แด่หนุ่มสาวผู้ร้าวราน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 411
- ผู้ติดตาม: 1
แด่หนุ่มสาวผู้ร้าวราน
โพสต์ที่ 1
15ปีก่อนที่ผมเริ่มลงทุนหุ้น ความเจริญทุกด้านเปรียบเทียบกับตอนนี้ต้องพูดว่ามาไกลเกินจินตนาการ
แต่ผมกลับรู้สึกว่าการสร้งฐานะความร่ารวยแม้แต่การใช้ชีวิตธรรมดาของคนหนุ่มสาวยุคนี้ ดูยากเย็นและเต็มไปด้วยความกดดันและความเครียดกว่าสมัยก่อนเยอะ
1.สมัยก่อนใครรวยหรือจนไม่ค่อยมีผลกับเรา แต่ทุกวันนี้ความรวยของคนรอบตัวหรือแม้ต่คนที่เราไม่รู้จักเหมือนกดดันเราทุกวันทั้งทางline facebook สื่ออื่นๆ
ถ้าเราไม่ทีรูปไปเที่ยวเมืองนอก กินหรู ใช้ของแพง เหมือนเราเป็นคนกระจอกในสังคม
2.รายได้เด็กจบปริญญาตรีตอนนี้เทียบกับ20ปีก่อนเพิ่มขึ้นน้อยมาก
วิศวะจบใหม่20ปีก่อนได้เดือนละ2หมื่นกว่า ทุกวันนี้ก็ยังได้เท่าๆเดิม
วิจัยฝรั่งบอกว่า20ปีก่อนรายได้เด็กจบใหม่4ปีซื้อบ้านในเมืองได้1หลัง
ตอนนี้ต้องใช้เงินเดือน10ปีเพื่อซื้อบ้าน1หลัง ถ้าเงินเดือนต้องจ่ายค่ากินใช้
ค่าผ่อนรถค่าดูแลครอบครัว กว่าจะผ่อนบ้านหมดอาจต้อง30ปี
แล้วจะมีเงินที่ไหนสร้างอนาคต
3.หนทางคนธรรมดาที่ครอบครัวไม่มีกิจการและความร่ารวย
ที่มองเห็นได้มีแต่ตลาดหุ้น
แต่ตลาดหุ้น15-20ปีก่อนวีไอที่จริงจังมีแค่หยิบมือ
ซึ่งหลายคนสร้างความร่ารวยอย่างมหัศจรรย์
แต่ตอนนี้วีไอจริงจังน่าจะทีเป็นหมื่น ตลาดก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น
หุ้รmispricedหายากเย็นแสนเข็ญ
ผมเชื่อว่าหนุ่มสาวยุคนี้ที่เก่งและทุ่มเทมากเท่าเซียนรุ่นเก่า
แต่อาจได้ผลตอบแทนที่ต่ากว่ามาก
4.วิถีชีวิตที่อวดการใช้เงิน ทานอาหารแพงใช้รถหรูบ้านหลังใหญ่
กดดันให้ไม่เหลือเงินลงทุนสร้างอนาคต
ผมยังเชื่อว่าหนุ่มสาวที่เก่งกว่าค่าเฉลี่ย มีความคิดที่ถูกต้องก็ยังสร้างความร่ารวยได้อยู่ดี เพียงแต่หนทางดูยากเย็นกว่าคนยุคก่อนมาก อย่างไรก็ขอเป็นกำลังใจให้คนหนุ่มสาวเพราะโลกอนาคตอยู่ในมือพวกคุณ
แต่ผมกลับรู้สึกว่าการสร้งฐานะความร่ารวยแม้แต่การใช้ชีวิตธรรมดาของคนหนุ่มสาวยุคนี้ ดูยากเย็นและเต็มไปด้วยความกดดันและความเครียดกว่าสมัยก่อนเยอะ
1.สมัยก่อนใครรวยหรือจนไม่ค่อยมีผลกับเรา แต่ทุกวันนี้ความรวยของคนรอบตัวหรือแม้ต่คนที่เราไม่รู้จักเหมือนกดดันเราทุกวันทั้งทางline facebook สื่ออื่นๆ
ถ้าเราไม่ทีรูปไปเที่ยวเมืองนอก กินหรู ใช้ของแพง เหมือนเราเป็นคนกระจอกในสังคม
2.รายได้เด็กจบปริญญาตรีตอนนี้เทียบกับ20ปีก่อนเพิ่มขึ้นน้อยมาก
วิศวะจบใหม่20ปีก่อนได้เดือนละ2หมื่นกว่า ทุกวันนี้ก็ยังได้เท่าๆเดิม
วิจัยฝรั่งบอกว่า20ปีก่อนรายได้เด็กจบใหม่4ปีซื้อบ้านในเมืองได้1หลัง
ตอนนี้ต้องใช้เงินเดือน10ปีเพื่อซื้อบ้าน1หลัง ถ้าเงินเดือนต้องจ่ายค่ากินใช้
ค่าผ่อนรถค่าดูแลครอบครัว กว่าจะผ่อนบ้านหมดอาจต้อง30ปี
แล้วจะมีเงินที่ไหนสร้างอนาคต
3.หนทางคนธรรมดาที่ครอบครัวไม่มีกิจการและความร่ารวย
ที่มองเห็นได้มีแต่ตลาดหุ้น
แต่ตลาดหุ้น15-20ปีก่อนวีไอที่จริงจังมีแค่หยิบมือ
ซึ่งหลายคนสร้างความร่ารวยอย่างมหัศจรรย์
แต่ตอนนี้วีไอจริงจังน่าจะทีเป็นหมื่น ตลาดก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น
หุ้รmispricedหายากเย็นแสนเข็ญ
ผมเชื่อว่าหนุ่มสาวยุคนี้ที่เก่งและทุ่มเทมากเท่าเซียนรุ่นเก่า
แต่อาจได้ผลตอบแทนที่ต่ากว่ามาก
4.วิถีชีวิตที่อวดการใช้เงิน ทานอาหารแพงใช้รถหรูบ้านหลังใหญ่
กดดันให้ไม่เหลือเงินลงทุนสร้างอนาคต
ผมยังเชื่อว่าหนุ่มสาวที่เก่งกว่าค่าเฉลี่ย มีความคิดที่ถูกต้องก็ยังสร้างความร่ารวยได้อยู่ดี เพียงแต่หนทางดูยากเย็นกว่าคนยุคก่อนมาก อย่างไรก็ขอเป็นกำลังใจให้คนหนุ่มสาวเพราะโลกอนาคตอยู่ในมือพวกคุณ
- Introverted investor
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 1
Re: แด่หนุ่มสาวผู้ร้าวราน
โพสต์ที่ 2
ขอบคุณมากครับ
Try to be : Full Time Investor, Reader, Writer, Learner & Cultural observer.
......................................
I have a passion for keeping things simple.
......................................
https://www.facebook.com/Introverted.investor
......................................
I have a passion for keeping things simple.
......................................
https://www.facebook.com/Introverted.investor
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 262
- ผู้ติดตาม: 1
Re: แด่หนุ่มสาวผู้ร้าวราน
โพสต์ที่ 3
Due to lack of Thai keyboard, I’m sorry to post in English.
I made a similar observation in a reddit topic here
https://www.reddit.com/r/ValueInvestin ... he_future/
I made a similar observation in a reddit topic here
https://www.reddit.com/r/ValueInvestin ... he_future/
The most painful fact for me is if there are more and more investment communities where people share stocks list, more and more good stocks will eventually priced in and room of return is thus getting smaller.Thinking about stocks as limited resources while there are flux of new investors every year (especially in 2020-21) coming to find good stocks (and hold on for dear life) like me, and of course many of them are much advanced than myself such as using an advance algorithm, having much higher IQ/EQ, have exclusive access to several research papers, can perform scuttlebutt research perfectly etc. Eventually, there are those who get in first at lower valuation and start to fill up to a much higher valuation of such a stock, which may lead to a perfectly priced issue...
There's also main players in the market which are institutions and they are armed with best of the best researchers/analysts with the most advanced algorithm (I imagine a computer listen over the Fed's chair Powell speak and using its AI algorithm based on trillions of data points to predict the interest rate sentiment or an algorithm that gets the financial result...
One example I can point out for these observations above is an industry with high return but no moat, those who get in early take large return and eventually new entrants appear, leading to intense price competition and thus shrinking margin. Imagine this situation happens with Value Investing.
Re: แด่หนุ่มสาวผู้ร้าวราน
โพสต์ที่ 4
ถ้านักลงทุนที่ drive การเคลื่อนไหวของตลาดโดยส่วนใหญ่ยังเป็นมนุษย์อยู่ และมนุษย์เหล่านั้นยังไม่ได้ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้มีเหตุผลโดยปราศจากอารมณ์ ธรรมชาติของกิเลส และจิตวิทยา ที่เป็นรากฐานของการตัดสินใจซื้อและขายยังคงถูกอิทธิพลของรหัสพันธุกรรมที่มีข้อจำกัดในการประมวลผล และตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยระบบอัตโนมัติ เสียมากกว่าการพิจารณาอย่างแยบคาย
โอกาสในการลงทุนยังคงมีอยู่ และยิ่งมีมากขึ้นเป็นประวัติการณ์เสียด้วยซ้ำ จากผลของ social media และ business model ยุคใหม่ๆ
ผลของ social media และ information overload ทำให้คนมีอารมณ์ ถูกกระตุ้นอารมณ์ ตอบสนองต่ออารมณ์มากขึ้น มีความยับยั้งชั่งใจ และมีความอดทนน้อยลง ทำให้ราคาต่ำเกินจริง และสูงเกินจริงได้มากอย่างเหลือเชื่อ
ในขณะที่ business model ยุคของ digital disruption ที่กล้าลงทุนในอนาคตที่ไกลมากๆ และพร้อมที่จะขาดทุนไปเป็น สิบๆ ปี ทำให้ range ของมูลค่าที่เหมาะสมกว้างมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อารมณ์ที่ถูก feed เข้าไปใน valuation จึงทำให้ความผันผวนในราคาสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มีความเชื่อและศรัทธาในอนาคตอะไรบางอย่าง ที่ทำการบ้านอย่างหนัก วิเคราะห์อย่างดี focus ในเรื่องที่เป็นเนื้อหาสาระ และมีอารมณ์ มีความสามารถในการตัดสินใจที่เป็นอิสระจากตลาด โดยไม่ถูกตลาดและคนรอบๆ ตัวทำให้เขวมากจนเกินไป
การลงทุนเป็นเรื่องยาก และเหนื่อยเสมอ สำหรับคนที่เข้าสนามแข่งขัน เพื่อจะเป็นผู้ชนะ
แต่สำหรับผู้ที่เชื่อใน infinite game แล้ว มันก็เป็นการผจญภัยสนุกๆ ท่ามกลางป่าใหญ่ ที่มีอะไรให้ได้ตื่นตาตื่นใจ และได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ อยู่ทุกวัน เราก็แค่เอาตัวรอด หาอะไรกิน แล้วก็สนุกไปกับการได้เห็นอะไรใหม่ๆ รู้อะไรใหม่ๆ
โอกาสในการลงทุนยังคงมีอยู่ และยิ่งมีมากขึ้นเป็นประวัติการณ์เสียด้วยซ้ำ จากผลของ social media และ business model ยุคใหม่ๆ
ผลของ social media และ information overload ทำให้คนมีอารมณ์ ถูกกระตุ้นอารมณ์ ตอบสนองต่ออารมณ์มากขึ้น มีความยับยั้งชั่งใจ และมีความอดทนน้อยลง ทำให้ราคาต่ำเกินจริง และสูงเกินจริงได้มากอย่างเหลือเชื่อ
ในขณะที่ business model ยุคของ digital disruption ที่กล้าลงทุนในอนาคตที่ไกลมากๆ และพร้อมที่จะขาดทุนไปเป็น สิบๆ ปี ทำให้ range ของมูลค่าที่เหมาะสมกว้างมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อารมณ์ที่ถูก feed เข้าไปใน valuation จึงทำให้ความผันผวนในราคาสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มีความเชื่อและศรัทธาในอนาคตอะไรบางอย่าง ที่ทำการบ้านอย่างหนัก วิเคราะห์อย่างดี focus ในเรื่องที่เป็นเนื้อหาสาระ และมีอารมณ์ มีความสามารถในการตัดสินใจที่เป็นอิสระจากตลาด โดยไม่ถูกตลาดและคนรอบๆ ตัวทำให้เขวมากจนเกินไป
การลงทุนเป็นเรื่องยาก และเหนื่อยเสมอ สำหรับคนที่เข้าสนามแข่งขัน เพื่อจะเป็นผู้ชนะ
แต่สำหรับผู้ที่เชื่อใน infinite game แล้ว มันก็เป็นการผจญภัยสนุกๆ ท่ามกลางป่าใหญ่ ที่มีอะไรให้ได้ตื่นตาตื่นใจ และได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ อยู่ทุกวัน เราก็แค่เอาตัวรอด หาอะไรกิน แล้วก็สนุกไปกับการได้เห็นอะไรใหม่ๆ รู้อะไรใหม่ๆ
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 531
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แด่หนุ่มสาวผู้ร้าวราน
โพสต์ที่ 5
คนหนุ่มสาวไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว เดินไปข้างหน้าดีกว่า
จะมากังวลเป็นคนแก่ทำไม กังวลเท่ากับไม่ทำอะไร
การเปรียบเทียบกับผู้อื่นนั้นเสียเวลาเปล่าๆ
หนุ่มสาวรุ่นใหม่มีโอกาสใหม่ๆมากมายมากกว่าคนรุ่นก่อน
สิ่งต่างๆยิ่งเปิดกว้าง ยิ่งมีโอกาส เพียงแต่ต้องเปิดหูเปิดตา เรียนรู้ให้มาก
จนมีประสบการณ์เพียงพอ จะเข้าใจว่าทำอย่างไรชีวิตถึงจะดีขึ้น
เพียงแต่ตอนรายได้ยังไม่มากต้องรู้จักประมาณตัวเองก่อน อย่าเห่อไปกับกระแสต่างๆ
มีน้อยใช้น้อย มีมากใช้แต่พอดี มีมากมายเหลือเก็บแล้วใช้ไปเถอะ
ยิ่งโอกาสในการลงทุนสมัยนี้เปิดกว่าง หลากหลาย เข้าถึงง่ายขึ้น มีข้อมูลมากขึ้น
มีหน่วยงานกำกับที่ทำงานดีขึ้น กิจการต่างๆมีธรรมาภิบาลที่ดีขึ้น ตรงนี้ยิ่งปกป้องนักลงทุน
แต่สิ่งที่คลุมเครือก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน ทั้งการฉ่อฉล หลอกลวง การกล่าวอ้างเกินจริง
สงครามข้อมูลข่าวสาร การกระทบกระทั่งกันระหว่างประเทศ แนวคิดที่ขัดแย้งกัน
นวัตกรรมใหม่ๆที่ดูดี กูรูที่มีคำพูดฟังดูดี ไลฟ์โค้ชที่พร่ำสอนไปเรื่อย การลงทุนใหม่ๆที่ล่อตาล่อใจ ฯลฯ
เราแค่ต้องใช้ความคิดให้ลึกซึ้งขึ้น ควบคุมอารมณ์ให้ดีขึ้น ก็จะก้าวผ่านไปได้
จะมากังวลเป็นคนแก่ทำไม กังวลเท่ากับไม่ทำอะไร
การเปรียบเทียบกับผู้อื่นนั้นเสียเวลาเปล่าๆ
หนุ่มสาวรุ่นใหม่มีโอกาสใหม่ๆมากมายมากกว่าคนรุ่นก่อน
สิ่งต่างๆยิ่งเปิดกว้าง ยิ่งมีโอกาส เพียงแต่ต้องเปิดหูเปิดตา เรียนรู้ให้มาก
จนมีประสบการณ์เพียงพอ จะเข้าใจว่าทำอย่างไรชีวิตถึงจะดีขึ้น
เพียงแต่ตอนรายได้ยังไม่มากต้องรู้จักประมาณตัวเองก่อน อย่าเห่อไปกับกระแสต่างๆ
มีน้อยใช้น้อย มีมากใช้แต่พอดี มีมากมายเหลือเก็บแล้วใช้ไปเถอะ
ยิ่งโอกาสในการลงทุนสมัยนี้เปิดกว่าง หลากหลาย เข้าถึงง่ายขึ้น มีข้อมูลมากขึ้น
มีหน่วยงานกำกับที่ทำงานดีขึ้น กิจการต่างๆมีธรรมาภิบาลที่ดีขึ้น ตรงนี้ยิ่งปกป้องนักลงทุน
แต่สิ่งที่คลุมเครือก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน ทั้งการฉ่อฉล หลอกลวง การกล่าวอ้างเกินจริง
สงครามข้อมูลข่าวสาร การกระทบกระทั่งกันระหว่างประเทศ แนวคิดที่ขัดแย้งกัน
นวัตกรรมใหม่ๆที่ดูดี กูรูที่มีคำพูดฟังดูดี ไลฟ์โค้ชที่พร่ำสอนไปเรื่อย การลงทุนใหม่ๆที่ล่อตาล่อใจ ฯลฯ
เราแค่ต้องใช้ความคิดให้ลึกซึ้งขึ้น ควบคุมอารมณ์ให้ดีขึ้น ก็จะก้าวผ่านไปได้
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: แด่หนุ่มสาวผู้ร้าวราน
โพสต์ที่ 6
1.
ทุกวันนี้ผมใช้โซเชียลมีเดีย
เพื่อติดตามการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน
ไม่ได้ใช้เพื่อให้ใครก็ไม่รู้
มากำหนดชีวิตให้เราเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา
ออกทะเลไปไหนก็ไม่รู้
2.
ผมคิดว่ามีทุกยุคทุกสมัยแหละ
ผมเห็นตั้งแต่รุ่นพ่อยันรุ่นลูก
ที่บ่นว่าข้าวของแพง
ไม่มีเงิน
ชาตินี้ยังไงก็ไม่รวย
แต่ผมก็เห็นมีคนรวยทุกรุ่น
3.
คนที่ครอบครัวไม่มีกิจการ
แล้วสร้างความร่ำรวยได้
โดยไม่ได้ใช้ตลาดหุ้น
ผมก็เห็นมีเยอะแยะตะแป๊ะเต็มไปหมดนะครับ
ทั้งนักธุรกิจ, ลูกจ้าง, อาชีพอิสระ
นอกจากเกณฑ์ความร่ำรวยของผมจะต่ำไปเอง
4.
ถ้าใครอวดร่ำอวดรวยแล้วมีความสุข
ก็อนุโมทนาสาธุครับ
เพราะมันไม่ใช่เงินของผม
อนึ่ง
เป็นแค่มุมมองที่เห็นต่าง
โดยมาจากประสบการณ์ตัวของผมเองนะครับ
และไม่มีเจตนาจะล่วงเกินท่าน drsp นะครับ
ส่วนตัวผมชอบความธรรมดา
ผมก็เลยมองโลกในแบบธรรมด๊าธรรมดาสามัญครับ
ใครทำอะไรก็ได้ผลแบบนั้นครับ
มีทั้งที่เป็นผลลัพธ์
และเป็นผลกระทบ
สุดท้าย...
รวยแล้วไม่รู้รวยไปทำไม ?
น่าสงสารครับ
ทุกวันนี้ผมใช้โซเชียลมีเดีย
เพื่อติดตามการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน
ไม่ได้ใช้เพื่อให้ใครก็ไม่รู้
มากำหนดชีวิตให้เราเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา
ออกทะเลไปไหนก็ไม่รู้
2.
ผมคิดว่ามีทุกยุคทุกสมัยแหละ
ผมเห็นตั้งแต่รุ่นพ่อยันรุ่นลูก
ที่บ่นว่าข้าวของแพง
ไม่มีเงิน
ชาตินี้ยังไงก็ไม่รวย
แต่ผมก็เห็นมีคนรวยทุกรุ่น
3.
คนที่ครอบครัวไม่มีกิจการ
แล้วสร้างความร่ำรวยได้
โดยไม่ได้ใช้ตลาดหุ้น
ผมก็เห็นมีเยอะแยะตะแป๊ะเต็มไปหมดนะครับ
ทั้งนักธุรกิจ, ลูกจ้าง, อาชีพอิสระ
นอกจากเกณฑ์ความร่ำรวยของผมจะต่ำไปเอง
4.
ถ้าใครอวดร่ำอวดรวยแล้วมีความสุข
ก็อนุโมทนาสาธุครับ
เพราะมันไม่ใช่เงินของผม
อนึ่ง
เป็นแค่มุมมองที่เห็นต่าง
โดยมาจากประสบการณ์ตัวของผมเองนะครับ
และไม่มีเจตนาจะล่วงเกินท่าน drsp นะครับ
ส่วนตัวผมชอบความธรรมดา
ผมก็เลยมองโลกในแบบธรรมด๊าธรรมดาสามัญครับ
ใครทำอะไรก็ได้ผลแบบนั้นครับ
มีทั้งที่เป็นผลลัพธ์
และเป็นผลกระทบ
สุดท้าย...
รวยแล้วไม่รู้รวยไปทำไม ?
น่าสงสารครับ
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <( ̄︶ ̄)> ...
- SI Freedom
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 174
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แด่หนุ่มสาวผู้ร้าวราน
โพสต์ที่ 7
ลองมองอีกด้านว่าโลกพัฒนาขึ้นมาก ทำให้คนอยู่สบายขึ้นมากๆๆ เหมือนกันนะครับ
ทั้งเรื่อง Tech , Health , Communication ชนิดที่ 30ปีก่อน เทียบไม่ได้เลยเหมือนกัน
พูดง่ายๆว่า คนรุ่นใหม่ๆ ก็สบายขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตก็คงยิ่งสบายกว่านี้อีก
ส่วน Life balance เป็นเรื่องปัจเจกครับ แต่ละคนต้องไปหาจุดสมดุลย์เอง ถ้าเอามาตรฐานเก่ามาวัดคนรุ่นใหม่ๆ ผมว่ามันอาจเป็นการใช้ไม้บรรทัดคนละสเกล
ทั้งเรื่อง Tech , Health , Communication ชนิดที่ 30ปีก่อน เทียบไม่ได้เลยเหมือนกัน
พูดง่ายๆว่า คนรุ่นใหม่ๆ ก็สบายขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตก็คงยิ่งสบายกว่านี้อีก
ส่วน Life balance เป็นเรื่องปัจเจกครับ แต่ละคนต้องไปหาจุดสมดุลย์เอง ถ้าเอามาตรฐานเก่ามาวัดคนรุ่นใหม่ๆ ผมว่ามันอาจเป็นการใช้ไม้บรรทัดคนละสเกล