การลงทุนครั้งแรกของชีวิต
- ช่างลงทุน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 20
- ผู้ติดตาม: 1
การลงทุนครั้งแรกของชีวิต
โพสต์ที่ 1
การลงทุนครั้งแรกของชีวิตของผมนั้น
เกิดจากเพื่อนคนหนึ่งได้เปิดวิทยุในรถย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี แต่แล้วผมก็ยังไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับหุ้นจนค่อยๆศึกษามาประมาณครึ่งปีก็ได้ลองเทรด ในคลิกทูวินเพียงแค่ 1 เดือนแต่ก็ยังขาดทุน
ก็เลยเปิดพอร์ตจริงขึ้นมาแล้วก็ทำให้ผมซื้อหุ้นตัวแรกเงินลงทุนก้อนแรก 4 ถึง 5,000 บาท
จากนั้นคุณก็ร่วง - 30% หรือที่เขาเรียกว่า ต่ำสุด
นี่เป็นเพียงแค่เริ่มต้นที่เจ็บตัวหนักและก็ยังมีอีกหลายๆเหตุการณ์ที่หนักหนาสาหัสกว่านี้เดี๋ยวผมจะมาเล่าในบทต่อๆไปนะครับ
ถึงแม้ว่าพรอตการลงทุนผมจะอยู่แค่หลักหมื่นแต่ผมก็จะสู้ต่อไป
เกิดจากเพื่อนคนหนึ่งได้เปิดวิทยุในรถย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี แต่แล้วผมก็ยังไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับหุ้นจนค่อยๆศึกษามาประมาณครึ่งปีก็ได้ลองเทรด ในคลิกทูวินเพียงแค่ 1 เดือนแต่ก็ยังขาดทุน
ก็เลยเปิดพอร์ตจริงขึ้นมาแล้วก็ทำให้ผมซื้อหุ้นตัวแรกเงินลงทุนก้อนแรก 4 ถึง 5,000 บาท
จากนั้นคุณก็ร่วง - 30% หรือที่เขาเรียกว่า ต่ำสุด
นี่เป็นเพียงแค่เริ่มต้นที่เจ็บตัวหนักและก็ยังมีอีกหลายๆเหตุการณ์ที่หนักหนาสาหัสกว่านี้เดี๋ยวผมจะมาเล่าในบทต่อๆไปนะครับ
ถึงแม้ว่าพรอตการลงทุนผมจะอยู่แค่หลักหมื่นแต่ผมก็จะสู้ต่อไป
- ช่างลงทุน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 20
- ผู้ติดตาม: 1
Re: การลงทุนครั้งแรกของชีวิต
โพสต์ที่ 2
ช่างลงทุน เขียน: ↑อังคาร ก.ย. 28, 2021 12:31 pmการลงทุนครั้งแรกของชีวิตของผมนั้น
เกิดจากเพื่อนคนหนึ่งได้เปิดวิทยุในรถย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี แต่แล้วผมก็ยังไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับหุ้นจนค่อยๆศึกษามาประมาณครึ่งปีก็ได้ลองเทรด ในคลิกทูวินเพียงแค่ 1 เดือนแต่ก็ยังขาดทุน
ก็เลยเปิดพอร์ตจริงขึ้นมาแล้วก็ทำให้ผมซื้อหุ้นตัวแรกเงินลงทุนก้อนแรก 4 ถึง 5,000 บาท
จากนั้นหุ้นก็ร่วง - 30% หรือที่เขาเรียกว่า ต่ำสุด
นี่เป็นเพียงแค่เริ่มต้นที่เจ็บตัวหนักและก็ยังมีอีกหลายๆเหตุการณ์ที่หนักหนาสาหัสกว่านี้เดี๋ยวผมจะมาเล่าในบทต่อๆไปนะครับ
ถึงแม้ว่าพรอตการลงทุนผมจะอยู่แค่หลักหมื่นแต่ผมก็จะสู้ต่อไป
- ช่างลงทุน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 20
- ผู้ติดตาม: 1
Re: การหยุดการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โพสต์ที่ 3
“Circuit Breaker” (เซอร์กิต เบรกเกอร์) หรือ การหยุดการซื้อขายเป็นการชั่วคราว คือ การหยุดพักการซื้อขายของตลาดหุ้นเป็นเวลา 30 นาที และ 1 ชั่วโมง จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อตลาดหุ้นมีการปรับตัวลงมากผิดปกติ เพื่อให้นักลงทุนสามารถไปตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร รวมถึงการวางแผนการลงทุนได้ทัน เพื่อลดความตื่นกลัวของ Panic Sell.
ตลท.ประกาศเซอร์กิตเบรกเกอร์ ครั้งที่ 1 ระยะเวลา 30 นาที ในรอบ 11 ปี 4 เดือน หลังดัชนีร่วงหนัก 10% รับแรงกดดันจากไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดหนัก
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ทันทีที่เปิดการซื้อขายหุ้นไทยวันที่ 12 มีนาคม 2563 ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงอย่างหนัก 65.73 จุด หรือ 5.26%% อยู่ที่ 1,184.16 จุด จากนั้นปรับลดลงต่อเนื่องถึง 125.05 จุด หรือ 10.00% อยู่ที่ 1,124.84 จุด ส่งผลให้ตลท.ต้องประกาศหยุดการซื้อขายเป็นการชั่วคราว (เซอร์กิตเบรกเกอร์) ครั้งที่ 1 ระยะเวลา 30 นาที ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี 4 เดือน จากวันที่ 27 ตุลาคม 2551
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตลท.เคยใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์ทั้งหมด 3 ครั้ง โดยวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาตรการกันสำรอง 30% เพื่อป้องกันกันเก็งกำไรค่าเงินบาท ส่งผลให้ผู้ลงทุนต่างชาติตื่นตระหนกพากันเทขายหุ้นเป็นจำนวนมาก ดัชนีลดลงกว่า 142.63 จุดหรือ 19.52% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในวันเดียวในประวัติศาสตร์ตลท.ก่อนปิดตลาดที่ลบ 108.41 จุด หรือลดลง 14.84% และมีการใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์เป็นครั้งแรกของตลาดในช่วงเวลา 11.26 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ดัชนีลดลงกว่า 74.06 หรือ 10.14%
วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ตลท.สั่งใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ 30 นาที ตั้งแต่เวลา 14.35 น. ดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 449.91 จุด ลดลง 50.08 จุด ลดลง 10.02% ทั้งนี้ การปรับลดตัวลงของหุ้นไทยนั้นเป็นไปตามภูมิภาคหลายแห่งที่ร่วงแรงมากกว่า 10% เกิดจากความไม่มั่นใจของนักลงทุน หลังจากวิกฤติการเงินเริ่มลามไปสู่ภาคเศรษฐกิจจริง ขณะที่ วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ตลท.สั่งใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ 30 นาที ตั้งแต่เวลา 16.04 น. เวลานั้น ดัชนีร่วงลง 10% อยู่ที่ระดับ 389.58 จุด หรือลดลง 43.29 จุด หลังเปิดการซื้อขายอีกครั้งในรอบที่ 2 ดัชนียังคงปรับลดลงต่อเนื่อง โดยปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 387.43 จุด ลดลง 45.44 จุด หรือลดลง 10.50 % ดัชนีต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี เนื่องจากวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์
สำหรับเซอร์กิตเบรกเกอร์ จะใช้ในกรณีที่สภาวะการซื้อขายมีความผันผวนรุนแรง ราคาหลักทรัพย์โดยรวมเปลี่ยนแปลงลดลงมาก เพื่อให้นักลงทุนมีเวลาในการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อการลงทุนอย่างครบถ้วน ตลท.จะหยุดทำการซื้อขายโดยอัตโนมัติเป็นการชั่วคราว
โดยครั้งที่ 1 เมื่อดัชนีหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงลดลงถึง 10% ของค่าดัชนีปิดในวันทำการก่อนหน้าตลท.จะพักการซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งหมดเป็นเวลา 30 นาที และ ครั้งที่ 2 เมื่อดัชนีหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงลดลงถึง 20% (ลดลงอีก 10%) ของค่าดัชนีปิดใน วันทำการก่อนหน้าตลท.จะพักการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดเป็นเวลา 1 ชั่วโมง และหลังจากการทำงานครั้งที่ 2 ของเซอร์กิตเบรกเกอร์แล้ว ตลท.จะเปิดให้ทำการซื้อขายต่อไป จนถึงเวลาปิดทำการตามปกติโดยไม่มีการหยุดพักการซื้อขายอีก
หากระยะเวลาในรอบการซื้อขายที่เซอร์กิตเบรกเกอร์ทำงานนั้นเหลือไม่ถึง 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ก็ให้หยุดพักการซื้อขายเพียงระยะเวลาที่เหลือในรอบการซื้อขายนั้นแล้วเปิดให้ซื้อขายหลักทรัพย์ได้ตามปกติในรอบการซื้อขายถัดไป
ตลท.แจ้งว่า หยุดทำการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว ในวันที่ 12 มีนาคม 2563 ระยะเวลา 30 นาที ตั้งแต่เวลา 14:38 ถึง 15:08 น. หลังดัชนีราคาหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง 125.05 จุด คิดเป็น 10.00% จากดัชนีราคาปิดวันทำการก่อนหน้า (Circuit
Breaker Level 1) โดยเวลาเปิดซื้อขายหลังจากหยุดทำการซื้อขาย Pre-Open เวลา 14:58 น. Open เวลา 15:08 น.
การหยุดการซื้อขายเนื่องจาก Circuit Breaker เป็นไปตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง
การซื้อขาย การชำระราคาและการส่งมอบหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2555 ซึ่งหลังจากเปิดทำการซื้อขายแล้ว สมาชิกสามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ตามปกติ
ทั้งนี้ อาจมีบางช่วงเวลาที่หลักทรัพย์ที่มีสินทรัพย์อ้างอิงต่างประเทศ (Cross-border Products) อาจเปิดซื้อขายไม่ตรงกันกับหลักทรัพย์อื่นๆ เนื่องจากไม่มีช่วงเวลาพักการซื้อขายระหว่างวัน (Non intermission)
ที่ผมเขียนขึ้นนี้ผมอยู่ในช่วงที่ตลาดหุ้นตกลงอย่างหนัก.....(แต่พรอตในตอนน้นมแค่หลักพัน......ผมโดนกระทบแค่หลักพัน)......
ในวันนี้ที่พรอตผมว่าง......ผมก็ไม่รู้ว่าวิกฤตะมาอีกไมแต่ผมขอเตรียมตัวรับมือ ***ไม่ให้เหมือน5ปี ที่ผ่านมา***
By Bank ช่างลงทุน
ตลท.ประกาศเซอร์กิตเบรกเกอร์ ครั้งที่ 1 ระยะเวลา 30 นาที ในรอบ 11 ปี 4 เดือน หลังดัชนีร่วงหนัก 10% รับแรงกดดันจากไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดหนัก
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ทันทีที่เปิดการซื้อขายหุ้นไทยวันที่ 12 มีนาคม 2563 ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงอย่างหนัก 65.73 จุด หรือ 5.26%% อยู่ที่ 1,184.16 จุด จากนั้นปรับลดลงต่อเนื่องถึง 125.05 จุด หรือ 10.00% อยู่ที่ 1,124.84 จุด ส่งผลให้ตลท.ต้องประกาศหยุดการซื้อขายเป็นการชั่วคราว (เซอร์กิตเบรกเกอร์) ครั้งที่ 1 ระยะเวลา 30 นาที ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี 4 เดือน จากวันที่ 27 ตุลาคม 2551
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตลท.เคยใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์ทั้งหมด 3 ครั้ง โดยวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาตรการกันสำรอง 30% เพื่อป้องกันกันเก็งกำไรค่าเงินบาท ส่งผลให้ผู้ลงทุนต่างชาติตื่นตระหนกพากันเทขายหุ้นเป็นจำนวนมาก ดัชนีลดลงกว่า 142.63 จุดหรือ 19.52% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในวันเดียวในประวัติศาสตร์ตลท.ก่อนปิดตลาดที่ลบ 108.41 จุด หรือลดลง 14.84% และมีการใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์เป็นครั้งแรกของตลาดในช่วงเวลา 11.26 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ดัชนีลดลงกว่า 74.06 หรือ 10.14%
วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ตลท.สั่งใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ 30 นาที ตั้งแต่เวลา 14.35 น. ดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 449.91 จุด ลดลง 50.08 จุด ลดลง 10.02% ทั้งนี้ การปรับลดตัวลงของหุ้นไทยนั้นเป็นไปตามภูมิภาคหลายแห่งที่ร่วงแรงมากกว่า 10% เกิดจากความไม่มั่นใจของนักลงทุน หลังจากวิกฤติการเงินเริ่มลามไปสู่ภาคเศรษฐกิจจริง ขณะที่ วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ตลท.สั่งใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ 30 นาที ตั้งแต่เวลา 16.04 น. เวลานั้น ดัชนีร่วงลง 10% อยู่ที่ระดับ 389.58 จุด หรือลดลง 43.29 จุด หลังเปิดการซื้อขายอีกครั้งในรอบที่ 2 ดัชนียังคงปรับลดลงต่อเนื่อง โดยปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 387.43 จุด ลดลง 45.44 จุด หรือลดลง 10.50 % ดัชนีต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี เนื่องจากวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์
สำหรับเซอร์กิตเบรกเกอร์ จะใช้ในกรณีที่สภาวะการซื้อขายมีความผันผวนรุนแรง ราคาหลักทรัพย์โดยรวมเปลี่ยนแปลงลดลงมาก เพื่อให้นักลงทุนมีเวลาในการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อการลงทุนอย่างครบถ้วน ตลท.จะหยุดทำการซื้อขายโดยอัตโนมัติเป็นการชั่วคราว
โดยครั้งที่ 1 เมื่อดัชนีหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงลดลงถึง 10% ของค่าดัชนีปิดในวันทำการก่อนหน้าตลท.จะพักการซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งหมดเป็นเวลา 30 นาที และ ครั้งที่ 2 เมื่อดัชนีหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงลดลงถึง 20% (ลดลงอีก 10%) ของค่าดัชนีปิดใน วันทำการก่อนหน้าตลท.จะพักการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดเป็นเวลา 1 ชั่วโมง และหลังจากการทำงานครั้งที่ 2 ของเซอร์กิตเบรกเกอร์แล้ว ตลท.จะเปิดให้ทำการซื้อขายต่อไป จนถึงเวลาปิดทำการตามปกติโดยไม่มีการหยุดพักการซื้อขายอีก
หากระยะเวลาในรอบการซื้อขายที่เซอร์กิตเบรกเกอร์ทำงานนั้นเหลือไม่ถึง 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ก็ให้หยุดพักการซื้อขายเพียงระยะเวลาที่เหลือในรอบการซื้อขายนั้นแล้วเปิดให้ซื้อขายหลักทรัพย์ได้ตามปกติในรอบการซื้อขายถัดไป
ตลท.แจ้งว่า หยุดทำการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว ในวันที่ 12 มีนาคม 2563 ระยะเวลา 30 นาที ตั้งแต่เวลา 14:38 ถึง 15:08 น. หลังดัชนีราคาหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง 125.05 จุด คิดเป็น 10.00% จากดัชนีราคาปิดวันทำการก่อนหน้า (Circuit
Breaker Level 1) โดยเวลาเปิดซื้อขายหลังจากหยุดทำการซื้อขาย Pre-Open เวลา 14:58 น. Open เวลา 15:08 น.
การหยุดการซื้อขายเนื่องจาก Circuit Breaker เป็นไปตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง
การซื้อขาย การชำระราคาและการส่งมอบหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2555 ซึ่งหลังจากเปิดทำการซื้อขายแล้ว สมาชิกสามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ตามปกติ
ทั้งนี้ อาจมีบางช่วงเวลาที่หลักทรัพย์ที่มีสินทรัพย์อ้างอิงต่างประเทศ (Cross-border Products) อาจเปิดซื้อขายไม่ตรงกันกับหลักทรัพย์อื่นๆ เนื่องจากไม่มีช่วงเวลาพักการซื้อขายระหว่างวัน (Non intermission)
ที่ผมเขียนขึ้นนี้ผมอยู่ในช่วงที่ตลาดหุ้นตกลงอย่างหนัก.....(แต่พรอตในตอนน้นมแค่หลักพัน......ผมโดนกระทบแค่หลักพัน)......
ในวันนี้ที่พรอตผมว่าง......ผมก็ไม่รู้ว่าวิกฤตะมาอีกไมแต่ผมขอเตรียมตัวรับมือ ***ไม่ให้เหมือน5ปี ที่ผ่านมา***
By Bank ช่างลงทุน
- ช่างลงทุน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 20
- ผู้ติดตาม: 1
Re: การพนัน- การเก็งกำไร- การลงทุน
โพสต์ที่ 4
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 บัญญัติว่า
“ การพนัน หมายถึง การเล่นเอาเงิน หรือสิ่งอื่นโดยอาศัยความฉลาด ความชำนาญ เล่ห์เหลี่ยม ไหวพริบและฝีมือรวมทั้งโชคด้วย ” และคำว่า “ พนันขันต่อ หมายถึง การพนันซึ่งได้เสียกันโดยวิธีต่อรอง ”
หลักการของการเก็งกำไรนั้นมีความเรียบง่าย และไม่ซับซ้อน
# เพียงนักลงทุนเข้าไปซื้อสินทรัพย์ที่ราคาต่ำ ถือครองสินทรัพย์ไว้ระยะหนึ่งเพื่อรอให้ราคามีการเคลื่อนไหวไปในทางที่ดี แล้วขายสินทรัพย์ที่ซื้อให้ได้ราคาสูงกว่าที่ซื้อมาในครั้งแรกเพื่อทำกำไร
การลงทุน คือ การจัดสรรเงินเพื่อคาดหวังผลประโยชน์ในอนาคต
ผลประโยชน์ทางการเงินเรียกว่า ผลตอบแทน ซึ่งอาจประกอบด้วยงานขายอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น (หรือลดลง) หรือการประเมินค่าหรือการเสื่อมทุนของทุนที่ยังไม่รับรู้ หรือรายได้การลงทุนที่มาจาก เงินปันผล ดอกเบี้ย รายได้การเช่า เป็นต้น หรืออาจเป็นการรวมกันของกำไรจากการขายหลักทรัพย์และรายได้ ผลตอบแทนอาจมาจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง นักลุงทุนคาดหวังที่จะได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นซึ่งมาจากความเสี่ยงในการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อความเสี่ยงน้อย ผลตอบแทนก็น้อยลงตามไปด้วย
นักลงทุนโดยเฉพาะมือใหม่ มักจะได้รับคำแนะนำกลยุทธ์การลงทุนและกระจายการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอ การกระจายการลงทุนนี้มีผลต่อสถิติในการลดความเสี่ยงโดยรวม
ข้อมูล วิกิพีเดีย,สารานุกรมเสรี
“ การพนัน หมายถึง การเล่นเอาเงิน หรือสิ่งอื่นโดยอาศัยความฉลาด ความชำนาญ เล่ห์เหลี่ยม ไหวพริบและฝีมือรวมทั้งโชคด้วย ” และคำว่า “ พนันขันต่อ หมายถึง การพนันซึ่งได้เสียกันโดยวิธีต่อรอง ”
หลักการของการเก็งกำไรนั้นมีความเรียบง่าย และไม่ซับซ้อน
# เพียงนักลงทุนเข้าไปซื้อสินทรัพย์ที่ราคาต่ำ ถือครองสินทรัพย์ไว้ระยะหนึ่งเพื่อรอให้ราคามีการเคลื่อนไหวไปในทางที่ดี แล้วขายสินทรัพย์ที่ซื้อให้ได้ราคาสูงกว่าที่ซื้อมาในครั้งแรกเพื่อทำกำไร
การลงทุน คือ การจัดสรรเงินเพื่อคาดหวังผลประโยชน์ในอนาคต
ผลประโยชน์ทางการเงินเรียกว่า ผลตอบแทน ซึ่งอาจประกอบด้วยงานขายอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น (หรือลดลง) หรือการประเมินค่าหรือการเสื่อมทุนของทุนที่ยังไม่รับรู้ หรือรายได้การลงทุนที่มาจาก เงินปันผล ดอกเบี้ย รายได้การเช่า เป็นต้น หรืออาจเป็นการรวมกันของกำไรจากการขายหลักทรัพย์และรายได้ ผลตอบแทนอาจมาจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง นักลุงทุนคาดหวังที่จะได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นซึ่งมาจากความเสี่ยงในการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อความเสี่ยงน้อย ผลตอบแทนก็น้อยลงตามไปด้วย
นักลงทุนโดยเฉพาะมือใหม่ มักจะได้รับคำแนะนำกลยุทธ์การลงทุนและกระจายการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอ การกระจายการลงทุนนี้มีผลต่อสถิติในการลดความเสี่ยงโดยรวม
ข้อมูล วิกิพีเดีย,สารานุกรมเสรี
Re: การลงทุนครั้งแรกของชีวิต
โพสต์ที่ 5
ธุรกิจ เป็นองค์การที่เกี่ยวข้องกับสินค้า บริการ หรือทั้งสินค้าและบริการแก่ผู้บริโภค ธุรกิจนั้นโดดเด่นในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ซึ่งธุรกิจส่วนมากมีเอกชนเป็นเจ้าของ และบริหารจัดการเพื่อให้ได้กำไร และเพิ่มความมั่งคั่งแก่เจ้าของธุรกิจ ธุรกิจยังอาจเป็นประเภทไม่แสวงหาผลกำไรหรือมีรัฐเป็นเจ้าของก็ได้ ธุรกิจที่มีหลายปัจเจกบุคคลเป็นเจ้าของอาจเรียกว่า บริษัท แม้คำว่า "บริษัท" จะมีความหมายที่เจาะจงกว่านั้น คำว่า "ธุรกิจ" มีความหมายครอบคลุมเรื่องเกี่ยวกับการค้าอย่างน้อย 3 เรื่อง คือ
ตัวองค์กรการค้า, อุตสาหกรรม หรือบริษัท หรือที่เรียกกันว่า "องค์กรธุรกิจ"
กิจกรรมที่เกี่ยวกับการค้า, อาชีพ และอุตสาหกรรม เช่นในคำพูด "ธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตามสภาพตลาด"
ส่วนของกิจกรรมทางเศรษฐศาสตร์ เช่น "ธุรกิจเพลง" หรือ "ธุรกิจคอมพิวเตอร์" (ดู อุตสาหกรรม)
บทความนี้จะเน้นไปที่ความหมายอันแรก แต่ก็จะมีลิงก์ไปยังหัวข้ออื่น ๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจและการบริหารจัดการตามความหมายที่สองด้วยเช่นกัน
ประเภทขององค์กรธุรกิจ
มีวิธีการแยกแยะประเภทขององค์กรธุรกิจได้หลากหลายแบบ วิธีหนึ่งที่ใช้กันโดยทั่วไป คือ ดูจากกิจกรรมหลักที่สร้างรายได้ให้กับองค์กรธุรกิจนั้น ๆ ตัวอย่างเช่น
ผู้ผลิต - ผลิตสินค้าจากวัตถุดิบหรือชิ้นส่วน เช่น ผลิตกระดาษ, เหล็กกล้า หรือการประกอบรถยนต์จากชิ้นส่วนต่าง ๆ
ธุรกิจบริการ - ให้บริการแรงงาน, ความรู้ หรือสินค้าที่จับต้องไม่ได้ มีรายได้จากการคิดค่าแรงงานหรือค่าบริการ เช่น การทาสีบ้าน, ให้คำปรึกษา และร้านอาหาร
ร้านค้าปลีกและผู้จัดจำหน่าย - เป็นพ่อค้าคนกลางที่รับสินค้าจากผู้ผลิตมาจัดจำหน่ายให้กับลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะด้วยการจำหน่ายหน้าร้าน, คลังสินค้า หรือผ่านแค็ตตาล็อกก็ตาม
ธุรกิจเกษตรกรรมและเหมืองแร่ - ผลิตวัตถุดิบต้นน้ำ เช่น พืชพรรณธรรมชาติ และแร่ต่าง ๆ
สถาบันการเงิน - รวมถึงธนาคาร และบริษัทที่สร้างผลกำไรผ่านการลงทุน และการบริหารเงินทุน
ธุรกิจสารสนเทศ - มีรายได้จากการขายสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึง ผู้ผลิตภาพยนตร์, สำนักพิมพ์ และบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์
สาธารณูปโภค - ให้บริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น ประปา, ไฟฟ้า, กำจัดขยะ โดยมากจะเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจหรือสัมปทาน
อสังหาริมทรัพย์ - สร้างรายได้จากการขาย, ให้เช่า, พัฒนา และบริหาร ที่ดิน, บ้าน และอาคารต่าง ๆ
ธุรกิจขนส่ง - บริการนำส่งสินค้าจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง มีรายได้จากค่าขนส่ง
ธุรกิจรถยนต์ - องค์กรธุรกิจที่ดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้า การขาย การซ่อม และการบริการ ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อมุ่งเน้นในการแสวงหาผลกำไร
ธุรกิจที่ปรึกษาธุรกิจ - ให้บริการที่ปรึกษาธุรกิจ โดยมีรูปแบบการคิดค่าบริการเป็นแบบรายเดือนหรือคิดตามมูลค่างาน เช่น ที่ปรึกษาด้านการเงิน ที่ปรึกษาด้านการตลาด ที่ปรึกษาการวางแผนธุรกิจ
ธุรกิจกับภาครัฐ
กฎหมายส่วนใหญ่จะกำหนดรูปแบบขององค์กรธุรกิจที่สามารถก่อตั้งได้ ภายใต้กำกับของกฎหมายการค้าหรือกฎหมายพาณิชย์ รูปแบบองค์กรทั่ว ๆ ไป ได้แก่ กิจการเจ้าของคนเดียว, ห้างหุ้นส่วน, และบริษัท
ธุรกิจกับการจัดการ
การศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจ เรียกว่า การจัดการ ซึ่งแยกย่อยได้เป็นสาขาหลัก ๆ ได้แก่ การบัญชี, การเงิน, การตลาด, การวางแผนธุรกิจ, ทรัพยากรบุคคล, การจัดการเชิงกลยุทธ์, การผลิต, การบริการ และระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
ตัวองค์กรการค้า, อุตสาหกรรม หรือบริษัท หรือที่เรียกกันว่า "องค์กรธุรกิจ"
กิจกรรมที่เกี่ยวกับการค้า, อาชีพ และอุตสาหกรรม เช่นในคำพูด "ธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตามสภาพตลาด"
ส่วนของกิจกรรมทางเศรษฐศาสตร์ เช่น "ธุรกิจเพลง" หรือ "ธุรกิจคอมพิวเตอร์" (ดู อุตสาหกรรม)
บทความนี้จะเน้นไปที่ความหมายอันแรก แต่ก็จะมีลิงก์ไปยังหัวข้ออื่น ๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจและการบริหารจัดการตามความหมายที่สองด้วยเช่นกัน
ประเภทขององค์กรธุรกิจ
มีวิธีการแยกแยะประเภทขององค์กรธุรกิจได้หลากหลายแบบ วิธีหนึ่งที่ใช้กันโดยทั่วไป คือ ดูจากกิจกรรมหลักที่สร้างรายได้ให้กับองค์กรธุรกิจนั้น ๆ ตัวอย่างเช่น
ผู้ผลิต - ผลิตสินค้าจากวัตถุดิบหรือชิ้นส่วน เช่น ผลิตกระดาษ, เหล็กกล้า หรือการประกอบรถยนต์จากชิ้นส่วนต่าง ๆ
ธุรกิจบริการ - ให้บริการแรงงาน, ความรู้ หรือสินค้าที่จับต้องไม่ได้ มีรายได้จากการคิดค่าแรงงานหรือค่าบริการ เช่น การทาสีบ้าน, ให้คำปรึกษา และร้านอาหาร
ร้านค้าปลีกและผู้จัดจำหน่าย - เป็นพ่อค้าคนกลางที่รับสินค้าจากผู้ผลิตมาจัดจำหน่ายให้กับลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะด้วยการจำหน่ายหน้าร้าน, คลังสินค้า หรือผ่านแค็ตตาล็อกก็ตาม
ธุรกิจเกษตรกรรมและเหมืองแร่ - ผลิตวัตถุดิบต้นน้ำ เช่น พืชพรรณธรรมชาติ และแร่ต่าง ๆ
สถาบันการเงิน - รวมถึงธนาคาร และบริษัทที่สร้างผลกำไรผ่านการลงทุน และการบริหารเงินทุน
ธุรกิจสารสนเทศ - มีรายได้จากการขายสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึง ผู้ผลิตภาพยนตร์, สำนักพิมพ์ และบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์
สาธารณูปโภค - ให้บริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น ประปา, ไฟฟ้า, กำจัดขยะ โดยมากจะเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจหรือสัมปทาน
อสังหาริมทรัพย์ - สร้างรายได้จากการขาย, ให้เช่า, พัฒนา และบริหาร ที่ดิน, บ้าน และอาคารต่าง ๆ
ธุรกิจขนส่ง - บริการนำส่งสินค้าจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง มีรายได้จากค่าขนส่ง
ธุรกิจรถยนต์ - องค์กรธุรกิจที่ดำเนินการเกี่ยวกับรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้า การขาย การซ่อม และการบริการ ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อมุ่งเน้นในการแสวงหาผลกำไร
ธุรกิจที่ปรึกษาธุรกิจ - ให้บริการที่ปรึกษาธุรกิจ โดยมีรูปแบบการคิดค่าบริการเป็นแบบรายเดือนหรือคิดตามมูลค่างาน เช่น ที่ปรึกษาด้านการเงิน ที่ปรึกษาด้านการตลาด ที่ปรึกษาการวางแผนธุรกิจ
ธุรกิจกับภาครัฐ
กฎหมายส่วนใหญ่จะกำหนดรูปแบบขององค์กรธุรกิจที่สามารถก่อตั้งได้ ภายใต้กำกับของกฎหมายการค้าหรือกฎหมายพาณิชย์ รูปแบบองค์กรทั่ว ๆ ไป ได้แก่ กิจการเจ้าของคนเดียว, ห้างหุ้นส่วน, และบริษัท
ธุรกิจกับการจัดการ
การศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจ เรียกว่า การจัดการ ซึ่งแยกย่อยได้เป็นสาขาหลัก ๆ ได้แก่ การบัญชี, การเงิน, การตลาด, การวางแผนธุรกิจ, ทรัพยากรบุคคล, การจัดการเชิงกลยุทธ์, การผลิต, การบริการ และระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ