แบงก์ชาติส่งสัญญาณ เล็งปรับมาตรการสกัดเก็งกำไรค่าเงินบาท
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท. ยังยืนยัน
มาตรการกันสำรองร้อยละ 30 ที่ประกาศไปเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2549 เพื่อสกัดกั้นการเก็ง
กำไรค่าเงินบาทเหมือนเดิม ยังไม่ได้กำหนดว่าจะยกเลิกภายใน 3-6 เดือน ตามที่มีข่าวออกไป
ก่อนหน้านี้ แต่ ธปท. จะปรับแก้ไขในส่วนที่ทำให้ไม่เกิดความสะดวก หรือเกิดผลกระทบ ซึ่ง
ธปท. ได้มีการวิเคราะห์และติดตามผลจากการใช้มาตรการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง สามารถปรับ
แก้ไขได้ ซึ่งหากมาตรการที่ออกก่อนวันที่ 18 ธันวาคม 2549 ที่ไม่จำเป็นก็อาจจะมีการยกเลิก
เช่น มาตรการที่ออกในเดือนพฤศจิกายน 2549 แต่หากจำเป็น ธปท. ก็ต้องคงมาตรการต่อไป
' นโยบายที่ ธปท. ดำเนินการ ไม่มีอะไรที่หยุดนิ่ง ภาพนโยบายใหญ่ยังไม่มีอะไร ปลี่
ยนแปลง แต่จะพิจารณาปรับมาตรการย่อย มีอะไรปรับก็ปรับ ถ้าปรับแล้วทำให้สะดวกขึ้น และไม่มี
ผลกระทบต่อค่าเงินบาท ธปท. ก็จะทำ' นางธาริษา กล่าว
ส่วนกรณีที่เอกชนระบุว่า มาตรการของ ธปท. ทำให้ต้นทุนในการออกหุ้นกู้และตราสารหนี้
เพิ่มขึ้น ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ต้องดูสถานการณ์ เพราะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากมาจากเงินที่
เข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาท ดังนั้น ต้องดูว่าปัญหาไหนเร่งด่วนก็ต้องทำก่อน ซึ่ง ธปท. ก็ผ่อนคลาย
มาตรการกันสำรองสำหรับเงินที่ลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว
ส่วนวันนี้ (8 ม.ค.) ที่ ธปท. กำหนดให้นักลงทุนต่างชาติที่นำเงินลงทุนในตลาดหุ้น เข้าบัญชี
เงินบาทที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะ หรือ SNS ต้องมีวงเงินไม่เกิน 300 ล้านบาท นั้น นางธาริษา
กล่าวว่า กำลังรอข้อมูลว่าต่างชาติจะนำเงินเข้ามาเก็บไว้ในบัญชีไหน ทั้งบัญชี SNS หรือบัญชีผู้มี
ถิ่นฐานอยู่นอกประเทศ (นอนเรซสิเดนท์) อย่างไรก็ตาม ทิศทางค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้น
น้อยลง เนื่องจากดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มที่จะขาดดุลมากขึ้น
ที่มา : หนังสือพิมพ์ แนวหน้า