WG ปันผล 2.50 บาท แถมมี ESOP ซะด้วย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
WG ปันผล 2.50 บาท แถมมี ESOP ซะด้วย
โพสต์ที่ 1
ที่ ตล002/50
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550
เรื่อง แจ้งกำหนดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ครั้งที่ 40
แจ้งกำหนดการปิดพักสมุดทะเบียนหุ้นและการจ่ายเงินปันผล
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
คณะกรรมการบริษัท ไว้ท์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้มีการประชุมครั้งที่ 1/2550 เมื่อวันที่
27 กุมภาพันธ์ 2550 และได้มีมติดังต่อไปนี้
1. พิจารณารับรองรายงานการประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 4/2549
2. พิจารณารับรองรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งที่ 39 เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2549
3. พิจารณาอนุมัติงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนประจำปี 2549 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549
4. มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2549 เป็นจำนวนเงินหุ้นละ 2.50 บาท
(สองบาทห้าสิบสตางค์) โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม 2550
5. พิจารณาเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ต้องออกตามวาระ
6. พิจารณาแต่งตั้งผู้สอบบัญชีและกำหนดสินจ้างประจำปีภาษี 2550
7. พิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญให้แก่ผู้บริหาร
8. มีมติให้กำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งที่ 40 ในวันพฤหัสบดี ที่
26 เมษายน 2550 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมใหญ่ บริษัท ไว้ท์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
โดยมีวาระการประชุมดังต่อไปนี้
วาระที่ 1 พิจารณารับรองรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งที่ 39
วาระที่ 2 รับทราบผลการดำเนินงานประจำปี 2549
วาระที่ 3 พิจารณาอนุมัติงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่
31 ธันวาคม 2549
วาระที่ 4 พิจารณาอนุมัติการจัดสรรกำไร และอนุมัติการจ่ายเงินปันผล
วาระที่ 5 พิจารณาเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ต้องออกตามวาระ
วาระที่ 6 พิจารณากำหนดค่าตอบแทนกรรมการและกรรมการตรวจสอบ
วาระที่ 7 พิจารณาแต่งตั้งผู้สอบบัญชีและกำหนดสินจ้างประจำปีภาษี 2549
วาระที่ 8 พิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญให้แก่ผู้บริหาร
วาระที่ 9 พิจารณาเรื่องอื่นๆ (ถ้ามี)
............./2
บริษัท ไว้ท์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หน้า 2
บริษัทฯ จะทำการปิดพักสมุดทะเบียนหุ้นในวันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2550 เวลา 12.00 น.
จนกว่าการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งที่ 40 จะแล้วเสร็จเพื่อสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนใน
การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งที่ 40 และเพื่อสิทธิในการรับ เงินปันผล
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
( อารยา เตชานันท์ )
กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550
เรื่อง แจ้งกำหนดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ครั้งที่ 40
แจ้งกำหนดการปิดพักสมุดทะเบียนหุ้นและการจ่ายเงินปันผล
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
คณะกรรมการบริษัท ไว้ท์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้มีการประชุมครั้งที่ 1/2550 เมื่อวันที่
27 กุมภาพันธ์ 2550 และได้มีมติดังต่อไปนี้
1. พิจารณารับรองรายงานการประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 4/2549
2. พิจารณารับรองรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งที่ 39 เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2549
3. พิจารณาอนุมัติงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนประจำปี 2549 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549
4. มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2549 เป็นจำนวนเงินหุ้นละ 2.50 บาท
(สองบาทห้าสิบสตางค์) โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม 2550
5. พิจารณาเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ต้องออกตามวาระ
6. พิจารณาแต่งตั้งผู้สอบบัญชีและกำหนดสินจ้างประจำปีภาษี 2550
7. พิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญให้แก่ผู้บริหาร
8. มีมติให้กำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งที่ 40 ในวันพฤหัสบดี ที่
26 เมษายน 2550 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมใหญ่ บริษัท ไว้ท์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
โดยมีวาระการประชุมดังต่อไปนี้
วาระที่ 1 พิจารณารับรองรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งที่ 39
วาระที่ 2 รับทราบผลการดำเนินงานประจำปี 2549
วาระที่ 3 พิจารณาอนุมัติงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่
31 ธันวาคม 2549
วาระที่ 4 พิจารณาอนุมัติการจัดสรรกำไร และอนุมัติการจ่ายเงินปันผล
วาระที่ 5 พิจารณาเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ต้องออกตามวาระ
วาระที่ 6 พิจารณากำหนดค่าตอบแทนกรรมการและกรรมการตรวจสอบ
วาระที่ 7 พิจารณาแต่งตั้งผู้สอบบัญชีและกำหนดสินจ้างประจำปีภาษี 2549
วาระที่ 8 พิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญให้แก่ผู้บริหาร
วาระที่ 9 พิจารณาเรื่องอื่นๆ (ถ้ามี)
............./2
บริษัท ไว้ท์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หน้า 2
บริษัทฯ จะทำการปิดพักสมุดทะเบียนหุ้นในวันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2550 เวลา 12.00 น.
จนกว่าการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งที่ 40 จะแล้วเสร็จเพื่อสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนใน
การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งที่ 40 และเพื่อสิทธิในการรับ เงินปันผล
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
( อารยา เตชานันท์ )
กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
WG ปันผล 2.50 บาท แถมมี ESOP ซะด้วย
โพสต์ที่ 3
Trend กำลังมาแรง ... esop กันใหญ่ .. ไม่ชอบเลยจริงๆ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
WG ปันผล 2.50 บาท แถมมี ESOP ซะด้วย
โพสต์ที่ 7
สำหรับเรื่อง ESOP ถ้าเป็นมุมมองของนักลงทุนในต่างประเทศจะมองว่าเป็นการให้แรงจูงใจสำหรับผู้บริหารหรือพนักงานในการมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของเพื่อที่จะได้ทำงานอย่างตั้งใจมากขึ้นเพราะมีส่วนได้ส่วนเสียในบริษัท โดยปกติแล้วการให้ ESOP จะมีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับหุ้นทั้งหมดและมี silent period กำหนดไว้ด้วย ผมคิดว่าในระยะยาวไม่เลวร้ายครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
WG ปันผล 2.50 บาท แถมมี ESOP ซะด้วย
โพสต์ที่ 8
ที่ปันผลปีนี้น้อย เป็นเพราะต้องการเก็บเงินมากขึ้น หลังจากเสียไปกับค่าที่ดินและคลังจาก Amcor ไปกว่า 150 ล้าน หรือเปล่า?
เงินเดือนผู้บริหาร WG น้อยเกินไป เทียบกับประสิทธิภาพการทำงาน และผลประกอบการของบริษัทหรือเปล่า? ถึงต้องออก ESOP มาให้เพิ่ม แจกเป็นหุ้นเลย หรือสิทธิในการซื้อหุ้นที่ราคาที่กำหนด มี Silence Period ระยะเวลาเท่าไหร่ แจกเป็นจำนวนทั้งหมดกี่หุ้น รวมมูลค่าเท่าไหร่?
ที่ผมสงสัยก็คือ บริษัทเอาหุ้นที่ไหนมาเป็น ESOP มีอยู่แล้ว หรือว่าซื้อคืนจากตลาด หรือว่าเพิ่มทุน? (คงไม่) ถ้าเป็นอย่างที่ 2 (ซื้อคืน) คงไม่แปลกใจ ที่ปันผลได้ 2.50 เพราะต้องกันเงิน มาซื้อหุ้น :lol: :lol: :lol:
ประชุมผู้ถือหุ้นไปกันเยอะ ๆ นะครับ คงมีเรื่องสนุก ๆ เยอะเลย ผมอยากถามทั้งเรื่องการออกงบช้า ประสิทธิภาพการบริการเงินสดในมือ ปันผล รวมถึงเรื่องใหม่ ESOP ด้วย
เงินเดือนผู้บริหาร WG น้อยเกินไป เทียบกับประสิทธิภาพการทำงาน และผลประกอบการของบริษัทหรือเปล่า? ถึงต้องออก ESOP มาให้เพิ่ม แจกเป็นหุ้นเลย หรือสิทธิในการซื้อหุ้นที่ราคาที่กำหนด มี Silence Period ระยะเวลาเท่าไหร่ แจกเป็นจำนวนทั้งหมดกี่หุ้น รวมมูลค่าเท่าไหร่?
ที่ผมสงสัยก็คือ บริษัทเอาหุ้นที่ไหนมาเป็น ESOP มีอยู่แล้ว หรือว่าซื้อคืนจากตลาด หรือว่าเพิ่มทุน? (คงไม่) ถ้าเป็นอย่างที่ 2 (ซื้อคืน) คงไม่แปลกใจ ที่ปันผลได้ 2.50 เพราะต้องกันเงิน มาซื้อหุ้น :lol: :lol: :lol:
ประชุมผู้ถือหุ้นไปกันเยอะ ๆ นะครับ คงมีเรื่องสนุก ๆ เยอะเลย ผมอยากถามทั้งเรื่องการออกงบช้า ประสิทธิภาพการบริการเงินสดในมือ ปันผล รวมถึงเรื่องใหม่ ESOP ด้วย
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
WG ปันผล 2.50 บาท แถมมี ESOP ซะด้วย
โพสต์ที่ 10
เพิ่งกลับไปดูงบการเงินไตรมาส 3 ก็พอจะเข้าใจว่าที่ปันผลน้อยเพราะบริษัท อาจจะต้องการให้มีเงินสดไว้ใช้เป็นสภาพคล่องในบริษัทมากขึ้น (คงไม่ชินกับการมีเงินในกระเป๋าน้อย) คงต้องรอดูงบการเงินว่า สิ้นปีบริษัทมีเงินในมือเท่าไหร่ แล้วค่อยว่ากันอีกทีครับ ว่าการปันผล 2.5 บาท นั้น ยอมรับได้หรือเปล่า
และถ้าบริษัทมีเงินสดในมือมาก และหรือ FCF พอที่จะจ่าย 3.00 ได้ แต่ไม่จ่าย คงต้องมีคำอธิบายบ้างว่า จะเก็บเงินไว้ทำไม เพราะที่ผ่าน ๆ มา บริษัทมีประสิทธิภาพในการทำกำไรได้อย่างเป็นที่ประทับใจ แต่เรื่องการนำเงินสดไปใช้ บอกตรง ๆ ว่า ไม่ประทับใจตั้งแต่เอาร้อยล้านไปเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์แล้ว ...
และถ้าบริษัทมีเงินสดในมือมาก และหรือ FCF พอที่จะจ่าย 3.00 ได้ แต่ไม่จ่าย คงต้องมีคำอธิบายบ้างว่า จะเก็บเงินไว้ทำไม เพราะที่ผ่าน ๆ มา บริษัทมีประสิทธิภาพในการทำกำไรได้อย่างเป็นที่ประทับใจ แต่เรื่องการนำเงินสดไปใช้ บอกตรง ๆ ว่า ไม่ประทับใจตั้งแต่เอาร้อยล้านไปเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์แล้ว ...
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1257
- ผู้ติดตาม: 0
WG ปันผล 2.50 บาท แถมมี ESOP ซะด้วย
โพสต์ที่ 11
[quote="akekarat"]ที่ผมสงสัยก็คือ บริษัทเอาหุ้นที่ไหนมาเป็น ESOP มีอยู่แล้ว หรือว่าซื้อคืนจากตลาด หรือว่าเพิ่มทุน? (คงไม่) ถ้าเป็นอย่างที่ 2 (ซื้อคืน) คงไม่แปลกใจ ที่ปันผลได้ 2.50 เพราะต้องกันเงิน มาซื้อหุ้น
"Price is what you pay. Value is what you get."
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4940
- ผู้ติดตาม: 1
WG ปันผล 2.50 บาท แถมมี ESOP ซะด้วย
โพสต์ที่ 13
ปันเพิ่ม .25 เอง เพิ่มประมาณ 5% กว่าๆเกือบ 6
แต่ยังไม่รู้ว่ากำไรเพิ่มเท่าไหร่แน่..อิอิ
ตัวนี้ก็ไม่มีแล้วเหมือนกันครับ ไว้ซื้อสัก 100 หุ้นก่อน xd ไว้เผื่อไปประชุม
ไปตั้งแต่ 30 นู้น
แต่ยังไม่รู้ว่ากำไรเพิ่มเท่าไหร่แน่..อิอิ
ตัวนี้ก็ไม่มีแล้วเหมือนกันครับ ไว้ซื้อสัก 100 หุ้นก่อน xd ไว้เผื่อไปประชุม
ไปตั้งแต่ 30 นู้น
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
WG ปันผล 2.50 บาท แถมมี ESOP ซะด้วย
โพสต์ที่ 19
ไตรมาส 4 ทำกำไรได้ 0.96 บาท ต่อหุ้น ตกลงมากจาก 3 ไตรมาสแรกที่เฉลี่ย 1.56 บาท ต่อหุ้น แต่ผลตอบแทนรายปีถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีครับ
เงินสดในมือ 32.7 ล้านบาท กับเงินฝากประจำไถ่ถอนได้ กุมภา-พฤศจิกา 50 อีก 110 ล้านบาท
ออกมาแนว ๆ เดิมครับ เงินสดบริษัทขอถือไว้ในธนาคารอีกแล้ว (ถ้าคิดไม่ได้ดีกว่านั้น เช่น ขยายกิจการ ทำไมไม่ปันผลออกมา) ผมอยากทราบจริง ๆ ว่า กองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนไปเนี่ย ได้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย MLR + .xx ตามที่เคยบอกมาจริงหรือเปล่า ที่ดินและคลังที่ได้จากแอมคอร์ ทำรายได้ ได้ขนาดไหน กลัวจริง ๆ ว่า บริษัทจะเอาเงินสดที่มี ไปทำอะไรแปลก ๆ อีก
นี่แค่ข้อสงสัยแรก ๆ ครับ คิดว่าไงกันครับ
เงินสดในมือ 32.7 ล้านบาท กับเงินฝากประจำไถ่ถอนได้ กุมภา-พฤศจิกา 50 อีก 110 ล้านบาท
ออกมาแนว ๆ เดิมครับ เงินสดบริษัทขอถือไว้ในธนาคารอีกแล้ว (ถ้าคิดไม่ได้ดีกว่านั้น เช่น ขยายกิจการ ทำไมไม่ปันผลออกมา) ผมอยากทราบจริง ๆ ว่า กองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนไปเนี่ย ได้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย MLR + .xx ตามที่เคยบอกมาจริงหรือเปล่า ที่ดินและคลังที่ได้จากแอมคอร์ ทำรายได้ ได้ขนาดไหน กลัวจริง ๆ ว่า บริษัทจะเอาเงินสดที่มี ไปทำอะไรแปลก ๆ อีก
นี่แค่ข้อสงสัยแรก ๆ ครับ คิดว่าไงกันครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
WG ปันผล 2.50 บาท แถมมี ESOP ซะด้วย
โพสต์ที่ 22
ที่จริงแล้ว ไตรมาสนี้บริษัททำผลการดำเนินงานได้ดีมากครับ
แต่ที่มีกำไรในไตรมาสที่ 4 ปี 49 น้อยกว่า ไตรมาสที่ 4 ปี 48 จำนวน 3.65 ล้านบาท และน้อยกว่าทุกไตรมาสในปี 49
เนื่องจาก ในไตรมาสนี้ บริษัทมีการตั้งสำรองเงินบำเหน็จพนักงานสูงถึง 11.37 ล้านบาท จากปรกติก็ตั้งสำรองไตรมาสละ 0.60 - 0.70 ล้านบาท
จากหมายเหตุประกอบงบการเงิน เข้าใจว่า บริษัทคงตั้งสำรองงวดเดียวเลย แทนที่จะทะยอยตั้งสำรองทีละไตรมาส
ซึ่งถ้าบริษัทตั้งสำรองเท่าเดิมคือไตรมาสละ 0.70 ล้านบาท บริษัทจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 10.67 ล้านบาท เป็น 27.69 ล้านบาท หรือ 1.55 บาทต่อหุ้นครับ
แต่ที่มีกำไรในไตรมาสที่ 4 ปี 49 น้อยกว่า ไตรมาสที่ 4 ปี 48 จำนวน 3.65 ล้านบาท และน้อยกว่าทุกไตรมาสในปี 49
เนื่องจาก ในไตรมาสนี้ บริษัทมีการตั้งสำรองเงินบำเหน็จพนักงานสูงถึง 11.37 ล้านบาท จากปรกติก็ตั้งสำรองไตรมาสละ 0.60 - 0.70 ล้านบาท
จากหมายเหตุประกอบงบการเงิน เข้าใจว่า บริษัทคงตั้งสำรองงวดเดียวเลย แทนที่จะทะยอยตั้งสำรองทีละไตรมาส
ซึ่งถ้าบริษัทตั้งสำรองเท่าเดิมคือไตรมาสละ 0.70 ล้านบาท บริษัทจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 10.67 ล้านบาท เป็น 27.69 ล้านบาท หรือ 1.55 บาทต่อหุ้นครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
WG ปันผล 2.50 บาท แถมมี ESOP ซะด้วย
โพสต์ที่ 24
ผมว่า ไร้เงินสด เพราะปันผลให้ผู้ถือหุ้น หรือเอาไปลงทุนกับโอกาสที่ดี หรือ เพิ่มทุน เพราะมองเห็นโอกาสทำกำไร เป็นเรื่องที่ดีนะครับnanchan เขียน:ถ้าปันผลออกมาหมด
ทีหลังพวกคุณก็ไม่อยากถือหุ้นบริษัทแล้วซิครับ
กลายเป็นหุ้นไร้เงินสด
ทีนี้ ก็กลายเป็นว่า หุ้นเค้าไม่ดีอีก พอจะเพิ่มทุนเดี่ยวก็มาบ่นกันอีก
แต่เงินล้นมือ เอาไปฝากธนาคาร กินดอกเบี้ย หรือ เอาไปลงทุนแปลก ๆ ผลตอบแทนน้อย อันนี้ ..... ครับ
ไม่เหมือนกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
WG ปันผล 2.50 บาท แถมมี ESOP ซะด้วย
โพสต์ที่ 26
มองได้ว่า ต่อไปจากนี้ กับพนักงานชุดนี้ บริษัทไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองเพิ่ม ในไตรมาสต่อ ๆ ไป น่าจะเป็นอย่างนี้เปล่าครับณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2549 บริษัทและกลุ่มบริษัทได้บันทึกประมาณการหนี้สินจำนวน 17 ล้านบาทและ 17.68 ล้านบาทตามลำดับ (พ.ศ. 2548 : 3.72 ล้านบาท และ 3.72 ล้านบาท) โดยประมาณตามฐานเงินเดือนในอนาคตและอัตราที่พนักงานมีสิทธิได้รับผลประโยชน์ตามที่กฎหมายแรงงานกำหนด ซึ่งคำนวณตามจำนวนปีที่พนักงานทำงานให้บริษัทจนถึงวันที่สิ้นสุดการทำงานในอนาคต และคิดลดกลับมาเป็นมูลค่าปัจจุบันด้วยอัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยของเงินฝากประจำของธนาคารที่บริษัทใช้บริการ ประมาณการผลประโยชน์เงินบำเหน็จพนักงานคำนวณโดยผู้บริหารของบริษัท โดยบริษัทมิได้ใช้ผู้เชี่ยวชาญในการคำนวณทางสถิติอิสระในการคำนวณยอดประมาณการดังกล่าว
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
WG ปันผล 2.50 บาท แถมมี ESOP ซะด้วย
โพสต์ที่ 28
ขออนุญาติ แสดงความเห็นนิดนึง พร้อมกับการยกตัวอย่างหุ้นในอดีต 10 กว่าปีมาแล้ว นะครับ ในเรื่องการปันผลออกมามากๆ
ผมว่าถ้ารัก WG อยากอยู่กับเขานานๆ จริงๆ ให้เขาเก็บเงินไว้บ้างเถิดครับ
Once upon a time........
เมื่อปี 2537-38 ตอนนั้น มีหุ้นอยู่ตัวนึง ชื่อว่า sanyo
ที่จำได้เพราะว่าตอนนั้นเริ่มเล่นหุ้น แบบมั่วๆ ตอนนั้น NTV ยัง 20 บาท เองมั๊ง ตอนนั้นแฟนเป็นมาร์....อยู่ในเครือ ฟินวัน ครับ
เรื่องนี้จำได้ดี เพราะอ่านบทสัมภาษณ์เจ้าของคนไทยด้วย
ตอนนั้น sanyo กำไรดี มีเท่าไรปันผลหมดเลย( มั๊ง ถ้าจำไม่ผิด ) คือปันผลดีมากๆ เจ้าของก็เจตนาปันผลออกมามากๆ แล้วเจ้าของก็ให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทไม่เป็นไร หรอก ปันผลมาแล้ว ทุกคนได้ ถ้าเราต้องการลงทุนเพิ่ม เราก็เพิ่มทุน ใครๆก็อยากเพิ่มทุน ร่วมลงทุนด้วยอยู่แล้ว....ซึ่ง ตอนนั้นมันก็จริงอย่างที่เขาพูดแหล่ะครับ
ก็จริงครับ ทีนี้ พอมีเงินสดอยู่ในบริษัทน้อย พอเจอวิกฤตเข้าไปเท่านั้นแหล่ะครับ ไม่มีเงิน แล้วจะหาใครมาเพิ่มทุนหล่ะ ไม่มี จะหากู้เหรอ ไม่มีใครปล่อยเงินมาให้ ท้ายที่สุด ญี่ป่นเข้ามาเพิ่มทุนเอาไปหมดเลย แล้วเอาออกจากตลาด.....
ใครจะนึกว่าจะมีเรื่องปี 2540 เข้ามาได้ ตอนนั้นปี 2537 - 2538 เอง
ถ้าอย่างคุณ akekarat ต้องการเงินมากๆ ต้องหาเงินมาเยอะๆมาซื้อ WG. แล้ว จะได้เข้าไปมีส่วนบริหารบริษัท แล้วมีสิทธิ์ยกมือ ให้ปันผลเยอะๆ
หรือไม่ก็ฉีกบริษัทออกเป็นชิ้นๆ แล้วแยกขาย อาจจะกำไรกว่าเยอะครับ อิอิอิ
อันหลังนี่ ล้อเล่นนะครับ
ดังนั้นอยากบอกว่า ถ้ารักกันจริง ก็อย่าโลภมากเลยครับ อย่าเด็ดกิ่งมะม่วงแบบยับเยินเพียงเพื่อเอาผลมะม่วง จนต้นมะม่วงตายเลยนะครับ
ผมว่าถ้ารัก WG อยากอยู่กับเขานานๆ จริงๆ ให้เขาเก็บเงินไว้บ้างเถิดครับ
Once upon a time........
เมื่อปี 2537-38 ตอนนั้น มีหุ้นอยู่ตัวนึง ชื่อว่า sanyo
ที่จำได้เพราะว่าตอนนั้นเริ่มเล่นหุ้น แบบมั่วๆ ตอนนั้น NTV ยัง 20 บาท เองมั๊ง ตอนนั้นแฟนเป็นมาร์....อยู่ในเครือ ฟินวัน ครับ
เรื่องนี้จำได้ดี เพราะอ่านบทสัมภาษณ์เจ้าของคนไทยด้วย
ตอนนั้น sanyo กำไรดี มีเท่าไรปันผลหมดเลย( มั๊ง ถ้าจำไม่ผิด ) คือปันผลดีมากๆ เจ้าของก็เจตนาปันผลออกมามากๆ แล้วเจ้าของก็ให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทไม่เป็นไร หรอก ปันผลมาแล้ว ทุกคนได้ ถ้าเราต้องการลงทุนเพิ่ม เราก็เพิ่มทุน ใครๆก็อยากเพิ่มทุน ร่วมลงทุนด้วยอยู่แล้ว....ซึ่ง ตอนนั้นมันก็จริงอย่างที่เขาพูดแหล่ะครับ
ก็จริงครับ ทีนี้ พอมีเงินสดอยู่ในบริษัทน้อย พอเจอวิกฤตเข้าไปเท่านั้นแหล่ะครับ ไม่มีเงิน แล้วจะหาใครมาเพิ่มทุนหล่ะ ไม่มี จะหากู้เหรอ ไม่มีใครปล่อยเงินมาให้ ท้ายที่สุด ญี่ป่นเข้ามาเพิ่มทุนเอาไปหมดเลย แล้วเอาออกจากตลาด.....
ใครจะนึกว่าจะมีเรื่องปี 2540 เข้ามาได้ ตอนนั้นปี 2537 - 2538 เอง
ถ้าอย่างคุณ akekarat ต้องการเงินมากๆ ต้องหาเงินมาเยอะๆมาซื้อ WG. แล้ว จะได้เข้าไปมีส่วนบริหารบริษัท แล้วมีสิทธิ์ยกมือ ให้ปันผลเยอะๆ
หรือไม่ก็ฉีกบริษัทออกเป็นชิ้นๆ แล้วแยกขาย อาจจะกำไรกว่าเยอะครับ อิอิอิ
อันหลังนี่ ล้อเล่นนะครับ
ดังนั้นอยากบอกว่า ถ้ารักกันจริง ก็อย่าโลภมากเลยครับ อย่าเด็ดกิ่งมะม่วงแบบยับเยินเพียงเพื่อเอาผลมะม่วง จนต้นมะม่วงตายเลยนะครับ
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
WG ปันผล 2.50 บาท แถมมี ESOP ซะด้วย
โพสต์ที่ 29
ความเห็นส่วนตัวผมคือ จากผลงาน 3 ปี ที่ผ่านมา ผมอยากให้บริษัทนำ FCF ออกมาปันผล มากกว่าเอาไปลงทุนอะไร ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการหลัก แล้วได้ผลตอบแทน "แทบไม่แตกต่าง" กับการฝากประจำครับ จากคำพูดที่ผมเคย ๆ พูด อาจดูเหมือนผมอยากให้บริษัทปันผลให้หมดเลย แต่ความรู้สึกจริง ๆ คือผมไม่เคยอยากแตะต้องส่วนที่เป็น liquidity หรือ reserve, แต่เฉพาะ FCF ที่ทางผู้บริหารมีแนวคิดการลงทุน "แปลก ๆ" เท่านั้น บางทีอาจเป็นเพราะเราคิดว่า บริษัทเอาเงินไปลงทุนไม่ค่อยเข้าตา เท่านั้นแหละครับถ้าอย่างคุณ akekarat ต้องการเงินมากๆ ต้องหาเงินมาเยอะๆมาซื้อ WG. แล้ว จะได้เข้าไปมีส่วนบริหารบริษัท แล้วมีสิทธิ์ยกมือ ให้ปันผลเยอะๆ
ไม่มีทางทำแน่ ๆ ครับ ต่อให้มีเงินเยอะถึงขนาดนั้น (จริง ๆ แล้วผมว่า หุ้น ESOP ที่ให้ผู้บริหารคนที่ได้น้อยสุด อาจจะได้มากกว่าทั้งหมดที่ผมมีด้วยซ้ำ 555) เพราะผมมองว่ากิจการ WG เป็นห่านทองคำของจริงนะหรือไม่ก็ฉีกบริษัทออกเป็นชิ้นๆ แล้วแยกขาย อาจจะกำไรกว่าเยอะครับ อิอิอิ
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
WG ปันผล 2.50 บาท แถมมี ESOP ซะด้วย
โพสต์ที่ 30
ทางออกสำหรับบริษัทที่มี Cash มากแล้วยังไม่มี Project ไปทำอะไรที่ชัดเจน แถมเอาไปลงทุนอื่น ๆ ผลตอบแทนไม่คุ้มนั้น
1. อาจจ่ายปันผลเพิ่มเติมเหมือนที่หลายท่านแสดงความเห็นไว้ แต่วิธีนี้ก็มีข้อเสียคือแสดงให้เห็นว่าในระยะสั้น ๆ การเติบโตของบริษัทอาจชะลอตัวได้ เพราะมีเงินลงทุนน้อยลง เอามาจ่ายปันผลเพิ่มขึ้นครับ นอกจากนี้ก็ทำให้เงินสำรองที่รองรับกับเหตุการณ์อนาคตลดลงไปเหมือนที่หลายคนแสดงความเห็นไว้ครับ
2. หรืออาจทำ Treasury Stock คือ ซื้อหุ้นบริษัทคืนจากตลาดก็ได้ ถ้าเห็นว่า มูลค่าหุ้นที่อยู่ในตลาดปัจจุบัน มีมูลค่าหรือคุณค่าที่มากกว่าราคาปัจจุบันค่อนข้างมากครับ ซึ่งวิธีนี้ ประโยชน์ระยะสั้น แน่นอนจะเกิดประโยชน์กับผู้ถือหุ้นเดิมค่อนข้างมาก เพราะทำให้จำนวนหุ้นนั้นลดลง มี Demand ซื้อหุ้นในตลาดมากขึ้น และเมื่อผลประกอบการออกมา แม้ว่าจะทำให้แม้กำไรเท่าเดิม แต่กำไรต่อหุ้นจะเพิ่มสูงขึ้นครับ (เห็นมีคนเคยแสดงไว้ว่า ผลตอบแทนของบริษัท คิดเป็น ดอกเบี้ยทบต้นอยู่ที่ประมาณ 22% เทียบกับ ไปลงทุนอย่างอื่น ก็น่าจะได้ไม่ถึง 10% ครับ )
แถมถ้ามี Project ชัดเจนในอนาคตแล้ว ก็ค่อยเอาหุ้นที่ซื้อคืนขายกลับเข้าไปในตลาดใหม่ก็ได้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น อัตราการเติบโตของหุ้นจะช่วยลองรับกับปริมาณหุ้นที่ซื้อคืนที่ขายกลับเข้าไปตลาดใหม่ได้ วิธีนี้จะเป็นการเก็บสภาพคล่องไว้กับบริษัทไว้เหมือนเดิมและปลอดภัยกว่าไปลงทุนอื่น ๆ ซึ่งบริษัทไม่รู้ว่าผลตอบแทนมีความเหมาะสมหรือไม่
ปัญหาคงอยู่ที่ว่า ราคาหุ้นของ Wg ขณะนี้ บริษัทมองว่า เป็นราคาที่เหมาะสมกับพื้นฐานแล้วหรือไม่ หรือเป็นราคาที่ต่ำกว่าพื้นฐานครับ
วิธีนี้ หลายบริษัทเคยทำวิธีนี้ ช่วยให้ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์มาก เช่น ราคาหุ้น Se-ed ในอดีตที่ราคาตกต่ำมาก บริษัทก็นำมาใช้ได้อย่างได้ผลนะครับ
หรือ PSL เคยนำมาใช้อย่างได้ผล และปัจจุบัน บริษัทเดินเรือ 3 ตัว คือ TTA RCL และ PSL ที่ราคาเคยอยู่ใกล้เคียงกัน จะเห็นได้ว่า PSL ขณะนี้ราคาอยู่สูงที่สุดครับ และสูงเป็นเท่าตัวเลยครับ อิ อิ
แต่บางตัวก็ล้มเหลวก็มีนะครับ เช่น กลุ่ม อากู๋ทั้งหลาย แม้จะซื้อหุ้นคืน แต่ผลงานแย่ลงมาตามลำดับ จนทำให้ราคายังตกต่ำมาหลายปีแล้วครับ เพิ่งจะค่อย ๆ เริ่มฟื้น แต่เทียบกับที่ราคาตกลงมาก่อนหน้านี้ ก็ยังอีกไกลกว่าจะกลับไปสู่ที่เดิมครับ
:lol:
1. อาจจ่ายปันผลเพิ่มเติมเหมือนที่หลายท่านแสดงความเห็นไว้ แต่วิธีนี้ก็มีข้อเสียคือแสดงให้เห็นว่าในระยะสั้น ๆ การเติบโตของบริษัทอาจชะลอตัวได้ เพราะมีเงินลงทุนน้อยลง เอามาจ่ายปันผลเพิ่มขึ้นครับ นอกจากนี้ก็ทำให้เงินสำรองที่รองรับกับเหตุการณ์อนาคตลดลงไปเหมือนที่หลายคนแสดงความเห็นไว้ครับ
2. หรืออาจทำ Treasury Stock คือ ซื้อหุ้นบริษัทคืนจากตลาดก็ได้ ถ้าเห็นว่า มูลค่าหุ้นที่อยู่ในตลาดปัจจุบัน มีมูลค่าหรือคุณค่าที่มากกว่าราคาปัจจุบันค่อนข้างมากครับ ซึ่งวิธีนี้ ประโยชน์ระยะสั้น แน่นอนจะเกิดประโยชน์กับผู้ถือหุ้นเดิมค่อนข้างมาก เพราะทำให้จำนวนหุ้นนั้นลดลง มี Demand ซื้อหุ้นในตลาดมากขึ้น และเมื่อผลประกอบการออกมา แม้ว่าจะทำให้แม้กำไรเท่าเดิม แต่กำไรต่อหุ้นจะเพิ่มสูงขึ้นครับ (เห็นมีคนเคยแสดงไว้ว่า ผลตอบแทนของบริษัท คิดเป็น ดอกเบี้ยทบต้นอยู่ที่ประมาณ 22% เทียบกับ ไปลงทุนอย่างอื่น ก็น่าจะได้ไม่ถึง 10% ครับ )
แถมถ้ามี Project ชัดเจนในอนาคตแล้ว ก็ค่อยเอาหุ้นที่ซื้อคืนขายกลับเข้าไปในตลาดใหม่ก็ได้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น อัตราการเติบโตของหุ้นจะช่วยลองรับกับปริมาณหุ้นที่ซื้อคืนที่ขายกลับเข้าไปตลาดใหม่ได้ วิธีนี้จะเป็นการเก็บสภาพคล่องไว้กับบริษัทไว้เหมือนเดิมและปลอดภัยกว่าไปลงทุนอื่น ๆ ซึ่งบริษัทไม่รู้ว่าผลตอบแทนมีความเหมาะสมหรือไม่
ปัญหาคงอยู่ที่ว่า ราคาหุ้นของ Wg ขณะนี้ บริษัทมองว่า เป็นราคาที่เหมาะสมกับพื้นฐานแล้วหรือไม่ หรือเป็นราคาที่ต่ำกว่าพื้นฐานครับ
วิธีนี้ หลายบริษัทเคยทำวิธีนี้ ช่วยให้ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์มาก เช่น ราคาหุ้น Se-ed ในอดีตที่ราคาตกต่ำมาก บริษัทก็นำมาใช้ได้อย่างได้ผลนะครับ
หรือ PSL เคยนำมาใช้อย่างได้ผล และปัจจุบัน บริษัทเดินเรือ 3 ตัว คือ TTA RCL และ PSL ที่ราคาเคยอยู่ใกล้เคียงกัน จะเห็นได้ว่า PSL ขณะนี้ราคาอยู่สูงที่สุดครับ และสูงเป็นเท่าตัวเลยครับ อิ อิ
แต่บางตัวก็ล้มเหลวก็มีนะครับ เช่น กลุ่ม อากู๋ทั้งหลาย แม้จะซื้อหุ้นคืน แต่ผลงานแย่ลงมาตามลำดับ จนทำให้ราคายังตกต่ำมาหลายปีแล้วครับ เพิ่งจะค่อย ๆ เริ่มฟื้น แต่เทียบกับที่ราคาตกลงมาก่อนหน้านี้ ก็ยังอีกไกลกว่าจะกลับไปสู่ที่เดิมครับ
:lol: