Money talk@mai Forum 1 July 17
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2576
- ผู้ติดตาม: 1
Money talk@mai Forum 1 July 17
โพสต์ที่ 1
Money talk@mai Forum 1 July 17
ช่วงแรก หัวข้อ มุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง
วิทยากร ในช่วงแรก
ดร วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนิตี้
คุณ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล.CLSA
ดำเนินรายการโดย
อ เสน่ห์ ศรีสุวรรณ และ นพ ศุภศักดิ์ หล่อธนวนิช
MoneyTalkคราวหน้าจัดวันที่ 16 กค 17 ที่ตลาดหลักทรัพย์
สำรองที่นั่งผ่าน FB.com/moneytalktv เสาร์ที่ 8 กค 17 เวลา 7.00 เป็นวันเกิด ของ ดร ไพบูลย์พอดี
หัวข้อแรก ช่วง 13.00-15.00
เจาะ 4 หุ้นเด่น
คุณสมศักดิ์ บริสุทธนะกุล" ประธาน กรรมการบริหาร
บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) TPBI
JMT,
ITEL คุณณัฐนัย
TPIPP รองผู้จัดการใหญ่ บริษัทลูกของ TPI พึ่งเข้าตลาด
หัวข้อที่สอง วิถีชีวิต วิธีลงทุนของชาววีไอ
แขกรับเชิญ
คุณ ธันวา เลาหศิริวงศ์ อดีตนายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า(ประเทศไทย)
คุณ ชาย มโนภาส นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า(ประเทศไทย)
ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน
นพ ศุภศักดิ์ หล่อธนวนิช ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน
เข้าสู่รายการ
คนหนุ่มไฟแรง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แฟนคลับเยอะ มองเห็นมุมมองของโลกว่าเปลี่ยนแปลงอย่างไร
คุณ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ปัจจุบันเป็น กรรมการผู้จัดการ บล CLSA
เป็นลูกชาย ดร ซุป ศุภชัย พานิชภักดิ์ เปิด ร้านเป็ดโฟร์ซีซั่นหวังว่าจะเอาบริษัทเข้าตลาด MAI
อีกท่าน ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน จับกระแส Fundflowที่เก่งที่สุดในไทย
ผูกทิศทางตลาดหุ้นไทยด้วย เป็นกรรมการผู้จัดการ บล ทรีนิตี้ ดร วิศิษฐ์ องค์พิพัฒน์กุล
ท่านจะมางานทุกปี ยกเว้นปีที่แล้ว ทุกครั้งที่มาจะบอกหุ้นที่จะขึ้น
อ เสน่ห์ เสริมคำว่า วิศิษฐ์ แปลว่า มาเยี่ยม ขาดไม่ได้ มีอยู่ทุกห้าง (visitor)
2013 แนะนำ SIMAT
2014 แนะนำ AUCT
2015 แนะนำ FSMART
2016 ไม่ได้มา แต่แนะนำในปี15คือ master kool , acap แสดงว่าแม่นมาก
ต้องตามปีนี้ว่าจะแม่นหรือไม่
มาดูมุมมองของตลาดหุ้น
ช่วงครึ่งปีแรก ตลาดSET ลงทุนจนถึงเมื่อวาน +2%
ส่วน MAI -8% ต้องถามวิทยากรเราว่าเป็นอย่างไร
เริ่มจากคุณปริญญ์ก่อน
ปีนี้คาดหวังสูงเยอะ ปีที่แล้วปรับตัวขึ้น 20%กว่า ทั้งที่ผลประกอบการไม่ค่อยดี GDP สูงระดับนึง
ราคาหุ้นต้นปีไม่ถูกในหลายอุตสาหกรรม ทั้งหุ้นตัวเล็ก ตัวกลาง เราไม่ใช่ตลาดหุ้นเดียวในเอเชีย
ยังมี ตลาดในเอเชียตอนเหนือ ได้แก่ ประเทศเกาหลี ฮ่องกง จีน ไม่ค่อยได้ขึ้นมาหลายปี
Hard commodity, soft commodity ขึ้นมาแล้ว
ราคาดีขึ้น สัญญาณส่งมา ต่างชาติเลยต้องเข้า ไต้หวัน จีน เกาหลี
มือถือ iphone 8 จะมาสิ้นปี ทำให้supplierของเขาดีขึ้น เช่น Samsung ผู้ผลิตชิ้นส่วนดีขึ้น
เราก็ดีขึ้น แต่เสน่ห์ไทยลดลงเมื่อเทียบกับปี 2008 วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์
ตอนปี 2009 เราขึ้นมาoutperform แต่ที่ผ่านมาการลงทุนทางตรง ลงทุนผ่านBOI หรือ
ลงทุนจากภาคเอกชนน้อย ส่วนใหญ่เอกชนอ้างว่า ยังดูทิศทางภาครัฐซึ่งยังไม่แน่นอน
เอกชนรอได้ เพราะ โรงงานใช้capacity < 70%
ฝรั่งชอบเป็นชาวสวน ต้องมองทิศทางด้วยกราฟซึ่งหัวขึ้น all time high ในปีที่แล้ว
ดังนั้นปีนี้เลยชะลอดูไว้ก่อน ยังไม่ชัวร์ รวมทั้งภาครัฐมีการประมูลรถไฟฟ้าเยอะ
แต่รถไฟรางคู่ชะลอ และ ยังปรับแก้ไขอีก
รัฐบาลจัดงาน Thailand strategic move เพื่อกระตุ้นการลงทุน
ดร วิศิษฐ์ ขออนุญาตเสริม อาจารย์ปริญญ์
1. ปีนี้เป็นปีที่ทั่วโลกเน้นvaluation แต่หุ้นในตลาดmai เน้น growth
ดังนั้นหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าดีขึ้น ลักษณะหุ้นในตลาดmai เป็น high growth
หุ้นกึ่งไฟฟ้าและไม่ขึ้นกับเศรษฐกิจในประเทศ จะoutperform
2. ปีนี้ตลาดหุ้นทั่วโลก มีความผันผวนต่ำ SETได้ผลตอบแทนแค่ 2% เป็นทั้งโลก
บางคนบอกว่าไม่มี momentum มันเหงา
บางคนต้องการstable income ก็จะมีโอกาส แต่จะได้ผลตอบแทนจากราคาหุ้นจะยาก
หุ้นที่มีvaluationถูก มี yield, stable income
เลยต้องเลือกหุ้นแบบ stock selection การเลือกหุ้นต้องถูกเท่านั้น
ภาพใหญ่ได้ผลตอบแทน2%
ต้องเลือกเป็นหุ้นถ้าถูกได้ถึง 30% มองกลุ่มโรงไฟฟ้าซึ่งout perform ขึ้นมา
ซึ่งสถานการณ์ไม่แน่นอน จึงจัดportโดยมีโรงไฟฟ้าเยอะ
ตลาดหุ้นmaiเป็นหุ้นhigh growth หุ้นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในประเทศจะout perform
ดังนั้นการเลือกหุ้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะ
1. Fed อาจขึ้นดอกเบี้ย
2. Fed อาจลดงบดุลตามคาด
3. ธนาคารกลางยุโรปจะลดการทำ QE หรือไม่
Volatility เกิดขึ้นทั่วโลกของไทยประมาณ 4% ซึ่งปกติประมาณ 20%
ปีนี้เป็นปีพิเศษ ทำให้นักลงทุนมองหาความstableมากขึ้น
การลงทุนถ้ามองtheme , stable cash flow, business model
หลายบริษัทที่มี Business model ดี จะoutperform ขึ้นมาเลย
ตอน business model ออกมาทำให้ ราคาปัจจุบันสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น บริษัท ORI ใน ตลาดหุ้นSET เคยออกรายการมาแล้ว
เราศึกษาจาก business model และ valuation จะทำให้นักลงทุนเลือกหุ้นได้ดี
ผมมีโอกาสอ่าน mai snapshot ( การอยากรู้บริษัทในระยะเวลาอันสั้น )
อ่านหน้าเดียวเห็นภาพหมด
1. เรื่องธุรกิจ โครงสร้างทางการเงิน และ financial statement
2. บริษัททำอะไรบ้าง
3. มีใครลงทุนบ้าง จำนวนหุ้นที่ถือมีเท่าไหร่
4.งบการเงิน งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด เป็นอย่างไร
อ เสน่ห์ บอกว่า เราสามารถใช้ smartphone ไปยิง QR code และจะสามารถdownload snapshot
เป็นไฟล์แต่ละบริษัทมาอ่านดูได้ ซึ่งจะอับเดททุกไตรมาส
หมอเค ถามว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง จะเห็นทิศทางชัดเจนหรือไม่
คุณปริญญ์ บอกว่าไม่ชัดเจน เลยทำให้เกิดโอกาสในการลงทุน
เช่น US เห็นชัดเจน ราคาก็แพง ตอนนี้ เจเนต เตือนบอกว่าเกิด asset bubble เล็กๆขึ้น
เม็ดเงินไหลออกจากตลาดหุ้นประเทศพัฒนา มาเข้าตลาดเกิดใหม่
และจะเข้าเอเชียตอนเหนือ เกาหลี ไต้หวัน จีน แล้ว
ตอนเกาหลีเหนือ ทดลองขีปนาวุธ ในช่วงต้นปีเป็นโอกาสในการลงทุน
เกาหลีเด่นในครึ่งปีแรก คราวนี้สนุกขึ้น ทรัมป์ออกมาพูดก้าวร้าวจะฉะเขา
ปรากฏว่า ทรัมป์โดนFBIสอบสวน
ดังนั้นในครึ่งปีหลัง มีเรื่องที่น่าสนใจ 2-3 เรื่อง เงินจะออกมา จะปรับportหรือเปล่า
เอเชียตอนเหนือจะวิ่งได้แค่ไหน
1. ในแง่ของกำลังซื้อ จำนวนประชากรไม่ได้เยอะกว่าอาเซียน
ผมคิดว่าเงินจะเข้าอาเซียน แต่จะเข้าที่ไหน มันจะเข้าในส่วนที่จะเติบโตในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า
ในตลาดหุ้นที่ยังไม่performหรือยังไม่ขึ้น
ตอนนี้เป็นสัญญาณที่ดี เช่นตลาดหลักทรัพย์จัดงานดีมาก มีรัฐมนตรี และ นักธุรกิจแนวหน้ามาพูด แต่ต่างชาติมาไม่ถึง 40คน เป็นสัญญาณที่ดี
แปลว่า รอบนี้เขามีหุ้นในไทยน้อย คงไม่มีต่างชาติมาเทขาย ยกเว้นหุ้นขนาดใหญ่ เช่น AOT,CP ALL,SCG
รอบนี้ต่างชาติมีหุ้นตัวเล็ก หุ้นMidcap น้อยมาก รวมถึงสภาพคล่องน้อยด้วยในรอบหลัง ซึ่งดีต่อเรา
2.Macro factor ของ US ไม่ได้ดีพอ ไม่ควรขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 และจริงๆไม่ควรขึ้นในเดือนที่แล้วด้วย
ถ้ามองshotต่อshot ในเดือน มิย ครั้งที่2 ด้วย เขาขึ้นเพราะตลาดให้ขึ้นในแง่bond yield
การปฏิรูปภาษีของอเมริกาจะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าไม่แก้ไขObama care ให้จบก่อนเกี่ยวกับประกันสังคมและประกันสุขภาพ อเมริกาภาพไม่สวยหรูอย่างที่คนให้ไว้ จะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งนึง อาจเป็นเดือน ธค มากกว่าเร็วๆนี้ Fund flow จะช่วยอีกรอบ
3. อีกตัวที่มาช่วยคือ ภูมิรัฐศาสตร์ คือนโยบายของพี่ใหญ่จีน
one belt one road หรือ อิต้า อิลู่ ซึ่งก็คือเส้นทางสายไหมใหม่
เม็ดเงินของจีนเริ่มเข้ามา โดย บริษัทซิติกในจีนเป็นบริษัทแม่ของเรา กระทรวงการคลังของจีนเป็นเจ้าของ บอกเลยว่าให้มาหาบริษัทดีๆในไทยมาให้เรา ไม่เน้นreturn แต่สร้างเพื่อนและกำลัง
สร้างในไทย EECประจวบกับรัฐบาลไทยโปรโมท จีนเป็นเจ้าภาพในรอบนี้ ญี่ปุ่นพึ่งมาตื่นตัว ทูตเริ่มหาทางมาร่วมด้วย ทั้งที่ตอนแรกไม่สนเลย เพราะไปเน้นขยายฐานที่เวียดนาม และสนใจอินโดนีเซียจากประชากร 200ล้านคน
จีนเริ่มหาpartnerในไทยมากขึ้น KWGมาซื้อcapal Thailand
เขาไม่ได้มอง return อย่างเดียว ถึงผลตอบแทนของเขาที่ลงทุนในบ้านเขาติดลบ
นอกจากสร้างถนนหนทาง highspeed และเมืองร้างแล้ว ตอนนี้มาเริ่มสร้างเพื่อน และเม็ดเงินตอบแทนบ้าง
ดีกว่าถือพันธบัตรอเมริกา
เมืองไทยให้โอกาส และ เราอ้าแขนรับจีน ทำให้US เริ่มตื่นตัวมาสนใจไทยมากขึ้น ในขณะที่รัฐบาลโอบามาสนใจแต่เวียดนาม จีนจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจ EEC ในQ3-Q4 และปีหน้าด้วย
4. การบริโภคในประเทศอ่อนตัวลงมา ซึมๆมาหลายไตรมาส คนมีเงินแต่รอเก็บเงินไว้ ไม่กล้าซื้อของ
พอหลังช่วงตุลาคมปีนี้ อาจเปลี่ยนโหมด เห็นการใช้เงิน โฆษณามากขึ้น Q4น่าจับตามองว่าการบริโภคเริ่มกลับมา
การท่องเที่ยวเป็นพระเอกมานาน ปีที่แล้ว เราปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ จีนมาน้อยลง
รัสเซียเริ่มกลับมาแล้ว ครึ่งปีหลัง จีนจะบวกชัดเจน รวมถึงรัสเซียกลับมาด้วย
จะช่วยเรื่องนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นได้
ถาม ดร วิศิษฐ์ในคำถามเดียวกัน
ดร ตอบว่า ปัจจัยบวก
1.ตัวเลขส่งออกของไทยในเดือน พค โต 13-14% คู่กับการนำเข้ามากขึ้น มีการ stockingของ
เป็นการเริ่มoutperform เช่นเหล็ก ราคาสูงขึ้น มีmarginสูง
สินค้าอุตสาหกรรม เกษตรกรรมดีขึ้น
จุดหมายส่งออกไปจีนโต20% ส่วนส่งออกไปญี่ปุ่นโต 23%
ดัชนีcontainerเริ่มฟื้นตัว เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของส่งออก ต้องตาม ในเดือนมิย และ กค ต่อไป
จับตาส่งออก ถ้าดี น่าจะส่งผลต่อGDP ดีขึ้นด้วย
การส่งออก manufacturing สินค้าเกษตร รถยนต์ ดีขึ้น ตอนนี้ค่าเงินเราแข็งเป็นอันดับ2ในอาเซียน
Current accountเราค่อนข้างดี ต่างชาติซื้อพันธบัตรเกือบแสนล้านบาท ทั้งระยะยาวและระยะสั้นด้วย
แต่ซื้อหุ้นแค่ 6-7,000 ล้านบาทเอง
2. ราคาข้าวดีขึ้นในรอบสามปี ถึงแม้ราคายางไม่ดี รายได้เกษตรกรรมดีขึ้นมาจาก stockเก่าเริ่มหมดไป
ปรับตัวขึ้น4% คิดเป็น 27% ของรายได้ทั้งหมด
3. การท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้นจาก คนในEUมาไทยขยับจาก 3-4 แสนคน เป็น 6 แสนคน
Q2 หุ้นกลุ่มEU เริ่มปรับตัวขึ้นมา ปกติ Q2-Q3 ไม่ใช่high season
แต่นักท่องเที่ยวไม่ลด เพราะจีนลดแต่ EU เพิ่มมา
สังเกต กลุ่มได้ประโยชน์จากstocking กำไร และ ยอดขาย เพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มเหล็ก ราคาขึ้น
ราคาหุ้นบางตัวขึ้นมาก 30-40% แล้ว ต้องเลือกดูVolatility เยอะ ต้องสังเกตช่วง Q3-Q4 ดู
การลดขนาดงบดุลของFED ธนาคารกลางเป็นคนขายพันธบัตร
Yield จะสูงขึ้น สุดท้าย จะถือ แค่2ล้านๆเหรียญจากเดิม 4.5 ล้านๆเหรียญ
Yield เพิ่มขึ้นส่งผล
1. อัตราการคิดลด จะเพิ่มขึ้น ทำให้มูลค่าของบริษัทลดลง
2. เปรียบเทียบการลงทุนพันธบัตรกับลงทุนในหุ้น ทำให้ราคาหุ้นผันผวนกว่าครึ่งปีแรก
ถามคุณปริญญ์ บล CLSA มองไทยในช่วงครึ่งปีหลังและตลาดmaiเป็นอย่างไร
ตอบ คลังสินค้าชั้น premium , logistic
รัฐบาลออกสิทธิพิเศษ ตั้งทีมที่ดูแลโดยเฉพาะ
ทางTesla มาพูดว่าอยากทำอะไรในไทยบ้าง เขารอstationที่chargeไฟของรถไฟฟ้าในไทยให้เสร็จ
เซ็นต์ MOU เรื่องฐานซ่อมเครื่องบิน
Q4 จนถึงต้นปีหน้าจะเห็นชัดเจนมากขึ้น รวมถึงการลงทุนรถไฟฟ้า
บริษัท ATP30 ทำเรื่องขนส่งพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรม
ซึ่ง EEC ทำให้เกิดการขยายตัวของการขายที่ดิน
สองปีที่ผ่าน เป้าพลาดไป ตอนนี้บริษัทต่างชาติเริ่มสนใจมากขึ้น
อีกบริษัทคือ บริษัท AMA ,NCL มูลค่าหุ้นอาจไม่ถูกเท่า ATP30
เพราะมีแนวโน้มการเติบโตอนาคตสูงขึ้น
อีกกลุ่ม เกี่ยวกับการบริโภคในประเทศ
บริษัท BKD คุณฉลาม และ ลูกสาว
การศึกษาในตลาดmai ต้องดูผู้บริหาร
คุณฉลามเป็นคนกระตือรือร้น ถามตลอด
อีกบริษัท คือบริษัท มุ่งพัฒนา อินเตอร์เนชั่นแนล เทรนในสังคมระยะยาวจะเติบโตมากขึ้น
ผู้บริหารพร้อมไปroadshowเหมือนคุณฉลาม BKD
ฝรั่งมอง กลยุทธ์การลงทุนในเรื่อง ไมโครแคปอินเวสเม้นส์ (Microcap investment)
market cap เล็ก เมื่อเทียบกับ EBITDA เล็กเป็นพิเศษ ถือยาว
จะชนะหุ้นในตลาดSETได้
หมอเค สรุปให้ว่ามีหุ้นไหนบ้าง เช่น ATP30 , AMA , BKD , Moong ,
ถามดร วิศิษฐ์ ว่าตัวไหนดี
ดร ตอบว่า Logistic ทั้ง SET, MAI outperform ซึ่ง earning base ฐานต่ำ
MAI เป็นลักษณะผู้ประกอบการสูง มีpartnerต่างชาติเป็นอันดับ1,2มาร่วมทุน
เขาสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
เป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องศึกษา
เรื่องความเสี่ยง
ดร วิศิษฐ์บอกว่า
1. Yield curve แบบนี้ เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น
2. US tax reform อาจไม่ผ่านในบางมาตรา แต่ราคาหุ้นบริษัทมารอ
3. การลดขนาดงบดุล ทำให้ bond yield เพิ่มขึ้น
คุณปริญญ์
1. สินค้า commodity เช่นน้ำมัน อาจลงถึง 26$ ได้ ซาอุ เศรษฐกิจไม่ดี อาจมีการขายน้ำมันมากขึ้น
กลัวเรื่องsupply บริษัทน้ำมันอาจโดนกระทบ
2. การแทรกแซงภาครัฐ เช่น EEC แต่คนไม่เชื่อ รัฐต้องพยายามให้คนเชื่อ อย่าไปทำเรื่องเล็กๆ ต้องfocus สร้างผลงานให้จับต้องได้ ดำเนินโครงการใหญ่ให้เกิดได้จริง
ช่วงที่2 เจาะหุ้นเด่น mai
แนะนำวิทยากร
คุณจิตรา อมรธรรม พูดมานานแล้ว เดินสายไปกับMoneytalkตลอด หน้าตาไม่เปลี่ยน
รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บล ฟินันเซีย ไซรัส
คุณจรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล เมย์แบงค์ กิมเอ็ง เป็นนักวิเคราะห์ คนรุ่นใหม่ไฟแรง
คุณ อนุรักษ์ บุญแสวง หรือ คุณ โจ ลูกอีสาน อดีตนายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า ประเทศไทย
มาตั้งแต่เมื่อวานเพื่อมาบันทึกเทป money talk และมาร่วมงานวันนี้
กลอน อ เสน่ห์
เจาะหุ้นเด่นเอ็มเอไอแบบใสกิ๊ก
หุ้นหวนพลิกหรือไม่ใคร่เฉลย
จากสามจอ บวก หนึ่ง นอ ก็คุ้นเคย
พร้อมบอกเลยหุ้นเด่นดีที่จับตา
จอที่หนึ่งคือ คุณโจ ลูกอีสาน
จอ จรูญพันธ์ เมย์แบงค์กินเอ็ง เจ๋งเข้าท่า
ฟินันเซีย ไซรัส จอ จิตรา
นอ นิเวศ ชอบดื่มชา ค่าวีไอ
ฟังให้ดีมีทีเด็ดพิเศษแท้
หุ้นใดแน่หุ้นใดเด่นเห็นใสใส
พร้อมคอมเม้นต์จากปากจากหัวใจ
มันนี่ทอร์คจัดให้เอ็มเอไอจัดงาน
คุณ โจ จะมาเปิดอกเล่าให้ฟังว่าวิธีการเลือกหุ้น MAI อย่างไรที่ทำให้กำไรติดต่อกันทุกปี
ถามคุณโจก่อน ชอบหุ้นmaiแบบไหน
คุณโจ ตอบว่า ต้องบอกว่าที่ผ่านมา portผม กำไรจากmaiค่อนข้างเยอะ
ไม่เจาะจง แต่กลายเป็นหุ้นในmai ค่อนข้างเยอะ
ในportมีหุ้นไทย 40 ตัว หุ้นต่างประเทศ 20 ตัว เมื่อก่อนถือหุ้นไทย 60 ตัว
ฉายา โจหลายใจ อ เสน่ห์ บอก
ใน 40 ตัว เป็นหุ้นใน ตลาดmai 5-6 ตัว
ที่ผ่านมาชอบหุ้นตลาดmai สาเหตุหนึ่ง คือ สามารถโตได้หลายสิบ%ได้ต่อเนื่องหลายปี
เพราะหุ้นมีขนาดเล็ก จนถึงขนาดกลาง บางตัวโตถึง 50% หลายหุ้นจะเปลี่ยนชีวิตเราให้ดีขึ้น
หุ้นในSET โตได้น้อยกว่า แต่มีข้อแม้ว่าต้องเลือกหุ้นในmaiได้ดี
เหตุผล
บริษัทต้องมีการเติบโต 20-30% ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น
งบการเงินต้องดี ไม่ใช่ผู้บริหารเข้าตลาดเพื่อขายทิ้ง เราพยายามคัดบริษัทที่ดีที่สุด
ผมจะเจอหุ้นที่ดีหลายตัว
ที่ US นักวิชาการได้ทำวิจัย พบว่าหุ้นขนาดใหญ่ให้ผลตอบแทน 10% แต่หุ้นขนาดเล็ก 12%
แต่ถ้าหลายๆปี ผลตอบแทนทบต้นต่างกันมากทีเดียว
ดังนั้นถ้าต้องการเปลี่ยนชีวิต อย่าลืมลงทุนในหุ้นตลาดmai
ถาม คุณจิตราว่า หุ้นmai มีเสน่ห์ตรงไหน
คุณ จิตรา ตอบว่า เสน่ห์ คือ กำไรที่เติบโต ส่วนใหญ่หุ้นที่อยู่ในmai ทุนจดทะเบียน 200-300 ลบ
ขนาดเล็ก กำไรต่อปี xx – xxx ลบ
สิ่งที่นักลงทุนต้องดูคือ กำไรโตแบบมีคุณภาพหรือเปล่า
เราจะดูเป็นภาพใหญ่ก่อน
ช่วง 2H17 หรือ อีก 2-3 ปีข้างหน้า กิจกรรมไหนจะถูกdrive
ตัวอย่าง ในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะเป็นการลงทุนภาครัฐ เราจะเลือกหุ้นที่เกี่ยวกับการลงทุนภาครัฐ
ส่วนใหญ่ หุ้นในmaiจะสอดรับกับเศรษฐกิจในประเทศ แต่กู้เงินไม่เกินทุน ทำให้ส่งผลต่อเศรษฐกิจน้อย
ต้องดูฝีมือของผู้บริหารของบริษัทในตลาดmai
ส่วน Non financial factor ดูvisionของผู้บริหาร มองเป้าอย่างไร และวิธีการไปถึงเป้าได้อย่างไร
ผู้บริหารมีบทบาทมาก สำคัญมาก ให้น้ำหนักส่วนนี้ 50% รวมทีมงานด้วย
และ financial factor 50%
ผลการดำเนินงานในหุ้นmai เทียบกับราคา ทำผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดSET
แต่เวลาเกิดวิกฤต จะร่วงแรงเพราะมีความทนทานต่อแรงต้านน้อยกว่าหุ้นในSET
ถ้าเศรษฐกิจไม่เป็นไร หุ้นในmaiก็ไม่เป็นไร ผลตอบแทนดีกว่า
แต่ถ้ามีวิกฤต ลงทุนหุ้นในSET จะปลอดภัยกว่า
ถามคุณจรูญพันธ์ เราวิเคราะห์หุ้นmaiอย่างไร
ตอบว่า ตอนแรกคนเข้าใจว่าโบรกใหญ่ไม่ถนัดหุ้นmai
เราเทรดหุ้นในSETเป็นอันดับ4 แต่ถ้ารวมหุ้นในmai เรามีvolumeเป็นอันดับสอง
หุ้นในmai จะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นค่อนข้างดี
การแนะนำหุ้นในmai ยากกว่าSETเยอะ เพราะการดำเนินงานของหุ้นmai เป็นลักษณะครอบครัว
ในแง่การวิเคราะห์ต้องไปลึกกว่านั้น สิ่งที่ทำจะกระทบต่อกำไรหรือไม่
เปรียบเทียบหุ้นปตท มีแผนธุรกิจ 5-10ปี
ดังนั้น หุ้นในMAI ต้องวิเคราะห์คุณภาพหุ้นเป็นสัดส่วน 50%เลย
เวลาออกpaper เราต้องว่าโต 3-4ปีขึ้นไป
เรื่องคุณภาพ กำไร การจัดการของผู้บริหารเป็นสิ่งสำคัญ
เราขยายทีมงานในส่วนmai เพื่อให้ได้ market shareมากขึ้น
ดร นิเวศน์ บอกว่าเป็นเหยื่อของวิกฤตปี40 ทุกธุรกิจที่ทำงานถูกdisruptiveไป
ดร บอกว่า ก่อนบริษัทเจ๊ง ก็ออกก่อน เหมือนกับลงทุนหุ้น ถ้าหุ้นไม่ดี ต้องขายหุ้นก่อน
US มีตลาดstock exchange ต่อมามีบริษัทเล็กอยากมาจดทะเบียน
เลยเกิดตลาดNasdaq ขึ้นมา และพัฒนาจนหลายบริษัทโตมโหฬารถ้าถือมายาวๆ
และเจ๊งตอนปี 2000 เหมือนที่คุณจิตราว่าตอนวิกฤต หุ้นเล็กจะแย่
หุ้นที่รอดได้ จะโตมโหฬาร ผลตอบแทนโดยเฉลี่ย จะสูงกว่าบริษัทใหญ่
ถ้าเลือกถูกทำให้portโตไปหลายเท่า แต่จับผิดตัวก็ขาดทุน
หุ้นตลาดmai คล้ายกับ Nasdaq แต่ไม่ค่อยมีหุ้นเทคโนโลยี
ถ้าเราไม่มีเวลา หรือ ไม่ศึกษาเพียงพอก็จะลำบาก
การวิเคราะห์ไม่ยาก อ เสน่ห์ บอกว่า เขามี snapshot ไว้ให้นักลงทุนศึกษา
ตลาดmaiเป็นตลาดท้าทาย กับคนที่อยากรวยมาลงทุน แต่ไม่ให้ทุ่มเงินลง
หุ้นในmaiทั้งหมด
ตอนเรียน ปริญญาเอก เคยศึกษา ตลาดหุ้นตัวเล็ก ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นตัวใหญ่พอสมควร
แต่ถ้าดูรายละเอียดมีแค่บางตัวที่ให้ผลตอบแทนสูงมาก ต้องหาให้เจอ
อ เสน่ห์ เสริม การวิเคราะห์ต้องรู้จริง
คุณโจ บอกว่า ตลาดmaiมีความเสี่ยง
สิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ ต้องมีความรู้
มีองค์ประกอบ
1. คุณภาพของบริษัท ดูอะไรบ้าง เช่น ต้องเติบโต ราคาหุ้นจึงไป มีปันผล
ต้องดูธุรกิจแข่งขันได้ ดูโหงวเฮ้งผู้บริหาร ดูจาก 56-1 มีข้อมูลครบ
อย่าลืมเรื่องความเสี่ยงซึ่งสูงตามผลตอบแทนที่สูง
บางบริษัทมีคดีความ ถ้าแพ้เสียหายหนัก
หรือ มีsupplierรายเดียว ไม่ส่งให้ บริษัทก็เจ๊ง
หรือ มีลูกค้ารายเดียว ไม่ซื้อเราก็เจ๊ง
บางบริษัทมีค่าไฟแบบadder อาจเหลือแค่ 2-3 ปี เท่านั้น หลังจากกำไรก็ตกมาก
2. ให้ลงทุนในราคาที่เหมาะสม ไม่แพงเกินไป
3. เราต้องมีความมั่นคงทางอารมณ์ ตอนpanic ถ้าเราขายก็เสียหายหนัก
เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ต้องกล้าถือ ถึงแม้ราคาลงมามาก แต่บริษัทที่ดี
เราถืออย่างมั่นใจ ตอนปี40 ถ้าถือบริษัทที่ดี ก็ผ่านมาและประสบความสำเร็จ
ในการลงทุน
ถามคุณจิตรา อยากให้ลงถึงกลุ่ม และ หุ้นในตลาดmai
ตอบ กลุ่มเด่น คือ Finance เช่าซื้อ , Leasing
กำลังซื้อยังโต เพราะมีความต้องการกู้เยอะ ดอกเบี้ยยังไม่ใช่ขาขึ้น
แต่ปีหน้า 2H ต้องดูต้นทุนทางการเงิน การปล่อยต่อ ได้ดอกเบี้ยเป็นfix
แต่ต้นทุนการเงินสูงขึ้น ช่วงที่เห็นเงินเฟ้อสูงๆ ต้องระวัง
แต่ปีนี้จะเห็นกำไรโต และ นักวิเคราะห์จะปรับประมาณการณ์สูงขึ้น
ส่วนอีกกลุ่มคือก่อสร้าง
ก่อสร้างขนาดใหญ่ พวก บริษัทเสาเข็ม pylon , seafco แต่ราคาสูงแล้ว ต้องรอ
อีกกลุ่ม คือ กลุ่มเทคโนโลยี
ตอนนี้ มีคนดู Moneytalkจากมือถือ เราต้องไปเพิ่มnetเพื่อให้ภาพไม่กระตุก
เป็นสิ่งของจำเป็น มีตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเช่น บริษัทขายมือถือ ต้องดู inventory
ตัวต้นน้ำ วางcable คือบริษัทitel วางสาย fibre optic เรียบร้อยมา3 ปี ตอนนี้เริ่มเก็บเกี่ยว
เมืองไทยลิซซิ่ง เริ่มใช้บริการเพราะมีสาขามากกว่า 1,000 สาขา
คนใช้มือถือ จะใช้application IOT เช่น เปิดบ้าน เปิดไฟ ตัวสื่อสัญญาณคือ Fibre optic
เขาเป็นต้นน้ำ Fibre optic เป็นเทคโนโลยีอยู่ได้นานถึง 50 ปี มีความเสถียร สัญญาณไม่ขาดหาย
ดีกว่าสายทองแดง มีสัญญาณรบกวน บางครั้งพูดโทรศัพท์ มีเสียงแทรกเข้ามา
อยู่ในหมวดเทคโนโลยี เป็นต้นน้ำ เศรษฐกิจ ดี หรือ ไม่ดี ก็รับค่าเช่าคิดเป็นรายได้ 70%
ส่วนอีก30% เป็นรายได้จากการติดตั้ง เช่น ลากสายไฟฟ้าลงดิน ต้องมีการbidแข่งกัน เป็นการรับเหมา
ภาพรวม รายได้อยู่ในกรอบ 200-300 ลบ
Data center สร้างเหมือน warehouse เก็บข้อมูล รับฝากข้อมูลขององค์กรขนาดใหญ่
ที่แรกมี data center 348 racks
ตอนนี้กำลังสร้างที่2 เสร็จในเดือน กค และเริ่มขายในเดือน กย
รายได้จะแบ่งกับ WHA , AIT
628 rack ได้รายได้ประมาณ 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด
อยู่ในกลุ่มต้นน้ำ ไม่ต้องตั้งสำรอง ปีนี้เริ่มเก็บเกี่ยวเต็มที่ ได้ธนาคาร 2 ที่ และ MTLS , 7-11
โต 120% แต่กำไรจะโตจากฐานต่ำ ปีหน้า โต 60% ไป 140 ลบ และ โตต่อ 30 %
คุณ จรูญพันธ์ มอง2H งานภาครัฐออกเยอะ SME ใช้ working cap เยอะ แต่กู้ธนาคารยาก
เขาเข้าถึงแหล่งเงินยาก จะไปเข้าเช่น ลิซอิธมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง เขาได้รับการโอนสิทธิรับเงิน
จากภาครัฐเป็นสัดส่วน 70% และ เอกชน 30% เป็น model ที่ปลอดภัย อยู่ในอุตสาหกรรมที่ดี
LIT มีโอกาสทำกำไรโตติดต่อกัน 8 ไตรมาส
คุณ จิตรา เสริม MGT ทำเคมีชนิดพิเศษ ลูกค้าเอาไปเคลือบรถยนต์ ผสมกับปูน กาวเรซิน
ความน่าสนใจ ปิโตรเคมี รถยนต์ที่ใช้สี เวลาสั่งสีจากSupplier เวลาสั่ง5 ตัว แต่จำนวนน้อย
เลยทำให้ MGT เป็นตัวกลางที่สั่งมาจากต่างประเทศ
เวลาลูกค้าต้องการก็มาสั่งที่ MGT และเติมบริการ ช่วยคิดกับลูกค้าหาsolutionด้วยเพื่อเพิ่มมูลค่า
ร่วมกับ ครัวโนส เอาเคมีผสมในปูนและน้ำ สร้างตึกสูงได้ มีสินค้าครบ คนเข้ามาแข่งยาก
GP 25-30% NP 8-10% สูงกว่า trading ธรรมดา 5%เอง
ก่อนเข้าตลาดกำไรแค่ 30 กว่าล้าน ค่าใช้จ่ายเข้าตลาดมาลงในQ1 ทำให้กำไร 11 ลบ
ถ้าบวกกลับ 14 ลบ ทั้งปี น่าจะได้ 60 ลบ โต 81%
ปีหน้าเบ่งกำไรได้อีก การเติบโต20%ต่อปีน่าจะได้
ถือเป็นหุ้นgrowthทั้ง2ตัวพึ่งเข้าตลาด มีหนี้น้อย
คุณ จรูญพันธ์ หาหุ้น hard core 10 เด้ง
หุ้นตัวนี้ เป็น concept start up แก้ปัญหาระดับล้านคน ต้องสามารถทำซ้ำได้ด้วย
Knowhowเดิม คือ ASN Broker
1.เมื่อก่อนทำ telesale สิ่งที่ทำเพิ่ม คือ oohoo เป็น platform ขายประกันรถยนต์
100,000 ลบ ขายผ่านตัวแทน 40% ตอนนี้ขายผ่าน oohoo online แค่ไม่ถึง 1%
แก้ปัญหาเวลาประกันภัยหมด คนจะโทรมารบกวน
2 เวลาtelesalesขาย จะขายอันที่ได้ค่าคอมเยอะ คนซื้อไม่สามารถเลือกได้
3 เวลาซื้อ กรมธรรม์กว่าจะออก 2-7 วัน
ซึ่ง oohoo แก้ไขได้ คุณธวัชชัย มาจาก IBM ร่วมมือกับ scbeasy
ลูกค้าสามารถเลือกชนิดได้ และ ซื้อตอนไหน ที่ไหนก็ได้ ความคุ้มครองเกิดขึ้นทันที
ได้กรมธรรม์ทันที
Platform oohoo เชื่อมกับ บริษัทประกัน ทำให้รู้ว่าประกันภัยหมดเมื่อไหร่
เวลาติดกล้องหน้ารถ ก็สามารถลดได้ด้วย
คุณโจ บอกว่า หุ้นที่ถือไม่ตรงกับนักวิเคราะห์แนะนำ
คุณภาพหารด้วยราคา ผลคือความคุ้มค่า
บางบริษํทดี แต่ราคาแพงเกินไป
มีข้อคิดในการเลือก
ให้ดูรูปแบบรายได้ ที่น่าสนใจคือบริษัทที่รายได้ มีchampion product ที่สร้างรายได้
เติบโตไปเรื่อยๆ และ สร้างสินค้าที่เป็นchampion ใหม่ได้
ยกตัวอย่างบริษัท Netbay เขียนsoftwareทำให้ทุกฝ่ายสะดวกสบาย บริษัทได้ค่าfeeหลังจากลูกค้าใช้
ทำให้มีรายได้มาเรื่อยๆ ราคาหุ้นขึ้นไป3เท่าตัวหลังเข้าตลาดไม่นาน
บริษัททั่วไปขายสินค้าตัวเดียว ไม่มีสินค้าใหม่ ไม่น่าสนใจ
ดร นิเวศน์ เตือน เวลาซื้อในตลาดที่แย่ ช่วงหุ้นราคาขึ้นไปเยอะ
PEหลายร้อยเท่าหรือขาดทุน แต่มีstoryมาตลอด amazonราคาลงมา80%
เราเล่นหุ้นโตเร็ว กำไรเยอะๆ ข้อมูลพื้นฐานไม่มีประโยชน์
หุ้นในmai มีกำไรที่มีมาตรฐาน
แต่หุ้นโตเยอะๆ ต้องศึกษา และ ตามเรื่อยๆ อย่าซื้อตามตัวเลขในอดีต
คุยกับเจ้าของ ดูของจริงว่าสินค้าใช้ดีอย่างที่บอกหรือเปล่า
เราเริ่มเห็นดีขึ้น เราต้องทำงานเยอะ
แต่หุ้นmaiโดยเฉลี่ย ราคาสูง ถ้าราคาลงแรง เข้าไปซื้อได้
นาทีนี้ราคาแพง 3-4 ปีที่ผ่านมาราคาขึ้นมามากกว่า SET
แต่บางตัวราคายังไม่แพง
ตอนนี้เศรษฐกิจเปลี่ยน มีstartup เข้ามาในตลาดmai
เป็นบริษัทเล็ก SME ยังเข้ามาไม่ได้
แต่โดยส่วนตัวไม่ได้ลงทุนหุ้นในmai
เวลาลงทุนไม่ได้ดูว่าอยู่ตลาดไหน
ดร ไพบูลย์ ถามว่า 4 ตัว ตัวไหนดีสุด ตัวไหนแย่สุด
ดร นิเวศน์ ดีทั้ง 4 ตัว
หุ้นต้องมีstory ถ้าไม่เป็นแบบที่พูด ต้องระวัง
ราคาทั้ง4ตัว ถ้าไม่ขึ้นไปเยอะ ก็น่าสนใจ
เวลาที่คิด แต่อย่าพึ่งไปซื้อ เฝ้าไปเรื่อยๆ ได้แต่มองอย่างเดียว
ชอบเป็นกิ๊กกับเขาไปทั่ว วันไหนถ้าราคาตกลง เราก็ไปยุ่งได้
ช่วงครึ่งปีหลัง คุณโจ บอกว่าอยู่ด้วยความหวัง สุดท้ายรัฐบาลต้องลงทุน
และมีบริษัทได้รับประโยชน์ พูดมาหลายปีแล้ว
ดังนั้นprojectทั้งหลายต้องโดนเร่ง เช่น กลุ่มรับเหมาได้รับผลดี
หุ้นในmaiก็มี ได้รับผลดี แต่ราคาขึ้นไปเยอะแล้ว ต้องดูเป็นตัวๆไป
ถามคุณจิตรา หุ้นที่เข้าใหม่มีตัวไหนบ้าง
คุณจิตรา บอกว่า มีในกลุ่มบริการ
อีกตัว คือ Firetradeกำลังroadshow และหุ้นโรงไฟฟ้า
ส่วน maybank บอกว่าเป็นหุ้นชิ้นส่วนยานยนต์ เตรียมมาหลายปี
หุ้นท้ายสุดเป็นหุ้นโรงไฟฟ้า BRRGIF
คำแนะนำจากใจ ถูกผิดเป็นเรื่องอนาคต การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง
รู้มากสุด กำไรมากสุด
การตัดสินใจเป็นเรื่องของแต่ละคน
สุดท้ายขอขอบคุณวิทยากรทุกท่าน รวมถึงทีมงานMoneytalkทุกท่านครับ
ช่วงแรก หัวข้อ มุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง
วิทยากร ในช่วงแรก
ดร วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนิตี้
คุณ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล.CLSA
ดำเนินรายการโดย
อ เสน่ห์ ศรีสุวรรณ และ นพ ศุภศักดิ์ หล่อธนวนิช
MoneyTalkคราวหน้าจัดวันที่ 16 กค 17 ที่ตลาดหลักทรัพย์
สำรองที่นั่งผ่าน FB.com/moneytalktv เสาร์ที่ 8 กค 17 เวลา 7.00 เป็นวันเกิด ของ ดร ไพบูลย์พอดี
หัวข้อแรก ช่วง 13.00-15.00
เจาะ 4 หุ้นเด่น
คุณสมศักดิ์ บริสุทธนะกุล" ประธาน กรรมการบริหาร
บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) TPBI
JMT,
ITEL คุณณัฐนัย
TPIPP รองผู้จัดการใหญ่ บริษัทลูกของ TPI พึ่งเข้าตลาด
หัวข้อที่สอง วิถีชีวิต วิธีลงทุนของชาววีไอ
แขกรับเชิญ
คุณ ธันวา เลาหศิริวงศ์ อดีตนายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า(ประเทศไทย)
คุณ ชาย มโนภาส นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า(ประเทศไทย)
ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน
นพ ศุภศักดิ์ หล่อธนวนิช ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน
เข้าสู่รายการ
คนหนุ่มไฟแรง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แฟนคลับเยอะ มองเห็นมุมมองของโลกว่าเปลี่ยนแปลงอย่างไร
คุณ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ปัจจุบันเป็น กรรมการผู้จัดการ บล CLSA
เป็นลูกชาย ดร ซุป ศุภชัย พานิชภักดิ์ เปิด ร้านเป็ดโฟร์ซีซั่นหวังว่าจะเอาบริษัทเข้าตลาด MAI
อีกท่าน ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน จับกระแส Fundflowที่เก่งที่สุดในไทย
ผูกทิศทางตลาดหุ้นไทยด้วย เป็นกรรมการผู้จัดการ บล ทรีนิตี้ ดร วิศิษฐ์ องค์พิพัฒน์กุล
ท่านจะมางานทุกปี ยกเว้นปีที่แล้ว ทุกครั้งที่มาจะบอกหุ้นที่จะขึ้น
อ เสน่ห์ เสริมคำว่า วิศิษฐ์ แปลว่า มาเยี่ยม ขาดไม่ได้ มีอยู่ทุกห้าง (visitor)
2013 แนะนำ SIMAT
2014 แนะนำ AUCT
2015 แนะนำ FSMART
2016 ไม่ได้มา แต่แนะนำในปี15คือ master kool , acap แสดงว่าแม่นมาก
ต้องตามปีนี้ว่าจะแม่นหรือไม่
มาดูมุมมองของตลาดหุ้น
ช่วงครึ่งปีแรก ตลาดSET ลงทุนจนถึงเมื่อวาน +2%
ส่วน MAI -8% ต้องถามวิทยากรเราว่าเป็นอย่างไร
เริ่มจากคุณปริญญ์ก่อน
ปีนี้คาดหวังสูงเยอะ ปีที่แล้วปรับตัวขึ้น 20%กว่า ทั้งที่ผลประกอบการไม่ค่อยดี GDP สูงระดับนึง
ราคาหุ้นต้นปีไม่ถูกในหลายอุตสาหกรรม ทั้งหุ้นตัวเล็ก ตัวกลาง เราไม่ใช่ตลาดหุ้นเดียวในเอเชีย
ยังมี ตลาดในเอเชียตอนเหนือ ได้แก่ ประเทศเกาหลี ฮ่องกง จีน ไม่ค่อยได้ขึ้นมาหลายปี
Hard commodity, soft commodity ขึ้นมาแล้ว
ราคาดีขึ้น สัญญาณส่งมา ต่างชาติเลยต้องเข้า ไต้หวัน จีน เกาหลี
มือถือ iphone 8 จะมาสิ้นปี ทำให้supplierของเขาดีขึ้น เช่น Samsung ผู้ผลิตชิ้นส่วนดีขึ้น
เราก็ดีขึ้น แต่เสน่ห์ไทยลดลงเมื่อเทียบกับปี 2008 วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์
ตอนปี 2009 เราขึ้นมาoutperform แต่ที่ผ่านมาการลงทุนทางตรง ลงทุนผ่านBOI หรือ
ลงทุนจากภาคเอกชนน้อย ส่วนใหญ่เอกชนอ้างว่า ยังดูทิศทางภาครัฐซึ่งยังไม่แน่นอน
เอกชนรอได้ เพราะ โรงงานใช้capacity < 70%
ฝรั่งชอบเป็นชาวสวน ต้องมองทิศทางด้วยกราฟซึ่งหัวขึ้น all time high ในปีที่แล้ว
ดังนั้นปีนี้เลยชะลอดูไว้ก่อน ยังไม่ชัวร์ รวมทั้งภาครัฐมีการประมูลรถไฟฟ้าเยอะ
แต่รถไฟรางคู่ชะลอ และ ยังปรับแก้ไขอีก
รัฐบาลจัดงาน Thailand strategic move เพื่อกระตุ้นการลงทุน
ดร วิศิษฐ์ ขออนุญาตเสริม อาจารย์ปริญญ์
1. ปีนี้เป็นปีที่ทั่วโลกเน้นvaluation แต่หุ้นในตลาดmai เน้น growth
ดังนั้นหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าดีขึ้น ลักษณะหุ้นในตลาดmai เป็น high growth
หุ้นกึ่งไฟฟ้าและไม่ขึ้นกับเศรษฐกิจในประเทศ จะoutperform
2. ปีนี้ตลาดหุ้นทั่วโลก มีความผันผวนต่ำ SETได้ผลตอบแทนแค่ 2% เป็นทั้งโลก
บางคนบอกว่าไม่มี momentum มันเหงา
บางคนต้องการstable income ก็จะมีโอกาส แต่จะได้ผลตอบแทนจากราคาหุ้นจะยาก
หุ้นที่มีvaluationถูก มี yield, stable income
เลยต้องเลือกหุ้นแบบ stock selection การเลือกหุ้นต้องถูกเท่านั้น
ภาพใหญ่ได้ผลตอบแทน2%
ต้องเลือกเป็นหุ้นถ้าถูกได้ถึง 30% มองกลุ่มโรงไฟฟ้าซึ่งout perform ขึ้นมา
ซึ่งสถานการณ์ไม่แน่นอน จึงจัดportโดยมีโรงไฟฟ้าเยอะ
ตลาดหุ้นmaiเป็นหุ้นhigh growth หุ้นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในประเทศจะout perform
ดังนั้นการเลือกหุ้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะ
1. Fed อาจขึ้นดอกเบี้ย
2. Fed อาจลดงบดุลตามคาด
3. ธนาคารกลางยุโรปจะลดการทำ QE หรือไม่
Volatility เกิดขึ้นทั่วโลกของไทยประมาณ 4% ซึ่งปกติประมาณ 20%
ปีนี้เป็นปีพิเศษ ทำให้นักลงทุนมองหาความstableมากขึ้น
การลงทุนถ้ามองtheme , stable cash flow, business model
หลายบริษัทที่มี Business model ดี จะoutperform ขึ้นมาเลย
ตอน business model ออกมาทำให้ ราคาปัจจุบันสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น บริษัท ORI ใน ตลาดหุ้นSET เคยออกรายการมาแล้ว
เราศึกษาจาก business model และ valuation จะทำให้นักลงทุนเลือกหุ้นได้ดี
ผมมีโอกาสอ่าน mai snapshot ( การอยากรู้บริษัทในระยะเวลาอันสั้น )
อ่านหน้าเดียวเห็นภาพหมด
1. เรื่องธุรกิจ โครงสร้างทางการเงิน และ financial statement
2. บริษัททำอะไรบ้าง
3. มีใครลงทุนบ้าง จำนวนหุ้นที่ถือมีเท่าไหร่
4.งบการเงิน งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด เป็นอย่างไร
อ เสน่ห์ บอกว่า เราสามารถใช้ smartphone ไปยิง QR code และจะสามารถdownload snapshot
เป็นไฟล์แต่ละบริษัทมาอ่านดูได้ ซึ่งจะอับเดททุกไตรมาส
หมอเค ถามว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง จะเห็นทิศทางชัดเจนหรือไม่
คุณปริญญ์ บอกว่าไม่ชัดเจน เลยทำให้เกิดโอกาสในการลงทุน
เช่น US เห็นชัดเจน ราคาก็แพง ตอนนี้ เจเนต เตือนบอกว่าเกิด asset bubble เล็กๆขึ้น
เม็ดเงินไหลออกจากตลาดหุ้นประเทศพัฒนา มาเข้าตลาดเกิดใหม่
และจะเข้าเอเชียตอนเหนือ เกาหลี ไต้หวัน จีน แล้ว
ตอนเกาหลีเหนือ ทดลองขีปนาวุธ ในช่วงต้นปีเป็นโอกาสในการลงทุน
เกาหลีเด่นในครึ่งปีแรก คราวนี้สนุกขึ้น ทรัมป์ออกมาพูดก้าวร้าวจะฉะเขา
ปรากฏว่า ทรัมป์โดนFBIสอบสวน
ดังนั้นในครึ่งปีหลัง มีเรื่องที่น่าสนใจ 2-3 เรื่อง เงินจะออกมา จะปรับportหรือเปล่า
เอเชียตอนเหนือจะวิ่งได้แค่ไหน
1. ในแง่ของกำลังซื้อ จำนวนประชากรไม่ได้เยอะกว่าอาเซียน
ผมคิดว่าเงินจะเข้าอาเซียน แต่จะเข้าที่ไหน มันจะเข้าในส่วนที่จะเติบโตในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า
ในตลาดหุ้นที่ยังไม่performหรือยังไม่ขึ้น
ตอนนี้เป็นสัญญาณที่ดี เช่นตลาดหลักทรัพย์จัดงานดีมาก มีรัฐมนตรี และ นักธุรกิจแนวหน้ามาพูด แต่ต่างชาติมาไม่ถึง 40คน เป็นสัญญาณที่ดี
แปลว่า รอบนี้เขามีหุ้นในไทยน้อย คงไม่มีต่างชาติมาเทขาย ยกเว้นหุ้นขนาดใหญ่ เช่น AOT,CP ALL,SCG
รอบนี้ต่างชาติมีหุ้นตัวเล็ก หุ้นMidcap น้อยมาก รวมถึงสภาพคล่องน้อยด้วยในรอบหลัง ซึ่งดีต่อเรา
2.Macro factor ของ US ไม่ได้ดีพอ ไม่ควรขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 และจริงๆไม่ควรขึ้นในเดือนที่แล้วด้วย
ถ้ามองshotต่อshot ในเดือน มิย ครั้งที่2 ด้วย เขาขึ้นเพราะตลาดให้ขึ้นในแง่bond yield
การปฏิรูปภาษีของอเมริกาจะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าไม่แก้ไขObama care ให้จบก่อนเกี่ยวกับประกันสังคมและประกันสุขภาพ อเมริกาภาพไม่สวยหรูอย่างที่คนให้ไว้ จะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งนึง อาจเป็นเดือน ธค มากกว่าเร็วๆนี้ Fund flow จะช่วยอีกรอบ
3. อีกตัวที่มาช่วยคือ ภูมิรัฐศาสตร์ คือนโยบายของพี่ใหญ่จีน
one belt one road หรือ อิต้า อิลู่ ซึ่งก็คือเส้นทางสายไหมใหม่
เม็ดเงินของจีนเริ่มเข้ามา โดย บริษัทซิติกในจีนเป็นบริษัทแม่ของเรา กระทรวงการคลังของจีนเป็นเจ้าของ บอกเลยว่าให้มาหาบริษัทดีๆในไทยมาให้เรา ไม่เน้นreturn แต่สร้างเพื่อนและกำลัง
สร้างในไทย EECประจวบกับรัฐบาลไทยโปรโมท จีนเป็นเจ้าภาพในรอบนี้ ญี่ปุ่นพึ่งมาตื่นตัว ทูตเริ่มหาทางมาร่วมด้วย ทั้งที่ตอนแรกไม่สนเลย เพราะไปเน้นขยายฐานที่เวียดนาม และสนใจอินโดนีเซียจากประชากร 200ล้านคน
จีนเริ่มหาpartnerในไทยมากขึ้น KWGมาซื้อcapal Thailand
เขาไม่ได้มอง return อย่างเดียว ถึงผลตอบแทนของเขาที่ลงทุนในบ้านเขาติดลบ
นอกจากสร้างถนนหนทาง highspeed และเมืองร้างแล้ว ตอนนี้มาเริ่มสร้างเพื่อน และเม็ดเงินตอบแทนบ้าง
ดีกว่าถือพันธบัตรอเมริกา
เมืองไทยให้โอกาส และ เราอ้าแขนรับจีน ทำให้US เริ่มตื่นตัวมาสนใจไทยมากขึ้น ในขณะที่รัฐบาลโอบามาสนใจแต่เวียดนาม จีนจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจ EEC ในQ3-Q4 และปีหน้าด้วย
4. การบริโภคในประเทศอ่อนตัวลงมา ซึมๆมาหลายไตรมาส คนมีเงินแต่รอเก็บเงินไว้ ไม่กล้าซื้อของ
พอหลังช่วงตุลาคมปีนี้ อาจเปลี่ยนโหมด เห็นการใช้เงิน โฆษณามากขึ้น Q4น่าจับตามองว่าการบริโภคเริ่มกลับมา
การท่องเที่ยวเป็นพระเอกมานาน ปีที่แล้ว เราปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ จีนมาน้อยลง
รัสเซียเริ่มกลับมาแล้ว ครึ่งปีหลัง จีนจะบวกชัดเจน รวมถึงรัสเซียกลับมาด้วย
จะช่วยเรื่องนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นได้
ถาม ดร วิศิษฐ์ในคำถามเดียวกัน
ดร ตอบว่า ปัจจัยบวก
1.ตัวเลขส่งออกของไทยในเดือน พค โต 13-14% คู่กับการนำเข้ามากขึ้น มีการ stockingของ
เป็นการเริ่มoutperform เช่นเหล็ก ราคาสูงขึ้น มีmarginสูง
สินค้าอุตสาหกรรม เกษตรกรรมดีขึ้น
จุดหมายส่งออกไปจีนโต20% ส่วนส่งออกไปญี่ปุ่นโต 23%
ดัชนีcontainerเริ่มฟื้นตัว เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของส่งออก ต้องตาม ในเดือนมิย และ กค ต่อไป
จับตาส่งออก ถ้าดี น่าจะส่งผลต่อGDP ดีขึ้นด้วย
การส่งออก manufacturing สินค้าเกษตร รถยนต์ ดีขึ้น ตอนนี้ค่าเงินเราแข็งเป็นอันดับ2ในอาเซียน
Current accountเราค่อนข้างดี ต่างชาติซื้อพันธบัตรเกือบแสนล้านบาท ทั้งระยะยาวและระยะสั้นด้วย
แต่ซื้อหุ้นแค่ 6-7,000 ล้านบาทเอง
2. ราคาข้าวดีขึ้นในรอบสามปี ถึงแม้ราคายางไม่ดี รายได้เกษตรกรรมดีขึ้นมาจาก stockเก่าเริ่มหมดไป
ปรับตัวขึ้น4% คิดเป็น 27% ของรายได้ทั้งหมด
3. การท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้นจาก คนในEUมาไทยขยับจาก 3-4 แสนคน เป็น 6 แสนคน
Q2 หุ้นกลุ่มEU เริ่มปรับตัวขึ้นมา ปกติ Q2-Q3 ไม่ใช่high season
แต่นักท่องเที่ยวไม่ลด เพราะจีนลดแต่ EU เพิ่มมา
สังเกต กลุ่มได้ประโยชน์จากstocking กำไร และ ยอดขาย เพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มเหล็ก ราคาขึ้น
ราคาหุ้นบางตัวขึ้นมาก 30-40% แล้ว ต้องเลือกดูVolatility เยอะ ต้องสังเกตช่วง Q3-Q4 ดู
การลดขนาดงบดุลของFED ธนาคารกลางเป็นคนขายพันธบัตร
Yield จะสูงขึ้น สุดท้าย จะถือ แค่2ล้านๆเหรียญจากเดิม 4.5 ล้านๆเหรียญ
Yield เพิ่มขึ้นส่งผล
1. อัตราการคิดลด จะเพิ่มขึ้น ทำให้มูลค่าของบริษัทลดลง
2. เปรียบเทียบการลงทุนพันธบัตรกับลงทุนในหุ้น ทำให้ราคาหุ้นผันผวนกว่าครึ่งปีแรก
ถามคุณปริญญ์ บล CLSA มองไทยในช่วงครึ่งปีหลังและตลาดmaiเป็นอย่างไร
ตอบ คลังสินค้าชั้น premium , logistic
รัฐบาลออกสิทธิพิเศษ ตั้งทีมที่ดูแลโดยเฉพาะ
ทางTesla มาพูดว่าอยากทำอะไรในไทยบ้าง เขารอstationที่chargeไฟของรถไฟฟ้าในไทยให้เสร็จ
เซ็นต์ MOU เรื่องฐานซ่อมเครื่องบิน
Q4 จนถึงต้นปีหน้าจะเห็นชัดเจนมากขึ้น รวมถึงการลงทุนรถไฟฟ้า
บริษัท ATP30 ทำเรื่องขนส่งพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรม
ซึ่ง EEC ทำให้เกิดการขยายตัวของการขายที่ดิน
สองปีที่ผ่าน เป้าพลาดไป ตอนนี้บริษัทต่างชาติเริ่มสนใจมากขึ้น
อีกบริษัทคือ บริษัท AMA ,NCL มูลค่าหุ้นอาจไม่ถูกเท่า ATP30
เพราะมีแนวโน้มการเติบโตอนาคตสูงขึ้น
อีกกลุ่ม เกี่ยวกับการบริโภคในประเทศ
บริษัท BKD คุณฉลาม และ ลูกสาว
การศึกษาในตลาดmai ต้องดูผู้บริหาร
คุณฉลามเป็นคนกระตือรือร้น ถามตลอด
อีกบริษัท คือบริษัท มุ่งพัฒนา อินเตอร์เนชั่นแนล เทรนในสังคมระยะยาวจะเติบโตมากขึ้น
ผู้บริหารพร้อมไปroadshowเหมือนคุณฉลาม BKD
ฝรั่งมอง กลยุทธ์การลงทุนในเรื่อง ไมโครแคปอินเวสเม้นส์ (Microcap investment)
market cap เล็ก เมื่อเทียบกับ EBITDA เล็กเป็นพิเศษ ถือยาว
จะชนะหุ้นในตลาดSETได้
หมอเค สรุปให้ว่ามีหุ้นไหนบ้าง เช่น ATP30 , AMA , BKD , Moong ,
ถามดร วิศิษฐ์ ว่าตัวไหนดี
ดร ตอบว่า Logistic ทั้ง SET, MAI outperform ซึ่ง earning base ฐานต่ำ
MAI เป็นลักษณะผู้ประกอบการสูง มีpartnerต่างชาติเป็นอันดับ1,2มาร่วมทุน
เขาสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
เป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องศึกษา
เรื่องความเสี่ยง
ดร วิศิษฐ์บอกว่า
1. Yield curve แบบนี้ เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น
2. US tax reform อาจไม่ผ่านในบางมาตรา แต่ราคาหุ้นบริษัทมารอ
3. การลดขนาดงบดุล ทำให้ bond yield เพิ่มขึ้น
คุณปริญญ์
1. สินค้า commodity เช่นน้ำมัน อาจลงถึง 26$ ได้ ซาอุ เศรษฐกิจไม่ดี อาจมีการขายน้ำมันมากขึ้น
กลัวเรื่องsupply บริษัทน้ำมันอาจโดนกระทบ
2. การแทรกแซงภาครัฐ เช่น EEC แต่คนไม่เชื่อ รัฐต้องพยายามให้คนเชื่อ อย่าไปทำเรื่องเล็กๆ ต้องfocus สร้างผลงานให้จับต้องได้ ดำเนินโครงการใหญ่ให้เกิดได้จริง
ช่วงที่2 เจาะหุ้นเด่น mai
แนะนำวิทยากร
คุณจิตรา อมรธรรม พูดมานานแล้ว เดินสายไปกับMoneytalkตลอด หน้าตาไม่เปลี่ยน
รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บล ฟินันเซีย ไซรัส
คุณจรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล เมย์แบงค์ กิมเอ็ง เป็นนักวิเคราะห์ คนรุ่นใหม่ไฟแรง
คุณ อนุรักษ์ บุญแสวง หรือ คุณ โจ ลูกอีสาน อดีตนายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า ประเทศไทย
มาตั้งแต่เมื่อวานเพื่อมาบันทึกเทป money talk และมาร่วมงานวันนี้
กลอน อ เสน่ห์
เจาะหุ้นเด่นเอ็มเอไอแบบใสกิ๊ก
หุ้นหวนพลิกหรือไม่ใคร่เฉลย
จากสามจอ บวก หนึ่ง นอ ก็คุ้นเคย
พร้อมบอกเลยหุ้นเด่นดีที่จับตา
จอที่หนึ่งคือ คุณโจ ลูกอีสาน
จอ จรูญพันธ์ เมย์แบงค์กินเอ็ง เจ๋งเข้าท่า
ฟินันเซีย ไซรัส จอ จิตรา
นอ นิเวศ ชอบดื่มชา ค่าวีไอ
ฟังให้ดีมีทีเด็ดพิเศษแท้
หุ้นใดแน่หุ้นใดเด่นเห็นใสใส
พร้อมคอมเม้นต์จากปากจากหัวใจ
มันนี่ทอร์คจัดให้เอ็มเอไอจัดงาน
คุณ โจ จะมาเปิดอกเล่าให้ฟังว่าวิธีการเลือกหุ้น MAI อย่างไรที่ทำให้กำไรติดต่อกันทุกปี
ถามคุณโจก่อน ชอบหุ้นmaiแบบไหน
คุณโจ ตอบว่า ต้องบอกว่าที่ผ่านมา portผม กำไรจากmaiค่อนข้างเยอะ
ไม่เจาะจง แต่กลายเป็นหุ้นในmai ค่อนข้างเยอะ
ในportมีหุ้นไทย 40 ตัว หุ้นต่างประเทศ 20 ตัว เมื่อก่อนถือหุ้นไทย 60 ตัว
ฉายา โจหลายใจ อ เสน่ห์ บอก
ใน 40 ตัว เป็นหุ้นใน ตลาดmai 5-6 ตัว
ที่ผ่านมาชอบหุ้นตลาดmai สาเหตุหนึ่ง คือ สามารถโตได้หลายสิบ%ได้ต่อเนื่องหลายปี
เพราะหุ้นมีขนาดเล็ก จนถึงขนาดกลาง บางตัวโตถึง 50% หลายหุ้นจะเปลี่ยนชีวิตเราให้ดีขึ้น
หุ้นในSET โตได้น้อยกว่า แต่มีข้อแม้ว่าต้องเลือกหุ้นในmaiได้ดี
เหตุผล
บริษัทต้องมีการเติบโต 20-30% ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น
งบการเงินต้องดี ไม่ใช่ผู้บริหารเข้าตลาดเพื่อขายทิ้ง เราพยายามคัดบริษัทที่ดีที่สุด
ผมจะเจอหุ้นที่ดีหลายตัว
ที่ US นักวิชาการได้ทำวิจัย พบว่าหุ้นขนาดใหญ่ให้ผลตอบแทน 10% แต่หุ้นขนาดเล็ก 12%
แต่ถ้าหลายๆปี ผลตอบแทนทบต้นต่างกันมากทีเดียว
ดังนั้นถ้าต้องการเปลี่ยนชีวิต อย่าลืมลงทุนในหุ้นตลาดmai
ถาม คุณจิตราว่า หุ้นmai มีเสน่ห์ตรงไหน
คุณ จิตรา ตอบว่า เสน่ห์ คือ กำไรที่เติบโต ส่วนใหญ่หุ้นที่อยู่ในmai ทุนจดทะเบียน 200-300 ลบ
ขนาดเล็ก กำไรต่อปี xx – xxx ลบ
สิ่งที่นักลงทุนต้องดูคือ กำไรโตแบบมีคุณภาพหรือเปล่า
เราจะดูเป็นภาพใหญ่ก่อน
ช่วง 2H17 หรือ อีก 2-3 ปีข้างหน้า กิจกรรมไหนจะถูกdrive
ตัวอย่าง ในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะเป็นการลงทุนภาครัฐ เราจะเลือกหุ้นที่เกี่ยวกับการลงทุนภาครัฐ
ส่วนใหญ่ หุ้นในmaiจะสอดรับกับเศรษฐกิจในประเทศ แต่กู้เงินไม่เกินทุน ทำให้ส่งผลต่อเศรษฐกิจน้อย
ต้องดูฝีมือของผู้บริหารของบริษัทในตลาดmai
ส่วน Non financial factor ดูvisionของผู้บริหาร มองเป้าอย่างไร และวิธีการไปถึงเป้าได้อย่างไร
ผู้บริหารมีบทบาทมาก สำคัญมาก ให้น้ำหนักส่วนนี้ 50% รวมทีมงานด้วย
และ financial factor 50%
ผลการดำเนินงานในหุ้นmai เทียบกับราคา ทำผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดSET
แต่เวลาเกิดวิกฤต จะร่วงแรงเพราะมีความทนทานต่อแรงต้านน้อยกว่าหุ้นในSET
ถ้าเศรษฐกิจไม่เป็นไร หุ้นในmaiก็ไม่เป็นไร ผลตอบแทนดีกว่า
แต่ถ้ามีวิกฤต ลงทุนหุ้นในSET จะปลอดภัยกว่า
ถามคุณจรูญพันธ์ เราวิเคราะห์หุ้นmaiอย่างไร
ตอบว่า ตอนแรกคนเข้าใจว่าโบรกใหญ่ไม่ถนัดหุ้นmai
เราเทรดหุ้นในSETเป็นอันดับ4 แต่ถ้ารวมหุ้นในmai เรามีvolumeเป็นอันดับสอง
หุ้นในmai จะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นค่อนข้างดี
การแนะนำหุ้นในmai ยากกว่าSETเยอะ เพราะการดำเนินงานของหุ้นmai เป็นลักษณะครอบครัว
ในแง่การวิเคราะห์ต้องไปลึกกว่านั้น สิ่งที่ทำจะกระทบต่อกำไรหรือไม่
เปรียบเทียบหุ้นปตท มีแผนธุรกิจ 5-10ปี
ดังนั้น หุ้นในMAI ต้องวิเคราะห์คุณภาพหุ้นเป็นสัดส่วน 50%เลย
เวลาออกpaper เราต้องว่าโต 3-4ปีขึ้นไป
เรื่องคุณภาพ กำไร การจัดการของผู้บริหารเป็นสิ่งสำคัญ
เราขยายทีมงานในส่วนmai เพื่อให้ได้ market shareมากขึ้น
ดร นิเวศน์ บอกว่าเป็นเหยื่อของวิกฤตปี40 ทุกธุรกิจที่ทำงานถูกdisruptiveไป
ดร บอกว่า ก่อนบริษัทเจ๊ง ก็ออกก่อน เหมือนกับลงทุนหุ้น ถ้าหุ้นไม่ดี ต้องขายหุ้นก่อน
US มีตลาดstock exchange ต่อมามีบริษัทเล็กอยากมาจดทะเบียน
เลยเกิดตลาดNasdaq ขึ้นมา และพัฒนาจนหลายบริษัทโตมโหฬารถ้าถือมายาวๆ
และเจ๊งตอนปี 2000 เหมือนที่คุณจิตราว่าตอนวิกฤต หุ้นเล็กจะแย่
หุ้นที่รอดได้ จะโตมโหฬาร ผลตอบแทนโดยเฉลี่ย จะสูงกว่าบริษัทใหญ่
ถ้าเลือกถูกทำให้portโตไปหลายเท่า แต่จับผิดตัวก็ขาดทุน
หุ้นตลาดmai คล้ายกับ Nasdaq แต่ไม่ค่อยมีหุ้นเทคโนโลยี
ถ้าเราไม่มีเวลา หรือ ไม่ศึกษาเพียงพอก็จะลำบาก
การวิเคราะห์ไม่ยาก อ เสน่ห์ บอกว่า เขามี snapshot ไว้ให้นักลงทุนศึกษา
ตลาดmaiเป็นตลาดท้าทาย กับคนที่อยากรวยมาลงทุน แต่ไม่ให้ทุ่มเงินลง
หุ้นในmaiทั้งหมด
ตอนเรียน ปริญญาเอก เคยศึกษา ตลาดหุ้นตัวเล็ก ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นตัวใหญ่พอสมควร
แต่ถ้าดูรายละเอียดมีแค่บางตัวที่ให้ผลตอบแทนสูงมาก ต้องหาให้เจอ
อ เสน่ห์ เสริม การวิเคราะห์ต้องรู้จริง
คุณโจ บอกว่า ตลาดmaiมีความเสี่ยง
สิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ ต้องมีความรู้
มีองค์ประกอบ
1. คุณภาพของบริษัท ดูอะไรบ้าง เช่น ต้องเติบโต ราคาหุ้นจึงไป มีปันผล
ต้องดูธุรกิจแข่งขันได้ ดูโหงวเฮ้งผู้บริหาร ดูจาก 56-1 มีข้อมูลครบ
อย่าลืมเรื่องความเสี่ยงซึ่งสูงตามผลตอบแทนที่สูง
บางบริษัทมีคดีความ ถ้าแพ้เสียหายหนัก
หรือ มีsupplierรายเดียว ไม่ส่งให้ บริษัทก็เจ๊ง
หรือ มีลูกค้ารายเดียว ไม่ซื้อเราก็เจ๊ง
บางบริษัทมีค่าไฟแบบadder อาจเหลือแค่ 2-3 ปี เท่านั้น หลังจากกำไรก็ตกมาก
2. ให้ลงทุนในราคาที่เหมาะสม ไม่แพงเกินไป
3. เราต้องมีความมั่นคงทางอารมณ์ ตอนpanic ถ้าเราขายก็เสียหายหนัก
เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ต้องกล้าถือ ถึงแม้ราคาลงมามาก แต่บริษัทที่ดี
เราถืออย่างมั่นใจ ตอนปี40 ถ้าถือบริษัทที่ดี ก็ผ่านมาและประสบความสำเร็จ
ในการลงทุน
ถามคุณจิตรา อยากให้ลงถึงกลุ่ม และ หุ้นในตลาดmai
ตอบ กลุ่มเด่น คือ Finance เช่าซื้อ , Leasing
กำลังซื้อยังโต เพราะมีความต้องการกู้เยอะ ดอกเบี้ยยังไม่ใช่ขาขึ้น
แต่ปีหน้า 2H ต้องดูต้นทุนทางการเงิน การปล่อยต่อ ได้ดอกเบี้ยเป็นfix
แต่ต้นทุนการเงินสูงขึ้น ช่วงที่เห็นเงินเฟ้อสูงๆ ต้องระวัง
แต่ปีนี้จะเห็นกำไรโต และ นักวิเคราะห์จะปรับประมาณการณ์สูงขึ้น
ส่วนอีกกลุ่มคือก่อสร้าง
ก่อสร้างขนาดใหญ่ พวก บริษัทเสาเข็ม pylon , seafco แต่ราคาสูงแล้ว ต้องรอ
อีกกลุ่ม คือ กลุ่มเทคโนโลยี
ตอนนี้ มีคนดู Moneytalkจากมือถือ เราต้องไปเพิ่มnetเพื่อให้ภาพไม่กระตุก
เป็นสิ่งของจำเป็น มีตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเช่น บริษัทขายมือถือ ต้องดู inventory
ตัวต้นน้ำ วางcable คือบริษัทitel วางสาย fibre optic เรียบร้อยมา3 ปี ตอนนี้เริ่มเก็บเกี่ยว
เมืองไทยลิซซิ่ง เริ่มใช้บริการเพราะมีสาขามากกว่า 1,000 สาขา
คนใช้มือถือ จะใช้application IOT เช่น เปิดบ้าน เปิดไฟ ตัวสื่อสัญญาณคือ Fibre optic
เขาเป็นต้นน้ำ Fibre optic เป็นเทคโนโลยีอยู่ได้นานถึง 50 ปี มีความเสถียร สัญญาณไม่ขาดหาย
ดีกว่าสายทองแดง มีสัญญาณรบกวน บางครั้งพูดโทรศัพท์ มีเสียงแทรกเข้ามา
อยู่ในหมวดเทคโนโลยี เป็นต้นน้ำ เศรษฐกิจ ดี หรือ ไม่ดี ก็รับค่าเช่าคิดเป็นรายได้ 70%
ส่วนอีก30% เป็นรายได้จากการติดตั้ง เช่น ลากสายไฟฟ้าลงดิน ต้องมีการbidแข่งกัน เป็นการรับเหมา
ภาพรวม รายได้อยู่ในกรอบ 200-300 ลบ
Data center สร้างเหมือน warehouse เก็บข้อมูล รับฝากข้อมูลขององค์กรขนาดใหญ่
ที่แรกมี data center 348 racks
ตอนนี้กำลังสร้างที่2 เสร็จในเดือน กค และเริ่มขายในเดือน กย
รายได้จะแบ่งกับ WHA , AIT
628 rack ได้รายได้ประมาณ 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด
อยู่ในกลุ่มต้นน้ำ ไม่ต้องตั้งสำรอง ปีนี้เริ่มเก็บเกี่ยวเต็มที่ ได้ธนาคาร 2 ที่ และ MTLS , 7-11
โต 120% แต่กำไรจะโตจากฐานต่ำ ปีหน้า โต 60% ไป 140 ลบ และ โตต่อ 30 %
คุณ จรูญพันธ์ มอง2H งานภาครัฐออกเยอะ SME ใช้ working cap เยอะ แต่กู้ธนาคารยาก
เขาเข้าถึงแหล่งเงินยาก จะไปเข้าเช่น ลิซอิธมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง เขาได้รับการโอนสิทธิรับเงิน
จากภาครัฐเป็นสัดส่วน 70% และ เอกชน 30% เป็น model ที่ปลอดภัย อยู่ในอุตสาหกรรมที่ดี
LIT มีโอกาสทำกำไรโตติดต่อกัน 8 ไตรมาส
คุณ จิตรา เสริม MGT ทำเคมีชนิดพิเศษ ลูกค้าเอาไปเคลือบรถยนต์ ผสมกับปูน กาวเรซิน
ความน่าสนใจ ปิโตรเคมี รถยนต์ที่ใช้สี เวลาสั่งสีจากSupplier เวลาสั่ง5 ตัว แต่จำนวนน้อย
เลยทำให้ MGT เป็นตัวกลางที่สั่งมาจากต่างประเทศ
เวลาลูกค้าต้องการก็มาสั่งที่ MGT และเติมบริการ ช่วยคิดกับลูกค้าหาsolutionด้วยเพื่อเพิ่มมูลค่า
ร่วมกับ ครัวโนส เอาเคมีผสมในปูนและน้ำ สร้างตึกสูงได้ มีสินค้าครบ คนเข้ามาแข่งยาก
GP 25-30% NP 8-10% สูงกว่า trading ธรรมดา 5%เอง
ก่อนเข้าตลาดกำไรแค่ 30 กว่าล้าน ค่าใช้จ่ายเข้าตลาดมาลงในQ1 ทำให้กำไร 11 ลบ
ถ้าบวกกลับ 14 ลบ ทั้งปี น่าจะได้ 60 ลบ โต 81%
ปีหน้าเบ่งกำไรได้อีก การเติบโต20%ต่อปีน่าจะได้
ถือเป็นหุ้นgrowthทั้ง2ตัวพึ่งเข้าตลาด มีหนี้น้อย
คุณ จรูญพันธ์ หาหุ้น hard core 10 เด้ง
หุ้นตัวนี้ เป็น concept start up แก้ปัญหาระดับล้านคน ต้องสามารถทำซ้ำได้ด้วย
Knowhowเดิม คือ ASN Broker
1.เมื่อก่อนทำ telesale สิ่งที่ทำเพิ่ม คือ oohoo เป็น platform ขายประกันรถยนต์
100,000 ลบ ขายผ่านตัวแทน 40% ตอนนี้ขายผ่าน oohoo online แค่ไม่ถึง 1%
แก้ปัญหาเวลาประกันภัยหมด คนจะโทรมารบกวน
2 เวลาtelesalesขาย จะขายอันที่ได้ค่าคอมเยอะ คนซื้อไม่สามารถเลือกได้
3 เวลาซื้อ กรมธรรม์กว่าจะออก 2-7 วัน
ซึ่ง oohoo แก้ไขได้ คุณธวัชชัย มาจาก IBM ร่วมมือกับ scbeasy
ลูกค้าสามารถเลือกชนิดได้ และ ซื้อตอนไหน ที่ไหนก็ได้ ความคุ้มครองเกิดขึ้นทันที
ได้กรมธรรม์ทันที
Platform oohoo เชื่อมกับ บริษัทประกัน ทำให้รู้ว่าประกันภัยหมดเมื่อไหร่
เวลาติดกล้องหน้ารถ ก็สามารถลดได้ด้วย
คุณโจ บอกว่า หุ้นที่ถือไม่ตรงกับนักวิเคราะห์แนะนำ
คุณภาพหารด้วยราคา ผลคือความคุ้มค่า
บางบริษํทดี แต่ราคาแพงเกินไป
มีข้อคิดในการเลือก
ให้ดูรูปแบบรายได้ ที่น่าสนใจคือบริษัทที่รายได้ มีchampion product ที่สร้างรายได้
เติบโตไปเรื่อยๆ และ สร้างสินค้าที่เป็นchampion ใหม่ได้
ยกตัวอย่างบริษัท Netbay เขียนsoftwareทำให้ทุกฝ่ายสะดวกสบาย บริษัทได้ค่าfeeหลังจากลูกค้าใช้
ทำให้มีรายได้มาเรื่อยๆ ราคาหุ้นขึ้นไป3เท่าตัวหลังเข้าตลาดไม่นาน
บริษัททั่วไปขายสินค้าตัวเดียว ไม่มีสินค้าใหม่ ไม่น่าสนใจ
ดร นิเวศน์ เตือน เวลาซื้อในตลาดที่แย่ ช่วงหุ้นราคาขึ้นไปเยอะ
PEหลายร้อยเท่าหรือขาดทุน แต่มีstoryมาตลอด amazonราคาลงมา80%
เราเล่นหุ้นโตเร็ว กำไรเยอะๆ ข้อมูลพื้นฐานไม่มีประโยชน์
หุ้นในmai มีกำไรที่มีมาตรฐาน
แต่หุ้นโตเยอะๆ ต้องศึกษา และ ตามเรื่อยๆ อย่าซื้อตามตัวเลขในอดีต
คุยกับเจ้าของ ดูของจริงว่าสินค้าใช้ดีอย่างที่บอกหรือเปล่า
เราเริ่มเห็นดีขึ้น เราต้องทำงานเยอะ
แต่หุ้นmaiโดยเฉลี่ย ราคาสูง ถ้าราคาลงแรง เข้าไปซื้อได้
นาทีนี้ราคาแพง 3-4 ปีที่ผ่านมาราคาขึ้นมามากกว่า SET
แต่บางตัวราคายังไม่แพง
ตอนนี้เศรษฐกิจเปลี่ยน มีstartup เข้ามาในตลาดmai
เป็นบริษัทเล็ก SME ยังเข้ามาไม่ได้
แต่โดยส่วนตัวไม่ได้ลงทุนหุ้นในmai
เวลาลงทุนไม่ได้ดูว่าอยู่ตลาดไหน
ดร ไพบูลย์ ถามว่า 4 ตัว ตัวไหนดีสุด ตัวไหนแย่สุด
ดร นิเวศน์ ดีทั้ง 4 ตัว
หุ้นต้องมีstory ถ้าไม่เป็นแบบที่พูด ต้องระวัง
ราคาทั้ง4ตัว ถ้าไม่ขึ้นไปเยอะ ก็น่าสนใจ
เวลาที่คิด แต่อย่าพึ่งไปซื้อ เฝ้าไปเรื่อยๆ ได้แต่มองอย่างเดียว
ชอบเป็นกิ๊กกับเขาไปทั่ว วันไหนถ้าราคาตกลง เราก็ไปยุ่งได้
ช่วงครึ่งปีหลัง คุณโจ บอกว่าอยู่ด้วยความหวัง สุดท้ายรัฐบาลต้องลงทุน
และมีบริษัทได้รับประโยชน์ พูดมาหลายปีแล้ว
ดังนั้นprojectทั้งหลายต้องโดนเร่ง เช่น กลุ่มรับเหมาได้รับผลดี
หุ้นในmaiก็มี ได้รับผลดี แต่ราคาขึ้นไปเยอะแล้ว ต้องดูเป็นตัวๆไป
ถามคุณจิตรา หุ้นที่เข้าใหม่มีตัวไหนบ้าง
คุณจิตรา บอกว่า มีในกลุ่มบริการ
อีกตัว คือ Firetradeกำลังroadshow และหุ้นโรงไฟฟ้า
ส่วน maybank บอกว่าเป็นหุ้นชิ้นส่วนยานยนต์ เตรียมมาหลายปี
หุ้นท้ายสุดเป็นหุ้นโรงไฟฟ้า BRRGIF
คำแนะนำจากใจ ถูกผิดเป็นเรื่องอนาคต การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง
รู้มากสุด กำไรมากสุด
การตัดสินใจเป็นเรื่องของแต่ละคน
สุดท้ายขอขอบคุณวิทยากรทุกท่าน รวมถึงทีมงานMoneytalkทุกท่านครับ
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@mai Forum 1 July 17
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณครับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530