โพสต์
ทำไมเราควรที่จะสนใจลงทุนต่างประเทศ
ข้อมูลจาก WEBSITE INVESTOPEDIA ได้บอกไว้ว่า LISTED COMPANIES ทั้งโลก มีอยู่ประมาณ 630,000 ตลาดหุ้นไทยประมาณ 700 ตัว หลักๆก็จะเป็นกลุ่ม SECTOR แบงก์ พลังงาน สื่อสาร โรงพยาบาล
แต่อย่างไรก็ตามถ้าเรามาดูที่ตลาดสหรัฐอเมริกานั้น ตลาดหุ้น NASDAQ กับ ตลาดหุ้น NYSE โดยทั้งสองตลาดนั้นมีหุ้นอยู่จำนวนทั้งหมด 6,000 ตัว ซึ่งหุ้นที่อยู่ในตลาดทั้งสองตลาดนั้น จะเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ แต่ว่าถ้าตลาดหลักทรัพย์โตเกียวประเทศ ญี่ปุ่นประมาณ 3,000 กว่าตัว ถ้าเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่ฮ่องกง ประมาณ 2,000 กว่าตัว อย่างไรก็ดี เราได้เดินออกไปลงทุนต่างประเทศนั้น เราจะเห็นว่าเรามีสินค้ามากมายให้ศึกษา จะมีอุตสาหกรรมแปลกๆ ที่เราไม่เคยได้ยิน หรือเราไม่เคยได้ทำความรู้จัก ซึ่งกิจการพวกนี้เราสามารถเรียนรู้ ได้นำมาใช้และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในตลาดหุ้นไทยได้
เนื่องด้วยจากทำไมถึงควรลงทุนหุ้นต่างประเทศด้วยบ้าง ประเด็นที่หนึ่งคือ
1. เมื่อ PORTFOLIO มีการลงทุนการกระจายการลงทุนไปต่างประเทศ ความเสี่ยง ตามหลักวิชาการคือซึ่งเมื่อเราได้ทำการลงทุนในหุ้นต่างประเทศความเสี่ยงของ PORTFOLIO ของเราจะลดลง PORTFOLIO เราจะทำการลดลงการพึ่งพิงในส่วนของเรื่องการเมืองใดการเมืองหนึ่ง อย่างเช่นในส่วนของเรื่องภัยธรรมชาติ ยกตัวอย่างTSUNAMI มีแผ่นดินไหว ถ้าคนญี่ปุ่นได้ไปลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกาหรือไม่ก็ประเทศญี่ปุ่น ก็จะลดผลกระทบด้านนี้ลดลง อีกตัวอย่างอย่างเช่น คนประเทศ VENEZUELA นั้นได้ลงทุนหุ้นต่างประเทศ ได้มีการกระจายการลงทุนในประเทศอื่นๆก็ทำให้ PORTFOLIO หุ้นนั้นมีการลดความเสี่ยงด้านนี้ลดลง
2. อุตสาหกรรมใหม่ๆที่น่าสนใจ หุ้นบริษัท VIRGIN GALACTIC HOLDINGS INC (NYSE: SPCE) ของผู้ก่อตั้งชื่อSIR RICHARD CHARLES NICHOLAS BRANSON โดยหุ้นนี้ทำธุรกิจหุ้นท่องเที่ยวอวกาศ ทำยานอวกาศให้ไปเที่ยวรอบโลก ไปวนรอบโลก ในช่วง COVID-19 กระทบนั้น บริษัทนี้แทบไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย ราคาหุ้นจากต้นปี พอเกิดวิกฤติจากมกราคมต้นปีอยู่ที่ 12.00 USD. ราคา ณ ตอนนี้อยู่ที่ 16.00 USD. บริษัท ณ ตอนนี้ยังไม่มีรายได้ อนึ่งดังนั้นจะเห็นได้ว่ามีบริษัทที่หลากหลาย มีอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ซึ่งบริษัทตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทยนั้นยังไม่มีลักษณะแบบนี้ ณ ตอนนี้
3. หุ้นส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นต่างประเทศนั้นขนาด SIZE ใหญ่มากๆ ยกตัวอย่างเช่น AMAZON, MICROSOFT MARKET CAPITALIZATION เกินหนึ่งล้านล้านเหรียญ USD. MARKET CAPITALIZATION FACEBOOK 600,000 ล้านเหรียญ USD. ทำให้การซื้อขายนั้นเข้าหรือออกนั้นได้ง่าย ซึ่งสรุปการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยนั้นอยู่ที่ 60,000-70,000 ล้านบาท ที่สหรัฐอเมริกานั้นอยู่ที่ 5 ล้านล้านบาท ถึง 6 ล้านล้านบาท
4. เราสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของ ของบริษัทชั้นนำระดับโลกได้ อย่างเช่น หลายๆบริษัท อาทิเช่น NETFLIX, GOOGLE, AMAZON, FACEBOOK, PFIZER, JOHNSON&JOHNSON ซึ่งหลายๆบริษัทนั้นเราได้เคยใช้บริการอยู่ อย่างเช่นหุ้น TESLA
ถ้าคุณจะออกไปลงทุนต่างประเทศ คำถามคือเราควรที่จะไปลงทุนประเทศไหนดี ซึ่งบางคนคิดว่าเริ่มจากลงทุนประเทศเพื่อนบ้านก่อนดีไหม
ท่านอาจารย์ชายจากการที่ได้ไปเรียนมา ซึ่งทางอาจารย์ต่างประเทศได้ทำการแนะนำมาว่า ถ้าคุณจะไปทำการลงทุนต่างประเทศนั้น คุณควรที่จะลงทุนประเทศที่รู้สึกที่ใกล้ชิดดีกว่า ศัพท์ทางภาษาอังกฤษเรียกว่า PSYCHIC DISTANCE เป็นความใกล้ชิดทางจิตใจ
อนึ่งประเทศเพื่อนบ้านเป็นความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์แต่อย่างไรก็ตามในบางที PSYCHIC DISTANCE ซึ่งยกตัวอย่างอย่างเช่น ถ้าเราจบการศึกษาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ ประเทศอังกฤษนั้น จะทำให้เราได้รู้ว่าตลาดหุ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและตลาดหุ้นประเทศอังกฤษได้ดี ว่าสินค้าอะไรนั้นดี มีสินค้าอะไรที่น่าสนใจ ก่อนคนอื่นๆ
แต่อย่างไรก็ตามถ้าเราไปลงทุนประเทศอินโดนิเชีย ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นประเทศที่อยู่ใกล้ๆประเทศเรานั้น แต่เราจะรู้เกี่ยวกับประเทศนี้นั้นน้อยมากๆ หรืออาจจะไปลงทุนประเทศมาเลย์เชียซึ่งเป็นประเทศที่ชายแดนติดกัน ซึ่งเรารู้น้อยมากๆซึ่งเราอาจจะไม่รู้เหมือนในตลาดหุ้นประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศอังกฤษ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศฮ่องกง ที่เราได้เดินทาง ไป BUSINESS TRIP ต่างๆ
ดังนั้นถ้าเราจะไปลงทุนประเทศที่เราจะมีความคุ้นเคย ทั้งในเรื่องรสนิยม ในส่วนของผลิตภัณฑ์ และในส่วนของการบริการ
มาในส่วนตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ผลิตภัณฑ์ที่มา LISTED มาในอยู่ตลาดสหรัฐอเมริกานั้นเป็นสินค้าที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำวันทุกวัน
อย่างเช่นเราตื่นเช้ามาได้ทำการหยิบโทรศัพท์มือถือเช็คมือถือของบริษัท APPLE
เปิด APPLICATION ของ FACEBOOK
ตอนเช้าขับ FERRARI ไปทำงาน
แวะซื้อกาแฟที่ STARBUCKS
เติมเงินเข้าบัตร STARBUCK ด้วย MASTER CARD
ตอนเที่ยงๆไปกินเนื้อ BEYOND MEAT
เพราะฉะนั้นบริษัทนี้อยู่ใกล้เคียงชีวิตประจำวันเรามากๆเลย เราจะมีความคุ้นเคย ผลิตภัณฑ์และการบริการเป็นอย่างดี เช่นเรารู้ว่า FACEBOOK มี MARKETPLACE STARBUCKS มีโปรโมชั่นใหม่ๆมาซึ่งเราก็รู้ เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่าบริษัทที่ได้ทำการยกตัวอย่างมา LISTED อยู่ที่ตลาดสหรัฐอเมริกาเรามีความคุ้นเคยอย่างมาก เพราะฉะนั้นถ้าเราจะทำการลงทุนในบริษัทแบบนี้เราจะมีความเข้าใจและผลิตภัณฑ์และการบริการได้เป็นอย่างดี
ในทางขณะเดียวกันประเทศเพื่อนบ้าน เราแทบจะไม่ทราบ อย่างเช่นรายงานประจำปี เป็นภาษาประจำชาติของประเทศนั้น มาตรฐานบัญชี ซึ่งเราอาจจะจำเป็นต้องไปเรียนเพิ่มอีก แต่ถ้าเป็นบัญชีมาตรฐาน อย่างเช่นประเทศสหรัฐอเมริกาเราค่อนข้างมั่นใจได้ ซึ่ง ANNUAL REPORT เป็นภาษาอังกฤษ PRESENTATION ก็เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งจะมี RESEARCH เป็นภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้นหุ้นต่างประเทศที่เราจะทำการลงทุนนั้นเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากๆ
ในส่วนของคำถามว่า หุ้น TESLA ในมุมมองของอาจารย์ชาย ณ ตอนนี้อาจจะเริ่มเสี่ยง แต่ถ้าซื้อตอนนี้ ควรที่จะมองระยะยาวจริงๆ ถ้าพูดในส่วนของในแง่คุณภาพของบริษัท ถ้า ELON MUSK เอา SPACE X กับ TESLA มาผนวกเข้าด้วยกัน เครือข่ายดาวเทียม มาใช้ UPLOAD DOWNLOAD PROGRAM มาเก็บข้อมูลให้กับ TESLA ซึ่งจะTESLA นั้นมีความสามารถในการแข่งขันเหนือกว่าบริษัทรถยนต์ธรรมดาได้โดยไปไปได้ไกล ณ ตอนนี้ MARKET CAPITALIZATION TESLA นั้น ราคาหุ้นนั้นได้ขึ้นมามาก กำไร อาจจะยังไม่ชัดเจน ณ ปัจจุบัน TESLA ขายรถยนต์ได้ 300,000-400,000 คัน ซึ่งในอนาคตอาจจะขายได้ 1,000,000-1,200,000 คัน
มา ณ ตอนปัจจุบัน MARKET CAPITALIZATION หุ้น TOYOTA โดน TESLA แซงไปเรียบร้อยแล้วBUSINESS MODELหุ้น TESLA น่าสนใจมากๆ ในส่วนของผลิตภัณฑ์น่าสนใจมากๆแต่ทว่า ราคา ในลักษณะราคาแบบเราอาจจะทำการเฝ้าดู ถ้าอดทนไม่ไหวก็ทยอยทำการซื้อบางส่วน
คำถามวิทยากร MODERATOR ในส่วนของความเสี่ยงในการลงทุนลงทุนหุ้นต่างประเทศมีความเสี่ยงในด้านไหนบ้าง
เราจะทำการยกตัวอย่างได้สองเรื่องใหญ่อย่างเรื่องแรกคือเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนสำคัญมาก
ถ้าเราตัดสินใจไปลงทุนตลาดหุ้นอังกฤษ FTSE เมื่อ 10 ปีที่แล้วถือมาถึงปัจจุบัน ดัชนี FTSE ให้ผลตอบแทนดีกว่า SET INDEX แต่ถ้าเราจับตัวเลขค่าเงิน POUND STERING กับเงินบาท SET INDEX จะชนะเลย
เราชนะศึกแต่แพ้สงคราม เปรียบเปรยว่าเราเลือกหุ้นได้ถูกแล้ว ขึ้นมาได้เยอะ แต่พอกลับมา CONVERT เป็น THAI BAHT กลับสู้อยู่ที่หุ้นเมืองไทยไม่ได้ เราอาจจะต้องทำการพิจารณาอยู่เหมือนกันด้วย
ยกตัวอย่างเช่น อย่างประเทศเวียดนามเทียบกับประเทศไทยในส่วนของ EXCHANGE RATE 4-5 ปีที่ผ่านมาอ่อนลงค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นถ้าได้ทุนหุ้นไปลงทุนต่างประเทศนั้น ในส่วนของเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมีส่วนสำคัญมากๆ
นอกจากนี้ในสวนของเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนนั้นได้เชื่อมโยงในส่วนของ MACRO ECONOMIC ประเทศที่เราไปลงทุนด้วยนักลงทุนจำเป็นต้องรู้ด้วยในส่วนของ MICRO ECONOMIC บริษัทที่เราไปลงทุนด้วย เพราะฉะนั้นความยาก
ในส่วนของเรื่องที่สองเรื่อง FRAUD บริษัท WIRECARD หรือบริษัท LUCKIN COFFEE ถ้าเราไม่ได้อยู่ในประเทศนั้นๆ เราไม่ได้ติดตามลายละเอียดไม่ได้ใช้สินค้าเป็นประจำประจำ หรือได้ติดตามลายละเอียด เราอาจจะไม่ได้ทันสังเกตกว่าเราจะรู้อีกที อย่างเช่นบริษัท LUCKIN COFFEE ขึ้นไปอยู่ที่ 50.00 USD. แล้วลงมาอยู่ที่ 2.00 USD. เป็นหุ้นที่กล่าวขานไว้ว่าเป็นหุ้นที่เป็น THE NEXT STARBUCKS คนต่อไป เปิดสาขาในจีนอย่างรวดเร็ว ราคาหุ้นขึ้นอย่างถล่มทลาย ตัวเลขผลประกอบการปีที่แล้วน่าประทับใจ สุดท้ายบริษัททำตัวเลขหลอกโกงทางบัญชี แม้แต่กระทั้งผู้ตรวจสอบบัญชียังมองไม่ออกเลย อย่างไรก็ตามดังนั้น เราเป็นนักลงทุนเราต้องมีความระมัดระวัง พอสมควร
แม้กระทั่ง AUDITOR ก็มองไม่ออก แม้แต่นักลงทุนสถาบันในประเทศสหรัฐอเมริกาก็ไปลงทุน บางทีมันอาจจะดูไม่ได้ง่ายมากนักในส่วนของจุดข้อสังเกต ดังนั้นเราเองจำเป็นต้องรู้จักการกระจายความเสี่ยง อย่างไรก็ตามการลงทุนต่างประเทศนั้นโอกาสนั้นก็มีมาก แต่มีความเสี่ยงมากเช่นกัน
บันทึกไม่สำเร็จ