ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
- tanate
- Verified User
- โพสต์: 307
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 1
ในส่วนตัวแล้วคิดว่าน่าจะเป็นธุรกิจที่มีmargin สูง ไม่เช่นนั้นจะมีPromotion แจกแถมออกมาอยู่ตลอด
ส่วนการใช้แว่นตาในระยะยาวคงมีการใช้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจุบันคนเราเคลียดมากขึ้น ทำให้มีปัญหาสายตามากขึ้นจำเป็นต้องใส่แว่นมากขึ้น
การเลี่ยงไปใช้คอนแทคเลนส์ ก็มีปัญหาเรื่องการดูแลความสะอาดและปัญหาโรคเกี่ยวกับตา ส่วนการทำเรสิค ยังมีราคาแพงและยังไม่รู้ผลข้างเคียงหลังผ่าตัดไปนานๆ จะเป็นเช่นไร
จึงมองว่าอนาคตธุรกิจแว่นตาน่าจะยังคงอยู่อย่างน้อย 10 ปี
ส่วนการใช้แว่นตาในระยะยาวคงมีการใช้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจุบันคนเราเคลียดมากขึ้น ทำให้มีปัญหาสายตามากขึ้นจำเป็นต้องใส่แว่นมากขึ้น
การเลี่ยงไปใช้คอนแทคเลนส์ ก็มีปัญหาเรื่องการดูแลความสะอาดและปัญหาโรคเกี่ยวกับตา ส่วนการทำเรสิค ยังมีราคาแพงและยังไม่รู้ผลข้างเคียงหลังผ่าตัดไปนานๆ จะเป็นเช่นไร
จึงมองว่าอนาคตธุรกิจแว่นตาน่าจะยังคงอยู่อย่างน้อย 10 ปี
หุ้นขึ้นสักแต่รู้ว่าหุ้นขึ้น หุ้นตกสักแต่รู้ว่าหุ้นตก
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 3
เป็นธุรกิจที่ผมไม่เข้าใจเอาซะเลยครับ
มองเข้าไปที่ร้านแว่นแห่งหนึ่งที่ออกโฆษณาทีวีด้วย
ผมแทบจะไม่เคยเจอลูกค้าเลย เจอแต่พนักงานเต็มร้าน
แต่กลับขยายสาขาไปทั่วประเทศ
เฉพาะใน กทม. แค่ไม่กี่ช่วงตึกก็เจอแต่ร้านแว่นร้านนี้
ต้องเป็นธุรกิจที่มี margin สูงมากๆ
แต่ผมก็สงสัยว่า ถ้า margin สูงซะขนาดนั้น
ทำไมไม่มีผู้เล่นหน้าใหม่ (new player) เข้ามาแบ่งเค้กมากกว่านี้
จะได้มี supply มากขึ้น ราคาแว่นและเลนส์ จะได้ถูกลง
เข้าใจว่ามี Barrier of entry สูง แต่ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
มองเข้าไปที่ร้านแว่นแห่งหนึ่งที่ออกโฆษณาทีวีด้วย
ผมแทบจะไม่เคยเจอลูกค้าเลย เจอแต่พนักงานเต็มร้าน
แต่กลับขยายสาขาไปทั่วประเทศ
เฉพาะใน กทม. แค่ไม่กี่ช่วงตึกก็เจอแต่ร้านแว่นร้านนี้
ต้องเป็นธุรกิจที่มี margin สูงมากๆ
แต่ผมก็สงสัยว่า ถ้า margin สูงซะขนาดนั้น
ทำไมไม่มีผู้เล่นหน้าใหม่ (new player) เข้ามาแบ่งเค้กมากกว่านี้
จะได้มี supply มากขึ้น ราคาแว่นและเลนส์ จะได้ถูกลง
เข้าใจว่ามี Barrier of entry สูง แต่ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 5
Margin ต่อหน่วยสูงHVI เขียน:เป็นธุรกิจที่ผมไม่เข้าใจเอาซะเลยครับ
มองเข้าไปที่ร้านแว่นแห่งหนึ่งที่ออกโฆษณาทีวีด้วย
ผมแทบจะไม่เคยเจอลูกค้าเลย เจอแต่พนักงานเต็มร้าน
แต่กลับขยายสาขาไปทั่วประเทศ
เฉพาะใน กทม. แค่ไม่กี่ช่วงตึกก็เจอแต่ร้านแว่นร้านนี้
ต้องเป็นธุรกิจที่มี margin สูงมากๆ
แต่ผมก็สงสัยว่า ถ้า margin สูงซะขนาดนั้น
ทำไมไม่มีผู้เล่นหน้าใหม่ (new player) เข้ามาแบ่งเค้กมากกว่านี้
จะได้มี supply มากขึ้น ราคาแว่นและเลนส์ จะได้ถูกลง
เข้าใจว่ามี Barrier of entry สูง แต่ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
แต่ยอดขายน้อย
กำไรเลยเป็น Normal Profit จนไม่มีใครอยากทำมั๊งครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 1
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 6
ถ้าพูดถึงธุรกิจขายแว่นตาก็น่าจะเป็นอย่างที่พี่ chatchai ว่าครับ
แต่ถ้าธุรกิจผลิตแว่นตานั้นเท่าที่ผมทราบมีไม่เยอะครับที่จะทำเลนส์ที่ดีออกมาได้ (เลนส์พลาสติคนะครับ) เท่าที่ผมพอทราบแม้แต่ท็อปเจริญเองก็ยังทำเองได้ไม่ดีเลยต้องซื้อเอาครับ
แต่ถ้าธุรกิจผลิตแว่นตานั้นเท่าที่ผมทราบมีไม่เยอะครับที่จะทำเลนส์ที่ดีออกมาได้ (เลนส์พลาสติคนะครับ) เท่าที่ผมพอทราบแม้แต่ท็อปเจริญเองก็ยังทำเองได้ไม่ดีเลยต้องซื้อเอาครับ
It's earnings that count
- tanate
- Verified User
- โพสต์: 307
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 8
ธุรกิจแว่นตาของผมหมายถึงเฉพาะตัวเลนส์นะครับ
แล้วตัวเลนส์นี้สามารถผลิตที่ประเทศจีนได้หรือยัง ถ้าผลิตได้และมีคุณภาพที่ดี
จะทำให้ราคาเลนส์ถูกลงมามากๆ จนมีmargin ต่ำลงได้หรือไม่
แต่ที่ส่งสัยเกี่ยวกับกรอบแว่นตาที่มียี่ห้อ ทำไมแพงมากๆ ทั้งที่ใช้วัสดุน้อยมาก
แล้วตัวเลนส์นี้สามารถผลิตที่ประเทศจีนได้หรือยัง ถ้าผลิตได้และมีคุณภาพที่ดี
จะทำให้ราคาเลนส์ถูกลงมามากๆ จนมีmargin ต่ำลงได้หรือไม่
แต่ที่ส่งสัยเกี่ยวกับกรอบแว่นตาที่มียี่ห้อ ทำไมแพงมากๆ ทั้งที่ใช้วัสดุน้อยมาก
หุ้นขึ้นสักแต่รู้ว่าหุ้นขึ้น หุ้นตกสักแต่รู้ว่าหุ้นตก
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 9
ถ้าเป็นแบบที่พี่ฉัตรว่า
ร้านแว่นดังกล่าวที่ขยายสาขาเป็นว่าเล่น
ไม่ได้ขยายมาจากกำไรสะสมใช่มั้ยครับ
ร้านแว่นดังกล่าวที่ขยายสาขาเป็นว่าเล่น
ไม่ได้ขยายมาจากกำไรสะสมใช่มั้ยครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 1
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 10
ก่อนหน้านี้สัก 2-3 ปี เลนส์ราคาถูกจากจีนตีตลาดจนผู้ผลิตชาติอื่นๆ แย่ไปตามๆกันเลยครับ แต่ช่วงนี้คนที่ซื้อเลนส์จากจีนเริ่มเข็ดแล้วเพราะซื้อไป 100 แผ่นอาจจะมีใช้ได้แค่ไม่ถึง 50 แผ่น เป็นต้น เรื่องคุณภาพนั้นยังห่างไกลครับ แต่ในอนาคตสัก 5 ปีขึ้นไปไม่แน่ครับ ก็เหมือนธุรกิจอื่นๆแหล่ะครับtanate เขียน: แล้วตัวเลนส์นี้สามารถผลิตที่ประเทศจีนได้หรือยัง ถ้าผลิตได้และมีคุณภาพที่ดี
จะทำให้ราคาเลนส์ถูกลงมามากๆ จนมีmargin ต่ำลงได้หรือไม่
ส่วนเรื่องกรอบแว่นตา น่าจะเหตุผลเหมือนเลนส์น่ะครับ ตลาดแว่นสายตานั้นค่อนข้างจำกัดและการเติบโตน้อยคงต้องขายแพงถึงจะคุ้มครับ แต่ถ้าดูตลาดแว่นกันแดดอันนั้นอาจจะเป็นอีกเรื่องนึงครับ
It's earnings that count
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 11
นั่นน่ะสิครับtanate เขียน: แต่ที่ส่งสัยเกี่ยวกับกรอบแว่นตาที่มียี่ห้อ ทำไมแพงมากๆ ทั้งที่ใช้วัสดุน้อยมาก
ยี่ห้อดังๆ แค่โลหะบางๆ 2 ชิ้น ราคาเป็นหมื่น (แบบขันน๊อตติดกับเลนส์เลย)
ไปดูที่วางขายแบกะดิน อยู่ที่หลักร้อย
มันต่างกันมากขนาดนั้นเชียว
สำหรับผม Value ของแว่นตาก็คือเลนส์
กรอบมีหน้าที่เพียงแค่จัดระดับเลนส์ให้อยู่ในจุดที่เหมาะสมตลอดเวลา
และไม่ทำให้เรารู้สึกรำคาญ
เพราะฉะนั้น เลนส์ผมขอเลือกแบบคุณภาพดีๆไว้ก่อน
ส่วนกรอบขอแบบ value หน่อยดีกว่า
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 88
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 12
มีบริษัทที่ทำกิจการร้านแว่นหรือพวกเกี่ยวกับแว่น เลนส์ น้ำยาล้างเลนส์ อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วยหรือเปล่าคะ เพราะอยากทราบผลการดำเนินงานที่ผ่าน ๆมา
โดยส่วนตัวเป็นคนสายตาสั้น เคยใส่แว่นอยู่ช่วงหนึ่ง แล้วเปลี่ยนมาเป็นคอนแทคเลนส์ ประมาณ 9 ปี เคยคิดจะทำเลสิค แต่ก็ยังเกรงผลระยะยาว เพราะวิทยาการสมัยใหม่นี้ ยังไม่ทราบว่าผลอีก 20-30 ปีข้างหน้า จะเป็นอย่างไร มีผลเกี่ยวกับสายตาของเราหรือไม่
การใส่แว่นก็สะดวก หยิบฉวยได้ทัน จักษุแพทย์ก็นิยมใส่แว่นมากกว่าและมักจะแนะนำคนไข้ให้ใส่แว่นมากกว่าคอนแทคเลนส์ คนทั่วไปก็คงจะมีแว่นสายตาแค่อันเดียว ไม่นับแว่นกันแดด ซึ่งร้านคู่แข่งมีมากมายเหลือคณานับ
แต่ก็อย่างว่า คือบางทีก็เกะกะ ลืมแว่น ลืมตัวนั่งทับก็แตก เล่นกีฬาไม่ถนัดใส่แล้วไม่สวยไม่เท่ โดนแอร์แล้วไปออกอากาศร้อนกระทันหันก็ขึ้นฝ้า แถมทำให้เรามองด้านข้างแบบใช้หางตาก็ไม่ได้ เพราะมองไม่ชัด ต้องหันไปตรงๆ เรียกว่า visual field ไม่ดี ทำให้เหมือนเป็นคนซุ่มซ่าม ( ไม่รู้คนอื่นเป็นรึเปล่า )
พอเปลี่ยนมาใส่คอนแทค รู้สึกตัวเองค่อยเหมือนคนอื่นหน่อย ไม่โดนเรียกว่า ยายแว่น แต่ก็ลำบากตอนกลางคืน ต้องถอดออกล้าง/แช่ มีอะไรตอนกลางคืนก็ต้องใส่เลนส์ก่อน จึงจะมองเห็น ไม่งั้นก็ต้องมีแว่นสำรอง ซึ่งพอไม่ได้ใส่แว่นมานานก็จะไม่ค่อยชิน ถ้ามือสกปรก ก็มีโอกาสเป็นตาแดง ติดเชื้อตามมา
อีกอย่าง ใส่คอนแทคก็สิ้นเปลือง ทั้งค่าเลนส์ น้ำยาล้าง แถมโชคร้าย ใช้ได้แค่ยี่ห้อเดียว ยี่ห้ออื่นแพ้ เลยทำให้ต้องจงรักภักดีกับยี่ห้อนี้ไปตลอด แต่ถ้าใช้แว่นก็อันเดียวไปตลอด (สายตาสั้นของคนเราส่วนใหญ่ มักจะสั้นคงที่ตอนอายุประมาณ 25 ปี ถ้าไม่ไปทำอะไรที่มีผลกับสายตาให้เปลี่ยนแปลง แล้วค่อยไปเริ่มสายตายาวตอนช่วงวัยทอง ) อย่างมากก็ไปทำแว่นดำกันแดด อีกอันหนึ่งโดยใช้เป็นแว่นสายตาไปด้วย แล้วก็คงอีกนานที่จะเข้าร้านแว่นอีก
สรุปก็คือ ตามสายตาอันสั้นๆของดิฉัน คิดว่า ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
1. คอนแทคเลนส์ ทั้งเลนส์สายตา เลนส์แฟชั่นสีต่างๆ รวมไปถึงอุปกรณ์ล้างเลนส์ ทั้งหลาย น่าจะมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ คนใช้แล้วก็มักจะมาซื้ออีกตลอด เมื่อของหมดสภาพ แต่ไม่ได้แปลว่าเจาะจงต้องมาซื้อร้านนี้ เพียงแต่จะเจาะจงยี่ห้อ และเลือกที่ราคาต่ำกว่า
2. แว่น แว่นสายตา น่าจะตัดกันคนละ 1-2 อัน ถ้าสายตาไม่เปลี่ยนหรือแว่นไม่พังซะก่อน ส่วนแว่นแฟชั่น ลูกค้าเยอะ แต่คู่แข่งก็เยอะมาก ๆ
เท่าที่เห็น ร้านแว่นทั่วไป คนขายเยอะกว่าลูกค้า ทำให้น่าสงสัยอยู่ว่าร้านอยู่ได้อย่างไร และมีคู่แข่งเปิดใหม่เต็มไปหมด การทีจะคงร้านอยู่ได้ น่าจะเกิดจากบริการที่ดี หรือลดแลกแจกแถม ซึ่งก็อาจเข้าเนื้อตนเอง
ก็ต้องขอฟังความเห็นนักวิเคราะห์ท่านอื่นด้วยค่ะ
โดยส่วนตัวเป็นคนสายตาสั้น เคยใส่แว่นอยู่ช่วงหนึ่ง แล้วเปลี่ยนมาเป็นคอนแทคเลนส์ ประมาณ 9 ปี เคยคิดจะทำเลสิค แต่ก็ยังเกรงผลระยะยาว เพราะวิทยาการสมัยใหม่นี้ ยังไม่ทราบว่าผลอีก 20-30 ปีข้างหน้า จะเป็นอย่างไร มีผลเกี่ยวกับสายตาของเราหรือไม่
การใส่แว่นก็สะดวก หยิบฉวยได้ทัน จักษุแพทย์ก็นิยมใส่แว่นมากกว่าและมักจะแนะนำคนไข้ให้ใส่แว่นมากกว่าคอนแทคเลนส์ คนทั่วไปก็คงจะมีแว่นสายตาแค่อันเดียว ไม่นับแว่นกันแดด ซึ่งร้านคู่แข่งมีมากมายเหลือคณานับ
แต่ก็อย่างว่า คือบางทีก็เกะกะ ลืมแว่น ลืมตัวนั่งทับก็แตก เล่นกีฬาไม่ถนัดใส่แล้วไม่สวยไม่เท่ โดนแอร์แล้วไปออกอากาศร้อนกระทันหันก็ขึ้นฝ้า แถมทำให้เรามองด้านข้างแบบใช้หางตาก็ไม่ได้ เพราะมองไม่ชัด ต้องหันไปตรงๆ เรียกว่า visual field ไม่ดี ทำให้เหมือนเป็นคนซุ่มซ่าม ( ไม่รู้คนอื่นเป็นรึเปล่า )
พอเปลี่ยนมาใส่คอนแทค รู้สึกตัวเองค่อยเหมือนคนอื่นหน่อย ไม่โดนเรียกว่า ยายแว่น แต่ก็ลำบากตอนกลางคืน ต้องถอดออกล้าง/แช่ มีอะไรตอนกลางคืนก็ต้องใส่เลนส์ก่อน จึงจะมองเห็น ไม่งั้นก็ต้องมีแว่นสำรอง ซึ่งพอไม่ได้ใส่แว่นมานานก็จะไม่ค่อยชิน ถ้ามือสกปรก ก็มีโอกาสเป็นตาแดง ติดเชื้อตามมา
อีกอย่าง ใส่คอนแทคก็สิ้นเปลือง ทั้งค่าเลนส์ น้ำยาล้าง แถมโชคร้าย ใช้ได้แค่ยี่ห้อเดียว ยี่ห้ออื่นแพ้ เลยทำให้ต้องจงรักภักดีกับยี่ห้อนี้ไปตลอด แต่ถ้าใช้แว่นก็อันเดียวไปตลอด (สายตาสั้นของคนเราส่วนใหญ่ มักจะสั้นคงที่ตอนอายุประมาณ 25 ปี ถ้าไม่ไปทำอะไรที่มีผลกับสายตาให้เปลี่ยนแปลง แล้วค่อยไปเริ่มสายตายาวตอนช่วงวัยทอง ) อย่างมากก็ไปทำแว่นดำกันแดด อีกอันหนึ่งโดยใช้เป็นแว่นสายตาไปด้วย แล้วก็คงอีกนานที่จะเข้าร้านแว่นอีก
สรุปก็คือ ตามสายตาอันสั้นๆของดิฉัน คิดว่า ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
1. คอนแทคเลนส์ ทั้งเลนส์สายตา เลนส์แฟชั่นสีต่างๆ รวมไปถึงอุปกรณ์ล้างเลนส์ ทั้งหลาย น่าจะมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ คนใช้แล้วก็มักจะมาซื้ออีกตลอด เมื่อของหมดสภาพ แต่ไม่ได้แปลว่าเจาะจงต้องมาซื้อร้านนี้ เพียงแต่จะเจาะจงยี่ห้อ และเลือกที่ราคาต่ำกว่า
2. แว่น แว่นสายตา น่าจะตัดกันคนละ 1-2 อัน ถ้าสายตาไม่เปลี่ยนหรือแว่นไม่พังซะก่อน ส่วนแว่นแฟชั่น ลูกค้าเยอะ แต่คู่แข่งก็เยอะมาก ๆ
เท่าที่เห็น ร้านแว่นทั่วไป คนขายเยอะกว่าลูกค้า ทำให้น่าสงสัยอยู่ว่าร้านอยู่ได้อย่างไร และมีคู่แข่งเปิดใหม่เต็มไปหมด การทีจะคงร้านอยู่ได้ น่าจะเกิดจากบริการที่ดี หรือลดแลกแจกแถม ซึ่งก็อาจเข้าเนื้อตนเอง
ก็ต้องขอฟังความเห็นนักวิเคราะห์ท่านอื่นด้วยค่ะ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 1
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 13
ฟังแบบนี้แล้วสบายใจดีครับ :DHVI เขียน: เพราะฉะนั้น เลนส์ผมขอเลือกแบบคุณภาพดีๆไว้ก่อน
ส่วนกรอบขอแบบ value หน่อยดีกว่า
ถ้าเลือกเลนส์ไม่ดีโอกาสที่ตาจะเสียในระยะยาวมีสูงมากครับ ดูแล้วไม่คุ้มแน่ๆ
ป.ล. ผมไม่ได้มีหุ้น TOG นะครับ 5555
It's earnings that count
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 1
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 14
เรื่องคอนแทคเลนส์นั้นยังไงคนใส่ก็ต้องมีแว่นอยู่ดีครับ ดังนั้นส่วนตัวผมมองว่าคอนแทคส์ไม่ใช่สินค้าทดแทนแว่นตาเพียงแต่เป็นตัวเสริมเพื่อบุคคลิกภาพครับcuboty เขียน:สรุปก็คือ ตามสายตาอันสั้นๆของดิฉัน คิดว่า ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
1. คอนแทคเลนส์ ทั้งเลนส์สายตา เลนส์แฟชั่นสีต่างๆ รวมไปถึงอุปกรณ์ล้างเลนส์ ทั้งหลาย น่าจะมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ คนใช้แล้วก็มักจะมาซื้ออีกตลอด เมื่อของหมดสภาพ แต่ไม่ได้แปลว่าเจาะจงต้องมาซื้อร้านนี้ เพียงแต่จะเจาะจงยี่ห้อ และเลือกที่ราคาต่ำกว่า
2. แว่น แว่นสายตา น่าจะตัดกันคนละ 1-2 อัน ถ้าสายตาไม่เปลี่ยนหรือแว่นไม่พังซะก่อน ส่วนแว่นแฟชั่น ลูกค้าเยอะ แต่คู่แข่งก็เยอะมาก ๆ
เท่าที่เห็น ร้านแว่นทั่วไป คนขายเยอะกว่าลูกค้า ทำให้น่าสงสัยอยู่ว่าร้านอยู่ได้อย่างไร และมีคู่แข่งเปิดใหม่เต็มไปหมด การทีจะคงร้านอยู่ได้ น่าจะเกิดจากบริการที่ดี หรือลดแลกแจกแถม ซึ่งก็อาจเข้าเนื้อตนเอง
ก็ต้องขอฟังความเห็นนักวิเคราะห์ท่านอื่นด้วยค่ะ
แว่นสายตานั้นตอนเด็กๆถ้าใส่ก็ต้องเปลี่ยนเรื่อยๆเมื่อสายตาเปลี่ยนนะครับ พอแก่ตัวลงต้องมีแว่นสายตายาวต่างหากอีก ในชีวิตนึงคนเราใช้เลนส์สายตามากเหมือนกันนะครับ
ส่วนเลสิกนั้นผมก็เพิ่งไปทำมาครับ ก็แก้ได้ระดับนึงแต่เด็กๆที่สายตายังไม่คงที่ก็ไม่ควรทำเพราะเลสิกทำได้แค่ครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น ถ้าทำแล้วโตขึ้นสายตายาวเพราะอายุก็ต้องใส่แว่นอยู่ดีครับ
It's earnings that count
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 16
ผมมักจะเปลี่ยนแว่นประมาณ 3 - 4 ปีครั้ง
ที่เปลี่ยนก็มีสาเหตุเนื่องมากจาก อุบัติเหตุ ทำให้ขาแว่นหักครับ ซ่อมจนซ่อมไม่ได้แล้วเลยต้องเปลี่ยน
เลนส์ก็ใช้แต่ของ HOYA มาตั้งนานแล้ว ไม่รู้จักยี่ห้ออื่นเลย
ที่เปลี่ยนก็มีสาเหตุเนื่องมากจาก อุบัติเหตุ ทำให้ขาแว่นหักครับ ซ่อมจนซ่อมไม่ได้แล้วเลยต้องเปลี่ยน
เลนส์ก็ใช้แต่ของ HOYA มาตั้งนานแล้ว ไม่รู้จักยี่ห้ออื่นเลย
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 934
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 17
เคยดูๆอยู่เหมือนกันตัวนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าแต่ละคนใช้แว่นหนึ่งอันเฉลี่ยคนละกี่ปี ของผมใช้อันเดิมมาแล้ว 5 ปี ถ้าไม่แตกหรือยังมองเห็นดีอยู่ก็ยังไม่คิดจะเปลี่ยนใหม่ ไม่เหมือนรถยนต์แฮะเวลามีตัวใหม่ออกมาอยากได้ตลอดพึ่งใช้ยังไม่ถึง 4 ปี ก็อยากเปลี่ยนอีกแล้ว
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 18
ที่จริงตอนนี้ไทยเป็นฐานการผลิตเลนส์ที่สำคัญไปแล้ว HOYA ก็ตัดสินใจมาเปิดโรงงานแล้ว คงมีข้อดีอะไรสักอย่างที่ผมยังคำตอบไม่ได้
ร้านแว่นตาก็คล้ายกับโฮมโปรนั้นแหละครับ คนเดินน้อยมากแต่ก็อยู่ได้ เพราะมาร์จิ้นสูง แม้จะขายได้ไม่บ่อย แต่ถัวเฉลี่ยกันแล้วก็มีกำไรพอๆ กับสินค้าอย่างอื่นที่หมุนเร็วกว่า
ร้านแว่นตาก็คล้ายกับโฮมโปรนั้นแหละครับ คนเดินน้อยมากแต่ก็อยู่ได้ เพราะมาร์จิ้นสูง แม้จะขายได้ไม่บ่อย แต่ถัวเฉลี่ยกันแล้วก็มีกำไรพอๆ กับสินค้าอย่างอื่นที่หมุนเร็วกว่า
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 19
ผมก็ทำ lasik ครับ เวลามองธุรกิจแว่นเลยค่อนข้างมี bias ว่ามันจะไปได้เหรอ เพราะกลุ่มลูกค้าที่มีเงิน น่าจะโดนแย่งไปเหลือแต่ลูกค้าตลาดล่างที่อาจจะไม่เลือกสินค้าของบริษัทส่วนเลสิกนั้นผมก็เพิ่งไปทำมาครับ
ส่วนเรื่องการลงทุน ผมว่าบริษัทพวก manufacturing คงต้องสู้กับจีนไปเรื่อยๆสินค้าจีนคงไม่ห่วยไปตลอดกาล เป็นแค่ time-bomb ว่าจะสู้ได้วันไหน ยังไงขอเลือกธุรกิจที่พอจะดูออกได้ดีกว่า -_-'
-
- Verified User
- โพสต์: 1822
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 20
ถ้าพูดถึงเลนส์
เลนส์แว่นตา ผมก็ตัดพร้อมกับกรอบแว่นใหม่ ใส่หลายปีเปลี่ยนสักครั้งนึง ไม่พัง ก็สายตาเปลี่ยนถึงจะทำใหม่ ร้านแว่นตาร้านประจำที่ใช้บริการ อยู่ได้เพราะบริการซ่อมแซม แล้วก็พวกเปลี่ยนถ่านนาฬิกา แล้วก็ขายคอนแทคเลนส์
เลนส์พวก เลนส์กล้อง ผมไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่เห็นค่ายกล้องผลิตกล้องออกมากันเรื่อยๆ ก็ต้องผลิตเลนส์ด้วย ดังนั้นเลนส์แบบนี้ น่าจะขายได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะเลนส์คุณภาพเยี่ยม ทำให้ได้ภาพสวยๆ
เลนส์แว่นตา ผมก็ตัดพร้อมกับกรอบแว่นใหม่ ใส่หลายปีเปลี่ยนสักครั้งนึง ไม่พัง ก็สายตาเปลี่ยนถึงจะทำใหม่ ร้านแว่นตาร้านประจำที่ใช้บริการ อยู่ได้เพราะบริการซ่อมแซม แล้วก็พวกเปลี่ยนถ่านนาฬิกา แล้วก็ขายคอนแทคเลนส์
เลนส์พวก เลนส์กล้อง ผมไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่เห็นค่ายกล้องผลิตกล้องออกมากันเรื่อยๆ ก็ต้องผลิตเลนส์ด้วย ดังนั้นเลนส์แบบนี้ น่าจะขายได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะเลนส์คุณภาพเยี่ยม ทำให้ได้ภาพสวยๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 66
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 21
มีบริษัทที่ผลิตเลนส์แว่นตาที่เป็นของคนไทยอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วยนะครับ แต่จำตัวย่อไม่ได้ ไม่ได้ติดตาม ส่วนตัวแล้วผมก็ทำร้านแว่นตาอยู่อัตราผมตอบแทนต่อเงินลงทุนประมาณ 15 - 20 % แค่นั้นครับ ถือว่าไม่มากนะผมว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 8
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 22
ผมมีเพื่อนเป็นหมอตา... เปิดร้านวัดสายตาและตัดแว่นตาด้วยอยู่ต่างจังหวัดครับ..ผมใช้บริการบ่อยเพราะไม่ค่อยระวังรักษาเท่าไหร่..เนื่องจากราคาไม่แพง(ถูกมาก).. ทั้งวัดสายตาเลือกกรอบแว่นและเลนส์สายตาอันละ 500 บาทเอง ซึ่งคุณภาพขนาดนี้ถ้าไปเทียบกับร้านแว่นตาดังๆ ทำเลดี ตกแต่งร้านหรูหรา และมีกระจายสาขาทั่วประเทศแล้ว แว่นอันนี้ต้องอยู่ในราคาอย่างน้อย 2000-3000 บาทครับ..ดังนั้น ความเห็นของผม มีมาร์จิ้นสูงมาก..ร้านแว่นใหญ่โตนี้ คาดว่าให้มีลูกค้าเข้าร้านใช้บริการวันละ 2-3 ราย ร้านก็อยู่ได้สบายๆแล้วครับ....
- dr_norr
- Verified User
- โพสต์: 315
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 23
ที่เห็นก็มีบริษัท เนี้ยอยู่ในตลาดหุ้น
ไม่ได้มาเชียร์หุ้นนะครับ เพราะผมมีแค่ 1000 หุ้นไว้อ่านงบการเงิน รายงานประจำปี ... :lol:
TOG : บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
กลุ่มอุตสาหกรรม/หมวดอุตสาหกรรม : สินค้าอุปโภคบริโภค / ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์
หลักทรัพย์ : TOG
ชื่่อบริษัท : บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ที่อยู่ : 15/5 หมู่ 6 ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทอง นนทบุรี
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2571-3680-4
เบอร์โทรสาร : 0-2571-3685
Website : www.thaiopticalgroup.com
ราคาพาร์ : 1.00 บาท
ประเภทบริษัท : Company-Listed
ทุนจดทะเบียน :
- หุ้นสามัญ : 400,000,000.00 บาท
- หุ้นบุริมสิทธิ : -
ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว :
- หุ้นสามัญ : 400,000,000.00 บาท
- หุ้นบุริมสิทธิ : -
จำนวนหุ้นซื้อคืน :
- หุ้นสามัญ : -
- หุ้นบุริมสิทธิ : -
จำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง :
- หุ้นสามัญ : 400,000,000 หุ้น
- หุ้นบุริมสิทธิ : -
หมายเลขกำกับหลักทรัพย์ :
- ในประเทศ : TH0899010001
- ต่างด้าว : TH0899010019
- NVDR : TH0899010R13
ข้อจำกัดหุ้นต่างด้าว : 49.00000 %
จำนวนหุ้นคงเหลือเพื่อโอน : 167,426,500 หุ้น
นโยบายเงินปันผล : ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล (โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติม)
ข้อมูลเพิ่มเติม : Form56-1 (ภาษาไทย)
-
ตลาดหลักทรัพย์เพิ่มสินค้า : TOG
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยขอแจ้งว่าคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์
ได้สั่งให้รับหุ้นสามัญของบริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน
ในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2549 เป็นต้นไป
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงเห็นควรกำหนดให้หุ้นสามัญของ
บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำนวน 400,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้
หุ้นละ 1 บาท รวม 400,000,000 บาท ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้
โดยจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์
และใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "TOG" ทั้งนี้กำหนดให้เริ่มซื้อขายได้
ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2549 เป็นต้นไป
หมายเหตุ ผู้ลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลของบริษัทได้จากสรุปข้อสนเทศของ TOG
ในระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ (SET SMART) และ
เว็บไซด์ของบริษัทที่ www.thaiopticalgroup.com
สรุปข้อสนเทศ
บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TOG)
ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ และโรงงาน :
15/5 หมู่ที่ 6 ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110
โทรศัพท์ : (662) 571-3680 ถึง 4 โทรสาร : (662) 571-3685 Website : www.thaiopticalgroup.com
ที่ตั้งสาขา 1 : 281/20-22 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
โทรศัพท์ : (662) 631-0118 โทรสาร : (662) 236-8028
ที่ตั้งสาขา 2 : 564 และ 572 ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทรศัพท์ : (662) 254-9535 ถึง 7 โทรสาร : (662) 254-5597 ถึง 8
เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เมื่อวันที่ 16 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2549 (เริ่มทำการซื้อขายวันที่ 16 พฤษภาคม 2549)
ประเภทหลักทรัพย์จดทะเบียน
หุ้นสามัญ 400,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท รวม 400,000,000 บาท (เสนอขาย
หุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป 68,000,000 หุ้น)
ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ราคาเสนอขาย 2.80 บาท (สองบาทแปดสิบสตางค์)
วันที่เสนอขาย 8-9 พฤษภาคม 2549
วัตถุประสงค์การใช้เงินเพิ่มทุน
1. ชำระค่าที่ดินที่ตั้งโรงงานของบริษัทฯ ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับบริษัท สินไทยเอสเตท จำกัด
จำนวน 20 ล้านบาท
2. ลงทุนขยายกำลังการผลิตเลนส์นิรภัยทนต่อแรงกระแทกสูง สำหรับสายการผลิตที่ 4 โดยทำการลงทุน
ซื้อเครื่องจักร และอุปกรณ์ประกอบเพิ่ม จำนวน 25 ล้านบาท
3. ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นชั่วคราวจากสถาบันการเงิน ที่นำมาใช้ในการลงทุนซื้อเครื่องจักร และ
อุปกรณ์เพิ่มเติมในการขยายกำลังการผลิตเลนส์นิรภัยทนต่อแรงกระแทกสูงสำหรับสายการผลิตที่ 3 และ
การก่อสร้างอาคารโกดังสินค้าใหม่ ของบริษัทฯ จำนวน 95 ล้านบาท
4. ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นชั่วคราวจากสถาบันการเงิน ที่นำมาใช้ในการลงทุนซื้อเครื่องจักร และ
อุปกรณ์เพิ่มเติมในการขยายกำลังการผลิตการเคลือบเคมีผิวแข็ง และการเคลือบเคมีตัดแสงสะท้อนของ
บริษัทย่อย จำนวน 75 ล้านบาท
5. ซื้อห้องชุด เพื่อใช้เป็นสำนักงานของบริษัทฯ ในตัวเมืองแห่งใหม่แทนที่เช่าจากบริษัทที่เกี่ยวข้อง
จำนวน 9 ล้านบาท
6. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ และบริษัทย่อย จำนวน ล้านบาท
การจัดสรรหุ้นส่วนเกิน ไม่มี
ประเภทกิจการและลักษณะการดำเนินงาน
บริษัทฯ และบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเลนส์สายตา แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มสินค้า
ประกอบไปด้วย
1. เลนส์สายตาพลาสติก
ซึ่งแบ่งออกเป็นกลุ่มสินค้าย่อย 4 กลุ่ม ตามประเภทของวัตถุดิบในการผลิต คือ
1.1 เลนส์ธรรมดา
1.2 เลนส์เปลี่ยนสี
1.3 เลนส์บางพิเศษ
1.4 เลนส์นิรภัยทนต่อแรงกระแทกสูง
2. เลนส์สายตากระจก
3. เลนส์สั่งฝนพิเศษ
4. สินค้าและบริการอื่น ได้แก่ แม่แบบแก้วที่ใช้ในกระบวนการผลิตเลนส์สายตาพลาสติก สินค้า
ซื้อมาเพื่อขายต่อ และการให้บริการเคลือบเคมีผิวแข็ง และเคลือบเคมีตัดแสงสะท้อน
บริษัทฯ และบริษัทย่อยจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ค้าส่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยผลิต
ตามคำสั่งซื้อภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของ
ลูกค้าต่างๆ ทั่วโลกมากกว่า 70 เครื่องหมายการค้า ไม่รวมเครื่องหมายการค้าที่ลูกค้านำสินค้าของ
บริษัทฯ และบริษัทย่อยไปเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เอง และจำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ
เอง คือ "Excelite"
ทั้งนี้บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีโครงสร้างรายได้ดังนี้
หน่วย : พันบาท
ประเภทสินค้า ผู้จำหน่าย งบรวมปี 2548 งบรวมปี 2547 งบเสมือนรวมปี 2546
มูลค่า สัดส่วน มูลค่า สัดส่วน มูลค่า สัดส่วน
1. เลนส์พลาสติก
1.1 เลนส์พลาสติกธรรมดา บริษัทฯ และบริษัทย่อย 497,452 48.64% 533,616 52.72% 524,008 60.38%
1.2 เลนส์พลาสติกเปลี่ยนสี บริษัทฯ 138,789 13.57% 120,662 11.92% 131,298 15.13%
1.3 เลนส์พลาสติกบางพิเศษ บริษัทฯ 62,151 6.08% 31,717 3.13% 21,125 2.43%
1.4 เลนส์นิรภัยทนต่อ บริษัทฯ 75,001 7.33% 58,042 5.73% 1,237 0.14%
แรงกระแทกสูง
2. เลนส์กระจก บริษัทย่อย 103,316 10.10% 135,273 13.36% 116,292 13.40%
3. เลนส์สั่งฝนพิเศษ บริษัทย่อย 127,091 12.43% 97,069 9.59% 55,060 6.34%
4. สินค้า และบริการอื่น บริษัทฯ และบริษัทย่อย 19,016 1.86% 35,805 3.54% 18,896 2.18%
รวม 1,022,816 100.00% 1,012,184 100.00% 867,916 100.00%
บริษัทฯ และบริษัทย่อย ไม่เน้นการแข่งขันในด้านราคา โดยจะทำการจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าแต่ละรายในราคา
เฉลี่ยที่มีกำไรขั้นต้นในระดับที่เหมาะสมเท่านั้น ทั้งนี้บริษัทฯ และบริษัทย่อยใช้ 3 กลยุทธ์หลักในการแข่งขัน คือด้าน
คุณภาพสินค้า การให้บริการ และการมีประเภทสินค้าต่างๆ ครบถ้วนทุกประเภทของเลนส์สายตา ซึ่งมีกลุ่มลูกค้า
เป้าหมายเฉพาะอยู่ที่ผู้ค้าส่ง กลุ่มร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ และโรงงานผลิตเลนส์จากเลนส์กึ่งสำเร็จรูป ในแต่ละประเทศ
ที่ไม่มีโรงงานผลิตเอง แต่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูงภายใต้ชื่อเครื่องหมายการค้าของตนเอง หรือเครื่องหมายการค้า
อื่นๆ ที่ไม่ใช่ของผู้ผลิตรายใหญ่ ที่ลูกค้าเหล่านั้นถือว่าเป็นคู่แข่งขันอยู่ในตลาด ทั้งนี้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสัดส่วน
การจำหน่ายในประเทศ และการส่งออกในปี 2548 ร้อยละ 7.04 และ 92.96 ตามลำดับ ซึ่งการส่งออกในปี 2548 นั้น
มีตลาดใน ยุโรป เอเชียแปซิฟิก อเมริกา และแอฟริกา อยู่ที่สัดส่วนร้อยละ 19.24, 14.60, 12.68 และ 3.48 ตามลำดับ
สินค้าของบริษัทฯ และบริษัทย่อยที่จำหน่ายอยู่ในประเทศ มีสัดส่วนการตลาดอยู่ที่ประมาณร้อยละ 30 ของ
ปริมาณการใช้ในประเทศ โดยส่วนที่เหลือมีบริษัท โฮย่า เลนส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอสซิลอร์
แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เป็นผู้ครองสัดส่วนการตลาดในประเทศรายใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาตลาดในประเทศไม่มีการ
ขยายตัวมากนัก สำหรับในตลาดโลกบริษัทฯ และบริษัทย่อยจัดเป็นเป็นผู้ผลิตเลนส์อิสระรายใหญ่ระดับ 1 ใน 4 ของ
โลก โดยปริมาณการขายเลนส์ในปี 2548 ที่ประมาณ 18.44 ล้านชิ้นต่อปี คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดโลกถึงร้อยละ 2.17
ของปริมาณความต้องการเลนส์โลก
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มี
สรุปสาระสำคัญของสัญญา ไม่มี
ไม่ได้มาเชียร์หุ้นนะครับ เพราะผมมีแค่ 1000 หุ้นไว้อ่านงบการเงิน รายงานประจำปี ... :lol:
TOG : บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
กลุ่มอุตสาหกรรม/หมวดอุตสาหกรรม : สินค้าอุปโภคบริโภค / ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์
หลักทรัพย์ : TOG
ชื่่อบริษัท : บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ที่อยู่ : 15/5 หมู่ 6 ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทอง นนทบุรี
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2571-3680-4
เบอร์โทรสาร : 0-2571-3685
Website : www.thaiopticalgroup.com
ราคาพาร์ : 1.00 บาท
ประเภทบริษัท : Company-Listed
ทุนจดทะเบียน :
- หุ้นสามัญ : 400,000,000.00 บาท
- หุ้นบุริมสิทธิ : -
ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว :
- หุ้นสามัญ : 400,000,000.00 บาท
- หุ้นบุริมสิทธิ : -
จำนวนหุ้นซื้อคืน :
- หุ้นสามัญ : -
- หุ้นบุริมสิทธิ : -
จำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียง :
- หุ้นสามัญ : 400,000,000 หุ้น
- หุ้นบุริมสิทธิ : -
หมายเลขกำกับหลักทรัพย์ :
- ในประเทศ : TH0899010001
- ต่างด้าว : TH0899010019
- NVDR : TH0899010R13
ข้อจำกัดหุ้นต่างด้าว : 49.00000 %
จำนวนหุ้นคงเหลือเพื่อโอน : 167,426,500 หุ้น
นโยบายเงินปันผล : ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล (โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติม)
ข้อมูลเพิ่มเติม : Form56-1 (ภาษาไทย)
-
ตลาดหลักทรัพย์เพิ่มสินค้า : TOG
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยขอแจ้งว่าคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์
ได้สั่งให้รับหุ้นสามัญของบริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน
ในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2549 เป็นต้นไป
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงเห็นควรกำหนดให้หุ้นสามัญของ
บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำนวน 400,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้
หุ้นละ 1 บาท รวม 400,000,000 บาท ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้
โดยจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์
และใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "TOG" ทั้งนี้กำหนดให้เริ่มซื้อขายได้
ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2549 เป็นต้นไป
หมายเหตุ ผู้ลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลของบริษัทได้จากสรุปข้อสนเทศของ TOG
ในระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ (SET SMART) และ
เว็บไซด์ของบริษัทที่ www.thaiopticalgroup.com
สรุปข้อสนเทศ
บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TOG)
ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ และโรงงาน :
15/5 หมู่ที่ 6 ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110
โทรศัพท์ : (662) 571-3680 ถึง 4 โทรสาร : (662) 571-3685 Website : www.thaiopticalgroup.com
ที่ตั้งสาขา 1 : 281/20-22 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
โทรศัพท์ : (662) 631-0118 โทรสาร : (662) 236-8028
ที่ตั้งสาขา 2 : 564 และ 572 ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทรศัพท์ : (662) 254-9535 ถึง 7 โทรสาร : (662) 254-5597 ถึง 8
เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เมื่อวันที่ 16 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2549 (เริ่มทำการซื้อขายวันที่ 16 พฤษภาคม 2549)
ประเภทหลักทรัพย์จดทะเบียน
หุ้นสามัญ 400,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท รวม 400,000,000 บาท (เสนอขาย
หุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป 68,000,000 หุ้น)
ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ราคาเสนอขาย 2.80 บาท (สองบาทแปดสิบสตางค์)
วันที่เสนอขาย 8-9 พฤษภาคม 2549
วัตถุประสงค์การใช้เงินเพิ่มทุน
1. ชำระค่าที่ดินที่ตั้งโรงงานของบริษัทฯ ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับบริษัท สินไทยเอสเตท จำกัด
จำนวน 20 ล้านบาท
2. ลงทุนขยายกำลังการผลิตเลนส์นิรภัยทนต่อแรงกระแทกสูง สำหรับสายการผลิตที่ 4 โดยทำการลงทุน
ซื้อเครื่องจักร และอุปกรณ์ประกอบเพิ่ม จำนวน 25 ล้านบาท
3. ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นชั่วคราวจากสถาบันการเงิน ที่นำมาใช้ในการลงทุนซื้อเครื่องจักร และ
อุปกรณ์เพิ่มเติมในการขยายกำลังการผลิตเลนส์นิรภัยทนต่อแรงกระแทกสูงสำหรับสายการผลิตที่ 3 และ
การก่อสร้างอาคารโกดังสินค้าใหม่ ของบริษัทฯ จำนวน 95 ล้านบาท
4. ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นชั่วคราวจากสถาบันการเงิน ที่นำมาใช้ในการลงทุนซื้อเครื่องจักร และ
อุปกรณ์เพิ่มเติมในการขยายกำลังการผลิตการเคลือบเคมีผิวแข็ง และการเคลือบเคมีตัดแสงสะท้อนของ
บริษัทย่อย จำนวน 75 ล้านบาท
5. ซื้อห้องชุด เพื่อใช้เป็นสำนักงานของบริษัทฯ ในตัวเมืองแห่งใหม่แทนที่เช่าจากบริษัทที่เกี่ยวข้อง
จำนวน 9 ล้านบาท
6. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ และบริษัทย่อย จำนวน ล้านบาท
การจัดสรรหุ้นส่วนเกิน ไม่มี
ประเภทกิจการและลักษณะการดำเนินงาน
บริษัทฯ และบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเลนส์สายตา แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มสินค้า
ประกอบไปด้วย
1. เลนส์สายตาพลาสติก
ซึ่งแบ่งออกเป็นกลุ่มสินค้าย่อย 4 กลุ่ม ตามประเภทของวัตถุดิบในการผลิต คือ
1.1 เลนส์ธรรมดา
1.2 เลนส์เปลี่ยนสี
1.3 เลนส์บางพิเศษ
1.4 เลนส์นิรภัยทนต่อแรงกระแทกสูง
2. เลนส์สายตากระจก
3. เลนส์สั่งฝนพิเศษ
4. สินค้าและบริการอื่น ได้แก่ แม่แบบแก้วที่ใช้ในกระบวนการผลิตเลนส์สายตาพลาสติก สินค้า
ซื้อมาเพื่อขายต่อ และการให้บริการเคลือบเคมีผิวแข็ง และเคลือบเคมีตัดแสงสะท้อน
บริษัทฯ และบริษัทย่อยจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ค้าส่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยผลิต
ตามคำสั่งซื้อภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของ
ลูกค้าต่างๆ ทั่วโลกมากกว่า 70 เครื่องหมายการค้า ไม่รวมเครื่องหมายการค้าที่ลูกค้านำสินค้าของ
บริษัทฯ และบริษัทย่อยไปเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เอง และจำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ
เอง คือ "Excelite"
ทั้งนี้บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีโครงสร้างรายได้ดังนี้
หน่วย : พันบาท
ประเภทสินค้า ผู้จำหน่าย งบรวมปี 2548 งบรวมปี 2547 งบเสมือนรวมปี 2546
มูลค่า สัดส่วน มูลค่า สัดส่วน มูลค่า สัดส่วน
1. เลนส์พลาสติก
1.1 เลนส์พลาสติกธรรมดา บริษัทฯ และบริษัทย่อย 497,452 48.64% 533,616 52.72% 524,008 60.38%
1.2 เลนส์พลาสติกเปลี่ยนสี บริษัทฯ 138,789 13.57% 120,662 11.92% 131,298 15.13%
1.3 เลนส์พลาสติกบางพิเศษ บริษัทฯ 62,151 6.08% 31,717 3.13% 21,125 2.43%
1.4 เลนส์นิรภัยทนต่อ บริษัทฯ 75,001 7.33% 58,042 5.73% 1,237 0.14%
แรงกระแทกสูง
2. เลนส์กระจก บริษัทย่อย 103,316 10.10% 135,273 13.36% 116,292 13.40%
3. เลนส์สั่งฝนพิเศษ บริษัทย่อย 127,091 12.43% 97,069 9.59% 55,060 6.34%
4. สินค้า และบริการอื่น บริษัทฯ และบริษัทย่อย 19,016 1.86% 35,805 3.54% 18,896 2.18%
รวม 1,022,816 100.00% 1,012,184 100.00% 867,916 100.00%
บริษัทฯ และบริษัทย่อย ไม่เน้นการแข่งขันในด้านราคา โดยจะทำการจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าแต่ละรายในราคา
เฉลี่ยที่มีกำไรขั้นต้นในระดับที่เหมาะสมเท่านั้น ทั้งนี้บริษัทฯ และบริษัทย่อยใช้ 3 กลยุทธ์หลักในการแข่งขัน คือด้าน
คุณภาพสินค้า การให้บริการ และการมีประเภทสินค้าต่างๆ ครบถ้วนทุกประเภทของเลนส์สายตา ซึ่งมีกลุ่มลูกค้า
เป้าหมายเฉพาะอยู่ที่ผู้ค้าส่ง กลุ่มร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ และโรงงานผลิตเลนส์จากเลนส์กึ่งสำเร็จรูป ในแต่ละประเทศ
ที่ไม่มีโรงงานผลิตเอง แต่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูงภายใต้ชื่อเครื่องหมายการค้าของตนเอง หรือเครื่องหมายการค้า
อื่นๆ ที่ไม่ใช่ของผู้ผลิตรายใหญ่ ที่ลูกค้าเหล่านั้นถือว่าเป็นคู่แข่งขันอยู่ในตลาด ทั้งนี้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสัดส่วน
การจำหน่ายในประเทศ และการส่งออกในปี 2548 ร้อยละ 7.04 และ 92.96 ตามลำดับ ซึ่งการส่งออกในปี 2548 นั้น
มีตลาดใน ยุโรป เอเชียแปซิฟิก อเมริกา และแอฟริกา อยู่ที่สัดส่วนร้อยละ 19.24, 14.60, 12.68 และ 3.48 ตามลำดับ
สินค้าของบริษัทฯ และบริษัทย่อยที่จำหน่ายอยู่ในประเทศ มีสัดส่วนการตลาดอยู่ที่ประมาณร้อยละ 30 ของ
ปริมาณการใช้ในประเทศ โดยส่วนที่เหลือมีบริษัท โฮย่า เลนส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอสซิลอร์
แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เป็นผู้ครองสัดส่วนการตลาดในประเทศรายใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาตลาดในประเทศไม่มีการ
ขยายตัวมากนัก สำหรับในตลาดโลกบริษัทฯ และบริษัทย่อยจัดเป็นเป็นผู้ผลิตเลนส์อิสระรายใหญ่ระดับ 1 ใน 4 ของ
โลก โดยปริมาณการขายเลนส์ในปี 2548 ที่ประมาณ 18.44 ล้านชิ้นต่อปี คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดโลกถึงร้อยละ 2.17
ของปริมาณความต้องการเลนส์โลก
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มี
สรุปสาระสำคัญของสัญญา ไม่มี
แมงเม่าวันนี้ จะตัวใหญ่ขึ้นในวันหน้า
-
- Verified User
- โพสต์: 1976
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 24
เคยไปมาสามโรง essilor hoya tog ติดตั้งเครื่องให้ทั้งสามโรง
essilor ลงทุนดีสุด เครื่องมือทันสมัย ถึงได้ผลิตเลนราคาแพงได้เยอะ และส่วนใหญ่ส่งออกอย่างเดียวครับ มาขายเมืองไทยก็พวกแว่นยี่ห้อดังๆนี้แหละครับ ส่วน hoya ก็ธรรมดา ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ ส่วน tog ยังค่อนข้างล้าสมัยไปหน่อยนึง
essilor ลงทุนดีสุด เครื่องมือทันสมัย ถึงได้ผลิตเลนราคาแพงได้เยอะ และส่วนใหญ่ส่งออกอย่างเดียวครับ มาขายเมืองไทยก็พวกแว่นยี่ห้อดังๆนี้แหละครับ ส่วน hoya ก็ธรรมดา ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ ส่วน tog ยังค่อนข้างล้าสมัยไปหน่อยนึง
- nano
- Verified User
- โพสต์: 447
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 25
อยากทราบว่าเครื่องที่ติดตั้งทั้งสามโรงงาน นานเท่าไหร่แล้วครับphobenius เขียน:เคยไปมาสามโรง essilor hoya tog ติดตั้งเครื่องให้ทั้งสามโรงessilor ลงทุนดีสุด เครื่องมือทันสมัย ถึงได้ผลิตเลนราคาแพงได้เยอะ และส่วนใหญ่ส่งออกอย่างเดียวครับ มาขายเมืองไทยก็พวกแว่นยี่ห้อดังๆนี้แหละครับ ส่วน hoya ก็ธรรมดา ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ ส่วน tog ยังค่อนข้างล้าสมัยไปหน่อยนึง
- ดาวหางสีแดง
- Verified User
- โพสต์: 635
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 27
ที่คุณ phobenius บอกว่า 3 ปีที่แล้ว นี่หมายถึง ทั้ง 3 โรงเลยเหรอครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 61
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 29
ร้านดังๆ ที่ขยายสาขาอย่างรวดเร็วนั้น ถ้าลองสังเกตดูดีๆ จะพบว่าพนักงานส่วนใหญ่เป็นสาวๆ อายุไม่มาก ผมคิดว่าประสบการณ์น้อย ไปอบรมมาสองสามอาทิตย์ก็มาเป็นพนักงานประจำร้านเลย เธอมันจะเชียร์ซื้อเลนส์แพงๆ บอกตามตรงว่าผมไม่ค่อยมั่นใจฝีมือครับ อย่าลืมนะครับว่าแว่นตามันใช้กับตา ถ้าผิดพลาดนิดเดียวสายตาเสียเลยนะครับ ผมชอบร้านเก่าๆ น่ะครับ ประมาณว่าทำมายี่สิบปีแล้ว ดูมันน่าจะไว้ใจได้ เด็กสาวเดี๋ยวเธอได้งานใหม่เธอก็ไปแล้ว คนใหม่เข้ามาฝีมือมีป่าวก็ไม่รู้
- metro
- Verified User
- โพสต์: 861
- ผู้ติดตาม: 0
ท่านๆคิดอย่างไร กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแว่นตา
โพสต์ที่ 30
ธุรกิจหลักที่บ้านผมคือร้านแว่นนะครับ
เท่าที่คุยกับแม่ผมมา ผมว่าเลนส์ของที่ไหนๆคุณภาพก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากมายครับ ดังนั้นการแข่งขันด้วยราคาและโปรโมชั่นมีกันมาตลอดและรุนแรงครับ ร้านค้าเลือกที่จะซื้อเลนส์ที่ถูกกว่าเพราะคุณภาพไม่ได้ต่างอะไรกันซักเท่าไรเลยครับ แต่ได้กำไรสุงกว่า สรุปเลยครับว่าร้านค้าเลือกที่จะซื้อเพราะโปรโมชั่นที่ผุ้ผลิตมีให้ครับ
เท่าที่คุยกับแม่ผมมา ผมว่าเลนส์ของที่ไหนๆคุณภาพก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากมายครับ ดังนั้นการแข่งขันด้วยราคาและโปรโมชั่นมีกันมาตลอดและรุนแรงครับ ร้านค้าเลือกที่จะซื้อเลนส์ที่ถูกกว่าเพราะคุณภาพไม่ได้ต่างอะไรกันซักเท่าไรเลยครับ แต่ได้กำไรสุงกว่า สรุปเลยครับว่าร้านค้าเลือกที่จะซื้อเพราะโปรโมชั่นที่ผุ้ผลิตมีให้ครับ