนเป็นทุน หลังจากอจ ไพบูลย์ชักชวน ก็ตอบตกลงโดยคิดไม่ถึงนาที และ เป็นที่มาของ การเป็นปรมาจารย์ ด้านการลงทุนในเวลาต่อมา
ส่วนคุณวรวุฒิ เป็นศิษย์เก่ารุ่นแรกของ Y MBA และ ได้นำความรู้จากการเรียน MBA ไปก่อตั้ง บริษัท Office Mate
ต่อมาได้รวมกับ Central เป็น Central Online (COL)
คนที่3 คุณ เอ ศักดา เคยเป็น TA , โฆษก และ ถูกอาจารย์ไพบูลย์ดุมากสุด สุดท้ายก็เป็นคนเก่งหลังจบนิด้ามา
อาจารย์ไพบูลย์ จะบอกลูกศิษย์อยู่เสมอว่า ลูกศิษย์ต้องเก่งกว่าอาจารย์ และ ต่อยอดจากอาจารย์ได้
คุณเอ จบมาก็อยู่สายบริหารกองทุน ของ บลจที่บริหารกองทุนแบบ Passive เป็น เวลากว่า 5 ปี หลังจากนั้นก็ออกมา
ทำสิ่งที่ใจอยากทำ ก่อตั้ง A-Academy.net เพื่อให้คนสนใจด้านการเงิน มาเรียนรู้ พร้อมสอบวัดความรู้ได้
ตอนนี้ทำหลักสูตร Financial Foundation รุ่นที่6แล้ว ซึ่งมีผู้เรียน 200 คน ใช้เวลาแค่ 3 นาทีก็เต็มแล้ว เมื่อก่อน
ห้องเรียนเล็กกว่าตอนนี้มาก แต่เนื่องจากคนนิยมกันมากเลยต้องรับเพิ่มจากรุ่นก่อน
ผมเคยจองก็ไม่ทันสักที งานนี้ฟรีทุกอย่างเลยครับ แต่ผมเคยเรียน MoneyLiteracy รุ่น5แล้ว อาจารย์เอ บอกว่า
เนื้อหาคล้ายกัน ถือว่าได้เรียนรู้กับ อาจารย์เอ แล้วครับ
วิทยากรท่านสุดท้าย คุณต๊อบ อิทธิพัทธ์ ไม่ได้จบจากนิด้า แต่เป็นตัวอย่างของชีวิตไม่ได้มาจากการเรียนเพียงอย่างเดียว
เมืองนอกมี มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก แจ๊ก หม่า ในไทยก็มี ต็อบ อิทธิพัทธ์
หมอเค เสริม ตั้งบริษัทมา 11 ปี สร้างกำไร 400 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว ไตรมาสหนึ่งปีนี้ กำไร 160 ล้านบาท สูงกว่านักวิเคราะห์ แจ้งไว้ 86 ล้านบาท
อาจารย์ไพบูลย์ ถามว่า ปิ้งสาหร่ายเป็นไหม คุณต็อบตอบว่า เคยทำแต่ตอนนี้ไม่ค่อยเก่งแล้ว วันนึงปิ้งได้ 8,000 แผ่นต่อคน
ตอนเริ่มต้น ปิ้งได้เพียง 500-1,000 แผ่นต่อคน เคยพีทสุด 10,000 แผ่นต่อคน
ดร นิเวศน์ ถามว่า ปิ้งได้แผ่นละเท่าไหร่ เป็นคำถามที่น่าสนใจ
คุณต็อบ ตอบว่า สมัยก่อนปิ้งได้ 5,000 แผ่นต่อคน เลยให้ incentive สำหรับยอดที่ปิ้งมากกว่า 5,100 แผ่น ปรากฎว่า
สามารถทำได้ 10,000 แผ่น ต่อคน ซึ่งคิดออกมาเป็นรายได้ 15,000-20,000 บาท ต่อ เดือน
Q: เริ่มคำถาม จาก อาจารย์ ดร ไพบูลย์ ถาม ดร นิเวศน์ ว่า จบ MBA และ ยังสอน MBA คิดว่ามีประโยชน์หรือไม่
A: ดร นิเวศน์ ตอบว่า ถ้าเก่งแบบ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็ไม่ต้องเรียน แต่คนทั่วไป ใช้เวลา2ปีเรียนรู้โลกธุรกิจทั้งหมด
เมื่อก่อน ดร เป็นวิศกร กินและนอนที่โรงงานตลอด ไม่รู้โลกภายนอก ถ้ากลับเข้ากรุงเทพก็เที่ยวอย่างเดียว
ไม่รู้ธุรกิจเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าอะไรเป็นปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจ หลังเรียนจบ รู้กว้างกว่าคนที่ไม่ได้เรียน ซึ่งรู้แคบกว่า
บางทีคิดว่ากำไร แต่จริงๆขาดทุน ทำไปสักพักก็เจ็ง
เด็กรุ่นใหม่ อยากรวยแบบ Startup แต่ขายไม่ได้ มีปัจจัยเยอะ คิดไม่ทะลุ
Q: หมอเคถามว่า MBA มีส่วนช่วยเยอะไหม
A: ดร นิเวศน์ตอบว่า การลงทุนแบบพื้นฐานต้องรู้หมด บางครั้งเจอบริษัทที่โดดเด่นเรื่องการตลาด แต่รู้ว่ามีจุดอ่อนซ่อนไว้
คนไม่เข้าใจไปซื้อหุ้นเลยขาดทุน บางบริษัท operation ใช้ไม่ได้ แต่ยอดขายดีมาก เช่น Fitness ถ้าเราไม่รู้จริง มีโอกาสล้มเหลวสูง คุณต็อบเป็น special เหมือน มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก
A: คุณต็อบ เสริมว่า MBA สำคัญมาก ผมไม่ชอบ MBA แต่รู้จักMBAจากพี่ชาย ดูแลด้าน ITและ พี่สาว ดูแล ต่างประเทศ ที่มารับงานแต่ความรู้ไม่เพียงพอเลยไปเรียนต่อ MBA ผมเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เรียนMBA แต่คนรอบข้างเรียน MBA เกิดการผสมผสาน หน้าที่ของผมใน 10ปีที่ผ่านมา มี 2 อย่างคือ
1.กำหนดเป้าหมายชัดเจน
2.หาคนเก่งมาทำให้บรรลุเป้าหมาย ดังนั้นคนที่มาทำงานจบ MBA ทั้งหมด
อาจารย์ไพบูลย์บอกว่า ฟังต๊อบแล้วมั่นใจว่า MBA ช่วยได้ 100% และ เปลี่ยนมาถามคุณวรวุฒิว่ามีมุมมองอย่างไรต่อ MBA
A: คุณวรวุฒิ กล่าวว่า Office Mate เกิดจาก Project ที่ทำกับเพื่อนในชั้นเรียนMBA ที่นิด้า
บริษัทเข้าตลาดเมื่อ 5 ปีที่แล้ว IPO ราคา 4.9 บาท เคยไปสูงสุด 84.75 บาท ภายใน 3 ปี
ช่วงแรกหลังจากจบปริญญาตรีมา ก็มาช่วยงานที่บ้าน3-4ปี ซึ่งทำยี่ปั้ว ในช่วงปี 2525-26 ปรากฎว่าเจอน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพ ค้าขายไม่ได้ 3-4 เดือน ค่าเงินอ่อนตัวจาก 20 บาท เป็น 25 บาทต่อ ดอลลาร์ ธุรกิจเกือบเจ๊ง
ตอนที่เรียนอยู่ที่เกษตร มีวิชาค้าขาย ทำให้รู้ว่า พ่อค้าส่งท้ายสุดจะหายไป เราจะย้ายไปค้าปลีก ซึ่งอยู่ในมือของ
Modern trade ถ้าเราทำ retail จะถูกบริษัทใหญ่กินรวบ หลังจากมาเจอ Catalog sales เลยคิดว่ามันใช่
งานที่ช่วยทำให้ที่บ้าน คืองานร้านเครื่องเขียนที่ตั้งบนตึกแถว ปรากฎว่า ขายดี งานที่ทำตั้งแต่เช้า เช็คstock
ตอนสายทำ call center ตกเย็นก็เคลียร์บัญชี ถ้าส่งไม่ทัน ก็ไปช่วยส่งของด้วย ผมไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอด
ประกอบกับความรู้ไม่เพียงพอเลยมาสมัครเข้าเรียน Y MBA ซึ่งเขารับผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์ 3-10ปี
อายุไม่เกิน 30 ปี แต่ถ้าอายุมากกว่า 30ปี ก็ไปเรียนคอร์ตอีกอัน หลักสูตร Y MBA เรียนตอนเย็น เลยสามารถทำงาน
ควบคู่กับเรียนได้เลย เราได้เรียนรู้ Case study ระดับโลก ยอดขายก็ระดับ ล้านล้านบาท
อยากจะเสริมเรื่องวิธีการเรียนว่า ต้องตั้งวัตถุประสงค์ ส่วนของผมคือ อยากไปตั้งบริษัท
ดังนั้นตอนเรียนวิชา Marketing , Finance , Human และ วิชาอื่นๆ ก็พยายามคิดว่าตั้งบริษัทต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวิชา
ชื่อบริษัท Office Mate ก็มาจากชื่อของเพื่อนในกลุ่มที่เสนอเข้ามา 3-4 ชื่อ สุดท้ายก็เลือก Office Mate
และเอา Project นี้ไปเสนอธนาคารรวงข้าว โดยเขียน Feasibility มีเงิน 7-8 ล้านบาทกู้ได้ถึง 25 ล้านบาท
หลังจบ MBA ก็มาทำ Catalog Office Mate โดยศึกษารูปแบบจาก อเมริกา ยุโรป และ ญี่ปุ่น เอาของ3ที่มารวม
กัน ทำให้เกิด Catalog Office Mate ขึ้นมา
Q: ถาม คุณเอ อยากให้เล่าความเป็นมาของ A-Academy ครับ
A: หลังจากผมเรียนจบ ปวช ช่างกลโรงงาน ก็ทางเลือกไม่มาก เช่น สอบเรียนต่อวิศวะ
หลังจากเข้าไปเรียน ได้รู้ว่า จะไม่ทำงานวิศวะแน่นอน พอเรียนจบ ก็หาทางถ่วงเวลา
ได้มีโอกาสอ่านหนังสือตีแตก และ ท้ายเล่มเขียนว่าผู้แต่งจบจากนิด้า เป็นเหตุผล
ให้มาลองสำรวจสถานที่ดู เห็น นักศึกษานั่งทำงานกันเป็นกลุ่มใต้ตึก มีการถกเถียงกันอย่าง
จริงจัง ดูน่าสนใจ เลยเลือกเรียนที่นี่
ประโยชน์ จากการเรียน MBA ที่นี่
1. ถ่วงเวลา ในการไปทำงานที่ไม่ชอบ
2. เห็นภาพที่ครบขึ้น นึกว่ารู้ แต่จริงๆไม่รู้ เช่น การตลาด เวลาอ่านนิตยสารเช่น Brandage เลยไม่รู้เรื่อง
แต่พอผ่านเบ้าหลอม เห็นจักรวาล มีความสามารถคิดไปต่อถึงขอบจักรวาลได้
วิชาพื้นฐาน ได้แก่ การตลาด ,operation ,การเงิน ,บัญชี ,จัดการทรัพยากรมนุษย์
ผมมีความสามารถในการเลือกมากขึ้น ครั้งแรกจะเลือก operation management เพราะเรียนวิศวะมาก่อน
แต่เจออาจารย์ไพบูลย์ เลยเปลี่ยนใจมาเรียนการเงินแทน ได้วัตถุดิบมากพอในการไปต่อในชีวิต
“ ทางถูก เดินไปเรื่อยๆ ก็ถึงเอง “
ที่มาของชื่อ A-Academy ซึ่งเป็น financial education ไม่คิดค่าใช้จ่าย
ตอนนี้กำลังเริ่มทดลอง Self fund โดยผู้เรียนจ่ายในส่วนของตัวเองเพื่อบริจาค แต่ ผู้สอนไม่ได้สิ่งตอบแทน
วิชาการเงิน ได้เรียนรู้มูลค่าเงินตามเวลา ถ้าชลอการบริโภคไปได้
คำสุภาษิตไทย อดเปรี้ยวไว้กินหวาน แต่ ทางการเงิน มี financial benefit มากกว่านี้
หลังจากจบได้ทำงานเป็นที่ปรึกษาการลงทุน รู้ว่าต้องศึกษาอะไรบ้าง
Q: หมอเค ถามต่อว่า คนเรียน MBA กลัวว่าเรียนไปไม่ได้ใช้ การเปลี่ยนงานจากการเรียนช่างมา7ปี
เป็นการเรียนวิชาการเงิน เป็นคำตอบที่ต้องคิดไหม
A: จริงๆเหมือนไม่ได้ทิ้ง เราจะเรียนรู้ตัวเองจากการทดลองหลายๆครั้ง ดูว่าอะไรที่เราถนัด อันไหนไม่ถนัด
เรียนไป100อย่าง แต่ถนัดแค่ 2-3 อย่าง ก็คุ้มแล้ว
A-Academy เริ่มต้นเมื่อปี 2005 ก่อนเรียน MBA แรกๆคนดูไม่เยอะ แต่ตอนนั้นก็มี Youtube แล้วแต่upload
ได้แค่ 10นาที ซึ่งเป็นตัวอย่างทดลองเล็กๆที่ไม่ได้ใช้เงินเยอะ แต่ตาม feedback ได้ค่อนข้างยาก
ต้นแบบมาจาก Khan academy ซึ่งให้ความรู้ตั้งแต่ การนับเลข จนถึง แคลคูลัส ประวัติศาสตร์ ภาษา Art
ทำโดย คนอินเดีย คนเดียว มีอายุแค่30กว่าปี มีเสน่ห์ ถ่ายทอดเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
เราสามารถช่วยเหลือเขาได้ เช่น บริจาคเงิน แต่ที่ดีกว่านั้นคือ ทำเหมือนเขา เลยเป็นการจุดประกายของผม
ในการcopyรูปแบบ รวมถึงชื่อจนมากลายเป็น A-Academy ด้านการเงิน เป็น Logicalize แต่เถ้าแก่น้อย
จะเป็น Globalize
คุณต็อบ มาเล่าถึง เวลาอยู่ต่างประเทศ เจออะไรมาบ้าง เช่น ที่เมืองจีน จะมีภาษาจีนกำกับอยู่ข้างๆซอง
ซึ่งเป็นชื่อ เซี่ยวหลอปั่น หมายถึง เถ้าแก่น้อย และ ก็มีภาษาอังกฤษทับศัพท์ไปด้วย
ช่วงแรกที่ขายสาหร่ายเถ้าแก่น้อย ได้ส่งออกไปขายที่ ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน
คนที่เคยมาเที่ยวไทย เห็นมีขายที่นั่น จะดูสินค้ามีพรีเมี่ยม
มีการ Launch หนัง Top Secret จากค่ายหนัง GTH ในวันที่ 20 ตุลาคม 2553 บอกพนักงานว่าจะพาไปดู
ปรากฎว่าวันนั้น เจอน้ำท่วม2เมตรที่โรงงาน ก็เลยไม่ได้ไปเพราะต้องมาดูแลโรงงานแทน
ทำให้มีกลุ่มวัยรุ่นที่ดูหนังเรื่องนี้มาเป็นลูกค้าอีกกลุ่ม หลังจากนั้น content ได้ย้ายไปต่างประเทศ
ทำให้ติดอันดับหนึ่งในหนังเข้าฉายที่ไต้หวัน และ มีการแปลเป็นภาษาจีนลงยูทู ซึ่งคล้ายกับ Youtube
คนจีนเลยรู้จักว่าสินค้าสาหร่ายเถ้าแก่น้อย หรือ เซี่ยวหลงปัน นั้นเป็นสินค้าจากเมืองไทย
ผมเคยไปเป็นวิทยากรที่ Harvard University เมื่อ3ปีที่แล้ว รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน ฝรั่งจะรู้เรื่องไหมเพราะ
พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่ง ได้น้องที่เรียนที่นั่นมาช่วยแปลจากไทยเป็นอังกฤษให้
ที่น่าสนใจคือ ก่อนขึ้นเวทีก็คิดว่าคำถามของฝรั่งจะเป็นแนวไหน ปรากฎว่าคำถามคล้ายกับคนไทยถามเลย
เช่น ทำไมถึงคิดมาทำธุรกิจนี้ ก็เลยตอบได้ แต่คนที่อเมริกาแตกต่างจากไทยคือ เวลาให้ถาม ทุกคนพุ่งคำถาม
มาเหมือนแจกเงิน ทุกคนที่เข้ามาฟังพร้อมที่จะถาม มีimpressionมาก
คุณต็อบมาเล่าที่มาของการทำสาหร่ายให้ฟัง โดยย้อนไปถึงช่วงแรก ชอบโดดเรียนไปเล่นเกมกับคนที่อเมริกา
ชื่อเกม Warcraft ซึ่งนำมาสร้างเป็นหนังฉายอยู่เมืองไทยตอนนี้ ซึ่งเนื้อหาคล้ายกับ Lord of the Ring
เล่นเป็นนักรบได้ 3-4 เดือนคิดว่าจะเลิกเล่น เพราะ ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง ก็เลยไม่ชนะ คนในเกมเห็นว่าคุย
ไม่ได้ก็จะdelete ออกจากกลุ่ม เลยเปลี่ยนตัวเล่นเป็นพ่อค้าชื่อ เฮอคิวลิส และ ปลอมตัวเข้าไปในเกมใหม่
ผ่านไป4เดือน ปรากฎว่า เฮอคิวลิสรวยที่สุดในผู้เล่น 40,000 คน ซึ่งบทบาทพ่อค้าไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเยอะ
วันๆอยู่แต่ในตลาดพลาซ่า ซึ่งการขายสินค้า จะรู้ว่า ดาบ โล่ ซื้อขายกันในราคาเท่าไหร่ เพียงแค่4-5เดือนมีเพื่อน
เต็มไปหมด เป็นจุดนึงของความกระตือรือร้นในการทำเถ้าแก่น้อย
วันนึงเพื่อนในเกมถามผมว่า ร่ำรวยในเกมขนาดนี้ ทำไมไม่ขายเป็นเงินจริงละ
ผมไม่เชื่อเลยทดลองให้รองเท้าในเกมไปคู่นึง ไม่น่าเชื่อวัน 3-4 วันผ่านไป เขามาบอกว่าจะโอนเงินมาให้
ผ่านช่องทาง Western Union เลยให้เลขที่บัตรประชาชนไป หลังจากนั้น วันนึงจะไปโรงเรียน ก็ได้เรียกTaxi
ขณะนั่งรถผ่านธนาคารกรุงศรีอยุธยา เห็นป้าย Western เลยแวะจอดไปเช็คว่าได้เงินจริงหรือไม่
ปรากฎว่า พนักงานธนาคารนับธนบัตรใบละพัน ก่อนให้เรา หนึ่ง สอง สาม ……แปด พระเจ้า แปดพันบาท
ผมรับเงินและเดินออกมาหน้าธนาคาร มองไปที่ท้องฟ้า รู้สึกท้องฟ้าสดใสมาก รู้สึกตื่นเต้น เพราะ ผมยังมี
รองเท้าแบบนี้ในเกมอีกหลายร้อยคู่ บอกกับตัวเองว่า รวยแล้ว เลยนั่งTaxiคันเดิมกลับมาที่บ้าน
คุยกับเพื่อนในเกมว่า I want money เขาเลยเป็นเอเยนต์ให้นับจากตอนนั้น ตอนหลังก็มีอีกหลายคนเป็นเอเยนต์ให้
ขายสินค้าได้เดือนละ 4แสนบาท เป็นเวลาประมาณเป็นปี เพราะช่วงนั้นคนนิยมเล่นเกมนี้มาก
สรุป จุดเปลี่ยนความคิด คือการขายรองเท้าในเกมได้ 8,000 บาท ต่างจากที่มีคนมากรอกหูบ่อยๆว่า
ขยันเรียน พอจบออกมา จะได้งานทำที่ดีๆ เลยเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด ไม่ต้องเรียนเก่งก็หาเงินได้
ดร นิเวศน์ ได้เสริมขึ้นว่า ก่อนมาทำธุรกิจลูกน้ำซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ ก็มาเป็นพ่อค้าขายหมากฝรั่ง
ไม่รู้เป็นความบังเอิญหรือไม่ เพราะผมได้อ่านชีวประวัติของ คุณวอร์เรน บัฟเฟต ตอนเด็ก ก็เคยรับหมากฝรั่งมาขาย
เหมือนกัน แต่ปรากฎว่าขายไม่ดีเลยมาตรวจสอบฝาขวดของเครื่องขายน้ำอัดลมว่าเป็นยี่ห้อไหนเยอะสุด ซึ่งก็คือ
ยี่ห้อ โคคา โคลา เลยเปลี่ยนมา ขายน้ำโคคา โคลา ปรากฎว่ากำไรดีกว่าขายหมากฝรั่งมาก
คนเก่งจะคิดอะไรที่คล้ายกัน กลับมาที่ ดร นิเวศน์กันต่อ ซึ่งซื้อมาหมากฝรั่งแถวละ 7.50 บาท และเอามาแบ่งขาย
ตั้งแต่เรียนประถมปีที่4 มีโปรโมชั่น เดาทาย ว่าในมือมีกี่เหรียญ ทายถูกก็กินฟรี นอกจากนี้ ดร นิเวศน์ยังเขียนสุนทรพจน์
ได้เก่งมาก และให้ อาจารย์ไพบูลย์พูดแทน เมื่อได้รางวัลก็นำมาแบ่งกัน
ส่วนมุมมองในเรื่องการเรียน MBA นั้น ดร นิเวศน์ บอกว่า ถ้าเรียน MBAเสร็จแล้วไปเป็นลูกจ้าง จะไม่ประสบความสำเร็จ
เป็นจังหวะชีวิต คนพวกนี้ต้อง Passion ผมเสียดายเวลาที่เรียนวิศวะ ทำงานที่โรงงานกว่า 8 ปีจึงหลุดมาได้
เคยโดนเครื่องจักรทับ นิ้วงอไม่ได้ ทำให้เกิดแรงกระตุ้นในการเรียนต่อ MBA และ อีกสาเหตุคือเราต้องเลี้ยงดูพ่อกับแม่
ไปทำงานหาเงิน และ มาเรียนต่อ เด็กสมัยนี้มีโอกาสมาก เรียนจบ 2-3 ปี ค่อยมาทำงาน ทำขาดทุนก็ไม่เป็นไร เพราะ
พ่อแม่มีเงิน มีเสรีภาพ สมัยใหม่มีเครื่องมือ มาช่วยเยอะ มี Venture Capital หรือ Start up มาสนับสนุน
ขอให้เป็นคนเก่ง และ มี Passion ทำเพื่ออะไร อย่าง คุณ เอ ศักดา มาแก้ปัญหาเรื่องเงินทองของคนทั่วไป
เดี๋ยวความสำเร็จก็มาเอง โอกาสสมัยใหม่มีมาก มี Passion ก็จะมี VC มาช่วย ดีกว่าผมสมัยก่อน เพาะลูกน้ำมา
แต่ไม่รู้ขายที่ไหน จนกลายเป็นยุงบินไป
อาจารย์ เอ ศักดา เสริมว่า คนมีปัญหาก็หาทางแก้ไขกันไป ตอนนั้นที่ทำ A-Academy ก็ไม่ได้คิดเรื่องเงิน
เมื่อคุณค่าอยู่เหนือsurface ได้ประโยชน์ทางอ้อมคือ มีงานสอนให้กับสถาบันการเงินบางแห่ง ทำไม่กี่วันเทียบเท่ากัน
กับคนทำงานทั้งเดือน แค่มีมือถือ ก็สามารถโพสเนื้อหาลงบน Youtubeได้แล้วครับ
Q: ถามคุณวรวุฒิ ว่าไม่เรียน MBA ทำงานได้ไหม
A: ถ้าเรียนจะดีกว่า 100 คนที่เรียน ใครจะได้เท่าไหร่ขึ้นอยู่กับใครมองขุมทรัพย์ที่อยู่ตรงหน้าได้เจอ
เราได้ลายแทง แต่ละคนต้องไปขุดเอง คุณต็อบไม่ต้องเรียน แต่ก็เจอขุมทรัพย์ คนที่เรียนอาจไม่เจอขุมทรัพย์
ผมจบ MBA ก็ไปหาความรู้เพิ่มเติมอีกเยอะ MBA สอนหลายวิชา เพราะเวลาทำงานต้องใช้ทีเดียว8วิชา เช่น
การเงิน , operation management , Human resource management เป็นต้น
ตอนทำคลังสินค้าOffice Mate มีระบบสายพานอย่างหรู แต่คนไม่อยู่กะดึก เพราะผีดุ หลังตั้งศาลพระภูมิ
คนกลับมาทำงาน เพราะไม่ได้ยินเสียงประหลาดแล้ว ซึ่งเป็นความรู้หลายศาสตร์เข้ามาร่วมกัน
ถ้าคุณต็อบเรียนMBA จะเก่งกว่าตอนนี้ซึ่งเก่งอยู่แล้วขึ้นไปอีก
ดร นิเวศน์ บอกว่าน่าจะตั้งหลักสูตรเพิ่มเกี่ยวกับกำจัดผี ยกตัวอย่าง คือ บ้านผมจะต่อเติม และ จะต้องวางเสาเข็ม
ปรากฎว่า แนววางเสาเข็มผ่านตรงศาลพระภูมิพอดี คนงานไม่กล้าไปย้ายศาลพระภูมิ ซึ่งเวลาย้าย ต้องมีหลักฐาน
หลายอย่าง เช่น บัตรประชาชน ดวงของเจ้าของบ้าน รวมถึง ต้องเตรียมเงิน 20,000 บาทเป็นค่าทำพิธีด้วย
บ้านหลังเดิม ตอนตั้งศาลพระภูมิ ก็โดนเรียกค่าทำพิธี 20,000 บาท หัวหน้าคนงานอาสาไปหาพราหมณ์มาทำพิธี
ในงบแค่ 8,000 บาท พอวันทำพิธี ตัวหัวหน้าคนงานก็แต่งชุดพราหมณ์ มาทำพิธี หลังเสร็จงานรับเงินแล้วก็กลับไป
ทำงานต่อ ผมไม่เชื่อเรื่องผี แต่ไม่กล้าลบหลู่ในการย้ายศาลเอง
คุณวรวุฒิเสริมว่า ตอนตั้งศาลพระภูมิที่บริษัทเสียเงินไปเป็นแสนบาท ต้องเชิญพราหมณ์มาจากเสาชิงช้า
หลายคนกำลังคิดว่าเรียน MBA ดีไหม มันขึ้นกับว่า สอนให้คุณคิดอย่างไร เราเป็นนายจ้างรับน้องที่เรียนMBA
ถ้าไม่เรียน แล้วคิดไม่เป็น ดังนั้นต้องไปเรียน ส่วนคนที่คิดเป็น เช่น เจ้าสัวซึ่งจบป4แต่มีลูกน้องจบปริญญาเอก
เขาคิดเป็น คิดเก่ง สามารถสั่งงานดอกเตอร์ได้ ผมคิดว่าไม่ใช่ทุกคนจะเก่งเหมือนต็อบ เลยต้องมาเรียน
เหมือนลายแทงสามารถไปขุดสมบัติได้ Mission ชัดเจน เราก็สามารถกลับมาได้
Q: ถามคุณวรวุฒิต่อว่า อยากเล่าเรื่องการทำธุรกิจ ช่วงนั้นต้องทำอย่างไร
A: แบ่งช่วงตั้งบริษัทออกเป็น3ช่วง
ช่วงที่1 ตั้งตัว ยอดขายน้อยกว่า 200 ล้านบาท ช่วงนี้ใช้เวลา5ปี ยากสุด สร้างจากที่ไม่มีอะไรเลย
เปรียบเทียบเหมือนเครื่องบิน ก่อนบินขึ้น กินพลังงานมากสุด
ธุรกิจ Startup เป็นการขายไอเดียเพื่อหาคนมาลงทุนให้
ช่วงที่ 2 ขยายกิจการ รายได้ตั้งแต่ 200- 2,000 ล้านบาท
สร้างทีมให้ได้ มีทีมที่เก่ง มี Knowhow Process ซึ่งไม่สามารถcopyได้ ถึงแม้ผมบอกหมดเลย แต่
คนอื่นทำตามไม่ได้ เพราะมันมีรายละเอียดอีกมาก ซึ่งผมจะรู้เรื่องดีเพราะเข้าไปคลุกคลีกับปัญหาตลอด
อันนี้เป็นไฮไลด์ของ คุณวรวุฒิเลยครับ
มนุษย์ต้องสองอย่างประกอบกัน
1. Attitude ที่ดี ครอบคลุมทุกมิติ ของ attitude เลย แต่ถ้ากว้างไปให้ Focus ที่อิทธิบาท4 ก็พอ
ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
2. Creativities คือ การมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี
ซึ่งทั้ง2สิ่งนี้จะมียากมากถ้าไม่ได้เรียน MBA มาก่อน
ช่วงที่ 3 เติบโตยั่งยืน
เอาบริษัทไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ มียอดขายเป็น 10,000 ล้านบาท
มี financial model , พัฒนา Strategy ให้เติบโตอย่างยั่งยืน
Q: ถามอาจารย์ไพบูลย์ว่า เรียนแล้วเจอเนื้อคู่บ้างไหม อันนี้ผมเห็นว่าเป็นคำถามสำคัญมาก
A: อาจารย์ตอบว่า ส่วนใหญ่เจอ เพราะว่า ช่วง2ปีที่เรียนอยู่ด้วยกัน มีความใกล้ชิด รู้จักนิสัยกัน
เจออาจารย์ นิเวศน์ เคยบอกว่า ชีวิตคนเราประสบความสำเร็จ มี2ช่วงคือ ช่วงทำงาน และ ช่วงหาแฟน
อันนี้สำคัญ บางครั้งถ้าเราทำเองยาก เลยจับใครสักคนที่ประสบความสำเร็จมาเลยดีกว่า
แต่ ดร นิเวศน์ บอกว่า ผมไปจับหุ้นแทนผู้หญิง อยู่กับเขาไปเรื่อยๆ รอปันผล
อาจารย์ไพบูลย์ ก็มาแชร์ เรื่องวิธีการใช้ชีวิต การเลือกคู่ที่มีศีลใกล้เรา หรือ สูงกว่าเรา ซึ่งฉุดเราขึ้นไป
ทำให้ชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น อันนี้ผมได้นำไปใช้เรียบร้อยแล้วครับอาจารย์
แต่ดร นิเวศน์ บอกว่า เลือกแฟนที่รวยกว่าเรา จับถูก เราก็สบายไป คนที่ตั้งใจเรียน แต่ลืมหาแฟน 30ปีขึ้นไป
ก็หาแฟนยาก ถ้าเลือกได้ก็เลือกให้รวยที่สุด
Q: หมอเคถามคุณต็อบว่า ตอนที่จะข้ามจากการขายรองเท้าในเกมไปที่การขายสาหร่ายเถ้าแก้น้อย มองเห็น
โอกาสได้อย่างไร
A: คุณต็อบตอบว่า ต้องย้อนกลับมาที่การขายเกาลัดก่อน ชีวิตเกิดมาคู่กับปัญหาเลย
เรารู้จักมันดี ต้องต้อนรับขับสู้มันได้ สมัยก่อนทำแฟรนไชส์เกาลัดในห้าง ซึ่งตอนนั้นอายุ19ปี มีขาย30สาขา
อยู่ในLotus 27 สาขา รายได้เดือนละ 2-3 ล้านบาท คิดเป็นกำไร 4-5 แสนบาทต่อเดือน
คิดว่าจะขายเกาลัดไปจนตาย แต่ก็มีปัญหาเรื่องควันหลังคั่วเกาลัด
ผู้บริหารของLotusเปลี่ยนใหม่และมาสำรวจสถานที่ขายของในห้าง พบว่า ที่บูทขายเกาลัด ควันทำให้ฝ้าเหลือง
เจ้าหน้าที่โทรมาหลังจากนั้น2-3วันว่าขอยกเลิกสัญญาเช่าทั้ง27สาขา
คุณต็อบ มีข้อดีอยู่ 3 อย่างคือ1.ดื้อ 2. ดื้อ และ 3. ก็ดื้อ
ดังนั้นไม่ยอมแพ้ ฝ้าเหลืองก็ไปซื้อสีทาฝ้าจาก Homepro มาทาทั้ง 27 สาขา
หลังจากทาเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็มาบอกว่า ยังมีควัน มีกลิ่น และ แสบตา ซึ่งคุณต็อบก็ไม่ยอมแพ้ แก้ปัญหาไป
สุดท้ายก็ไปคั่วด้านนอกและเอามาขายที่บูท ปรากฎว่ายอดขายตกลง 50% อีก3เดือนไม่มีเงินพอจ่ายพนักงาน
ช่วงนั้นไปซื้อไอศกรีมที่ แดรี่ควีน เห็นขายสินค้าอื่นเช่น ไส้กรอก ได้เลยเกิดไอเดีย เอาสาหร่ายมาขายในบูทด้วย
2เดือนผ่านไป สาหร่ายขายดีกว่าเกาลัดเสียอีก มีสาขานึงขายดีมากเลยไปสำรวจดูปรากฎว่าไม่มีสาหร่ายวางขาย
ที่บูท เลยไปสอบถามพนักงาน พบว่า สาหร่ายวางอยู่ใต้บูท และ บอกว่าต้องทำเป็นสินค้าขาด ทำให้คนรู้สึกว่าขายดี
ก็เลยขยายสาขาที่วางขายสาหร่ายจากเดิม 4-5 สาขา ไปขายทุกสาขา และเปลี่ยนเป็นเน้นขายสาหร่าย ทำให้ยอดขาย
ส่วนนี้ขึ้นเป็น 70% ตอนยืนขาย กลุ่มเป้าหมายเดิมที่มาซื้อเกาลัด เป็นอาเจ็ก อาซิ๋ม ม่า แต่กลุ่มใหม่ที่มาเสริมคือ
กลุ่มสาวofficeซึ่งกว้างกว่าเยอะ เลยสนใจทำมากขึ้น
ดร นิเวศน์ บอกว่า ยอดขายเกาลัดลดลง เพราะมันไม่มีกลิ่นเกาลัดตอนคั่ว แนะนำให้ทำกลิ่นเกาลัดมาขาย
ปัญหาอันนึงนำไปสู่โอกาสอีกอันนึง อันนี้เป็นคำคมของ ดร เลยครับ
คุณต็อบพูดต่อเรื่อง คู่แข่งในประเทศ มองเป็นปัญหาก็ได้ ในระหว่าง5ปีที่เริ่มธุรกิจ เคยชกระดับตำบล คือสินค้า O Top
SME พอชนะก็มาแข่งระดับอำเภอ พอมีรายใหญ่เข้ามา ธุรกิจมี detail ทำให้เกิดความได้เปรียบจากประสบการณ์ทำให้คู่แข่งรายใหม่เสียเปรียบ
การมีคู่แข่งทำให้ตลาดขยายตัวจากเมื่อก่อน 1,200 มาเป็น 3,000 ล้านบาท Marketshare ลดจากเดิม 80% ยอด 1,000 ลบเป็น 67-68% แต่ยอดขายโตเป็นมากกว่า 2,000 ล้านบาท
และการโปรโมทสินค้าของคู่แข่งทำให้คนรู้จักสาหร่ายมากขึ้นด้วย นับว่าเป็นมุมมองที่ดีต่อการมีคู่แข่งเข้ามาในตลาด
Q: อาจารย์ไพบูลย์อยากให้คุณต็อบซึ่งประสบความสำเร็จกับสินค้าสาหร่ายเถ้าแก่น้อย มองย้อนมามองMBAอย่างไร
A: บอกกับน้องๆในมหาลัยว่า ผมออกจากโรงเรียนมา เพราะว่าในใจบอกว่าถ้าตื่นขึ้นมาอีก10ปีข้างหน้า ผมไม่ขายเกาลัด ผมจะfail เสียใจที่ไม่ได้ทำ ผมมีเป้าหมายคือ การทำเกาลัด ไม่ใช่เรียน ถ้าตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ต้องมีเป้าหมาย ซึ่ง MBA ช่วยให้เป้าหมายสำเร็จ
Q: อาจารย์ไพบูลย์ ถามกับคุณวรวุฒิและคุณเอ ว่า เทียบกับตัวเราเอง ถ้าได้เรียน MBA จะช่วยไหม
เพราะเราไม่ทำธุรกิจ ไปเรียนก็เสียโอกาส ถ้าสับสนการเรียนจะช่วยได้ไหม
A: ตัดสินใจทำ มุ่งมั่นจริงไหม ทำธุรกิจปัญหาเยอะมาก เหมือนเล่นเกม Level up ขึ้นไปเรื่อยๆ
ใครควรมาเรียน MBA ก็ต้องตัดสินใจดู ผมอยากเรียนปริญญาเอก แต่ต้องทำสิ่งที่อยากทำ สุดท้ายเลยไม่ได้เรียน
เราต้องเรียนรู้ไม่หยุด ทำยอดขายปีแรก 21 ล้านบาท ตอนนี้ยอดขายทะลุ 10,000 ล้านบาทแล้ว เราทำธุรกิจไปเรื่อยๆ
เราก็ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ดังนั้น ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต ประโยคนี้ชอบมากครับ
ส่วน คุณ เอ ศักดา บอกว่ามี 2 ข้อ
คือ 1. ถ้าตัดสินใจเรียน เราต้องตอบได้ก่อนว่าเรียนไปทำไม
2.เรียนมันอย่างไรให้ได้ประโยชน์ ผมนึกไปว่า ตื่นเต้นในการอยากเรียนและได้ประโยชน์จากการเรียน
เรียนให้ดี มีความสุข ตื่นเต้นกับนวัตกรรม และ ข่าวสารใหม่ๆ
สุดท้ายขอขอบคุณวิทยากรทุกท่าน และ ผู้ดำเนินรายการ อาจารย์ไพบูลย์ และ นพ ศุภศักดิ์ รวมถึง เจ้าหน้าที่ทุกท่านครับ
วิทยากร
อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ เถ้าแก่น้อยกรุ๊ป
วรวุฒิ อุ่นใจ กรรมการผู้จัดการ บมจ เซ็นทรัลออนไลน์
ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน
ศักดา สรรพปัญญาวงศ์ A-Academy
อาจารย์ ดร ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ดำเนินการ
นพ ศุภศักดิ์ หล่อธนวณิชย์ พิธีกรรับเชิญ
เกริ่นนำประวัติของวิทยากรก่อนเข้ารายการ
วิทยากรรับเชิญ มี3ท่านเป็นศิษย์เก่าของนิด้า ยกเว้น คุณ ต็อบ อิทธิพัทธ์
ดร นิเวศน์ เรียน MBA หลังจาก ดร ไพบูลย์ 3 รุ่น โดย มีความตั้งใจอยากเรียนเป็นทุน หลังจากอจ ไพบูลย์ชักชวน ก็ตอบตกลงโดยคิดไม่ถึงนาที และ เป็นที่มาของ การเป็นปรมาจารย์ ด้านการลงทุนในเวลาต่อมา
ส่วนคุณวรวุฒิ เป็นศิษย์เก่ารุ่นแรกของ Y MBA และ ได้นำความรู้จากการเรียน MBA ไปก่อตั้ง บริษัท Office Mate
ต่อมาได้รวมกับ Central เป็น Central Online (COL)
คนที่3 คุณ เอ ศักดา เคยเป็น TA , โฆษก และ ถูกอาจารย์ไพบูลย์ดุมากสุด สุดท้ายก็เป็นคนเก่งหลังจบนิด้ามา
อาจารย์ไพบูลย์ จะบอกลูกศิษย์อยู่เสมอว่า ลูกศิษย์ต้องเก่งกว่าอาจารย์ และ ต่อยอดจากอาจารย์ได้
คุณเอ จบมาก็อยู่สายบริหารกองทุน ของ บลจที่บริหารกองทุนแบบ Passive เป็น เวลากว่า 5 ปี หลังจากนั้นก็ออกมา
ทำสิ่งที่ใจอยากทำ ก่อตั้ง A-Academy.net เพื่อให้คนสนใจด้านการเงิน มาเรียนรู้ พร้อมสอบวัดความรู้ได้
ตอนนี้ทำหลักสูตร Financial Foundation รุ่นที่6แล้ว ซึ่งมีผู้เรียน 200 คน ใช้เวลาแค่ 3 นาทีก็เต็มแล้ว เมื่อก่อน
ห้องเรียนเล็กกว่าตอนนี้มาก แต่เนื่องจากคนนิยมกันมากเลยต้องรับเพิ่มจากรุ่นก่อน
ผมเคยจองก็ไม่ทันสักที งานนี้ฟรีทุกอย่างเลยครับ แต่ผมเคยเรียน MoneyLiteracy รุ่น5แล้ว อาจารย์เอ บอกว่า
เนื้อหาคล้ายกัน ถือว่าได้เรียนรู้กับ อาจารย์เอ แล้วครับ
วิทยากรท่านสุดท้าย คุณต๊อบ อิทธิพัทธ์ ไม่ได้จบจากนิด้า แต่เป็นตัวอย่างของชีวิตไม่ได้มาจากการเรียนเพียงอย่างเดียว
เมืองนอกมี มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก แจ๊ก หม่า ในไทยก็มี ต็อบ อิทธิพัทธ์
หมอเค เสริม ตั้งบริษัทมา 11 ปี สร้างกำไร 400 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว ไตรมาสหนึ่งปีนี้ กำไร 160 ล้านบาท สูงกว่านักวิเคราะห์ แจ้งไว้ 86 ล้านบาท
อาจารย์ไพบูลย์ ถามว่า ปิ้งสาหร่ายเป็นไหม คุณต็อบตอบว่า เคยทำแต่ตอนนี้ไม่ค่อยเก่งแล้ว วันนึงปิ้งได้ 8,000 แผ่นต่อคน
ตอนเริ่มต้น ปิ้งได้เพียง 500-1,000 แผ่นต่อคน เคยพีทสุด 10,000 แผ่นต่อคน
ดร นิเวศน์ ถามว่า ปิ้งได้แผ่นละเท่าไหร่ เป็นคำถามที่น่าสนใจ
คุณต็อบ ตอบว่า สมัยก่อนปิ้งได้ 5,000 แผ่นต่อคน เลยให้ incentive สำหรับยอดที่ปิ้งมากกว่า 5,100 แผ่น ปรากฎว่า
สามารถทำได้ 10,000 แผ่น ต่อคน ซึ่งคิดออกมาเป็นรายได้ 15,000-20,000 บาท ต่อ เดือน
Q: เริ่มคำถาม จาก อาจารย์ ดร ไพบูลย์ ถาม ดร นิเวศน์ ว่า จบ MBA และ ยังสอน MBA คิดว่ามีประโยชน์หรือไม่
A: ดร นิเวศน์ ตอบว่า ถ้าเก่งแบบ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็ไม่ต้องเรียน แต่คนทั่วไป ใช้เวลา2ปีเรียนรู้โลกธุรกิจทั้งหมด
เมื่อก่อน ดร เป็นวิศกร กินและนอนที่โรงงานตลอด ไม่รู้โลกภายนอก ถ้ากลับเข้ากรุงเทพก็เที่ยวอย่างเดียว
ไม่รู้ธุรกิจเป็นอย่างไร ไม่รู้ว่าอะไรเป็นปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจ หลังเรียนจบ รู้กว้างกว่าคนที่ไม่ได้เรียน ซึ่งรู้แคบกว่า
บางทีคิดว่ากำไร แต่จริงๆขาดทุน ทำไปสักพักก็เจ็ง
เด็กรุ่นใหม่ อยากรวยแบบ Startup แต่ขายไม่ได้ มีปัจจัยเยอะ คิดไม่ทะลุ
Q: หมอเคถามว่า MBA มีส่วนช่วยเยอะไหม
A: ดร นิเวศน์ตอบว่า การลงทุนแบบพื้นฐานต้องรู้หมด บางครั้งเจอบริษัทที่โดดเด่นเรื่องการตลาด แต่รู้ว่ามีจุดอ่อนซ่อนไว้
คนไม่เข้าใจไปซื้อหุ้นเลยขาดทุน บางบริษัท operation ใช้ไม่ได้ แต่ยอดขายดีมาก เช่น Fitness ถ้าเราไม่รู้จริง มีโอกาสล้มเหลวสูง คุณต็อบเป็น special เหมือน มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก
A: คุณต็อบ เสริมว่า MBA สำคัญมาก ผมไม่ชอบ MBA แต่รู้จักMBAจากพี่ชาย ดูแลด้าน ITและ พี่สาว ดูแล ต่างประเทศ ที่มารับงานแต่ความรู้ไม่เพียงพอเลยไปเรียนต่อ MBA ผมเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เรียนMBA แต่คนรอบข้างเรียน MBA เกิดการผสมผสาน หน้าที่ของผมใน 10ปีที่ผ่านมา มี 2 อย่างคือ
1.กำหนดเป้าหมายชัดเจน
2.หาคนเก่งมาทำให้บรรลุเป้าหมาย ดังนั้นคนที่มาทำงานจบ MBA ทั้งหมด
อาจารย์ไพบูลย์บอกว่า ฟังต๊อบแล้วมั่นใจว่า MBA ช่วยได้ 100% และ เปลี่ยนมาถามคุณวรวุฒิว่ามีมุมมองอย่างไรต่อ MBA
A: คุณวรวุฒิ กล่าวว่า Office Mate เกิดจาก Project ที่ทำกับเพื่อนในชั้นเรียนMBA ที่นิด้า
บริษัทเข้าตลาดเมื่อ 5 ปีที่แล้ว IPO ราคา 4.9 บาท เคยไปสูงสุด 84.75 บาท ภายใน 3 ปี
ช่วงแรกหลังจากจบปริญญาตรีมา ก็มาช่วยงานที่บ้าน3-4ปี ซึ่งทำยี่ปั้ว ในช่วงปี 2525-26 ปรากฎว่าเจอน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพ ค้าขายไม่ได้ 3-4 เดือน ค่าเงินอ่อนตัวจาก 20 บาท เป็น 25 บาทต่อ ดอลลาร์ ธุรกิจเกือบเจ๊ง
ตอนที่เรียนอยู่ที่เกษตร มีวิชาค้าขาย ทำให้รู้ว่า พ่อค้าส่งท้ายสุดจะหายไป เราจะย้ายไปค้าปลีก ซึ่งอยู่ในมือของ
Modern trade ถ้าเราทำ retail จะถูกบริษัทใหญ่กินรวบ หลังจากมาเจอ Catalog sales เลยคิดว่ามันใช่
งานที่ช่วยทำให้ที่บ้าน คืองานร้านเครื่องเขียนที่ตั้งบนตึกแถว ปรากฎว่า ขายดี งานที่ทำตั้งแต่เช้า เช็คstock
ตอนสายทำ call center ตกเย็นก็เคลียร์บัญชี ถ้าส่งไม่ทัน ก็ไปช่วยส่งของด้วย ผมไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอด
ประกอบกับความรู้ไม่เพียงพอเลยมาสมัครเข้าเรียน Y MBA ซึ่งเขารับผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์ 3-10ปี
อายุไม่เกิน 30 ปี แต่ถ้าอายุมากกว่า 30ปี ก็ไปเรียนคอร์ตอีกอัน หลักสูตร Y MBA เรียนตอนเย็น เลยสามารถทำงาน
ควบคู่กับเรียนได้เลย เราได้เรียนรู้ Case study ระดับโลก ยอดขายก็ระดับ ล้านล้านบาท
อยากจะเสริมเรื่องวิธีการเรียนว่า ต้องตั้งวัตถุประสงค์ ส่วนของผมคือ อยากไปตั้งบริษัท
ดังนั้นตอนเรียนวิชา Marketing , Finance , Human และ วิชาอื่นๆ ก็พยายามคิดว่าตั้งบริษัทต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวิชา
ชื่อบริษัท Office Mate ก็มาจากชื่อของเพื่อนในกลุ่มที่เสนอเข้ามา 3-4 ชื่อ สุดท้ายก็เลือก Office Mate
และเอา Project นี้ไปเสนอธนาคารรวงข้าว โดยเขียน Feasibility มีเงิน 7-8 ล้านบาทกู้ได้ถึง 25 ล้านบาท
หลังจบ MBA ก็มาทำ Catalog Office Mate โดยศึกษารูปแบบจาก อเมริกา ยุโรป และ ญี่ปุ่น เอาของ3ที่มารวม
กัน ทำให้เกิด Catalog Office Mate ขึ้นมา
Q: ถาม คุณเอ อยากให้เล่าความเป็นมาของ A-Academy ครับ
A: หลังจากผมเรียนจบ ปวช ช่างกลโรงงาน ก็ทางเลือกไม่มาก เช่น สอบเรียนต่อวิศวะ
หลังจากเข้าไปเรียน ได้รู้ว่า จะไม่ทำงานวิศวะแน่นอน พอเรียนจบ ก็หาทางถ่วงเวลา
ได้มีโอกาสอ่านหนังสือตีแตก และ ท้ายเล่มเขียนว่าผู้แต่งจบจากนิด้า เป็นเหตุผล
ให้มาลองสำรวจสถานที่ดู เห็น นักศึกษานั่งทำงานกันเป็นกลุ่มใต้ตึก มีการถกเถียงกันอย่าง
จริงจัง ดูน่าสนใจ เลยเลือกเรียนที่นี่
ประโยชน์ จากการเรียน MBA ที่นี่
1. ถ่วงเวลา ในการไปทำงานที่ไม่ชอบ
2. เห็นภาพที่ครบขึ้น นึกว่ารู้ แต่จริงๆไม่รู้ เช่น การตลาด เวลาอ่านนิตยสารเช่น Brandage เลยไม่รู้เรื่อง
แต่พอผ่านเบ้าหลอม เห็นจักรวาล มีความสามารถคิดไปต่อถึงขอบจักรวาลได้
วิชาพื้นฐาน ได้แก่ การตลาด ,operation ,การเงิน ,บัญชี ,จัดการทรัพยากรมนุษย์
ผมมีความสามารถในการเลือกมากขึ้น ครั้งแรกจะเลือก operation management เพราะเรียนวิศวะมาก่อน
แต่เจออาจารย์ไพบูลย์ เลยเปลี่ยนใจมาเรียนการเงินแทน ได้วัตถุดิบมากพอในการไปต่อในชีวิต
“ ทางถูก เดินไปเรื่อยๆ ก็ถึงเอง “
ที่มาของชื่อ A-Academy ซึ่งเป็น financial education ไม่คิดค่าใช้จ่าย
ตอนนี้กำลังเริ่มทดลอง Self fund โดยผู้เรียนจ่ายในส่วนของตัวเองเพื่อบริจาค แต่ ผู้สอนไม่ได้สิ่งตอบแทน
วิชาการเงิน ได้เรียนรู้มูลค่าเงินตามเวลา ถ้าชลอการบริโภคไปได้
คำสุภาษิตไทย อดเปรี้ยวไว้กินหวาน แต่ ทางการเงิน มี financial benefit มากกว่านี้
หลังจากจบได้ทำงานเป็นที่ปรึกษาการลงทุน รู้ว่าต้องศึกษาอะไรบ้าง
Q: หมอเค ถามต่อว่า คนเรียน MBA กลัวว่าเรียนไปไม่ได้ใช้ การเปลี่ยนงานจากการเรียนช่างมา7ปี
เป็นการเรียนวิชาการเงิน เป็นคำตอบที่ต้องคิดไหม
A: จริงๆเหมือนไม่ได้ทิ้ง เราจะเรียนรู้ตัวเองจากการทดลองหลายๆครั้ง ดูว่าอะไรที่เราถนัด อันไหนไม่ถนัด
เรียนไป100อย่าง แต่ถนัดแค่ 2-3 อย่าง ก็คุ้มแล้ว
A-Academy เริ่มต้นเมื่อปี 2005 ก่อนเรียน MBA แรกๆคนดูไม่เยอะ แต่ตอนนั้นก็มี Youtube แล้วแต่upload
ได้แค่ 10นาที ซึ่งเป็นตัวอย่างทดลองเล็กๆที่ไม่ได้ใช้เงินเยอะ แต่ตาม feedback ได้ค่อนข้างยาก
ต้นแบบมาจาก Khan academy ซึ่งให้ความรู้ตั้งแต่ การนับเลข จนถึง แคลคูลัส ประวัติศาสตร์ ภาษา Art
ทำโดย คนอินเดีย คนเดียว มีอายุแค่30กว่าปี มีเสน่ห์ ถ่ายทอดเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
เราสามารถช่วยเหลือเขาได้ เช่น บริจาคเงิน แต่ที่ดีกว่านั้นคือ ทำเหมือนเขา เลยเป็นการจุดประกายของผม
ในการcopyรูปแบบ รวมถึงชื่อจนมากลายเป็น A-Academy ด้านการเงิน เป็น Logicalize แต่เถ้าแก่น้อย
จะเป็น Globalize
คุณต็อบ มาเล่าถึง เวลาอยู่ต่างประเทศ เจออะไรมาบ้าง เช่น ที่เมืองจีน จะมีภาษาจีนกำกับอยู่ข้างๆซอง
ซึ่งเป็นชื่อ เซี่ยวหลอปั่น หมายถึง เถ้าแก่น้อย และ ก็มีภาษาอังกฤษทับศัพท์ไปด้วย
ช่วงแรกที่ขายสาหร่ายเถ้าแก่น้อย ได้ส่งออกไปขายที่ ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน
คนที่เคยมาเที่ยวไทย เห็นมีขายที่นั่น จะดูสินค้ามีพรีเมี่ยม
มีการ Launch หนัง Top Secret จากค่ายหนัง GTH ในวันที่ 20 ตุลาคม 2553 บอกพนักงานว่าจะพาไปดู
ปรากฎว่าวันนั้น เจอน้ำท่วม2เมตรที่โรงงาน ก็เลยไม่ได้ไปเพราะต้องมาดูแลโรงงานแทน
ทำให้มีกลุ่มวัยรุ่นที่ดูหนังเรื่องนี้มาเป็นลูกค้าอีกกลุ่ม หลังจากนั้น content ได้ย้ายไปต่างประเทศ
ทำให้ติดอันดับหนึ่งในหนังเข้าฉายที่ไต้หวัน และ มีการแปลเป็นภาษาจีนลงยูทู ซึ่งคล้ายกับ Youtube
คนจีนเลยรู้จักว่าสินค้าสาหร่ายเถ้าแก่น้อย หรือ เซี่ยวหลงปัน นั้นเป็นสินค้าจากเมืองไทย
ผมเคยไปเป็นวิทยากรที่ Harvard University เมื่อ3ปีที่แล้ว รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน ฝรั่งจะรู้เรื่องไหมเพราะ
พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่ง ได้น้องที่เรียนที่นั่นมาช่วยแปลจากไทยเป็นอังกฤษให้
ที่น่าสนใจคือ ก่อนขึ้นเวทีก็คิดว่าคำถามของฝรั่งจะเป็นแนวไหน ปรากฎว่าคำถามคล้ายกับคนไทยถามเลย
เช่น ทำไมถึงคิดมาทำธุรกิจนี้ ก็เลยตอบได้ แต่คนที่อเมริกาแตกต่างจากไทยคือ เวลาให้ถาม ทุกคนพุ่งคำถาม
มาเหมือนแจกเงิน ทุกคนที่เข้ามาฟังพร้อมที่จะถาม มีimpressionมาก
คุณต็อบมาเล่าที่มาของการทำสาหร่ายให้ฟัง โดยย้อนไปถึงช่วงแรก ชอบโดดเรียนไปเล่นเกมกับคนที่อเมริกา
ชื่อเกม Warcraft ซึ่งนำมาสร้างเป็นหนังฉายอยู่เมืองไทยตอนนี้ ซึ่งเนื้อหาคล้ายกับ Lord of the Ring
เล่นเป็นนักรบได้ 3-4 เดือนคิดว่าจะเลิกเล่น เพราะ ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง ก็เลยไม่ชนะ คนในเกมเห็นว่าคุย
ไม่ได้ก็จะdelete ออกจากกลุ่ม เลยเปลี่ยนตัวเล่นเป็นพ่อค้าชื่อ เฮอคิวลิส และ ปลอมตัวเข้าไปในเกมใหม่
ผ่านไป4เดือน ปรากฎว่า เฮอคิวลิสรวยที่สุดในผู้เล่น 40,000 คน ซึ่งบทบาทพ่อค้าไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเยอะ
วันๆอยู่แต่ในตลาดพลาซ่า ซึ่งการขายสินค้า จะรู้ว่า ดาบ โล่ ซื้อขายกันในราคาเท่าไหร่ เพียงแค่4-5เดือนมีเพื่อน
เต็มไปหมด เป็นจุดนึงของความกระตือรือร้นในการทำเถ้าแก่น้อย
วันนึงเพื่อนในเกมถามผมว่า ร่ำรวยในเกมขนาดนี้ ทำไมไม่ขายเป็นเงินจริงละ
ผมไม่เชื่อเลยทดลองให้รองเท้าในเกมไปคู่นึง ไม่น่าเชื่อวัน 3-4 วันผ่านไป เขามาบอกว่าจะโอนเงินมาให้
ผ่านช่องทาง Western Union เลยให้เลขที่บัตรประชาชนไป หลังจากนั้น วันนึงจะไปโรงเรียน ก็ได้เรียกTaxi
ขณะนั่งรถผ่านธนาคารกรุงศรีอยุธยา เห็นป้าย Western เลยแวะจอดไปเช็คว่าได้เงินจริงหรือไม่
ปรากฎว่า พนักงานธนาคารนับธนบัตรใบละพัน ก่อนให้เรา หนึ่ง สอง สาม ……แปด พระเจ้า แปดพันบาท
ผมรับเงินและเดินออกมาหน้าธนาคาร มองไปที่ท้องฟ้า รู้สึกท้องฟ้าสดใสมาก รู้สึกตื่นเต้น เพราะ ผมยังมี
รองเท้าแบบนี้ในเกมอีกหลายร้อยคู่ บอกกับตัวเองว่า รวยแล้ว เลยนั่งTaxiคันเดิมกลับมาที่บ้าน
คุยกับเพื่อนในเกมว่า I want money เขาเลยเป็นเอเยนต์ให้นับจากตอนนั้น ตอนหลังก็มีอีกหลายคนเป็นเอเยนต์ให้
ขายสินค้าได้เดือนละ 4แสนบาท เป็นเวลาประมาณเป็นปี เพราะช่วงนั้นคนนิยมเล่นเกมนี้มาก
สรุป จุดเปลี่ยนความคิด คือการขายรองเท้าในเกมได้ 8,000 บาท ต่างจากที่มีคนมากรอกหูบ่อยๆว่า
ขยันเรียน พอจบออกมา จะได้งานทำที่ดีๆ เลยเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด ไม่ต้องเรียนเก่งก็หาเงินได้
ดร นิเวศน์ ได้เสริมขึ้นว่า ก่อนมาทำธุรกิจลูกน้ำซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ ก็มาเป็นพ่อค้าขายหมากฝรั่ง
ไม่รู้เป็นความบังเอิญหรือไม่ เพราะผมได้อ่านชีวประวัติของ คุณวอร์เรน บัฟเฟต ตอนเด็ก ก็เคยรับหมากฝรั่งมาขาย
เหมือนกัน แต่ปรากฎว่าขายไม่ดีเลยมาตรวจสอบฝาขวดของเครื่องขายน้ำอัดลมว่าเป็นยี่ห้อไหนเยอะสุด ซึ่งก็คือ
ยี่ห้อ โคคา โคลา เลยเปลี่ยนมา ขายน้ำโคคา โคลา ปรากฎว่ากำไรดีกว่าขายหมากฝรั่งมาก
คนเก่งจะคิดอะไรที่คล้ายกัน กลับมาที่ ดร นิเวศน์กันต่อ ซึ่งซื้อมาหมากฝรั่งแถวละ 7.50 บาท และเอามาแบ่งขาย
ตั้งแต่เรียนประถมปีที่4 มีโปรโมชั่น เดาทาย ว่าในมือมีกี่เหรียญ ทายถูกก็กินฟรี นอกจากนี้ ดร นิเวศน์ยังเขียนสุนทรพจน์
ได้เก่งมาก และให้ อาจารย์ไพบูลย์พูดแทน เมื่อได้รางวัลก็นำมาแบ่งกัน
ส่วนมุมมองในเรื่องการเรียน MBA นั้น ดร นิเวศน์ บอกว่า ถ้าเรียน MBAเสร็จแล้วไปเป็นลูกจ้าง จะไม่ประสบความสำเร็จ
เป็นจังหวะชีวิต คนพวกนี้ต้อง Passion ผมเสียดายเวลาที่เรียนวิศวะ ทำงานที่โรงงานกว่า 8 ปีจึงหลุดมาได้
เคยโดนเครื่องจักรทับ นิ้วงอไม่ได้ ทำให้เกิดแรงกระตุ้นในการเรียนต่อ MBA และ อีกสาเหตุคือเราต้องเลี้ยงดูพ่อกับแม่
ไปทำงานหาเงิน และ มาเรียนต่อ เด็กสมัยนี้มีโอกาสมาก เรียนจบ 2-3 ปี ค่อยมาทำงาน ทำขาดทุนก็ไม่เป็นไร เพราะ
พ่อแม่มีเงิน มีเสรีภาพ สมัยใหม่มีเครื่องมือ มาช่วยเยอะ มี Venture Capital หรือ Start up มาสนับสนุน
ขอให้เป็นคนเก่ง และ มี Passion ทำเพื่ออะไร อย่าง คุณ เอ ศักดา มาแก้ปัญหาเรื่องเงินทองของคนทั่วไป
เดี๋ยวความสำเร็จก็มาเอง โอกาสสมัยใหม่มีมาก มี Passion ก็จะมี VC มาช่วย ดีกว่าผมสมัยก่อน เพาะลูกน้ำมา
แต่ไม่รู้ขายที่ไหน จนกลายเป็นยุงบินไป
อาจารย์ เอ ศักดา เสริมว่า คนมีปัญหาก็หาทางแก้ไขกันไป ตอนนั้นที่ทำ A-Academy ก็ไม่ได้คิดเรื่องเงิน
เมื่อคุณค่าอยู่เหนือsurface ได้ประโยชน์ทางอ้อมคือ มีงานสอนให้กับสถาบันการเงินบางแห่ง ทำไม่กี่วันเทียบเท่ากัน
กับคนทำงานทั้งเดือน แค่มีมือถือ ก็สามารถโพสเนื้อหาลงบน Youtubeได้แล้วครับ
Q: ถามคุณวรวุฒิ ว่าไม่เรียน MBA ทำงานได้ไหม
A: ถ้าเรียนจะดีกว่า 100 คนที่เรียน ใครจะได้เท่าไหร่ขึ้นอยู่กับใครมองขุมทรัพย์ที่อยู่ตรงหน้าได้เจอ
เราได้ลายแทง แต่ละคนต้องไปขุดเอง คุณต็อบไม่ต้องเรียน แต่ก็เจอขุมทรัพย์ คนที่เรียนอาจไม่เจอขุมทรัพย์
ผมจบ MBA ก็ไปหาความรู้เพิ่มเติมอีกเยอะ MBA สอนหลายวิชา เพราะเวลาทำงานต้องใช้ทีเดียว8วิชา เช่น
การเงิน , operation management , Human resource management เป็นต้น
ตอนทำคลังสินค้าOffice Mate มีระบบสายพานอย่างหรู แต่คนไม่อยู่กะดึก เพราะผีดุ หลังตั้งศาลพระภูมิ
คนกลับมาทำงาน เพราะไม่ได้ยินเสียงประหลาดแล้ว ซึ่งเป็นความรู้หลายศาสตร์เข้ามาร่วมกัน
ถ้าคุณต็อบเรียนMBA จะเก่งกว่าตอนนี้ซึ่งเก่งอยู่แล้วขึ้นไปอีก
ดร นิเวศน์ บอกว่าน่าจะตั้งหลักสูตรเพิ่มเกี่ยวกับกำจัดผี ยกตัวอย่าง คือ บ้านผมจะต่อเติม และ จะต้องวางเสาเข็ม
ปรากฎว่า แนววางเสาเข็มผ่านตรงศาลพระภูมิพอดี คนงานไม่กล้าไปย้ายศาลพระภูมิ ซึ่งเวลาย้าย ต้องมีหลักฐาน
หลายอย่าง เช่น บัตรประชาชน ดวงของเจ้าของบ้าน รวมถึง ต้องเตรียมเงิน 20,000 บาทเป็นค่าทำพิธีด้วย
บ้านหลังเดิม ตอนตั้งศาลพระภูมิ ก็โดนเรียกค่าทำพิธี 20,000 บาท หัวหน้าคนงานอาสาไปหาพราหมณ์มาทำพิธี
ในงบแค่ 8,000 บาท พอวันทำพิธี ตัวหัวหน้าคนงานก็แต่งชุดพราหมณ์ มาทำพิธี หลังเสร็จงานรับเงินแล้วก็กลับไป
ทำงานต่อ ผมไม่เชื่อเรื่องผี แต่ไม่กล้าลบหลู่ในการย้ายศาลเอง
คุณวรวุฒิเสริมว่า ตอนตั้งศาลพระภูมิที่บริษัทเสียเงินไปเป็นแสนบาท ต้องเชิญพราหมณ์มาจากเสาชิงช้า
หลายคนกำลังคิดว่าเรียน MBA ดีไหม มันขึ้นกับว่า สอนให้คุณคิดอย่างไร เราเป็นนายจ้างรับน้องที่เรียนMBA
ถ้าไม่เรียน แล้วคิดไม่เป็น ดังนั้นต้องไปเรียน ส่วนคนที่คิดเป็น เช่น เจ้าสัวซึ่งจบป4แต่มีลูกน้องจบปริญญาเอก
เขาคิดเป็น คิดเก่ง สามารถสั่งงานดอกเตอร์ได้ ผมคิดว่าไม่ใช่ทุกคนจะเก่งเหมือนต็อบ เลยต้องมาเรียน
เหมือนลายแทงสามารถไปขุดสมบัติได้ Mission ชัดเจน เราก็สามารถกลับมาได้
Q: ถามคุณวรวุฒิต่อว่า อยากเล่าเรื่องการทำธุรกิจ ช่วงนั้นต้องทำอย่างไร
A: แบ่งช่วงตั้งบริษัทออกเป็น3ช่วง
ช่วงที่1 ตั้งตัว ยอดขายน้อยกว่า 200 ล้านบาท ช่วงนี้ใช้เวลา5ปี ยากสุด สร้างจากที่ไม่มีอะไรเลย
เปรียบเทียบเหมือนเครื่องบิน ก่อนบินขึ้น กินพลังงานมากสุด
ธุรกิจ Startup เป็นการขายไอเดียเพื่อหาคนมาลงทุนให้
ช่วงที่ 2 ขยายกิจการ รายได้ตั้งแต่ 200- 2,000 ล้านบาท
สร้างทีมให้ได้ มีทีมที่เก่ง มี Knowhow Process ซึ่งไม่สามารถcopyได้ ถึงแม้ผมบอกหมดเลย แต่
คนอื่นทำตามไม่ได้ เพราะมันมีรายละเอียดอีกมาก ซึ่งผมจะรู้เรื่องดีเพราะเข้าไปคลุกคลีกับปัญหาตลอด
อันนี้เป็นไฮไลด์ของ คุณวรวุฒิเลยครับ
มนุษย์ต้องสองอย่างประกอบกัน
1. Attitude ที่ดี ครอบคลุมทุกมิติ ของ attitude เลย แต่ถ้ากว้างไปให้ Focus ที่อิทธิบาท4 ก็พอ
ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
2. Creativities คือ การมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี
ซึ่งทั้ง2สิ่งนี้จะมียากมากถ้าไม่ได้เรียน MBA มาก่อน
ช่วงที่ 3 เติบโตยั่งยืน
เอาบริษัทไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ มียอดขายเป็น 10,000 ล้านบาท
มี financial model , พัฒนา Strategy ให้เติบโตอย่างยั่งยืน
Q: ถามอาจารย์ไพบูลย์ว่า เรียนแล้วเจอเนื้อคู่บ้างไหม อันนี้ผมเห็นว่าเป็นคำถามสำคัญมาก
A: อาจารย์ตอบว่า ส่วนใหญ่เจอ เพราะว่า ช่วง2ปีที่เรียนอยู่ด้วยกัน มีความใกล้ชิด รู้จักนิสัยกัน
เจออาจารย์ นิเวศน์ เคยบอกว่า ชีวิตคนเราประสบความสำเร็จ มี2ช่วงคือ ช่วงทำงาน และ ช่วงหาแฟน
อันนี้สำคัญ บางครั้งถ้าเราทำเองยาก เลยจับใครสักคนที่ประสบความสำเร็จมาเลยดีกว่า
แต่ ดร นิเวศน์ บอกว่า ผมไปจับหุ้นแทนผู้หญิง อยู่กับเขาไปเรื่อยๆ รอปันผล
อาจารย์ไพบูลย์ ก็มาแชร์ เรื่องวิธีการใช้ชีวิต การเลือกคู่ที่มีศีลใกล้เรา หรือ สูงกว่าเรา ซึ่งฉุดเราขึ้นไป
ทำให้ชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น อันนี้ผมได้นำไปใช้เรียบร้อยแล้วครับอาจารย์
แต่ดร นิเวศน์ บอกว่า เลือกแฟนที่รวยกว่าเรา จับถูก เราก็สบายไป คนที่ตั้งใจเรียน แต่ลืมหาแฟน 30ปีขึ้นไป
ก็หาแฟนยาก ถ้าเลือกได้ก็เลือกให้รวยที่สุด
Q: หมอเคถามคุณต็อบว่า ตอนที่จะข้ามจากการขายรองเท้าในเกมไปที่การขายสาหร่ายเถ้าแก้น้อย มองเห็น
โอกาสได้อย่างไร
A: คุณต็อบตอบว่า ต้องย้อนกลับมาที่การขายเกาลัดก่อน ชีวิตเกิดมาคู่กับปัญหาเลย
เรารู้จักมันดี ต้องต้อนรับขับสู้มันได้ สมัยก่อนทำแฟรนไชส์เกาลัดในห้าง ซึ่งตอนนั้นอายุ19ปี มีขาย30สาขา
อยู่ในLotus 27 สาขา รายได้เดือนละ 2-3 ล้านบาท คิดเป็นกำไร 4-5 แสนบาทต่อเดือน
คิดว่าจะขายเกาลัดไปจนตาย แต่ก็มีปัญหาเรื่องควันหลังคั่วเกาลัด
ผู้บริหารของLotusเปลี่ยนใหม่และมาสำรวจสถานที่ขายของในห้าง พบว่า ที่บูทขายเกาลัด ควันทำให้ฝ้าเหลือง
เจ้าหน้าที่โทรมาหลังจากนั้น2-3วันว่าขอยกเลิกสัญญาเช่าทั้ง27สาขา
คุณต็อบ มีข้อดีอยู่ 3 อย่างคือ1.ดื้อ 2. ดื้อ และ 3. ก็ดื้อ
ดังนั้นไม่ยอมแพ้ ฝ้าเหลืองก็ไปซื้อสีทาฝ้าจาก Homepro มาทาทั้ง 27 สาขา
หลังจากทาเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็มาบอกว่า ยังมีควัน มีกลิ่น และ แสบตา ซึ่งคุณต็อบก็ไม่ยอมแพ้ แก้ปัญหาไป
สุดท้ายก็ไปคั่วด้านนอกและเอามาขายที่บูท ปรากฎว่ายอดขายตกลง 50% อีก3เดือนไม่มีเงินพอจ่ายพนักงาน
ช่วงนั้นไปซื้อไอศกรีมที่ แดรี่ควีน เห็นขายสินค้าอื่นเช่น ไส้กรอก ได้เลยเกิดไอเดีย เอาสาหร่ายมาขายในบูทด้วย
2เดือนผ่านไป สาหร่ายขายดีกว่าเกาลัดเสียอีก มีสาขานึงขายดีมากเลยไปสำรวจดูปรากฎว่าไม่มีสาหร่ายวางขาย
ที่บูท เลยไปสอบถามพนักงาน พบว่า สาหร่ายวางอยู่ใต้บูท และ บอกว่าต้องทำเป็นสินค้าขาด ทำให้คนรู้สึกว่าขายดี
ก็เลยขยายสาขาที่วางขายสาหร่ายจากเดิม 4-5 สาขา ไปขายทุกสาขา และเปลี่ยนเป็นเน้นขายสาหร่าย ทำให้ยอดขาย
ส่วนนี้ขึ้นเป็น 70% ตอนยืนขาย กลุ่มเป้าหมายเดิมที่มาซื้อเกาลัด เป็นอาเจ็ก อาซิ๋ม ม่า แต่กลุ่มใหม่ที่มาเสริมคือ
กลุ่มสาวofficeซึ่งกว้างกว่าเยอะ เลยสนใจทำมากขึ้น
ดร นิเวศน์ บอกว่า ยอดขายเกาลัดลดลง เพราะมันไม่มีกลิ่นเกาลัดตอนคั่ว แนะนำให้ทำกลิ่นเกาลัดมาขาย
ปัญหาอันนึงนำไปสู่โอกาสอีกอันนึง อันนี้เป็นคำคมของ ดร เลยครับ
คุณต็อบพูดต่อเรื่อง คู่แข่งในประเทศ มองเป็นปัญหาก็ได้ ในระหว่าง5ปีที่เริ่มธุรกิจ เคยชกระดับตำบล คือสินค้า O Top
SME พอชนะก็มาแข่งระดับอำเภอ พอมีรายใหญ่เข้ามา ธุรกิจมี detail ทำให้เกิดความได้เปรียบจากประสบการณ์ทำให้คู่แข่งรายใหม่เสียเปรียบ
การมีคู่แข่งทำให้ตลาดขยายตัวจากเมื่อก่อน 1,200 มาเป็น 3,000 ล้านบาท Marketshare ลดจากเดิม 80% ยอด 1,000 ลบเป็น 67-68% แต่ยอดขายโตเป็นมากกว่า 2,000 ล้านบาท
และการโปรโมทสินค้าของคู่แข่งทำให้คนรู้จักสาหร่ายมากขึ้นด้วย นับว่าเป็นมุมมองที่ดีต่อการมีคู่แข่งเข้ามาในตลาด
Q: อาจารย์ไพบูลย์อยากให้คุณต็อบซึ่งประสบความสำเร็จกับสินค้าสาหร่ายเถ้าแก่น้อย มองย้อนมามองMBAอย่างไร
A: บอกกับน้องๆในมหาลัยว่า ผมออกจากโรงเรียนมา เพราะว่าในใจบอกว่าถ้าตื่นขึ้นมาอีก10ปีข้างหน้า ผมไม่ขายเกาลัด ผมจะfail เสียใจที่ไม่ได้ทำ ผมมีเป้าหมายคือ การทำเกาลัด ไม่ใช่เรียน ถ้าตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ต้องมีเป้าหมาย ซึ่ง MBA ช่วยให้เป้าหมายสำเร็จ
Q: อาจารย์ไพบูลย์ ถามกับคุณวรวุฒิและคุณเอ ว่า เทียบกับตัวเราเอง ถ้าได้เรียน MBA จะช่วยไหม
เพราะเราไม่ทำธุรกิจ ไปเรียนก็เสียโอกาส ถ้าสับสนการเรียนจะช่วยได้ไหม
A: ตัดสินใจทำ มุ่งมั่นจริงไหม ทำธุรกิจปัญหาเยอะมาก เหมือนเล่นเกม Level up ขึ้นไปเรื่อยๆ
ใครควรมาเรียน MBA ก็ต้องตัดสินใจดู ผมอยากเรียนปริญญาเอก แต่ต้องทำสิ่งที่อยากทำ สุดท้ายเลยไม่ได้เรียน
เราต้องเรียนรู้ไม่หยุด ทำยอดขายปีแรก 21 ล้านบาท ตอนนี้ยอดขายทะลุ 10,000 ล้านบาทแล้ว เราทำธุรกิจไปเรื่อยๆ
เราก็ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ดังนั้น ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต ประโยคนี้ชอบมากครับ
ส่วน คุณ เอ ศักดา บอกว่ามี 2 ข้อ
คือ 1. ถ้าตัดสินใจเรียน เราต้องตอบได้ก่อนว่าเรียนไปทำไม
2.เรียนมันอย่างไรให้ได้ประโยชน์ ผมนึกไปว่า ตื่นเต้นในการอยากเรียนและได้ประโยชน์จากการเรียน
เรียนให้ดี มีความสุข ตื่นเต้นกับนวัตกรรม และ ข่าวสารใหม่ๆ
สุดท้ายขอขอบคุณวิทยากรทุกท่าน และ ผู้ดำเนินรายการ อาจารย์ไพบูลย์ และ นพ ศุภศักดิ์ รวมถึง เจ้าหน้าที่ทุกท่านครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 480
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Money Talk ภาคพิเศษ “ โลกของคนรุ่นใหม่ กับ MBA ยุคดิจิตอ
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณพี่อมรมากครับ ได้ไอเดียดีมากๆ
ปล.ตรงชื่อเถ้าแก่น้อย ภาษาจีน สองคำหลัง คือ "เหลาปั่น" (老板) ครับ แปลว่า "เถ้าแก่"
ปล.ตรงชื่อเถ้าแก่น้อย ภาษาจีน สองคำหลัง คือ "เหลาปั่น" (老板) ครับ แปลว่า "เถ้าแก่"
Add Facebook มาคุยกันเรื่องลงทุนกันได้ครับ:
https://www.facebook.com/profile.php?id=100009287180353
https://www.facebook.com/profile.php?id=100009287180353
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk ภาคพิเศษ “ โลกของคนรุ่นใหม่ กับ MBA ยุคดิจิตอ
โพสต์ที่ 5
ใน Youtubeamornkowa เขียน:ทำให้มีกลุ่มวัยรุ่นที่ดูหนังเรื่องนี้มาเป็นลูกค้าอีกกลุ่ม หลังจากนั้น content ได้ย้ายไปต่างประเทศ
ทำให้ติดอันดับหนึ่งในหนังเข้าฉายที่ไต้หวัน และ มีการแปลเป็นภาษาจีนลงยูทู ซึ่งคล้ายกับ Youtube
คนจีนเลยรู้จักว่าสินค้าสาหร่ายเถ้าแก่น้อย หรือ เซี่ยวหลงปัน นั้นเป็นสินค้าจากเมืองไทย
-
- Verified User
- โพสต์: 5620
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Money Talk ภาคพิเศษ “ โลกของคนรุ่นใหม่ กับ MBA ยุคดิจิตอ
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณมากครับพี่อมร
วินัย + แผนการ + ลงรายละเอียด => ขุดหุ้น
fb fanpage : https://www.facebook.com/stockinvestigator
fb fanpage : https://www.facebook.com/stockinvestigator
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money Talk ภาคพิเศษ “ โลกของคนรุ่นใหม่ กับ MBA ยุคดิจิตอ
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณครับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530