ตลาดอาการอย่างนี้ ชวนคุณคัดท้ายมาคุยเรื่องจิตวิทยาหน่อยครับ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดอาการอย่างนี้ ชวนคุณคัดท้ายมาคุยเรื่องจิตวิทยาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1
พรรคพวกผมเขาคุยกันเรื่องTechnical และเรื่องจิตวิทยามวลชนในตลาดช่วงนี้ จับใจความได้ว่าน่าเป็นห่วง ไม่รู้ว่าต่างชาติจะมาไม้ไหน
ตอนเย็นๆหลังรับลูกจากโรงเรียนแล้วผมกลับมานั่งดูหุ้นตอนปิดตลาดมาหลายวัน สังเกตุเห็นอะไรอย่างหนึ่งคือ วันไหนตอนท้ายๆตลาดสี่โมงเย็นกว่าๆมีการมอบตัวขายหุ้นกันอุตลุตวันนั้นต่างชาติมัก Net Buy และรายย่อยNet Sell วันนี้ก็เช่นกัน ต่างชาตินี่มันซื้อหุ้นลงทุนหรือมันเล่นNetข้ามวันกันหนอ? มันจะเอาอย่างไงของมันกันครับ
มาคุยให้แนวคิดหน่อยซิครับ ผมว่าเรื่องจิตวิทยาการลงทุนนี่ VI รู้ไว้ก็ดีนะครับ
ตอนเย็นๆหลังรับลูกจากโรงเรียนแล้วผมกลับมานั่งดูหุ้นตอนปิดตลาดมาหลายวัน สังเกตุเห็นอะไรอย่างหนึ่งคือ วันไหนตอนท้ายๆตลาดสี่โมงเย็นกว่าๆมีการมอบตัวขายหุ้นกันอุตลุตวันนั้นต่างชาติมัก Net Buy และรายย่อยNet Sell วันนี้ก็เช่นกัน ต่างชาตินี่มันซื้อหุ้นลงทุนหรือมันเล่นNetข้ามวันกันหนอ? มันจะเอาอย่างไงของมันกันครับ
มาคุยให้แนวคิดหน่อยซิครับ ผมว่าเรื่องจิตวิทยาการลงทุนนี่ VI รู้ไว้ก็ดีนะครับ
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดอาการอย่างนี้ ชวนคุณคัดท้ายมาคุยเรื่องจิตวิทยาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 2
ไม่ค่อยกล้าพูดมากครับ เพราะไม่มีใครรู้จริงหรอกครับ ผมก็มั่วไปวันๆครับ :lol:
ดูกราฟแล้วไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ พรุ่งนี้ก็ตัดสินครับพี่
มีพี่ๆในสินธรเค้าเคยสอนผมไว้ว่า ยอดการซื้อขายของ 3 ก๊ก ตอนสิ้นวันนี่เชื่อถือไม่ได้ ใช้ดูจิตวิทยาได้เพราะเค้าว่าคนส่วนใหญ่มักเชื่อ และใช้เป็นปัจจัยในการตัดสินใจหลักๆ แต่เค้าว่ากันว่า ตัวเลขพวกนี้แต่งได้ จัดห้ายยย ... ด้ายยย ผมก็ได้เชื่อแต่ก็ใช้บอกว่ารายย่อยจะทำอะไรวันรุ่งขึ้นเหมือนกัน
เพราะผมว่ารายย่อยส่วนใหญ่เชื่อ
วันนี้ฝรั่งซื้อ กองทุนซื้อ .... อืม เข้าทาง :lol:
ทางด้านพื้นฐาน
ตอนนี้ตลาดเมืองไทย ถูกรึเปล่า หรือว่าแพง ? พี่ๆ TVI คงรู้ดีกว่าผมข้อนี้
ตอนนี้ถ้าดูด้านเก็งกำไร ฝรั่งจะลาก ??
คำถามคือ ลากไปแล้วฝรั่งจะกำไรมั้ย รายย่อยมีหุ้นอยู่หรือเปล่าจะขายทำกำไรหรือเปล่า ? ฝรั่งหรือกองทุน ล้วนต้องการกำไร จะทำกำไรต้องทำอย่างไร?
ด้านเทคนิค ถ้าดู Eliott Wave ตอนนี้อยู่ใน Wave4 เป็น Wave ที่น่ากลัว เป็น Wave คืนกำไรสู่สังคม
ผมเองก็ไม่รู้เมื่อไหร่มันจะจบซะทีก็ไม่รู้ แต่ดูกราฟแล้วยังหนาวครับ
เรื่องข่าวลือ ประกอบการปั่นการทุบ ตอนนี้ข่าวร้าย มีหวัดนก(เล่นไม่เลิก) ข่าวภาคใต้(ยังไม่โดนเล่น)
ข่าวดี มีอะไรบ้าง ????
ที่สำคัญ รายย่อยกำลังหิวโซ
ผมเองหิวโหยแล้วโหยหาที่ไร ซวยทุกทีครับ
รายย่อยจำนวนนึง(เยอะ) เพิ่งเข้าตลาด เจอแต่ Wave3 ที่ขึ้นแหลกลาญ เล่นยังไงก็ได้ตังมา มองตลาดหุ้นว่าเล่นง่าย ตอนนี้อันตรายครับ ยังไม่เคยเจอของจริง
ท้ายสุด ช่วงนี้ผมว่าเล่นแล้วเสี่ยง ผมเลยหยุดดูครับ
ถึงผมเป็น VS แต่ผมได้อะไรจาก VI เยอะครับ เรื่องที่ผมซาบซึ้งจาก Buffet มากคือ จงอย่าเสีย ...
ผมท่องไว้ว่า อย่าเสีย ได้น้อยไม่เป็นไร อย่าเสีย ... ผมว่าจริงครับ
ถ้าใครมาถามผม ผมจะบอกว่าหยุดเล่นซักพักดีกว่าครับ
ดูกราฟแล้วไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ พรุ่งนี้ก็ตัดสินครับพี่
มีพี่ๆในสินธรเค้าเคยสอนผมไว้ว่า ยอดการซื้อขายของ 3 ก๊ก ตอนสิ้นวันนี่เชื่อถือไม่ได้ ใช้ดูจิตวิทยาได้เพราะเค้าว่าคนส่วนใหญ่มักเชื่อ และใช้เป็นปัจจัยในการตัดสินใจหลักๆ แต่เค้าว่ากันว่า ตัวเลขพวกนี้แต่งได้ จัดห้ายยย ... ด้ายยย ผมก็ได้เชื่อแต่ก็ใช้บอกว่ารายย่อยจะทำอะไรวันรุ่งขึ้นเหมือนกัน
เพราะผมว่ารายย่อยส่วนใหญ่เชื่อ
วันนี้ฝรั่งซื้อ กองทุนซื้อ .... อืม เข้าทาง :lol:
ทางด้านพื้นฐาน
ตอนนี้ตลาดเมืองไทย ถูกรึเปล่า หรือว่าแพง ? พี่ๆ TVI คงรู้ดีกว่าผมข้อนี้
ตอนนี้ถ้าดูด้านเก็งกำไร ฝรั่งจะลาก ??
คำถามคือ ลากไปแล้วฝรั่งจะกำไรมั้ย รายย่อยมีหุ้นอยู่หรือเปล่าจะขายทำกำไรหรือเปล่า ? ฝรั่งหรือกองทุน ล้วนต้องการกำไร จะทำกำไรต้องทำอย่างไร?
ด้านเทคนิค ถ้าดู Eliott Wave ตอนนี้อยู่ใน Wave4 เป็น Wave ที่น่ากลัว เป็น Wave คืนกำไรสู่สังคม
ผมเองก็ไม่รู้เมื่อไหร่มันจะจบซะทีก็ไม่รู้ แต่ดูกราฟแล้วยังหนาวครับ
เรื่องข่าวลือ ประกอบการปั่นการทุบ ตอนนี้ข่าวร้าย มีหวัดนก(เล่นไม่เลิก) ข่าวภาคใต้(ยังไม่โดนเล่น)
ข่าวดี มีอะไรบ้าง ????
ที่สำคัญ รายย่อยกำลังหิวโซ
ผมเองหิวโหยแล้วโหยหาที่ไร ซวยทุกทีครับ
รายย่อยจำนวนนึง(เยอะ) เพิ่งเข้าตลาด เจอแต่ Wave3 ที่ขึ้นแหลกลาญ เล่นยังไงก็ได้ตังมา มองตลาดหุ้นว่าเล่นง่าย ตอนนี้อันตรายครับ ยังไม่เคยเจอของจริง
ท้ายสุด ช่วงนี้ผมว่าเล่นแล้วเสี่ยง ผมเลยหยุดดูครับ
ถึงผมเป็น VS แต่ผมได้อะไรจาก VI เยอะครับ เรื่องที่ผมซาบซึ้งจาก Buffet มากคือ จงอย่าเสีย ...
ผมท่องไว้ว่า อย่าเสีย ได้น้อยไม่เป็นไร อย่าเสีย ... ผมว่าจริงครับ
ถ้าใครมาถามผม ผมจะบอกว่าหยุดเล่นซักพักดีกว่าครับ
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- Verified User
- โพสต์: 211
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดอาการอย่างนี้ ชวนคุณคัดท้ายมาคุยเรื่องจิตวิทยาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 4
ความเห็นผมที่ว่าฝรั่งช่วงนี้เดี๋ยว Net Buy เดี๋ยว Net Sell เนี่ยเป็นเพราะกองทุนเฮดฟันด์ที่เข้ามาซื้อหุ้นหรือเปล่าครับ เพราะผมอ่านเจอว่าพวกนี้ต้องการเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินเป็นหลัก กำไรจากหุ้นถือเป็นกำไร 2 ต่อ เลยขายทำกำไรเร็ว ไม่เหมือนปีที่แล้ว
-
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดอาการอย่างนี้ ชวนคุณคัดท้ายมาคุยเรื่องจิตวิทยาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 5
-
- Verified User
- โพสต์: 93
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดอาการอย่างนี้ ชวนคุณคัดท้ายมาคุยเรื่องจิตวิทยาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 7
ก๊อปมาให้อ่าน ผ่านตา
ไม่รู้ว่า จะเกี่ยวกันไหม
แต่ผมอ่านแล้วสะดุด ชอบใจ
เลยอยากให้พี่ๆ ได้ผ่านตา
ที่มา www.bangkokbiznews วันที่ 10/02/04
พอพูดถึงเรื่องข่าวร้ายๆ แล้วทำให้ผมอดคิดถึงตอนนึงในเรื่องการผจญภัยของฮักเกิลเบอร์รี ฟินน์ ที่เขียนโดย มาร์ก ทเวน ไม่ได้ มันเป็นตอนที่คนดำที่ชื่อจิม ผู้ที่เชื่อในเรื่องของโชคลางอย่างเหนียวแน่น สนทนากับฮัก เกี่ยวกับเรื่องของโชคลาง ทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อโชคลางมีอยู่ว่า จิมรู้จักลางทุกชนิด เขาบอกว่าเขารู้เกือบทุกอย่าง ผมบอกว่าสำหรับผมแล้วดูเหมือนลางทั้งหมดจะเกี่ยวกับโชคร้าย และดังนั้นผมจึงถามเขาว่าไม่มีลางดีบ้างหรือ เขาบอกว่า ?น้อยมาก และพวกมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับใคร คุณจะอยากรู้ไปทำไมว่าโชคดีจะมาถึงเมื่อไหร่ จะหลบมัน
เหรอ??
ปล. ไม่เกี่ยวกับหุ้นนะ
ไม่รู้ว่า จะเกี่ยวกันไหม
แต่ผมอ่านแล้วสะดุด ชอบใจ
เลยอยากให้พี่ๆ ได้ผ่านตา
ที่มา www.bangkokbiznews วันที่ 10/02/04
พอพูดถึงเรื่องข่าวร้ายๆ แล้วทำให้ผมอดคิดถึงตอนนึงในเรื่องการผจญภัยของฮักเกิลเบอร์รี ฟินน์ ที่เขียนโดย มาร์ก ทเวน ไม่ได้ มันเป็นตอนที่คนดำที่ชื่อจิม ผู้ที่เชื่อในเรื่องของโชคลางอย่างเหนียวแน่น สนทนากับฮัก เกี่ยวกับเรื่องของโชคลาง ทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อโชคลางมีอยู่ว่า จิมรู้จักลางทุกชนิด เขาบอกว่าเขารู้เกือบทุกอย่าง ผมบอกว่าสำหรับผมแล้วดูเหมือนลางทั้งหมดจะเกี่ยวกับโชคร้าย และดังนั้นผมจึงถามเขาว่าไม่มีลางดีบ้างหรือ เขาบอกว่า ?น้อยมาก และพวกมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับใคร คุณจะอยากรู้ไปทำไมว่าโชคดีจะมาถึงเมื่อไหร่ จะหลบมัน
เหรอ??
ปล. ไม่เกี่ยวกับหุ้นนะ
- harry
- Verified User
- โพสต์: 4200
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดอาการอย่างนี้ ชวนคุณคัดท้ายมาคุยเรื่องจิตวิทยาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 8
ผมก็ไม่ได้เชียวชาญอะไรนัก แต่ผมก็คิดเหมือนกันว่า นั่งดูเฉยๆดีกว่า เห็นขึ้นๆลงๆ ไม่แน่นอนมาหลายวันแล้ว ผมคิดว่าเมษาช่วงจ่ายปันผล คงจะลงมาให้เก็บหรือไม่ก็นิ่งมากขึ้น
Expecto Patronum!!!!!!
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดอาการอย่างนี้ ชวนคุณคัดท้ายมาคุยเรื่องจิตวิทยาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 10
wave 4 แน่นะ ยังมี wave 5 อยู่ใช่มั้ยเนี่ย wave 5 จะไปถึงกี่จุดครับคุณคัดท้าย
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- Verified User
- โพสต์: 57
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดอาการอย่างนี้ ชวนคุณคัดท้ายมาคุยเรื่องจิตวิทยาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 11
ทฤษฏี Elliott Wave สร้างขึ้นโดย Ralph Nelson Elliott ซึ่งเขาได้พัฒนามาจาก Down Theory โดยเนื้อหาบทสรุปของทฤษฎีนี้คือ Pattern ของราคาหุ้นมันจะมีพฤติกรรมเป็นลักษณะลูกคลื่น ซึ่งสามารถแจงรายละเอียดในหลักการได้ดังนี้ ถ้ามีแรงกระทำย่อมมีแรงโต้ตอบ ซึ่งอนุมานในการเล่นหุ้นคือ เมื่อหุ้นมีขึ้น มันก็ต้องมีลง และเมื่อมันลงถึงจุดนิ่งแล้ว มันก็พร้อมที่จะขึ้นในรอบต่อไป ซึ่งภาษานักวิเคราะห์หุ้นทั้งหลายเขาเรียกว่าหุ้นรีบาวน์ ( rebound ) และหุ้นปรับฐาน ( retrace )
Elliott Wave ประกอบด้วยลูกคลื่นในขาขึ้น 5 ลูก ( 1-2-3-4-5) และลูกคลื่นในขาลง 3 ลูก (a-b-c) ในช่วงขาขึ้นเราเรียกว่า Impulse ส่วนขาลงเราเรียกว่า Correction
ในหนึ่งรอบหรือ cycles ของ Elliott Wave นั้นจะเป็น series ของ impulse และ correction
.....จากนิยามข้างต้นสามารถแสดงด้วยกราฟดังข้างล่าง และแนะนำว่าคุณต้องจำ pattern นี้เอาไว้ให้แม่นยำ wave 1,2,3,4,5,a,b,c
Elliott Wave ประกอบด้วยลูกคลื่นในขาขึ้น 5 ลูก ( 1-2-3-4-5) และลูกคลื่นในขาลง 3 ลูก (a-b-c) ในช่วงขาขึ้นเราเรียกว่า Impulse ส่วนขาลงเราเรียกว่า Correction
ในหนึ่งรอบหรือ cycles ของ Elliott Wave นั้นจะเป็น series ของ impulse และ correction
.....จากนิยามข้างต้นสามารถแสดงด้วยกราฟดังข้างล่าง และแนะนำว่าคุณต้องจำ pattern นี้เอาไว้ให้แม่นยำ wave 1,2,3,4,5,a,b,c
-
- Verified User
- โพสต์: 57
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดอาการอย่างนี้ ชวนคุณคัดท้ายมาคุยเรื่องจิตวิทยาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 12
จากกราฟจะเห็นว่าจุดสูงสุดของรอบจะอยู่ที่คลื่นลูกที่ 5 ส่วนจุดเริ่มต้นคือคลื่นลูกที่ 1 ในช่วงที่หุ้นเป็นขาขึ้น การขึ้นยังไม่แรงเท่าที่ควร เพราะนักลงทุนหรือนักเล่นหุ้นต่างคอยดูเชิงซึ่งกันและกัน ราคาหุ้นก็จะไต่ขึ้นมาที่คลื่นลูกที่ 1 หลังจากนั้น ก็จะมีนักเล่นหุ้นบางกลุ่มที่คอยจังหวะขายหุ้นโดยที่หวังกำไรไม่มากนัก หรือ อย่างน้อยก็ขาดทุนไม่มาก ทำให้หุ้นปรับฐาน( retrace ) ลงมาเล็กน้อยที่คลื่นลูกที่ 2
หลังจากราคาหุ้นได้ปรับฐานมาที่คลื่นลูกที่ 2 แล้ว ในช่วงนี้เอง volume การซื้อขายเริ่มมากขึ้น ทำให้นักเล่นหุ้นอื่นๆมองเห็นแนวโน้มทิศทางของหุ้นตัวนี้ จึงเริ่มเข้าซื้อหุ้นด้วย volume ที่มาก ทำให้ราคาหุ้นปรับตัว ( rebound ) สูงขึ้นมาก โดยทฤษฏีแล้ว คลื่นลูกที่ 3 จะเป็นคลื่นลูกที่สูงที่สุด
ราคาหุ้นปรับตัวมาที่คลื่นลูกที่ 3 ทำให้นักเล่นหุ้นมีกำไรเป็นกอบเป็นกำ จึงเริ่มทะยอยขายหุ้นออกมา ราคาหุ้นก็เริ่ม retrace มาที่คลื่นลูกที่ 4 การปรับฐานของราคาหุ้นมาที่คลื่นลูกที่ 4 นี้ ดูเหมือนว่ามันน่าจะหยุดขึ้นต่อไป แต่ทั้งนี้ยังมีนักเล่นหุ้นบางกลุ่มที่ตกขบวนรถไฟ และยังมีความเชื่อว่าหุ้นตัวนี้สามารถวิ่งต่อได้ จึงเข้าไล่ซื้ออีกรอบหนึ่ง ทำให้หุ้นสามารถวิ่งต่อไปได้จนถึงคลื่นลูกที่ 5 แต่โดยพฤติกรรมแล้ว คลื่นลูกที่ 5 จะมีขนาดสั้นกว่าลูกที่ 3 เนื่องจากความกล้าๆกลัวๆของนักเล่นหุ้นทำให้ตัดขาย หรือทำกำไรเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว
.เมื่อราคาหุ้นปรับตัวมาที่จุดสูงสุดคือคลื่นลูกที่ 5 แล้ว และมีการขายทำกำไรกันออกมา ทำให้ราคาหุ้นปรับฐานลงมาที่คลื่น a, การขายรอบนี้นักเล่นหุ้นจะประสานเสียงหรือร่วมมือร่วมใจกันขายหุ้นออกมาปริมาณมาก หรือบางครั้งเกิด panic เล็กๆ เมื่อหุ้นปรับฐานมาที่คลื่น a นักเล่นหุ้นบางคนจะมองว่าราคาหุ้นมันถูกลงจึงเข้าซื้อทำให้ราคาหุ้น rebound เล็กน้อยไปที่คลื่นลูกที่ b แต่การขึ้นครั้งนี้มันขึ้นไม่แรง เพราะมันยังไม่สามารถเอาชนะใจคนอื่นๆได้ พอขึ้นไม่แรงก็ขายดีกว่า ทำให้มีการขายหุ้นกันออกมาทำให้ราคาหุ้นปรับฐานลงที่คลื่น c
หลังจากจบคลื่น c แล้วก็ถือว่ามันครบรอบหรือ cycle ของหุ้นอย่างสมบูรณ์ ผมขอทวนนะครับ คลื่น Elliott Wave ประกอบด้วยหุ้นขาขึ้น ( impulse) คลื่นลูกที่ 1,2,3,4,5 ส่วนหุ้นขาลง ( correction ) มีคลื่นลูก a,b,c
การเข้าใจพฤติกรรมของหุ้นโดยอาศัยหลัก Elliott Wave จะทำให้เรารู้สถานะและแนวโน้มของมัน ทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นในการ trade
จากที่กล่าวข้างต้นเป็นเพียง Basic Concept เท่านั้น แต่มันยังมีความซับซ้อนมากกว่านี้ โดยที่หุ้นขาขึ้นลูกที่ 1,2,3,4,5 สามารถรวบเป็นคลื่นลูกที่ 1 และหุ้นขาลง a,b,c สามารถรวบเป็นคลื่นลูกที่ 2 ได้ เช่นกราฟด้านล่าง
หลังจากราคาหุ้นได้ปรับฐานมาที่คลื่นลูกที่ 2 แล้ว ในช่วงนี้เอง volume การซื้อขายเริ่มมากขึ้น ทำให้นักเล่นหุ้นอื่นๆมองเห็นแนวโน้มทิศทางของหุ้นตัวนี้ จึงเริ่มเข้าซื้อหุ้นด้วย volume ที่มาก ทำให้ราคาหุ้นปรับตัว ( rebound ) สูงขึ้นมาก โดยทฤษฏีแล้ว คลื่นลูกที่ 3 จะเป็นคลื่นลูกที่สูงที่สุด
ราคาหุ้นปรับตัวมาที่คลื่นลูกที่ 3 ทำให้นักเล่นหุ้นมีกำไรเป็นกอบเป็นกำ จึงเริ่มทะยอยขายหุ้นออกมา ราคาหุ้นก็เริ่ม retrace มาที่คลื่นลูกที่ 4 การปรับฐานของราคาหุ้นมาที่คลื่นลูกที่ 4 นี้ ดูเหมือนว่ามันน่าจะหยุดขึ้นต่อไป แต่ทั้งนี้ยังมีนักเล่นหุ้นบางกลุ่มที่ตกขบวนรถไฟ และยังมีความเชื่อว่าหุ้นตัวนี้สามารถวิ่งต่อได้ จึงเข้าไล่ซื้ออีกรอบหนึ่ง ทำให้หุ้นสามารถวิ่งต่อไปได้จนถึงคลื่นลูกที่ 5 แต่โดยพฤติกรรมแล้ว คลื่นลูกที่ 5 จะมีขนาดสั้นกว่าลูกที่ 3 เนื่องจากความกล้าๆกลัวๆของนักเล่นหุ้นทำให้ตัดขาย หรือทำกำไรเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว
.เมื่อราคาหุ้นปรับตัวมาที่จุดสูงสุดคือคลื่นลูกที่ 5 แล้ว และมีการขายทำกำไรกันออกมา ทำให้ราคาหุ้นปรับฐานลงมาที่คลื่น a, การขายรอบนี้นักเล่นหุ้นจะประสานเสียงหรือร่วมมือร่วมใจกันขายหุ้นออกมาปริมาณมาก หรือบางครั้งเกิด panic เล็กๆ เมื่อหุ้นปรับฐานมาที่คลื่น a นักเล่นหุ้นบางคนจะมองว่าราคาหุ้นมันถูกลงจึงเข้าซื้อทำให้ราคาหุ้น rebound เล็กน้อยไปที่คลื่นลูกที่ b แต่การขึ้นครั้งนี้มันขึ้นไม่แรง เพราะมันยังไม่สามารถเอาชนะใจคนอื่นๆได้ พอขึ้นไม่แรงก็ขายดีกว่า ทำให้มีการขายหุ้นกันออกมาทำให้ราคาหุ้นปรับฐานลงที่คลื่น c
หลังจากจบคลื่น c แล้วก็ถือว่ามันครบรอบหรือ cycle ของหุ้นอย่างสมบูรณ์ ผมขอทวนนะครับ คลื่น Elliott Wave ประกอบด้วยหุ้นขาขึ้น ( impulse) คลื่นลูกที่ 1,2,3,4,5 ส่วนหุ้นขาลง ( correction ) มีคลื่นลูก a,b,c
การเข้าใจพฤติกรรมของหุ้นโดยอาศัยหลัก Elliott Wave จะทำให้เรารู้สถานะและแนวโน้มของมัน ทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นในการ trade
จากที่กล่าวข้างต้นเป็นเพียง Basic Concept เท่านั้น แต่มันยังมีความซับซ้อนมากกว่านี้ โดยที่หุ้นขาขึ้นลูกที่ 1,2,3,4,5 สามารถรวบเป็นคลื่นลูกที่ 1 และหุ้นขาลง a,b,c สามารถรวบเป็นคลื่นลูกที่ 2 ได้ เช่นกราฟด้านล่าง
-
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดอาการอย่างนี้ ชวนคุณคัดท้ายมาคุยเรื่องจิตวิทยาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 15
เรียนถามคุณกรหรือผู้รู้ท่านอื่นครับว่า ณ วันนี้ ศุกร์ที่ 20 Feb 04 นี่ ตามทฤษฎีแล้ว SET เพิ่งเริ่มต้นเป็นขาลงครั้งใหญ่และจะกินเวลาสร้างฐานในการขึ้นครั้งต่อไปอีกหลายเดือนใช่มั๊ยครับ? ขอบคุณ คุณกรและท่านอื่นๆที่มาให้ความรู้ครับ
ปล. อยากได้หนังสืออ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคดีๆเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเองด้วย ช่วยแนะนำด้วยนะครับ (ภาษาอังกฤษหรือไทยก็ได้ครับ)
ปล. อยากได้หนังสืออ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคดีๆเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเองด้วย ช่วยแนะนำด้วยนะครับ (ภาษาอังกฤษหรือไทยก็ได้ครับ)
-
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดอาการอย่างนี้ ชวนคุณคัดท้ายมาคุยเรื่องจิตวิทยาหน่อยครับ
โพสต์ที่ 16
อนาคต ยากที่จะคาดเดา
เพราะมันเกิดจากการกระทำของคน
ซึ่งเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ถ้าหากว่าคนส่วนใหญ่ รู้ความลับ มันก็จะดิ้น เปลี่ยนแปร ไปในทิศทางตรงกันข้าม
เหมือนกับที่พี่คัดท้ายสุดหล่อ บอกนั่นแหละคับ
คน 20 คน ได้ครอบครอง ของๆ คน 80 คนที่เหลือ ตามกฏของ 20/80
ถ้าพรุ่งนี้ คน 80 คน ที่ถือหุ้นอยู่ ขายล้างพอร์ต
หุ้นคงตกอย่างแรง และรวดเร็ว แต่ก็จะหยุดความไม่แน่นอนนี้ได้อย่างรวดเร็ว
และหุ้นจะขึ้นภายในอาทิตย์เดียว เปลี่ยน trend เป็นขาขึ้นทันที เพราะหุ้นเข้าสู่มือ รายใหญ่หมดแล้ว
แต่ในความเป็นจริง มันเป็นไปได้ยาก
ราคาหุ้น มันจึงมีรูปแบบ ดังเข่นที่มันเป็นอยู่นี่แหละ เพราะ กราฟ เกิดจากคน
พวกเรา แสนกว่าคนที่เล่นกันอยู่ทุกวันนี่แหละ ช่วยกันสร้างกราฟ จากความโลภ ของพวกเรา
อิอิ......
เพราะมันเกิดจากการกระทำของคน
ซึ่งเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ถ้าหากว่าคนส่วนใหญ่ รู้ความลับ มันก็จะดิ้น เปลี่ยนแปร ไปในทิศทางตรงกันข้าม
เหมือนกับที่พี่คัดท้ายสุดหล่อ บอกนั่นแหละคับ
คน 20 คน ได้ครอบครอง ของๆ คน 80 คนที่เหลือ ตามกฏของ 20/80
ถ้าพรุ่งนี้ คน 80 คน ที่ถือหุ้นอยู่ ขายล้างพอร์ต
หุ้นคงตกอย่างแรง และรวดเร็ว แต่ก็จะหยุดความไม่แน่นอนนี้ได้อย่างรวดเร็ว
และหุ้นจะขึ้นภายในอาทิตย์เดียว เปลี่ยน trend เป็นขาขึ้นทันที เพราะหุ้นเข้าสู่มือ รายใหญ่หมดแล้ว
แต่ในความเป็นจริง มันเป็นไปได้ยาก
ราคาหุ้น มันจึงมีรูปแบบ ดังเข่นที่มันเป็นอยู่นี่แหละ เพราะ กราฟ เกิดจากคน
พวกเรา แสนกว่าคนที่เล่นกันอยู่ทุกวันนี่แหละ ช่วยกันสร้างกราฟ จากความโลภ ของพวกเรา
อิอิ......
-
- Verified User
- โพสต์: 57
- ผู้ติดตาม: 0