เกิดอะไรขึ้นกับ SPPT ครับ
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 1
เกิดอะไรขึ้นกับ SPPT ครับ
โพสต์ที่ 2
หลักทรัพย์ SPPT
หัวข้อข่าว การขึ้นเครื่องหมาย "H" หลักทรัพย์ SPPT
วันที่/เวลา 20 ต.ค. 2549 09:45:22
เรื่อง การขึ้นเครื่องหมาย "H"
หลักทรัพย์บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) "SPPT"
ตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย "H" หลักทรัพย์บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท
(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) "SPPT" เนื่องจากปรากฏสารสนเทศสำคัญเกี่ยวกับ
การคาดการณ์กำไรสุทธิ ไตรมาส 3 ปี 2549 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาวะการซื้อขาย
หลักทรัพย์ของบริษัท แต่ตลาดหลักทรัพย์ยังไม่ได้รับทราบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว
ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์จึงหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทเป็นการชั่วคราว
ตั้งแต่การซื้อขายภาคเช้าของวันที่ 20 ตุลาคม 2549 จนกว่าบริษัทจะได้ชี้แจงหรือเปิดเผย
สารสนเทศสำคัญดังกล่าวมายังตลาดหลักทรัพย์
หัวข้อข่าว การขึ้นเครื่องหมาย "H" หลักทรัพย์ SPPT
วันที่/เวลา 20 ต.ค. 2549 09:45:22
เรื่อง การขึ้นเครื่องหมาย "H"
หลักทรัพย์บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) "SPPT"
ตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย "H" หลักทรัพย์บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท
(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) "SPPT" เนื่องจากปรากฏสารสนเทศสำคัญเกี่ยวกับ
การคาดการณ์กำไรสุทธิ ไตรมาส 3 ปี 2549 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาวะการซื้อขาย
หลักทรัพย์ของบริษัท แต่ตลาดหลักทรัพย์ยังไม่ได้รับทราบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว
ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์จึงหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทเป็นการชั่วคราว
ตั้งแต่การซื้อขายภาคเช้าของวันที่ 20 ตุลาคม 2549 จนกว่าบริษัทจะได้ชี้แจงหรือเปิดเผย
สารสนเทศสำคัญดังกล่าวมายังตลาดหลักทรัพย์
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 1
เกิดอะไรขึ้นกับ SPPT ครับ
โพสต์ที่ 3
หาเจอต้นตอแล้วครับ
SPPT เชื่อมั่น Q3-4รายได้โตเพิ่ม โดย กระแสหุ้น
ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ทฯ เชื่อมั่นไตรมาส 3 รายได้เติบโต 25% และต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 4 รับฤดูกาลส่งออก มั่นใจโรงงานใหม่ที่จะเสร็จมีนาคมปีหน้าช่วยเพิ่มกำลังการผลิตและศักยภาพธุรกิจ โบรกฯมองหลายปัจจัยฉุดรายได้ลด แต่เชื่อมั่นปีหน้าสดใส แนะนำ ซื้อ
นาย ชาคริต เมธิกุลชนันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SPPT) ผู้ผลิตชิ้นส่วนโลหะเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตฮาร์ดดิสก์ กล่าวถึงคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 3ว่า มีแนวโน้มเติบโต 25% ส่งผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 35% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา โดยเชื่อมั่นอัตราเติบโตจะต่อเนื่องถึงไตรมาส 4/2549 เนื่องจากไตรมาส 3 และ 4 เป็นฤดูกาลส่งออกของกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งการอ่อนค่าของเงินเยน และการแข็งค่าของเงินบาท ยังส่งผลดีกับบริษัทฯ ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบลดลง เนื่องจากบริษัทฯ นำเข้าวัตถุดิบประเภทสแตนเลส และทองเหลืองจากประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนขยายกำลังการผลิต โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารโรงงานผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์และชิ้นส่วนอื่นๆ ที่มีความเที่ยงตรงสูงแห่งใหม่ ที่สวนอุตสาหกรรมอินทรา จังหวัดสิงห์บุรี รวมมูลค่า ประมาณ 80 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอยกว่า 5,000 ตารางเมตร และจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 6 เดือน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2550 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถขยายกำลังการผลิตจากเดิม 200 ล้านชิ้นต่อเดือน เป็น 250 ล้านชิ้นต่อเดือน เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้คาดว่า ในปี 2549 นี้ อุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟจะมีอัตราเติบโตที่ 12% และยังคงมีมูลค่าการส่งออกสูงสุดในหมวดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อันเป็นผลมาจากการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้มีการขยายการลงทุน และการลงทุนใหม่ๆ เพิ่ม ส่งผลให้ประเทศไทยยังคงดำรงสถานะป็นฐานการผลิตอันดับหนึ่งของโลก
โรงงานดังกล่าวจะสามารถขอรับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 8 ปี และได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นระยะเวลาอีก 5 ปี หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาส่งเสริมของ 8 ปีแรกแล้ว ทั้งนี้เพื่อรองรับการขยายงานของบริษัท และการเพิ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ให้หลากหลายยิ่งขึ้นในอนาคต นายชาคริต กล่าว
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่าสำหรับรายได้ปี 49 ของ SPPT ที่คาดว่าจะต่ำกว่าที่ผู้บริหารเคยตั้งเป้าไว้ที่ 720 ล้านบาทนั้น เป็นผลจากการที่เศรษฐกิจในยุโรปและอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดหลักของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เกิดการชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของประชาชน ขณะที่ HDD ขนาด 1 นิ้ว ที่เติบโตน้อยกว่าคาด เนื่องจากมีเทคโนโลยีอื่นมาทดแทน และยังได้รับผลกระทบจากการที่ Seagate เข้าซื้อกิจการ Maxtor และยกเลิกสายการผลิต HDD บางสายของ Maxtor รวมถึงการระบายสินค้าในสต็อก ซึ่งส่งผลกระทบต่อๆมายังผู้ผลิตในส่วนของชิ้นส่วนอุปกรณ์ด้วย นอกจากนี้การรับรู้รายได้จากธุรกิจ ใหม่คือจำหน่ายเครื่องจักรที่ใช้ในการแปรรูปขยะพลาสติกให้กลายเป็นน้ำมันดิบคาดว่าจะเลื่อนการรับรู้รายได้เป็นปี 50 จากเดิมที่คาดว่าจะสามารถรับรู้ได้ภายในปี 49
แม้ผลการดำเนินงานปี 49 ACLS คาดว่า SPPT จะมีกำไรปกติ 159 ล้านบาท ทรงตัว YoY จากรายได้ที่ทรงตัว YoY ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะลดลงจาก 28.6% ในปี 48 เป็น 27.7% ในปีนี้ เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบหลัก คือ สแตนเลสตีลที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึง SG&A/Sale ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น แต่จากรายได้อื่นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น YoY จึงคาดว่ากำไรปกติจะยังทรงตัวได้เมื่อเทียบ YoY แต่ปี 50 คาดว่ากำไรปกติจะ อยู่ที่ 194 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 22%YoY จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 43%YoY ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่คือจำหน่ายเครื่องจักรที่ใช้ในการแปรรูปขยะพลาสติกให้กลายเป็นน้ำมันดิบ รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 30.4% เนื่องจากธุรกิจใหม่มีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับที่สูงกว่าธุรกิจเดิม จึงให้คำแนะนำ ซื้อ