เมื่อไหร่ ตลาด S&P 500 ขาลงจะสิ้นสุด

[ลูกสาวสอนพ่อลงทุน]

เมื่อไหร่ ตลาดขาลงจะสิ้นสุด

ทำนายอนาคต จากข้อมูลในอดีต ตอนที่ 1

หากเราไปศึกษาจุดสิ้นสุดของตลาดหมีที่ใหญ่ๆ ทั้งหมดสี่รอบในอดีต คือรอบจุดสิ้นสุด ตอนปี 1921, 1932,1949, 1982 เพื่อจะหาสัญญาณว่า เหตุการณ์อะไรที่ทำให้ตลาด จบรอบขาลง และกลายเป็นขาขึ้นอีกครั้ง เราพบว่า...

ในตอนปี 1982 ซึ่งเป็น #จุดสิ้นสุดของตลาดหมี ที่เกิดขึ้นมาถึง 14 ปี ลักษณะที่เราพบคือ

1) ราคาสินค้าโภคภัณท์ไม่ลงต่อแล้ว จบรอบขาลงของสินค้าโภคภัณท์ที่มาจากเศรษฐกิจถดถอย และนอกจากไม่ลงต่อ แต่ราคายังปรับตัวขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ

นอกจากนี้ 2) อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล เริ่มนิ่ง ไม่ผันผวน** หลังจากที่สหรัฐเจอ Stagflation ที่เกิดขึ้นมาทั้งจากฝั่ง อุปสงค์ และอุปทาน (ตอนช่วงปี 1970-1980s อเมริกาเจอวิกฤตเรื่องพลังงานถึงสองรอบ) การที่ยิวพันธบัตรเริ่มนิ่งได้ ไม่ได้ถูกเทขาย ยิวไม่ขึ้นทะลุฟ้าจนเหมือนควบคุมไม่อยู่ เพราะตลาดส่งสัญญาณว่า >>เชื่อแล้วๆ ว่า เฟดเอาเงินเฟ้ออยู่ และคุมเงินเฟ้อได้

ทำให้หลังจากที่เกิดตลาดหมีมาตลอด 14 ปีในช่วงปี 1970s – 1980s ตลาดหมีก็เจอจุดสิ้นสุด ในเดือนสิงหาคม ปี 1982

ที่น่าสนใจก็คือว่าเราจะมีความเชื่อเสมอว่า ตลาดสามารถปรับตัวขึ้นได้ ก่อนหน้าเศรษฐกิจจะฟื้น แต่กลับกลายเป็นว่า ในตอนนั้น กว่าตลาดจะปรับตัวขึ้น GDP ก็ bottom ไปก่อน คือ GDP Bottom ในไตรมาสแรกปี 1982 แต่ตลาดหุ้น bottom เดือนสิงหาคมในปีเดียวกัน

แปลว่า ตลาด bottom ตามหลังเศรษฐกิจ bottom

แปลว่า ตลาดเห็นว่า GDP ปรับตัวดีขึ้น แล้วตลาดถึงจะปรับตัวขึ้น

ซึ่งข้อสังเกตนี้ก็ไม่เกิดเพียงแค่ปี 1982 แต่ก็เกิดขึ้นในปี 1921 ที่ตลาด bottom หลังเศรษฐกิจด้วย
ดังนั้น ความเชื่อที่ว่าตลาดหุ้นจะต้องปรับตัวขึ้น นำหน้าเศรษฐกิจก่อนเสมอ ไม่จริงเสมอไป
ที่น่าสนใจกว่าคือ ในช่วงที่ตลาด Bottom ปี 1982 > ถ้าดูในหน้าหนังสือพิมพ์ จะเห็นว่าจริงๆ แล้ว เริ่มมีข่าวดีตามหน้าหนังสือพิมพ์แล้ว ไม่ได้มีแต่ข่าวการว่างงาน หรือปลดพนักงานอย่างเดียว
แต่นักลงทุนเลือกที่ไม่สนใจ

อย่างเช่น

14 June 1982 มีข่าวว่ายอดขายรถ กำลังฟื้น ยอดขายรถยนต์ในเดือน พ.ค. “เพิ่มขึ้น” 5.9% จากปีที่แล้ว!!

1 July 1982 อลัน กรีนแสปน ออกมาพูดว่า “the nation will see the signs of recovery”

6 July 1982 นักลงทุนชื่อดังออกมาพูดว่า ไม่ได้ short หุ้นใดๆ เลยในตอนนี้

และตลาดก็หยุดลง... ในเดือนสิงหาคม... ในที่สุด

สิ่งที่น่าสังเกต คือ ในช่วงที่ตลาดจะ bottom ทั้งสี่ครั้ง (1921, 1932, 1949, 1982) จริงๆ แล้ว >> ตลาดจะมีข่าวดีรอบตัว << แต่ในช่วงนั้น นักลงทุนจะไม่สนใจ และมองข้ามข่าวดี และยังจะมองลบอยู่ ยอดขายรถยนต์เป็นดัชนี leading indicator อันดับแรกๆ ที่จะบ่งบอกว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้น ในปี 1982 ตลาดรถยนต์ฟื้นเร็วกว่าตลาดหุ้นอีกด้วย

เสถียรภาพของราคาในตลาด Commodity ก็เป็นอีกสัญญาณของตลาด bottom

ถึงแม้ว่าปี 1982 จะเป็นปีที่เฟดยังคงต่อสู้กับเงินเฟ้อ และมีช่วงที่ ราคา commodity ปรับตัวขึ้นไปสูง และค่อยๆ ปรับตัวลงมาจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ตาม พอราคาสินค้าโภคภัณท์หยุดลง โดยเฉพาะราคาเหล็กในช่วงนั้น ตลาดหุ้นก็ถึงจุด bottom
เป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงที่เงินเฟ้อสูง การที่ราคา commodity ดีดตัวขึ้นมาอีกครั้งกลับไม่ได้ทำให้ตลาดกลัว (ว่าเงินเฟ้อจะกลับมาอีกรอบ) แล้ว การที่ราคาดีดขึ้นมาอีกครั้งกลายเป็นสัญญาณของเสถียรภาพของตลาดราคา Commodity

สินค้าโภคภัณท์อีกตัวที่บ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นคือราคาทองแดง ที่ตลาดตีความว่า ถ้าราคาเริ่มฟื้นก็จะแปลว่า มีความต้องการใช้สินค้าจากผู้บริโภคมากขึ้น กลายเป็นข่าวดีในตลาด แทนที่จะตีความว่าเฟดเอาเงินเฟ้อไม่อยู่ในช่วงปี 1982 จริงแล้ว CPI ยังคงอยู่ในระดับสูง มากกว่า 6% แต่ตลาดหุ้นก็ปรับตัวขึ้นได้แล้ว #marketbottom

กลายเป็นว่าในช่วงนั้น สัญญาณที่พอเรามองย้อนกลับไปแล้วเจอว่าเกิดขึ้นในช่วงตลาด Bottom ก็คือ การฟื้นตัวของตลาดรถยนต์ การฟื้นตัวของราคา commodity และความมีเสถียรภาพของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งถ้าเอาดัชนีเหล่านั้นมาลอง map กับตอนนั้น ก็จะเห็นว่า เรายังไม่ได้ใกล้เข้าสู่ช่วงความมีเสถียรภาพของตลาดใดๆ

10Y US treasury ยังคงปรับขึ้น มุ่งสู่ 4% แต่มันคือ -20% ภายในหนึ่งเดือนน!

DXY สูงที่สุดในรอบ 20 ปี

ราคาสินค้าในตลาด commodity ยังปรับตัวลง

ถ้า bond yield ยังผันผวน ถ้าดอลล่าร์ยังแข็งต่อ ราคาในตลาดเหล่านี้ยังไม่นิ่ง ลูกสาวมองว่า หนทางหา bottom ของตลาดหุ้นคราวนี้ อาจจะยังอีกซักพักค่ะ

[Bird.Songwut]

อันนี้นักวิเคราะห์คนสวยจาก bbl ใช่ไหมครับนี่