ตลาดหุ้นไทย ไปต่อไม่ได้แล้ว

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
Peter1011
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 262
ผู้ติดตาม: 1

ตลาดหุ้นไทย ไปต่อไม่ได้แล้ว

โพสต์ที่ 1

โพสต์

จากที่เคยได้ยินคนอื่นบ่นแล้วไม่เชื่อ จนต้องมาเจอกับตนเอง การลงทุนที่เน้นคุณค่าในไทยมันคงจะจบที่รุ่นของผมครับ

อย่างแรก ผมขอแยกตลาดไทยเป็นสองฝั่ง ฝั่งที่ efficient และฝั่งที่ไม่ใช่ โดยผมสังเกตมานานแล้วว่าฝั่งที่ efficient จะมีราคาที่สะท้อนอนาคตไปแล้วและไม่สามารถทำผลตอบแทนได้อย่างตำ่ 7% ต่อปี เช่น
(1) หุ้นที่ P/E ตำ่ yield สูง: ทั้งหมดเป็นหุ้นคอมโมหรือหุ้นที่มีกำไรมีปันผลชั่วคราว ซื้อไปแล้วขาดทุนแน่นอน ราคาจะลงก่อน แล้วผลประกอบการลดปันผลก็จะลดตาม
(2) หุ้นที่มีคุณภาพดี: เช่นแบรนด์เก่าแก่ หุ้นมี moat มีของติดตลาดมายาวนาน พวกนี้มักมี P/E ที่เป็น 1X-2X และมี P/B ที่สูงกว่า 2 ปันผลก็อย่างมาก 4.5-5%
(3) หุ้นถูกเรื้อรัง: บางตัวราคาสะท้อนไปแล้วว่าเป็นตะวันตกดิน แต่ก็ยังมีบางตัวที่ยังทำกำไรได้ดี แต่ทำไมราคาไม่ไป นั่นก็เพราะว่า มี FF ตำ่ มีผถห.ใหญ่คุมอยู่ และมักจะมีนโยบายการจ่ายปันผลที่น้อยมาก (โดยที่จะเอื้อประโยชน์แก่ผู้บริหารซึ่งก็มักจะเป็นเจ้าของหรือผู้ก่อตั้ง ที่มีสัดส่วนการถือหุ้นที่มากกว่า 50%) หุ้นพวกนี้มักจะมีบริษัทย่อยที่ "ชอบมีปัญหา" แต่ก็ยังปล่อยกู้ให้พวกนี้อีก พอเป็นแบบนี้ราคาก็เลยสะท้อนไปแล้ว หุ้นกลุ่มนี้รวมไปถึงหุ้น asset play ด้วยครับที่เจ้อของไม่ยอมขายซักที ที่น่าตกใจคือมีบางกลุ่มที่ไปลงทุนในหุ้นพวกนี้ แช่งให้เจ้าของหรือผู้ก่อตั้งตายเร็วๆเพื่อที่จะให้ unlock asset ออกมาโดยรุ่นลูกหรือทายาท

กลุ่ม (1) และ (2) เวลาทำ conservative valuation (DCF) จะไม่มี margin of safety เหลือ ส่วนกลุ่ม (3) ทำไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะราคามันคงไม่ไปไหน ผมเคยเอาหุ้นกลุ่มที่ (3) ไปคุยกับหลายๆคน ก็จะได้คำตอบประมาณว่า
(a) สภาพคล่องมันไม่มี ระวังจะขายออกมาไม่ได้
(b) หุ้นนี้เจ้าของไม่มีทางจ่ายปันผลออกมาง่ายๆหรอก
(c) จะไปสู้กับเสียงของทางเจ้าของได้อย่างไร มัน unlock value ไม่ได้หรอก
(d) อย่าเสียเวลากับบริษัทพวกนี้ ไปหาหุ้น growth ดีกว่า (ที่เต็มมูลค่าไปแล้ว)

คราวนี้ก็ฝั่งที่ inefficient กันบ้าง อย่าหวังว่าหุ้นกลุ่มนี้จะถูก มันไม่มีหรอกครับ
(1) หุ้นปั่น พวกตัวเล็กและกลางทั้งหลาย
(2) หุ้นอาศัย story เหมือนว่าจะดีทำให้ P/E P/B สูงลิบลิ่ว แต่ก็สะดุดล้มจนได้ ช่วงปี 2015-22 มีอยู่ตั้งหลายกลุ่ม ลองไปดูครับ
(3) หุ้นที่มีคุณภาพดี แต่ดันโดน corner เช่น xOx, xH, xxxxL, xxLxx, xxLx, xxxxT, xxT, etc. บางตัวเป็นตัวคุมดัชนี

สาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ ผมคาดว่า
(1) มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาในตลาดมากขึ้นทั้ง VI (สังเกตจากงานที่มีคนจองอย่างล้นหลาม) และสายอื่น และแต่ละคนก็เก่งมาก ทำการบ้านมาอย่างดี
(2) ในขณะที่จำนวนหุ้นที่มีคุณภาพลดลงจากที่ประชากรไทยมีแนวโน้มที่จะลดลง เศรษฐกิจไทยไปต่อไม่ได้เนื่องจากไม่มี innovative products ที่จะไปแข่งกับชาติอื่นได้ แบบนี้มันทำให้เหมือนกับว่าหุ้นมันเป็นทรัพยากรจำกัดที่มีคนหลายๆคนกำลังแย่งกันอยู่

ดูสภาพโดยรวมแล้วคงจะถือยาวไม่ได้ คงจะต้องเล่นเก็งกำไรอย่างเดียว แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่อยากพูดอยู่ด้านเดียว ก็อยากจะเรียนเชิญท่านอื่นๆมา พูดคุย แลกเปลี่ยน โต้แย้ง ถกประเด็น กันครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3750
ผู้ติดตาม: 1

Re: ตลาดหุ้นไทย ไปต่อไม่ได้แล้ว

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ไม่รู้เหมือนกันครับ
เพราะผมไม่เก่ง
และดูเทรนด์อะไรไม่ออก

แต่จากประสบการณ์
หลายครั้งที่มีอาการ...
คล้ายจะจนแต้ม หรือ มืดแปดด้าน

ผมมักจะเจอหุ้นที่มัน mispriced ได้เรื่อยๆ
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <⁠(⁠ ̄⁠︶⁠ ̄⁠)⁠> ...
Bankun
Verified User
โพสต์: 12
ผู้ติดตาม: 1

Re: ตลาดหุ้นไทย ไปต่อไม่ได้แล้ว

โพสต์ที่ 3

โพสต์

คิดว่าจริง เพราะคนรุ่นใหม่มีค่านิยมรวยเร็วไม่ทำงานชอบเล่นโซเชียล
ทำให้ความรู้หาง่าย ทันกันหมด เชิงลึกไม่ต้องวิเคราะห์เอง มีผู้เก่งกว่าทำงานวิเคราะห์แข่งกันในหุ้นตัวเดียว เอามาเทียบได้
การถือนานกำไรหายหรือขาดทุนได้ ทั้งที่บริษัทยังโตตามที่ผบห.บอก เพราะราคาสะท้อนเร็วกว่า ตามด้วย premium จาก AI Trade
ดังนั้น VI เด้งเดียวก็อาจจะเก็บร้าน รอตลาด Y เข้าไปใหม่ มันก็กลายเป็น Trader ระยะกลาง+ยาวไป บางที SAP ก็โดนปาของใส่
ต้องเก็บแพงกว่าทุนเดิม เพราะกว่าจะเลือกบริษัทหนึ่งๆได้ มันยากกว่าเดิมมาก

แนวโน้ม VI รุ่นใหม่คงวิ่งไปที่หุ้น IPO ขนาดเล็ก กลาง โดยดู 5 force model (อยากเป็นเจ้าของกิจการเปลี่ยนชีวิต)
เก็บหลายตัวลดความเสียว ฟลุ๊กได้เยอะก็ใส่ลงไปหุ้นโบราณ(โต้ช้าแข็งแกร่ง)ประกันความเสี่ยงกันไป ซึ่งก็ต้องรอวิกฤตอีก

ส่วนตัวคิดว่าประเทศจะไปได้ไกลๆ คนทำงานและสะสมหุ้นต้องมากๆ คนเทรดฟูลไทม์ต้องน้อยๆ
ประเทศบนเขามีแต่พระคนทำงานไม่มี จนพระต้องมาปลูกข้าวเอง
ประเทศมีแต่คนเล่นเกมส์การเงิน ไม่มีคนทำผลผลิต วันหนึ่งคงต้องไปเทรดหุ้นตปท.กันหมด
Peter1011
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 262
ผู้ติดตาม: 1

Re: ตลาดหุ้นไทย ไปต่อไม่ได้แล้ว

โพสต์ที่ 4

โพสต์

Bankun เขียน:
พฤหัสฯ. มี.ค. 23, 2023 5:08 pm
คิดว่าจริง เพราะคนรุ่นใหม่มีค่านิยมรวยเร็วไม่ทำงานชอบเล่นโซเชียล
ตอนแรกผมจะเขียนแบบนี้แล้ว แต่ไม่กล้ากลัวโดนทัวร์ลง ผมเห็นคนรุ่นใหม่หลายๆคนแต่ไม่ใช่ทั้งหมด มีเงินจากพ่อแม่เอามาเล่นหุ้นหรือลงทุนแช่ยาวแล้วไม่ทำงานหวังกินเงินปันผล ส่งผลกระทบต่อ real sector อย่างยิ่ง

ใครเคยดู series อังกฤษ ที่ย้อนกลับไปในช่วง พ.ศ. 2470-80 เช่น Poirot Jeeves and Wooster และ Downton Abbey ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่มีชีวิตที่ดี แต่ไม่ได้ทำงาน แล้วเงินมาจากไหนหล่ะ? ก็เงินลงทุนและมรดกทั้งนั้น นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อังกฤษหมดความเป็นมหาอำนาจแล้วโดนอเมริกาแซง
Bankun เขียน:
พฤหัสฯ. มี.ค. 23, 2023 5:08 pm
เก็บหลายตัวลดความเสียว ฟลุ๊กได้เยอะก็ใส่ลงไปหุ้นโบราณ(โต้ช้าแข็งแกร่ง)ประกันความเสี่ยงกันไป ซึ่งก็ต้องรอวิกฤตอีก
แล้วก็ทำให้หุ้นพวกนี้ราคาเต็ม ผลตอบแทนตำ่มาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
Natty-9656
Verified User
โพสต์: 63
ผู้ติดตาม: 0

Re: ตลาดหุ้นไทย ไปต่อไม่ได้แล้ว

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ทุกวันนี้สิ่งที่สังเกตได้ง่ายๆคือหุ้น IPO ราคากระฉูดมาเหมือนคนเล่นเส้นจองได้ถือไว้รอขาย แล้วราคามันก็ค่อยๆเทมา บางทีก็เอาเงินมาปันผลใหม่มาปันผลผู้ถือหุ้นเดิม( ดูเป็นแบบนั้น )ทั้งๆที่เหตุผลหลักในการเข้าตลาดหุ้นควรเป็นการระดมทุนเพื่อไปจ่ายหนี้และเพื่อขยายกิจการ
ประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้นเดิม( และกรรมการ )พึงได้รับคืออย่ามาหวังกับราคาหุ้นที่จะขายไป แต่ให้ไปหวังที่กิจการดีและได้ปันผล บริษัทเติบโตมีมูลค่า

บางครั้งสงสัยว่าไปซื้อหุ้นแม่เพื่อจะไปจองซื้อหุ้นลูกกันใช่ไหม
ทุกวันนี้คิดว่าหุ้น 10 เด้งไม่มีแล้วแต่หุ้น 2 เด้งยังพอมีค่ะ( ความเชื่อส่วนบุคคล ) ทางเลือกเดียวที่มีคือขยันต่อไป หุ้นไทยไม่มีก็หาหุ้นที่อื่นเอาค่ะ
Peter1011
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 262
ผู้ติดตาม: 1

Re: ตลาดหุ้นไทย ไปต่อไม่ได้แล้ว

โพสต์ที่ 6

โพสต์

Peter1011 เขียน:
พุธ มี.ค. 15, 2023 5:34 pm
สาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ ผมคาดว่า
(1) มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาในตลาดมากขึ้นทั้ง VI (สังเกตจากงานที่มีคนจองอย่างล้นหลาม) และสายอื่น และแต่ละคนก็เก่งมาก ทำการบ้านมาอย่างดี
(2) ในขณะที่จำนวนหุ้นที่มีคุณภาพลดลงจากที่ประชากรไทยมีแนวโน้มที่จะลดลง เศรษฐกิจไทยไปต่อไม่ได้เนื่องจากไม่มี innovative products ที่จะไปแข่งกับชาติอื่นได้ แบบนี้มันทำให้เหมือนกับว่าหุ้นมันเป็นทรัพยากรจำกัดที่มีคนหลายๆคนกำลังแย่งกันอยู่
ขอเสริมต่อครับ สำหรับสาเหตุ หรือ สิ่งที่บ่งบอก เรื่องแบบนี้ ที่เขียนมาเอามาจากสิ่งที่เห็นและพบเจอ ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่ามันก็ยังจะไม่เหมือนกับสิ่งที่คนอื่นเห็น:

(1 ต่อ) รวมถึงข้อมูลดิบที่หาได้อย่างง่ายดาย ทุกอย่างถูกวิเคราะห์ด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ ทั้งงบ ข้อมูลบริษัท ข่าว IR และยังมีเพจการลงทุนที่เกิดใหม่นับไม่ถ้วนที่นำเสนอข้อมูลที่หลากหลาย

VI รุ่นใหม่นั้นเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน และที่สำคัญ รอบรู้ ตอนผมไปในงานสังสรรค์ ได้ลองไปแอบฟังหลายๆคนพูดกัน ผมทึ่งจริงๆ แต่ละคนรู้ลึกมาก โดยเฉพาะข้อมูลแนวโน้มอุตสาหกรรมต่างๆที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน ถ้าให้ไปแข่งลงทุนผมคงถูกคัดตกรอบก่อนที่จะเข้าไปแข่งอีก

(2 ต่อ) ในช่วงผ่านๆมาที่เศรษฐกิจดี เงินไหลมาเทมา ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้มีการนำกลับไปพัฒนาสร้าง innovation ใหม่ๆ (ไม่งั้นเราก็คงได้เห็น technology ของไทยที่ดังไปทั่วโลกแล้ว) ที่เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของไทย แต่ถูกนำไปเก็บไม่ว่าจะเป็นเงินออม กองทุน หุ้นกู้ หุ้น ทำให้เงินล้นระบบ สิ่งนี้ได้ทำให้มูลค่าของหุ้นไทยได้แพงขึ้นและเร็วกว่าอัตราการโตของคุณภาพหุ้นนั้นๆ

ยิ่งพวกพันธบัตร หุ้นกู้ หุ้น IPO ที่ขายหมดอย่างรวดเร็ว เพราะในสภาวะเงินล้นตลาด ดอกเบี้ยต่ำ (Did you know? หุ้นกู้ส่งผลส่วนหนึ่งให้กำไรแบงค์ไม่โต ก็เพราะว่าแทนที่บริษัทพวกนี้จะไปกู้แบงค์ซึ่งมีดอกเบี้ยที่สูงกว่า ก็มากู้พวกเราไงหล่ะที่มีดอกเบี้ยตำ่กว่า พวกเรามิหนำซำ้ยังโดน management fee ของกองทุน fixed income อีกด้วยทำให้ผลตอบแทนตำ่ลงไปอีก มีต่อข้างล่าง...) ก็เป็นปกติที่ทั้ง กองทุน รายใหญ่ นักลงทุน และ รายย่อย จะแย่งของกัน

(3) มีผลิตภัณท์ทางการเงินใหม่ๆที่มีความซับซ้อนเกิดขึ้น เช่น structure note, unit link, trigger fund ที่บางคนอาจจะไปลงทุนตามการชักชวนของพนักงานแบงค์โดยที่มองแต่ผลตอบแทนอย่างเดียว

ผมมองว่า การที่มีผลิตภัณท์ที่มีลูกเล่นซับซ้อนอาจบ่งบอกถึง ผลตอบแทนปัจจุบันในตลาดที่ตำ่มาก

(4) มีหนังสือที่เกี่ยวกับ VI และการลงทุน ออกมามากมายทำให้คนรู้จักมันเยอะมากขึ้น และติดภาพว่า การลงทุนแบบ VI นั้นจะทำให้มีอิสรภาพทางการเงิน หรือพูดง่ายๆว่า "รวยขึ้น" แต่การที่คนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นนั้นใช้วิธีลงทุนแบบ VI มันก็จะทำให้ผลตอบแทนนั้นตำ่ลง ไม่งั้นทุกคนก็คงจะรวยกันหมดแล้ว

(5) การปั่นสตอรี่ในตลาดหุ้นที่มีอยู่มากมาย รวมถึงบนเวปนี้ด้วย หลอกลวงคนที่ไม่ยอมทำการบ้าน หรือ ทำการบ้านไม่เต็มที่ ไปติดดอยหุ้นที่ "หุ้น growth ปลอม" รวมถึงการใช้เส้นสาย เล่นพรรคเล่นพวก ในการ corner หุ้น big cap หลายๆตัว ทำให้สภาพตลาดหุ้นไทยไม่ต่างไปจากบ่อน

(6) ผมไม่อยากเขียนข้อนี้ครับ เพราะมันค่อนข้างแรง

(ต่อเรื่องหุ้นกู้) มีบริษัทหนึ่ง (ไม่ใช่สายการบิน) ที่ออกหุ้นกู้ มีเรทติ้ง A+ investment grade แต่ดันมีความเสี่ยงมากกว่าหุ้นกู้บางตัวอีกที่มีเรทติ้งตำ่กว่า บริษัทนี้ชอบขาดทุนอยู่บ่อยครั้งจนขาดทุนสะสม ทั้งๆที่บริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันไม่มีขาดทุนสะสม บริษัทนี้อยู่ได้ด้วยการ roll-over หุ้นกู้ไปเรื่อยๆโดยมีสภาพไม่ต่างจากแชร์ลูกโซ่ ถ้าดอกขึ้นแล้วบริษัทไม่สามารถออกหุ้นกู้ หรือจ่ายดอกเบี้ยต่อไปได้ ก็จะเจ๊ง
โพสต์โพสต์