ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
- jody4003
- Verified User
- โพสต์: 372
- ผู้ติดตาม: 0
ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 1
เริ่มเล่นหุ้นแบบ VI เลย ไม่เคยเก็งกำไรมาก่อน ไม่เสียนิสัยเรื่องการเก็งกำไร
แต่มารู้ตัวทีหลังว่าที่จิงแล้วเราก็ไม่ใช่ VI แต่เป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่มันก็กำไรนะ
เพราะ VI คือ
ลงทุนในสิ่งที่ undervalue - แต่ก่อนที่คิดว่าเป็น vi เพราะคิดว่ารู้ว่า undervalue คิดว่าศึกษามาอย่างดี แต่ที่จริงแล้ว......พอเริ่มทำธุรกิจเองถึงได้รู้ว่า ไอ้ที่เราศึกษาเรื่องบ.จดทะเบียนจาก 56-1, anual report และ balance sheet P/L นี่ มันเป็นแค่เปลือกที่บอกเราคร่าวๆเกี่ยวกับบริษัทเท่านั้นเอง ว่าง่ายๆ ผมพึ่งจะรู้ตัวว่าผมยังไม่เข้าข่าย "เข้าใจในกิจการที่คุณลงทุนเป็นอย่างดี" เพราะคำว่า "อย่างดี" นี่ ถ้าไม่ได้เข้าไปนั่งใน boardบริหาร หรือขยันทำการบ้านแบบท่านอื่นๆ ผมมองว่า ไม่มีทางที่ผมจะมองเห็นธุรกิจที่ลงทุนได้อย่าง"ทะลุปรุโปร่ง"
ตอนนี้ก็เลยไม่สถาปณาตัวเองว่า VI อีกแล้ว เหอๆ
อื่ม ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
แต่มารู้ตัวทีหลังว่าที่จิงแล้วเราก็ไม่ใช่ VI แต่เป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่มันก็กำไรนะ
เพราะ VI คือ
ลงทุนในสิ่งที่ undervalue - แต่ก่อนที่คิดว่าเป็น vi เพราะคิดว่ารู้ว่า undervalue คิดว่าศึกษามาอย่างดี แต่ที่จริงแล้ว......พอเริ่มทำธุรกิจเองถึงได้รู้ว่า ไอ้ที่เราศึกษาเรื่องบ.จดทะเบียนจาก 56-1, anual report และ balance sheet P/L นี่ มันเป็นแค่เปลือกที่บอกเราคร่าวๆเกี่ยวกับบริษัทเท่านั้นเอง ว่าง่ายๆ ผมพึ่งจะรู้ตัวว่าผมยังไม่เข้าข่าย "เข้าใจในกิจการที่คุณลงทุนเป็นอย่างดี" เพราะคำว่า "อย่างดี" นี่ ถ้าไม่ได้เข้าไปนั่งใน boardบริหาร หรือขยันทำการบ้านแบบท่านอื่นๆ ผมมองว่า ไม่มีทางที่ผมจะมองเห็นธุรกิจที่ลงทุนได้อย่าง"ทะลุปรุโปร่ง"
ตอนนี้ก็เลยไม่สถาปณาตัวเองว่า VI อีกแล้ว เหอๆ
อื่ม ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 2
ผมไม่เคยเก็งกำไร แต่ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นวีไอjody4003 เขียน:เริ่มเล่นหุ้นแบบ VI เลย ไม่เคยเก็งกำไรมาก่อน ไม่เสียนิสัยเรื่องการเก็งกำไร
แต่มารู้ตัวทีหลังว่าที่จิงแล้วเราก็ไม่ใช่ VI แต่เป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่มันก็กำไรนะ
เพราะ VI คือ
ลงทุนในสิ่งที่ undervalue - แต่ก่อนที่คิดว่าเป็น vi เพราะคิดว่ารู้ว่า undervalue คิดว่าศึกษามาอย่างดี แต่ที่จริงแล้ว......พอเริ่มทำธุรกิจเองถึงได้รู้ว่า ไอ้ที่เราศึกษาเรื่องบ.จดทะเบียนจาก 56-1, anual report และ balance sheet P/L นี่ มันเป็นแค่เปลือกที่บอกเราคร่าวๆเกี่ยวกับบริษัทเท่านั้นเอง ว่าง่ายๆ ผมพึ่งจะรู้ตัวว่าผมยังไม่เข้าข่าย "เข้าใจในกิจการที่คุณลงทุนเป็นอย่างดี" เพราะคำว่า "อย่างดี" นี่ ถ้าไม่ได้เข้าไปนั่งใน boardบริหาร หรือขยันทำการบ้านแบบท่านอื่นๆ ผมมองว่า ไม่มีทางที่ผมจะมองเห็นธุรกิจที่ลงทุนได้อย่าง"ทะลุปรุโปร่ง"
ตอนนี้ก็เลยไม่สถาปณาตัวเองว่า VI อีกแล้ว เหอๆ
อื่ม ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
A Cynic Knows the Price of Everything and the Value of Nothing
-Oscar Wilde, Lady Windemeres Fan
-Oscar Wilde, Lady Windemeres Fan
- tattoo_thai
- Verified User
- โพสต์: 291
- ผู้ติดตาม: 0
ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 6
ผมไม่ใช่ VI ครับเพราะยังไม่ได้ลงทุน แต่ผมคิดว่าไม่มีใครที่จะสามารถที่จะรู้ทะลุปรุโปร่งหรอกครับ ไม่อย่างนั้นพวกนักบัญชี ผู้ตรวจสอบบัญชี ก็ร่ำรวยจากตลาดหุ้นกันไปหมดแล้วนะครับ แต่อย่างน้อยงบการเงินก็สามารถบอกคร่าวๆได้ว่าในอดีตที่ผ่านมา กิจการนั้นมีผลประกอบการเป็นเช่นไรนะครับ
อีกอย่างการทำธุรกิจส่วนตัวนั้น จากประสบการณ์ของผมเอง มันยากกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นหลายเท่าตัวนัก ผมคิดว่าบริษัทเปิดใหม่ น้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ที่จะอยู่รอดเกิน 3 ปี ( ผมก็ไม่รอดครับ 8) ) ส่วนที่จะอยู่รอดเกิน 5 ปี ยิ่งน้อยเข้าไปอีก อีกทั้งยังต้องทุ่มเทพลังในการทำงานอย่างมหาศาล เรียกได้ว่าทุกวัน จันทร์ถึงอาทิตย์คือวันทำงานครับ
แต่ยังไงก็ขอให้คุณประสบความสำเร็จกับธุรกิจส่วนตัวนะครับ :D
อีกอย่างการทำธุรกิจส่วนตัวนั้น จากประสบการณ์ของผมเอง มันยากกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นหลายเท่าตัวนัก ผมคิดว่าบริษัทเปิดใหม่ น้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ที่จะอยู่รอดเกิน 3 ปี ( ผมก็ไม่รอดครับ 8) ) ส่วนที่จะอยู่รอดเกิน 5 ปี ยิ่งน้อยเข้าไปอีก อีกทั้งยังต้องทุ่มเทพลังในการทำงานอย่างมหาศาล เรียกได้ว่าทุกวัน จันทร์ถึงอาทิตย์คือวันทำงานครับ
แต่ยังไงก็ขอให้คุณประสบความสำเร็จกับธุรกิจส่วนตัวนะครับ :D
- jody4003
- Verified User
- โพสต์: 372
- ผู้ติดตาม: 0
ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 8
[quote="tattoo_thai"]ผมไม่ใช่ VI ครับเพราะยังไม่ได้ลงทุน แต่ผมคิดว่าไม่มีใครที่จะสามารถที่จะรู้ทะลุปรุโปร่งหรอกครับ ไม่อย่างนั้นพวกนักบัญชี ผู้ตรวจสอบบัญชี ก็ร่ำรวยจากตลาดหุ้นกันไปหมดแล้วนะครับ แต่อย่างน้อยงบการเงินก็สามารถบอกคร่าวๆได้ว่าในอดีตที่ผ่านมา กิจการนั้นมีผลประกอบการเป็นเช่นไรนะครับ
อีกอย่างการทำธุรกิจส่วนตัวนั้น จากประสบการณ์ของผมเอง มันยากกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นหลายเท่าตัวนัก ผมคิดว่าบริษัทเปิดใหม่ น้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ที่จะอยู่รอดเกิน 3 ปี ( ผมก็ไม่รอดครับ
อีกอย่างการทำธุรกิจส่วนตัวนั้น จากประสบการณ์ของผมเอง มันยากกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นหลายเท่าตัวนัก ผมคิดว่าบริษัทเปิดใหม่ น้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ที่จะอยู่รอดเกิน 3 ปี ( ผมก็ไม่รอดครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 11
คุณไม่มีวันรู้หมดหรอก
เหมือน BECL ที่วิเคราะห์ได้ง่ายๆนะ ก่อนลงทุน จะต้องรู้ไหมว่า Queueing System คำนวณยังไง หรือ ก่อสร้างโค้งนี้ต้องมีองศาต่างๆเท่าไหร่
ถ้าให้รู้หมดทุกอย่างของทุกบริษัทที่ลงทุน W. Buffet ก็คงไม่ใช่ VI อ่ะ
สิ่งที่ VI ต้องทำคือหา Model ของกิจการ ส่วนใหญ่ก็สร้าง Model เอง ยิ่งมีความเข้าใจในธุรกิจสูง Model ก็ยิ่งซับซ้อนและแม่นยำมากขึ้น ถ้าได้ว่า Value > Cost ก็ค่อยคิดจะซื้อ
จุดสำคัญสุดของการเป็น VI คือ Attitude ไม่ใช่ผลตอบแทนว่ากี่ %
คนได้เป็น 100% แต่ลอกหุ้นมาหมดเลยว่า เซียนคนนี้ซื้อขายเมื่อไหร่ ผมว่าสู้คนขาดทุนที่ศึกษาบริษัทเองไม่ได้ ชีวิตการลงทุนนะเป็น 10ๆปี คนที่ยึดมั่นกับหลักการและเชื่อมั่นในตัวเองเท่านั้น ที่จะอยู่รอดได้
จริงๆ คุณ jody4003 ไม่เป็น VI เองก็ดีแล้ว เดี๋ยวรอผมเปิด Private Fund เองก่อน มาเป็นลูกค้าด้วยนะ อีกซัก 3-5 ปีคงทำได้ รอไปก่อน
เหมือน BECL ที่วิเคราะห์ได้ง่ายๆนะ ก่อนลงทุน จะต้องรู้ไหมว่า Queueing System คำนวณยังไง หรือ ก่อสร้างโค้งนี้ต้องมีองศาต่างๆเท่าไหร่
ถ้าให้รู้หมดทุกอย่างของทุกบริษัทที่ลงทุน W. Buffet ก็คงไม่ใช่ VI อ่ะ
สิ่งที่ VI ต้องทำคือหา Model ของกิจการ ส่วนใหญ่ก็สร้าง Model เอง ยิ่งมีความเข้าใจในธุรกิจสูง Model ก็ยิ่งซับซ้อนและแม่นยำมากขึ้น ถ้าได้ว่า Value > Cost ก็ค่อยคิดจะซื้อ
จุดสำคัญสุดของการเป็น VI คือ Attitude ไม่ใช่ผลตอบแทนว่ากี่ %
คนได้เป็น 100% แต่ลอกหุ้นมาหมดเลยว่า เซียนคนนี้ซื้อขายเมื่อไหร่ ผมว่าสู้คนขาดทุนที่ศึกษาบริษัทเองไม่ได้ ชีวิตการลงทุนนะเป็น 10ๆปี คนที่ยึดมั่นกับหลักการและเชื่อมั่นในตัวเองเท่านั้น ที่จะอยู่รอดได้
จริงๆ คุณ jody4003 ไม่เป็น VI เองก็ดีแล้ว เดี๋ยวรอผมเปิด Private Fund เองก่อน มาเป็นลูกค้าด้วยนะ อีกซัก 3-5 ปีคงทำได้ รอไปก่อน
I do not sleep. I dream.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 12
ผมว่า vi คือการลงทุนที่เห็นว่าคุณค่าในมุมมองของผู้ลงทุน มีค่ามากกว่าราคาที่อยู่ในตลาด
การที่เรารู้ธุรกิจของบริษัทนั้นละเอียดมากๆ ทำให้เรารู้มูลค่าของบริษัทนั้นๆ ชัดขึ้น
การที่รู้น้อยก็ทำให้เราเห็นภาพลางๆ ตีค่าลำบาก
ผมชอบไม่ค่อยสนใจว่าภาพจะลางๆ หรือ ชัดๆ ตราบใดที่มันยังมีมูลค่าสูงกว่าราคาตลาดแล้วผมสามารถซื้อในราคาที่รับได้
เพียงแต่
ถ้าภาพชัดมาก ผมก็ยิ่งสบายใจ อาจไม่ต่อรองราคามากนัก (ความเสี่ยงน้อยหน่อย)
ถ้าภาพชัดน้อย ผมก็อาจต้องต่อรองราคามากขึ้น (ความเสี่ยงมากต้องมี risk premium มาหน่อย)
ถ้ารู้มาก โอกาสก็มาก โอกาสผิดพลาดก็น้อยลงครับ
ผมชอบคำพูดในหนังสือ ของคุณสุมาอี้ครับ
ประมาณๆนี้ครับ
I prefer to be roughly right than precisely wrong.
การที่เรารู้ธุรกิจของบริษัทนั้นละเอียดมากๆ ทำให้เรารู้มูลค่าของบริษัทนั้นๆ ชัดขึ้น
การที่รู้น้อยก็ทำให้เราเห็นภาพลางๆ ตีค่าลำบาก
ผมชอบไม่ค่อยสนใจว่าภาพจะลางๆ หรือ ชัดๆ ตราบใดที่มันยังมีมูลค่าสูงกว่าราคาตลาดแล้วผมสามารถซื้อในราคาที่รับได้
เพียงแต่
ถ้าภาพชัดมาก ผมก็ยิ่งสบายใจ อาจไม่ต่อรองราคามากนัก (ความเสี่ยงน้อยหน่อย)
ถ้าภาพชัดน้อย ผมก็อาจต้องต่อรองราคามากขึ้น (ความเสี่ยงมากต้องมี risk premium มาหน่อย)
ถ้ารู้มาก โอกาสก็มาก โอกาสผิดพลาดก็น้อยลงครับ
ผมชอบคำพูดในหนังสือ ของคุณสุมาอี้ครับ
ประมาณๆนี้ครับ
I prefer to be roughly right than precisely wrong.
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 13
น่าจะทำให้คนเข้าใจVIมากขึ้นViewtiful Investor เขียน:คุณไม่มีวันรู้หมดหรอก
เหมือน BECL ที่วิเคราะห์ได้ง่ายๆนะ ก่อนลงทุน จะต้องรู้ไหมว่า Queueing System คำนวณยังไง หรือ ก่อสร้างโค้งนี้ต้องมีองศาต่างๆเท่าไหร่
ถ้าให้รู้หมดทุกอย่างของทุกบริษัทที่ลงทุน W. Buffet ก็คงไม่ใช่ VI อ่ะ
สิ่งที่ VI ต้องทำคือหา Model ของกิจการ ส่วนใหญ่ก็สร้าง Model เอง ยิ่งมีความเข้าใจในธุรกิจสูง Model ก็ยิ่งซับซ้อนและแม่นยำมากขึ้น ถ้าได้ว่า Value > Cost ก็ค่อยคิดจะซื้อ
จุดสำคัญสุดของการเป็น VI คือ Attitude ไม่ใช่ผลตอบแทนว่ากี่ %
คนได้เป็น 100% แต่ลอกหุ้นมาหมดเลยว่า เซียนคนนี้ซื้อขายเมื่อไหร่ ผมว่าสู้คนขาดทุนที่ศึกษาบริษัทเองไม่ได้ ชีวิตการลงทุนนะเป็น 10ๆปี คนที่ยึดมั่นกับหลักการและเชื่อมั่นในตัวเองเท่านั้น ที่จะอยู่รอดได้
คุณๆรู้ไหมคำว่า BUSINESS MODELของบริษัท คืออะไร เข้าใจมันได้ เข้าใจถึงส่วนอื่นๆในบริษัทแน่นอน
คุณ VI น่าจะเป็น Fund Managerที่เก่งแน่ๆในอนาคต เมื่อผมเบื่อลงทุนเองแล้วจะเอาเงินไปฝากลงทุนด้วย
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 15
ผมก็รู้ไม่มากเท่าไรหรอกครับ เพียงแต่เมื่อมีส่วนไม่รู้ ก็ขอเป็นส่วนที่กระทบต่อบริษัทไม่มากนัก และลงทุนในราคาที่มีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย ( Margin of Safety) เยอะหน่อยครับjody4003 เขียน:ผมว่า คำว่า ทะลุปรุโปร่งเนี่ย ยกตัวอย่าง ประมาณ คุณ chatchai เข้าใจ WG
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 307
- ผู้ติดตาม: 0
ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 16
ผมคิดว่า กิจการที่ไม่ต้องประสบกับการ "ประทะ" กับใครต่อใครเป็นครั้งคราวนั้น
บางครั้งอาจจะหมายถึงว่ากิจการนั้นอาจจะไม่โดดเด่นหรือเติบโตพอที่จะทำให้น่าสนใจลงทุน
และทุกครั้งที่ผมได้ยินข่าวว่าวอลมาร์ทถูกต่อต้าน ไมโครซอพท์ถูกฟ้อง โค๊กถูกโจมตี
ผมก็มักจะบอกกับตัวเองว่า "มันก็เป็นอย่างนั้นเอง"
ขอยกข้อความตอนท้ายในบทความ " สงครามระหว่างคู่ค้า " ของ คร.นิเวศน์ มาเปรียบ
แสดงว่า เวปนี้กำลังเติบโตนะผมว่า สู้ต่อไปเถิด เหล่า VI :welcome:
(เกี่ยวกันไหมเนี่ย )
บางครั้งอาจจะหมายถึงว่ากิจการนั้นอาจจะไม่โดดเด่นหรือเติบโตพอที่จะทำให้น่าสนใจลงทุน
และทุกครั้งที่ผมได้ยินข่าวว่าวอลมาร์ทถูกต่อต้าน ไมโครซอพท์ถูกฟ้อง โค๊กถูกโจมตี
ผมก็มักจะบอกกับตัวเองว่า "มันก็เป็นอย่างนั้นเอง"
ขอยกข้อความตอนท้ายในบทความ " สงครามระหว่างคู่ค้า " ของ คร.นิเวศน์ มาเปรียบ
แสดงว่า เวปนี้กำลังเติบโตนะผมว่า สู้ต่อไปเถิด เหล่า VI :welcome:
(เกี่ยวกันไหมเนี่ย )
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 19
8) ชื่อนั้นสำคัญไฉนjody4003 เขียน: เริ่มเล่นหุ้นแบบ VI เลย ไม่เคยเก็งกำไรมาก่อน ไม่เสียนิสัยเรื่องการเก็งกำไร
แต่มารู้ตัวทีหลังว่าที่จิงแล้วเราก็ไม่ใช่ VI แต่เป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่มันก็กำไรนะ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 20
รู้มาก คือไม่เสี่ยงsunrise เขียน:ผมว่า vi คือการลงทุนที่เห็นว่าคุณค่าในมุมมองของผู้ลงทุน มีค่ามากกว่าราคาที่อยู่ในตลาด
การที่เรารู้ธุรกิจของบริษัทนั้นละเอียดมากๆ ทำให้เรารู้มูลค่าของบริษัทนั้นๆ ชัดขึ้น
การที่รู้น้อยก็ทำให้เราเห็นภาพลางๆ ตีค่าลำบาก
ผมชอบไม่ค่อยสนใจว่าภาพจะลางๆ หรือ ชัดๆ ตราบใดที่มันยังมีมูลค่าสูงกว่าราคาตลาดแล้วผมสามารถซื้อในราคาที่รับได้
เพียงแต่
ถ้าภาพชัดมาก ผมก็ยิ่งสบายใจ อาจไม่ต่อรองราคามากนัก (ความเสี่ยงน้อยหน่อย)
ถ้าภาพชัดน้อย ผมก็อาจต้องต่อรองราคามากขึ้น (ความเสี่ยงมากต้องมี risk premium มาหน่อย)
ถ้ารู้มาก โอกาสก็มาก โอกาสผิดพลาดก็น้อยลงครับ
ผมชอบคำพูดในหนังสือ ของคุณสุมาอี้ครับ
ประมาณๆนี้ครับ
I prefer to be roughly right than precisely wrong.
รู้น้อย คือเสี่ยง
นี่ละประเด็นผมเลย ...
- domedare
- Verified User
- โพสต์: 14
- ผู้ติดตาม: 0
ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 21
ผมชักไม่แน่ใจ ว่าผมเป็น VI หรือเปล่า แต่ผมแบ่งพอร์ต 50 % ซื้อลงทุนและติดตามผลประกอบการ และซื้อเพิ่มบ้าง ส่วนอีก 50 % ไว้ซื้อหุ้นเก็งกำไรครับ
มีหุ้นที่ผมซื้ออยู่ในร้อยคนร้อยหุ้นด้วยเลยทำให้หาข้อมูลได้ง่ายขึ้น
ขอบคุณพี่ทุกๆๆคนที่ช่วยหาข้อมูลมาให้ครับ
ขอบคุณครับ
มีหุ้นที่ผมซื้ออยู่ในร้อยคนร้อยหุ้นด้วยเลยทำให้หาข้อมูลได้ง่ายขึ้น
ขอบคุณพี่ทุกๆๆคนที่ช่วยหาข้อมูลมาให้ครับ
ขอบคุณครับ
- jody4003
- Verified User
- โพสต์: 372
- ผู้ติดตาม: 0
ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 24
[quote="Viewtiful Investor"]คุณไม่มีวันรู้หมดหรอก
เหมือน BECL ที่วิเคราะห์ได้ง่ายๆนะ ก่อนลงทุน จะต้องรู้ไหมว่า Queueing System คำนวณยังไง หรือ ก่อสร้างโค้งนี้ต้องมีองศาต่างๆเท่าไหร่
ถ้าให้รู้หมดทุกอย่างของทุกบริษัทที่ลงทุน W. Buffet ก็คงไม่ใช่ VI อ่ะ
สิ่งที่ VI ต้องทำคือหา Model ของกิจการ ส่วนใหญ่ก็สร้าง Model เอง ยิ่งมีความเข้าใจในธุรกิจสูง Model ก็ยิ่งซับซ้อนและแม่นยำมากขึ้น ถ้าได้ว่า Value > Cost ก็ค่อยคิดจะซื้อ
จุดสำคัญสุดของการเป็น VI คือ Attitude ไม่ใช่ผลตอบแทนว่ากี่ %
คนได้เป็น 100% แต่ลอกหุ้นมาหมดเลยว่า เซียนคนนี้ซื้อขายเมื่อไหร่ ผมว่าสู้คนขาดทุนที่ศึกษาบริษัทเองไม่ได้ ชีวิตการลงทุนนะเป็น 10ๆปี คนที่ยึดมั่นกับหลักการและเชื่อมั่นในตัวเองเท่านั้น ที่จะอยู่รอดได้
จริงๆ คุณ jody4003 ไม่เป็น VI เองก็ดีแล้ว เดี๋ยวรอผมเปิด Private Fund เองก่อน มาเป็นลูกค้าด้วยนะ
เหมือน BECL ที่วิเคราะห์ได้ง่ายๆนะ ก่อนลงทุน จะต้องรู้ไหมว่า Queueing System คำนวณยังไง หรือ ก่อสร้างโค้งนี้ต้องมีองศาต่างๆเท่าไหร่
ถ้าให้รู้หมดทุกอย่างของทุกบริษัทที่ลงทุน W. Buffet ก็คงไม่ใช่ VI อ่ะ
สิ่งที่ VI ต้องทำคือหา Model ของกิจการ ส่วนใหญ่ก็สร้าง Model เอง ยิ่งมีความเข้าใจในธุรกิจสูง Model ก็ยิ่งซับซ้อนและแม่นยำมากขึ้น ถ้าได้ว่า Value > Cost ก็ค่อยคิดจะซื้อ
จุดสำคัญสุดของการเป็น VI คือ Attitude ไม่ใช่ผลตอบแทนว่ากี่ %
คนได้เป็น 100% แต่ลอกหุ้นมาหมดเลยว่า เซียนคนนี้ซื้อขายเมื่อไหร่ ผมว่าสู้คนขาดทุนที่ศึกษาบริษัทเองไม่ได้ ชีวิตการลงทุนนะเป็น 10ๆปี คนที่ยึดมั่นกับหลักการและเชื่อมั่นในตัวเองเท่านั้น ที่จะอยู่รอดได้
จริงๆ คุณ jody4003 ไม่เป็น VI เองก็ดีแล้ว เดี๋ยวรอผมเปิด Private Fund เองก่อน มาเป็นลูกค้าด้วยนะ
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 25
เฮอะๆ ล่าสุด PTL ก็หน้าแหกไปอีก 1 โชคดีที่ไม่ขาดทุน -_-'
สร้าง model ขึ้นมาผิดนี่ซวยได้ง่ายๆเลยนะ ต้องรอบคอบกว่าเดิม -_-'
สร้าง model ขึ้นมาผิดนี่ซวยได้ง่ายๆเลยนะ ต้องรอบคอบกว่าเดิม -_-'
I do not sleep. I dream.
- nanakorn
- Verified User
- โพสต์: 636
- ผู้ติดตาม: 0
ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 26
คนเราต้องตัดสินใจเรื่องต่างๆโดยมีข้อมูลจำกัดอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ผมคิดว่าสิ่งสำคัญคือ เราต้องพยายามที่จะหาข้อมูลที่มีประโยชน์ให้ได้มากที่สุด และวิเคราะห์ให้ดีที่สุด ตามกำลังสติปัญญาของเรา ถ้าเปรียบเทียบกับเวลาเราขับรถ เราไม่สามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวในทุกขณะเวลาได้ แต่เราก็ต้องตัดสินใจ ถ้าจะเปลี่ยนเลน การหาข้อมูลก็เหมือนการมองขวา ซ้าย หน้า หลัง ให้ดี ก่อนที่จะเปลี่ยนเลน ถึงแม้เราจะรู้อยู่ในใจว่า การมองของเราอาจจะไม่เห็นรถคันอื่น ในบางมุม หรืออาจจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่สายตาของเราผ่านจุดนั้นไปแล้ว แต่เราก็ต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ดีครับ
Everything I do, I do it for you.
-
- Verified User
- โพสต์: 421
- ผู้ติดตาม: 0
ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 27
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่
บางทีก็รู้สึกว่า เราไม่ได้เป็นนักลงทุนแฮะ แต่เป็นคนที่ซื้อ เทรนด์ หรือ กระแส ของหุ้นแหะ
หุ้นบางตัวก็เป็นแนวลงทุน เหมือนอย่างที่มีอยู่ในพอร์ตตอนนี้เหมือนกัน
พอร์ตของผมก็จะมีหุ้นหลายๆแบบกระจายกันไปตามสภาพตลาดเหมือนกัน
กำลังตั้งใจไว้ว่าขอให้การขาดทุนเมื่อประมาณช่วงสี่ห้าปีก่อนเป็นครั้งสุดท้ายให้ได้ ไม่รู้ว่าจิตใจจะหวั่นไหวทำนอกกฎเกณฑ์ที่ควรจะเป็นหรือเปล่า
บางทีก็ชอบเข้าไปเล่นในโซนอันตรายเหมือนกัน ประมาณว่าให้อะดรีนาลีนมันหลั่งออกมาเล่นๆซะอย่างงั้น เหอะๆ แต่เป็นเหมือนว่าก็เป็นการช่วยโบรกเกอร์เค้ามั่ง เดี๋ยวเค้าจะว่าเอาว่ามาตักตวงเอาฝ่ายเดียวไม่ยอมช่วยให้เงินเป็นค่าน้ำร้อนน้ำชาเค้ามั่ง ส่วนใหญ่จะไม่ใส่เงินไปเยอะในหุ้นพวกนี้ แต่ว่าที่ผ่านมายังไม่ขาดทุนเลยอ่า แต่ก็จะไม่เสียใจว่าทำไมเราไม่ลงเงินให้เยอะๆว้า เพราะยังไงก็ต้องให้มีเงินสดเป็นตัวแบ๊คอัพอยู่ดี
กำลังจะพยายามศึกษาเปรียบเทียบเหมือนกันว่าระหว่างแบบ Speculator กับ Investor แบบไหนได้เงินมากกว่า แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้แบบ Investor จะชนะนะเนี่ย
บางทีก็รู้สึกว่า เราไม่ได้เป็นนักลงทุนแฮะ แต่เป็นคนที่ซื้อ เทรนด์ หรือ กระแส ของหุ้นแหะ
หุ้นบางตัวก็เป็นแนวลงทุน เหมือนอย่างที่มีอยู่ในพอร์ตตอนนี้เหมือนกัน
พอร์ตของผมก็จะมีหุ้นหลายๆแบบกระจายกันไปตามสภาพตลาดเหมือนกัน
กำลังตั้งใจไว้ว่าขอให้การขาดทุนเมื่อประมาณช่วงสี่ห้าปีก่อนเป็นครั้งสุดท้ายให้ได้ ไม่รู้ว่าจิตใจจะหวั่นไหวทำนอกกฎเกณฑ์ที่ควรจะเป็นหรือเปล่า
บางทีก็ชอบเข้าไปเล่นในโซนอันตรายเหมือนกัน ประมาณว่าให้อะดรีนาลีนมันหลั่งออกมาเล่นๆซะอย่างงั้น เหอะๆ แต่เป็นเหมือนว่าก็เป็นการช่วยโบรกเกอร์เค้ามั่ง เดี๋ยวเค้าจะว่าเอาว่ามาตักตวงเอาฝ่ายเดียวไม่ยอมช่วยให้เงินเป็นค่าน้ำร้อนน้ำชาเค้ามั่ง ส่วนใหญ่จะไม่ใส่เงินไปเยอะในหุ้นพวกนี้ แต่ว่าที่ผ่านมายังไม่ขาดทุนเลยอ่า แต่ก็จะไม่เสียใจว่าทำไมเราไม่ลงเงินให้เยอะๆว้า เพราะยังไงก็ต้องให้มีเงินสดเป็นตัวแบ๊คอัพอยู่ดี
กำลังจะพยายามศึกษาเปรียบเทียบเหมือนกันว่าระหว่างแบบ Speculator กับ Investor แบบไหนได้เงินมากกว่า แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้แบบ Investor จะชนะนะเนี่ย
รู้สึกดีๆ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 28
VI Wrote
เกรแฮมก็จะไม่ใช่ VI ตามนิยามว่า ถ้าเรานิยาม VI ว่า
เพราะว่า รู้ กับ สามารถทำตามที่รู้ได้ นั้นเป็นคนละเรื่อง
ดังนั้นจึงเห็น VI หลายๆคน รู้ แต่บางทีทำตามที่รู้ไม่ได้ เพราะการปฏิบัติได้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
บางท่านรู้ว่าการบริหารงานที่ดีเป็นอย่างไร(ก็จะไปยากอะไร ตำราไหนๆก็สอนคล้ายๆกันว่าอะไรดีไม่ดี) แต่พอให้บริหารเองกลับทำไม่ได้ด้วยขีดจำกัดหลายๆอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาไม่แปลกอะไร
ขงเบ้ง รู้ ว่าจะวางแผนการรบอย่างไรถึงจะชนะ ขงเบ้งก็ทำได้จริง จนได้ชื่อว่า ผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร
แต่ถ้าให้ขงเบ้งถือง้าวออกรบเอง ขงเบ้งก็คงจะถูกทหารเลวฆ่าตายตั้งแต่ต้น ไม่ต้องถึงมือแม่ทัพหรือทหารเอกคนไหนทั้งสิ้น :lol:
เพราะทักษะในการวางแผนกับทักษะในการรบจริง เป็นเรื่อง คนละเรื่อง นั่นเอง
แต่ก็ไม่แปลกอะไรถ้าเราจะขวนขวายหาความชำนาญมากขึ้นในทางปฏิบัติโดยต่อยอดจากความ รู้ ไปสู่การปฏิบัติได้จริงเพราะจะทำให้เรารู้มากขึ้นไปอีก แต่เราก็ต้องยอมรับว่าเราเองก็จะต้องจ่ายค่าตอบแทนเพื่อการนั้นไปพอสมควร ซึ่งอาจจะคุ้มหรือไม่คุ้มก็ได้ เพราะถ้าเราให้เวลากับอย่างหนึ่งมากขึ้น เวลาที่จะให้กับอีกอย่างหนึ่งก็จะลดลง
จะเกิดอะไรขึ้น
ถ้าขงเบ้งมัวแต่ไปฝึกร่างกายฝึกเพลงดาบเพื่อให้ตนเองรบได้จริงและชนะได้จริงด้วยมือตัวเอง................
ผมว่าผ่านไปสิบปีขงเบ้งก็อาจจะเก่งขึ้นได้ระดับน้องๆเตียวหุยแต่การวางแผนคงจะแย่ลงถึงระดับหลานๆจิวยี่ก็เป็นได้ :lol:
ใช่ครับ เห็นด้วยเลย........เหมือน BECL ที่วิเคราะห์ได้ง่ายๆนะ ก่อนลงทุน จะต้องรู้ไหมว่า Queueing System คำนวณยังไง หรือ ก่อสร้างโค้งนี้ต้องมีองศาต่างๆเท่าไหร่
ถ้าให้รู้หมดทุกอย่างของทุกบริษัทที่ลงทุน W. Buffet ก็คงไม่ใช่ VI อ่ะ
เกรแฮมก็จะไม่ใช่ VI ตามนิยามว่า ถ้าเรานิยาม VI ว่า
แต่ที่จริงแล้ว เกรแฮมได้รับการยอมรับว่าเป็นบิดาแห่ง VI อันนี้เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ และก็ได้รับการยอมรับไปแล้วทั่วโลกไปแล้วผมพึ่งจะรู้ตัวว่าผมยังไม่เข้าข่าย "เข้าใจในกิจการที่คุณลงทุนเป็นอย่างดี" เพราะคำว่า "อย่างดี" นี่ ถ้าไม่ได้เข้าไปนั่งใน boardบริหารหรือขยันทำการบ้านแบบท่านอื่นๆ ผมมองว่า ไม่มีทางที่ผมจะมองเห็นธุรกิจที่ลงทุนได้อย่าง"ทะลุปรุโปร่ง"
เพราะว่า รู้ กับ สามารถทำตามที่รู้ได้ นั้นเป็นคนละเรื่อง
ดังนั้นจึงเห็น VI หลายๆคน รู้ แต่บางทีทำตามที่รู้ไม่ได้ เพราะการปฏิบัติได้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
บางท่านรู้ว่าการบริหารงานที่ดีเป็นอย่างไร(ก็จะไปยากอะไร ตำราไหนๆก็สอนคล้ายๆกันว่าอะไรดีไม่ดี) แต่พอให้บริหารเองกลับทำไม่ได้ด้วยขีดจำกัดหลายๆอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาไม่แปลกอะไร
ขงเบ้ง รู้ ว่าจะวางแผนการรบอย่างไรถึงจะชนะ ขงเบ้งก็ทำได้จริง จนได้ชื่อว่า ผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร
แต่ถ้าให้ขงเบ้งถือง้าวออกรบเอง ขงเบ้งก็คงจะถูกทหารเลวฆ่าตายตั้งแต่ต้น ไม่ต้องถึงมือแม่ทัพหรือทหารเอกคนไหนทั้งสิ้น :lol:
เพราะทักษะในการวางแผนกับทักษะในการรบจริง เป็นเรื่อง คนละเรื่อง นั่นเอง
แต่ก็ไม่แปลกอะไรถ้าเราจะขวนขวายหาความชำนาญมากขึ้นในทางปฏิบัติโดยต่อยอดจากความ รู้ ไปสู่การปฏิบัติได้จริงเพราะจะทำให้เรารู้มากขึ้นไปอีก แต่เราก็ต้องยอมรับว่าเราเองก็จะต้องจ่ายค่าตอบแทนเพื่อการนั้นไปพอสมควร ซึ่งอาจจะคุ้มหรือไม่คุ้มก็ได้ เพราะถ้าเราให้เวลากับอย่างหนึ่งมากขึ้น เวลาที่จะให้กับอีกอย่างหนึ่งก็จะลดลง
จะเกิดอะไรขึ้น
ถ้าขงเบ้งมัวแต่ไปฝึกร่างกายฝึกเพลงดาบเพื่อให้ตนเองรบได้จริงและชนะได้จริงด้วยมือตัวเอง................
ผมว่าผ่านไปสิบปีขงเบ้งก็อาจจะเก่งขึ้นได้ระดับน้องๆเตียวหุยแต่การวางแผนคงจะแย่ลงถึงระดับหลานๆจิวยี่ก็เป็นได้ :lol:
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1257
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ใครเป็นเหมือนผมบ้าง
โพสต์ที่ 29
ผมว่า VI เป็นแนวทางการลงทุนแบบหนึ่งซึ่งมีหลายระดับ(Degree of VI :lol: ) ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และการเรียนรู้ครับjody4003 เขียน: เพราะ VI คือ
ลงทุนในสิ่งที่ undervalue - แต่ก่อนที่คิดว่าเป็น vi เพราะคิดว่ารู้ว่า undervalue คิดว่าศึกษามาอย่างดี แต่ที่จริงแล้ว......พอเริ่มทำธุรกิจเองถึงได้รู้ว่า ไอ้ที่เราศึกษาเรื่องบ.จดทะเบียนจาก 56-1, anual report และ balance sheet P/L นี่ มันเป็นแค่เปลือกที่บอกเราคร่าวๆเกี่ยวกับบริษัทเท่านั้นเอง ว่าง่ายๆ ผมพึ่งจะรู้ตัวว่าผมยังไม่เข้าข่าย "เข้าใจในกิจการที่คุณลงทุนเป็นอย่างดี" เพราะคำว่า "อย่างดี" นี่ ถ้าไม่ได้เข้าไปนั่งใน boardบริหาร หรือขยันทำการบ้านแบบท่านอื่นๆ ผมมองว่า ไม่มีทางที่ผมจะมองเห็นธุรกิจที่ลงทุนได้อย่าง"ทะลุปรุโปร่ง"
"Price is what you pay. Value is what you get."