การเป็นนักลงทุนแนว VI (จะขายหุ้นช่วงไหนดี)
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
การเป็นนักลงทุนแนว VI (จะขายหุ้นช่วงไหนดี)
โพสต์ที่ 1
หลายๆคนที่เป็นนักลงทุนในแนว VI ที่ถือหุ้นกันแบบยาวๆ ก็อาจจะคิดว่าแล้วเราจะขายหุ้นออกได้ตอนไหนน้า หรือจะขายออกช่วงไหนดี ลองดูแนวคิดตามนี้นะคะ เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกๆคนได้ค่ะ
- ขายหุ้นที่ถืออยู่เมื่อเห็นว่าหุ้นตัวอื่นคุ้มค่ากับการลงทุน
ข้อนี้ความหมายตรงตัวเลยจ้ะ เมื่อเราได้ศึกษาหุ้นแต่ละตัวอย่างถ่องแท้แล้วเห็นว่าหุ้นตัวนี้มีโอกาสเติบโต เป็นธุรกิจที่สามารถดำเนินกิจการไปได้ยาวๆ แล้วเมื่อเทียบกับหุ้นในพอร์ตที่เรามี แล้วมีโอกาสที่ดีกว่าทั้งในเรื่องของมูลค่าหุ้นและเงินปันผล เราก็สามารถปรับพอร์ตการลงทุนของเราได้ค่ะ (แต่ก็ต้องศึกษาให้ดีนะคะ ว่าหุ้นตัวใหม่ที่เราต้องการถือ มันมีโอกาสสร้างความคุ้มค่าในการลงทุนได้ดีกว่าหุ้นตัวเก่าที่เราถือจริงๆค่ะ)
- ขายหุ้นถ้าเราเห็นว่าพื้นฐานของบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ไม่ดี
คือ ความมั่นคงของผลประกอบการ และความแข็งแกร่งของบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่มันลดลงไปเรื่อยๆ มีคู่แข่งรายใหม่ๆเข้ามาในตลาด ที่มีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตสินค้าหรือการให้บริการที่ดีกว่า แน่นอนพฤติกรรมมนุษย์ย่อมที่จะชอบอะไรที่ทันสมัย สะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิม เราก็สามารถปรับพอร์ตของเราได้ เพื่อหาหุ้นตัวใหม่ที่มีความสามารถในการแข่งขันได้เติบโตได้อย่างยั่งยืนค่ะ
- ขายหุ้นเมื่อเราคิดว่าหุ้นที่เราซื้อไว้เราคิดผิด
ก่อนที่เราจะลงทุน เราได้ศึกษาข้อมูลทั้งการวิเคราะห์ความสามารถของธุรกิจ ดูงบการเงิน คำนวณค่านู่นนี่นั่นออกมาแล้วดูแล้วธุรกิจนี้ดี โอเคเลย เราก็จัดเลย แต่พอเวลามันผ่านไปหุ้นที่เราซื้อกลับไม่เป็นอย่าที่คิดไว้ ทั้งคู่แข่งเข้ามาเต็มไปหมด กำไรก็ลดลงเรื่อยๆ เราก็ตัดสินใจขายได้ค่ะ ไม่ใช่ว่าคิดว่าเราเป็นนักลงทุน VI เราจะต้องถือหุ้นยาวๆ ถ้าเราวิเคราะห็ดูว่าไม่โอเคเราก็สามารถขายได้ค่ะ และศึกษาหาข้อมูลในหุ้นตัวอื่นๆได้เพื่อหาโอกาสสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตเราได้ค่ะ
- ขายหุ้นเมื่อเราเห็นว่ามันทำกำไรให้เราได้ในระดับที่เราพึงพอใจอย่างที่สุดแล้ว
ถ้าหุ้นที่เราถือเราคิดว่าเราถือมันมายาวๆแล้ว (5 ปี 10 ปี 20 ปี) เราอยากจะขายเมื่อราคาหุ้นมีมูลค่าที่เราพอใจ ก็สามารถขายออกได้ เพื่อนำไปสู่การหาหุ้นธุรกิจใหม่ที่เราต้องการลงทุน
เพราะฉะนั้นการจะเป็นนักลงทุนแนว VI ก็สามารถขายหุ้นออกได้ค่ะ เมื่อเห็นว่าตัวที่เราถือมันไม่ดีอย่างที่เราคิดวิเคราะห์ไว้ หรือมันทำกำไรให้เราได้ในจุดที่เราพอใจแล้ว เราก็สามารถขายได้เพื่อปรับพอร์ตค่ะ
- ขายหุ้นที่ถืออยู่เมื่อเห็นว่าหุ้นตัวอื่นคุ้มค่ากับการลงทุน
ข้อนี้ความหมายตรงตัวเลยจ้ะ เมื่อเราได้ศึกษาหุ้นแต่ละตัวอย่างถ่องแท้แล้วเห็นว่าหุ้นตัวนี้มีโอกาสเติบโต เป็นธุรกิจที่สามารถดำเนินกิจการไปได้ยาวๆ แล้วเมื่อเทียบกับหุ้นในพอร์ตที่เรามี แล้วมีโอกาสที่ดีกว่าทั้งในเรื่องของมูลค่าหุ้นและเงินปันผล เราก็สามารถปรับพอร์ตการลงทุนของเราได้ค่ะ (แต่ก็ต้องศึกษาให้ดีนะคะ ว่าหุ้นตัวใหม่ที่เราต้องการถือ มันมีโอกาสสร้างความคุ้มค่าในการลงทุนได้ดีกว่าหุ้นตัวเก่าที่เราถือจริงๆค่ะ)
- ขายหุ้นถ้าเราเห็นว่าพื้นฐานของบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ไม่ดี
คือ ความมั่นคงของผลประกอบการ และความแข็งแกร่งของบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่มันลดลงไปเรื่อยๆ มีคู่แข่งรายใหม่ๆเข้ามาในตลาด ที่มีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตสินค้าหรือการให้บริการที่ดีกว่า แน่นอนพฤติกรรมมนุษย์ย่อมที่จะชอบอะไรที่ทันสมัย สะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิม เราก็สามารถปรับพอร์ตของเราได้ เพื่อหาหุ้นตัวใหม่ที่มีความสามารถในการแข่งขันได้เติบโตได้อย่างยั่งยืนค่ะ
- ขายหุ้นเมื่อเราคิดว่าหุ้นที่เราซื้อไว้เราคิดผิด
ก่อนที่เราจะลงทุน เราได้ศึกษาข้อมูลทั้งการวิเคราะห์ความสามารถของธุรกิจ ดูงบการเงิน คำนวณค่านู่นนี่นั่นออกมาแล้วดูแล้วธุรกิจนี้ดี โอเคเลย เราก็จัดเลย แต่พอเวลามันผ่านไปหุ้นที่เราซื้อกลับไม่เป็นอย่าที่คิดไว้ ทั้งคู่แข่งเข้ามาเต็มไปหมด กำไรก็ลดลงเรื่อยๆ เราก็ตัดสินใจขายได้ค่ะ ไม่ใช่ว่าคิดว่าเราเป็นนักลงทุน VI เราจะต้องถือหุ้นยาวๆ ถ้าเราวิเคราะห็ดูว่าไม่โอเคเราก็สามารถขายได้ค่ะ และศึกษาหาข้อมูลในหุ้นตัวอื่นๆได้เพื่อหาโอกาสสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตเราได้ค่ะ
- ขายหุ้นเมื่อเราเห็นว่ามันทำกำไรให้เราได้ในระดับที่เราพึงพอใจอย่างที่สุดแล้ว
ถ้าหุ้นที่เราถือเราคิดว่าเราถือมันมายาวๆแล้ว (5 ปี 10 ปี 20 ปี) เราอยากจะขายเมื่อราคาหุ้นมีมูลค่าที่เราพอใจ ก็สามารถขายออกได้ เพื่อนำไปสู่การหาหุ้นธุรกิจใหม่ที่เราต้องการลงทุน
เพราะฉะนั้นการจะเป็นนักลงทุนแนว VI ก็สามารถขายหุ้นออกได้ค่ะ เมื่อเห็นว่าตัวที่เราถือมันไม่ดีอย่างที่เราคิดวิเคราะห์ไว้ หรือมันทำกำไรให้เราได้ในจุดที่เราพอใจแล้ว เราก็สามารถขายได้เพื่อปรับพอร์ตค่ะ
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเป็นนักลงทุนแนว VI (จะขายหุ้นช่วงไหนดี)
โพสต์ที่ 2
เพิ่มเติมอีกข้อนะ
การขายหุ้นอย่าไปอิงกับระยะเวลามากเกินไป
อย่ายึดติดกับคำว่าถือยาวมากเกินไปคุณจะเสียโอกาสเสมอ
แม้ว่าจะเป็น Super Stock ก็ตาม เพราะเราเป็นนักลงทุน มิใช่เจ้าของหุ้น
เราต้องขายหุ้นเมื่อหุ้นที่เราถือเกินมูลค่ามากๆในช่วงระยะเวลาหนึ่งจะดีกว่า
ยกตัวอย่าง ช่วงราคาน้ำมันราคาสูง นักลงทุนหลายท่านก็ขาย PTTEP ไป
ช่วงราคาถ่านหินสูง ก็ต้องขาย BANPU
ช่วงราคาหุ้น HMPRO สูงมากเกินไปก็ขายได้
ช่วงหุ้นหนังสือดี ช่วงหุ้นไอทีดี ราคาเกินมูลค่าก็ขาย
ช่วงหุ้นส่งออกทำกำไรดี ทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นมากก็ขายได้
กลุ่มโรงไฟฟ้าที่ผ่านมาหลายตัวก็ต้องขาย ค้าปลีก โรงพยาบาลก็เช่นกัน
ถ้าติดตามจะเห็นว่านักลงทุนหลายๆท่าน
นั้นขายหุ้นนะถ้าคิดว่าได้ผลตอบแทนเหมาะสม
สิ่งที่สำคัญสำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นคือการบริหารพอร์ตให้เหมาะสม
เราต้องขยานฐานเงินทุนด้วย ถ้าไม่ขายฐาน เงินทุนเราจะไม่ขยาย
ผลตอบแทนเราจะไม่เติบโต
อย่ากลัวว่าจะไม่ได้ซื้อหุ้นที่ราคาเหมาะสม
เพราะตลาดหุ้นเคลื่อนไหวตามดีมานด์-ซัพพลาย
มุมมองและอารมณ์ของผู้ลงทุนในตลาดต่อข่าวสาร เศรษฐกิจ และพื้นฐานกิจการ
เพราะฉะนั้นจะมีจุดให้เราลงทุนได้เสมอ ถ้าเรามีข้อมูลพร้อม
รู้จักอดทนและรอคอย
อย่าไปคิดว่าตลาดหุ้นแบ่งแยกกับเศรษฐกิจจริง
เพราะภาพเศรษฐกิจและธุรกิจ จะสะท้อนมาที่ตลาดหุ้นเสมอ
การขายหุ้นอย่าไปอิงกับระยะเวลามากเกินไป
อย่ายึดติดกับคำว่าถือยาวมากเกินไปคุณจะเสียโอกาสเสมอ
แม้ว่าจะเป็น Super Stock ก็ตาม เพราะเราเป็นนักลงทุน มิใช่เจ้าของหุ้น
เราต้องขายหุ้นเมื่อหุ้นที่เราถือเกินมูลค่ามากๆในช่วงระยะเวลาหนึ่งจะดีกว่า
ยกตัวอย่าง ช่วงราคาน้ำมันราคาสูง นักลงทุนหลายท่านก็ขาย PTTEP ไป
ช่วงราคาถ่านหินสูง ก็ต้องขาย BANPU
ช่วงราคาหุ้น HMPRO สูงมากเกินไปก็ขายได้
ช่วงหุ้นหนังสือดี ช่วงหุ้นไอทีดี ราคาเกินมูลค่าก็ขาย
ช่วงหุ้นส่งออกทำกำไรดี ทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นมากก็ขายได้
กลุ่มโรงไฟฟ้าที่ผ่านมาหลายตัวก็ต้องขาย ค้าปลีก โรงพยาบาลก็เช่นกัน
ถ้าติดตามจะเห็นว่านักลงทุนหลายๆท่าน
นั้นขายหุ้นนะถ้าคิดว่าได้ผลตอบแทนเหมาะสม
สิ่งที่สำคัญสำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นคือการบริหารพอร์ตให้เหมาะสม
เราต้องขยานฐานเงินทุนด้วย ถ้าไม่ขายฐาน เงินทุนเราจะไม่ขยาย
ผลตอบแทนเราจะไม่เติบโต
อย่ากลัวว่าจะไม่ได้ซื้อหุ้นที่ราคาเหมาะสม
เพราะตลาดหุ้นเคลื่อนไหวตามดีมานด์-ซัพพลาย
มุมมองและอารมณ์ของผู้ลงทุนในตลาดต่อข่าวสาร เศรษฐกิจ และพื้นฐานกิจการ
เพราะฉะนั้นจะมีจุดให้เราลงทุนได้เสมอ ถ้าเรามีข้อมูลพร้อม
รู้จักอดทนและรอคอย
อย่าไปคิดว่าตลาดหุ้นแบ่งแยกกับเศรษฐกิจจริง
เพราะภาพเศรษฐกิจและธุรกิจ จะสะท้อนมาที่ตลาดหุ้นเสมอ
Re: การเป็นนักลงทุนแนว VI (จะขายหุ้นช่วงไหนดี)
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณที่แชร์ความรู้ดีดีครับ
Re: การเป็นนักลงทุนแนว VI (จะขายหุ้นช่วงไหนดี)
โพสต์ที่ 5
ขายเมื่อราคาสูงกว่ามูลค่าของกิจการครับ
จริงๆแก่น VI มีแค่นี้จริงๆ ที่อ.นิเวศน์สอน
แต่ความยาก อยู่ที่การประเมินมูลค่านี่แหละครับ555 ใครจะเห็นอนาคตได้ชัดกว่ากัน
ู๋
จริงๆแก่น VI มีแค่นี้จริงๆ ที่อ.นิเวศน์สอน
แต่ความยาก อยู่ที่การประเมินมูลค่านี่แหละครับ555 ใครจะเห็นอนาคตได้ชัดกว่ากัน
ู๋