เงินหรือทรัพย์ที่ถือรอเพื่อเปลี่ยนเป็นหุ้น
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 186
- ผู้ติดตาม: 0
เงินหรือทรัพย์ที่ถือรอเพื่อเปลี่ยนเป็นหุ้น
โพสต์ที่ 1
ดร.นิเวศร์ถือหุ้นเต็มพอร์ตตลอด
บัฟเฟต ไม่ค่อยขายจนกว่าจะพบหุ้นที่ดีกว่า
เซียนในห้องนี้ บางท่านถือเงินสดรอเผื่อไว้ พร้อมกับราคาหุ้นที่หมายตาไว้จำนวนหนึ่ง ถ้าลงมาเป็นลุย
ขอถามด้วยตัวอย่างจริงของผมดังนี้
เมื่อ 3 ปีก่อน ได้แบ่งเงินออมไปซื้อหุ้นส่วนหนึ่ง ซื้อพันธบัติออมทรัพย์ช่วยชาติ อีกส่วนหนึ่งราว 2 ล้านบาท อายุ 10ปี ดอกเบี้ย 6.1% ต้องหักภาษี
ถือเงินสดให้มีพอใช้เพียง 6 เดือน อธิบายผบทบ.อยู่พักนึงและเอาหนังสือตีแตกให้อ่านว่าเป็นการลงทุนไม่ใช่พนัน
พอได้ศึกษามากขึ้นอ่านในเวปนี้มากขึ้น ก็พบว่า vi เป็นการลงทุนที่ไม่ได้เสี่ยงมาก และน่าจะได้ผลตอบแทนระยะยาว 10-12%(ไม่คาดหวังมากเท่าเซียนหลายๆท่าน) พอร์ตห้นก็ได้ผลดีกว่าพันธบัตร
การขายคืนจะทำให้มีการลดผลตอบแทนลงเหลือประมาณ 3.2% ต่อปี
และจะได้เงินภายใน 3 วันทำการ (ยิ่งถือยาวยิ่งได้ดอกเบี้ยเฉลี่ยมากขึ้น) แปลว่า ต้องยอมรับว่าที่คิดไว้เดิมตัดสินใจผิด ควรลงหุ้นแต่แรก เพราะถ้าขายตอนนี้ เท่ากับทำให้พอร์ตโดยรวมมีผลตอบแทนน้อยลงอีก
ดังนั้น เพื่อoptimize การลงทุน ควรใช้กลยุทธข้อใด
1. คงไว้อย่างเดิม ไม่ต้องคิดมาก ปลอดภัยอีกต่างหาก (+ผบทบ.ชอบข้อนี้)
2. ขายเลย ลงในหุ้น100%ตลอดเวลา ได้ผลดีกว่าอยู่แล้ว ข้อนี้มีรายละเอียดว่าถ้าหุ้นที่ชอบยังไม่ลงมาให้ซื้อจะยอมซื้อตัวอื่นที่ดีรองลงไปหรือไม่
3. รอให้หุ้นตกๆจริงๆ ก่อน แล้วค่อยขาย ไม่กี่วันก็ได้เงินแล้ว และยังได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นไปอยู่เรื่อยๆอีก หุ้นถ้าตกจริง มันต้องตกอยู่นานแหละ
ยาวหน่อย แต่อยากฟังความเห็นจากหลายท่าน
ทั้งท่านสุมาอี้ ท่านสามัญชน รวมทั้งท่านลูกอีสานด้วยครับ
บัฟเฟต ไม่ค่อยขายจนกว่าจะพบหุ้นที่ดีกว่า
เซียนในห้องนี้ บางท่านถือเงินสดรอเผื่อไว้ พร้อมกับราคาหุ้นที่หมายตาไว้จำนวนหนึ่ง ถ้าลงมาเป็นลุย
ขอถามด้วยตัวอย่างจริงของผมดังนี้
เมื่อ 3 ปีก่อน ได้แบ่งเงินออมไปซื้อหุ้นส่วนหนึ่ง ซื้อพันธบัติออมทรัพย์ช่วยชาติ อีกส่วนหนึ่งราว 2 ล้านบาท อายุ 10ปี ดอกเบี้ย 6.1% ต้องหักภาษี
ถือเงินสดให้มีพอใช้เพียง 6 เดือน อธิบายผบทบ.อยู่พักนึงและเอาหนังสือตีแตกให้อ่านว่าเป็นการลงทุนไม่ใช่พนัน
พอได้ศึกษามากขึ้นอ่านในเวปนี้มากขึ้น ก็พบว่า vi เป็นการลงทุนที่ไม่ได้เสี่ยงมาก และน่าจะได้ผลตอบแทนระยะยาว 10-12%(ไม่คาดหวังมากเท่าเซียนหลายๆท่าน) พอร์ตห้นก็ได้ผลดีกว่าพันธบัตร
การขายคืนจะทำให้มีการลดผลตอบแทนลงเหลือประมาณ 3.2% ต่อปี
และจะได้เงินภายใน 3 วันทำการ (ยิ่งถือยาวยิ่งได้ดอกเบี้ยเฉลี่ยมากขึ้น) แปลว่า ต้องยอมรับว่าที่คิดไว้เดิมตัดสินใจผิด ควรลงหุ้นแต่แรก เพราะถ้าขายตอนนี้ เท่ากับทำให้พอร์ตโดยรวมมีผลตอบแทนน้อยลงอีก
ดังนั้น เพื่อoptimize การลงทุน ควรใช้กลยุทธข้อใด
1. คงไว้อย่างเดิม ไม่ต้องคิดมาก ปลอดภัยอีกต่างหาก (+ผบทบ.ชอบข้อนี้)
2. ขายเลย ลงในหุ้น100%ตลอดเวลา ได้ผลดีกว่าอยู่แล้ว ข้อนี้มีรายละเอียดว่าถ้าหุ้นที่ชอบยังไม่ลงมาให้ซื้อจะยอมซื้อตัวอื่นที่ดีรองลงไปหรือไม่
3. รอให้หุ้นตกๆจริงๆ ก่อน แล้วค่อยขาย ไม่กี่วันก็ได้เงินแล้ว และยังได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นไปอยู่เรื่อยๆอีก หุ้นถ้าตกจริง มันต้องตกอยู่นานแหละ
ยาวหน่อย แต่อยากฟังความเห็นจากหลายท่าน
ทั้งท่านสุมาอี้ ท่านสามัญชน รวมทั้งท่านลูกอีสานด้วยครับ
เดินให้ถึงจุดหมาย
อย่างมีความสุข
อย่างมีความสุข
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
เงินหรือทรัพย์ที่ถือรอเพื่อเปลี่ยนเป็นหุ้น
โพสต์ที่ 2
มีคำถามว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะสองปีหลัง ผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นที่ทำได้เป็นยังไงบ้าง
ทุกปีมีเงินเหลือเพื่อลงทุนเพิ่มมากน้อยเท่าไหร่ ถ้ามากพออย่างสมมติ ปีละ 6, 7 แสน เงินสองล้านในพันธบัตรก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ
เป้าหมายในรูปผลตอบแทน และระยะเวลาเป็นยังไง
ผมก็ยังยึดกับการลงทุนโดยกระจายความเสื่ยง แต่อาจปรับน้ำหนักว่าปีนี้จะลงทุนในหุ้นในสัดส่วนมากขึ้นหรือน้อยลง การลงทุนแบบ Fixed Income หรือมีผลตอบแทนแน่นอน เป็นตัวช่วยลดความเสี่ยงที่ดี ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็สามารถมีผลตอบแทนออกมาจากส่วนนี้
บางครั้งเวลาดูตัวอย่างคนอื่นๆก็ระวังหน่อย อย่าง buffette ได้เงินเดือนหรือรายได้ที่ไม่ได้มาจากการลงทุนเท่าไหร่ อย่างด็อกเตอร์ที่ได้ยินมาได้ค่าลิขสิทธิ์จากหนังสือปีละหลายแสนบาท ค่าเป็นวิทยากรอีก ยังไม่รู้ว่ามีรายได้จากตำแหน่งงานอื่นๆอีกหรือเปล่า
อย่าง buffette ต่อให้เกิด black monday ชีวิตเขาก็คงไม่เดือดร้อน
ทุกปีมีเงินเหลือเพื่อลงทุนเพิ่มมากน้อยเท่าไหร่ ถ้ามากพออย่างสมมติ ปีละ 6, 7 แสน เงินสองล้านในพันธบัตรก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ
เป้าหมายในรูปผลตอบแทน และระยะเวลาเป็นยังไง
ผมก็ยังยึดกับการลงทุนโดยกระจายความเสื่ยง แต่อาจปรับน้ำหนักว่าปีนี้จะลงทุนในหุ้นในสัดส่วนมากขึ้นหรือน้อยลง การลงทุนแบบ Fixed Income หรือมีผลตอบแทนแน่นอน เป็นตัวช่วยลดความเสี่ยงที่ดี ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็สามารถมีผลตอบแทนออกมาจากส่วนนี้
บางครั้งเวลาดูตัวอย่างคนอื่นๆก็ระวังหน่อย อย่าง buffette ได้เงินเดือนหรือรายได้ที่ไม่ได้มาจากการลงทุนเท่าไหร่ อย่างด็อกเตอร์ที่ได้ยินมาได้ค่าลิขสิทธิ์จากหนังสือปีละหลายแสนบาท ค่าเป็นวิทยากรอีก ยังไม่รู้ว่ามีรายได้จากตำแหน่งงานอื่นๆอีกหรือเปล่า
อย่าง buffette ต่อให้เกิด black monday ชีวิตเขาก็คงไม่เดือดร้อน
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เงินหรือทรัพย์ที่ถือรอเพื่อเปลี่ยนเป็นหุ้น
โพสต์ที่ 3
[quote="suirya"]
ดังนั้น เพื่อoptimize การลงทุน ควรใช้กลยุทธข้อใด
1. คงไว้อย่างเดิม ไม่ต้องคิดมาก
ดังนั้น เพื่อoptimize การลงทุน ควรใช้กลยุทธข้อใด
1. คงไว้อย่างเดิม ไม่ต้องคิดมาก
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
เงินหรือทรัพย์ที่ถือรอเพื่อเปลี่ยนเป็นหุ้น
โพสต์ที่ 4
หากถามว่าต้องการ optimize เงินลงทุน
ผมก็ต้องเลือกข้อ 2 แน่นอนครับ
เพราะหุ้นมีโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนสูงที่สุด
เงินลงทุน คงเป็นเงินที่เราออมเพื่อหาดอกผล ไม่ใช่เงินที่กันเอาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือใช้ในยามฉุกเฉิน ดังนั้นการเลือกลงทุนในหุ้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ในแง่ความเสี่ยงหากลงทุนยาวในหุ้นที่ดี ความเสี่ยงก็น้อยมาก ในแง่สภาพคล่อง อยากขายหุ้นวันไหนก็ขายได้ทันที
ในแง่ที่ว่าควรหาจังหวะซื้อหุ้นที่ดีหรือเปล่า ถ้าอยากถือหุ้นดีมากๆ ถือยาวๆ ก็น่าจะเลือกเวลาซื้อ ให้ราคาถูกหน่อย แต่ถ้าไม่เรื่องมากอย่างผม ก็หาหุ้นที่ลงทุนได้ตลอดเวลาครับ เลยไม่เคยเหลือเงินสด :lol:
แต่ปีหน้าผมจะลองใช้วิธี timing ในการลงทุนบางส่วนครับ เผื่อจะเพิ่มผลตอบแทนพอร์ตได้บ้าง
อีกวิธีหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าจะลงทุนได้อย่างสบายใจ ก็อาจจะลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนแน่นอน และดอกผลนั้นก็ครอบคลุมรายจ่ายประจำของเรา ส่วนที่เหลือทั้งหมดเราก็ลงทุนในหุ้น อย่างนี้น่าจะสบายใจที่สุดครับ
ผมก็ต้องเลือกข้อ 2 แน่นอนครับ
เพราะหุ้นมีโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนสูงที่สุด
เงินลงทุน คงเป็นเงินที่เราออมเพื่อหาดอกผล ไม่ใช่เงินที่กันเอาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือใช้ในยามฉุกเฉิน ดังนั้นการเลือกลงทุนในหุ้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ในแง่ความเสี่ยงหากลงทุนยาวในหุ้นที่ดี ความเสี่ยงก็น้อยมาก ในแง่สภาพคล่อง อยากขายหุ้นวันไหนก็ขายได้ทันที
ในแง่ที่ว่าควรหาจังหวะซื้อหุ้นที่ดีหรือเปล่า ถ้าอยากถือหุ้นดีมากๆ ถือยาวๆ ก็น่าจะเลือกเวลาซื้อ ให้ราคาถูกหน่อย แต่ถ้าไม่เรื่องมากอย่างผม ก็หาหุ้นที่ลงทุนได้ตลอดเวลาครับ เลยไม่เคยเหลือเงินสด :lol:
แต่ปีหน้าผมจะลองใช้วิธี timing ในการลงทุนบางส่วนครับ เผื่อจะเพิ่มผลตอบแทนพอร์ตได้บ้าง
อีกวิธีหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าจะลงทุนได้อย่างสบายใจ ก็อาจจะลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนแน่นอน และดอกผลนั้นก็ครอบคลุมรายจ่ายประจำของเรา ส่วนที่เหลือทั้งหมดเราก็ลงทุนในหุ้น อย่างนี้น่าจะสบายใจที่สุดครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 186
- ผู้ติดตาม: 0
ขอบคุณครับ
โพสต์ที่ 5
ท่าน Boring Stock Lover
ผมให้ข้อมูลขาดไปครับ
ปีแรกได้ผลตอบแทน เกือบ 100% แต่ผมรับรุ้ว่าเป็นเพราะหุ้นกำลังขึ้น
ผมได้หาหุ้นโดยดูว่ากำไรติดกันหลายปี ไม่มีหนี้ ปันผลตลอด
P/Eต่ำ
อายนิดๆ ที่ต้องสารภาพว่า ไม่รู้ว่าบริษัททำธุรกิจอะไร หรือมีความได้เปรียบเชิงการแข่งขันหรือไม่ เช่น TR TMD TCB ซื้อจนขายไปแล้วยังต้องไปถามรุ่นน้องที่เป็นวิศวะ ว่า คาร์บอนแบลค มันเอาไว้ทำอะไร เรยอน ดียังไง ทำถังโลหะทำไมถึงกำไรอยู่ได้ยืนยาว
หลังจากนั้นก็แบ่งหุ้นเป็นสองพวก พวกหนึ่งตามที่โบรคแนะนำ ราคาขึ้นไปมากแล้ว เช่น stanly pf irc ยังคิดว่าเป็นพวกแวลูอยู่ กลุ่มนี้ขาดทุนมาก และทยอยขายไปเกือบหมดแล้ว
อีกพวกยังเป็นพวกdefensive เช่น อาหาร โรงพยาบาล ไฟฟ้า กลุ่มนี้ได้ปันผล และมีมูลค่าเพิ่มในตัว คือถือว่า ได้เท่ากับส่วนกลับของ P/E
พยายามหาพวกgrowth แต่จะมองช้า กว่าจะเข้าซื้อราคาก็ขึ้นไปแล้ว จนต้องสรุปว่า ตัวเองคาดผลตอบแทนได้ 10-12% เป็นที่มาของคำถามว่าถ้ามั่นใจก็ขายพันธบัตรให้เงิน อยู่ในหุ้น
ท่านลูกอีสาน เรื่องtiming พอดีวันนี้อ่าน หุ้นสามาญกับกำไรที่ไม่สามัญ ฟิชเชอร์สรุปว่า เขาเองจะใช้ความพยายามทั้งหมดในการหาหุ้นโตเร็ว ซึ่งจะคุ้มกว่าทำtiming (แต่สำหรับประเทศไทย คิดว่า ถ้าใครมีวงในชัวร์ ก็คงคุ้ม)
ท่านสุมาอี้ ขอถามเพิ่มว่า จากหลักลงทุนข้อ7 (หนังสือวัดมูลค่าหุ้นด้วยตนเอง) เงินส่วนใหญ่ควรอยู่ในหุ้นกับเงินสดตลอดเวลา เงินสดในที่นี่ของท่านสุมาอี้เป็นกี%ของพอร์ต
มีข้อคิดที่ดีจากทั้งสามท่านครับ
ผมให้ข้อมูลขาดไปครับ
ปีแรกได้ผลตอบแทน เกือบ 100% แต่ผมรับรุ้ว่าเป็นเพราะหุ้นกำลังขึ้น
ผมได้หาหุ้นโดยดูว่ากำไรติดกันหลายปี ไม่มีหนี้ ปันผลตลอด
P/Eต่ำ
อายนิดๆ ที่ต้องสารภาพว่า ไม่รู้ว่าบริษัททำธุรกิจอะไร หรือมีความได้เปรียบเชิงการแข่งขันหรือไม่ เช่น TR TMD TCB ซื้อจนขายไปแล้วยังต้องไปถามรุ่นน้องที่เป็นวิศวะ ว่า คาร์บอนแบลค มันเอาไว้ทำอะไร เรยอน ดียังไง ทำถังโลหะทำไมถึงกำไรอยู่ได้ยืนยาว
หลังจากนั้นก็แบ่งหุ้นเป็นสองพวก พวกหนึ่งตามที่โบรคแนะนำ ราคาขึ้นไปมากแล้ว เช่น stanly pf irc ยังคิดว่าเป็นพวกแวลูอยู่ กลุ่มนี้ขาดทุนมาก และทยอยขายไปเกือบหมดแล้ว
อีกพวกยังเป็นพวกdefensive เช่น อาหาร โรงพยาบาล ไฟฟ้า กลุ่มนี้ได้ปันผล และมีมูลค่าเพิ่มในตัว คือถือว่า ได้เท่ากับส่วนกลับของ P/E
พยายามหาพวกgrowth แต่จะมองช้า กว่าจะเข้าซื้อราคาก็ขึ้นไปแล้ว จนต้องสรุปว่า ตัวเองคาดผลตอบแทนได้ 10-12% เป็นที่มาของคำถามว่าถ้ามั่นใจก็ขายพันธบัตรให้เงิน อยู่ในหุ้น
ท่านลูกอีสาน เรื่องtiming พอดีวันนี้อ่าน หุ้นสามาญกับกำไรที่ไม่สามัญ ฟิชเชอร์สรุปว่า เขาเองจะใช้ความพยายามทั้งหมดในการหาหุ้นโตเร็ว ซึ่งจะคุ้มกว่าทำtiming (แต่สำหรับประเทศไทย คิดว่า ถ้าใครมีวงในชัวร์ ก็คงคุ้ม)
ท่านสุมาอี้ ขอถามเพิ่มว่า จากหลักลงทุนข้อ7 (หนังสือวัดมูลค่าหุ้นด้วยตนเอง) เงินส่วนใหญ่ควรอยู่ในหุ้นกับเงินสดตลอดเวลา เงินสดในที่นี่ของท่านสุมาอี้เป็นกี%ของพอร์ต
มีข้อคิดที่ดีจากทั้งสามท่านครับ
เดินให้ถึงจุดหมาย
อย่างมีความสุข
อย่างมีความสุข
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอบคุณครับ
โพสต์ที่ 6
[quote="suirya"]
ท่านสุมาอี้ ขอถามเพิ่มว่า
ท่านสุมาอี้ ขอถามเพิ่มว่า
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
เงินหรือทรัพย์ที่ถือรอเพื่อเปลี่ยนเป็นหุ้น
โพสต์ที่ 7
ผมว่าเรื่องที่ยากคือ การสร้างผลตอบแทนทบต้นสม่ำเสมอต่อเนี่อง อย่างถือหุ้นที่ให้ปันผล 10% ไม่ใช่ว่าเราจะได้ผลตอบแทนทบต้น 10%
จริงๆอยากถามว่า ถ้าไม่เอา 2 ล้านนั้นมาลง จะทำให้เป้าหมายเราล่าช้าไปกี่ปี
จริงๆอยากถามว่า ถ้าไม่เอา 2 ล้านนั้นมาลง จะทำให้เป้าหมายเราล่าช้าไปกี่ปี
-
- Verified User
- โพสต์: 593
- ผู้ติดตาม: 0
เงินหรือทรัพย์ที่ถือรอเพื่อเปลี่ยนเป็นหุ้น
โพสต์ที่ 8
มีกูรูท่านนีงสอนผมว่า " เป้าหมายของเราไม่ใช่การรวยเร็ว " :lol:
ถ้าคุณมาถูกทาง เงินลงทุนในสัดส่วนหุ้นที่มีอยู่แล้ว มันก็จะเติบโตไปเรื่อย ๆ ครับ
เอาเงินใหม่ ๆ ที่เราออมได้มาลงทุนเพิ่มดีกว่า
อย่าเอาเงินเก่าที่สะสมไว้แล้ว ที่มีความเสี่ยงต่ำมาเพิ่มเลย ถึงแม้ผลตอบแทนจะต่ำกว่า
ถ้าคุณมาถูกทาง เงินลงทุนในสัดส่วนหุ้นที่มีอยู่แล้ว มันก็จะเติบโตไปเรื่อย ๆ ครับ
เอาเงินใหม่ ๆ ที่เราออมได้มาลงทุนเพิ่มดีกว่า
อย่าเอาเงินเก่าที่สะสมไว้แล้ว ที่มีความเสี่ยงต่ำมาเพิ่มเลย ถึงแม้ผลตอบแทนจะต่ำกว่า
ต้องเรียนรู้ให้ได้
Li .. Zhi .. Ren
Li .. Zhi .. Ren
- Raphin Phraiwal
- Verified User
- โพสต์: 1342
- ผู้ติดตาม: 0
เงินหรือทรัพย์ที่ถือรอเพื่อเปลี่ยนเป็นหุ้น
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณครับTiger เขียน:มีกูรูท่านนีงสอนผมว่า " เป้าหมายของเราไม่ใช่การรวยเร็ว " :lol:
ถ้าคุณมาถูกทาง เงินลงทุนในสัดส่วนหุ้นที่มีอยู่แล้ว มันก็จะเติบโตไปเรื่อย ๆ ครับ
เอาเงินใหม่ ๆ ที่เราออมได้มาลงทุนเพิ่มดีกว่า
อย่าเอาเงินเก่าที่สะสมไว้แล้ว ที่มีความเสี่ยงต่ำมาเพิ่มเลย ถึงแม้ผลตอบแทนจะต่ำกว่า
รักในหลวงครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 186
- ผู้ติดตาม: 0
มั่นใจในหุ้นเพียงใด
โพสต์ที่ 10
ท่านBoring Stock Lover และท่านTiger
จริงด้วย ที่ผมไม่ได้คิดเรื่องตั้งเป้า จะถึงอิสระภาพทางการเงินในกี่ปี
ผมคิดเรื่อง optimize เงินลงทุน และแน่นอนว่าคำนึงถึงความเสี่ยงด้วย
กลับต้องมาถามใจดูว่ามั่นใจกับประโยค"ระยะยาวๆๆ แล้ว หุ้นทำได้ดีกว่าการลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้ โดยคิดความเสี่ยงลงไปแล้ว"
ถ้าเรามั่นใจ เราก็ไม่ต้องแบ่งพอร์ตให้กับตราสารหนี้หรือพันธบัตรอีก
แต่เราไปแบ่งพอร์ตในหุ้นแทน เข่นเราอาจซื้อพวกโรงไฟฟ้า อาหาร น้ำประปา หรือไปถือกองทุนหุ้นที่มักถือ blue chip ไว้บางส่วน
จริงด้วย ที่ผมไม่ได้คิดเรื่องตั้งเป้า จะถึงอิสระภาพทางการเงินในกี่ปี
ผมคิดเรื่อง optimize เงินลงทุน และแน่นอนว่าคำนึงถึงความเสี่ยงด้วย
กลับต้องมาถามใจดูว่ามั่นใจกับประโยค"ระยะยาวๆๆ แล้ว หุ้นทำได้ดีกว่าการลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้ โดยคิดความเสี่ยงลงไปแล้ว"
ถ้าเรามั่นใจ เราก็ไม่ต้องแบ่งพอร์ตให้กับตราสารหนี้หรือพันธบัตรอีก
แต่เราไปแบ่งพอร์ตในหุ้นแทน เข่นเราอาจซื้อพวกโรงไฟฟ้า อาหาร น้ำประปา หรือไปถือกองทุนหุ้นที่มักถือ blue chip ไว้บางส่วน
เดินให้ถึงจุดหมาย
อย่างมีความสุข
อย่างมีความสุข
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มั่นใจในหุ้นเพียงใด
โพสต์ที่ 11
[quote="suirya"]ท่านBoring Stock Lover และท่านTiger
จริงด้วย ที่ผมไม่ได้คิดเรื่องตั้งเป้า จะถึงอิสระภาพทางการเงินในกี่ปี
ผมคิดเรื่อง optimize เงินลงทุน และแน่นอนว่าคำนึงถึงความเสี่ยงด้วย
กลับต้องมาถามใจดูว่ามั่นใจกับประโยค"ระยะยาวๆๆ แล้ว หุ้นทำได้ดีกว่าการลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้
จริงด้วย ที่ผมไม่ได้คิดเรื่องตั้งเป้า จะถึงอิสระภาพทางการเงินในกี่ปี
ผมคิดเรื่อง optimize เงินลงทุน และแน่นอนว่าคำนึงถึงความเสี่ยงด้วย
กลับต้องมาถามใจดูว่ามั่นใจกับประโยค"ระยะยาวๆๆ แล้ว หุ้นทำได้ดีกว่าการลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้
- khun_parinya
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
เงินหรือทรัพย์ที่ถือรอเพื่อเปลี่ยนเป็นหุ้น
โพสต์ที่ 13
ผมถือแต่หุ้นครับ ไม่มีลงไว้กับอย่างอื่นเลย ส่วนเงินสดมีน้อยมาก เก็บไว้สำหรับซื้อขนมกินคับ :D