ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 1
หลังจากพาลูกไปสอบที่สาธิตเกษตรมาแล้ว แต่ยังเหลือสาธิตจุฬาอีกที่หนึ่ง ผมก็เริ่มมีเวลามานั่งมองเนื้อหาเรื่องนี้แล้ว ดังนั้นก็จะขอเริ่มเปิดประเด็น ชวนสมาชิกมาร่วมกันคิดเรื่องนี้กัน
รูปแบบธุรกิจ ตามความหมายแล้วคือรูปแบบในการหาเงิน หาเงินสดจากกำไรนะครับ และเงินสดที่หาได้ต้องคุ้มกับการลงทุนด้วย ดังนั้นรูปแบบธุรกิจจึงมีอะไรที่มากกว่าการหารายได้
ถ้าเรามาดูสมการกำไรคือ กำไร = รายได้ - ค่าใช้จ่าย
และสมการเงินสดคือ เงินสด = กำไร +- รายการที่ไม่ใช่เงินสดจากกิจกรรมต่างๆ
เรามาเริ่มที่สมการกำไรกันก่อน...
รายได้ นั้นเกิดจาก การผลิต การตลาด การขาย การกำหนดราคา ฯลฯ
ในส่วนรายได้นั้นเราต้องวิเคราะห์ไปถึงเรื่องการแข่งขัน การกำหนดตำแหน่งของสินค้า คู่แข่ง การกำหนดราคา สารพัด ซึ่งนักการตลาดจะต้องทำให้ได้
ค่าใช้จ่าย เกิดจากต้นทุน ต้นทุนเกิดจากสินทรัพย์ที่ถูกใช้ประโยชน์ไปแล้ว ไม่ว่าจะบางส่วน(ค่าเสื่อมราคา) หรือใช้หมดสินไป(จำพวกวัตถุดิบ) ต้นทุนที่หายากที่สุดและสำคัญที่สุดคือต้นทุนทรัพยากรณ์มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร พนักงาน
ตามที่เรารู้ๆกันคือกำไรที่แสดงในงบการเงินแต่ละงวดนั้น อาจไม่ใช่เงินสดทั้งหมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการบริหารเงินทุนหมุนเวียน(working Capital) ซึ่งประกอบไปด้วยการบริหารวัตถุดิบคงเหลือ การบริหารลูกหนี้การค้า การบริหารการจัดซื้อ
ดังนั้น Biz Modelจึงหมายถึง การบริหารทรัพยากรณ์ทั้งหมดของบริษัทหรือแม้จะจัดหาเพิ่ม(ลงทุนเพิ่ม)ให้เกิด รายได้ ในค่าใช้จ่ายที่ต่ำเพื่อให้บริษัทสามารถสร้างกำไรในระดับที่สูงเกินเงินลงทุน และมีเหลือคืนสู่ผู้ถือหุ้น
ผมว่าเรื่องเหล่านี้ Warren Buffettรู้และเข้าใจมานานแล้ว ถ้าเราอยากจะเอาอย่างเขาเราต้องศึกษาแล้วครับ...
สำหรับผมนั้นเป็นนักลงทุนจึงรู้เรื่องแต่ละอย่างๆละนิดละหน่อย แต่ผมเชื่อว่าสมาชิกของเรามีหลายคนที่อยู่ในส่วน ตลาด ขาย ผลิต จัดซื้อ Stockหรือบางท่านอยู่ระดับบริหาร จึงอยากชวนมาร่วมกันเปิดประเด็น เสริมอาวุธทางปัญญากันครับ
รูปแบบธุรกิจ ตามความหมายแล้วคือรูปแบบในการหาเงิน หาเงินสดจากกำไรนะครับ และเงินสดที่หาได้ต้องคุ้มกับการลงทุนด้วย ดังนั้นรูปแบบธุรกิจจึงมีอะไรที่มากกว่าการหารายได้
ถ้าเรามาดูสมการกำไรคือ กำไร = รายได้ - ค่าใช้จ่าย
และสมการเงินสดคือ เงินสด = กำไร +- รายการที่ไม่ใช่เงินสดจากกิจกรรมต่างๆ
เรามาเริ่มที่สมการกำไรกันก่อน...
รายได้ นั้นเกิดจาก การผลิต การตลาด การขาย การกำหนดราคา ฯลฯ
ในส่วนรายได้นั้นเราต้องวิเคราะห์ไปถึงเรื่องการแข่งขัน การกำหนดตำแหน่งของสินค้า คู่แข่ง การกำหนดราคา สารพัด ซึ่งนักการตลาดจะต้องทำให้ได้
ค่าใช้จ่าย เกิดจากต้นทุน ต้นทุนเกิดจากสินทรัพย์ที่ถูกใช้ประโยชน์ไปแล้ว ไม่ว่าจะบางส่วน(ค่าเสื่อมราคา) หรือใช้หมดสินไป(จำพวกวัตถุดิบ) ต้นทุนที่หายากที่สุดและสำคัญที่สุดคือต้นทุนทรัพยากรณ์มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร พนักงาน
ตามที่เรารู้ๆกันคือกำไรที่แสดงในงบการเงินแต่ละงวดนั้น อาจไม่ใช่เงินสดทั้งหมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการบริหารเงินทุนหมุนเวียน(working Capital) ซึ่งประกอบไปด้วยการบริหารวัตถุดิบคงเหลือ การบริหารลูกหนี้การค้า การบริหารการจัดซื้อ
ดังนั้น Biz Modelจึงหมายถึง การบริหารทรัพยากรณ์ทั้งหมดของบริษัทหรือแม้จะจัดหาเพิ่ม(ลงทุนเพิ่ม)ให้เกิด รายได้ ในค่าใช้จ่ายที่ต่ำเพื่อให้บริษัทสามารถสร้างกำไรในระดับที่สูงเกินเงินลงทุน และมีเหลือคืนสู่ผู้ถือหุ้น
ผมว่าเรื่องเหล่านี้ Warren Buffettรู้และเข้าใจมานานแล้ว ถ้าเราอยากจะเอาอย่างเขาเราต้องศึกษาแล้วครับ...
สำหรับผมนั้นเป็นนักลงทุนจึงรู้เรื่องแต่ละอย่างๆละนิดละหน่อย แต่ผมเชื่อว่าสมาชิกของเรามีหลายคนที่อยู่ในส่วน ตลาด ขาย ผลิต จัดซื้อ Stockหรือบางท่านอยู่ระดับบริหาร จึงอยากชวนมาร่วมกันเปิดประเด็น เสริมอาวุธทางปัญญากันครับ
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
สอบถามครับ
โพสต์ที่ 5
ไม่ได้มากวนนะครับ แต่ผมว่า
Biz Model นี้มันกว้างมากๆๆ นะครับ
เพราะ Biz Model ในแต่ละ industry ก็ไม่เหมือนกัน แถม เมื่อลงลึกลงไปใน Industry นั้นๆ เองยังมีข้อที่แตกต่างของมันเองอีก
เลย หากพี่จะกรุณา อยากได้คำจำกัดความมากกว่านี้ครับ
Biz Model นี้มันกว้างมากๆๆ นะครับ
เพราะ Biz Model ในแต่ละ industry ก็ไม่เหมือนกัน แถม เมื่อลงลึกลงไปใน Industry นั้นๆ เองยังมีข้อที่แตกต่างของมันเองอีก
เลย หากพี่จะกรุณา อยากได้คำจำกัดความมากกว่านี้ครับ
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สอบถามครับ
โพสต์ที่ 6
ไม่ได้คิดว่ามากวนครับ ขอบพระคุณมากที่มาร่วมออกความคิดเห็นpath2544 เขียน:ไม่ได้มากวนนะครับ แต่ผมว่า
Biz Model นี้มันกว้างมากๆๆ นะครับ
เพราะ Biz Model ในแต่ละ industry ก็ไม่เหมือนกัน แถม เมื่อลงลึกลงไปใน Industry นั้นๆ เองยังมีข้อที่แตกต่างของมันเองอีก
เลย หากพี่จะกรุณา อยากได้คำจำกัดความมากกว่านี้ครับ
คุณจะสรุปให้มันกว้างมากๆก็ได้ หรือสรุปให้มันแคบๆก็ได้ แล้วแต่เราจะเข้าใจอย่างไร
ผมอ่านในInternetหลายคนให้ความหมาย Biz Model ไม่เหมือนกันด้วยซ้ำ บ้างก็ยาวกว้างมาก บ้างก็สั้นๆได้ใจความ บ้างก็อ่านไม่รู้เรื่องเลย
สิ่งที่ผมสรุปมานั้นมันเป็นสิ่งที่ผมสรุปได้เองจากการที่ผมศึกษามา ส่วนในแต่ละอุตสาหกรรมนั้นจะมีBiz Modelแบบไหนก็แล้วแต่ผู้วิเคราะห์ว่ามันเป็นแบบไหน แม้แต่ในอุตสาหกรรมเดียวกันยังมีBiz Modelที่ไม่เหมือนกันเลยครับ
ในฐานะที่เป็นผู้มองเราก็ต้องดูให้ออกว่า Biz modelไหน work และมันWorkได้อย่างไร ในระยะยาวแล้วจะworkต่อไหม ต้องทำอะไรเพิ่มหรือเปล่าเพื่อให้workต่อไป
ถ้าเรามองดู Biz modelของ TOYOTA แล้วบอกผมได้ว่าเขามีBiz modelแบบไหน น่าจะเป็นแนวทางให้เรามองอุตสาหกรรมอื่นๆได้ต่อไปครับ
ผมรอท่านอื่นมาร่วมคิด ผมถกครับ ไม่มีอะไรจะเสนอต่อ
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
- NinjaTurtle
- Verified User
- โพสต์: 506
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 7
คงต้องดูว่าใน industry นั้นบริษัทได้ทำอะไร ที่เป็นความได้เปรียบ เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
ในสมการนี้ กำไร = รายได้ - ค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่าย เป็นตัวแปรที่ผมคิดว่าเราน่าจะเข้าไปดูมากที่สุด
การบริหารต้นทุน ที่ได้เปรียบน่าจะป็นตัวแปรสำคัญ ในทุกๆอุตสาหกรรมนะครับ เพราะไม่ว่ากลยุทธในการเพิ่มยอดขายจะสวยหรูเท่าไหร่ แต่ถ้าต้นทุนมันเพิ่มเป็นเงาหรือมากกว่าสัดส่วนกำไรที่ได้กลับมา เมื่อเทียบกับเงินลงทุน มันก็ไม่น่าสนใจสักเท่าไหร่
คิดแบบนี้เพื่อนๆ เห็นเป็นยังไงครับ
ในสมการนี้ กำไร = รายได้ - ค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่าย เป็นตัวแปรที่ผมคิดว่าเราน่าจะเข้าไปดูมากที่สุด
การบริหารต้นทุน ที่ได้เปรียบน่าจะป็นตัวแปรสำคัญ ในทุกๆอุตสาหกรรมนะครับ เพราะไม่ว่ากลยุทธในการเพิ่มยอดขายจะสวยหรูเท่าไหร่ แต่ถ้าต้นทุนมันเพิ่มเป็นเงาหรือมากกว่าสัดส่วนกำไรที่ได้กลับมา เมื่อเทียบกับเงินลงทุน มันก็ไม่น่าสนใจสักเท่าไหร่
คิดแบบนี้เพื่อนๆ เห็นเป็นยังไงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 8
ผมขอเเจม อาจารย์มน ครับ ว่า Bussiness Model
ต้องดูความเเข็งเเกร่ง ทางเงินทุน ในงบดุลด้วยครับ
ถ้าบริษัทมี Model ดี สินค้าดี เเต่ ความเเข็งเเกร่งไม่ดี
ก็อาจจะเเย่ถ้า เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิด ขึ้น นะครับ
:lol:
ต้องดูความเเข็งเเกร่ง ทางเงินทุน ในงบดุลด้วยครับ
ถ้าบริษัทมี Model ดี สินค้าดี เเต่ ความเเข็งเเกร่งไม่ดี
ก็อาจจะเเย่ถ้า เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิด ขึ้น นะครับ
:lol:
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 9
ตามที่สรุปไว้ครับ ค่าใช้จ่ายคือต้นทุน ต้นทุนคือสินทรัพย์ที่ยังไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์
สินทรัพย์นั้นเกิดจากเงินลงทุน เงินลงทุนเกิดจาก เงินทุนเริ่มต้นของผู้ถือหุ้น เงินกู้ กำไรสะสม
ค่าใช้จ่ายอีกส่วนหนึ่งคือ เงินทุนหมุนเวียน
ส่วนเงินทุนหมุนเวียนนี้ อาจจะเป็นเงินทุนได้ถ้าบริหารให้ดี
ต่อยอดความคิดกันต่อไปครับ
นั่งฟังไม่เท่านั่งคิดหรอกครับ ได้มากกว่าเยอะ
สินทรัพย์นั้นเกิดจากเงินลงทุน เงินลงทุนเกิดจาก เงินทุนเริ่มต้นของผู้ถือหุ้น เงินกู้ กำไรสะสม
ค่าใช้จ่ายอีกส่วนหนึ่งคือ เงินทุนหมุนเวียน
ส่วนเงินทุนหมุนเวียนนี้ อาจจะเป็นเงินทุนได้ถ้าบริหารให้ดี
ต่อยอดความคิดกันต่อไปครับ
นั่งฟังไม่เท่านั่งคิดหรอกครับ ได้มากกว่าเยอะ
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 10
พี่มน.ผมขออนุญาติพูดจากประสบการณ์ทำธุรกิจซื้อมาขายไปแบบลูกทุ่งในเมืองเล็กๆนะครับ
ในการทำธุรกิจของผมเอง ผมจะมองเป้าหมาย(goal)และมองถึงทิศทางที่จะเดินไป(vision)โดยการกำหนดเป้าหมายจะเริ่มต้นจากวิเคราะห์จากจุดอ่อน-จุดแข็งขององค์กรเราและของคู่แข่ง(ต้องรู้เรารู้เขาให้ได้เสียก่อน)
พอเราได้เส้นทางที่เราต้องการเดินผมก็จะกำหนดกลยุทธ์ในแต่ละสายงานให้เปรียบเสมือนลายผ้าที่เรากำลังจะทอ โดยผมแบ่งสายงานออกเป็น5สาย
คือ
ฝ่ายจัดซื้อ
ฝ่ายบัญชี
ฝ่ายขาย
ฝ่ายการตลาด
ฝ่ายบุคคล
โดยแต่ละสายงานก็จะมีกลยุทธ์ที่สอดคล้องกันโดยมีเป้าหมายคือสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว(สร้างจุดแข็งเพื่อลดจุดอ่อน)ของตัวเองเพื่อที่จะ
1หาช่องทางรายได้ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับgoalเดิม
2รักษาฐานลูกค้ารายเก่าให้เป็นเพื่อน
ส่วนที่สำคัญที่สุดของธุรกิจของผมเองคือ
1ต้องวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของเราและคู่แข่งให้ออก โดยต้องสร้างสนามรบของเราขึ้นมา ให้เราแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้บนสนามเรา
2จงสร้างกลยุทธ์ที่คู่แข่งไม่สามารถลอกเลียนแบบได้(ยิ่งมากยิ่งดี)แต่ต้องlสัมพันธ์และอยู่ในกรอบเป้าหมาย(goal)เดียวกัน
3มีความจริงใจต่อลูกค้า ต้องให้ลูกค้าไว้เนื้อเชื่อใจ จนเป็นเพื่อนคู่ค้าให้ได้
4จงโตอย่างยั่งยืน อย่าไปยึดติดกับยอดขายและกำไรจอมปลอม ที่อยู่นอกเส้นทางและเป้าหมายของเรา
5จงมองพนักงานเราด้วยใจ ไม่ใช่ด้วยเงิน
ปล1.ในส่วนกลยุทธ์นั้นผมขอเก็บไว้เป็นความลับของธุรกิจเพราะถ้าคู่แข่งผมเขาได้มาอ่านหล่ะก็คงไม่ดีต่อธุรกิจผมเป็นแน่ครับ และที่สำคัญมันมีรายละเอียดปลีกย่อยมากพอสมควร เพราะต้องไปโยงกับเป้าหมายและทิศทางที่กำลังเดินไปและจุดอ่อนจุดแข็งของเราและคู่แข่ง
ปล2.จงมองธุรกิจที่เราจะเข้าไปซื้อหุ้น เสมือน การทำธุรกิจ มองให้เป็นรูปแบบการทำธุรกิจของเขา ทิศทางที่เขากำลังจะไป เป้าหมายขององค์กร พอเรามองให้ครบทุกด้าน เราจะมองเห็นกลยุทธ์ที่เขาดำเนินอยู่ และแรงขับเคลื่อนในอนาคตครับ
ผมขอสรุปแผนผังโมเดลธุรกิจได้ดังนี้
เป้าหมาย-------->วิสัยทัศน์------->กลยุทธ์-------->แผนปฎิบัติการ
ในการทำธุรกิจของผมเอง ผมจะมองเป้าหมาย(goal)และมองถึงทิศทางที่จะเดินไป(vision)โดยการกำหนดเป้าหมายจะเริ่มต้นจากวิเคราะห์จากจุดอ่อน-จุดแข็งขององค์กรเราและของคู่แข่ง(ต้องรู้เรารู้เขาให้ได้เสียก่อน)
พอเราได้เส้นทางที่เราต้องการเดินผมก็จะกำหนดกลยุทธ์ในแต่ละสายงานให้เปรียบเสมือนลายผ้าที่เรากำลังจะทอ โดยผมแบ่งสายงานออกเป็น5สาย
คือ
ฝ่ายจัดซื้อ
ฝ่ายบัญชี
ฝ่ายขาย
ฝ่ายการตลาด
ฝ่ายบุคคล
โดยแต่ละสายงานก็จะมีกลยุทธ์ที่สอดคล้องกันโดยมีเป้าหมายคือสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว(สร้างจุดแข็งเพื่อลดจุดอ่อน)ของตัวเองเพื่อที่จะ
1หาช่องทางรายได้ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับgoalเดิม
2รักษาฐานลูกค้ารายเก่าให้เป็นเพื่อน
ส่วนที่สำคัญที่สุดของธุรกิจของผมเองคือ
1ต้องวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของเราและคู่แข่งให้ออก โดยต้องสร้างสนามรบของเราขึ้นมา ให้เราแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้บนสนามเรา
2จงสร้างกลยุทธ์ที่คู่แข่งไม่สามารถลอกเลียนแบบได้(ยิ่งมากยิ่งดี)แต่ต้องlสัมพันธ์และอยู่ในกรอบเป้าหมาย(goal)เดียวกัน
3มีความจริงใจต่อลูกค้า ต้องให้ลูกค้าไว้เนื้อเชื่อใจ จนเป็นเพื่อนคู่ค้าให้ได้
4จงโตอย่างยั่งยืน อย่าไปยึดติดกับยอดขายและกำไรจอมปลอม ที่อยู่นอกเส้นทางและเป้าหมายของเรา
5จงมองพนักงานเราด้วยใจ ไม่ใช่ด้วยเงิน
ปล1.ในส่วนกลยุทธ์นั้นผมขอเก็บไว้เป็นความลับของธุรกิจเพราะถ้าคู่แข่งผมเขาได้มาอ่านหล่ะก็คงไม่ดีต่อธุรกิจผมเป็นแน่ครับ และที่สำคัญมันมีรายละเอียดปลีกย่อยมากพอสมควร เพราะต้องไปโยงกับเป้าหมายและทิศทางที่กำลังเดินไปและจุดอ่อนจุดแข็งของเราและคู่แข่ง
ปล2.จงมองธุรกิจที่เราจะเข้าไปซื้อหุ้น เสมือน การทำธุรกิจ มองให้เป็นรูปแบบการทำธุรกิจของเขา ทิศทางที่เขากำลังจะไป เป้าหมายขององค์กร พอเรามองให้ครบทุกด้าน เราจะมองเห็นกลยุทธ์ที่เขาดำเนินอยู่ และแรงขับเคลื่อนในอนาคตครับ
ผมขอสรุปแผนผังโมเดลธุรกิจได้ดังนี้
เป้าหมาย-------->วิสัยทัศน์------->กลยุทธ์-------->แผนปฎิบัติการ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 341
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 12
ขอเรียนด้วยคนครับ :)
- Linzhi
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1522
- ผู้ติดตาม: 1
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 13
Biz Model คือการวางผังกลยุทธ์ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ ผมมองแยกอยู่สองแบบ โดยใช้กระดานหมากรุกเป็นตัวเปรียบเทียบ (ขอบคุณคุณ Mon ที่ช่วยให้ความคิดพรั่งพรู แต่ไม่รู้ตรงประเด็นรึเปล่านะครับ :lol: )
ถ้าเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ผมเห็นว่าเค้าให้คุณค่าเรื่องงานวิจัย(ค่าใช้จ่าย) และการนำมาสร้างเป็นกำไร (รายได้ที่มากกว่า) โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ ซึ่งประเทศพัฒนาแล้วเป็นที่อยู่ที่ดีของ Biz Model แบบนี้เพราะมีทรัพยากรบุคคลชั้นเยี่ยม (บนกระดานหมากรุกคือมีเรือ มีม้า) เกมส์นี้ประเทศพัฒนาแล้วก็สร้างสนามแข่งและกติกาของตัวเอง ด้วยคำว่า สิทธิบัตร (เหมือนใช้เรือกันตาเรือฝั่งตรงข้าม)
ถ้าเป็นประเทศกำลังพัฒนา ผมเห็นว่าเค้าให้คุณค่าในด้านต้นทุน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนเรื่องวัตถุดิบ/การผลิต/การขนส่ง/การจัดจำหน่าย ฯลฯ ที่ต่ำกว่า ซึ่งได้มาด้วยวิธีต่าง ๆ กัน การวางผังกลยุทธ์จึงจำเป็นต้องขึ้นอยู่กับการกระจายกำลังเหมือนตัวเบี้ยที่ต้องกระจายและเข้าถึงผู้บริโภค/ลูกค้าให้มาก และต้องไม่เป็นเบี้ยหัวแตก ใกล้ผู้บริโภครายสุดท้ายที่สุด (เหมือนใช้เบี้ยกันตาม้า ซึ่งจะได้ผลดีต้องกระจายกำลัง) เพราะทรัพยากรที่ใช้บนประเทศกำลังพัฒนานั้นคือทุน(เงิน) ที่เคลื่อนย้ายได้เร็วกว่าคนมาก
สิ่งที่เหมือนกันคือทั้งสองพยายามสร้าง Brand (ก็คือการใช้เบี้ยนั่นเอง) ซึ่งเสริมสร้างให้รอยต่อจากการเปลี่ยนแปลงทั้งเรื่องเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์จากกระบวนการผลิตเข้มแข็งยิ่งขึ้น
ถ้าเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ผมเห็นว่าเค้าให้คุณค่าเรื่องงานวิจัย(ค่าใช้จ่าย) และการนำมาสร้างเป็นกำไร (รายได้ที่มากกว่า) โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ ซึ่งประเทศพัฒนาแล้วเป็นที่อยู่ที่ดีของ Biz Model แบบนี้เพราะมีทรัพยากรบุคคลชั้นเยี่ยม (บนกระดานหมากรุกคือมีเรือ มีม้า) เกมส์นี้ประเทศพัฒนาแล้วก็สร้างสนามแข่งและกติกาของตัวเอง ด้วยคำว่า สิทธิบัตร (เหมือนใช้เรือกันตาเรือฝั่งตรงข้าม)
ถ้าเป็นประเทศกำลังพัฒนา ผมเห็นว่าเค้าให้คุณค่าในด้านต้นทุน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนเรื่องวัตถุดิบ/การผลิต/การขนส่ง/การจัดจำหน่าย ฯลฯ ที่ต่ำกว่า ซึ่งได้มาด้วยวิธีต่าง ๆ กัน การวางผังกลยุทธ์จึงจำเป็นต้องขึ้นอยู่กับการกระจายกำลังเหมือนตัวเบี้ยที่ต้องกระจายและเข้าถึงผู้บริโภค/ลูกค้าให้มาก และต้องไม่เป็นเบี้ยหัวแตก ใกล้ผู้บริโภครายสุดท้ายที่สุด (เหมือนใช้เบี้ยกันตาม้า ซึ่งจะได้ผลดีต้องกระจายกำลัง) เพราะทรัพยากรที่ใช้บนประเทศกำลังพัฒนานั้นคือทุน(เงิน) ที่เคลื่อนย้ายได้เร็วกว่าคนมาก
สิ่งที่เหมือนกันคือทั้งสองพยายามสร้าง Brand (ก็คือการใช้เบี้ยนั่นเอง) ซึ่งเสริมสร้างให้รอยต่อจากการเปลี่ยนแปลงทั้งเรื่องเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์จากกระบวนการผลิตเข้มแข็งยิ่งขึ้น
- NinjaTurtle
- Verified User
- โพสต์: 506
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 15
แสดงว่าBiz Model คือวิธีการทำธุรกิจให้ได้กำไร ไม่ใช่แค่การบริหารต้นทุน หารายได้เยอะ อย่างเดียวกลยุทธ เป้าหมาย ทิศทางก็เป็นองค์ประกอบด้วยnaris เขียน: ผมขอสรุปแผนผังโมเดลธุรกิจได้ดังนี้
เป้าหมาย-------->วิสัยทัศน์------->กลยุทธ์-------->แผนปฎิบัติการ
สิ่งที่บริษัททำแล้วได้เปรียบคู่แข่ง ลูกค้านิยมใช้/ซื้อ เปียบเทียบกับคู่แข่งแล้ว มีโอกาศเติบโตมากกว่าบริษัทอื่น มีรายได้แน่นอนกว่า ลดต้นทุนได้มากกว่า
บริษัทที่อยู่อุตสาหกรรมเดียวกันน่าจะสามารถเปรียบเทียบกันได้อยู่ เอาแผนธุรกิจมากาง แนวโน้มการเติบโตของตลาดที่จ้องจะจับ ฐานลูกค้า เอาเงินลงทุนมาคาดการณ์ แล้วก็ประมาณยอดขาย คาดการณ์รายได้ หักลบเป็นกำไรเทียบกัน
แล้วเราจะเปรียบเทียบ Bizmodel ของบริษัทที่แตกต่างกันคนละทิศทาง
ได้ไหมครับ ว่าอันไหนมันดีกว่า อย่างสมมุติว่าเปรียบเทียบ Mint กับ BH ทำได้ไหมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 16
BIZ MODEL ที่ผมคิดว่า เห็นได้ชัดมากๆ คือ ธุรกิจขายตรง เช่น ประกัน แอมเวย์ ฯลฯ
1. มีเป้าหมายชัดเจน concept ชัด
2. กลุยุทธ์ชัดเจน
3. การปฎิบัติ ทุกฝ่าย สอดคล้อง และ ไปในทางเดียวกัน มีแบบที่สามารถทำซ้ำได้ไม่จำกัด
ส่วนตัวผมชอบกลยุทธ์ แบบใช้ human sense ของ คุณตัน แห่ง โออิชิ(ก่อนขายหุ้นให้เสี่ยเจริญ) ไม่ซับซ้อน แต่ลึกซึ้ง ฉับไว ปราดเปรียว แต่อาศัยมันสมองคุณตัน มากเกินไป
ที่ผมชื่นชม อีกอัน คือ วอลมาร์ท
Biz model กำหนดขึ้นมาจากปรัชญา ให้ลูกค้าซื้อสินค้าที่ได้ราคาถูกที่สุด ในบริการที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ลูกค้าได้สินค้าเมื่อต้องการ(สร้างระบบสื่อสารระหว่างสาขา คลังสินค้า ด้วยดาวเทียม ตั้งแต่เมื่อเป็นสิบปีก่อน) และการแบ่งปันผลประโยชน์กับพนักงานที่ยอดเยี่ยม
แซมวอลตันกล่าวไว้ในหนังสือ Sam Walton :Made in America ว่า "เราไม่ต้องการเป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุด แต่เราต้องการเป็นบริษัทค้าปลีกที่ดีที่สุด"
สรุปแล้ว biz model ที่ดี ผมคิดว่า ควรเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และ make sense ครับ
1. มีเป้าหมายชัดเจน concept ชัด
2. กลุยุทธ์ชัดเจน
3. การปฎิบัติ ทุกฝ่าย สอดคล้อง และ ไปในทางเดียวกัน มีแบบที่สามารถทำซ้ำได้ไม่จำกัด
ส่วนตัวผมชอบกลยุทธ์ แบบใช้ human sense ของ คุณตัน แห่ง โออิชิ(ก่อนขายหุ้นให้เสี่ยเจริญ) ไม่ซับซ้อน แต่ลึกซึ้ง ฉับไว ปราดเปรียว แต่อาศัยมันสมองคุณตัน มากเกินไป
ที่ผมชื่นชม อีกอัน คือ วอลมาร์ท
Biz model กำหนดขึ้นมาจากปรัชญา ให้ลูกค้าซื้อสินค้าที่ได้ราคาถูกที่สุด ในบริการที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ลูกค้าได้สินค้าเมื่อต้องการ(สร้างระบบสื่อสารระหว่างสาขา คลังสินค้า ด้วยดาวเทียม ตั้งแต่เมื่อเป็นสิบปีก่อน) และการแบ่งปันผลประโยชน์กับพนักงานที่ยอดเยี่ยม
แซมวอลตันกล่าวไว้ในหนังสือ Sam Walton :Made in America ว่า "เราไม่ต้องการเป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุด แต่เราต้องการเป็นบริษัทค้าปลีกที่ดีที่สุด"
สรุปแล้ว biz model ที่ดี ผมคิดว่า ควรเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และ make sense ครับ
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความรู้
โพสต์ที่ 17
ขอความรู้ จากพี่มน และพี่ๆๆ ทุกคนครับ
จากการดูงบ การเงินบริษัทในตลาด แบบงูๆๆปลาๆๆ ของผม พบว่าปัจจุบันนี้มีหลายบริษัท ไม่นิยมถือ สินทรัพย์ ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน สำนักงาน โรงงาน แต่ เป็นการอาศัยการเช่า มาขึ้นทั้งจากกรรมการ และบริษัทในเครือ ซึ่งทำหน้าที่ถือ Asset
เหตุผล เพื่อสภาพคล่อง ทางการเงิน ซึ่งส่งผลใช้การกู้เงินระยะสั้นลดลง ดอกเบี้ยจ่ายลดลง กำไรก็เพิ่มขึ้น กระแสเงินสดในมือเพิ่มขึ้น เงินลงทุนในหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น หรืแม้แต่นำไปปล่อยเครดิตให้ลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้นได้
แนวคิดนี้จัดเป็น BIZ MODEL ได้หรือเปล่าครับ :?: :?: :?: หรือหากมองอีกมุมหนึ่ง อาจมองว่า เป็นการไม่มีธรรมาภิบาลของ กลุ่มเจ้าของที่พยายามนำเงินออกจากบริษัท เพื่อนำเข้ากระเป๋าตนเอง หรือแม้แต่สร้างกำไรเทียบ เนื่องจากไม่ต้องไปตัดค่าเสื่อมราคา และอื่นๆๆ
จากการดูงบ การเงินบริษัทในตลาด แบบงูๆๆปลาๆๆ ของผม พบว่าปัจจุบันนี้มีหลายบริษัท ไม่นิยมถือ สินทรัพย์ ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน สำนักงาน โรงงาน แต่ เป็นการอาศัยการเช่า มาขึ้นทั้งจากกรรมการ และบริษัทในเครือ ซึ่งทำหน้าที่ถือ Asset
เหตุผล เพื่อสภาพคล่อง ทางการเงิน ซึ่งส่งผลใช้การกู้เงินระยะสั้นลดลง ดอกเบี้ยจ่ายลดลง กำไรก็เพิ่มขึ้น กระแสเงินสดในมือเพิ่มขึ้น เงินลงทุนในหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น หรืแม้แต่นำไปปล่อยเครดิตให้ลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้นได้
แนวคิดนี้จัดเป็น BIZ MODEL ได้หรือเปล่าครับ :?: :?: :?: หรือหากมองอีกมุมหนึ่ง อาจมองว่า เป็นการไม่มีธรรมาภิบาลของ กลุ่มเจ้าของที่พยายามนำเงินออกจากบริษัท เพื่อนำเข้ากระเป๋าตนเอง หรือแม้แต่สร้างกำไรเทียบ เนื่องจากไม่ต้องไปตัดค่าเสื่อมราคา และอื่นๆๆ
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 18
แสดงว่าBiz Model คือวิธีการทำธุรกิจให้ได้กำไร ไม่ใช่แค่การบริหารต้นทุน หารายได้เยอะ อย่างเดียวกลยุทธ เป้าหมาย ทิศทางก็เป็นองค์ประกอบด้วยNinjaTurtle เขียน:
สิ่งที่บริษัททำแล้วได้เปรียบคู่แข่ง ลูกค้านิยมใช้/ซื้อ เปียบเทียบกับคู่แข่งแล้ว มีโอกาศเติบโตมากกว่าบริษัทอื่น มีรายได้แน่นอนกว่า ลดต้นทุนได้มากกว่า
บริษัทที่อยู่อุตสาหกรรมเดียวกันน่าจะสามารถเปรียบเทียบกันได้อยู่ เอาแผนธุรกิจมากาง แนวโน้มการเติบโตของตลาดที่จ้องจะจับ ฐานลูกค้า เอาเงินลงทุนมาคาดการณ์ แล้วก็ประมาณยอดขาย คาดการณ์รายได้ หักลบเป็นกำไรเทียบกัน
แล้วเราจะเปรียบเทียบ Bizmodel ของบริษัทที่แตกต่างกันคนละทิศทาง
ได้ไหมครับ ว่าอันไหนมันดีกว่า
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 19
ถ้าพี่ลิ้นจี่ให้เครดิตผมขนาดเป็นผู้จุดประกายให้คิดแล้ว ผมก็ขอขอบพระคุณมากครับ เพราะผมชอบทำให้คนคิด คิด และพูด พูดและทำ
หากใครอยากจะเปรียบเทียบ BIZ Modelกันทำได้ไม่ยาก ถ้าเราเอาคำจำกัดความมาอ่านและคิดให้ดีๆ เราเปรียบเทียบได้โดยใช้อัตราส่วนทางการเงิน ส่วนใครคิดได้ว่าควรใช้อะไรวัด เชิญส่งประกวดได้
ส่วนคำถามของคุณ Pathนั้น ผมว่ามันแยกส่วนออกมา BIZ Modelกล่าวถึงองค์รวมครับ อย่าสับสนกับ เครื่องมือ กลยุทธ์ และรูปแบบธุรกิจ
กลยุทธ์นั้นกำหนดให้เกิดการแข่งขัน และเพื่อบรรลุเป้าหมาย
เครื่องมือ คือตัวช่วยให้ดำเนินกลยุทธ์
BIZ Model เอาทั้งหมดมารวมกัน เป็นวิธีการหากำไร
หากใครอยากจะเปรียบเทียบ BIZ Modelกันทำได้ไม่ยาก ถ้าเราเอาคำจำกัดความมาอ่านและคิดให้ดีๆ เราเปรียบเทียบได้โดยใช้อัตราส่วนทางการเงิน ส่วนใครคิดได้ว่าควรใช้อะไรวัด เชิญส่งประกวดได้
ส่วนคำถามของคุณ Pathนั้น ผมว่ามันแยกส่วนออกมา BIZ Modelกล่าวถึงองค์รวมครับ อย่าสับสนกับ เครื่องมือ กลยุทธ์ และรูปแบบธุรกิจ
กลยุทธ์นั้นกำหนดให้เกิดการแข่งขัน และเพื่อบรรลุเป้าหมาย
เครื่องมือ คือตัวช่วยให้ดำเนินกลยุทธ์
BIZ Model เอาทั้งหมดมารวมกัน เป็นวิธีการหากำไร
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 20
สำหรับผม Biz Model = Marketing Plan + Financial Plan + Operational Plan
ที่เข้าใจง่ายสุดคือ Financial Plan อ่านงบก็ดูออกว่า บริษัทมีโครงสร้างทางการเงินยังไง
รองลงมาก็คือ Marketing Plan เรื่อง SWOT, STP, 5F, 4P, 4C, etc เรื่องนี้คงต้องใช้เวลา + ประสบการณ์ในการเข้าใจ เหนื่อยๆๆ
เรื่องสุดท้าย Operational Plan การจัดการภายในนี่ ไม่เคยรู้เรื่องเลย เดาเอาจากที่ได้ยินมา หรือมีเพื่อนทำงานในบริษัท ว่าบริษัททำงานกับได้เรื่องไหม พนักงานขยัน หรือ มีคนลาออกบ่อยๆหรือเปล่า ผมอยากรู้ วัฒนธรรมองค์กรด้วยในบางครั้ง แต่กว่าจะรู้ก็ขายหุ้นไปซะแล้ว
ที่เข้าใจง่ายสุดคือ Financial Plan อ่านงบก็ดูออกว่า บริษัทมีโครงสร้างทางการเงินยังไง
รองลงมาก็คือ Marketing Plan เรื่อง SWOT, STP, 5F, 4P, 4C, etc เรื่องนี้คงต้องใช้เวลา + ประสบการณ์ในการเข้าใจ เหนื่อยๆๆ
เรื่องสุดท้าย Operational Plan การจัดการภายในนี่ ไม่เคยรู้เรื่องเลย เดาเอาจากที่ได้ยินมา หรือมีเพื่อนทำงานในบริษัท ว่าบริษัททำงานกับได้เรื่องไหม พนักงานขยัน หรือ มีคนลาออกบ่อยๆหรือเปล่า ผมอยากรู้ วัฒนธรรมองค์กรด้วยในบางครั้ง แต่กว่าจะรู้ก็ขายหุ้นไปซะแล้ว
I do not sleep. I dream.
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
business model
โพสต์ที่ 21
Business model
Business Model โดยคำจำกัดความของ Business Model ตามที่ปรากฏในการอ้างอิงปัจจุบัน จาก Wikipedia, The free encyclopedia ได้ระบุคำจำกัดความของ Business Model ไว้คือ
A conceptual tool that contains a set of elements and their relationships and allows expressing the business logic of a specific firm. It is a description of the value a company offers to one or several segments of customers and of the architecture of the firm and its network of partners for creating, making and delivering this value and relationship capital, to generate profitable and sustainable revenue streams.
เครื่องมือทางความคิดที่ประกอบด้วยการแสดงถึงองค์ประกอบต่างๆ และตรรกะหรือความเป็นเหตุเป็นผลในการดำเนินการขององค์กร ซึ่งจะอธิบายถึงคุณค่าของธุรกิจที่เสนอต่อลูกค้า , โครงสร้างขององค์กร และ การสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนธุรกิจ, การสร้างและ การส่งมอบคุณค่าและความสัมพันธ์ของการลงทุนในการสร้างผลกำไรและกระแสรายรับอย่างยั่งยืน
องค์ประกอบต่างๆ 10 ประการที่ Business Model ควรมีอยู่ หรือได้รับการคิดหรือวางแผนในการกำหนดขึ้น
องค์ประกอบ 10 ส่วนของ Business Model
Value Proposition สินค้าหรือบริการของธุรกิจจะสามารถสร้างประโยชน์ (Utility) หรือสามารถตอบสนองความพึงพอใจ (Satisfaction) ให้กับลูกค้า ได้อย่างไร
Market Segments กลุ่มลูกค้าที่มีลักษณะหรือมีคุณลักษณะที่เหมาะสมกับสินค้าหรือบริการที่ธุรกิจสร้างขึ้น ในการที่จะสร้างประโยชน์ (Utility) หรือสามารถตอบสนองความพึงพอใจ (Satisfaction) ของธุรกิจ สินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าได้(ตลาดส่วนใดที่เป็นเป้าหมายของธุรกิจเรา )
Distribution Channels วิธีการในการที่ธุรกิจจะเข้าตลาด ซึ่งจะรวมความถึงการดำเนินการทางการตลาดและกลยุทธ์ในการกำหนดช่องทางจัดจำหน่ายที่ สร้างความสะดวกให้กับลูกค้าเป้าหมาย
Customer Relationship วิธีการเชื่อมโยงในความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับลูกค้าที่แตกต่างกันในตลาด กระบวนการในการจัดการความเชื่อมโยงในความสัมพันธ์ นี้ จะหมายรวมถึงการบริหารจัดการความสัมพันธ์ของลูกค้า (Customer Relationship Management) ด้วย
Value Configurations วิธีการในการจัดสรรทรัพยากรของธุรกิจ เช่น ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร อุปกรณ์ บุคลากร เงินทุน รวมถึงกิจกรรมในการ ดำเนินการต่างๆ ของธุรกิจที่กำหนดขึ้น ในการสร้างคุณค่าของธุรกิจ สินค้าหรือบริการของธุรกิจให้เป็นที่ยอมรับต่อลูกค้า
Core Capabilities ความสามารถและปัจจัยหลักที่สำคัญในการดำเนินการของธุรกิจสำหรับ Business Model ที่ธุรกิจกำหนดขึ้น
Partner Network เครือข่ายความร่วมมือระหว่างธุรกิจกับธุรกิจอื่นหรือบุคคลภายนอก ที่จำเป็นในการดำเนินการในการสร้างคุณค่าของธุรกิจ สินค้า หรือบริการอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ผู้ออกแบบ ผู้ผลิตสินค้า ผู้พัฒนาและวิจัย ผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ของสินค้าหรือบริการ เป็นต้น
Commercialize Network เครือข่ายความร่วมมือระหว่างธุรกิจกับธุรกิจอื่นหรือบุคคลภายนอก ในการดำเนินการทางการพาณิชย์ของธุรกิจ เช่น Supplier, Dealer, Distributor, Retailer, Creditor เป็นต้น
Cost Structure โครงสร้างของต้นทุนค่าใช้จ่ายๆ ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการดำเนินการของธุรกิจ
Revenue Structure วิธีการหรือที่มาของรายได้ของธุรกิจ
ลักษณะพื้นฐานของ business model ที่ดี ควรมีลักษณะดังนี้
1)ง่าย ชัดเจน
2)มีความถูกต้องในตรรกะ (สมเหตุสมผล)
3)มีความสดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น ผู้ถือหุ้น Supplier, Dealer, Distributor, Retailer, Creditor และลูกค้า
4) innovation (นวัตกรรม ) ควรจะเป็นสินค้าหรือบริการที่มีนวัตกรรม
ดังนั้นการวิเคราะห์ business model ก็คือการวิเคราะห์ถึงองค์ประกอบต่างๆที่ประกอบขึ้นเป็นbusiness model นั้นเอง ว่าองค์ประกอบนั้นๆจะมีส่วนให้ธุรกิจสามารถแข่งขัน เจริญเติบโตสร้างรายได้และกำไรได้อย่างยั่งยืนได้อย่างไร
ตัวอย่างของ business model
-American express ได้ค้นพบธุรกิจขายเช็คเดินทางให้นักท่องเที่ยว
-amazon ร้านขายหนังสือออนไลน์
-ebays ประมูลสินค้าออนไลน์
-dell computer ขายคอมพิวเตอร์ตามคำสั่งซื้อโดยตรง
-tv direct ขายสินค้าทางทีวี
-yellow page ข้อมูลและเบอร์โทรศัพท์ขององค์กรธุรกิจ
และอื่นๆ
หมายเหตุ อ่าน ค้น และลอกเขามาครับ
Business Model โดยคำจำกัดความของ Business Model ตามที่ปรากฏในการอ้างอิงปัจจุบัน จาก Wikipedia, The free encyclopedia ได้ระบุคำจำกัดความของ Business Model ไว้คือ
A conceptual tool that contains a set of elements and their relationships and allows expressing the business logic of a specific firm. It is a description of the value a company offers to one or several segments of customers and of the architecture of the firm and its network of partners for creating, making and delivering this value and relationship capital, to generate profitable and sustainable revenue streams.
เครื่องมือทางความคิดที่ประกอบด้วยการแสดงถึงองค์ประกอบต่างๆ และตรรกะหรือความเป็นเหตุเป็นผลในการดำเนินการขององค์กร ซึ่งจะอธิบายถึงคุณค่าของธุรกิจที่เสนอต่อลูกค้า , โครงสร้างขององค์กร และ การสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนธุรกิจ, การสร้างและ การส่งมอบคุณค่าและความสัมพันธ์ของการลงทุนในการสร้างผลกำไรและกระแสรายรับอย่างยั่งยืน
องค์ประกอบต่างๆ 10 ประการที่ Business Model ควรมีอยู่ หรือได้รับการคิดหรือวางแผนในการกำหนดขึ้น
องค์ประกอบ 10 ส่วนของ Business Model
Value Proposition สินค้าหรือบริการของธุรกิจจะสามารถสร้างประโยชน์ (Utility) หรือสามารถตอบสนองความพึงพอใจ (Satisfaction) ให้กับลูกค้า ได้อย่างไร
Market Segments กลุ่มลูกค้าที่มีลักษณะหรือมีคุณลักษณะที่เหมาะสมกับสินค้าหรือบริการที่ธุรกิจสร้างขึ้น ในการที่จะสร้างประโยชน์ (Utility) หรือสามารถตอบสนองความพึงพอใจ (Satisfaction) ของธุรกิจ สินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าได้(ตลาดส่วนใดที่เป็นเป้าหมายของธุรกิจเรา )
Distribution Channels วิธีการในการที่ธุรกิจจะเข้าตลาด ซึ่งจะรวมความถึงการดำเนินการทางการตลาดและกลยุทธ์ในการกำหนดช่องทางจัดจำหน่ายที่ สร้างความสะดวกให้กับลูกค้าเป้าหมาย
Customer Relationship วิธีการเชื่อมโยงในความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับลูกค้าที่แตกต่างกันในตลาด กระบวนการในการจัดการความเชื่อมโยงในความสัมพันธ์ นี้ จะหมายรวมถึงการบริหารจัดการความสัมพันธ์ของลูกค้า (Customer Relationship Management) ด้วย
Value Configurations วิธีการในการจัดสรรทรัพยากรของธุรกิจ เช่น ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร อุปกรณ์ บุคลากร เงินทุน รวมถึงกิจกรรมในการ ดำเนินการต่างๆ ของธุรกิจที่กำหนดขึ้น ในการสร้างคุณค่าของธุรกิจ สินค้าหรือบริการของธุรกิจให้เป็นที่ยอมรับต่อลูกค้า
Core Capabilities ความสามารถและปัจจัยหลักที่สำคัญในการดำเนินการของธุรกิจสำหรับ Business Model ที่ธุรกิจกำหนดขึ้น
Partner Network เครือข่ายความร่วมมือระหว่างธุรกิจกับธุรกิจอื่นหรือบุคคลภายนอก ที่จำเป็นในการดำเนินการในการสร้างคุณค่าของธุรกิจ สินค้า หรือบริการอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ผู้ออกแบบ ผู้ผลิตสินค้า ผู้พัฒนาและวิจัย ผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ของสินค้าหรือบริการ เป็นต้น
Commercialize Network เครือข่ายความร่วมมือระหว่างธุรกิจกับธุรกิจอื่นหรือบุคคลภายนอก ในการดำเนินการทางการพาณิชย์ของธุรกิจ เช่น Supplier, Dealer, Distributor, Retailer, Creditor เป็นต้น
Cost Structure โครงสร้างของต้นทุนค่าใช้จ่ายๆ ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการดำเนินการของธุรกิจ
Revenue Structure วิธีการหรือที่มาของรายได้ของธุรกิจ
ลักษณะพื้นฐานของ business model ที่ดี ควรมีลักษณะดังนี้
1)ง่าย ชัดเจน
2)มีความถูกต้องในตรรกะ (สมเหตุสมผล)
3)มีความสดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น ผู้ถือหุ้น Supplier, Dealer, Distributor, Retailer, Creditor และลูกค้า
4) innovation (นวัตกรรม ) ควรจะเป็นสินค้าหรือบริการที่มีนวัตกรรม
ดังนั้นการวิเคราะห์ business model ก็คือการวิเคราะห์ถึงองค์ประกอบต่างๆที่ประกอบขึ้นเป็นbusiness model นั้นเอง ว่าองค์ประกอบนั้นๆจะมีส่วนให้ธุรกิจสามารถแข่งขัน เจริญเติบโตสร้างรายได้และกำไรได้อย่างยั่งยืนได้อย่างไร
ตัวอย่างของ business model
-American express ได้ค้นพบธุรกิจขายเช็คเดินทางให้นักท่องเที่ยว
-amazon ร้านขายหนังสือออนไลน์
-ebays ประมูลสินค้าออนไลน์
-dell computer ขายคอมพิวเตอร์ตามคำสั่งซื้อโดยตรง
-tv direct ขายสินค้าทางทีวี
-yellow page ข้อมูลและเบอร์โทรศัพท์ขององค์กรธุรกิจ
และอื่นๆ
หมายเหตุ อ่าน ค้น และลอกเขามาครับ
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 23
ผิดถูกชี้แนะด้วยนะครับ ขอให้ชี้เป็นจุดๆนะครับ
ตามที่ผมพอเข้าใจ Biz model นะครับ
ผมมองการที่บริษัทๆ1จะสร้างรายได้มากๆ ต้นทุนน้อยนั้นต้องมี องค็ประกอบที่ดีดังต่อไปนี้
Biz model = Competitive Strategy+Value Chain+Marketing Strategy+Financial & Accounting Strategy
ขอขยายความดังนี้
Competitive Strategy อย่างที่บอกบริษัทจะใช้กลยุทธ์อะไรในการ ให้ตัวเองมี competitive advantage และแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ซึ่งแผนที่ใช้นั้นต้องสอดคล้องกับ value chain marketing and financial strategy
Value Chain
โซ่คุณค่านั้นสําคัญมากถ้าวงจรในระบบไม่ดีก็จะส่งผลให้ไม่เป็นไปตามเป้า
Value Chain ควรสอดคล้องกับ กลยุทธ์การแข่งขัน
Marketing Strategy
นั้น เป็น กลยุทธุ์ที่เน้นด้าน การสร้างรายได้เป็นหลัก
Financial Strategy เน้นด้านการบริหารต้นทุนยังไงให้ตำทั้ง ต้นทุน รวม และ ผันแปร รวม ถึง WACCให้อยู่ในระดับที่ Optimum
ถ้าจะมองจริงแทบทุกธุรกิจอยากจะมี รายได้สูง - ต้นทุนตํ =กําไรเยอะ
แต่ในความเป็นจริง ไม่ทุกบริษัทอยู่ในสถานะที่กําหนดรายได้ และ บริหารต้นทุนได้ เช่น ธุรกิจจําพวก commodity ที่เน้นกลยุทธ์ ต้นทุนตำเป็นหลัก ไม่สามารถ ปรับ Priceได้ ซึ่งต่างจาก ธุรกิจ อุปโภคบริโภค อย่าง pepsi coke
ที่เมื่อ ต้นทุนเพิ่ม ก็สามารถขึ้นราคาได้
ตามที่ผมพอเข้าใจ Biz model นะครับ
ผมมองการที่บริษัทๆ1จะสร้างรายได้มากๆ ต้นทุนน้อยนั้นต้องมี องค็ประกอบที่ดีดังต่อไปนี้
Biz model = Competitive Strategy+Value Chain+Marketing Strategy+Financial & Accounting Strategy
ขอขยายความดังนี้
Competitive Strategy อย่างที่บอกบริษัทจะใช้กลยุทธ์อะไรในการ ให้ตัวเองมี competitive advantage และแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ซึ่งแผนที่ใช้นั้นต้องสอดคล้องกับ value chain marketing and financial strategy
Value Chain
โซ่คุณค่านั้นสําคัญมากถ้าวงจรในระบบไม่ดีก็จะส่งผลให้ไม่เป็นไปตามเป้า
Value Chain ควรสอดคล้องกับ กลยุทธ์การแข่งขัน
Marketing Strategy
นั้น เป็น กลยุทธุ์ที่เน้นด้าน การสร้างรายได้เป็นหลัก
Financial Strategy เน้นด้านการบริหารต้นทุนยังไงให้ตำทั้ง ต้นทุน รวม และ ผันแปร รวม ถึง WACCให้อยู่ในระดับที่ Optimum
ถ้าจะมองจริงแทบทุกธุรกิจอยากจะมี รายได้สูง - ต้นทุนตํ =กําไรเยอะ
แต่ในความเป็นจริง ไม่ทุกบริษัทอยู่ในสถานะที่กําหนดรายได้ และ บริหารต้นทุนได้ เช่น ธุรกิจจําพวก commodity ที่เน้นกลยุทธ์ ต้นทุนตำเป็นหลัก ไม่สามารถ ปรับ Priceได้ ซึ่งต่างจาก ธุรกิจ อุปโภคบริโภค อย่าง pepsi coke
ที่เมื่อ ต้นทุนเพิ่ม ก็สามารถขึ้นราคาได้
- NinjaTurtle
- Verified User
- โพสต์: 506
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 24
ทั่วๆไปอัตราส่วนที่ใช้วัดกันมักจะเป็น ROA บ้างก็ว่า ROE ตามหนังสือ Buffetology แต่ก็ยังมีปัญหาอยู้ดีMon money เขียน: หากใครอยากจะเปรียบเทียบ BIZ Modelกันทำได้ไม่ยาก ถ้าเราเอาคำจำกัดความมาอ่านและคิดให้ดีๆ เราเปรียบเทียบได้โดยใช้อัตราส่วนทางการเงิน ส่วนใครคิดได้ว่าควรใช้อะไรวัด เชิญส่งประกวดได้
ROA ถ้าไปเจอบริษัทอย่างที่คุณ Path ว่าก็จะกลายเป็นว่ามีสินทรัพย์น้อยทำกำไรได้ดี ลงทุนน้อย อย่างแท่นพิมพ์ของคุณกาแฟดำก็ใช่
ROE อันนี้ถ้าไปเจอบริษัทที่กู้มาเยอะๆ ตัวเลขก็เอนเอียงเกินไปอีก
อัตราส่วนที่ผมขอเสนอเข้าประกวดก็ลองเป็น EVA พอจะได้ไหมครับ
Economic Profit = NOPAT - Capital Charge (Invested Capital x WACC)
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 25
ที่พี่มนบอก ถ้าเปิดตำราก็คือรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
รู้เขา คือ รู้ว่าเขาจะซื้ออะไรจากเรา
รู้เรา คือ รู้ว่าเราควรจะทำอย่างไงให้ค่าใช้จ่ายลดลง
สิ่งแวดล้อมคือ เวลา บ้างสิ่งบ้างอย่างทำแล้วไม่คุ้มเพราะคิดเร็วไป หรือช้าเกินไปมันตกยุค
มันต้องให้เกิดความพอดีเกิดขึ้นด้วย แล้วความพอดีเกิดที่ไหนล่ะเนี่ย เกิดที่ปัจจุบันมองที่ปัจจุบันวันนี้
ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ แล้วมองไปยังข้างหน้า ว่าควรจะไปในทิศทางไหน
มองกลับกัน บ้างครั้งนักลงทุนหรือผู้บริหารผู้แต่เรื่องของรายได้ที่เพิ่มขึ้น เพิ่มเป็นเท่าตัว แต่สิ่งที่ลืมมองไปคือ
ค่าใช้จ่ายมันก็เพิ่มมากกว่ารายได้ สิ่งนี้เกิดทำให้คิดได้ว่าทำไมถึงมองด้านเดียวล่ะเนี่ย
สิ่งเหล่านี้ยิ่งคิดยิ่งมัน ฉะนั้น คำนี้ก็ยังใช่ได้อยู่ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาก่อนการลงทุน
รู้เขา คือ รู้ว่าเขาจะซื้ออะไรจากเรา
รู้เรา คือ รู้ว่าเราควรจะทำอย่างไงให้ค่าใช้จ่ายลดลง
สิ่งแวดล้อมคือ เวลา บ้างสิ่งบ้างอย่างทำแล้วไม่คุ้มเพราะคิดเร็วไป หรือช้าเกินไปมันตกยุค
มันต้องให้เกิดความพอดีเกิดขึ้นด้วย แล้วความพอดีเกิดที่ไหนล่ะเนี่ย เกิดที่ปัจจุบันมองที่ปัจจุบันวันนี้
ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ แล้วมองไปยังข้างหน้า ว่าควรจะไปในทิศทางไหน
มองกลับกัน บ้างครั้งนักลงทุนหรือผู้บริหารผู้แต่เรื่องของรายได้ที่เพิ่มขึ้น เพิ่มเป็นเท่าตัว แต่สิ่งที่ลืมมองไปคือ
ค่าใช้จ่ายมันก็เพิ่มมากกว่ารายได้ สิ่งนี้เกิดทำให้คิดได้ว่าทำไมถึงมองด้านเดียวล่ะเนี่ย
สิ่งเหล่านี้ยิ่งคิดยิ่งมัน ฉะนั้น คำนี้ก็ยังใช่ได้อยู่ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาก่อนการลงทุน
- Newbee
- Verified User
- โพสต์: 148
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 26
รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 27
เพื่อนๆน้องๆพี่ๆทุกท่าน...
ผมคงเปิดประเด็นทิ้งเอาไว้ แล้วให้พวกท่านทั้งหลายช่วยกันเติมเต็มเนื้อหาทั้งหมดลงไป
หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นกระทู้ที่อ้างอิงได้อย่าง "ตระแกรงร่อนหุ้น" ของคุณวิบูลย์
ผมคงเปิดประเด็นทิ้งเอาไว้ แล้วให้พวกท่านทั้งหลายช่วยกันเติมเต็มเนื้อหาทั้งหมดลงไป
หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นกระทู้ที่อ้างอิงได้อย่าง "ตระแกรงร่อนหุ้น" ของคุณวิบูลย์
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
-
- Verified User
- โพสต์: 174
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 28
เรียนด้วยคนคร้าบ
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
ขอเปิดประเด็นเรื่อง Biz Modelต่อ
โพสต์ที่ 30
Business Model นั้น น่าจะเป็นเรื่องการกำหนดรูปแบบของธุรกิจเพื่อวัตถุประสงค์คือ การบริหารทรัพยากรทั้งหมดของบริษัทเพื่อสร้างกำไรที่ดี อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
โดยรูปแบบของการบริหารนั้น เริ่มจากการหาความต้องการของลูกค้าให้ออก แล้วเราก็สร้างธุรกิจไปตอบสนองความต้องการให้ได้
เมื่อตอบสนองได้แล้ว ก็มาตอบโจทย์ว่า จะทำอย่างไรให้ธุรกิจตอบสนองได้อย่างต่อเนื่อง ก็ต้องมีการกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น การตลาด การผลิต การเงิน บุคคล การวิจัยและพัฒนา เป็นต้น ที่จะสร้างกระบวนการภายในองค์กร เพื่อผลิตสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน และคาดการณ์ความต้องการที่เพิ่มขึ้น และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบความต้องการของลูกค้าในอนาคตให้ได้
การตอบสนองตรงนี้เราจะต้องสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง และสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการสร้างความแตกต่าง การผลิตสินค้าให้ได้ต้นทุนที่ต่ำกว่าคู่แข่งขัน หรือการมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าเฉพาะรายที่คู่แข่งรายใหม่ไม่สามารถเข้ามาแข่งขันกับเราได้โดยง่าย
โดยรูปแบบของการบริหารนั้น เริ่มจากการหาความต้องการของลูกค้าให้ออก แล้วเราก็สร้างธุรกิจไปตอบสนองความต้องการให้ได้
เมื่อตอบสนองได้แล้ว ก็มาตอบโจทย์ว่า จะทำอย่างไรให้ธุรกิจตอบสนองได้อย่างต่อเนื่อง ก็ต้องมีการกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น การตลาด การผลิต การเงิน บุคคล การวิจัยและพัฒนา เป็นต้น ที่จะสร้างกระบวนการภายในองค์กร เพื่อผลิตสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน และคาดการณ์ความต้องการที่เพิ่มขึ้น และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบความต้องการของลูกค้าในอนาคตให้ได้
การตอบสนองตรงนี้เราจะต้องสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง และสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการสร้างความแตกต่าง การผลิตสินค้าให้ได้ต้นทุนที่ต่ำกว่าคู่แข่งขัน หรือการมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าเฉพาะรายที่คู่แข่งรายใหม่ไม่สามารถเข้ามาแข่งขันกับเราได้โดยง่าย