พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
-
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 1
น่าสนใจไหมครับ
ผมว่า ดีนะ PE = 5 แถมปันผล คาดว่าน่าจะได้เกือบ 10 %
ขอความคิดเห็นส่วนตัวครับ
อิอิ....
ผมว่า ดีนะ PE = 5 แถมปันผล คาดว่าน่าจะได้เกือบ 10 %
ขอความคิดเห็นส่วนตัวครับ
อิอิ....
-
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 2
21/11/2003 13:45
หัวข้อข่าว: สรุปข้อสนเทศ : UVAN
- สรุปข้อสนเทศ - บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) (UVAN)ที่ตั้งสำนักงานใหญ่: (สถานที่จดทะเบียน) 68/2 ถนนปฏิพัทธ์ ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต 83000 โทรศัพท์ : 075-634-634; โทรสาร: 075-681-124 Website: www.univanich.comที่ตั้งโรงงาน: (สถานที่ที่สามารถติดต่อได้) 1) โรงงานสยาม ตั้งอยู่เลขที่ 258 ถนนอ่าวลึก-แหลมสัก ตำบลอ่าวลึกใต้ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ 81110 โทรศัพท์: 075-634-634 โทรสาร: 075-681-124 2) โรงงานไทยอุตสาหกรรม ตั้งอยู่เลขที่ 231 ถนนปลายพระยา-พระแสง ตำบลปลายพระยา อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ โทรศัพท์: 075-611-978-9 โทรสาร: 075-611-978-9เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เมื่อวันที่ 25 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ 2546 (เริ่มทำการซื้อขายวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ 2546)ประเภทหลักทรัพย์จดทะเบียน หุ้นสามัญ 94,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท รวม 470 ล้านบาทตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยราคาเสนอขาย 31 บาทประเภทกิจการและลักษณะการดำเนินงาน บริษัทประกอบธุรกิจหลักประเภทผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบในประเทศและต่างประเทศโดยมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 60: 40 บริษัทมีสวนปาล์มโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ และหน่วยงานวิจัยและพัฒนาพันธุ์ปาล์มเป็นของตนเอง โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีดังนี้ 1. น้ำมันปาล์มดิบ (Crude Palm Oil) 2. น้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ (Crude Palm Kernel Oil) 3. เมล็ดในปาล์ม (Palm Kernel) 4. กากเมล็ดในปาล์ม (Palm Kernel Cake) 5. เมล็ดและต้นกล้าปาล์ม (Palm Seeds and Seedlings) ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ 2 โรงงานที่อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ โดยมีกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบรวม 90 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง หรือประมาณ 450,000 ตันผลปาล์มสดต่อปี และมีกำลังการผลิตน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ 5 ตันเมล็ดในปาล์มต่อชั่วโมง หรือประมาณ 28,000 ตันเมล็ดในปาล์มต่อปี โดยที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเกินกว่า ร้อยละ 100 ปัจจุบันบริษัทกำลังก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 3 ที่อำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่ที่มีกำลังการผลิต 45 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง และมีการออกแบบเพื่อทำให้สามารถขยายกำลังการผลิตได้ถึง 90 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่เพาะปลูกสวนปาล์มทั้งสิ้น 37,471 ไร่ ซึ่งให้ผลผลิตปาล์มสดได้ประมาณร้อยละ 25 ของผลปาล์มสดทั้งหมดที่ใช้ในการผลิต กลุ่มลูกค้าของบริษัทได้แก่ โรงกลั่นน้ำมันปาล์มและพ่อค้าคนกลาง ปัจจุบันบริษัทมีโครงสร้างรายได้ดังต่อไปนี้ 2545 งวด 6 เดือน ปี 2546 ล้านบาท ร้อยละ ล้านบาท ร้อยละน้ำมันปาล์มดิบ 1,293.19 81.06 819.49 83.14น้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ 227.86 14.28 106.27 10.78ผลิตภัณฑ์อื่นๆ 68.33 4.28 57.71 5.85รายได้อื่นๆ 6.13 0.38 2.25 0.23รวมรายได้ 1,595.51 100.00 985.72 100.00ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (ถ้ามี) ปัจจุบันการดำเนินการผลิตของบริษัทอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของกรมโรงงาน โดยที่บริษัทไม่เคยมีข้อพิพาทหรือถูกฟ้องร้องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินการปรับปรุงบ่อกักเก็บน้ำทิ้ง กลิ่นและฝุ่นละอองจากควันหม้อไอน้ำของโรงงานของบริษัทเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สรุปสาระสำคัญของสัญญา บริษัทได้ทำข้อตกลงเรื่องการเป็นตัวแทนจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ กับบริษัท Uni Agro Palm Sdn Bhd เมื่อเดือนมีนาคม 2546 ที่ผ่านมาโดยตัวแทนดังกล่าวเป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงรายเดียวของบริษัท โดยมีเงื่อนไขว่าตัวแทนดังกล่าวไม่สามารถที่จะจำหน่ายสินค้าของผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบจากประเทศไทยรายอื่นได้หากไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัทการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (ถ้ามี) -ไม่มี การให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคและการจัดการ -ไม่มี โครงการดำเนินงานในอนาคต (ถ้ามี) 1. บริษัทกำลังดำเนินการโครงการก่อสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบแห่งใหม่ที่อำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่ มีกำลังการผลิต 45 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง ใช้เงินลงทุนประมาณ 330 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2546 บริษัทได้ลงทุนในโครงการดังกล่าวไปแล้วเป็นจำนวนเงินประมาณ 79.49 ล้านบาท การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 90 เป็น 135 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง ทั้งนี้ กำลังการผลิตส่วนเพิ่มดังกล่าวสามารถขยายได้เป็น 90 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง ปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้มีความคืบหน้าเป็นไปตามแผนงาน กล่าวคือ งานทำโครงสร้างหลักของโรงงานได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และพร้อมจะติดตั้งงานโครงสร้างหลักได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2546 และหม้อไอน้ำที่สั่งซื้อจากต่างประเทศจะติดตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2547 คาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 3 ปี 2547 สามารถเริ่มดำเนินการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2547 โดยคาดว่าจะมีการใช้กำลังการผลิตเต็มที่ในปี 2550 บริษัทคาดว่าผลตอบแทนการลงทุน (Internal Rate of Return) ของโครงการนี้จะเท่ากับร้อยละ 17.70 2. บริษัทจะเพิ่มการผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมปาล์มน้ำมันจากเดิมปีละประมาณ 2.0 ล้านเมล็ด เป็นประมาณปีละ 3.5 ล้านเมล็ด ภายในปี 2547 2548 เพื่อปลูกในสวนปาล์มของบริษัทและจัดจำหน่ายให้แก่เกษตรกรทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้บริษัทจะเพิ่มการจำหน่ายต้นกล้าให้แก่เกษตรกรจากเดิม 273,000 ต้นในปี 2545 เป็น 465,000 ต้นในปี 2548 จำนวนต้นกล้าที่เพิ่มขึ้นมาจากการขยายแปลงเพาะต้นกล้าที่สวนลำทับเริ่มตั้งแต่ปี 2546 ต้นกล้าดังกล่าวผลิตจากเมล็ดพันธุ์ปาล์มลูกผสมพันธุ์ยูนิวานิชเป็นการช่วยทดแทนการนำเข้าเมล็ดพันธุ์ปาล์มจากต่างประเทศทางหนึ่งรายการระหว่างกัน บริษัทมีการทำรายการระหว่างกันกับบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งสำหรับปี 2545 และงวด 6 เดือนปี 2546 ดังนี้ บุคคลที่อาจมี ลักษณะความสัมพันธ์ ลักษณะรายการ นโยบายการ จำนวนเงิน (ล้านบาท) ความขัดแย้ง กำหนดราคา ปี 2545 งวด 6 เดือน ปี 2546บริษัท เอกอุตสาหกรรมหิน นาย อภิรักษ์ วานิช และบุคคลที่เกี่ยวข้อง - บริษัทซื้อผล ราคาตลาด 0.59 0.40จำกัด ตามมาตรา 258 ถือหุ้นร้อยละ 95 ใน ปาล์มสด บริษัทดังกล่าวและนายอภิรักษ์ วานิช - ยอดเจ้าหนี้ 0.74 0.97 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท ค้างจ่ายค่าซื้อ ดังกล่าว ผลปาล์มสดบริษัท ภูเก็ตโรงงานยาง นาย อภิรักษ์ วานิช และบุคคลที่เกี่ยวข้อง - บริษัทซื้อผล ราคาตลาด - 0.66จำกัด ตามมาตรา 258 ถือหุ้นร้อยละ 75 ใน ปาล์มสด บริษัทดังกล่าวและนายอภิรักษ์ วานิช เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท ดังกล่าวบริษัท เจียรวานิชการขนส่ง นาย อภิรักษ์ วานิช และบุคคลที่เกี่ยวข้อง - บริษัทใช้ ราคาตลาด 1.41 1.07จำกัด ตามมาตรา 258 ถือหุ้นร้อยละ 55 ใน บริการท่าเรือ บริษัทดังกล่าวและนายอภิรักษ์ วานิช ขนส่งสินค้า เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท ดังกล่าวบริษัท ไวย์ปาล์ม เอสเตท - นางสาวศุภภางค์ จรรโลงบุตร ซึ่งเป็น - บริษัทซื้อผล ราคาตลาด 3.41 3.32 จำกัด * กรรมการตรวจสอบของบริษัทเป็น ปาล์มสด กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และถือหุ้น ร้อยละ 11 ของบริษัทดังกล่าว - นายณรงค์ สุวรรณฤกษ์ นายพลัฎฐ์ ฐิติณัฐชนน และนายอนุชา ศุภกร ซึ่งเป็น ผู้บริหารของบริษัท แต่ละคนถือหุ้นร้อยละ 10 ในบริษัทดังกล่าวบริษัท สวนสุราษฎร์ จำกัด** นางสาวศุภภางค์ จรรโลงบุตร ซึ่งเป็น - บริษัทซื้อผล ราคาตลาด 7.77 5.08 กรรมการตรวจสอบของบริษัทเป็น ปาล์มสด กรรมการผู้มีอำนาจลงนามในบริษัท ดังกล่าว* นางสาวศุภภางค์ จรรโลงบุตรได้ลาออกจากการเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และมิได้เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ไวย์ปาล์ม เอสเตท จำกัด ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2546 ** บริษัทได้ทำหนังสือรับรองมายังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าบริษัทจะดำเนินการเพื่อขัดความขัดแย้งทาง ผลประโยชน์ โดยบริษัทไม่ทำธุรกิจการค้ากับ บริษัท สวนสุราษฎร์ จำกัด ในระหว่างที่นางสาวศุภภางค์ จรรโลงบุตร เป็นกรรมการตรวจสอบ ภาระผูกพัน -ไม่มี-ปัจจัยเสี่ยงความเสี่ยงจากการประกอบธุรกิจ 1. การเปิดเสรีการค้าตามข้อกำหนดเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ปัจจุบัน อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศไทยมีข้อกำหนดในด้านภาษีและโควต้าการนำเข้าซึ่งมีโควต้าการนำเข้าภายใต้ข้อตกลงขององค์การค้าโลกประมาณปีละ 4,800 ตัน ซึ่งองค์การคลังสินค้าเป็นผู้สามารถนำเข้าได้แต่เพียงผู้เดียว หากจะมีการขอนำเข้าน้ำมันปาล์มเป็นกรณีพิเศษ จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีซึ่งจะเป็นผู้กำหนดทั้งโควต้าและอัตราภาษี ภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน ในปี 2546 อัตราภาษีนำเข้าน้ำมันปาล์มจะต้องถูกลดลงไปที่อัตราร้อยละ 5 และไม่มีโควต้าการนำเข้า ในอนาคตถ้าประเทศไทยเปิดเสรีทางการค้าตามข้อกำหนดขององค์กรทางการค้าต่างๆ บริษัทคาดว่าอาจมีการนำเข้าน้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์มากขึ้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทโดยตรง แต่อาจมีผลกระทบทางอ้อม หากลูกค้าประเภทโรงกลั่นน้ำมันปาล์มดิบหันมานำเข้าน้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เพื่อจำหน่ายกันมากขึ้นแทนการซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากบริษัทไปทำการกลั่น ยกเว้นโรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มดิบในประเทศจะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้มีต้นทุนต่ำลงกว่าเดิม อย่างไรก็ดีบริษัทคาดว่ายังจะมีโรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ที่จะยังคงซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากบริษัทเพื่อผลิตจำหน่ายต่อไป นอกจากนี้บริษัทจะดำเนินการส่งน้ำมันปาล์มดิบออกไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนการผลิตที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดต่างประเทศจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตทั้งในส่วนของสวนและโรงงานอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ในปัจจุบันบริษัทรับซื้อผลปาล์มสดจากบุคคลภายนอกประมาณร้อยละ 75 ของปริมาณผลปาล์มสดทั้งหมด ดังนั้นถ้าราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศลดลงจะส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบผลปาล์มสดที่รับซื้อจากบุคคลภายนอกลดลงเช่นเดียวกัน 2. พื้นที่ปลูกปาล์มส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นพื้นที่สัมปทานและพื้นที่เช่าจากหน่วยงานราชการ พื้นที่ปลูกปาล์มของบริษัทร้อยละ 66.69 เป็นพื้นที่สัมปทานและพื้นที่เช่าจากหน่วยงานราชการ โดยแบ่งเป็นพื้นที่สัมปทานในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าปลายคลองพระยาซึ่งได้สัมปทานจากกรมป่าไม้ จำนวน 20,000 ไร่ (พื้นที่เพาะปลูกจริง 14,241 ไร่) มีอายุสัมปทานถึงปี 2556 และพื้นที่สัมปทานในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าย่านยาว ป่าเขาวง และป่ากระซุมซึ่งได้สัมปทานจากกรมป่าไม้ จำนวน 8,250 ไร่ มีอายุสัมปทานถึงปี 2566 และอีกส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่เช่าจากนิคมสหกรณ์อ่าวลึก จังหวัดกระบี่ จำนวน 2,500 ไร่ โดยสัญญาเช่าจะหมดอายุลงในปี 2567 ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่หากรัฐบาลยกเลิกสัญญาก่อนหมดสัมปทานหรือหากอายุสัมปทานและสัญญาเช่าดังกล่าวหมดลง และรัฐบาลมีนโยบายไม่ต่ออายุสัมปทานให้แก่ผู้ได้รับสัมปทาน บริษัทก็จะวางแผนไม่ปลูกปาล์มทดแทนในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งจะทำให้บริษัทต้องซื้อผลปาล์มสดจากบุคคลภายนอกมากขึ้น เพื่อมาชดเชยผลปาล์มสดส่วนที่ขาดหายไป และอาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ความไม่แน่นอนในการต่ออายุสัมปทานอาจส่งผลกระทบต่อแผนการปลูกปาล์มทดแทนในสวนที่ใกล้หมดอายุสัมปทาน ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2546 รัฐบาลยังมิได้ออกมติในการไม่ต่ออายุสัมปทานสวนปาล์มให้แก่ผู้ได้รับสัมปทาน อย่างไรก็ดีมูลค่าต้นปาล์มที่ปลูกในบริเวณพื้นที่ที่ได้รับสัมปทานของบริษัทคิดเป็นมูลค่าประมาณ 72.70 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 45.64 ของมูลค่าต้นปาล์มสำหรับงวด 6 เดือนปี 2456 และบริษัทยังคงมีนโยบายการปลูกปาล์มทดแทนอย่างต่อเนื่องแม้จะเป็นพื้นที่สัมปทานหรือพื้นที่ของบริษัทก็ตาม 3. พื้นที่ปลูกปาล์มบางส่วนของบริษัทเป็นพื้นที่ไม่มีโฉนดแสดงกรรมสิทธิ์ บริษัทมีพื้นที่ปลูกปาล์มบางส่วนของเป็นพื้นที่ไม่มีโฉนดแสดงกรรมสิทธิ์ หากต่อไปบริษัทไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ดังกล่าวได้ บริษัทอาจได้รับผลกระทบด้านวัตถุดิบผลปาล์มสดจากสวนของบริษัทที่ลดลงแต่บริษัทคาดว่าจะไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทมากนัก และบริษัทจะตัดจำหน่ายสินทรัพย์เหล่านี้ออกซึ่งจะมีผลต่องบดุลของบริษัท ปัจจุบันพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันที่ไม่มีโฉนดแสดงกรรมสิทธิ์มีจำนวน 3,628 ไร่ หรือร้อยละ 9.68 ของพื้นที่ปลูกปาล์มของบริษัททั้งหมด พื้นที่เหล่านี้กระจายอยู่ในสวนปาล์มของบริษัท ซึ่งส่วนหนึ่งผู้ก่อตั้งบริษัทเดิม ได้ซื้อไว้ในปี 2522-2526 และบางส่วนบริษัทได้ซื้อในภายหลัง พื้นที่เหล่านี้ได้มีการปลูกปาล์มและปลูกผลอาสิน และปรับปรุงจนมีมูลค่าถึงประมาณ 19.14 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.97 ของสินทรัพย์รวมของบริษัท ณ 30 มิถุนายน 2546 4. การจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ ในปี 2545 บริษัทมีการจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ลูกค้ารายหนึ่งประมาณร้อยละ 34.17 ของรายได้จากการขาย สำหรับงวด 6 เดือนปี 2546 สัดส่วนการขายให้แก่ลูกค้ารายดังกล่าวลดลงเหลือเพียงประมาณร้อยละ 20.82 ของรายได้จากการขาย หากลูกค้ารายดังกล่าวซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากบริษัทน้อยลง หรือเลิกซื้อจากบริษัท บริษัทอาจได้รับผลกระทบจากยอดขาย อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าความเสี่ยงจากการสูญเสียลูกค้ารายดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากบริษัทมีความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้ารายดังกล่าวซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันพืชรายใหญ่รายหนึ่งของประเทศ มีความมั่นคงมาเป็นเวลานานกว่า 15 ปี อีกทั้งบริษัทคาดว่าจะสามารถขายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ลูกค้ารายอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ เนื่องจากบริษัทเป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อถือ ทั้งในเรื่องปริมาณและคุณภาพสินค้าและด้านอื่นๆ เช่นการส่งสินค้าตรงต่อเวลา รวมทั้งบริษัทมีความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าทุกรายในประเทศ 5. ราคาน้ำมันปาล์มดิบมีความผันผวนไปตามราคาซื้อขายในตลาดโลก ราคาขายน้ำมันปาล์มดิบทั้งในประเทศและต่างประเทศจะถูกกำหนดตามราคาซื้อขายที่ตลาดมาเลเซียเป็นหลัก อย่างไรก็ดีราคาขายน้ำมันปาล์มดิบในประเทศจะมีความผันผวนในระดับหนึ่งตามราคาที่ตลาดมาเลเซีย ประกอบกับอุปสงค์อุปทานภายในประเทศไทย โดยทั่วไปแล้วราคาส่งออกและราคาในประเทศจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ยกเว้นในกรณีที่ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบผลิตออกมามากเกินความต้องการ ก็อาจจะทำให้ราคาในประเทศต่ำกว่าราคาตลาดโลก หรือถ้าหากมีการขาดแคลนน้ำมันปาล์มในประเทศ ก็อาจจะมีผลทำให้ราคาในประเทศสูงกว่าราคาตลาดโลก ดังนั้น หากราคาน้ำมันปาล์มดิบซึ่งมีความผันผวนไปตามราคาซื้อขายในตลาดโลกมีการปรับตัวลดลง ย่อมจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทลดลง บริษัทคาดว่าความผันผวนของราคาน้ำมันปาล์มดิบดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อบริษัท เนื่องจากหากราคาน้ำมันปาล์มดิบลดลง ราคาวัตถุดิบผลปาล์มสดจะมีแนวโน้มลดลงเช่นกันซึ่งทำให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทลดลง นอกจากนี้ บริษัทมีสวนปาล์มของตนเองซึ่งต้นปาล์มส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ที่มีคุณภาพสูง ที่มาจากการวิจัยและพัฒนาและการเพาะพันธุ์ปาล์มของบริษัทเอง สวนปาล์มของบริษัทสามารถให้ผลิตผลปาล์มสดประมาณร้อยละ 25.47 (เฉลี่ยตั้งแต่ปี 2543 ถึง 2545) ของผลปาล์มสดที่ใช้ในการผลิต ดังนั้นบริษัทจึงสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตให้คงที่ได้ในระดับหนึ่งความเสี่ยงเกี่ยวกับการผลิต 1. ราคาและปริมาณวัตถุดิบผลปาล์มสดที่มีความผันผวนไปตามฤดูกาล ผลปาล์มสดจัดเป็นวัตถุดิบหลักเพียงอย่างเดียวที่ใช้ในการผลิต ผลปาล์มสดจัดเป็นสินค้าเกษตรซึ่งปริมาณจะผันผวนไปตามสภาพดินฟ้าอากาศ ส่วนราคาผลปาล์มสดก็จะผันแปรไปตามปริมาณผลปาล์มสด กล่าวคือ หากมีปริมาณผลปาล์มสดมากเกินความต้องการของตลาด ราคาผลปาล์มก็จะลดลง แต่หากมีปริมาณผลปาล์มสดไม่เพียงพอต่อความต้องการ ราคาผลปาล์มสดจะเพิ่มขึ้น และจะส่งผลกระทบให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทสูงขึ้น บริษัทคาดว่าความผันผวนของราคาผลปาล์มสดจะไม่ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อบริษัทเนื่องจาก หากราคาผลปาล์มสดสูงขึ้นราคาน้ำมันปาล์มดิบโดยทั่วไปจะสูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้การที่บริษัทมีสวนปาล์มของตนเอง จะทำให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้ในระดับหนึ่ง 2. การควบคุมปริมาณและต้นทุนวัตถุดิบ ระหว่างปี 2543 ถึง 2545 บริษัทมีสัดส่วนการรับซื้อผลปาล์มสดจากบุคคลภายนอกประมาณร้อยละ 74.53 ของปริมาณผลปาล์มสดทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 72.03 ของต้นทุนขายทั้งหมดสำหรับปี 2545 ดังนั้นหากบริษัทไม่สามารถหาผลปาล์มสดจากบุคคลภายนอกหรือจัดหาได้ในราคาสูง จะส่งผลกระทบให้บริษัทขาดวัตถุดิบที่เพียงพอต่อกำลังในการผลิตน้ำมันปาล์มดิบได้ หรืออาจทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น บริษัทคาดว่าการพึ่งพิงผลปาล์มสดจากบุคคลภายนอกจะไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อบริษัทมากนัก เนื่องจากบริษัทมีความสัมพันธ์อันดีกับเกษตรกรผู้ค้าผลปาล์มให้บริษัทมาอย่างยาวนาน ประกอบกับบริษัทมีทีมงานวิจัยและพัฒนาเผยแพร่ความรู้ให้เกษตรกร และหน่วยงานราชการ ตลอดจนสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ปาล์มพันธุ์ดีจำหน่าย จนเป็นที่ยอมรับของเกษตรกรทั่วไป ทำให้มีกลุ่มเกษตรกรที่เป็นคู่ค้ากันอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ บริษัทมีนโยบายพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตอยู่เสมอเพื่อลดต้นทุนการผลิต ส่งผลให้บริษัทสามารถกำหนดราคารับซื้อผลปาล์มสดที่สามารถแข่งขันกับผู้รับซื้อผลปาล์มสดรายอื่นๆ ได้ 3. โครงการก่อสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบแห่งใหม่ที่อำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่ บริษัทกำลังดำเนินการโครงการก่อสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบแห่งใหม่ที่อำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่ มีกำลังการผลิต 45 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง ใช้เงินลงทุนประมาณ 330 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2546 บริษัทได้ลงทุนในโครงการดังกล่าวไปแล้วเป็นจำนวนเงินประมาณ 79.49 ล้านบาท การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 90 เป็น 135 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อโครงการในอนาคต) การลงทุนดังกล่าวนี้ ในเบื้องต้นบริษัทได้รับเงินกู้ยืมประเภทไม่มีหลักประกันจากสถาบันการเงินในประเทศแห่งหนึ่งจำนวน 100 ล้านบาท กำหนดอายุ 3 ปี โดยมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.25 ต่อปี และได้ขอวงเงินกู้ยืมระยะสั้นอีกจำนวน 150 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยบริษัทได้เบิกเงินครั้งแรกจำนวน 35 ล้านบาทในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.00 ต่อปี หากรายได้ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้อาจจะส่งผลกระทบทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลง บริษัทคาดว่าความเสี่ยงจากการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่จะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนัก เนื่องจากสัญญาก่อสร้างมีการกำหนดให้ผู้รับเหมาชดใช้ค่าเสียหายในกรณีที่เกิดความล่าช้า นอกจากนี้ บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนภายในที่เพียงพอที่จะนำไปชำระคืนหนี้จากสถาบันการเงินดังกล่าวได้ นอกจากนี้ภายหลังการดำเนินงานก่อสร้างแล้วเสร็จบริษัทจะมีความเสี่ยงเพิ่มเติมในเรื่องการจัดหาวัตถุดิบ โดยวัตถุดิบเกือบทั้งหมดจะมาจากบุคคลภายนอก ซึ่งในปัจจุบันมีเกษตรกรผู้เพาะปลูกปาล์มอยู่ในบริเวณดังกล่าวคิดเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการการผลิตของบริษัท อย่างไรก็ตามบริษัทมีการวางแผนล่วงหน้าโดยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและให้ความช่วยเหลือ คำแนะนำทางด้านการเพาะปลูกกับเกษตรกรผู้ค้าผลปาล์มสดในบริเวณใกล้เคียง ทั้งนี้เพื่อเป็นการที่บริษัทจะสามารถรับซื้อผลปาล์มสดจากเกษตรกรผู้ค้าเหล่านี้ได้ในอนาคต นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่บริเวณใกล้เคียงที่ตั้งของโรงงานแห่งใหม่นี้จะมีการทำสวนปาล์มของเกษตรกรเป็นจำนวนเพิ่มมากขึ้นในอนาคตกรณีพิพาท -ไม่มี-จำนวนพนักงาน ณ วันที่ 30 เดือน มิถุนายน พ.ศ 2546 จำนวน 953 คน ประวัติความเป็นมาโดยสรุป บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) ("บริษัท") จัดตั้งขึ้นเป็นบริษัทจำกัดจากการควบรวมกิจการของ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมน้ำมันและสวนปาล์ม จำกัด บริษัท สยามปาล์มน้ำมันและอุตสาหกรรม จำกัด และ บริษัท เจียรวานิช น้ำมันปาล์ม จำกัด (รวมกันเรียกว่า "กลุ่มบริษัทก่อตั้ง") โดยมีกลุ่มวานิชซึ่งเดิมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในกลุ่มบริษัทก่อตั้ง และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการดำเนินกิจการน้ำมันปาล์มในจังหวัดกระบี่มาตั้งแต่ปี 2511 ในปี 2526 กลุ่มยูนิลีเวอร์ จากประเทศอังกฤษ ได้เข้ามาร่วมลงทุนโดยถือหุ้นร้อยละ 51 โดยถืออยู่ในนาม Mavibel N.V. ในปี 2541 กลุ่มยูนิลีเวอร์มีนโยบายเน้นหนักทางด้านอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภคเป็นหลัก จึงได้จำหน่ายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมดร้อยละ 51 ให้กับบริษัท เอกอุตสาหกรรมหิน จำกัด ทำให้กลุ่มวานิชกลับมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่โดยถือหุ้นร้อยละ 85.44 ณ ขณะนั้น ต่อมาในปี 2543 บริษัทได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทจำกัดมหาชน ปัจจุบันกลุ่มวานิชถือหุ้นร้อยละ 81.29 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทเงินลงทุนในบริษัทย่อย -ไม่มี-บริษัทร่วม/บริษัทที่เกี่ยวข้องการเพิ่ม(ลด)ทุนในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา -ไม่มี-รอบระยะเวลาบัญชี มกราคม ถึง ธันวาคม ผู้สอบบัญชี นางสาวสมศรี ธัญญชีวี บริษัทไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด นายทะเบียนหุ้น บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัดที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด นโยบายการจ่ายเงินปันผล จ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของเงินกำไรสุทธิในแต่ละปี แต่ทั้งนี้การจ่ายเงินปันผลจะขึ้นกับแผนการลงทุนของบริษัทในอนาคตบัตรส่งเสริมการลงทุน เลขที่ 1062/2540 เลขที่ 1562/2542 เลขที่ 1090/2544*วันที่อนุมัติ 16 ตุลาคม 2539 29 กันยายน 2542 7 มิถุนายน 2543สำหรับโรงงาน โรงงานไทยอุตสาหกรรม โรงงานไทยอุตสาหกรรม โรงงานแห่งใหม่ อ. ปลายพระยา จ. กระบี่ อ. ปลายพระยา จ. กระบี่ อ. ลำทับ จ. กระบี่กำลังการผลิต - น้ำมันปาล์มดิบ 30 ตันผลปาล์ม - น้ำมันปาล์มดิบ 30 ตันผล - น้ำมันปาล์มดิบ 45 สด/ชั่วโมง ปาล์มสด/ชั่วโมง ตันผลปาล์มสด/ ชั่วโมง - น้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ 2.5 ตัน - น้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ 2.5 ตัน - น้ำมันเมล็ดใน เนื้อในเมล็ดปาล์ม/ชั่วโมง เนื้อในเมล็ดปาล์ม/ชั่วโมง ปาล์มดิบ 5 ตัน เนื้อในเมล็ดปาล์ม/ ชั่วโมง - ผลพลอยได้ ได้แก่ - ผลพลอยได้ ได้แก่ เศษหรือ - ผลพลอยได้ ได้แก่ เศษหรือของเสียจาก ของเสียจากขบวนการผลิต เศษหรือของเสียจาก ขบวนการผลิต ขบวนการผลิตวันที่เริ่มมีรายได้จากการ 5 กันยายน 2540 1 พฤศจิกายน 2544 ขณะนี้โรงงานอยู่ระหว่างประกอบกิจการ การก่อสร้างสิทธิและประโยชน์ที่สำคัญ (1) ให้ได้รับอนุญาตให้ถือ (1) ให้คนต่างด้าวซึ่งเป็นช่างฝีมือหรือผู้ชำนาญการที่ได้รับอนุญาต กรรมสิทธิ์ในที่ดินตาม ให้อยู่ในราชอาณาจักร ทำงานเฉพาะตำแหน่งที่คณะกรรมการ จำนวนที่คณะกรรมการ ให้ความเห็นชอบตลอดระยะเวลาเท่าที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ใน พิจารณาอนุมัติและ ให้คน ราชอาณาจักร ต่างด้าวซึ่งเป็นช่างฝีมือหรือ ผู้ชำนาญการที่ได้รับอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักร ทำงานเฉพาะตำแหน่งที่ คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ ตลอดระยะเวลาเท่าที่ได้รับ อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร (2) ให้ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรตามที่คณะกรรมการพิจารณาอนุมัติ (3) ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการประกอบกิจการที่ได้รับการ ส่งเสริมมีกำหนดเวลาแปดปี นับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการนั้น (4) ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินปันผลจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมซึ่งได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคลไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตลอดระยะเวลาที่ผู้ได้รับการส่งเสริมได้รับยกเว้น ภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น (5) ให้ได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการลงทุนในอัตราร้อยละ ห้าสิบของอัตราปกติมีกำหนดห้าปี นับจากวันที่พ้นกำหนดระยะเวลาตามที่ได้รับยกเว้นภาษี เงินได้นิติบุคคล (6) ให้ได้รับอนุญาตให้หักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และค่าประปาสองเท่าของค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็น ระยะเวลาสิบปี นับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการนั้น (7) ให้ได้รับอนุญาตให้หักเงินลงทุนในการติดตั้งหรือก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกร้อยละ ยี่สิบห้าของเงินลงทุน นอกเหนือไปจากการหักค่าเสื่อมราคาตามปกติ (8) ให้ได้รับอนุญาตให้นำหรือส่งเงินออกนอกราชอาณาจักรเป็นเงินตราต่างประเทศได้เงื่อนไขที่สำคัญ (1) จะต้องไม่จำนอง จำหน่าย โอน ให้เช่า หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้เครื่องจักรที่ได้รับยกเว้นอากรขาเข้า เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการก่อน (2) เมื่อเปิดดำเนินการแล้ว จะต้องรายงานผลการปฏิบัติงานตามโครงการและการดำเนินงานให้สำนักงานทราบ หากมีการเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนการถือหุ้นระหว่างผู้มีสัญชาติไทยและคนต่างด้าว และการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นของคนต่างด้าวต่างสัญชาติทุกครั้ง (3) บุคคลผู้มีสัญชาติไทยจะต้องถือหุ้นรวมทั้งสิ้นไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบเอ็ดของทุนจดทะเบียน (4) จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จพร้อมที่จะเปิดดำเนินการได้ภายในกำหนดเวลาไม่เกิน 30 เดือน นับแต่วันที่ออกบัตรส่งเสริม (5) จะต้องมีทุนจดทะเบียนรวมโครงการเดิมเป็นไม่น้อยกว่าสี่ร้อยเจ็ดสิบล้านบาท โดยจะต้องชำระเต็มมูลค่าหุ้นก่อนวันเปิดดำเนินการ* บริษัทได้มีบัตรส่งเสริมการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 2 ฉบับ ดังนี้ 1. เลขที่ 4604/2545 (2-1090/2544) ออกให้วันที่ 7 มีนาคม 2545 เพื่อให้บริษัทต้องเริ่มดำเนินงานก่อสร้างโรงงานและเริ่มสั่งซื้อเครื่องจักรภายใน 30 กรกฎาคม 2545 2. เลขที่ 4920/2546 (3-1090/2548) ออกให้ ณ วันที่ 8 เมษายน 2546 เพื่อขยายเวลานำเข้าเครื่องจักรออกไปถึงวันที่ 30 มกราคม 2547 (สามารถขยายต่อได้อีก 1 ปี) และจะต้องเปิดดำเนินการภายในวันที่ 30 กรกฎาคม 2547(สามารถขยายต่อได้อีก 1 ปี) จำนวนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 19 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ 2546 จำนวนราย จำนวนหุ้น ร้อยละของทุน ชำระแล้ว1. ผู้ถือหุ้นสามัญที่เป็น Strategic shareholders 36 63,582,460 67.64 1.1 รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ - - - 1.2 กรรมการ ผู้จัดการ และผู้บริหาร รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง 27 55,935,094 59.51 และบุคคลที่มีความสัมพันธ์ 1.3 ผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้น > 5 % โดยนับรวมผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย - - - 1.4 ผู้ถือหุ้นที่มีข้อตกลงในการห้ามขายหุ้นภายในเวลาที่กำหนด 9 7,647,366 8.142. ผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อยที่ถือไม่ต่ำกว่า 1 หน่วยการซื้อขาย 6,505 30,417,540 32.363. ผู้ถือหุ้นสามัญที่ถือต่ำกว่า 1 หน่วยการซื้อขาย - - - รวม 6,541 94,000,000 100.00ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ณ วันที่ 19 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ 2546 ชื่อ จำนวนหุ้น ร้อยละของทุนชำระแล้ว1. กลุ่มวานิช 52,178,318 55.512. กลุ่มซอโสตถิกุล 6,662,628 7.093. บริษัท ดุ๊ค เทคโนโลยี จำกัด 1,830,000 1.954. กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 1,489,000 1.585. กรรมการและผู้บริหาร 912,000 0.976. นางสาวศุภลักษณ์ จรรโลงบุตร 800,000 0.857. นางศุภนภา อัตตะนันท์ 739,840 0.798. บริษัท Somers (UK.) Limited 582,200 0.62 9. นางบุญสม บุญยนิตย์ 539,838 0.5710. นายเจริญ โสพร 501,872 0.53 รวม 66,235,696 70.46 ผู้ถือหุ้นต่างด้าว ณ วันที่ 19 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 บริษัทมีผู้ถือหุ้นต่างด้าว 102 ราย ถือหุ้นรวมกัน 4,200,800 หุ้น คิดเป็นร้อยละ4.47 ของทุนชำระแล้ว หมายเหตุ บริษัทมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นต่างด้าวตามข้อบังคับของบริษัทข้อ 10 ว่าหุ้นของบริษัทสามารถถ่ายโอนได้โดยไม่มีข้อจำกัดยกเว้นในกรณีที่ทำให้การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นต่างด้าวมีจำนวนเกินกว่าร้อยละ 49 คณะกรรมการ 1. นายอภิรักษ์ วานิช ประธานกรรมการ 2. นายจอห์น ฮาร์วีย์ เคลนดอน กรรมการและกรรมการผู้จัดการ 3. นายพรต ซอโสตถิกุล กรรมการ 4. นายวิชัย เทพเฉลิม กรรมการ 5. นางพจนา มาโนช กรรมการ 6. นางกาญจนา จิตฤดีอำไพ กรรมการ 7. นางสาวอังคณา วานิช กรรมการ 8. นายสุชาติ เจียรานุสสติ กรรมการ ประธานกรรมการตรวจสอบ 9. นายธเนศ ภู่ตระกูล กรรมการ กรรมการตรวจสอบ 10. นางสาวศุภภางค์ จรรโลงบุตร กรรมการ กรรมการตรวจสอบคณะกรรมการตรวจสอบ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1 /2546 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2546 ได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ 1. ประธานกรรมการตรวจสอบ: นายสุชาติ เจียรานุสสติ วาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี 2. กรรมการตรวจสอบ: นายธเนศ ภู่ตระกูล วาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี 3. กรรมการตรวจสอบ: นางสาวศุภภางค์ จรรโลงบุตร วาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปีขอบเขต หน้าที่ และความรับผิดชอบ 1. สอบทานให้บริษัทมีการรายงานทางการเงินที่ครบถ้วน ถูกต้องและเพียงพอ 2. สอบทานให้บริษัทมีระบบการควบคุมภายใน (Internal Control) และการตรวจสอบภายใน (Internal Audit) ที่เหมาะสมและมีประสิทธิผล 3. สอบทานให้บริษัทปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท 4. พิจารณา คัดเลือก และเสนอแต่งตั้งผู้สอบบัญชีของบริษัท รวมถึงการเสนอค่าตอบแทนให้แก่ผู้สอบบัญชี 5. พิจารณา การเปิดเผยข้อมูลของบริษัทในกรณีที่เกิดรายการที่เกี่ยวโยงกัน หรือรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ให้มีความถูกต้องและครบถ้วน 6. จัดทำรายงานการกำกับดูแลกิจการที่ดีของคณะกรรมการตรวจสอบและตีพิมพ์ไว้ในรายงานประจำปีของบริษัท ทั้งนี้รายงานดังกล่าวต้องลงนามโดยประธานกรรมการตรวจสอบ 7. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการของบริษัทมอบหมายและได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจสอบเงื่อนไขในการรับหลักทรัพย์ (ถ้ามี) -ไม่มี ระยะเวลาห้ามจำหน่ายหุ้น ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปที่ถือหุ้นจำนวน 33 รายรวมจำนวนหุ้น 62,982,460 หุ้น หรือ คิดเป็นร้อยละ 76.02 ของทุนชำระแล้วก่อนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปและคิดเป็นร้อยละ 67.00 หลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป ให้คำรับรองต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าจะไม่นำหุ้นจำนวนดังกล่าวออกจำหน่ายเป็นระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน นับแต่วันที่หลักทรัพย์ของบริษัทเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยเมื่อครบกำหนดระยะเวลาทุกๆ 6 เดือน ผู้ถือหุ้นดังกล่าวได้รับการผ่อนผันให้ทยอยขายหุ้นหรือหลักทรัพย์ที่ถูกสั่งห้ามขายได้ในจำนวนร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นหรือหลักทรัพย์ทั้งหมดที่ถูกสั่งห้ามขาย และเมื่อครบกำหนด 1 ปี 6 เดือนสามารถขายส่วนที่เหลือได้ทั้งหมด สถิติ (STATISTICAL SUMMARY) บริษัท ยูนิวานิช น้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) พันบาท บาท/หุ้น* ปี รายได้ กำไร (ขาดทุน) กำไร (ขาดทุน) เงินปันผล มูลค่าหุ้นตาม เงินปันผล จากการขาย สุทธิ สุทธิ บัญชี ต่อกำไร (%) 2543 1,286,676 234,798 2.83 1.70 8.46 602544 1,442,772 207,120 2.50 1.75 9.01 702545 1,589,379 222,501 2.69 4.75 6.70 177งวด 6 เดือน ปี 2546 983,465 258,743 3.12 2.00 9.07 64งวด 9 เดือน ปี 2546 1,596,871 376,864 4.55 - 8.50 0*มูลค่าที่ตราไว้ 5 บาทต่อหุ้นจำนวน 82,851,200 หุ้น บริษัท ยูนิวานิช น้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) สำหรับรอบบัญชีปีสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม ปี 2543 ปี 2544 และปี 2545 สำหรับรอบบัญชีงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2546 และสำหรับรอบบัญชีงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2546 หน่วย: พันบาท 2543 2544 2545 งวด 6 เดือน งวด 9 เดือน ปี 2546 ปี 2546เงินสดและเงินฝากธนาคาร 60,859 78,835 19,226 157,566 111,791ลูกหนี้การค้าสุทธิ 68,159 58,079 88,932 43,143 44,344สินค้าคงเหลือสุทธิ 77,136 45,622 11,679 91,576 79,189สินค้าหมุนเวียนอื่น 10,354 15,485 6,200 6,976 6,200สวนปาล์ม 150,181 152,701 159,076 159,283 158,539ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 428,976 477,772 492,624 510,924 505,341สินทรัพย์ทั้งหมด 797,821 831,152 780,933 972,370 910,295เจ้าหนี้การค้า 32,841 18,025 18,518 26,359 12,382เจ้าหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน 0 0 35,000 0 0เงินกู้ยืมระยะยาว (ส่วนที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี) 0 0 20,000 40,000 60,000ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย 19,369 22,699 24,963 28,234 27,242รวมหนี้สิน 96,697 84,469 226,005 220,836 206,344ทุนเรือนหุ้น 414,256 414,256 414,256 414,256 414,256กำไรสะสม 286,868 332,428 140,673 337,277 289,696ส่วนของผู้ถือหุ้น 701,124 746,684 554,929 751,533 703,952รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น 797,821 831,152 780,933 972,370 910,295รายได้รวม 1,298,208 1,444,143 1,595,514 985,719 1,600,837ต้นทุนขาย 937,585 1,091,060 1,224,648 638,893 1,097,544ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 113,959 141,283 133,719 70,756 104,273ดอกเบี้ยจ่าย 0 168 93 2,234 2,965กำไรสุทธิสำหรับปี 234,798 207,120 222,501 258,743 376,864กระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน 297,937 274,043 310,629 290,421 420,471กระแสเงินสดสุทธิจากการลงทุน (191,693) (94,507) (90,982) (54,942) (65,065)กระแสเงินสดสุทธิจากการจัดหาเงิน (152,032) (161,560) (279,256) (97,138) (262,841)เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น (ลดลง) (45,789) 17,976 (59,609) 138,341 92,566จัดทำโดย บล. บัวหลวง จำกัด c:\vasinee\uvan-t.txt
หัวข้อข่าว: สรุปข้อสนเทศ : UVAN
- สรุปข้อสนเทศ - บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) (UVAN)ที่ตั้งสำนักงานใหญ่: (สถานที่จดทะเบียน) 68/2 ถนนปฏิพัทธ์ ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต 83000 โทรศัพท์ : 075-634-634; โทรสาร: 075-681-124 Website: www.univanich.comที่ตั้งโรงงาน: (สถานที่ที่สามารถติดต่อได้) 1) โรงงานสยาม ตั้งอยู่เลขที่ 258 ถนนอ่าวลึก-แหลมสัก ตำบลอ่าวลึกใต้ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ 81110 โทรศัพท์: 075-634-634 โทรสาร: 075-681-124 2) โรงงานไทยอุตสาหกรรม ตั้งอยู่เลขที่ 231 ถนนปลายพระยา-พระแสง ตำบลปลายพระยา อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ โทรศัพท์: 075-611-978-9 โทรสาร: 075-611-978-9เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เมื่อวันที่ 25 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ 2546 (เริ่มทำการซื้อขายวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ 2546)ประเภทหลักทรัพย์จดทะเบียน หุ้นสามัญ 94,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท รวม 470 ล้านบาทตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยราคาเสนอขาย 31 บาทประเภทกิจการและลักษณะการดำเนินงาน บริษัทประกอบธุรกิจหลักประเภทผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบในประเทศและต่างประเทศโดยมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 60: 40 บริษัทมีสวนปาล์มโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ และหน่วยงานวิจัยและพัฒนาพันธุ์ปาล์มเป็นของตนเอง โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีดังนี้ 1. น้ำมันปาล์มดิบ (Crude Palm Oil) 2. น้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ (Crude Palm Kernel Oil) 3. เมล็ดในปาล์ม (Palm Kernel) 4. กากเมล็ดในปาล์ม (Palm Kernel Cake) 5. เมล็ดและต้นกล้าปาล์ม (Palm Seeds and Seedlings) ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ 2 โรงงานที่อำเภอปลายพระยาและอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ โดยมีกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบรวม 90 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง หรือประมาณ 450,000 ตันผลปาล์มสดต่อปี และมีกำลังการผลิตน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ 5 ตันเมล็ดในปาล์มต่อชั่วโมง หรือประมาณ 28,000 ตันเมล็ดในปาล์มต่อปี โดยที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเกินกว่า ร้อยละ 100 ปัจจุบันบริษัทกำลังก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 3 ที่อำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่ที่มีกำลังการผลิต 45 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง และมีการออกแบบเพื่อทำให้สามารถขยายกำลังการผลิตได้ถึง 90 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่เพาะปลูกสวนปาล์มทั้งสิ้น 37,471 ไร่ ซึ่งให้ผลผลิตปาล์มสดได้ประมาณร้อยละ 25 ของผลปาล์มสดทั้งหมดที่ใช้ในการผลิต กลุ่มลูกค้าของบริษัทได้แก่ โรงกลั่นน้ำมันปาล์มและพ่อค้าคนกลาง ปัจจุบันบริษัทมีโครงสร้างรายได้ดังต่อไปนี้ 2545 งวด 6 เดือน ปี 2546 ล้านบาท ร้อยละ ล้านบาท ร้อยละน้ำมันปาล์มดิบ 1,293.19 81.06 819.49 83.14น้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ 227.86 14.28 106.27 10.78ผลิตภัณฑ์อื่นๆ 68.33 4.28 57.71 5.85รายได้อื่นๆ 6.13 0.38 2.25 0.23รวมรายได้ 1,595.51 100.00 985.72 100.00ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (ถ้ามี) ปัจจุบันการดำเนินการผลิตของบริษัทอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของกรมโรงงาน โดยที่บริษัทไม่เคยมีข้อพิพาทหรือถูกฟ้องร้องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินการปรับปรุงบ่อกักเก็บน้ำทิ้ง กลิ่นและฝุ่นละอองจากควันหม้อไอน้ำของโรงงานของบริษัทเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สรุปสาระสำคัญของสัญญา บริษัทได้ทำข้อตกลงเรื่องการเป็นตัวแทนจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ กับบริษัท Uni Agro Palm Sdn Bhd เมื่อเดือนมีนาคม 2546 ที่ผ่านมาโดยตัวแทนดังกล่าวเป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงรายเดียวของบริษัท โดยมีเงื่อนไขว่าตัวแทนดังกล่าวไม่สามารถที่จะจำหน่ายสินค้าของผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบจากประเทศไทยรายอื่นได้หากไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัทการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (ถ้ามี) -ไม่มี การให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคและการจัดการ -ไม่มี โครงการดำเนินงานในอนาคต (ถ้ามี) 1. บริษัทกำลังดำเนินการโครงการก่อสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบแห่งใหม่ที่อำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่ มีกำลังการผลิต 45 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง ใช้เงินลงทุนประมาณ 330 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2546 บริษัทได้ลงทุนในโครงการดังกล่าวไปแล้วเป็นจำนวนเงินประมาณ 79.49 ล้านบาท การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 90 เป็น 135 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง ทั้งนี้ กำลังการผลิตส่วนเพิ่มดังกล่าวสามารถขยายได้เป็น 90 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง ปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้มีความคืบหน้าเป็นไปตามแผนงาน กล่าวคือ งานทำโครงสร้างหลักของโรงงานได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และพร้อมจะติดตั้งงานโครงสร้างหลักได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2546 และหม้อไอน้ำที่สั่งซื้อจากต่างประเทศจะติดตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2547 คาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 3 ปี 2547 สามารถเริ่มดำเนินการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2547 โดยคาดว่าจะมีการใช้กำลังการผลิตเต็มที่ในปี 2550 บริษัทคาดว่าผลตอบแทนการลงทุน (Internal Rate of Return) ของโครงการนี้จะเท่ากับร้อยละ 17.70 2. บริษัทจะเพิ่มการผลิตเมล็ดพันธุ์ลูกผสมปาล์มน้ำมันจากเดิมปีละประมาณ 2.0 ล้านเมล็ด เป็นประมาณปีละ 3.5 ล้านเมล็ด ภายในปี 2547 2548 เพื่อปลูกในสวนปาล์มของบริษัทและจัดจำหน่ายให้แก่เกษตรกรทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้บริษัทจะเพิ่มการจำหน่ายต้นกล้าให้แก่เกษตรกรจากเดิม 273,000 ต้นในปี 2545 เป็น 465,000 ต้นในปี 2548 จำนวนต้นกล้าที่เพิ่มขึ้นมาจากการขยายแปลงเพาะต้นกล้าที่สวนลำทับเริ่มตั้งแต่ปี 2546 ต้นกล้าดังกล่าวผลิตจากเมล็ดพันธุ์ปาล์มลูกผสมพันธุ์ยูนิวานิชเป็นการช่วยทดแทนการนำเข้าเมล็ดพันธุ์ปาล์มจากต่างประเทศทางหนึ่งรายการระหว่างกัน บริษัทมีการทำรายการระหว่างกันกับบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งสำหรับปี 2545 และงวด 6 เดือนปี 2546 ดังนี้ บุคคลที่อาจมี ลักษณะความสัมพันธ์ ลักษณะรายการ นโยบายการ จำนวนเงิน (ล้านบาท) ความขัดแย้ง กำหนดราคา ปี 2545 งวด 6 เดือน ปี 2546บริษัท เอกอุตสาหกรรมหิน นาย อภิรักษ์ วานิช และบุคคลที่เกี่ยวข้อง - บริษัทซื้อผล ราคาตลาด 0.59 0.40จำกัด ตามมาตรา 258 ถือหุ้นร้อยละ 95 ใน ปาล์มสด บริษัทดังกล่าวและนายอภิรักษ์ วานิช - ยอดเจ้าหนี้ 0.74 0.97 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท ค้างจ่ายค่าซื้อ ดังกล่าว ผลปาล์มสดบริษัท ภูเก็ตโรงงานยาง นาย อภิรักษ์ วานิช และบุคคลที่เกี่ยวข้อง - บริษัทซื้อผล ราคาตลาด - 0.66จำกัด ตามมาตรา 258 ถือหุ้นร้อยละ 75 ใน ปาล์มสด บริษัทดังกล่าวและนายอภิรักษ์ วานิช เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท ดังกล่าวบริษัท เจียรวานิชการขนส่ง นาย อภิรักษ์ วานิช และบุคคลที่เกี่ยวข้อง - บริษัทใช้ ราคาตลาด 1.41 1.07จำกัด ตามมาตรา 258 ถือหุ้นร้อยละ 55 ใน บริการท่าเรือ บริษัทดังกล่าวและนายอภิรักษ์ วานิช ขนส่งสินค้า เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท ดังกล่าวบริษัท ไวย์ปาล์ม เอสเตท - นางสาวศุภภางค์ จรรโลงบุตร ซึ่งเป็น - บริษัทซื้อผล ราคาตลาด 3.41 3.32 จำกัด * กรรมการตรวจสอบของบริษัทเป็น ปาล์มสด กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และถือหุ้น ร้อยละ 11 ของบริษัทดังกล่าว - นายณรงค์ สุวรรณฤกษ์ นายพลัฎฐ์ ฐิติณัฐชนน และนายอนุชา ศุภกร ซึ่งเป็น ผู้บริหารของบริษัท แต่ละคนถือหุ้นร้อยละ 10 ในบริษัทดังกล่าวบริษัท สวนสุราษฎร์ จำกัด** นางสาวศุภภางค์ จรรโลงบุตร ซึ่งเป็น - บริษัทซื้อผล ราคาตลาด 7.77 5.08 กรรมการตรวจสอบของบริษัทเป็น ปาล์มสด กรรมการผู้มีอำนาจลงนามในบริษัท ดังกล่าว* นางสาวศุภภางค์ จรรโลงบุตรได้ลาออกจากการเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และมิได้เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ไวย์ปาล์ม เอสเตท จำกัด ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2546 ** บริษัทได้ทำหนังสือรับรองมายังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าบริษัทจะดำเนินการเพื่อขัดความขัดแย้งทาง ผลประโยชน์ โดยบริษัทไม่ทำธุรกิจการค้ากับ บริษัท สวนสุราษฎร์ จำกัด ในระหว่างที่นางสาวศุภภางค์ จรรโลงบุตร เป็นกรรมการตรวจสอบ ภาระผูกพัน -ไม่มี-ปัจจัยเสี่ยงความเสี่ยงจากการประกอบธุรกิจ 1. การเปิดเสรีการค้าตามข้อกำหนดเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ปัจจุบัน อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศไทยมีข้อกำหนดในด้านภาษีและโควต้าการนำเข้าซึ่งมีโควต้าการนำเข้าภายใต้ข้อตกลงขององค์การค้าโลกประมาณปีละ 4,800 ตัน ซึ่งองค์การคลังสินค้าเป็นผู้สามารถนำเข้าได้แต่เพียงผู้เดียว หากจะมีการขอนำเข้าน้ำมันปาล์มเป็นกรณีพิเศษ จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีซึ่งจะเป็นผู้กำหนดทั้งโควต้าและอัตราภาษี ภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน ในปี 2546 อัตราภาษีนำเข้าน้ำมันปาล์มจะต้องถูกลดลงไปที่อัตราร้อยละ 5 และไม่มีโควต้าการนำเข้า ในอนาคตถ้าประเทศไทยเปิดเสรีทางการค้าตามข้อกำหนดขององค์กรทางการค้าต่างๆ บริษัทคาดว่าอาจมีการนำเข้าน้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์มากขึ้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทโดยตรง แต่อาจมีผลกระทบทางอ้อม หากลูกค้าประเภทโรงกลั่นน้ำมันปาล์มดิบหันมานำเข้าน้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เพื่อจำหน่ายกันมากขึ้นแทนการซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากบริษัทไปทำการกลั่น ยกเว้นโรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มดิบในประเทศจะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้มีต้นทุนต่ำลงกว่าเดิม อย่างไรก็ดีบริษัทคาดว่ายังจะมีโรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ที่จะยังคงซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากบริษัทเพื่อผลิตจำหน่ายต่อไป นอกจากนี้บริษัทจะดำเนินการส่งน้ำมันปาล์มดิบออกไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนการผลิตที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดต่างประเทศจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตทั้งในส่วนของสวนและโรงงานอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ในปัจจุบันบริษัทรับซื้อผลปาล์มสดจากบุคคลภายนอกประมาณร้อยละ 75 ของปริมาณผลปาล์มสดทั้งหมด ดังนั้นถ้าราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศลดลงจะส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบผลปาล์มสดที่รับซื้อจากบุคคลภายนอกลดลงเช่นเดียวกัน 2. พื้นที่ปลูกปาล์มส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นพื้นที่สัมปทานและพื้นที่เช่าจากหน่วยงานราชการ พื้นที่ปลูกปาล์มของบริษัทร้อยละ 66.69 เป็นพื้นที่สัมปทานและพื้นที่เช่าจากหน่วยงานราชการ โดยแบ่งเป็นพื้นที่สัมปทานในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าปลายคลองพระยาซึ่งได้สัมปทานจากกรมป่าไม้ จำนวน 20,000 ไร่ (พื้นที่เพาะปลูกจริง 14,241 ไร่) มีอายุสัมปทานถึงปี 2556 และพื้นที่สัมปทานในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าย่านยาว ป่าเขาวง และป่ากระซุมซึ่งได้สัมปทานจากกรมป่าไม้ จำนวน 8,250 ไร่ มีอายุสัมปทานถึงปี 2566 และอีกส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่เช่าจากนิคมสหกรณ์อ่าวลึก จังหวัดกระบี่ จำนวน 2,500 ไร่ โดยสัญญาเช่าจะหมดอายุลงในปี 2567 ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่หากรัฐบาลยกเลิกสัญญาก่อนหมดสัมปทานหรือหากอายุสัมปทานและสัญญาเช่าดังกล่าวหมดลง และรัฐบาลมีนโยบายไม่ต่ออายุสัมปทานให้แก่ผู้ได้รับสัมปทาน บริษัทก็จะวางแผนไม่ปลูกปาล์มทดแทนในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งจะทำให้บริษัทต้องซื้อผลปาล์มสดจากบุคคลภายนอกมากขึ้น เพื่อมาชดเชยผลปาล์มสดส่วนที่ขาดหายไป และอาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ความไม่แน่นอนในการต่ออายุสัมปทานอาจส่งผลกระทบต่อแผนการปลูกปาล์มทดแทนในสวนที่ใกล้หมดอายุสัมปทาน ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2546 รัฐบาลยังมิได้ออกมติในการไม่ต่ออายุสัมปทานสวนปาล์มให้แก่ผู้ได้รับสัมปทาน อย่างไรก็ดีมูลค่าต้นปาล์มที่ปลูกในบริเวณพื้นที่ที่ได้รับสัมปทานของบริษัทคิดเป็นมูลค่าประมาณ 72.70 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 45.64 ของมูลค่าต้นปาล์มสำหรับงวด 6 เดือนปี 2456 และบริษัทยังคงมีนโยบายการปลูกปาล์มทดแทนอย่างต่อเนื่องแม้จะเป็นพื้นที่สัมปทานหรือพื้นที่ของบริษัทก็ตาม 3. พื้นที่ปลูกปาล์มบางส่วนของบริษัทเป็นพื้นที่ไม่มีโฉนดแสดงกรรมสิทธิ์ บริษัทมีพื้นที่ปลูกปาล์มบางส่วนของเป็นพื้นที่ไม่มีโฉนดแสดงกรรมสิทธิ์ หากต่อไปบริษัทไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ดังกล่าวได้ บริษัทอาจได้รับผลกระทบด้านวัตถุดิบผลปาล์มสดจากสวนของบริษัทที่ลดลงแต่บริษัทคาดว่าจะไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทมากนัก และบริษัทจะตัดจำหน่ายสินทรัพย์เหล่านี้ออกซึ่งจะมีผลต่องบดุลของบริษัท ปัจจุบันพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันที่ไม่มีโฉนดแสดงกรรมสิทธิ์มีจำนวน 3,628 ไร่ หรือร้อยละ 9.68 ของพื้นที่ปลูกปาล์มของบริษัททั้งหมด พื้นที่เหล่านี้กระจายอยู่ในสวนปาล์มของบริษัท ซึ่งส่วนหนึ่งผู้ก่อตั้งบริษัทเดิม ได้ซื้อไว้ในปี 2522-2526 และบางส่วนบริษัทได้ซื้อในภายหลัง พื้นที่เหล่านี้ได้มีการปลูกปาล์มและปลูกผลอาสิน และปรับปรุงจนมีมูลค่าถึงประมาณ 19.14 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.97 ของสินทรัพย์รวมของบริษัท ณ 30 มิถุนายน 2546 4. การจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ ในปี 2545 บริษัทมีการจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ลูกค้ารายหนึ่งประมาณร้อยละ 34.17 ของรายได้จากการขาย สำหรับงวด 6 เดือนปี 2546 สัดส่วนการขายให้แก่ลูกค้ารายดังกล่าวลดลงเหลือเพียงประมาณร้อยละ 20.82 ของรายได้จากการขาย หากลูกค้ารายดังกล่าวซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากบริษัทน้อยลง หรือเลิกซื้อจากบริษัท บริษัทอาจได้รับผลกระทบจากยอดขาย อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าความเสี่ยงจากการสูญเสียลูกค้ารายดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากบริษัทมีความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้ารายดังกล่าวซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันพืชรายใหญ่รายหนึ่งของประเทศ มีความมั่นคงมาเป็นเวลานานกว่า 15 ปี อีกทั้งบริษัทคาดว่าจะสามารถขายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ลูกค้ารายอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ เนื่องจากบริษัทเป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อถือ ทั้งในเรื่องปริมาณและคุณภาพสินค้าและด้านอื่นๆ เช่นการส่งสินค้าตรงต่อเวลา รวมทั้งบริษัทมีความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าทุกรายในประเทศ 5. ราคาน้ำมันปาล์มดิบมีความผันผวนไปตามราคาซื้อขายในตลาดโลก ราคาขายน้ำมันปาล์มดิบทั้งในประเทศและต่างประเทศจะถูกกำหนดตามราคาซื้อขายที่ตลาดมาเลเซียเป็นหลัก อย่างไรก็ดีราคาขายน้ำมันปาล์มดิบในประเทศจะมีความผันผวนในระดับหนึ่งตามราคาที่ตลาดมาเลเซีย ประกอบกับอุปสงค์อุปทานภายในประเทศไทย โดยทั่วไปแล้วราคาส่งออกและราคาในประเทศจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ยกเว้นในกรณีที่ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบผลิตออกมามากเกินความต้องการ ก็อาจจะทำให้ราคาในประเทศต่ำกว่าราคาตลาดโลก หรือถ้าหากมีการขาดแคลนน้ำมันปาล์มในประเทศ ก็อาจจะมีผลทำให้ราคาในประเทศสูงกว่าราคาตลาดโลก ดังนั้น หากราคาน้ำมันปาล์มดิบซึ่งมีความผันผวนไปตามราคาซื้อขายในตลาดโลกมีการปรับตัวลดลง ย่อมจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทลดลง บริษัทคาดว่าความผันผวนของราคาน้ำมันปาล์มดิบดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อบริษัท เนื่องจากหากราคาน้ำมันปาล์มดิบลดลง ราคาวัตถุดิบผลปาล์มสดจะมีแนวโน้มลดลงเช่นกันซึ่งทำให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทลดลง นอกจากนี้ บริษัทมีสวนปาล์มของตนเองซึ่งต้นปาล์มส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ที่มีคุณภาพสูง ที่มาจากการวิจัยและพัฒนาและการเพาะพันธุ์ปาล์มของบริษัทเอง สวนปาล์มของบริษัทสามารถให้ผลิตผลปาล์มสดประมาณร้อยละ 25.47 (เฉลี่ยตั้งแต่ปี 2543 ถึง 2545) ของผลปาล์มสดที่ใช้ในการผลิต ดังนั้นบริษัทจึงสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตให้คงที่ได้ในระดับหนึ่งความเสี่ยงเกี่ยวกับการผลิต 1. ราคาและปริมาณวัตถุดิบผลปาล์มสดที่มีความผันผวนไปตามฤดูกาล ผลปาล์มสดจัดเป็นวัตถุดิบหลักเพียงอย่างเดียวที่ใช้ในการผลิต ผลปาล์มสดจัดเป็นสินค้าเกษตรซึ่งปริมาณจะผันผวนไปตามสภาพดินฟ้าอากาศ ส่วนราคาผลปาล์มสดก็จะผันแปรไปตามปริมาณผลปาล์มสด กล่าวคือ หากมีปริมาณผลปาล์มสดมากเกินความต้องการของตลาด ราคาผลปาล์มก็จะลดลง แต่หากมีปริมาณผลปาล์มสดไม่เพียงพอต่อความต้องการ ราคาผลปาล์มสดจะเพิ่มขึ้น และจะส่งผลกระทบให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทสูงขึ้น บริษัทคาดว่าความผันผวนของราคาผลปาล์มสดจะไม่ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อบริษัทเนื่องจาก หากราคาผลปาล์มสดสูงขึ้นราคาน้ำมันปาล์มดิบโดยทั่วไปจะสูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้การที่บริษัทมีสวนปาล์มของตนเอง จะทำให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้ในระดับหนึ่ง 2. การควบคุมปริมาณและต้นทุนวัตถุดิบ ระหว่างปี 2543 ถึง 2545 บริษัทมีสัดส่วนการรับซื้อผลปาล์มสดจากบุคคลภายนอกประมาณร้อยละ 74.53 ของปริมาณผลปาล์มสดทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 72.03 ของต้นทุนขายทั้งหมดสำหรับปี 2545 ดังนั้นหากบริษัทไม่สามารถหาผลปาล์มสดจากบุคคลภายนอกหรือจัดหาได้ในราคาสูง จะส่งผลกระทบให้บริษัทขาดวัตถุดิบที่เพียงพอต่อกำลังในการผลิตน้ำมันปาล์มดิบได้ หรืออาจทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น บริษัทคาดว่าการพึ่งพิงผลปาล์มสดจากบุคคลภายนอกจะไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อบริษัทมากนัก เนื่องจากบริษัทมีความสัมพันธ์อันดีกับเกษตรกรผู้ค้าผลปาล์มให้บริษัทมาอย่างยาวนาน ประกอบกับบริษัทมีทีมงานวิจัยและพัฒนาเผยแพร่ความรู้ให้เกษตรกร และหน่วยงานราชการ ตลอดจนสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ปาล์มพันธุ์ดีจำหน่าย จนเป็นที่ยอมรับของเกษตรกรทั่วไป ทำให้มีกลุ่มเกษตรกรที่เป็นคู่ค้ากันอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ บริษัทมีนโยบายพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตอยู่เสมอเพื่อลดต้นทุนการผลิต ส่งผลให้บริษัทสามารถกำหนดราคารับซื้อผลปาล์มสดที่สามารถแข่งขันกับผู้รับซื้อผลปาล์มสดรายอื่นๆ ได้ 3. โครงการก่อสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบแห่งใหม่ที่อำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่ บริษัทกำลังดำเนินการโครงการก่อสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบแห่งใหม่ที่อำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่ มีกำลังการผลิต 45 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง ใช้เงินลงทุนประมาณ 330 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2546 บริษัทได้ลงทุนในโครงการดังกล่าวไปแล้วเป็นจำนวนเงินประมาณ 79.49 ล้านบาท การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 90 เป็น 135 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อโครงการในอนาคต) การลงทุนดังกล่าวนี้ ในเบื้องต้นบริษัทได้รับเงินกู้ยืมประเภทไม่มีหลักประกันจากสถาบันการเงินในประเทศแห่งหนึ่งจำนวน 100 ล้านบาท กำหนดอายุ 3 ปี โดยมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.25 ต่อปี และได้ขอวงเงินกู้ยืมระยะสั้นอีกจำนวน 150 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยบริษัทได้เบิกเงินครั้งแรกจำนวน 35 ล้านบาทในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.00 ต่อปี หากรายได้ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้อาจจะส่งผลกระทบทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลง บริษัทคาดว่าความเสี่ยงจากการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่จะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนัก เนื่องจากสัญญาก่อสร้างมีการกำหนดให้ผู้รับเหมาชดใช้ค่าเสียหายในกรณีที่เกิดความล่าช้า นอกจากนี้ บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนภายในที่เพียงพอที่จะนำไปชำระคืนหนี้จากสถาบันการเงินดังกล่าวได้ นอกจากนี้ภายหลังการดำเนินงานก่อสร้างแล้วเสร็จบริษัทจะมีความเสี่ยงเพิ่มเติมในเรื่องการจัดหาวัตถุดิบ โดยวัตถุดิบเกือบทั้งหมดจะมาจากบุคคลภายนอก ซึ่งในปัจจุบันมีเกษตรกรผู้เพาะปลูกปาล์มอยู่ในบริเวณดังกล่าวคิดเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการการผลิตของบริษัท อย่างไรก็ตามบริษัทมีการวางแผนล่วงหน้าโดยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและให้ความช่วยเหลือ คำแนะนำทางด้านการเพาะปลูกกับเกษตรกรผู้ค้าผลปาล์มสดในบริเวณใกล้เคียง ทั้งนี้เพื่อเป็นการที่บริษัทจะสามารถรับซื้อผลปาล์มสดจากเกษตรกรผู้ค้าเหล่านี้ได้ในอนาคต นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่บริเวณใกล้เคียงที่ตั้งของโรงงานแห่งใหม่นี้จะมีการทำสวนปาล์มของเกษตรกรเป็นจำนวนเพิ่มมากขึ้นในอนาคตกรณีพิพาท -ไม่มี-จำนวนพนักงาน ณ วันที่ 30 เดือน มิถุนายน พ.ศ 2546 จำนวน 953 คน ประวัติความเป็นมาโดยสรุป บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) ("บริษัท") จัดตั้งขึ้นเป็นบริษัทจำกัดจากการควบรวมกิจการของ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมน้ำมันและสวนปาล์ม จำกัด บริษัท สยามปาล์มน้ำมันและอุตสาหกรรม จำกัด และ บริษัท เจียรวานิช น้ำมันปาล์ม จำกัด (รวมกันเรียกว่า "กลุ่มบริษัทก่อตั้ง") โดยมีกลุ่มวานิชซึ่งเดิมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในกลุ่มบริษัทก่อตั้ง และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการดำเนินกิจการน้ำมันปาล์มในจังหวัดกระบี่มาตั้งแต่ปี 2511 ในปี 2526 กลุ่มยูนิลีเวอร์ จากประเทศอังกฤษ ได้เข้ามาร่วมลงทุนโดยถือหุ้นร้อยละ 51 โดยถืออยู่ในนาม Mavibel N.V. ในปี 2541 กลุ่มยูนิลีเวอร์มีนโยบายเน้นหนักทางด้านอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภคเป็นหลัก จึงได้จำหน่ายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมดร้อยละ 51 ให้กับบริษัท เอกอุตสาหกรรมหิน จำกัด ทำให้กลุ่มวานิชกลับมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่โดยถือหุ้นร้อยละ 85.44 ณ ขณะนั้น ต่อมาในปี 2543 บริษัทได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทจำกัดมหาชน ปัจจุบันกลุ่มวานิชถือหุ้นร้อยละ 81.29 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทเงินลงทุนในบริษัทย่อย -ไม่มี-บริษัทร่วม/บริษัทที่เกี่ยวข้องการเพิ่ม(ลด)ทุนในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา -ไม่มี-รอบระยะเวลาบัญชี มกราคม ถึง ธันวาคม ผู้สอบบัญชี นางสาวสมศรี ธัญญชีวี บริษัทไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด นายทะเบียนหุ้น บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัดที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด นโยบายการจ่ายเงินปันผล จ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของเงินกำไรสุทธิในแต่ละปี แต่ทั้งนี้การจ่ายเงินปันผลจะขึ้นกับแผนการลงทุนของบริษัทในอนาคตบัตรส่งเสริมการลงทุน เลขที่ 1062/2540 เลขที่ 1562/2542 เลขที่ 1090/2544*วันที่อนุมัติ 16 ตุลาคม 2539 29 กันยายน 2542 7 มิถุนายน 2543สำหรับโรงงาน โรงงานไทยอุตสาหกรรม โรงงานไทยอุตสาหกรรม โรงงานแห่งใหม่ อ. ปลายพระยา จ. กระบี่ อ. ปลายพระยา จ. กระบี่ อ. ลำทับ จ. กระบี่กำลังการผลิต - น้ำมันปาล์มดิบ 30 ตันผลปาล์ม - น้ำมันปาล์มดิบ 30 ตันผล - น้ำมันปาล์มดิบ 45 สด/ชั่วโมง ปาล์มสด/ชั่วโมง ตันผลปาล์มสด/ ชั่วโมง - น้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ 2.5 ตัน - น้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ 2.5 ตัน - น้ำมันเมล็ดใน เนื้อในเมล็ดปาล์ม/ชั่วโมง เนื้อในเมล็ดปาล์ม/ชั่วโมง ปาล์มดิบ 5 ตัน เนื้อในเมล็ดปาล์ม/ ชั่วโมง - ผลพลอยได้ ได้แก่ - ผลพลอยได้ ได้แก่ เศษหรือ - ผลพลอยได้ ได้แก่ เศษหรือของเสียจาก ของเสียจากขบวนการผลิต เศษหรือของเสียจาก ขบวนการผลิต ขบวนการผลิตวันที่เริ่มมีรายได้จากการ 5 กันยายน 2540 1 พฤศจิกายน 2544 ขณะนี้โรงงานอยู่ระหว่างประกอบกิจการ การก่อสร้างสิทธิและประโยชน์ที่สำคัญ (1) ให้ได้รับอนุญาตให้ถือ (1) ให้คนต่างด้าวซึ่งเป็นช่างฝีมือหรือผู้ชำนาญการที่ได้รับอนุญาต กรรมสิทธิ์ในที่ดินตาม ให้อยู่ในราชอาณาจักร ทำงานเฉพาะตำแหน่งที่คณะกรรมการ จำนวนที่คณะกรรมการ ให้ความเห็นชอบตลอดระยะเวลาเท่าที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ใน พิจารณาอนุมัติและ ให้คน ราชอาณาจักร ต่างด้าวซึ่งเป็นช่างฝีมือหรือ ผู้ชำนาญการที่ได้รับอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักร ทำงานเฉพาะตำแหน่งที่ คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ ตลอดระยะเวลาเท่าที่ได้รับ อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร (2) ให้ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรตามที่คณะกรรมการพิจารณาอนุมัติ (3) ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการประกอบกิจการที่ได้รับการ ส่งเสริมมีกำหนดเวลาแปดปี นับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการนั้น (4) ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินปันผลจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมซึ่งได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคลไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตลอดระยะเวลาที่ผู้ได้รับการส่งเสริมได้รับยกเว้น ภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น (5) ให้ได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้รับจากการลงทุนในอัตราร้อยละ ห้าสิบของอัตราปกติมีกำหนดห้าปี นับจากวันที่พ้นกำหนดระยะเวลาตามที่ได้รับยกเว้นภาษี เงินได้นิติบุคคล (6) ให้ได้รับอนุญาตให้หักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และค่าประปาสองเท่าของค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็น ระยะเวลาสิบปี นับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการนั้น (7) ให้ได้รับอนุญาตให้หักเงินลงทุนในการติดตั้งหรือก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกร้อยละ ยี่สิบห้าของเงินลงทุน นอกเหนือไปจากการหักค่าเสื่อมราคาตามปกติ (8) ให้ได้รับอนุญาตให้นำหรือส่งเงินออกนอกราชอาณาจักรเป็นเงินตราต่างประเทศได้เงื่อนไขที่สำคัญ (1) จะต้องไม่จำนอง จำหน่าย โอน ให้เช่า หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้เครื่องจักรที่ได้รับยกเว้นอากรขาเข้า เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการก่อน (2) เมื่อเปิดดำเนินการแล้ว จะต้องรายงานผลการปฏิบัติงานตามโครงการและการดำเนินงานให้สำนักงานทราบ หากมีการเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนการถือหุ้นระหว่างผู้มีสัญชาติไทยและคนต่างด้าว และการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นของคนต่างด้าวต่างสัญชาติทุกครั้ง (3) บุคคลผู้มีสัญชาติไทยจะต้องถือหุ้นรวมทั้งสิ้นไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบเอ็ดของทุนจดทะเบียน (4) จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จพร้อมที่จะเปิดดำเนินการได้ภายในกำหนดเวลาไม่เกิน 30 เดือน นับแต่วันที่ออกบัตรส่งเสริม (5) จะต้องมีทุนจดทะเบียนรวมโครงการเดิมเป็นไม่น้อยกว่าสี่ร้อยเจ็ดสิบล้านบาท โดยจะต้องชำระเต็มมูลค่าหุ้นก่อนวันเปิดดำเนินการ* บริษัทได้มีบัตรส่งเสริมการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 2 ฉบับ ดังนี้ 1. เลขที่ 4604/2545 (2-1090/2544) ออกให้วันที่ 7 มีนาคม 2545 เพื่อให้บริษัทต้องเริ่มดำเนินงานก่อสร้างโรงงานและเริ่มสั่งซื้อเครื่องจักรภายใน 30 กรกฎาคม 2545 2. เลขที่ 4920/2546 (3-1090/2548) ออกให้ ณ วันที่ 8 เมษายน 2546 เพื่อขยายเวลานำเข้าเครื่องจักรออกไปถึงวันที่ 30 มกราคม 2547 (สามารถขยายต่อได้อีก 1 ปี) และจะต้องเปิดดำเนินการภายในวันที่ 30 กรกฎาคม 2547(สามารถขยายต่อได้อีก 1 ปี) จำนวนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 19 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ 2546 จำนวนราย จำนวนหุ้น ร้อยละของทุน ชำระแล้ว1. ผู้ถือหุ้นสามัญที่เป็น Strategic shareholders 36 63,582,460 67.64 1.1 รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ - - - 1.2 กรรมการ ผู้จัดการ และผู้บริหาร รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง 27 55,935,094 59.51 และบุคคลที่มีความสัมพันธ์ 1.3 ผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้น > 5 % โดยนับรวมผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย - - - 1.4 ผู้ถือหุ้นที่มีข้อตกลงในการห้ามขายหุ้นภายในเวลาที่กำหนด 9 7,647,366 8.142. ผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อยที่ถือไม่ต่ำกว่า 1 หน่วยการซื้อขาย 6,505 30,417,540 32.363. ผู้ถือหุ้นสามัญที่ถือต่ำกว่า 1 หน่วยการซื้อขาย - - - รวม 6,541 94,000,000 100.00ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ณ วันที่ 19 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ 2546 ชื่อ จำนวนหุ้น ร้อยละของทุนชำระแล้ว1. กลุ่มวานิช 52,178,318 55.512. กลุ่มซอโสตถิกุล 6,662,628 7.093. บริษัท ดุ๊ค เทคโนโลยี จำกัด 1,830,000 1.954. กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 1,489,000 1.585. กรรมการและผู้บริหาร 912,000 0.976. นางสาวศุภลักษณ์ จรรโลงบุตร 800,000 0.857. นางศุภนภา อัตตะนันท์ 739,840 0.798. บริษัท Somers (UK.) Limited 582,200 0.62 9. นางบุญสม บุญยนิตย์ 539,838 0.5710. นายเจริญ โสพร 501,872 0.53 รวม 66,235,696 70.46 ผู้ถือหุ้นต่างด้าว ณ วันที่ 19 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 บริษัทมีผู้ถือหุ้นต่างด้าว 102 ราย ถือหุ้นรวมกัน 4,200,800 หุ้น คิดเป็นร้อยละ4.47 ของทุนชำระแล้ว หมายเหตุ บริษัทมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นต่างด้าวตามข้อบังคับของบริษัทข้อ 10 ว่าหุ้นของบริษัทสามารถถ่ายโอนได้โดยไม่มีข้อจำกัดยกเว้นในกรณีที่ทำให้การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นต่างด้าวมีจำนวนเกินกว่าร้อยละ 49 คณะกรรมการ 1. นายอภิรักษ์ วานิช ประธานกรรมการ 2. นายจอห์น ฮาร์วีย์ เคลนดอน กรรมการและกรรมการผู้จัดการ 3. นายพรต ซอโสตถิกุล กรรมการ 4. นายวิชัย เทพเฉลิม กรรมการ 5. นางพจนา มาโนช กรรมการ 6. นางกาญจนา จิตฤดีอำไพ กรรมการ 7. นางสาวอังคณา วานิช กรรมการ 8. นายสุชาติ เจียรานุสสติ กรรมการ ประธานกรรมการตรวจสอบ 9. นายธเนศ ภู่ตระกูล กรรมการ กรรมการตรวจสอบ 10. นางสาวศุภภางค์ จรรโลงบุตร กรรมการ กรรมการตรวจสอบคณะกรรมการตรวจสอบ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1 /2546 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2546 ได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ 1. ประธานกรรมการตรวจสอบ: นายสุชาติ เจียรานุสสติ วาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี 2. กรรมการตรวจสอบ: นายธเนศ ภู่ตระกูล วาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปี 3. กรรมการตรวจสอบ: นางสาวศุภภางค์ จรรโลงบุตร วาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปีขอบเขต หน้าที่ และความรับผิดชอบ 1. สอบทานให้บริษัทมีการรายงานทางการเงินที่ครบถ้วน ถูกต้องและเพียงพอ 2. สอบทานให้บริษัทมีระบบการควบคุมภายใน (Internal Control) และการตรวจสอบภายใน (Internal Audit) ที่เหมาะสมและมีประสิทธิผล 3. สอบทานให้บริษัทปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท 4. พิจารณา คัดเลือก และเสนอแต่งตั้งผู้สอบบัญชีของบริษัท รวมถึงการเสนอค่าตอบแทนให้แก่ผู้สอบบัญชี 5. พิจารณา การเปิดเผยข้อมูลของบริษัทในกรณีที่เกิดรายการที่เกี่ยวโยงกัน หรือรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ให้มีความถูกต้องและครบถ้วน 6. จัดทำรายงานการกำกับดูแลกิจการที่ดีของคณะกรรมการตรวจสอบและตีพิมพ์ไว้ในรายงานประจำปีของบริษัท ทั้งนี้รายงานดังกล่าวต้องลงนามโดยประธานกรรมการตรวจสอบ 7. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการของบริษัทมอบหมายและได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจสอบเงื่อนไขในการรับหลักทรัพย์ (ถ้ามี) -ไม่มี ระยะเวลาห้ามจำหน่ายหุ้น ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปที่ถือหุ้นจำนวน 33 รายรวมจำนวนหุ้น 62,982,460 หุ้น หรือ คิดเป็นร้อยละ 76.02 ของทุนชำระแล้วก่อนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปและคิดเป็นร้อยละ 67.00 หลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป ให้คำรับรองต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าจะไม่นำหุ้นจำนวนดังกล่าวออกจำหน่ายเป็นระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน นับแต่วันที่หลักทรัพย์ของบริษัทเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยเมื่อครบกำหนดระยะเวลาทุกๆ 6 เดือน ผู้ถือหุ้นดังกล่าวได้รับการผ่อนผันให้ทยอยขายหุ้นหรือหลักทรัพย์ที่ถูกสั่งห้ามขายได้ในจำนวนร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นหรือหลักทรัพย์ทั้งหมดที่ถูกสั่งห้ามขาย และเมื่อครบกำหนด 1 ปี 6 เดือนสามารถขายส่วนที่เหลือได้ทั้งหมด สถิติ (STATISTICAL SUMMARY) บริษัท ยูนิวานิช น้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) พันบาท บาท/หุ้น* ปี รายได้ กำไร (ขาดทุน) กำไร (ขาดทุน) เงินปันผล มูลค่าหุ้นตาม เงินปันผล จากการขาย สุทธิ สุทธิ บัญชี ต่อกำไร (%) 2543 1,286,676 234,798 2.83 1.70 8.46 602544 1,442,772 207,120 2.50 1.75 9.01 702545 1,589,379 222,501 2.69 4.75 6.70 177งวด 6 เดือน ปี 2546 983,465 258,743 3.12 2.00 9.07 64งวด 9 เดือน ปี 2546 1,596,871 376,864 4.55 - 8.50 0*มูลค่าที่ตราไว้ 5 บาทต่อหุ้นจำนวน 82,851,200 หุ้น บริษัท ยูนิวานิช น้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) สำหรับรอบบัญชีปีสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม ปี 2543 ปี 2544 และปี 2545 สำหรับรอบบัญชีงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2546 และสำหรับรอบบัญชีงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2546 หน่วย: พันบาท 2543 2544 2545 งวด 6 เดือน งวด 9 เดือน ปี 2546 ปี 2546เงินสดและเงินฝากธนาคาร 60,859 78,835 19,226 157,566 111,791ลูกหนี้การค้าสุทธิ 68,159 58,079 88,932 43,143 44,344สินค้าคงเหลือสุทธิ 77,136 45,622 11,679 91,576 79,189สินค้าหมุนเวียนอื่น 10,354 15,485 6,200 6,976 6,200สวนปาล์ม 150,181 152,701 159,076 159,283 158,539ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 428,976 477,772 492,624 510,924 505,341สินทรัพย์ทั้งหมด 797,821 831,152 780,933 972,370 910,295เจ้าหนี้การค้า 32,841 18,025 18,518 26,359 12,382เจ้าหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน 0 0 35,000 0 0เงินกู้ยืมระยะยาว (ส่วนที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี) 0 0 20,000 40,000 60,000ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย 19,369 22,699 24,963 28,234 27,242รวมหนี้สิน 96,697 84,469 226,005 220,836 206,344ทุนเรือนหุ้น 414,256 414,256 414,256 414,256 414,256กำไรสะสม 286,868 332,428 140,673 337,277 289,696ส่วนของผู้ถือหุ้น 701,124 746,684 554,929 751,533 703,952รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น 797,821 831,152 780,933 972,370 910,295รายได้รวม 1,298,208 1,444,143 1,595,514 985,719 1,600,837ต้นทุนขาย 937,585 1,091,060 1,224,648 638,893 1,097,544ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 113,959 141,283 133,719 70,756 104,273ดอกเบี้ยจ่าย 0 168 93 2,234 2,965กำไรสุทธิสำหรับปี 234,798 207,120 222,501 258,743 376,864กระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน 297,937 274,043 310,629 290,421 420,471กระแสเงินสดสุทธิจากการลงทุน (191,693) (94,507) (90,982) (54,942) (65,065)กระแสเงินสดสุทธิจากการจัดหาเงิน (152,032) (161,560) (279,256) (97,138) (262,841)เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น (ลดลง) (45,789) 17,976 (59,609) 138,341 92,566จัดทำโดย บล. บัวหลวง จำกัด c:\vasinee\uvan-t.txt
-
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 3
ส่วนใหญ่มองโลกในแง่ดีนะครับ
3 Broker ให้เกิน 33
02 Dec 2003 บทวิเคราะห์หุ้นรายตัว UVAN โดย SYRUS
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... 02uvan.pdf
02 Dec 2003 บทวิเคราะห์หุ้นรายตัว UVAN โดย AYS
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... 031202.pdf
25 Nov 2003 บทวิเคราะห์หุ้นรายตัว UVAN โดย SYRUS
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... 25uvan.pdf
24 Nov 2003 บทวิเคราะห์หุ้นรายตัว UVAN โดย KIMENG
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... uvan_t.pdf
3 Broker ให้เกิน 33
02 Dec 2003 บทวิเคราะห์หุ้นรายตัว UVAN โดย SYRUS
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... 02uvan.pdf
02 Dec 2003 บทวิเคราะห์หุ้นรายตัว UVAN โดย AYS
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... 031202.pdf
25 Nov 2003 บทวิเคราะห์หุ้นรายตัว UVAN โดย SYRUS
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... 25uvan.pdf
24 Nov 2003 บทวิเคราะห์หุ้นรายตัว UVAN โดย KIMENG
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... uvan_t.pdf
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 5
เอ...น่าสนใจครับ
เก้่าเดือน eps 4.5 บาท
ถ้าหนึ่งปี eps 6 บาท
ถ้าหากราคาตลาด 24 บาท
พีอีเท่ากับ 4 เท่า!!!
เอผมคิดอะไรผิดหรือเปล่าครับ
เดี๋ยวต้องไปดูให้ละเอียดอีกที
เก้่าเดือน eps 4.5 บาท
ถ้าหนึ่งปี eps 6 บาท
ถ้าหากราคาตลาด 24 บาท
พีอีเท่ากับ 4 เท่า!!!
เอผมคิดอะไรผิดหรือเปล่าครับ
เดี๋ยวต้องไปดูให้ละเอียดอีกที
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 6
วันนี้ UVAN โผล่ขึ้นมาจากหลุม
เพราะโดนน้ำมนต์คุณ +++ีืunlog :lol: :lol:
ผมไปดูคุณภาพกำไรมาแล้ว คิดว่าเป็นของแท้ครับ
เอ ...แล้วทำไม ผมเพิ่งมาเจอครับเนี่ย
แต่ขอบคุณคุณ +++unlog อีกครั้งครับ
เพราะโดนน้ำมนต์คุณ +++ีืunlog :lol: :lol:
ผมไปดูคุณภาพกำไรมาแล้ว คิดว่าเป็นของแท้ครับ
เอ ...แล้วทำไม ผมเพิ่งมาเจอครับเนี่ย
แต่ขอบคุณคุณ +++unlog อีกครั้งครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 7
ผมไม่แน่ใจเกี่ยวกับ UVAN จึงไม่กล้าซือครับ
1. Volume สูงมากเมื่อทียบกับ Market Cap
2. Production 120% ซึ่งผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากผมอ่าน 56-1 ของ lst พบว่า lst ใช้เพียง 60 % และ ไม่สามารถใช้ 100 %ได้ เนื่องจากเป็นสินค้าการเกษตรตามฤดูกาล
ผมอยากให้ลองดูสินค้าคงเหลือของ lst ในq2 และ q3 ดู ผมไม่แน่ใจว่าทำไมมีสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นถึง 100 กว่าล้านบาท ซึ่งอาจมีผลกับกำไรไตรมาสนี้ :lol:
1. Volume สูงมากเมื่อทียบกับ Market Cap
2. Production 120% ซึ่งผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากผมอ่าน 56-1 ของ lst พบว่า lst ใช้เพียง 60 % และ ไม่สามารถใช้ 100 %ได้ เนื่องจากเป็นสินค้าการเกษตรตามฤดูกาล
ผมอยากให้ลองดูสินค้าคงเหลือของ lst ในq2 และ q3 ดู ผมไม่แน่ใจว่าทำไมมีสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นถึง 100 กว่าล้านบาท ซึ่งอาจมีผลกับกำไรไตรมาสนี้ :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 920
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 10
ราคาน้ำมันปาล์มระหว่าง q2 และ q3 ค่อนข้างต่ำ เพิ่งมาสูงขึ้นตอน q4 และทรงตัวในระดับสูงใน q1 ปีนี้ ไม่แน่ใจว่ามีการกันสินค้าเอาไว้มาปล่อยตอน q4 หรือเปล่า เพราะเท่าที่สังเกตราคาน้ำมันปาล์มขึ้นฤดูหนาวทุกที แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมหุ้นทั้งสองตัวจึงดิ่งนรกลงมาจาก 30 กว่าบาทแล้วก็ไม่ฟื้นตามตัวอื่น วันนี้มีคนมาแงะ UVAN ออกจากหลุม ส่วนเจ้า LST พยายามลุกตามแต่ไปได้แค่บาทเดียวก็มีขาใหญ่ที่ไหนไม่ทราบทุบกลับมาที่ 24 บาท และตั้งกดสเตปละเกือบแสนหุ้นทั้งๆ ที่ตัวนี้ปกติซื้อขายกันน้อยมาก
งงเหมือนกันกับหุ้นสองตัวนี้ ปันผลก็น่าจะได้ประมาณ 8% ค่า PE ก็ต่ำกว่า 10 เขาทำแบบนี้ทำไม ถ้าอยากขายก็ขายลงมาหรือตอนคนไล่ซื้อทำไมต้องตั้งขวางทีละมากๆ ผมจะปรึกษาใครได้ครับ
งงเหมือนกันกับหุ้นสองตัวนี้ ปันผลก็น่าจะได้ประมาณ 8% ค่า PE ก็ต่ำกว่า 10 เขาทำแบบนี้ทำไม ถ้าอยากขายก็ขายลงมาหรือตอนคนไล่ซื้อทำไมต้องตั้งขวางทีละมากๆ ผมจะปรึกษาใครได้ครับ
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4637
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 11
ก็ดีครับ คงจะจ่ายปันผลดี เหมือน UPOIC ของผมนะครับ :lol:
NAME ราคา18/9/03 DATE LAST +/-(%) (%)วันนี้ EPS P/E P/BV D/P%
UVAN 30.00 5/2/2004 25.50 -15.00 16.44 4.55 5.60 3.00 0.00
หนี้สิน ผู้ถือหุ้น หนี้/EQ ทุน รายได้03 กำไร03 ROA(%) ROE(%) PM(%) PAR MarCap
206.34 703.95 0.29 414.256 615.12 118.12 36.33 46.97 19.20 5 2,112.71
เติบโต% EPS03 EPS02 EPS01 EPS00 EPS99 วันXD ปันผล วันจ่าย หมวด
45.83 4.55 3.12 2.69 2.50 2.83 0.00 AGRI
NAME ราคา18/9/03 DATE LAST +/-(%) (%)วันนี้ EPS P/E P/BV D/P%
UVAN 30.00 5/2/2004 25.50 -15.00 16.44 4.55 5.60 3.00 0.00
หนี้สิน ผู้ถือหุ้น หนี้/EQ ทุน รายได้03 กำไร03 ROA(%) ROE(%) PM(%) PAR MarCap
206.34 703.95 0.29 414.256 615.12 118.12 36.33 46.97 19.20 5 2,112.71
เติบโต% EPS03 EPS02 EPS01 EPS00 EPS99 วันXD ปันผล วันจ่าย หมวด
45.83 4.55 3.12 2.69 2.50 2.83 0.00 AGRI
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 12
เท่าที่ผมได้่อ่านรายละเอียดบ้าง ขอสรุปนะครับ
LST และ CPI ทำธุรกิจกลั่นน้ำมันปาล์ม
ีUVAN และ UPOIC ทำธุรกิจผลิตน้ำมันปาล์มดิบ จากเมล็ดและเมล็ดในปาล์ม
๊๊UVAN ทำกำไร 3 ไตรมาสได้ 4.5 บาทต่อหุ้น คิดแบบอนุรักษ์นิยม ไตรมาส 4 ทำไ้ด้อีก 1 บาทต่อหุ้น หรือ 5.5 บาทต่อปี นโยบายปันผล ที่ 50 % จะได้ปันผล 2.75 บาทต่อหุ้นเปรียบเทียบกับราคาหุ้นที่ 25.5 บาท ให้ยิลด์มากกว่า 10 %
คิดเป็นพีอีได้ 4.6 เท่า
๊UPOIC ปันผลมากกว่ากำไรที่ทำได้มาก ติดต่อกันมา 3 ปีแล้ว (ซึ่งไม่น่าจะทำอย่างนี้ได้นานนัก เพราะจะไม่มีเงินไปขยายกิจการ) ผมไม่แน่ใจว่าจะให้ยิลด์ได้เท่าไหร่เพราะไม่แน่ใจตัวเลข UPOIC เทรดที่พีอี 7.74 เท่า
หากให้ UVAN เทรดที่พีอีเท่ากับ UPOIC จะได้ราคาเท่ากับ 43 บาท
ซึ่งไม่น่าจะยุติธรรมสำหรับ UVAN มากนัก เนื่องจาก
- UVAN ปันผลแค่ 50 % ของกำไร ในขณะที่ UPOIC จ่ายมากกว่ากำไร
หากปันผลมากกว่ากำไร UVAN จะให้ยิลด์สูงมาก
- ๊UVAN กำลังก่อสร้าง โรงงานที่ 3 ซึ่งจะแล้วเสร็จในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
ทำให้กำไรมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก แต่ UPOIC ไม่มีแผนขยายงาน
ดังนั้น UVAN ควรซื้อขายที่ราคาสูงกว่า 43 บาท หากเปรียบเทียบกับ ีUPOIC
ข้อควรสังเกตุ
1.๊UVAN ไม่มีการเสียภาษีเงินได้ 8 ปีเนื่องจากได้ BOI ซึ่งโรงที่ 1 เหลืออีก 2 ปี
โรงที่2 อีก 4 ปี โรงที่ 3 กำลังก่อสร้าง หลังจาก8ปี จะเสีย 50 % ของภาษี
2.หากภาษีน้ำมันปาล์มลดลงจากเขตการค้าเสรี อาจจะกระทบต่อ UVAN แต่เนื่องจากปัจจุบันบริษัท มีการส่งออกน้ำมันปาล์มไปต่างประเทศด้วย แสดงว่าประเทศไทยมีความสามารถในการแ่ข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ ระดับหนึ่ง
3.กำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง อาจเนื่องมาจาก ราคาน้ำมันปาล์มสูงขึ้น แต่ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นน้อยกว่า หากราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำ อาจจะำทำให้กำไรลดลง
4.อาจไม่ได้รับการต่อสัญญาทำสวนปาล์มจากรัฐบาล แต่ผลกระทบจะน้อยกว่า UPOIC มาก เนื่องจากมีที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทเองมากกว่า
เ้ป็นข้อมูลเบื้องต้นนะครับ อาจมีข้อผิดพลาดได้ โปรดใช้วิจารณญาณ
และผมมีส่วนได้ส่วนเสีย 11,000 หุ้น กับ UVAN ครับ
LST และ CPI ทำธุรกิจกลั่นน้ำมันปาล์ม
ีUVAN และ UPOIC ทำธุรกิจผลิตน้ำมันปาล์มดิบ จากเมล็ดและเมล็ดในปาล์ม
๊๊UVAN ทำกำไร 3 ไตรมาสได้ 4.5 บาทต่อหุ้น คิดแบบอนุรักษ์นิยม ไตรมาส 4 ทำไ้ด้อีก 1 บาทต่อหุ้น หรือ 5.5 บาทต่อปี นโยบายปันผล ที่ 50 % จะได้ปันผล 2.75 บาทต่อหุ้นเปรียบเทียบกับราคาหุ้นที่ 25.5 บาท ให้ยิลด์มากกว่า 10 %
คิดเป็นพีอีได้ 4.6 เท่า
๊UPOIC ปันผลมากกว่ากำไรที่ทำได้มาก ติดต่อกันมา 3 ปีแล้ว (ซึ่งไม่น่าจะทำอย่างนี้ได้นานนัก เพราะจะไม่มีเงินไปขยายกิจการ) ผมไม่แน่ใจว่าจะให้ยิลด์ได้เท่าไหร่เพราะไม่แน่ใจตัวเลข UPOIC เทรดที่พีอี 7.74 เท่า
หากให้ UVAN เทรดที่พีอีเท่ากับ UPOIC จะได้ราคาเท่ากับ 43 บาท
ซึ่งไม่น่าจะยุติธรรมสำหรับ UVAN มากนัก เนื่องจาก
- UVAN ปันผลแค่ 50 % ของกำไร ในขณะที่ UPOIC จ่ายมากกว่ากำไร
หากปันผลมากกว่ากำไร UVAN จะให้ยิลด์สูงมาก
- ๊UVAN กำลังก่อสร้าง โรงงานที่ 3 ซึ่งจะแล้วเสร็จในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
ทำให้กำไรมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก แต่ UPOIC ไม่มีแผนขยายงาน
ดังนั้น UVAN ควรซื้อขายที่ราคาสูงกว่า 43 บาท หากเปรียบเทียบกับ ีUPOIC
ข้อควรสังเกตุ
1.๊UVAN ไม่มีการเสียภาษีเงินได้ 8 ปีเนื่องจากได้ BOI ซึ่งโรงที่ 1 เหลืออีก 2 ปี
โรงที่2 อีก 4 ปี โรงที่ 3 กำลังก่อสร้าง หลังจาก8ปี จะเสีย 50 % ของภาษี
2.หากภาษีน้ำมันปาล์มลดลงจากเขตการค้าเสรี อาจจะกระทบต่อ UVAN แต่เนื่องจากปัจจุบันบริษัท มีการส่งออกน้ำมันปาล์มไปต่างประเทศด้วย แสดงว่าประเทศไทยมีความสามารถในการแ่ข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ ระดับหนึ่ง
3.กำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง อาจเนื่องมาจาก ราคาน้ำมันปาล์มสูงขึ้น แต่ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นน้อยกว่า หากราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำ อาจจะำทำให้กำไรลดลง
4.อาจไม่ได้รับการต่อสัญญาทำสวนปาล์มจากรัฐบาล แต่ผลกระทบจะน้อยกว่า UPOIC มาก เนื่องจากมีที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทเองมากกว่า
เ้ป็นข้อมูลเบื้องต้นนะครับ อาจมีข้อผิดพลาดได้ โปรดใช้วิจารณญาณ
และผมมีส่วนได้ส่วนเสีย 11,000 หุ้น กับ UVAN ครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 14
22 บาท ถูกมาก กำลังผลิต 120 % นี่ก็จริงครับ ทำแต่ ot ราคาปาลม์เท่าที่อ่านในหนังสือชึ้ชวน ๆq2 q3 ราคาดี ผู้บริหารออกมาให้สัมภาษณ์ว่าq4 จะไม่ดีเหมือน q3 ราคาวันแรกเลยล่วงเอาๆๆๆ ลงมาเท่าราคาจอง จากช่วงเช้าที่ 40 บาท ผมว่าราคาจองก็เหมาะสมที่จะลงทุนรับปันผลแล้ว นี่มีส่วนลดตั้งเยอะ เมื่อวานเลยเข้าซื้อที่ 22 บาท กะกินปันผลแบบ VI ดูบ้าง เพราะเหนื่อยกับหุ้นตลาดมากแล้วครับ ขอสัก 2-3 ตัวไว้กินปันผลบ้างดีกว่า ข้อเสียรู้สึกว่าจะไม่ได้มีโรงกลั่นเหมือน UPOICE ครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 15
อ้อ ปันผลปีนี้ก็อย่าหวังมากครับ เพราะก่อนเข้าตลาดได้ปันผลกำไรปี 46 ไปแล้วส่วนหนึ่งประมาณ 3 บาท คาดว่าปลายปีจะจ่ายได้ประมาณ 0.50 บาท รอปีหน้าจะได้เต็มๆๆครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 16
ไปดูงบการเงินมาแล้ว แปลกใจมากครับ
เพราะหลังจากได้รับเงิน IPO แทบจะไม่มีหนี้เลยครับ
ในขณะที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานมากถึง 4-500 ล้านบาท
เอ...ผมมองโลกในแง่ดี หรือมองข้ามอะไรไปหรือเปล่าครับ
ขอบคุณคุณ another guest ...
- เรื่องผลิตสูงกว่ากำลังการผลิต คงไม่ใช่เรื่องแปลกครับ เพราะมีหลายบริษัทที่เป็นอย่างนี้ อาจจะเกิดจากการเพิ่มกะ หรือ debottomneck บางขั้นตอนก็ได้ครับ
-เรื่องปันผลปีที่ผ่านมา เดี๋ยวผมไปดูรายละเอียดอีกที
เพราะหลังจากได้รับเงิน IPO แทบจะไม่มีหนี้เลยครับ
ในขณะที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานมากถึง 4-500 ล้านบาท
เอ...ผมมองโลกในแง่ดี หรือมองข้ามอะไรไปหรือเปล่าครับ
ขอบคุณคุณ another guest ...
- เรื่องผลิตสูงกว่ากำลังการผลิต คงไม่ใช่เรื่องแปลกครับ เพราะมีหลายบริษัทที่เป็นอย่างนี้ อาจจะเกิดจากการเพิ่มกะ หรือ debottomneck บางขั้นตอนก็ได้ครับ
-เรื่องปันผลปีที่ผ่านมา เดี๋ยวผมไปดูรายละเอียดอีกที
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 18
อิอิ ... ป๋ม ป่าวปั่น นะคร๊าบ
เผอิญใจตรงกับเจ้ามือ และโชคดีที่เมื่อเช้าไม่ได้ต่อราคา
ขอบคุณพี่ลูกอีสาน มากๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
เอ่อ คุณ another guest ข้อมูลจากไหนครับ ที่บอกว่า ปันผลไปแล้ว 3 บาท
ช่วยกรุณา แจ้ง link ให้ผมที่ครับ จักขอบพระคุณง่ะ
อิอิ
เผอิญใจตรงกับเจ้ามือ และโชคดีที่เมื่อเช้าไม่ได้ต่อราคา
ขอบคุณพี่ลูกอีสาน มากๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
เอ่อ คุณ another guest ข้อมูลจากไหนครับ ที่บอกว่า ปันผลไปแล้ว 3 บาท
ช่วยกรุณา แจ้ง link ให้ผมที่ครับ จักขอบพระคุณง่ะ
อิอิ
-
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 19
EPS LST Q102 Q202 Q302 Q402 Q103 Q203 Q303
0.5 0.15 0.36 0.53 0.82 0.81 0.56
EPS UPOIC
0.43 0.33 0.45 0.24 1.43 3.05 0.99
LST & UPOIC q303 ราคาขายปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าต้นทุน กำไรจึงน้อยแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ ใครทราบช่วยอธิบายหน่อยครับ หากใครมีข้อมูลช่วยเปรียบเทียบ EPS UPOIC & UVAN จะได้รู้ว่าน้อยลงเหมือนกันหรือเพราะสาเหตุอื่น
UPOIC มีการเปลี่ยนแปลง EPS มากจนผมไม่รู้ว่าเราควรใช้ค่าใดดี
ผมไม่รู้ว่ากากถั่วเหลืองที่ใช้เลี้ยงสัตว์ เป็นชนิดเดียวกับที่ใช้กลั่นนำมันหรือเปล่า ถ้าใช่ ผมคาดว่าจำนวนถั่วเหลืองจะน้อยลงซึ่งส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มครับ
สรุปแล้วรู้น้อยครับ
0.5 0.15 0.36 0.53 0.82 0.81 0.56
EPS UPOIC
0.43 0.33 0.45 0.24 1.43 3.05 0.99
LST & UPOIC q303 ราคาขายปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าต้นทุน กำไรจึงน้อยแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ ใครทราบช่วยอธิบายหน่อยครับ หากใครมีข้อมูลช่วยเปรียบเทียบ EPS UPOIC & UVAN จะได้รู้ว่าน้อยลงเหมือนกันหรือเพราะสาเหตุอื่น
UPOIC มีการเปลี่ยนแปลง EPS มากจนผมไม่รู้ว่าเราควรใช้ค่าใดดี
ผมไม่รู้ว่ากากถั่วเหลืองที่ใช้เลี้ยงสัตว์ เป็นชนิดเดียวกับที่ใช้กลั่นนำมันหรือเปล่า ถ้าใช่ ผมคาดว่าจำนวนถั่วเหลืองจะน้อยลงซึ่งส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มครับ
สรุปแล้วรู้น้อยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 20
ไปดูรายละเอียดมาอีกครั้ง....
1.เรื่องปันผล UVAN ได้จ่ายปันผลระหว่างการสำหรับงวดปี 2546 ไปแล้ว 2 บาทต่อหุ้น ให้ผู้ถือหุ้นเดิมก่อน IPO ดังนั้นอาจจะจ่ายปันผลงวดสุดท้ายอีกประมาณ 0.5-1 บาท เนื่องจากปีนี้บริษัทมีกำไรมาก
2.กำไรปี 2546 เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มสูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนเพิ่มไม่มากนัก ดังนี้ปีนี้กำไรอาจจะลดลง หากน้ำมันปาล์มในตลาดโลกราคาต่ำลง
3.หลังจากขายหุ้นเพิ่มทุน บริษัทจะได้เงินประมาณ 330 ล้านบาท เพื่อใช้ก่อสร้างโรงงานที่ 3 เริ่มผลิตปลายปีนี้ ,คืนหนี้เงินกู้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ดังนั้นบริษัทจะมีงบการเงินที่แข็งแกร่งมาก เพราะจะไม่มีหนี้เลย (นอกเหนือจากหนี้การค้าปกติ) ดังนั้นบริษัทอาจจะปันผลได้มากกว่านโยบายที่ 50%
4.กิจการมีการเติบโตขึ้นทุกปี และจะเิติบโตอีกหากโรงงานที่ 3 เริ่มเดินเครื่องการผลิต
5.กิจการที่ทำธุรกิจเดียวกับ UVAN คือ UPOIC ซึ่งงบการเงินย้อยหลัง 5ปี
ยอดขายมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่ปันผลมากกว่ากำไรทุกปี อาจเป็นเพราะผู้ถือหุ้นเก่า (ผู้ถือหุ้นใหม่คือ LST) มีความตั้งใจที่จะขายธุรกิจในเืมืองไทย จึงพยายามปันผลมากกว่ากำไร เพื่อให้ได้เงินออกไปมากๆ (ข้อนี้เป็นมุมมองส่วนตัวนะครับ ผู้ถือหุ้น UPOIC อย่าเพิ่งว่านะครับ เพราะผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้)
1.เรื่องปันผล UVAN ได้จ่ายปันผลระหว่างการสำหรับงวดปี 2546 ไปแล้ว 2 บาทต่อหุ้น ให้ผู้ถือหุ้นเดิมก่อน IPO ดังนั้นอาจจะจ่ายปันผลงวดสุดท้ายอีกประมาณ 0.5-1 บาท เนื่องจากปีนี้บริษัทมีกำไรมาก
2.กำไรปี 2546 เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มสูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนเพิ่มไม่มากนัก ดังนี้ปีนี้กำไรอาจจะลดลง หากน้ำมันปาล์มในตลาดโลกราคาต่ำลง
3.หลังจากขายหุ้นเพิ่มทุน บริษัทจะได้เงินประมาณ 330 ล้านบาท เพื่อใช้ก่อสร้างโรงงานที่ 3 เริ่มผลิตปลายปีนี้ ,คืนหนี้เงินกู้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ดังนั้นบริษัทจะมีงบการเงินที่แข็งแกร่งมาก เพราะจะไม่มีหนี้เลย (นอกเหนือจากหนี้การค้าปกติ) ดังนั้นบริษัทอาจจะปันผลได้มากกว่านโยบายที่ 50%
4.กิจการมีการเติบโตขึ้นทุกปี และจะเิติบโตอีกหากโรงงานที่ 3 เริ่มเดินเครื่องการผลิต
5.กิจการที่ทำธุรกิจเดียวกับ UVAN คือ UPOIC ซึ่งงบการเงินย้อยหลัง 5ปี
ยอดขายมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่ปันผลมากกว่ากำไรทุกปี อาจเป็นเพราะผู้ถือหุ้นเก่า (ผู้ถือหุ้นใหม่คือ LST) มีความตั้งใจที่จะขายธุรกิจในเืมืองไทย จึงพยายามปันผลมากกว่ากำไร เพื่อให้ได้เงินออกไปมากๆ (ข้อนี้เป็นมุมมองส่วนตัวนะครับ ผู้ถือหุ้น UPOIC อย่าเพิ่งว่านะครับ เพราะผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้)
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 21
ผมอ่านในกิมเอ็ง พบว่าปี 2002 UVAN มี FCF 310 ล้านบาท หากกู้เงินเพิ่มเติมอีกประมาณ 60 ล้านก็น่าจะสามารถสร้างโรงงานใหม่ได้
ผมเชื่อว่าต้นทุนการเงินจากการกู้ระยะยาวน่าจะต่ำกว่า การเพิ่มทุน เลยไม่แน่ใจว่าเขาจะเพิ่มทุนทำไมครับ
ขอโทษนะครับที่มีแต่สงสัยไม่ค่อยมีข้อมูล
แต่ผมเชื่อว่าการที่บริษัทจ่ายเงินปันผลเยอะแสดงถึงการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่เอาเปรียบ คือไม่ทำพวก Transfer Pricing
อีกอย่างคือบริษัทที่ซื้อหุ้นคืนสมำเสมอน่าจะเกิดจาก
1. คิดว่าราคาต่ำหุ้นกว่าพื้นฐาน
2. มีสภาพคล่องล้น
3.มั่นใจว่ากิจการจะดีขึ้นในอนาคต
ผมเชื่อว่าต้นทุนการเงินจากการกู้ระยะยาวน่าจะต่ำกว่า การเพิ่มทุน เลยไม่แน่ใจว่าเขาจะเพิ่มทุนทำไมครับ
ขอโทษนะครับที่มีแต่สงสัยไม่ค่อยมีข้อมูล
แต่ผมเชื่อว่าการที่บริษัทจ่ายเงินปันผลเยอะแสดงถึงการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่เอาเปรียบ คือไม่ทำพวก Transfer Pricing
อีกอย่างคือบริษัทที่ซื้อหุ้นคืนสมำเสมอน่าจะเกิดจาก
1. คิดว่าราคาต่ำหุ้นกว่าพื้นฐาน
2. มีสภาพคล่องล้น
3.มั่นใจว่ากิจการจะดีขึ้นในอนาคต
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 22
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2547
เรื่อง ข่าวประชาสัมพันธ์บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน)
เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) ขอแจ้งให้ทราบว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านการส่งออกเมล็ดพันธุ์ปาล์มเป็นราย
แรกของประเทศไทยไปยังประเทศโคลัมเบีย ทวีปอเมริกาใต้ การส่งออกเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันล๊อตแรกในเดือนมกราคม
2547 เป็นการส่งออกเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสมที่ผลิตโดยยูนิวานิช จำนวน 150,000 เมล็ด โดยจะมีการส่งออกล็อต
ถัดไปในเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคมตามลำดับ การส่งออกเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันไปอเมริกาใต้นับเป็นความสำเร็จอีก
ก้าวของยูนิวานิช เนื่องจากโคลัมเบียเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของอเมริกาใต้ การที่ประเทศผู้นำในด้าน
การผลิตน้ำมันปาล์มอย่างโคลัมเบียไว้วางใจนำเข้าเมล็ดพันธุ์ปาล์มจากยูนิวานิช แสดงให้เห็นว่าหน่วยงานวิจัยและพัฒนา
ของยูนิวานิชมีความน่าเชื่อถือและสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับโลก
การส่งออกเมล็ดพันธุ์ปาล์มในครั้งนี้ ยังแสดงให้เห็นการพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งของอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันของไทยอีกด้วย
เนื่องจากในอดีตประเทศไทยต้องอาศัยนำเข้าเมล็ดพันธุ์จากต่างประเทศหรือเก็บเมล็ดพันธุ์จากต้นเดิมที่ปลูกไว้มาโดยตลอด
ยูนิวานิชเองก็ได้นำเข้าต้นพันธุ์ปาล์มน้ำมันชั้นเยี่ยมจากโครงการปรับปรุงพันธุ์ต่าง ๆ จากทั่วโลกเพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนา
ให้ได้พันธุ์ปาล์มน้ำมันที่มีคุณภาพ ให้ผลผลิตที่ดี และเหมาะสมกับภูมิอากาศ สายพันธุ์ปาล์ม "ยูนิวานิช" ได้รับการพัฒนาขึ้น
เพื่อให้เหมาะสมสำหรับการปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อการพาณิชย์ภายใต้สภาพแวดล้อมของประเทศไทยโดยเฉพาะ ทำให้เกษตรกร
ผู้ปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศที่มีภูมิอากาศคล้ายคลึงกับทางภาคใต้ของประเทศไทยให้ความสนใจเป็นอันมาก
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน)
โดย นายจอห์น ฮาร์วีย์ เคลนดอน
กรรมการผู้จัดการ
เรื่อง ข่าวประชาสัมพันธ์บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน)
เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) ขอแจ้งให้ทราบว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านการส่งออกเมล็ดพันธุ์ปาล์มเป็นราย
แรกของประเทศไทยไปยังประเทศโคลัมเบีย ทวีปอเมริกาใต้ การส่งออกเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันล๊อตแรกในเดือนมกราคม
2547 เป็นการส่งออกเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสมที่ผลิตโดยยูนิวานิช จำนวน 150,000 เมล็ด โดยจะมีการส่งออกล็อต
ถัดไปในเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคมตามลำดับ การส่งออกเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันไปอเมริกาใต้นับเป็นความสำเร็จอีก
ก้าวของยูนิวานิช เนื่องจากโคลัมเบียเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของอเมริกาใต้ การที่ประเทศผู้นำในด้าน
การผลิตน้ำมันปาล์มอย่างโคลัมเบียไว้วางใจนำเข้าเมล็ดพันธุ์ปาล์มจากยูนิวานิช แสดงให้เห็นว่าหน่วยงานวิจัยและพัฒนา
ของยูนิวานิชมีความน่าเชื่อถือและสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับโลก
การส่งออกเมล็ดพันธุ์ปาล์มในครั้งนี้ ยังแสดงให้เห็นการพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งของอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันของไทยอีกด้วย
เนื่องจากในอดีตประเทศไทยต้องอาศัยนำเข้าเมล็ดพันธุ์จากต่างประเทศหรือเก็บเมล็ดพันธุ์จากต้นเดิมที่ปลูกไว้มาโดยตลอด
ยูนิวานิชเองก็ได้นำเข้าต้นพันธุ์ปาล์มน้ำมันชั้นเยี่ยมจากโครงการปรับปรุงพันธุ์ต่าง ๆ จากทั่วโลกเพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนา
ให้ได้พันธุ์ปาล์มน้ำมันที่มีคุณภาพ ให้ผลผลิตที่ดี และเหมาะสมกับภูมิอากาศ สายพันธุ์ปาล์ม "ยูนิวานิช" ได้รับการพัฒนาขึ้น
เพื่อให้เหมาะสมสำหรับการปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อการพาณิชย์ภายใต้สภาพแวดล้อมของประเทศไทยโดยเฉพาะ ทำให้เกษตรกร
ผู้ปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศที่มีภูมิอากาศคล้ายคลึงกับทางภาคใต้ของประเทศไทยให้ความสนใจเป็นอันมาก
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน)
โดย นายจอห์น ฮาร์วีย์ เคลนดอน
กรรมการผู้จัดการ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 23
invisible_hand เขียน: ผมไม่ได้ตามหุ้นที่ทำธุรกิจปาล์มน้ำมันเลยครับ เคยฟัง uvan ตอน IPO
รู้สึกไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่เพราะดูความสามารถในการแข่งขันระยะยาว
ของไทยจะสู้มาเลย์ไม่ได้ครับ ธุรกิจนี้เป็น commodity เหมือนกันครับ
อัตรากำไรจะขึ้นกับ margin ซึ่งต้องดูความสัมพันธ์ระหว่างราคาสินค้ากับ
ราคาวัตถุดิบ ซึ่งผมเองคิดว่าการอยู่ในกรุงเทพฯ และหากไม่เข้าใจธุรกิจนี้
ลึกซึ้งจะทำให้การวิเคราะห์ทำได้ลำบาก จึงคิดว่าเป็นหุ้นที่ไม่เหมาะกับ
vi ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 24
ผมก็สนใจ uvan ครับ เข้าไปแล้ว 22.00 บาท
http://www.taladhoon.com/taladhoon/yabb ... readid=941
ที่นี้ข้อมูลแน่นจริง ๆ ครับ เสียดายไม่ได้เข้ามาอ่าน
http://www.taladhoon.com/taladhoon/yabb ... readid=941
ที่นี้ข้อมูลแน่นจริง ๆ ครับ เสียดายไม่ได้เข้ามาอ่าน
- +++
- Verified User
- โพสต์: 199
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 25
อิอิ....
เมื่อเช้า มี Panic Buy
จนผมตกใจจนขวัญอ่อน อิอิ...
เลยขอ Cut Gain ไปที่ 29.75 ก่อนละกัน
อิอิ...... ไม่รู้ ขายหมูป่าวง่ะ อิอิ.
..
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุน ควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ
อิอิ ....
เมื่อเช้า มี Panic Buy
จนผมตกใจจนขวัญอ่อน อิอิ...
เลยขอ Cut Gain ไปที่ 29.75 ก่อนละกัน
อิอิ...... ไม่รู้ ขายหมูป่าวง่ะ อิอิ.
..
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุน ควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ
อิอิ ....
แก้ไขล่าสุดโดย +++ เมื่อ อาทิตย์ ก.พ. 15, 2004 10:08 pm, แก้ไขไปแล้ว 2 ครั้ง.
...."เวลา" คือสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุด...
- มดง่าม
- Verified User
- โพสต์: 584
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ครรชิตครับถาม หน่อย เรื่อง UVAN
โพสต์ที่ 26
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2547
เรื่อง ข่าวประชาสัมพันธ์
เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) ขอแจ้งให้ทราบว่า บริษัทฯได้ลงนามในข้อตกลงกับ
Hauke Erden GmbH จากประเทศเยอรมันนี และ IBAT Asia Co.,ltd. จากกรุงเทพฯ
เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากผลพลอยได้จากวัสดุเหลือใช้จากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม IBAT Asia
Co.,Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการนำเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมจากสหภาพยุโรป
มาสู่เอเชียตะวันออก โดยหุ้นส่วนชาวเยอรมันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้จากโรงงาน
ซึ่งย่อยสลายได้โดยกระบวนการทางธรรมชาติและน้ำทิ้งให้เป็นปุ๋ยอินทรีย์และธาตุอาหาร โครงการนี้
มุ่งเน้นการพัฒนาวิธีการที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผลพลอยได้ที่มีมูลค่าน้อยให้สูงขึ้น ขั้นแรกได้ทดสอบ
ประสิทธิภาพของปุ๋ยธรรมชาติ และนำเข้าเครื่องจักรที่จะใช้ในโครงการจากประเทศเยอรมันนีคาดว่า
จะมาถึงในเดือนมีนาคม
โรงงานของยูนิวานิชในจังหวัดกระบี่ผลิตทลายเปล่ามากกว่า 100,000 ตันและกะลาปาล์ม 30,000
ตันต่อปี บริษัทฯ เชื่อว่าตลาดด้านมวลชีวภาพนี้จะเป็นตลาดที่เติบโตขึ้นมาทดแทนปุ๋ยเคมี เส้นใย
สังเคราะห์และเชื้อเพลิงที่ก่อนหน้านี้ผลิตจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยม
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน)
โดย นายจอห์น เคลนดอน
กรรมการผู้จัดการ
:ยังซื้อไม่ได้ รอที่ 20 บาท
เรื่อง ข่าวประชาสัมพันธ์
เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) ขอแจ้งให้ทราบว่า บริษัทฯได้ลงนามในข้อตกลงกับ
Hauke Erden GmbH จากประเทศเยอรมันนี และ IBAT Asia Co.,ltd. จากกรุงเทพฯ
เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากผลพลอยได้จากวัสดุเหลือใช้จากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม IBAT Asia
Co.,Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการนำเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมจากสหภาพยุโรป
มาสู่เอเชียตะวันออก โดยหุ้นส่วนชาวเยอรมันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้จากโรงงาน
ซึ่งย่อยสลายได้โดยกระบวนการทางธรรมชาติและน้ำทิ้งให้เป็นปุ๋ยอินทรีย์และธาตุอาหาร โครงการนี้
มุ่งเน้นการพัฒนาวิธีการที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผลพลอยได้ที่มีมูลค่าน้อยให้สูงขึ้น ขั้นแรกได้ทดสอบ
ประสิทธิภาพของปุ๋ยธรรมชาติ และนำเข้าเครื่องจักรที่จะใช้ในโครงการจากประเทศเยอรมันนีคาดว่า
จะมาถึงในเดือนมีนาคม
โรงงานของยูนิวานิชในจังหวัดกระบี่ผลิตทลายเปล่ามากกว่า 100,000 ตันและกะลาปาล์ม 30,000
ตันต่อปี บริษัทฯ เชื่อว่าตลาดด้านมวลชีวภาพนี้จะเป็นตลาดที่เติบโตขึ้นมาทดแทนปุ๋ยเคมี เส้นใย
สังเคราะห์และเชื้อเพลิงที่ก่อนหน้านี้ผลิตจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยม
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน)
โดย นายจอห์น เคลนดอน
กรรมการผู้จัดการ
:ยังซื้อไม่ได้ รอที่ 20 บาท
เหงาให้ตาย ถ้าไม่ใช่เธอ(หุ้นดี) ไม่เอา
ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ
ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ