ลงทุนหุ้นครั้งดียวหมดพอร์ตเลย หรือ กระจายความเสี่ยงดี
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนหุ้นครั้งดียวหมดพอร์ตเลย หรือ กระจายความเสี่ยงดี
โพสต์ที่ 1
ปัญหามีอยู่ว่า ถ้าเรามั่นใจในหุ้นตัวนั้นมาก และราคาก็ลดลงมาต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น เราควรจะซื้อด้วยเงินทั้งหมดที่เรามีเลยหรือเปล่า
อย่าที่ บัพเฟต และ ลินซ์ บอกไว้ว่าหากเจอ super stock และคุณมีความมั่นใจมากๆว่า สิ่งที่คุณเลือกถูกต้องแล้ว จงทุ่มลงไปในกิจการที่ดีที่คุณค้นพบ ให้มากที่สุด
แล้วมันจะขัดแย้งกับการกระจายความเสี่ยงหรือเปล่าครับ?
อย่าที่ บัพเฟต และ ลินซ์ บอกไว้ว่าหากเจอ super stock และคุณมีความมั่นใจมากๆว่า สิ่งที่คุณเลือกถูกต้องแล้ว จงทุ่มลงไปในกิจการที่ดีที่คุณค้นพบ ให้มากที่สุด
แล้วมันจะขัดแย้งกับการกระจายความเสี่ยงหรือเปล่าครับ?
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนหุ้นครั้งดียวหมดพอร์ตเลย หรือ กระจายความเสี่ยงดี
โพสต์ที่ 2
ตัวไหนเนี่ย :roll:
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1922
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนหุ้นครั้งดียวหมดพอร์ตเลย หรือ กระจายความเสี่ยงดี
โพสต์ที่ 3
ความรู้ช่วยลดความเสี่ยงด้วยนะครับ
แต่...
ความมั่นใจมากๆมันทำให้หูหนวกตาบอดได้นะครับ
บางคนมั่นใจถือแม้พื้นฐานจะเปลี่ยนก็มีก็ยังรั้นว่าไปได้ต่อ...
สุดท้ายขาดทุนมากมาย
มั่นใจมากแต่ต้องฉุกคิดบ้างนะครับ ตรวจสอบตลอด ยิ่งมั่นใจยิ่งต้องดูให้ดี ดูด้วยใจเป็นกลางไม่เข้าข้างตัวเอง
อย่างพี่ฉัตรชัยก็ถือ wg ตัวเดียว และพอใจกับผลตอบแทนที่ได้ แต่ดูๆจากพี่ฉัตรชัยแกตอบกระทู้ต่างๆแล้ว แกไม่ได้มองแคบอยู่แค่ตัวเดียวแน่ ถ้ามีบริษัทอื่นที่พอใจมากกว่า ก็คงเปลี่ยนตัว ยังจำได้ที่พี่ฉัตรชัยเคยบอกว่าการกระจายความเสี่ยงนั้นก็เป็นการกระจายความมั่งคั่งด้วย คือ ถ้าถือหลายตัวแต่มีแค่ตัวสองตัวที่เรามั่นใจมากๆวิ่ง แต่เราดันกระจายไปลงตัวอื่นด้วยอีกหลายตัว ก็จะทำให้พอร์ตเราโตไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น...
แต่...
ความมั่นใจมากๆมันทำให้หูหนวกตาบอดได้นะครับ
บางคนมั่นใจถือแม้พื้นฐานจะเปลี่ยนก็มีก็ยังรั้นว่าไปได้ต่อ...
สุดท้ายขาดทุนมากมาย
มั่นใจมากแต่ต้องฉุกคิดบ้างนะครับ ตรวจสอบตลอด ยิ่งมั่นใจยิ่งต้องดูให้ดี ดูด้วยใจเป็นกลางไม่เข้าข้างตัวเอง
อย่างพี่ฉัตรชัยก็ถือ wg ตัวเดียว และพอใจกับผลตอบแทนที่ได้ แต่ดูๆจากพี่ฉัตรชัยแกตอบกระทู้ต่างๆแล้ว แกไม่ได้มองแคบอยู่แค่ตัวเดียวแน่ ถ้ามีบริษัทอื่นที่พอใจมากกว่า ก็คงเปลี่ยนตัว ยังจำได้ที่พี่ฉัตรชัยเคยบอกว่าการกระจายความเสี่ยงนั้นก็เป็นการกระจายความมั่งคั่งด้วย คือ ถ้าถือหลายตัวแต่มีแค่ตัวสองตัวที่เรามั่นใจมากๆวิ่ง แต่เราดันกระจายไปลงตัวอื่นด้วยอีกหลายตัว ก็จะทำให้พอร์ตเราโตไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น...
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4940
- ผู้ติดตาม: 1
ลงทุนหุ้นครั้งดียวหมดพอร์ตเลย หรือ กระจายความเสี่ยงดี
โพสต์ที่ 4
ถ้ามั่นใจก็ลุยเลยครับ
รู้จังหวะซื้อแล้ว ก็ต้องรู้จังหวะขายด้วยนะครับ
มีอยู่ตัวหนึ่ง เคยซื้อมาก่อน ก่อนก็ดีกำไรตั้งเยอะ สุดท้ายขายขาดทุนไปได้ไงก็ไม่รู้ ประสบการณ์ๆ :lol: :lol: :lol:
รู้จังหวะซื้อแล้ว ก็ต้องรู้จังหวะขายด้วยนะครับ
มีอยู่ตัวหนึ่ง เคยซื้อมาก่อน ก่อนก็ดีกำไรตั้งเยอะ สุดท้ายขายขาดทุนไปได้ไงก็ไม่รู้ ประสบการณ์ๆ :lol: :lol: :lol:
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4940
- ผู้ติดตาม: 1
ลงทุนหุ้นครั้งดียวหมดพอร์ตเลย หรือ กระจายความเสี่ยงดี
โพสต์ที่ 5
[quote="CopyWriter"]ถ้ามั่นใจก็ลุยเลยครับ
รู้จังหวะซื้อแล้ว ก็ต้องรู้จังหวะขายด้วยนะครับ
มีอยู่ตัวหนึ่ง เคยซื้อมาก่อน ก่อนก็ดีกำไรตั้งเยอะ สุดท้ายขายขาดทุนไปได้ไงก็ไม่รู้ ประสบการณ์ๆ
รู้จังหวะซื้อแล้ว ก็ต้องรู้จังหวะขายด้วยนะครับ
มีอยู่ตัวหนึ่ง เคยซื้อมาก่อน ก่อนก็ดีกำไรตั้งเยอะ สุดท้ายขายขาดทุนไปได้ไงก็ไม่รู้ ประสบการณ์ๆ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- Verified User
- โพสต์: 190
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนหุ้นครั้งดียวหมดพอร์ตเลย หรือ กระจายความเสี่ยงดี
โพสต์ที่ 6
เรื่องนี้เซียนว่างี้ครับ
กูรูหุ้นพันล้าน : วิชัย วชิรพงศ์
การลงทุนแบบ "ทุ่มสุดตัว" ด้วยเงินทุนก้อนใหญ่ "ครั้งเดียว" ซึ่งหมายถึงการรบแบบ "แตกหัก" ในสถานการณ์ที่เชื่อมั่นมากเกินไป เป็นวิธีการลงทุนที่ผิดพลาดได้ง่าย
อย่ารบในสงครามที่รู้ว่าเราต้องเป็น "ฝ่ายแพ้" อะไรก็ตาม ถ้ารู้ว่า "พลาด" ต้องถอยก่อน แสดงว่า..หนึ่ง สติปัญญาเราสู้เขาไม่ได้ สอง แสดงว่าเราตาถั่ว
-----------------------------
"เสี่ยยักษ์" วิชัย วชิรพงศ์ อธิบายว่า ถึงแม้ตัวเองจะมั่นใจมากกับหุ้น ปตท. แต่ใช่ว่าในสถานการณ์ที่เรามั่นใจ จะปลอดภัยเสมอไป
"นิสัยผมถ้าอะไรที่ไม่แน่ใจเต็มร้อย ผมจะระมัดระวังตัว จะเข้าไปลงทุนด้วยเงินก้อนน้อยๆ ก่อน ยิ่งถ้าเป็นหุ้นเก็งกำไร จะเล่นเป็นรอบ จะไม่ทุ่ม และจะไม่ถือยาว"
สูตรที่เสี่ยยักษ์บอกว่าใช้เป็นประจำ ถ้ามั่นใจหุ้นตัวไหนมากๆ ก็ซื้อหุ้นตัวนั้นเก็บเอาไว้ครึ่งหนึ่งก่อน และเมื่อไรที่เห็นปริมาณการซื้อขายเข้ามามากๆ ก็จะรีบซื้อหุ้นอีกครึ่งหนึ่งทันที
กลยุทธ์นี้ หมายถึงการ "หยั่งกำลังหุ้น" หรือการ "โยนหินถามทาง"
การลงทุนครั้งแรก เราต้องเริ่มจากเงินก้อนเล็กก่อน ถ้าชนะค่อยสู้ต่อ ถ้าแพ้ก็ "เลิก" ถ้าเข้าไปแล้วมีกำไรส่วนหนึ่ง ก็จะเอากองหลังมาสู้เพิ่ม ถ้าพลาดท่าก็จะ Cut Loss ทิ้ง ยังเหลือกองหลังไว้พยุงตัว "ผมคิดอย่างนี้"
ส่วนวิธีการลงทุนที่ใช้กับหุ้นทั่วไป เสี่ยยักษ์อธิบายเพิ่มเติมว่า จะใช้วิธีการหยั่งเชิง (แย็บ) ดูก่อน..ก้อนแรกที่ส่งเข้าไปลุย อาจจะเข้าไปก่อน 20-30% ของเงินที่เราเตรียมเอาไว้ ถ้า "เจ็บ" ก็ถอยออกมาตั้งหลัก และสำหรับการลงทุนใหญ่ๆ จะเลือกหุ้นเล่น แค่ครั้งละ 1 ตัว เท่านั้น
หรือแม้แต่หุ้น ปตท.ที่ตั้งใจจะเล่น "รอบใหญ่" แต่เสี่ยยักษ์จะมีการ "แบ่งหุ้น" ออกมาเล่นรอบด้วยเหมือนกัน
"ผมก็เหมือนนักลงทุนทั่วไป คือ เอาส่วนหนึ่งของหุ้น ปตท.จากก้อนใหญ่ แบ่งออกมาเล่นรอบ ประมาณ 1-2 แสนหุ้น ไหนๆ ราคามันมาแล้ว เราก็เล่นสักหน่อย"
"การเล่นรอบ" ด้วยการแบ่งหุ้นจำนวนน้อยออกมาเล่น มีข้อดีตรงที่ว่า ช่วยให้เราต้อง "เกาะติด" หุ้นตัวนั้น ไม่ให้ห่างสายตา
"ทำให้ผมต้องมองมันตลอดเวลา..คิดมันทุกเวลา การที่เราเอา 1-2 แสนหุ้น แบ่งมาเทรด (ซื้อๆขายๆ) บอกได้เลยว่ามันยาก เพราะเวลาเราขาย เราก็อยากให้มันลงมาก่อน พอมันลง ก็อยากให้ลงไปอีก พอราคาขึ้นมาใกล้ๆ ทุนเดิม ตอนนั้นยังไม่ซื้อ พฤติกรรมของนักเล่นหุ้น จะมาซื้อคืนตอนเฉี่ยวๆ ทุน บางทีขายเสร็จ ต้องไปซื้อแพงเป็นประจำ"
บทเรียนตรงนี้ สุดท้ายคนที่เล่นหุ้นแล้วได้กำไรเยอะๆ เล่นแล้วรวย ต้อง "ถือยาว" ในระยะเดือน (ไม่ใช่การซื้อๆ ขายๆ ด้วยหวังกำไรเพียงเล็กน้อย) และวิธีการซื้อจะต้องใช้วิธี "หยั่งกำลังหุ้น" ลงทุนด้วยเงินจำนวนที่ไม่มากก่อน
"วิธีการซื้อหุ้นที่ดี เราอย่าเพิ่งทุ่มก้อนใหญ่ ค่อยๆ หย่อนลงไป ลงแล้วชนะ (ทัพหลวง) ค่อยตามลงไป" เสี่ยยักษ์ย้ำว่ากลยุทธ์นี้ใช้ได้ผลดีมาตลอด
ถ้าขาดทุนจะทำอย่างไร
เสี่ยยักษ์บอกว่า โดยปกติการลงทุนของตนเอง จะไม่มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องลงทุนครั้งละเท่าไร หรือแบ่งเงินยังไง การลงทุนที่ดีจะต้อง "ยืดหยุ่น" ตามสถานการณ์
"แต่ถ้าเริ่มต้นเข้าไปปั๊บ!..ผมโดนเลย (หุ้นตกฮวบ) ก็เลิก"
เซียนหุ้นพันล้าน เน้นย้ำว่า อย่ารบในสงครามที่รู้ว่าเราต้องเป็น "ฝ่ายแพ้" อะไรก็ตาม ถ้ารู้ว่า "พลาด" ต้องถอยก่อน แสดงว่า..หนึ่ง สติปัญญาเราสู้เขาไม่ได้ สอง แสดงว่าเราตาถั่ว มองอะไรไม่เห็น หรือมองไม่ชัด
เสี่ยยักษ์บอกว่า ในภาวะที่เราอ่านตลาด (ทิศทาง SET) ไม่ออก หลักการสำคัญต้องดูเรื่อง "สภาพคล่อง" ในกระเป๋าของเราเป็นอันดับแรก
"บางช่วง ผมอาจจะมีหุ้นอยู่ในพอร์ต 3-4 ตัว ถ้าสภาพคล่องเริ่มต่ำลง ถึงจุดที่เราตั้งไว้ ผมจะล้างพอร์ต เหมาขายหุ้นทิ้งทั้งหมด จะไม่มีแบบว่าเก็บตัวที่ขาดทุนเอาไว้ ขายออกเฉพาะตัวที่มีกำไร ภาวะนั้น..ผมจะถือเงินสดอย่างเดียว"
นั่นหมายความว่า..เมื่อไรก็ตามที่เราประเมินไม่ออกว่าทางข้างหน้าจะดีหรือร้าย เราต้องออกมาตั้งหลักใหม่.."อย่าฝืนสู้" เพราะเราจะตาถั่ว เพราะบางช่วงของคนเรา คุณชนะไม่ได้ทุกครั้ง ถ้าเราพลาดก็ต้องยอมรับว่าพลาด ต้องถอยก่อน แสดงว่าช่วงนั้นเราสู้เขาไม่ได้จริงๆ ต้องออกมาดูอยู่วงนอก
ส่วนการ "ถอย" ในจังหวะที่เราอยู่ในสถานการณ์ "เพลี่ยงพล้ำ" เขาบอกว่า ประโยชน์ของมันก็คือ เพื่อทำให้ตัวเรา "สด" ก่อนกลับเข้าไปสู้ใหม่ ไม่ใช่ว่าจะต้องสู้จนตายกันไปข้างหนึ่ง วิธีการเล่นหุ้นอย่างงั้น "มันผิด"
"มีคนมาถามผมว่าติดหุ้นอยู่ตั้งหลายตัวจะทำอย่างไรดี ผมแนะนำเขาไปว่า หุ้นตัวไหนที่ไม่มีอนาคต คุณต้องตัดทิ้งไปให้หมด แล้วคุณต้องเหลือ "เงินสด" เอาไว้สู้ต่อ ช่วงไหนที่ตลาดบวก (Bullish Trend) เราค่อยสู้ใหม่ อัดเข้าไปให้เต็มพอร์ตเลย เป็นทางเดียวที่คุณมีโอกาสจะได้ทุนคืน"
ทั้งนี้ ในยุทธศาสตร์การรบ "การติดหุ้น" เท่ากับเป็นการสลายกำลัง คุณติดหุ้น 60% เหลือเงิน 40% ถึงตลาดดี ก็ไม่มีเงินมาสู้ใหม่.. เมื่อไรถึงจะได้ทุนคืน มันเป็นไปได้ยาก คนที่พอร์ตจะขยายใหญ่ได้.."ช่วงที่หุ้นขึ้น คุณต้องมีเงินซื้อหุ้น"
"เพราะฉะนั้น ถ้าช่วงไหนที่ตลาดไม่ดี หลักการคือคุณต้องถือเงินสดไว้ให้มากที่สุด" เสี่ยยักษ์ กล่าวสรุปปิดท้าย
กูรูหุ้นพันล้าน : วิชัย วชิรพงศ์
การลงทุนแบบ "ทุ่มสุดตัว" ด้วยเงินทุนก้อนใหญ่ "ครั้งเดียว" ซึ่งหมายถึงการรบแบบ "แตกหัก" ในสถานการณ์ที่เชื่อมั่นมากเกินไป เป็นวิธีการลงทุนที่ผิดพลาดได้ง่าย
อย่ารบในสงครามที่รู้ว่าเราต้องเป็น "ฝ่ายแพ้" อะไรก็ตาม ถ้ารู้ว่า "พลาด" ต้องถอยก่อน แสดงว่า..หนึ่ง สติปัญญาเราสู้เขาไม่ได้ สอง แสดงว่าเราตาถั่ว
-----------------------------
"เสี่ยยักษ์" วิชัย วชิรพงศ์ อธิบายว่า ถึงแม้ตัวเองจะมั่นใจมากกับหุ้น ปตท. แต่ใช่ว่าในสถานการณ์ที่เรามั่นใจ จะปลอดภัยเสมอไป
"นิสัยผมถ้าอะไรที่ไม่แน่ใจเต็มร้อย ผมจะระมัดระวังตัว จะเข้าไปลงทุนด้วยเงินก้อนน้อยๆ ก่อน ยิ่งถ้าเป็นหุ้นเก็งกำไร จะเล่นเป็นรอบ จะไม่ทุ่ม และจะไม่ถือยาว"
สูตรที่เสี่ยยักษ์บอกว่าใช้เป็นประจำ ถ้ามั่นใจหุ้นตัวไหนมากๆ ก็ซื้อหุ้นตัวนั้นเก็บเอาไว้ครึ่งหนึ่งก่อน และเมื่อไรที่เห็นปริมาณการซื้อขายเข้ามามากๆ ก็จะรีบซื้อหุ้นอีกครึ่งหนึ่งทันที
กลยุทธ์นี้ หมายถึงการ "หยั่งกำลังหุ้น" หรือการ "โยนหินถามทาง"
การลงทุนครั้งแรก เราต้องเริ่มจากเงินก้อนเล็กก่อน ถ้าชนะค่อยสู้ต่อ ถ้าแพ้ก็ "เลิก" ถ้าเข้าไปแล้วมีกำไรส่วนหนึ่ง ก็จะเอากองหลังมาสู้เพิ่ม ถ้าพลาดท่าก็จะ Cut Loss ทิ้ง ยังเหลือกองหลังไว้พยุงตัว "ผมคิดอย่างนี้"
ส่วนวิธีการลงทุนที่ใช้กับหุ้นทั่วไป เสี่ยยักษ์อธิบายเพิ่มเติมว่า จะใช้วิธีการหยั่งเชิง (แย็บ) ดูก่อน..ก้อนแรกที่ส่งเข้าไปลุย อาจจะเข้าไปก่อน 20-30% ของเงินที่เราเตรียมเอาไว้ ถ้า "เจ็บ" ก็ถอยออกมาตั้งหลัก และสำหรับการลงทุนใหญ่ๆ จะเลือกหุ้นเล่น แค่ครั้งละ 1 ตัว เท่านั้น
หรือแม้แต่หุ้น ปตท.ที่ตั้งใจจะเล่น "รอบใหญ่" แต่เสี่ยยักษ์จะมีการ "แบ่งหุ้น" ออกมาเล่นรอบด้วยเหมือนกัน
"ผมก็เหมือนนักลงทุนทั่วไป คือ เอาส่วนหนึ่งของหุ้น ปตท.จากก้อนใหญ่ แบ่งออกมาเล่นรอบ ประมาณ 1-2 แสนหุ้น ไหนๆ ราคามันมาแล้ว เราก็เล่นสักหน่อย"
"การเล่นรอบ" ด้วยการแบ่งหุ้นจำนวนน้อยออกมาเล่น มีข้อดีตรงที่ว่า ช่วยให้เราต้อง "เกาะติด" หุ้นตัวนั้น ไม่ให้ห่างสายตา
"ทำให้ผมต้องมองมันตลอดเวลา..คิดมันทุกเวลา การที่เราเอา 1-2 แสนหุ้น แบ่งมาเทรด (ซื้อๆขายๆ) บอกได้เลยว่ามันยาก เพราะเวลาเราขาย เราก็อยากให้มันลงมาก่อน พอมันลง ก็อยากให้ลงไปอีก พอราคาขึ้นมาใกล้ๆ ทุนเดิม ตอนนั้นยังไม่ซื้อ พฤติกรรมของนักเล่นหุ้น จะมาซื้อคืนตอนเฉี่ยวๆ ทุน บางทีขายเสร็จ ต้องไปซื้อแพงเป็นประจำ"
บทเรียนตรงนี้ สุดท้ายคนที่เล่นหุ้นแล้วได้กำไรเยอะๆ เล่นแล้วรวย ต้อง "ถือยาว" ในระยะเดือน (ไม่ใช่การซื้อๆ ขายๆ ด้วยหวังกำไรเพียงเล็กน้อย) และวิธีการซื้อจะต้องใช้วิธี "หยั่งกำลังหุ้น" ลงทุนด้วยเงินจำนวนที่ไม่มากก่อน
"วิธีการซื้อหุ้นที่ดี เราอย่าเพิ่งทุ่มก้อนใหญ่ ค่อยๆ หย่อนลงไป ลงแล้วชนะ (ทัพหลวง) ค่อยตามลงไป" เสี่ยยักษ์ย้ำว่ากลยุทธ์นี้ใช้ได้ผลดีมาตลอด
ถ้าขาดทุนจะทำอย่างไร
เสี่ยยักษ์บอกว่า โดยปกติการลงทุนของตนเอง จะไม่มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องลงทุนครั้งละเท่าไร หรือแบ่งเงินยังไง การลงทุนที่ดีจะต้อง "ยืดหยุ่น" ตามสถานการณ์
"แต่ถ้าเริ่มต้นเข้าไปปั๊บ!..ผมโดนเลย (หุ้นตกฮวบ) ก็เลิก"
เซียนหุ้นพันล้าน เน้นย้ำว่า อย่ารบในสงครามที่รู้ว่าเราต้องเป็น "ฝ่ายแพ้" อะไรก็ตาม ถ้ารู้ว่า "พลาด" ต้องถอยก่อน แสดงว่า..หนึ่ง สติปัญญาเราสู้เขาไม่ได้ สอง แสดงว่าเราตาถั่ว มองอะไรไม่เห็น หรือมองไม่ชัด
เสี่ยยักษ์บอกว่า ในภาวะที่เราอ่านตลาด (ทิศทาง SET) ไม่ออก หลักการสำคัญต้องดูเรื่อง "สภาพคล่อง" ในกระเป๋าของเราเป็นอันดับแรก
"บางช่วง ผมอาจจะมีหุ้นอยู่ในพอร์ต 3-4 ตัว ถ้าสภาพคล่องเริ่มต่ำลง ถึงจุดที่เราตั้งไว้ ผมจะล้างพอร์ต เหมาขายหุ้นทิ้งทั้งหมด จะไม่มีแบบว่าเก็บตัวที่ขาดทุนเอาไว้ ขายออกเฉพาะตัวที่มีกำไร ภาวะนั้น..ผมจะถือเงินสดอย่างเดียว"
นั่นหมายความว่า..เมื่อไรก็ตามที่เราประเมินไม่ออกว่าทางข้างหน้าจะดีหรือร้าย เราต้องออกมาตั้งหลักใหม่.."อย่าฝืนสู้" เพราะเราจะตาถั่ว เพราะบางช่วงของคนเรา คุณชนะไม่ได้ทุกครั้ง ถ้าเราพลาดก็ต้องยอมรับว่าพลาด ต้องถอยก่อน แสดงว่าช่วงนั้นเราสู้เขาไม่ได้จริงๆ ต้องออกมาดูอยู่วงนอก
ส่วนการ "ถอย" ในจังหวะที่เราอยู่ในสถานการณ์ "เพลี่ยงพล้ำ" เขาบอกว่า ประโยชน์ของมันก็คือ เพื่อทำให้ตัวเรา "สด" ก่อนกลับเข้าไปสู้ใหม่ ไม่ใช่ว่าจะต้องสู้จนตายกันไปข้างหนึ่ง วิธีการเล่นหุ้นอย่างงั้น "มันผิด"
"มีคนมาถามผมว่าติดหุ้นอยู่ตั้งหลายตัวจะทำอย่างไรดี ผมแนะนำเขาไปว่า หุ้นตัวไหนที่ไม่มีอนาคต คุณต้องตัดทิ้งไปให้หมด แล้วคุณต้องเหลือ "เงินสด" เอาไว้สู้ต่อ ช่วงไหนที่ตลาดบวก (Bullish Trend) เราค่อยสู้ใหม่ อัดเข้าไปให้เต็มพอร์ตเลย เป็นทางเดียวที่คุณมีโอกาสจะได้ทุนคืน"
ทั้งนี้ ในยุทธศาสตร์การรบ "การติดหุ้น" เท่ากับเป็นการสลายกำลัง คุณติดหุ้น 60% เหลือเงิน 40% ถึงตลาดดี ก็ไม่มีเงินมาสู้ใหม่.. เมื่อไรถึงจะได้ทุนคืน มันเป็นไปได้ยาก คนที่พอร์ตจะขยายใหญ่ได้.."ช่วงที่หุ้นขึ้น คุณต้องมีเงินซื้อหุ้น"
"เพราะฉะนั้น ถ้าช่วงไหนที่ตลาดไม่ดี หลักการคือคุณต้องถือเงินสดไว้ให้มากที่สุด" เสี่ยยักษ์ กล่าวสรุปปิดท้าย
ดูอดีต คิดปัจจุบัน ฝันอนาคต
-
- Verified User
- โพสต์: 1822
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนหุ้นครั้งดียวหมดพอร์ตเลย หรือ กระจายความเสี่ยงดี
โพสต์ที่ 9
เป็นคำถามหนึ่งที่เหมือนกับถามว่า ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน
คำตอบคือ จะถือตัวเดียวหรือหลายตัว มันแล้วแต่คนครับ ว่าเงินเยอะแค่ไหน มีเวลาติดตามดูแลมากแค่ไหน ความรู้ประสบการณ์มีมากแค่ไหน อะไรทำนองนั้นครับ
คำตอบคือ จะถือตัวเดียวหรือหลายตัว มันแล้วแต่คนครับ ว่าเงินเยอะแค่ไหน มีเวลาติดตามดูแลมากแค่ไหน ความรู้ประสบการณ์มีมากแค่ไหน อะไรทำนองนั้นครับ
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนหุ้นครั้งดียวหมดพอร์ตเลย หรือ กระจายความเสี่ยงดี
โพสต์ที่ 10
ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้นี่เอง การกระจายความเสี่ยงจะทำให้เรา ปลอดภัยจากสิ่งที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันก็ได้vivitawin เขียน:ความรู้ช่วยลดความเสี่ยงด้วยนะครับ
แต่...
ความมั่นใจมากๆมันทำให้หูหนวกตาบอดได้นะครับ
บางคนมั่นใจถือแม้พื้นฐานจะเปลี่ยนก็มีก็ยังรั้นว่าไปได้ต่อ...
สุดท้ายขาดทุนมากมาย
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก