Z
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Z
โพสต์ที่ 1
“บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม” ยื่นไฟลิ่งขายหุ้น IPO เข้าตลาด SET ตั้ง APM ที่ปรึกษาการเงิน
14/05/2022 10:24
บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) เดินหน้ายื่นไฟลิ่งขายหุ้นไอพีโอ เตรียมเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งปรเทศไทย ระดมทุน “ขยายการให้เงินกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ” รองรับการขยายโอกาสทางธุรกิจ
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Z เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) เพื่อประกอบการยื่นคำขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ในปัจจุบันบริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Z มีทุนจดทะเบียนจำนวน 3,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 2,880 ล้านบาท โดยมีทุนจดทะเบียนส่วนที่ยังไม่ได้ชำระจำนวน 75 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 720 ล้านบาท โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 9.60 บาทบริษัทจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายประกฤต ธัญวลัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Z ดำเนินธุรกิจเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ในประเทศไทย ภายใต้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งให้บริการเฉพาะ 2 ประเภทบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ได้แก่ บัญชีเงินฝากล่วงหน้า (Cash Balance Account) และ บัญชีเงินกู้ยืมเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ (Credit Balance Account) แต่บริษัทมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจให้บริการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์เป็นธุรกิจหลัก
“เนื่องจากความพร้อมด้านประสบการณ์ และ แหล่งเงินทุน นอกจากนี้บริษัทได้พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ได้รับการถ่ายทอดหลักการและองค์ความรู้มาจากประเทศญี่ปุ่น โดยนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับปัจจัยพื้นฐาน ปัจจัยทางเทคนิค และ ปัจจัยเชิงคุณภาพของหลักทรัพย์มาปรับใช้ในการประเมินและคัดเลือกหลักทรัพย์ที่อนุญาตให้ซื้อ และ/หรือ นำมาวางเป็นหลักประกันในบัญชีเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ส่งผลให้บริษัทมีจำนวนหลักทรัพย์ที่อนุญาตให้ซื้อ และ/หรือ นำมาวางหลักประกันเป็นจำนวนมาก”
“ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Z เป็นบริษัทในเครือของบริษัท GMO Internet Inc. (GMO Internet) ผ่านทางการถือหุ้นของ GMO Financial Holdings Inc. (GMOFHD) ซึ่งทั้ง 2 บริษัทเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (Tokyo Stock Exchange: TSE) โดยบริษัทในกลุ่ม GMO Internet มีการดำเนินธุรกิจครอบคลุมในหลากหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง GMOFHD โดยดำเนินธุรกิจในการถือหุ้นในธุรกิจที่เป็นผู้ให้บริการทางการเงิน ครอบคลุมการให้บริการ 4 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และ ประเทศไทย” นายประกฤต กล่าว
นายสุริยา ธรรมธีระ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า การยื่นไฟลิ่งในครั้งนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการแสดงความพร้อม เพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จะทำให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือต่อคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และ สถาบันการเงิน มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพและการขยายโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจของบริษัท และช่วยพัฒนาให้บริษัทมุ่งสู่เป้าหมายการขยายธุรกิจ รวมถึงสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาวอีกด้วย
“บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Z จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้เพื่อการขยายการให้เงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Credit Balance) และ เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมถึงจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการเติบโตการดำเนินธุรกิจเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์อีกด้วย” นายสุริยา กล่าว
14/05/2022 10:24
บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) เดินหน้ายื่นไฟลิ่งขายหุ้นไอพีโอ เตรียมเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งปรเทศไทย ระดมทุน “ขยายการให้เงินกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ” รองรับการขยายโอกาสทางธุรกิจ
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Z เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) เพื่อประกอบการยื่นคำขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ในปัจจุบันบริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Z มีทุนจดทะเบียนจำนวน 3,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 2,880 ล้านบาท โดยมีทุนจดทะเบียนส่วนที่ยังไม่ได้ชำระจำนวน 75 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 720 ล้านบาท โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 9.60 บาทบริษัทจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายประกฤต ธัญวลัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Z ดำเนินธุรกิจเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ในประเทศไทย ภายใต้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งให้บริการเฉพาะ 2 ประเภทบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ได้แก่ บัญชีเงินฝากล่วงหน้า (Cash Balance Account) และ บัญชีเงินกู้ยืมเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ (Credit Balance Account) แต่บริษัทมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจให้บริการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์เป็นธุรกิจหลัก
“เนื่องจากความพร้อมด้านประสบการณ์ และ แหล่งเงินทุน นอกจากนี้บริษัทได้พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ได้รับการถ่ายทอดหลักการและองค์ความรู้มาจากประเทศญี่ปุ่น โดยนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับปัจจัยพื้นฐาน ปัจจัยทางเทคนิค และ ปัจจัยเชิงคุณภาพของหลักทรัพย์มาปรับใช้ในการประเมินและคัดเลือกหลักทรัพย์ที่อนุญาตให้ซื้อ และ/หรือ นำมาวางเป็นหลักประกันในบัญชีเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ส่งผลให้บริษัทมีจำนวนหลักทรัพย์ที่อนุญาตให้ซื้อ และ/หรือ นำมาวางหลักประกันเป็นจำนวนมาก”
“ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Z เป็นบริษัทในเครือของบริษัท GMO Internet Inc. (GMO Internet) ผ่านทางการถือหุ้นของ GMO Financial Holdings Inc. (GMOFHD) ซึ่งทั้ง 2 บริษัทเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (Tokyo Stock Exchange: TSE) โดยบริษัทในกลุ่ม GMO Internet มีการดำเนินธุรกิจครอบคลุมในหลากหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง GMOFHD โดยดำเนินธุรกิจในการถือหุ้นในธุรกิจที่เป็นผู้ให้บริการทางการเงิน ครอบคลุมการให้บริการ 4 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และ ประเทศไทย” นายประกฤต กล่าว
นายสุริยา ธรรมธีระ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า การยื่นไฟลิ่งในครั้งนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการแสดงความพร้อม เพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จะทำให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือต่อคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และ สถาบันการเงิน มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพและการขยายโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจของบริษัท และช่วยพัฒนาให้บริษัทมุ่งสู่เป้าหมายการขยายธุรกิจ รวมถึงสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาวอีกด้วย
“บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Z จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้เพื่อการขยายการให้เงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Credit Balance) และ เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมถึงจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการเติบโตการดำเนินธุรกิจเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์อีกด้วย” นายสุริยา กล่าว
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Z
โพสต์ที่ 2
https://market.sec.or.th/public/ipos/IP ... 86&lang=th
หนังสือชี้ชวนตราสารทุน
รายละเอียดตราสาร
ผู้ออกหลักทรัพย์ : บริษัท หลักทรัพย์จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ : บริษัท หลักทรัพย์จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
วันที่ยื่น Filing version แรก : 13/05/2565
วันที่แก้ไข Filing ครั้งล่าสุด (วันที่นับ 1 Filing) : -
วันที่ Filing มีผลบังคับใช้ : -
วันที่เริ่มต้นการเสนอขาย : -
วันที่สิ้นสุดการเสนอขาย : -
ประเภทหลักทรัพย์ : หุ้นสามัญ
ประเภทการเสนอขาย : การเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน
ที่ปรึกษาทางการเงิน/ผู้ควบคุม : บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด / นาย สุริยา ธรรมธีระ
หนังสือชี้ชวนตราสารทุน
รายละเอียดตราสาร
ผู้ออกหลักทรัพย์ : บริษัท หลักทรัพย์จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ผู้เสนอขายหลักทรัพย์ : บริษัท หลักทรัพย์จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
วันที่ยื่น Filing version แรก : 13/05/2565
วันที่แก้ไข Filing ครั้งล่าสุด (วันที่นับ 1 Filing) : -
วันที่ Filing มีผลบังคับใช้ : -
วันที่เริ่มต้นการเสนอขาย : -
วันที่สิ้นสุดการเสนอขาย : -
ประเภทหลักทรัพย์ : หุ้นสามัญ
ประเภทการเสนอขาย : การเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน
ที่ปรึกษาทางการเงิน/ผู้ควบคุม : บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด / นาย สุริยา ธรรมธีระ
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Z
โพสต์ที่ 3
"บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย)"ยื่นไฟลิ่งเตรียมนำหุ้นเข้า SET
บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Z ยื่นไฟลิ่งขายหุ้นไอพีโอ เตรียมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน มีแผนนำไปขยายการให้เงินกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์,ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ รองรับการขยายโอกาสทางธุรกิจ
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Z เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) เพื่อประกอบการยื่นคำขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ในปัจจุบันบริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียนจำนวน 3,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 2,880 ล้านบาท โดยมีทุนจดทะเบียนส่วนที่ยังไม่ได้ชำระจำนวน 75 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 720 ล้านบาท โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 9.60 บาทบริษัทจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายประกฤต ธัญวลัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ในประเทศไทย ภายใต้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งให้บริการเฉพาะ 2 ประเภทบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ได้แก่ บัญชีเงินฝากล่วงหน้า (Cash Balance Account) และ บัญชีเงินกู้ยืมเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ (Credit Balance Account) แต่บริษัทมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจให้บริการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์เป็นธุรกิจหลัก
“เนื่องจากความพร้อมด้านประสบการณ์ และ แหล่งเงินทุน นอกจากนี้บริษัทได้พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ได้รับการถ่ายทอดหลักการและองค์ความรู้มาจากประเทศญี่ปุ่น โดยนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับปัจจัยพื้นฐาน ปัจจัยทางเทคนิค และ ปัจจัยเชิงคุณภาพของหลักทรัพย์มาปรับใช้ในการประเมินและคัดเลือกหลักทรัพย์ที่อนุญาตให้ซื้อ และ/หรือ นำมาวางเป็นหลักประกันในบัญชีเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ส่งผลให้บริษัทมีจำนวนหลักทรัพย์ที่อนุญาตให้ซื้อ และ/หรือ นำมาวางหลักประกันเป็นจำนวนมาก”
“ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) เป็นบริษัทในเครือของบริษัท GMO Internet Inc. (GMO Internet) ผ่านทางการถือหุ้นของ GMO Financial Holdings Inc. (GMOFHD) ซึ่งทั้ง 2 บริษัทเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (Tokyo Stock Exchange: TSE) โดยบริษัทในกลุ่ม GMO Internet มีการดำเนินธุรกิจครอบคลุมในหลากหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง GMOFHD โดยดำเนินธุรกิจในการถือหุ้นในธุรกิจที่เป็นผู้ให้บริการทางการเงิน ครอบคลุมการให้บริการ 4 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และ ประเทศไทย” นายประกฤต กล่าว
นายสุริยา ธรรมธีระ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า การยื่นไฟลิ่งในครั้งนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการแสดงความพร้อม เพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จะทำให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือต่อคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และ สถาบันการเงิน มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพและการขยายโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจของบริษัท และช่วยพัฒนาให้บริษัทมุ่งสู่เป้าหมายการขยายธุรกิจ รวมถึงสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาวอีกด้วย
“บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้เพื่อการขยายการให้เงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Credit Balance) และ เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมถึงจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการเติบโตการดำเนินธุรกิจเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์อีกด้วย” นายสุริยา กล่าว
บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Z ยื่นไฟลิ่งขายหุ้นไอพีโอ เตรียมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET โดยเงินที่ได้จากการระดมทุน มีแผนนำไปขยายการให้เงินกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์,ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ รองรับการขยายโอกาสทางธุรกิจ
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Z เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) เพื่อประกอบการยื่นคำขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ในปัจจุบันบริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียนจำนวน 3,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 2,880 ล้านบาท โดยมีทุนจดทะเบียนส่วนที่ยังไม่ได้ชำระจำนวน 75 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 720 ล้านบาท โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 9.60 บาทบริษัทจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายประกฤต ธัญวลัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ในประเทศไทย ภายใต้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งให้บริการเฉพาะ 2 ประเภทบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ได้แก่ บัญชีเงินฝากล่วงหน้า (Cash Balance Account) และ บัญชีเงินกู้ยืมเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ (Credit Balance Account) แต่บริษัทมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจให้บริการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์เป็นธุรกิจหลัก
“เนื่องจากความพร้อมด้านประสบการณ์ และ แหล่งเงินทุน นอกจากนี้บริษัทได้พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ได้รับการถ่ายทอดหลักการและองค์ความรู้มาจากประเทศญี่ปุ่น โดยนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับปัจจัยพื้นฐาน ปัจจัยทางเทคนิค และ ปัจจัยเชิงคุณภาพของหลักทรัพย์มาปรับใช้ในการประเมินและคัดเลือกหลักทรัพย์ที่อนุญาตให้ซื้อ และ/หรือ นำมาวางเป็นหลักประกันในบัญชีเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ส่งผลให้บริษัทมีจำนวนหลักทรัพย์ที่อนุญาตให้ซื้อ และ/หรือ นำมาวางหลักประกันเป็นจำนวนมาก”
“ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) เป็นบริษัทในเครือของบริษัท GMO Internet Inc. (GMO Internet) ผ่านทางการถือหุ้นของ GMO Financial Holdings Inc. (GMOFHD) ซึ่งทั้ง 2 บริษัทเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (Tokyo Stock Exchange: TSE) โดยบริษัทในกลุ่ม GMO Internet มีการดำเนินธุรกิจครอบคลุมในหลากหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง GMOFHD โดยดำเนินธุรกิจในการถือหุ้นในธุรกิจที่เป็นผู้ให้บริการทางการเงิน ครอบคลุมการให้บริการ 4 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และ ประเทศไทย” นายประกฤต กล่าว
นายสุริยา ธรรมธีระ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า การยื่นไฟลิ่งในครั้งนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการแสดงความพร้อม เพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จะทำให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือต่อคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และ สถาบันการเงิน มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพและการขยายโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจของบริษัท และช่วยพัฒนาให้บริษัทมุ่งสู่เป้าหมายการขยายธุรกิจ รวมถึงสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาวอีกด้วย
“บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้เพื่อการขยายการให้เงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Credit Balance) และ เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมถึงจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการเติบโตการดำเนินธุรกิจเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์อีกด้วย” นายสุริยา กล่าว
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Z
โพสต์ที่ 4
Z: บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ประเภทธุรกิจ
ดำเนินธุรกิจให้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ภายใต้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งให้บริการเฉพาะ 2 ประเภทบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ได้แก่ บัญชีเงินฝากล่วงหน้า (Cash Balance Account) และ บัญชีเงินกู้ยืมเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ (Credit Balance Account) โดยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจให้บริการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์เป็นธุรกิจหลัก และให้ลูกค้าบริการตนเองผ่านระบบออนไลน์ ภายใต้ชื่อ “Z.COM”
ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ ธุรกิจการเงิน / เงินทุนและหลักทรัพย์
สถานะ Filing
จำนวนหุ้นที่ IPO
75,000,000 หุ้น คิดเป็น 20.00% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO
ระยะเวลาเสนอขายหุ้น
n/a
ราคา IPO
n/a
ราคา PAR
9.60 บาท
วันที่เริ่มซื้อขาย n/a
ที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด
ข้อมูล Filing
https://th.trade.z.com/index
ประเภทธุรกิจ
ดำเนินธุรกิจให้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ภายใต้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งให้บริการเฉพาะ 2 ประเภทบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ได้แก่ บัญชีเงินฝากล่วงหน้า (Cash Balance Account) และ บัญชีเงินกู้ยืมเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ (Credit Balance Account) โดยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจให้บริการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์เป็นธุรกิจหลัก และให้ลูกค้าบริการตนเองผ่านระบบออนไลน์ ภายใต้ชื่อ “Z.COM”
ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
กลุ่มอุตสาหกรรม / หมวดธุรกิจ ธุรกิจการเงิน / เงินทุนและหลักทรัพย์
สถานะ Filing
จำนวนหุ้นที่ IPO
75,000,000 หุ้น คิดเป็น 20.00% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO
ระยะเวลาเสนอขายหุ้น
n/a
ราคา IPO
n/a
ราคา PAR
9.60 บาท
วันที่เริ่มซื้อขาย n/a
ที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด
ข้อมูล Filing
https://th.trade.z.com/index
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Z
โพสต์ที่ 5
Z.com จ่อขาย IPO ลุยขยายพอร์ตสินเชื่อซื้อหุ้น ชู 4 กลยุทธ์หลักพร้อมเจาะตลาด Gen Y
ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 19, 2022 13:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
นายเมกุมุ โมโตฮิสะ ประธานกรรมการบริหาร บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) (Z) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หลังจากยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อนำระดมทุนไปใช้ในการขยายบัญชีเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Credit Balance Account) ที่เป็นสัดส่วนรายได้หลักถึง 80% ส่วนรายได้ที่เหลืออีก 20% มาจากค่าคอมมิชชั่น
ปัจจุบันบริษัทมีการให้บริการ 2 ประเภทบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ 1.บัญชีเงินฝากล่วงหน้า (Cash Balance Account) และ 2.บัญชีเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Credit Balance Account) โดยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ในนาม Z เป็นหลัก ด้วยความพร้อมด้านประสบการณ์ และการมีแหล่งเงินทุนที่แข็งแกร่ง จากการที่บริษัทมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ GMO Financial Holdings Inc. (GMOFHD) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ GMO Internet โดยทั้ง 2 บริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจากศักยภาพและความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจของผู้ถือหุ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นแก่ทุกภาคส่วน รวมถึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่บริษัทได้เป็นอย่างดี
กลยุทธ์หลักเน้น 4 ข้อหลักคือ 1.ด้านความหลากหลายของหลักทรัพย์ที่สามารถซื้อและนำมาวางเป็นหลักประกัน มุ่งเน้นธุรกิจการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Credit Balance) เป็นหลัก 2.กลยุทธ์ด้านอัตราค่าธรรมเนียม เพื่อดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ โดยการคิดอัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ 0.065%
3.กลยุทธ์ด้านช่องทางการตลาด เน้นแผนการตลาดผ่านการโฆษณาทางช่องทางออนไลน์การออกบูธ การจัดสัมมนาให้ความรู้ และการโฆษณาผ่านช่องทางหนังสือพิมพ์ เป็นต้น 4.กลยุทธ์ด้านกลุ่มลูกค้าคือกลุ่มนักลงทุนมีความรู้เกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและความรู้ด้านการลงทุน โดยเป็นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่อยู่ในกลุ่ม Generation X (อายุ 41-55 ปี) ซึ่งมีประสบการณ์ในการลงทุนสูง และใน
ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้วางแผนขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่ม Generation Y (อายุ 25-40 ปี) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตเป็นประจำ และหาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนด้วยตนเอง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีบัญชีลูกค้าอยู่ทั้งหมด 10,000 บัญชี ด้านนายประกฤต ธัญวลัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Z กล่าวว่า บริษัทเน้นการให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เป็นหลักภายใต้แบรนด์ Z.com โดยนำองค์ความรู้จาก GMOFHD และนำมาประยุกต์และปรับใช้ให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศไทย จนกลายเป็นระบบเทคโนโลยี (Initial Margin Methodology) ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุน
บริษัทสามารถคำนวณการปรับเกรดหุ้นเพื่อให้สามารถสะท้อนถึงคุณภาพของหลักทรัพย์ตามสถานการณ์ทุกวันได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ และมีจำนวนหลักทรัพย์ที่สามารถซื้อและ/หรือนำมาวางเป็นหลักประกันได้สูงกว่า 800 หลักทรัพย์ และ อยู่ในกลุ่มเกรด A มากกว่า 400 หลักทรัพย์ส่งผลให้ในปัจจุบันบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เป็นรายได้หลัก ซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของไทยได้อย่างแน่นอน
"บริษัทมีความแตกต่างที่ไม่เหมือนธุรกิจหลักทรัพย์อื่นๆ ที่เน้นความสำคัญกับค่าคอมมิชชั่นหรือค่านายหน้า โดยบริษัทมุ่งเน้นรายได้จากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เป็นหลัก ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของเรา เพราะไม่ว่าปริมาณการซื้อขายจะมากหรือน้อย ตลาดหลักทรัพย์หยุดทำการหรือติดวันหยุดยาว ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทเนื่องจากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์สามารถสร้างรายได้ให้แก่บริษัทได้ทุกวัน" นายประกฤต กล่าว
นางสาวประวีนา ไหมรักษา หัวหน้ากลุ่มงานสนับสนุนงานผู้บริหาร Z เปิดเผยว่า ผลประกอบการในปี 62- 64 บริษัทมีรายได้รวม 251.53 ล้านบาท 398.15 ล้านบาท และ 719.80 ล้านบาท ตามลำดับ และสำหรับงวด 6 เดือนของปี 65 มีรายได้รวม 469.69 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 50.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากยอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ณ วันที่ 30 มิ.ย. 65 บริษัทมียอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์อยู่ที่ 13,769 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 40.76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 19, 2022 13:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
นายเมกุมุ โมโตฮิสะ ประธานกรรมการบริหาร บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) (Z) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หลังจากยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อนำระดมทุนไปใช้ในการขยายบัญชีเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Credit Balance Account) ที่เป็นสัดส่วนรายได้หลักถึง 80% ส่วนรายได้ที่เหลืออีก 20% มาจากค่าคอมมิชชั่น
ปัจจุบันบริษัทมีการให้บริการ 2 ประเภทบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ 1.บัญชีเงินฝากล่วงหน้า (Cash Balance Account) และ 2.บัญชีเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Credit Balance Account) โดยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ในนาม Z เป็นหลัก ด้วยความพร้อมด้านประสบการณ์ และการมีแหล่งเงินทุนที่แข็งแกร่ง จากการที่บริษัทมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ GMO Financial Holdings Inc. (GMOFHD) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ GMO Internet โดยทั้ง 2 บริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจากศักยภาพและความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจของผู้ถือหุ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นแก่ทุกภาคส่วน รวมถึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่บริษัทได้เป็นอย่างดี
กลยุทธ์หลักเน้น 4 ข้อหลักคือ 1.ด้านความหลากหลายของหลักทรัพย์ที่สามารถซื้อและนำมาวางเป็นหลักประกัน มุ่งเน้นธุรกิจการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Credit Balance) เป็นหลัก 2.กลยุทธ์ด้านอัตราค่าธรรมเนียม เพื่อดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ โดยการคิดอัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ 0.065%
3.กลยุทธ์ด้านช่องทางการตลาด เน้นแผนการตลาดผ่านการโฆษณาทางช่องทางออนไลน์การออกบูธ การจัดสัมมนาให้ความรู้ และการโฆษณาผ่านช่องทางหนังสือพิมพ์ เป็นต้น 4.กลยุทธ์ด้านกลุ่มลูกค้าคือกลุ่มนักลงทุนมีความรู้เกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและความรู้ด้านการลงทุน โดยเป็นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่อยู่ในกลุ่ม Generation X (อายุ 41-55 ปี) ซึ่งมีประสบการณ์ในการลงทุนสูง และใน
ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้วางแผนขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่ม Generation Y (อายุ 25-40 ปี) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตเป็นประจำ และหาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนด้วยตนเอง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีบัญชีลูกค้าอยู่ทั้งหมด 10,000 บัญชี ด้านนายประกฤต ธัญวลัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Z กล่าวว่า บริษัทเน้นการให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เป็นหลักภายใต้แบรนด์ Z.com โดยนำองค์ความรู้จาก GMOFHD และนำมาประยุกต์และปรับใช้ให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศไทย จนกลายเป็นระบบเทคโนโลยี (Initial Margin Methodology) ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุน
บริษัทสามารถคำนวณการปรับเกรดหุ้นเพื่อให้สามารถสะท้อนถึงคุณภาพของหลักทรัพย์ตามสถานการณ์ทุกวันได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ และมีจำนวนหลักทรัพย์ที่สามารถซื้อและ/หรือนำมาวางเป็นหลักประกันได้สูงกว่า 800 หลักทรัพย์ และ อยู่ในกลุ่มเกรด A มากกว่า 400 หลักทรัพย์ส่งผลให้ในปัจจุบันบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เป็นรายได้หลัก ซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของไทยได้อย่างแน่นอน
"บริษัทมีความแตกต่างที่ไม่เหมือนธุรกิจหลักทรัพย์อื่นๆ ที่เน้นความสำคัญกับค่าคอมมิชชั่นหรือค่านายหน้า โดยบริษัทมุ่งเน้นรายได้จากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เป็นหลัก ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของเรา เพราะไม่ว่าปริมาณการซื้อขายจะมากหรือน้อย ตลาดหลักทรัพย์หยุดทำการหรือติดวันหยุดยาว ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทเนื่องจากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์สามารถสร้างรายได้ให้แก่บริษัทได้ทุกวัน" นายประกฤต กล่าว
นางสาวประวีนา ไหมรักษา หัวหน้ากลุ่มงานสนับสนุนงานผู้บริหาร Z เปิดเผยว่า ผลประกอบการในปี 62- 64 บริษัทมีรายได้รวม 251.53 ล้านบาท 398.15 ล้านบาท และ 719.80 ล้านบาท ตามลำดับ และสำหรับงวด 6 เดือนของปี 65 มีรายได้รวม 469.69 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 50.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากยอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ณ วันที่ 30 มิ.ย. 65 บริษัทมียอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์อยู่ที่ 13,769 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 40.76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
-
- Verified User
- โพสต์: 47266
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Z
โพสต์ที่ 6
Z เปิด 4 กลยุทธ์สู่ผู้นำบริการด้านบัญชีเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์
19/09/2022 16:58
“บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย)” โชว์ศักยภาพผู้นำให้บริการด้านบัญชีเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ดอกเบี้ยถูก ค่าคอมมิชชั่นต่ำ ชู 4 กลยุทธ์หลักเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน รุกสร้างความแตกต่างจากธุรกิจหลักทรัพย์อื่น พร้อมเดินหน้ายกระดับการเทรดด้วยเทคโนโลยีและองค์ความรู้จากญี่ปุ่น หนุนขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจหลักทรัพย์ด้านการให้บริการด้านบัญชีเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของไทย
นายเมกุมุ โมโตฮิสะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) หรือ Z เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ปี 2565 ยังคงอยู่ในสภาวะผันผวนจากปัจจัยการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เกิดขึ้นระลอกใหม่ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้ระดับราคาของสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ราคาทองคำ ราคาพลังงานปรับเพิ่มขึ้น เป็นแรงกดดันต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงภาวะเงินเฟ้อที่มีระดับสูงขึ้น อีกทั้งรายได้จากการท่องเที่ยวที่ยังต้องใช้ระยะเวลาในการจะกลับมาสู่ภาวะระดับเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น นับเป็นโอกาสของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ หรือเป็นโอกาสของนักลงทุนหน้าใหม่ที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะปัจจุบันสามารถเข้าถึงข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตได้อย่างไร้ขีดจำกัด รวมถึงกระบวนการต่างๆ ที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องออกจากสถานที่พักอาศัย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวส่งเสริมให้ตลาดการลงทุนมีการขยายตัว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ถือเป็นหนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ในประเทศไทย โดยได้เข้าเป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหมายเลข 10 ภายใต้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งให้บริการเฉพาะ 2 ประเภทบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ คือ 1) บัญชีเงินฝากล่วงหน้า (Cash Balance Account) และ 2) บัญชีเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Credit Balance Account) โดยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ในนาม Z เป็นหลัก ด้วยความพร้อมด้านประสบการณ์ และการมีแหล่งเงินทุนที่แข็งแกร่ง จากการที่บริษัทฯ มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ GMO Financial Holdings Inc. (GMOFHD) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ GMO Internet โดยทั้ง 2 บริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (Tokyo Stock Exchange: TSE)
สำหรับ GMOFHD มีการดำเนินธุรกิจในลักษณะ Holding Company โดยเน้นธุรกิจให้บริการทางการเงินได้แก่ การซื้อขายหลักทรัพย์ (Securities Trading) อัตราแลกเปลี่ยนทางการเงิน (Foreign Exchange Trading) และสินทรัพย์ดิจิทัล ครอบคลุมการให้บริการใน 4 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และประเทศไทย ซึ่งจากศักยภาพและความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจของผู้ถือหุ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นแก่ทุกภาคส่วน รวมถึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่บริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี
นายประกฤต ธัญวลัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมมุ่งมั่นให้บริการในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แม้ปัจจุบันจะมีบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการด้านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จำนวน 38 บริษัท ซึ่งมีการแข่งขันค่อนข้างสูงและใช้กลยุทธ์การแข่งขันด้านอัตราค่าธรรมเนียม
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตระหนักดีถึงความเสี่ยงดังกล่าว จึงได้มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจให้บริการเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เป็นหลัก ภายใต้แบรนด์ Z.com โดยได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จาก GMOFHD และนำมาประยุกต์และปรับใช้ให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศไทย จนกลายเป็นระบบเทคโนโลยี (Initial Margin Methodology) ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุน โดยบริษัทฯ สามารถคำนวณการปรับเกรดหุ้นเพื่อให้สามารถสะท้อนถึงคุณภาพของหลักทรัพย์ตามสถานการณ์ทุกวันได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ และมีจำนวนหลักทรัพย์ที่สามารถซื้อและ/หรือนำมาวางเป็นหลักประกันได้จำนวนมาก ส่งผลให้ในปัจจุบันบริษัทฯ มีรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เป็นรายได้หลัก ซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าบริษัทฯ จะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของไทยได้อย่างแน่นอน
“แม้จะเป็นบริษัทหลักทรัพย์ แต่บริษัทฯ มีความแตกต่างที่ไม่เหมือนธุรกิจหลักทรัพย์อื่นๆ ที่เน้นความสำคัญกับค่าคอมมิชชั่นหรือค่านายหน้า โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นรายได้จากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เป็นหลัก ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของเรา เพราะไม่ว่าปริมาณการซื้อขายจะมากหรือน้อย ตลาดหลักทรัพย์หยุดทำการหรือติดวันหยุดยาว ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ เนื่องจากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์สามารถสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ ได้ทุกวัน” นายประกฤต กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายเป็นบริษัทอันดับหนึ่งในธุรกิจการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ในประเทศไทย และขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจหลักทรัพย์ของประเทศไทย โดยใช้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1.) กลยุทธ์ด้านความหลากหลายของหลักทรัพย์ที่สามารถซื้อและนำมาวางเป็นหลักประกัน มุ่งเน้นธุรกิจการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Credit Balance) เป็นหลัก รวมถึงมีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้มาจากประเทศญี่ปุ่น สามารถนำมาประยุกต์และปรับใช้กับการดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศไทย
2.) กลยุทธ์ด้านอัตราค่าธรรมเนียม เพื่อดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ โดยการคิดอัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Commission Rate) ในอัตราร้อยละ 0.065* ซึ่งอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าว เป็นค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ในตลาด เนื่องจากบริษัทฯ มุ่งเน้นให้ลูกค้าทำรายการด้วยตนเองผ่านระบบอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก ส่งผลให้บริษัทฯ มีต้นทุนต่ำกว่าหากเปรียบเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์อื่น
3.) กลยุทธ์ด้านช่องทางการตลาด เน้นแผนการตลาดผ่านการโฆษณาทางช่องทางออนไลน์ เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มีพฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ตเป็นประจำ นอกจากนี้ ยังมีแผนการตลาดผ่านทางช่องทางออฟไลน์ด้วย อาทิ การออกบูธ การจัดสัมมนาให้ความรู้ และการโฆษณาผ่านช่องทางหนังสือพิมพ์ เป็นต้น และ
4.) กลยุทธ์ด้านกลุ่มลูกค้า โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯ จะเป็นกลุ่มนักลงทุนมีความรู้เกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและความรู้ด้านการลงทุน โดยเป็นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่อยู่ในกลุ่ม Generation X (อายุ 41-55 ปี) ซึ่งมีประสบการณ์ในการลงทุนสูง และในปัจจุบัน บริษัทฯ ได้วางแผนขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่ม Generation Y (อายุ 25-40 ปี) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตเป็นประจำ และหาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนด้วยตนเอง โดยเชื่อว่าจะทำให้บริษัทฯ มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น และจะกลายเป็นกลุ่มลูกค้าหลักต่อไปในอนาคต
นางสาวประวีนา ไหมรักษา หัวหน้ากลุ่มงานสนับสนุนงานผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ “การเป็นผู้นำในธุรกิจการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ในประเทศไทย ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความแตกต่างและมีคุณภาพ พร้อมมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างสมดุล” ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง สะท้อนจากผลประกอบการในปี 2562 – 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 251.53 ล้านบาท 398.15 ล้านบาท และ 719.80 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับงวด 6 เดือน ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 469.69 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 50.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากยอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 บริษัทฯ มียอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์อยู่ที่ 13,769 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 40.76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ สำหรับพอร์ตรายได้จากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2562 – 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากดอกเบี้ยฯ จำนวน 206.11 ล้านบาท 335.33 ล้านบาท และ 639.63 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นสัดส่วน 81.94% 84.22% และ 88.86% ของรายได้รวมตามลำดับ ส่งผลให้ในปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์สูงเป็นอันดับ 1 จากบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดในประเทศไทย และสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากดอกเบี้ยฯ จำนวน 430.38 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 91.64% ของรายได้รวม
ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2562 – 2564 เท่ากับ 7 ล้านบาท 45 ล้านบาท 261 ล้านบาท ตามลำดับ และสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ 2.69% ในปี 2562 11.22% ในปี 2563 36.30% ในปี 2564 และ 38.70% สำหรับงวด 6 เดือนปี 2565 ซึ่งบริษัทฯ สามารถทำอัตรากำไรสุทธิได้ในระดับสูง เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น การควบคุมค่าใช้จ่ายและต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ อัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ดังกล่าว ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมตลาดฯ, ค่าชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์, ค่าธรรมเนียมการกำกับดูแล และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
19/09/2022 16:58
“บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย)” โชว์ศักยภาพผู้นำให้บริการด้านบัญชีเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ดอกเบี้ยถูก ค่าคอมมิชชั่นต่ำ ชู 4 กลยุทธ์หลักเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน รุกสร้างความแตกต่างจากธุรกิจหลักทรัพย์อื่น พร้อมเดินหน้ายกระดับการเทรดด้วยเทคโนโลยีและองค์ความรู้จากญี่ปุ่น หนุนขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจหลักทรัพย์ด้านการให้บริการด้านบัญชีเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของไทย
นายเมกุมุ โมโตฮิสะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) หรือ Z เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ปี 2565 ยังคงอยู่ในสภาวะผันผวนจากปัจจัยการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เกิดขึ้นระลอกใหม่ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้ระดับราคาของสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ราคาทองคำ ราคาพลังงานปรับเพิ่มขึ้น เป็นแรงกดดันต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงภาวะเงินเฟ้อที่มีระดับสูงขึ้น อีกทั้งรายได้จากการท่องเที่ยวที่ยังต้องใช้ระยะเวลาในการจะกลับมาสู่ภาวะระดับเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น นับเป็นโอกาสของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ หรือเป็นโอกาสของนักลงทุนหน้าใหม่ที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะปัจจุบันสามารถเข้าถึงข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตได้อย่างไร้ขีดจำกัด รวมถึงกระบวนการต่างๆ ที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องออกจากสถานที่พักอาศัย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวส่งเสริมให้ตลาดการลงทุนมีการขยายตัว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ถือเป็นหนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ในประเทศไทย โดยได้เข้าเป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหมายเลข 10 ภายใต้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งให้บริการเฉพาะ 2 ประเภทบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ คือ 1) บัญชีเงินฝากล่วงหน้า (Cash Balance Account) และ 2) บัญชีเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Credit Balance Account) โดยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ในนาม Z เป็นหลัก ด้วยความพร้อมด้านประสบการณ์ และการมีแหล่งเงินทุนที่แข็งแกร่ง จากการที่บริษัทฯ มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ GMO Financial Holdings Inc. (GMOFHD) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ GMO Internet โดยทั้ง 2 บริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (Tokyo Stock Exchange: TSE)
สำหรับ GMOFHD มีการดำเนินธุรกิจในลักษณะ Holding Company โดยเน้นธุรกิจให้บริการทางการเงินได้แก่ การซื้อขายหลักทรัพย์ (Securities Trading) อัตราแลกเปลี่ยนทางการเงิน (Foreign Exchange Trading) และสินทรัพย์ดิจิทัล ครอบคลุมการให้บริการใน 4 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และประเทศไทย ซึ่งจากศักยภาพและความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจของผู้ถือหุ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นแก่ทุกภาคส่วน รวมถึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่บริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี
นายประกฤต ธัญวลัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมมุ่งมั่นให้บริการในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แม้ปัจจุบันจะมีบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการด้านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จำนวน 38 บริษัท ซึ่งมีการแข่งขันค่อนข้างสูงและใช้กลยุทธ์การแข่งขันด้านอัตราค่าธรรมเนียม
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตระหนักดีถึงความเสี่ยงดังกล่าว จึงได้มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจให้บริการเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เป็นหลัก ภายใต้แบรนด์ Z.com โดยได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จาก GMOFHD และนำมาประยุกต์และปรับใช้ให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศไทย จนกลายเป็นระบบเทคโนโลยี (Initial Margin Methodology) ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุน โดยบริษัทฯ สามารถคำนวณการปรับเกรดหุ้นเพื่อให้สามารถสะท้อนถึงคุณภาพของหลักทรัพย์ตามสถานการณ์ทุกวันได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ และมีจำนวนหลักทรัพย์ที่สามารถซื้อและ/หรือนำมาวางเป็นหลักประกันได้จำนวนมาก ส่งผลให้ในปัจจุบันบริษัทฯ มีรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เป็นรายได้หลัก ซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าบริษัทฯ จะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของไทยได้อย่างแน่นอน
“แม้จะเป็นบริษัทหลักทรัพย์ แต่บริษัทฯ มีความแตกต่างที่ไม่เหมือนธุรกิจหลักทรัพย์อื่นๆ ที่เน้นความสำคัญกับค่าคอมมิชชั่นหรือค่านายหน้า โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นรายได้จากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เป็นหลัก ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของเรา เพราะไม่ว่าปริมาณการซื้อขายจะมากหรือน้อย ตลาดหลักทรัพย์หยุดทำการหรือติดวันหยุดยาว ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ เนื่องจากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์สามารถสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ ได้ทุกวัน” นายประกฤต กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายเป็นบริษัทอันดับหนึ่งในธุรกิจการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ในประเทศไทย และขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจหลักทรัพย์ของประเทศไทย โดยใช้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1.) กลยุทธ์ด้านความหลากหลายของหลักทรัพย์ที่สามารถซื้อและนำมาวางเป็นหลักประกัน มุ่งเน้นธุรกิจการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Credit Balance) เป็นหลัก รวมถึงมีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้มาจากประเทศญี่ปุ่น สามารถนำมาประยุกต์และปรับใช้กับการดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศไทย
2.) กลยุทธ์ด้านอัตราค่าธรรมเนียม เพื่อดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ โดยการคิดอัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Commission Rate) ในอัตราร้อยละ 0.065* ซึ่งอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าว เป็นค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ในตลาด เนื่องจากบริษัทฯ มุ่งเน้นให้ลูกค้าทำรายการด้วยตนเองผ่านระบบอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก ส่งผลให้บริษัทฯ มีต้นทุนต่ำกว่าหากเปรียบเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์อื่น
3.) กลยุทธ์ด้านช่องทางการตลาด เน้นแผนการตลาดผ่านการโฆษณาทางช่องทางออนไลน์ เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มีพฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ตเป็นประจำ นอกจากนี้ ยังมีแผนการตลาดผ่านทางช่องทางออฟไลน์ด้วย อาทิ การออกบูธ การจัดสัมมนาให้ความรู้ และการโฆษณาผ่านช่องทางหนังสือพิมพ์ เป็นต้น และ
4.) กลยุทธ์ด้านกลุ่มลูกค้า โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯ จะเป็นกลุ่มนักลงทุนมีความรู้เกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและความรู้ด้านการลงทุน โดยเป็นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่อยู่ในกลุ่ม Generation X (อายุ 41-55 ปี) ซึ่งมีประสบการณ์ในการลงทุนสูง และในปัจจุบัน บริษัทฯ ได้วางแผนขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่ม Generation Y (อายุ 25-40 ปี) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตเป็นประจำ และหาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนด้วยตนเอง โดยเชื่อว่าจะทำให้บริษัทฯ มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น และจะกลายเป็นกลุ่มลูกค้าหลักต่อไปในอนาคต
นางสาวประวีนา ไหมรักษา หัวหน้ากลุ่มงานสนับสนุนงานผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ “การเป็นผู้นำในธุรกิจการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ในประเทศไทย ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความแตกต่างและมีคุณภาพ พร้อมมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างสมดุล” ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง สะท้อนจากผลประกอบการในปี 2562 – 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 251.53 ล้านบาท 398.15 ล้านบาท และ 719.80 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับงวด 6 เดือน ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 469.69 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 50.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากยอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 บริษัทฯ มียอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์อยู่ที่ 13,769 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 40.76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ สำหรับพอร์ตรายได้จากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2562 – 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากดอกเบี้ยฯ จำนวน 206.11 ล้านบาท 335.33 ล้านบาท และ 639.63 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นสัดส่วน 81.94% 84.22% และ 88.86% ของรายได้รวมตามลำดับ ส่งผลให้ในปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์สูงเป็นอันดับ 1 จากบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดในประเทศไทย และสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากดอกเบี้ยฯ จำนวน 430.38 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 91.64% ของรายได้รวม
ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2562 – 2564 เท่ากับ 7 ล้านบาท 45 ล้านบาท 261 ล้านบาท ตามลำดับ และสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ 2.69% ในปี 2562 11.22% ในปี 2563 36.30% ในปี 2564 และ 38.70% สำหรับงวด 6 เดือนปี 2565 ซึ่งบริษัทฯ สามารถทำอัตรากำไรสุทธิได้ในระดับสูง เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น การควบคุมค่าใช้จ่ายและต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ อัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ดังกล่าว ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมตลาดฯ, ค่าชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์, ค่าธรรมเนียมการกำกับดูแล และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
-
- Verified User
- โพสต์: 5620
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Z
โพสต์ที่ 7
วินัย + แผนการ + ลงรายละเอียด => ขุดหุ้น
fb fanpage : https://www.facebook.com/stockinvestigator
fb fanpage : https://www.facebook.com/stockinvestigator