อนาคตของห้องเทคนิค
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
อนาคตของห้องเทคนิค
โพสต์ที่ 31
เห็นด้วยกะพี่ครรชิตค่ะ
กรณี ถ้า ไม่เปลืองพื้นที่มากไป จนเป็นภาระต่อเวบน่ะนะคะ
มันเหมือนกะว่า แม้เราจะเรียนสายวิทย์ ก็ยังควรต้องแฝงวิชาสายศิลป์ไว้บ้าง
ถึงจะมุ่งเน้นวิชาประวัติศาสตร์ ก็ควรมีเวลาสำหรับการเรียนพละบ้างเล้กน้อย
:lol:
กรณี ถ้า ไม่เปลืองพื้นที่มากไป จนเป็นภาระต่อเวบน่ะนะคะ
มันเหมือนกะว่า แม้เราจะเรียนสายวิทย์ ก็ยังควรต้องแฝงวิชาสายศิลป์ไว้บ้าง
ถึงจะมุ่งเน้นวิชาประวัติศาสตร์ ก็ควรมีเวลาสำหรับการเรียนพละบ้างเล้กน้อย
:lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 1435
- ผู้ติดตาม: 0
อนาคตของห้องเทคนิค
โพสต์ที่ 32
เห็นด้วยกับ คุณ Matrix กับ พี่ครรชิต ครับ
1. คนอยากรู้ ซื้อหนังสืออ่าน สงสัย มาถามเพิ่มเติมได้
2. ทั้ง VI และ Technical ก็ลดความเสี่ยง ซื้อราคา margin of safety ได้เหมือนกัน (ถ้าสมมติฐานเชื่อ)
3. เปิดแล้วถ้าไม่เสียหาย อ่านแล้วไปคิด คิดแล้วไปดูผลว่ามันเวิร์คหรือไม่ เป็นผลดี
4. ข้อมูล คนรู้จักนำไปใช้ก็ได้ประโยชน์ VI ก็มี Techniacl มาเสริมหาจังหวะซื้อ Technical ก็มี VI มาเสริมราคาที่ปลอดภัย และ แนวโน้มกิจการ
1. คนอยากรู้ ซื้อหนังสืออ่าน สงสัย มาถามเพิ่มเติมได้
2. ทั้ง VI และ Technical ก็ลดความเสี่ยง ซื้อราคา margin of safety ได้เหมือนกัน (ถ้าสมมติฐานเชื่อ)
3. เปิดแล้วถ้าไม่เสียหาย อ่านแล้วไปคิด คิดแล้วไปดูผลว่ามันเวิร์คหรือไม่ เป็นผลดี
4. ข้อมูล คนรู้จักนำไปใช้ก็ได้ประโยชน์ VI ก็มี Techniacl มาเสริมหาจังหวะซื้อ Technical ก็มี VI มาเสริมราคาที่ปลอดภัย และ แนวโน้มกิจการ
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
-
- Verified User
- โพสต์: 101
- ผู้ติดตาม: 0
อนาคตของห้องเทคนิค
โพสต์ที่ 33
เห็นด้วยกับพี่ครรชิต ไพศาลครับ
ผมพึ่งเป็นสมาชิกได้ไม่นานนะครับ ความรู้ในเรื่องของการเป็น vi ผมไม่แน่ใจว่าจะถูกหรือไม่ แต่อยากเล่า case ส่วนตัวให้ฟังซักเล็กน้อยนะครับ
เมื่อก่อนผมไม่เคยสนใจเรื่อง technical เลยนะครับ ผมตั้งใจเป็น vi เต็มตัว เพราะในชีวิตผมไม่ชอบเล่นการพนัน ไม่ชอบการเก็งกำไรทุกรูปแบบ ชอบหลักการและเหตุผลมากกว่า การใช้ technical จะไม่เห็นที่มาของเหตุผลชัดเจนเท่ากับการใช้ fundamental และเนื่องจากผมเป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งรู้ว่าเงินทองหายากต้องรอแต่ละเดือนที่จะมีรายได้เพิ่มพูน และพยายามใช้ให้น้อยกว่าที่ชีวิตพอจะมีได้ ไม่อยากตัดสินใจโดยฝากชีวิตไว้กับกราฟซึ่งมีอะไรเป็นเนื้อในบ้างก็ไม่รู้
จนถึงวันที่เริ่มเล่นหุ้น ดูทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นประวัติผู้บริหารหาแม้กระทั้ง inside พฤติกรรมของผู้บริหาร ถามหาคำนินทาของคนในอุตสาหกรรม ตรวจดูงบย้อนหลัง ดูโครงสร้างของตลาดสินค้านั้นโดยหาอ่านจากงานวิจัย ลักษณะคู่แข่ง ติดตามโครงการของผู้บริหาร ดูโอกาสที่จะเติบโต ดูลักษณะจุดเด่นจุดด้อยในการทำธุรกิจ อ่านข้อมูลและความคิดเห็นของผู้คนที่เข้ามาแลกเปลี่ยนกันในthaivi รวมทั้งเอาข้อมูลที่ได้จาก thaivi ไป cross เช็คกับคนในอุตสาหกรรมนั้นๆ ด้วย และที่สำคัญพยายามวัดมูลค่าหุ้น จนแน่ใจว่าเจอหุ้นที่ราคาถูกจริงและเข้าตามลักษณะทุกอย่าง และทำการเข้าซื้อหุ้นตัวนั้นวันเวลาในการซื้อไม่สนใจทั้งสิ้นเพราะถือว่าเราพอใจราคาที่ได้มาแล้ว หุ้นจะขึ้นจะลงอย่างไรไม่สนใจเพราะเราเลือกดีแล้ว ถ้าความสามารถของธุรกิจไม่เปลี่ยนผมจะไม่หวั่นไหวกับมัน
ก่อนที่จะเข้าซื้อผมเองก็พยายามทำตามหลักการ เตรียมเงินสำหรับยามฉุกเฉินเป็นเงินเก็บประมาณ 6 เดือนของค่าใช้จ่ายประจำ พยายามไม่แตะต้องมันเลยเผื่อสำรองยามฉุกเฉิน จะได้ไม่กระทบกับหุ้นที่เราซื้อไป
จนวันหนึ่งมีเรื่องที่ต้องใช้จ่ายเกิดขึ้น (จำเป็นมากขอสงวนสิทธิ์ไม่บอก) ค่าใช้จ่ายมากกว่าเงินสำรองผมด้วยซ้ำ ทำให้ผมต้องขายหุ้นตัวที่เลือกไว้ออกไป ราคาที่เกิดขึ้นต่ำกว่าตอนที่ซื้อมารับผลขาดทุนไปทันที โชคดีที่ขาดทุนไม่มากเท่าไหร่อยู่ในวิสัยที่รับได้ แต่ที่ขาดทุนเนี่ยใกล้เคียงประมาณ 1 ใน 4 ของเงินเดือนของผม (ตอบได้คำเดียวใจหายครับ สำหรับคนเงินเดือนน้อยๆ แต่อยากมีชีวิตยามเกษียณที่ไม่ทุกข์จนเกินไป) ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนที่ทำงานเป็นนักวิเคราะห์อยู่ในบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งว่าผมทำอะไรผิดพลาด ฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง สรุปคือผมซื้อหุ้น ณ. ราคาที่เป็นแนวต้านของตลาดพอดี หากผมรอจังหวะซื้อที่แนวรับผมจะปลอดภัยมากขึ้น
สำหรับคนที่มีเงินมาก มี port หลักล้านอาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่ผมสำรองไม่มากเอง แต่สำหรับผมคนที่มีเงินเก็บยังไม่ถึงครึ่งล้านเงินเดือนประจำก็น้อยนิดมีทางเลือกไม่มากหรอกครับ คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าในระหว่างที่รออาจจะเป็น 1ปี 3 ปี 5 ปี ที่ราคาไม่ขยับหรืออาจจะยาวกว่านั้นถ้าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นวัฏจักร คุณไม่รู้หรอกครับว่าคุณอาจจะมีเรื่องที่ต้องใช้เงินมากกว่าที่คุณคิดว่าคุณสำรองไว้ พ่อแม่คุณอาจจะเจ็บป่วยและต้องรักษาพยาบาลใช้เงินมากกว่าที่คุณคิด พี่น้องคุณอาจจะประสบปัญหาธุรกิจและต้องการความช่วยเหลือในยามที่คุณนึกไม่ถึง ไฟอาจจะไหม้บ้านทั้งที่มีทำประกันอัคคีภัยไว้แต่แน่นอนคุณก็ต้องซื้อเครื่องใช้ใหม่ ฯลฯ
จะเป็นอะไรไป ถ้าจะดู technical เพิ่มเติมในหุ้นที่คุณคิดว่ามันดีแล้ว และถึงแม้จะเชื่อได้บ้างไม่ได้บ้างแต่สถิติที่ผ่านมาความน่าเชื่อถือก็มีมากกว่าครึ่ง นั่นดีกว่าคุณไม่ทำไม่ใช่หรือครับ ทุกวันนี้พอเงินสะสมผมพอที่จะซื้อหุ้นคุ้มค่า com ซัก lot หนึ่ง ผมจะซื้อหุ้นที่ได้ศึกษาไว้และเลือกซื้อ ณ.จุดที่เพื่อนผมบอกว่าน่าจะเป็นแนวรับของราคาทุกครั้ง โดยเลือกครั้งที่โอกาสจะหลุดแนวรับมีน้อย อย่างน้อยผมก็สบายใจในช่วงสั้นๆ ถ้าซื้อไม่ได้ก็ไม่เอา และถ้าเพื่อนไม่มีเวลาดูให้(ผมไม่ได้จ่ายเงินเดือนมัน) ผมก็อาศัยตามที่เขาวิเคราะห์ set นั่นแหละครับเป็นตัวบอกว่าผมควรจะเข้าซื้อวันไหนประกอบ (อย่างน้อยถ้าขึ้นบ้างก็ได้ค่าคอมเวลาขาย)
ผมยังอ่อนหัดในเรื่องของการเป็นVI หนังสือที่อ่านก็ยังไม่มาก ในความรู้สึกส่วนตัวเครื่องมือถ้ามันมีประโยชน์และเราเห็นประโยชน์ในการที่จะมาช่วยเสริมแนวทางหลัก แต่เราไม่มัวเมากับมัน จะเป็นอะไรไปละครับ จำเป็นหรือครับว่าพวกtechnicalห้ามดูfundamental ตลอดชีวิต VI ไม่ควรดูแนวโน้มหรือทิศทางจากกราฟเลยหรือ พระห้ามเสพของมึนเมาแต่ถ้าอาพาธและเป็นส่วนผสมของยาก็ยังไม่ถือว่าผิด ยาแก้ไอแม้มันจะเป็นยาแต่วัยรุ่นเอากินให้มึนเมามันก็ยังยาเสพติดเลยครับ
เปิดไว้เถอะครับ คนที่เป็น VI เขาไม่เชื่อใครง่ายๆ อยู่แล้ว ให้เขาเลือกเถอะครับ ถ้าจะใช้ประโยชน์เขาเช็คย้อนหลังว่าใครเชื่อได้ เชื่อไม่ได้เองครับ
ผมพึ่งเป็นสมาชิกได้ไม่นานนะครับ ความรู้ในเรื่องของการเป็น vi ผมไม่แน่ใจว่าจะถูกหรือไม่ แต่อยากเล่า case ส่วนตัวให้ฟังซักเล็กน้อยนะครับ
เมื่อก่อนผมไม่เคยสนใจเรื่อง technical เลยนะครับ ผมตั้งใจเป็น vi เต็มตัว เพราะในชีวิตผมไม่ชอบเล่นการพนัน ไม่ชอบการเก็งกำไรทุกรูปแบบ ชอบหลักการและเหตุผลมากกว่า การใช้ technical จะไม่เห็นที่มาของเหตุผลชัดเจนเท่ากับการใช้ fundamental และเนื่องจากผมเป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งรู้ว่าเงินทองหายากต้องรอแต่ละเดือนที่จะมีรายได้เพิ่มพูน และพยายามใช้ให้น้อยกว่าที่ชีวิตพอจะมีได้ ไม่อยากตัดสินใจโดยฝากชีวิตไว้กับกราฟซึ่งมีอะไรเป็นเนื้อในบ้างก็ไม่รู้
จนถึงวันที่เริ่มเล่นหุ้น ดูทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นประวัติผู้บริหารหาแม้กระทั้ง inside พฤติกรรมของผู้บริหาร ถามหาคำนินทาของคนในอุตสาหกรรม ตรวจดูงบย้อนหลัง ดูโครงสร้างของตลาดสินค้านั้นโดยหาอ่านจากงานวิจัย ลักษณะคู่แข่ง ติดตามโครงการของผู้บริหาร ดูโอกาสที่จะเติบโต ดูลักษณะจุดเด่นจุดด้อยในการทำธุรกิจ อ่านข้อมูลและความคิดเห็นของผู้คนที่เข้ามาแลกเปลี่ยนกันในthaivi รวมทั้งเอาข้อมูลที่ได้จาก thaivi ไป cross เช็คกับคนในอุตสาหกรรมนั้นๆ ด้วย และที่สำคัญพยายามวัดมูลค่าหุ้น จนแน่ใจว่าเจอหุ้นที่ราคาถูกจริงและเข้าตามลักษณะทุกอย่าง และทำการเข้าซื้อหุ้นตัวนั้นวันเวลาในการซื้อไม่สนใจทั้งสิ้นเพราะถือว่าเราพอใจราคาที่ได้มาแล้ว หุ้นจะขึ้นจะลงอย่างไรไม่สนใจเพราะเราเลือกดีแล้ว ถ้าความสามารถของธุรกิจไม่เปลี่ยนผมจะไม่หวั่นไหวกับมัน
ก่อนที่จะเข้าซื้อผมเองก็พยายามทำตามหลักการ เตรียมเงินสำหรับยามฉุกเฉินเป็นเงินเก็บประมาณ 6 เดือนของค่าใช้จ่ายประจำ พยายามไม่แตะต้องมันเลยเผื่อสำรองยามฉุกเฉิน จะได้ไม่กระทบกับหุ้นที่เราซื้อไป
จนวันหนึ่งมีเรื่องที่ต้องใช้จ่ายเกิดขึ้น (จำเป็นมากขอสงวนสิทธิ์ไม่บอก) ค่าใช้จ่ายมากกว่าเงินสำรองผมด้วยซ้ำ ทำให้ผมต้องขายหุ้นตัวที่เลือกไว้ออกไป ราคาที่เกิดขึ้นต่ำกว่าตอนที่ซื้อมารับผลขาดทุนไปทันที โชคดีที่ขาดทุนไม่มากเท่าไหร่อยู่ในวิสัยที่รับได้ แต่ที่ขาดทุนเนี่ยใกล้เคียงประมาณ 1 ใน 4 ของเงินเดือนของผม (ตอบได้คำเดียวใจหายครับ สำหรับคนเงินเดือนน้อยๆ แต่อยากมีชีวิตยามเกษียณที่ไม่ทุกข์จนเกินไป) ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนที่ทำงานเป็นนักวิเคราะห์อยู่ในบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งว่าผมทำอะไรผิดพลาด ฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง สรุปคือผมซื้อหุ้น ณ. ราคาที่เป็นแนวต้านของตลาดพอดี หากผมรอจังหวะซื้อที่แนวรับผมจะปลอดภัยมากขึ้น
สำหรับคนที่มีเงินมาก มี port หลักล้านอาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่ผมสำรองไม่มากเอง แต่สำหรับผมคนที่มีเงินเก็บยังไม่ถึงครึ่งล้านเงินเดือนประจำก็น้อยนิดมีทางเลือกไม่มากหรอกครับ คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าในระหว่างที่รออาจจะเป็น 1ปี 3 ปี 5 ปี ที่ราคาไม่ขยับหรืออาจจะยาวกว่านั้นถ้าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นวัฏจักร คุณไม่รู้หรอกครับว่าคุณอาจจะมีเรื่องที่ต้องใช้เงินมากกว่าที่คุณคิดว่าคุณสำรองไว้ พ่อแม่คุณอาจจะเจ็บป่วยและต้องรักษาพยาบาลใช้เงินมากกว่าที่คุณคิด พี่น้องคุณอาจจะประสบปัญหาธุรกิจและต้องการความช่วยเหลือในยามที่คุณนึกไม่ถึง ไฟอาจจะไหม้บ้านทั้งที่มีทำประกันอัคคีภัยไว้แต่แน่นอนคุณก็ต้องซื้อเครื่องใช้ใหม่ ฯลฯ
จะเป็นอะไรไป ถ้าจะดู technical เพิ่มเติมในหุ้นที่คุณคิดว่ามันดีแล้ว และถึงแม้จะเชื่อได้บ้างไม่ได้บ้างแต่สถิติที่ผ่านมาความน่าเชื่อถือก็มีมากกว่าครึ่ง นั่นดีกว่าคุณไม่ทำไม่ใช่หรือครับ ทุกวันนี้พอเงินสะสมผมพอที่จะซื้อหุ้นคุ้มค่า com ซัก lot หนึ่ง ผมจะซื้อหุ้นที่ได้ศึกษาไว้และเลือกซื้อ ณ.จุดที่เพื่อนผมบอกว่าน่าจะเป็นแนวรับของราคาทุกครั้ง โดยเลือกครั้งที่โอกาสจะหลุดแนวรับมีน้อย อย่างน้อยผมก็สบายใจในช่วงสั้นๆ ถ้าซื้อไม่ได้ก็ไม่เอา และถ้าเพื่อนไม่มีเวลาดูให้(ผมไม่ได้จ่ายเงินเดือนมัน) ผมก็อาศัยตามที่เขาวิเคราะห์ set นั่นแหละครับเป็นตัวบอกว่าผมควรจะเข้าซื้อวันไหนประกอบ (อย่างน้อยถ้าขึ้นบ้างก็ได้ค่าคอมเวลาขาย)
ผมยังอ่อนหัดในเรื่องของการเป็นVI หนังสือที่อ่านก็ยังไม่มาก ในความรู้สึกส่วนตัวเครื่องมือถ้ามันมีประโยชน์และเราเห็นประโยชน์ในการที่จะมาช่วยเสริมแนวทางหลัก แต่เราไม่มัวเมากับมัน จะเป็นอะไรไปละครับ จำเป็นหรือครับว่าพวกtechnicalห้ามดูfundamental ตลอดชีวิต VI ไม่ควรดูแนวโน้มหรือทิศทางจากกราฟเลยหรือ พระห้ามเสพของมึนเมาแต่ถ้าอาพาธและเป็นส่วนผสมของยาก็ยังไม่ถือว่าผิด ยาแก้ไอแม้มันจะเป็นยาแต่วัยรุ่นเอากินให้มึนเมามันก็ยังยาเสพติดเลยครับ
เปิดไว้เถอะครับ คนที่เป็น VI เขาไม่เชื่อใครง่ายๆ อยู่แล้ว ให้เขาเลือกเถอะครับ ถ้าจะใช้ประโยชน์เขาเช็คย้อนหลังว่าใครเชื่อได้ เชื่อไม่ได้เองครับ
- น้ำครึ่งแก้ว
- Verified User
- โพสต์: 1098
- ผู้ติดตาม: 0
อนาคตของห้องเทคนิค
โพสต์ที่ 34
อยากให้เปิดครับ
แต่เวลาโพสต์ช่วยปิดชื่อหุ้นไว้หน่อยก็ดีครับ
แล้วช่วยอธิบายความน่าจะเป็น สัญญาณต่างๆ มีความหมายอย่างไร
เพราะอะไร มีเหตุผลอย่างไรบ้างด้วยครับ อยากรู้มากกว่าจะบอกว่า
มันจะไปแล้ว...ว หรือ มันจะลงแล้ว......ว นะครับ
ขอบคุณครับ
แต่เวลาโพสต์ช่วยปิดชื่อหุ้นไว้หน่อยก็ดีครับ
แล้วช่วยอธิบายความน่าจะเป็น สัญญาณต่างๆ มีความหมายอย่างไร
เพราะอะไร มีเหตุผลอย่างไรบ้างด้วยครับ อยากรู้มากกว่าจะบอกว่า
มันจะไปแล้ว...ว หรือ มันจะลงแล้ว......ว นะครับ
ขอบคุณครับ
" ชีวิตไม่เคยขาดความหวาน "
- bmw2681
- Verified User
- โพสต์: 710
- ผู้ติดตาม: 0
เปิดไว้เหอะคับ...
โพสต์ที่ 35
ปิดชื่อ แล้วจะติดตามต่อได้ไงล่ะคับ ว่า แม่นรึมั่ว อีกอย่างการบอกความน่าจะเป็นของแนวโน้มหุ้น เป็นประโยชน์อย่างเดียวของการใช้เทคนิค ถ้าศึกษาเทคนิค แล้วรู้แค่ที่มาของเครื่องมือต่างๆ เหมือนเรียนทำอาหาร จากคู่มืออ่ะคับ รู้ว่า อาหารจานนี้ มีส่วนประกอบ อะไรบ้าง แต่ไม่รู้ขั้นตอน หรือเทคนิคการปรุง ก็ไม่พ้นมั่วอยู่ดี
Every passing minute is a chance to turn it all around
http://bmw2681.wordpress.com
http://bmw2681.wordpress.com
-
- Verified User
- โพสต์: 898
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปิดไว้เหอะคับ...
โพสต์ที่ 36
พี่ bmxครับ เห็นกราฟราคาปุ๊ปก็รู้ว่าตัวไหนแล้วสำหรับชาว technicalbmw2681 เขียน:ปิดชื่อ แล้วจะติดตามต่อได้ไงล่ะคับ ว่า แม่นรึมั่ว อีกอย่างการบอกความน่าจะเป็นของแนวโน้มหุ้น เป็นประโยชน์อย่างเดียวของการใช้เทคนิค ถ้าศึกษาเทคนิค แล้วรู้แค่ที่มาของเครื่องมือต่างๆ เหมือนเรียนทำอาหาร จากคู่มืออ่ะคับ รู้ว่า อาหารจานนี้ มีส่วนประกอบ อะไรบ้าง แต่ไม่รู้ขั้นตอน หรือเทคนิคการปรุง ก็ไม่พ้นมั่วอยู่ดี
ถ้าชาวVI เขาไม่อยากรู้ ก็ปิดชื่อไว้ก็ได้ครับ มะเป็นไร
bid please!!
-
- Verified User
- โพสต์: 898
- ผู้ติดตาม: 0
อนาคตของห้องเทคนิค
โพสต์ที่ 37
พิมพ์ผิด ว่าจะพิมพ์ bmw ดันพิมพ์เป็น bmx
bid please!!
-
- ผู้ติดตาม: 0
อนาคตของห้องเทคนิค
โพสต์ที่ 38
โหเว้ย...ถ้าพูดต่อหน้าเนี่ย ถ้าไม่ขำ ก็โกรธเลยนะเนี่ยพิมพ์ผิด ว่าจะพิมพ์ bmw ดันพิมพ์เป็น bmx
แต่งานนี้เชื่อว่าพิมพ์ผิดจริงๆครับ :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
อนาคตของห้องเทคนิค
โพสต์ที่ 40
ใจจริง ถ้าการพูดชื่อหุ้น และคอมเมนต์ไม่ผิดกฏเกณฑ์อะไร
ผมอยากให้ทำแบบ ห้องกระทิงคุณค่า มีคนถามมา ถึงแนวโน้มของ
หุ้นรายตัวที่สนใจกัน และมีคนที่มีความรู้พอช่วยตอบ
แต่ให้ตอบในภาพระยะกลางนิดนึง เพื่อหลีกเลี่ยงการเก็งกำไรระยะสั้นๆ
เกินไปจากคอมเมนต์นั้นๆ เพื่อให้ทุกๆคนได้ซื้อหุ้นในจุดที่มี margin of safety เพียงพอในหุ้นที่ตัวเองสนใจและอยากลงทุนครับ
ผมอยากให้ทำแบบ ห้องกระทิงคุณค่า มีคนถามมา ถึงแนวโน้มของ
หุ้นรายตัวที่สนใจกัน และมีคนที่มีความรู้พอช่วยตอบ
แต่ให้ตอบในภาพระยะกลางนิดนึง เพื่อหลีกเลี่ยงการเก็งกำไรระยะสั้นๆ
เกินไปจากคอมเมนต์นั้นๆ เพื่อให้ทุกๆคนได้ซื้อหุ้นในจุดที่มี margin of safety เพียงพอในหุ้นที่ตัวเองสนใจและอยากลงทุนครับ
yoroshiku onegaishimasu
-
- Verified User
- โพสต์: 341
- ผู้ติดตาม: 0
อนาคตของห้องเทคนิค
โพสต์ที่ 44
แนวทาง vi มีวิธีตัดสินราคาหุ้นว่าถูกหรือแพงได้ดีกว่าวิธีทางเทคนิคเยอะแยะ ผมเองศึกษามาทั้ง 2 ทาง วิธีทางเทคนิคสู้แนวทาง vi ไม่ได้หรอกครับ การมีวิธีทางเทคนิคในเวปนี้อาจทำให้คนใหม่ๆ สับสนกับแนวทางการลงทุนแบบ vi ที่แท้จริงได้
วิธีทางเทคนิคเหมาะกับคนที่ลงทุนแบบเก็งกำไรรายวัน หรือเล่นรอบ
ผมขอยืนยันว่านักลงทุน vi ไม่ต้องการวิธีทางเทคนิคเลยแม้แต่นิดเดียวครับ
ผมเสนอให้ปิดนะ แต่ไม่ขัดข้องถ้าจะเปิดต่อครับ แล้วแต่มติสมาชิกส่วนใหญ่ :o
ดูไปเวป vi ก็เริ่มจะกลายพันธุ์แล้วเหมือนกัน รายชื่อหุ้นในร้อยคนร้อยหุ้นก็เริ่มมีหุ้นประเภทก้นบุหรี่เข้ามาบ้างแล้ว
วิธีทางเทคนิคเหมาะกับคนที่ลงทุนแบบเก็งกำไรรายวัน หรือเล่นรอบ
ผมขอยืนยันว่านักลงทุน vi ไม่ต้องการวิธีทางเทคนิคเลยแม้แต่นิดเดียวครับ
ผมเสนอให้ปิดนะ แต่ไม่ขัดข้องถ้าจะเปิดต่อครับ แล้วแต่มติสมาชิกส่วนใหญ่ :o
ดูไปเวป vi ก็เริ่มจะกลายพันธุ์แล้วเหมือนกัน รายชื่อหุ้นในร้อยคนร้อยหุ้นก็เริ่มมีหุ้นประเภทก้นบุหรี่เข้ามาบ้างแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 78
- ผู้ติดตาม: 0
อนาคตของห้องเทคนิค
โพสต์ที่ 45
คงไม่มีใครประสบความสำเร็จกับเทคนิคได้ทุกคน
ขึ้นอยู่ว่าเรียนรู้มาแค่ไหน ถึงแก่นหรือไม่ ประยุกต์ใช้เป็นหรือเปล่า
มันไม่แปลกหรอกครับ สมัยเรียน บางคนได้เกรด 4 บางคนสอบตก บางคนรีไทร์ :lol: :lol: :lol:
[quote="shinnozuke"]แนวทาง vi มีวิธีตัดสินราคาหุ้นว่าถูกหรือแพงได้ดีกว่าวิธีทางเทคนิคเยอะแยะ ผมเองศึกษามาทั้ง 2 ทาง วิธีทางเทคนิคสู้แนวทาง vi ไม่ได้หรอกครับ การมีวิธีทางเทคนิคในเวปนี้อาจทำให้คนใหม่ๆ สับสนกับแนวทางการลงทุนแบบ vi ที่แท้จริงได้
วิธีทางเทคนิคเหมาะกับคนที่ลงทุนแบบเก็งกำไรรายวัน หรือเล่นรอบ
ผมขอยืนยันว่านักลงทุน vi ไม่ต้องการวิธีทางเทคนิคเลยแม้แต่นิดเดียวครับ
ผมเสนอให้ปิดนะ แต่ไม่ขัดข้องถ้าจะเปิดต่อครับ แล้วแต่มติสมาชิกส่วนใหญ่
ขึ้นอยู่ว่าเรียนรู้มาแค่ไหน ถึงแก่นหรือไม่ ประยุกต์ใช้เป็นหรือเปล่า
มันไม่แปลกหรอกครับ สมัยเรียน บางคนได้เกรด 4 บางคนสอบตก บางคนรีไทร์ :lol: :lol: :lol:
[quote="shinnozuke"]แนวทาง vi มีวิธีตัดสินราคาหุ้นว่าถูกหรือแพงได้ดีกว่าวิธีทางเทคนิคเยอะแยะ ผมเองศึกษามาทั้ง 2 ทาง วิธีทางเทคนิคสู้แนวทาง vi ไม่ได้หรอกครับ การมีวิธีทางเทคนิคในเวปนี้อาจทำให้คนใหม่ๆ สับสนกับแนวทางการลงทุนแบบ vi ที่แท้จริงได้
วิธีทางเทคนิคเหมาะกับคนที่ลงทุนแบบเก็งกำไรรายวัน หรือเล่นรอบ
ผมขอยืนยันว่านักลงทุน vi ไม่ต้องการวิธีทางเทคนิคเลยแม้แต่นิดเดียวครับ
ผมเสนอให้ปิดนะ แต่ไม่ขัดข้องถ้าจะเปิดต่อครับ แล้วแต่มติสมาชิกส่วนใหญ่
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
อนาคตของห้องเทคนิค
โพสต์ที่ 47
ปิดครับ
เหตุผลของผมคือ คนที่อยู่ในเว็บนี้ส่วนใหญ่ไม่ถนัดด้านนี้ครับทำให้่มีการแลกเปลี่ยนความคิดกันน้อย
ขอเสนอวิธีง่ายๆ คือ แลก link กับ เว็บที่มีการพูดคุยทางด้าน เทคนิคไปเลยครับ
จะได้มีเว็บพี่ เทคนิก น้องพานิชย์
:lol: อยู่เป็นคู่กัน :oops:
เหตุผลของผมคือ คนที่อยู่ในเว็บนี้ส่วนใหญ่ไม่ถนัดด้านนี้ครับทำให้่มีการแลกเปลี่ยนความคิดกันน้อย
ขอเสนอวิธีง่ายๆ คือ แลก link กับ เว็บที่มีการพูดคุยทางด้าน เทคนิคไปเลยครับ
จะได้มีเว็บพี่ เทคนิก น้องพานิชย์
:lol: อยู่เป็นคู่กัน :oops:
-
- Verified User
- โพสต์: 551
- ผู้ติดตาม: 0
อนาคตของห้องเทคนิค
โพสต์ที่ 48
เปิดคะ
ความแตกต่างคือความงดงาม
ถ้าเราเชื่อว่าคนที่สนใจแนวทางการลงทุนในหุ้นคุณค่าจะใช้วิจารณญาณก่อนตัดสินใจ แต่ถ้าอยากเป็นแมงเม่า ก็คงทำอะไรกันไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิขอวแต่ละคน
ถ้าห่วงกัน ก้เตือนกันไป (แต่ขอความกรุณาเตือนแบบสุภาพ อย่าไปคิดว่าทุกคนจะแย่ จะเลว จะปั่น)
แต่มีห้องนี้ไว้ ก็น่าจะเป็นสีสัน
เหมือนห้อง a'ternative investing เราอยากเป็นนักลงทุน VI แต่ไม่ได้แปลว่าซื้อกองทุนตราสารหนี้ ซื้อทองไม่ได้นี่นา
ความแตกต่างคือความงดงาม
ถ้าเราเชื่อว่าคนที่สนใจแนวทางการลงทุนในหุ้นคุณค่าจะใช้วิจารณญาณก่อนตัดสินใจ แต่ถ้าอยากเป็นแมงเม่า ก็คงทำอะไรกันไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิขอวแต่ละคน
ถ้าห่วงกัน ก้เตือนกันไป (แต่ขอความกรุณาเตือนแบบสุภาพ อย่าไปคิดว่าทุกคนจะแย่ จะเลว จะปั่น)
แต่มีห้องนี้ไว้ ก็น่าจะเป็นสีสัน
เหมือนห้อง a'ternative investing เราอยากเป็นนักลงทุน VI แต่ไม่ได้แปลว่าซื้อกองทุนตราสารหนี้ ซื้อทองไม่ได้นี่นา
just one life, use it!
-
- Verified User
- โพสต์: 341
- ผู้ติดตาม: 0
อนาคตของห้องเทคนิค
โพสต์ที่ 49
[quote="พ่อปลาไหล"]คงไม่มีใครประสบความสำเร็จกับเทคนิคได้ทุกคน
ขึ้นอยู่ว่าเรียนรู้มาแค่ไหน ถึงแก่นหรือไม่
ขึ้นอยู่ว่าเรียนรู้มาแค่ไหน ถึงแก่นหรือไม่
-
- Verified User
- โพสต์: 25
- ผู้ติดตาม: 0
อนาคตของห้องเทคนิค
โพสต์ที่ 50
ปิดหรือเปิด ผมคงไม่กล้าออกความเห็นครับ
แต่ในความคิดผม การลงทุนในหุ้น ที่มีความเสี่ยงมากต้องประกอบด้วย 3ประการ
1 ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ทั้งด้านมหภาค(ของประเทศ ของโลก) และจุลภาค(ของกลุ่มอุตสาหกรรม ของบริษัท)
2 จังหวะและเวลา การเข้าซื้อและขายอันนี้ต้องใช้เทคนิกเข้าช่วย
3 กลยุทธการลงทุน เช่น กลยุทธที่ 8 ที9 ของคุณชอบอ่าน, กลยุทธการลงทุนต่อเนื่อง( DCA , VA) เป็นต้น
ทั้ง 3ประการเป็นอาวุธสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนครับ
แต่ในความคิดผม การลงทุนในหุ้น ที่มีความเสี่ยงมากต้องประกอบด้วย 3ประการ
1 ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ทั้งด้านมหภาค(ของประเทศ ของโลก) และจุลภาค(ของกลุ่มอุตสาหกรรม ของบริษัท)
2 จังหวะและเวลา การเข้าซื้อและขายอันนี้ต้องใช้เทคนิกเข้าช่วย
3 กลยุทธการลงทุน เช่น กลยุทธที่ 8 ที9 ของคุณชอบอ่าน, กลยุทธการลงทุนต่อเนื่อง( DCA , VA) เป็นต้น
ทั้ง 3ประการเป็นอาวุธสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 41
- ผู้ติดตาม: 0
อนาคตของห้องเทคนิค
โพสต์ที่ 51
ความเห็นส่วนตัวนะคับคิดว่าน่าจะเปิดต่อไป เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งให้ผู้ที่อยากรู้ได้เข้ามาศึกษา