vote หุ้นพื้นฐานดี แต่ราคายังไม่ขึ้น
- vichit
- Verified User
- โพสต์: 15833
- ผู้ติดตาม: 0
vote หุ้นพื้นฐานดี แต่ราคายังไม่ขึ้น
โพสต์ที่ 1
ขอ up side เยอะๆ หน่อยครับ
ผมเลือก nncl ปัจจุบัน 2.20 เป้าหมาย 3.30
บล.กิมเอ็ง : NNCL แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสมที่ 3.30 บาท
เน้นรายได้ที่มาจากการบริการ
ภายหลังจากการเข้าพบผู้บริหาร เราจึงมีมุมมองที่เป็นบวกขึ้นใน บมจ. นวนคร
(NNCL) สืบเนื่องจากโครงการผลิตน้ำที่ปทุมธานีโดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 16.4 ล้านลูกบาศ์ก
เมตร/ปี ซึ่งทางผู้บริหารเชื่อว่าการเติบโตจากรายได้ในการบริการ ซึ่งคิดเป็น 38% ของรายได้
รวม จะสามารถทำกำไรให้กับบริษัทได้ทุกไตรมาส โดยไม่จำเป็นต้องมีการขายที่ดินแต่อย่างใด
ความเสี่ยงต่ำและพึ่งพารายได้จากการขายที่ดินน้อยลง
จากความกังวลในการขายที่ดินที่น้อยลง NNCL จึงมีความเสี่ยงจากการทำกำไรที่ต่ำ
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2550 ทางบริษัทมีรายได้จากการขายที่ดินจำนวน 380 ล้านบาท ใน
ขณะที่เราคาดว่ารายได้จากการขายที่ดินในปีนี้จะอยู่ที่ 550 ล้านบาท ลดลง 16% จากปีก่อน
เนื่องจากเราเชื่อว่ายอดขายที่ดินโดยรวมในปีนี้จะลดจาก 245 ไร่ ในปี 2549 เป็น 185 ไร่ ในปี
นี้
การบริหารหนี้สินอย่างมีคุณภาพส่งผลให้มีอัตราหนี้สินต่อทุนที่ต่ำ
ณ ปัจจุบันทางบริษัทมีหนี้สินอยู่ 2 ส่วน โดยส่วนแรกจำนวน 570 ล้านบาท ซึ่งมาจากการ
ลงทุนในระบบผลิตน้ำที่ปทุมธานี และอีกจำนวน 380 ล้านบาท จะเป็นการลงทุนในการเข้าซื้อ
ที่ดินที่โคราช ซึ่งทางบริษัทจะไม่จำเป็นต้องคืนหนี้ในส่วนที่ 2 จนกว่าจะมีการบันทึกรายได้จาก
การขายที่ดิน ดังนั้นเราคาดว่าภาระการจ่ายดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจหรือเพียง 7
ล้านบาท ในปีนี้ ในขณะที่อัตราหนี้สินต่อทุนยังคงต่ำ หรือเพียง 0.7 เท่า ภายในสิ้นปีนี้
ราคาหุ้นถูกที่สุดในกลุ่ม เราจึงกลับมาเริ่มคำแนะนำที่ ซื้อ
ราคาหุ้น NNCL ได้ปรับตัวลดลง 62% จากจุดสูงสุดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และ
ปิดที่ 2.16 บาท/หุ้น เราเชื่อว่าพื้นฐานบริษัทที่ดีขึ้น อัตราหนี้สินต่อทุนที่ต่ำ และการทำกำไรที่มี
การเติบโตควรจะสะท้อนถึงราคาหุ้นที่สูงขึ้น จากการคำนวณโดยใช้ PER ที่ 11 เท่า เราจึงมี
ราคาเหมาะสมที่ 3.30 บาท/หุ้น และจาก PER ปี 2551 ที่มีอยู่เพียง 6.5 เท่า ในขณะที่มีส่วน
ต่างจากราคาเหมาะสมอยู่สูงถึง 53% เราจึงกลับมาเริ่มคำแนะนำที่ ซื้อ
มีการพึ่งพารายได้จากการขายที่ดินน้อยลง
NNCL มีนิคมอุตสาหกรรมอยู่ 2 แห่ง โดยแห่งแรกอยู่ที่ปทุมธานี และแห่งที่ 2 อยู่ที่
นครราชสีมา (โคราช) โดยมีที่ดินรวมทั้งสิ้น 7,815 ไร่ แบ่งออกเป็น 6,135 ไร่ ที่ปทุมธานี และ
1,680 ไร่ที่ โคราช จากการเน้นธุรกิจไปยังการขยายการบริการมากขึ้น ทางบริษัทจึงมีความ
สนใจในการขายที่ดินน้อยลง ซึ่งเราเชื่อว่ายอดขายที่ดินโดยรวมในปีนี้จะลดจาก 245 ไร่ ในปี
2549 เป็น 185 ไร่ ในปีนี้ ในแง่ของรายได้เราคาดว่ารายได้จากการขายที่ดินในปีนี้จะอยู่ที่ 550
ล้านบาท ลดลง 16% จากปีก่อน
เนื่องจากตำแหน่งที่อยู่ที่ปทุมธานีอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ราคาขายที่ดินจึงอยู่สูงถึง 4-5
ล้านบาท/ไร่ ซึ่งสูงกว่าผู้ประกอบการรายอื่นอย่างเช่น อมตะนครที่ชลบุรี มีราคาขายอยู่ที่ 3.3-3.4
ล้านบาท/ไร่ และ โรจนะที่อยุธยามีราคาขายอยู่ที่ 3 ล้านบาท/ไร่ อัตรากำไรขั้นต้นจากการขาย
ที่ดินในช่วง 6 เดือนของปี 2550 จึงอยู่สูงถึง 79% และเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปี 2550
จะคงอยู่ที่ 78% เนื่องจากทางบริษัทมีที่ดินอย่างจำกัดโดยเหลือเพียงประมาณ 800 ไร่ NNCL
จึงไม่มีแผนที่จะซื้อที่ดินเพิ่มในระยะสั้นนี้ และเน้นความสนใจไปยังการขยายธุรกิจบริการให้กับ
ฐานลูกค้าเดิม
ธุรกิจการบริการที่กว้างขวางขึ้น
ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาทางบริษัทได้เริ่มเปิดใช้โครงการผลิตน้ำที่ปทุมธานี โดย
มีกำลังการผลิตเต็มพิกัดอยู่ที่ 16.4 ล้านลูกบาศ์กเมตร/ปี ในปัจจุบันความต้องการใช้น้ำมีอยู่ที่
50,000 ลูกบาศ์กเมตร/วัน หรือที่ 18 ล้านลูกบาศ์กเมตร/ปี ส่งผลให้มีความขาดแคลนในการใช้
น้ำและทางบริษัทจึงต้องซื้อน้ำจากที่อื่นมาขายที่ต้นทุน 14 บาท/ลูกบาศ์กเมตรเปรียบเทียบกับ 9
บาท/ลูกบาศ์กเมตรที่มีอยู่ ทางบริษัทจึงวางแผนที่จะขยายโครงการผลิตน้ำใหม่ที่จะสามารถผลิต
น้ำได้วันละ 60,000 ลูกบาศ์กเมตร ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างภายในสิ้นปีนี้และใช้งบลงทุนในการก่อสร้าง
ประมาณ 110 ล้านบาท
ทางบริษัทยังมีแผนที่จะเปิดโครงการที่พักอาศัย โดยมีทั้งสิ้น 3,000 ยูนิตที่ปทุมธานี
มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ทางบริษัทคาดว่าโครงการนี้จะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2551
ในแง่ของรายได้ ทางบริษัทมีรายได้จำนวน 237 ล้านบาท ซึ่งมาจากธุรกิจการบริการและคิดเป็น
49% ของรายได้ทั้งปีที่เราคาดไว้ที่ 480 ล้านบาท
ทางบริษัทมีวอแรนท์จำนวนทั้งสิ้น 379.29 ล้านหน่วย และมีราคาใช้สิทธิที่ 1 บาท
ที่อัตรา 1 หน่วยวอร์แรนท์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ที่ราคาวอร์แรนท์ NNCL-W1 ที่ 1.38 บาท/หุ้น จึงมี
มูลค่าอยู่ในสถานะ Out of money และเนื่องจากมีวันหมดอายุในวันที่ 30 กันยายน 2553 เรา
จึงไม่ได้รวมการแปลงวอร์แรนท์เข้าไปในการคาดการณ์ แต่ถึงแม้จะมีการรวมการแปลง
วอร์แรนท์เข้าไป (Fully-dilution) PER ยังคงอยู่ต่ำกว่า 10 เท่าในปี 2550 เรายังเชื่อว่าการ
แปลงวอร์แรนท์ทั้งหมดจำนวน 379.29 ล้านหน่วยจะเป็นผลบวกต่อบริษัท ซึ่งทางบริษัทสามารถ
ระดมทุนไปใช้ในการขยายโครงการต่าง ๆ ลดการกู้ยืมเงินจากธนาคาร และลดภาระการจ่าย
ดอกเบี้ยลง
ผมเลือก nncl ปัจจุบัน 2.20 เป้าหมาย 3.30
บล.กิมเอ็ง : NNCL แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสมที่ 3.30 บาท
เน้นรายได้ที่มาจากการบริการ
ภายหลังจากการเข้าพบผู้บริหาร เราจึงมีมุมมองที่เป็นบวกขึ้นใน บมจ. นวนคร
(NNCL) สืบเนื่องจากโครงการผลิตน้ำที่ปทุมธานีโดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 16.4 ล้านลูกบาศ์ก
เมตร/ปี ซึ่งทางผู้บริหารเชื่อว่าการเติบโตจากรายได้ในการบริการ ซึ่งคิดเป็น 38% ของรายได้
รวม จะสามารถทำกำไรให้กับบริษัทได้ทุกไตรมาส โดยไม่จำเป็นต้องมีการขายที่ดินแต่อย่างใด
ความเสี่ยงต่ำและพึ่งพารายได้จากการขายที่ดินน้อยลง
จากความกังวลในการขายที่ดินที่น้อยลง NNCL จึงมีความเสี่ยงจากการทำกำไรที่ต่ำ
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2550 ทางบริษัทมีรายได้จากการขายที่ดินจำนวน 380 ล้านบาท ใน
ขณะที่เราคาดว่ารายได้จากการขายที่ดินในปีนี้จะอยู่ที่ 550 ล้านบาท ลดลง 16% จากปีก่อน
เนื่องจากเราเชื่อว่ายอดขายที่ดินโดยรวมในปีนี้จะลดจาก 245 ไร่ ในปี 2549 เป็น 185 ไร่ ในปี
นี้
การบริหารหนี้สินอย่างมีคุณภาพส่งผลให้มีอัตราหนี้สินต่อทุนที่ต่ำ
ณ ปัจจุบันทางบริษัทมีหนี้สินอยู่ 2 ส่วน โดยส่วนแรกจำนวน 570 ล้านบาท ซึ่งมาจากการ
ลงทุนในระบบผลิตน้ำที่ปทุมธานี และอีกจำนวน 380 ล้านบาท จะเป็นการลงทุนในการเข้าซื้อ
ที่ดินที่โคราช ซึ่งทางบริษัทจะไม่จำเป็นต้องคืนหนี้ในส่วนที่ 2 จนกว่าจะมีการบันทึกรายได้จาก
การขายที่ดิน ดังนั้นเราคาดว่าภาระการจ่ายดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจหรือเพียง 7
ล้านบาท ในปีนี้ ในขณะที่อัตราหนี้สินต่อทุนยังคงต่ำ หรือเพียง 0.7 เท่า ภายในสิ้นปีนี้
ราคาหุ้นถูกที่สุดในกลุ่ม เราจึงกลับมาเริ่มคำแนะนำที่ ซื้อ
ราคาหุ้น NNCL ได้ปรับตัวลดลง 62% จากจุดสูงสุดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และ
ปิดที่ 2.16 บาท/หุ้น เราเชื่อว่าพื้นฐานบริษัทที่ดีขึ้น อัตราหนี้สินต่อทุนที่ต่ำ และการทำกำไรที่มี
การเติบโตควรจะสะท้อนถึงราคาหุ้นที่สูงขึ้น จากการคำนวณโดยใช้ PER ที่ 11 เท่า เราจึงมี
ราคาเหมาะสมที่ 3.30 บาท/หุ้น และจาก PER ปี 2551 ที่มีอยู่เพียง 6.5 เท่า ในขณะที่มีส่วน
ต่างจากราคาเหมาะสมอยู่สูงถึง 53% เราจึงกลับมาเริ่มคำแนะนำที่ ซื้อ
มีการพึ่งพารายได้จากการขายที่ดินน้อยลง
NNCL มีนิคมอุตสาหกรรมอยู่ 2 แห่ง โดยแห่งแรกอยู่ที่ปทุมธานี และแห่งที่ 2 อยู่ที่
นครราชสีมา (โคราช) โดยมีที่ดินรวมทั้งสิ้น 7,815 ไร่ แบ่งออกเป็น 6,135 ไร่ ที่ปทุมธานี และ
1,680 ไร่ที่ โคราช จากการเน้นธุรกิจไปยังการขยายการบริการมากขึ้น ทางบริษัทจึงมีความ
สนใจในการขายที่ดินน้อยลง ซึ่งเราเชื่อว่ายอดขายที่ดินโดยรวมในปีนี้จะลดจาก 245 ไร่ ในปี
2549 เป็น 185 ไร่ ในปีนี้ ในแง่ของรายได้เราคาดว่ารายได้จากการขายที่ดินในปีนี้จะอยู่ที่ 550
ล้านบาท ลดลง 16% จากปีก่อน
เนื่องจากตำแหน่งที่อยู่ที่ปทุมธานีอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ราคาขายที่ดินจึงอยู่สูงถึง 4-5
ล้านบาท/ไร่ ซึ่งสูงกว่าผู้ประกอบการรายอื่นอย่างเช่น อมตะนครที่ชลบุรี มีราคาขายอยู่ที่ 3.3-3.4
ล้านบาท/ไร่ และ โรจนะที่อยุธยามีราคาขายอยู่ที่ 3 ล้านบาท/ไร่ อัตรากำไรขั้นต้นจากการขาย
ที่ดินในช่วง 6 เดือนของปี 2550 จึงอยู่สูงถึง 79% และเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปี 2550
จะคงอยู่ที่ 78% เนื่องจากทางบริษัทมีที่ดินอย่างจำกัดโดยเหลือเพียงประมาณ 800 ไร่ NNCL
จึงไม่มีแผนที่จะซื้อที่ดินเพิ่มในระยะสั้นนี้ และเน้นความสนใจไปยังการขยายธุรกิจบริการให้กับ
ฐานลูกค้าเดิม
ธุรกิจการบริการที่กว้างขวางขึ้น
ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาทางบริษัทได้เริ่มเปิดใช้โครงการผลิตน้ำที่ปทุมธานี โดย
มีกำลังการผลิตเต็มพิกัดอยู่ที่ 16.4 ล้านลูกบาศ์กเมตร/ปี ในปัจจุบันความต้องการใช้น้ำมีอยู่ที่
50,000 ลูกบาศ์กเมตร/วัน หรือที่ 18 ล้านลูกบาศ์กเมตร/ปี ส่งผลให้มีความขาดแคลนในการใช้
น้ำและทางบริษัทจึงต้องซื้อน้ำจากที่อื่นมาขายที่ต้นทุน 14 บาท/ลูกบาศ์กเมตรเปรียบเทียบกับ 9
บาท/ลูกบาศ์กเมตรที่มีอยู่ ทางบริษัทจึงวางแผนที่จะขยายโครงการผลิตน้ำใหม่ที่จะสามารถผลิต
น้ำได้วันละ 60,000 ลูกบาศ์กเมตร ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างภายในสิ้นปีนี้และใช้งบลงทุนในการก่อสร้าง
ประมาณ 110 ล้านบาท
ทางบริษัทยังมีแผนที่จะเปิดโครงการที่พักอาศัย โดยมีทั้งสิ้น 3,000 ยูนิตที่ปทุมธานี
มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ทางบริษัทคาดว่าโครงการนี้จะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2551
ในแง่ของรายได้ ทางบริษัทมีรายได้จำนวน 237 ล้านบาท ซึ่งมาจากธุรกิจการบริการและคิดเป็น
49% ของรายได้ทั้งปีที่เราคาดไว้ที่ 480 ล้านบาท
ทางบริษัทมีวอแรนท์จำนวนทั้งสิ้น 379.29 ล้านหน่วย และมีราคาใช้สิทธิที่ 1 บาท
ที่อัตรา 1 หน่วยวอร์แรนท์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ที่ราคาวอร์แรนท์ NNCL-W1 ที่ 1.38 บาท/หุ้น จึงมี
มูลค่าอยู่ในสถานะ Out of money และเนื่องจากมีวันหมดอายุในวันที่ 30 กันยายน 2553 เรา
จึงไม่ได้รวมการแปลงวอร์แรนท์เข้าไปในการคาดการณ์ แต่ถึงแม้จะมีการรวมการแปลง
วอร์แรนท์เข้าไป (Fully-dilution) PER ยังคงอยู่ต่ำกว่า 10 เท่าในปี 2550 เรายังเชื่อว่าการ
แปลงวอร์แรนท์ทั้งหมดจำนวน 379.29 ล้านหน่วยจะเป็นผลบวกต่อบริษัท ซึ่งทางบริษัทสามารถ
ระดมทุนไปใช้ในการขยายโครงการต่าง ๆ ลดการกู้ยืมเงินจากธนาคาร และลดภาระการจ่าย
ดอกเบี้ยลง
-
- Verified User
- โพสต์: 934
- ผู้ติดตาม: 0
vote หุ้นพื้นฐานดี แต่ราคายังไม่ขึ้น
โพสต์ที่ 2
ผมขอเลือก pg ครับ ด้วยเหตุผลดังนี้
1 การเติบโตของกำไรของบริษัทถึงแม้เศรษฐะกิจจะชะลอตัวแต่ยังกำไรโตได้ตั้ง 17- 19 % เปรียบเทียบกับ อุตสาหกรรมอื่นซึ่งกำไรลดลงเป็นส่วนใหญ่ แสดงว่าต้องมีดีอะไร
2 สินค้าดีต้องมียี่ห้อ แบรนเนม lacose arrow ในมุมมองของผมถือว่าแข็งแกร่งพอสมควร ถามใครๆก็บอกว่าแพงเป็นพวกไฮโซใส่กัน แสดงว่าปรับราคาน่าจะขายได้ ตามต้นทุนตามบทความของอาจารย์นิเวศน์ว่าหุ้นดีต้องมียี่ห้อ ถามรุ่นพี่เขาว่า ไฮโซพม่าชอบใส่ arrow แสดงว่าคนใส่ก็ยึดติดในแบรนพอสมควร
3 ไม่มีหนี้ทั้งระยะสั้น และระยะยาาว ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ใช้เงินทุนของตัวเองล้วนๆ เกิดวิกฤตขึ้นมาบริษัทไม่น่าจะเดือดร้อนมาก เงินสดนะปํจจุบันเกือบ 4 บาทต่อหุ้น เงินลงทุนเผื่อขายก็สร้างผลตอบแทนน่าพอใจดีกว่าบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมปิโตรบางรายที่ใช้เงินสดไปทำอะไรก้อม่ายรู้
1 การเติบโตของกำไรของบริษัทถึงแม้เศรษฐะกิจจะชะลอตัวแต่ยังกำไรโตได้ตั้ง 17- 19 % เปรียบเทียบกับ อุตสาหกรรมอื่นซึ่งกำไรลดลงเป็นส่วนใหญ่ แสดงว่าต้องมีดีอะไร
2 สินค้าดีต้องมียี่ห้อ แบรนเนม lacose arrow ในมุมมองของผมถือว่าแข็งแกร่งพอสมควร ถามใครๆก็บอกว่าแพงเป็นพวกไฮโซใส่กัน แสดงว่าปรับราคาน่าจะขายได้ ตามต้นทุนตามบทความของอาจารย์นิเวศน์ว่าหุ้นดีต้องมียี่ห้อ ถามรุ่นพี่เขาว่า ไฮโซพม่าชอบใส่ arrow แสดงว่าคนใส่ก็ยึดติดในแบรนพอสมควร
3 ไม่มีหนี้ทั้งระยะสั้น และระยะยาาว ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ใช้เงินทุนของตัวเองล้วนๆ เกิดวิกฤตขึ้นมาบริษัทไม่น่าจะเดือดร้อนมาก เงินสดนะปํจจุบันเกือบ 4 บาทต่อหุ้น เงินลงทุนเผื่อขายก็สร้างผลตอบแทนน่าพอใจดีกว่าบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมปิโตรบางรายที่ใช้เงินสดไปทำอะไรก้อม่ายรู้
-
- Verified User
- โพสต์: 934
- ผู้ติดตาม: 0
vote หุ้นพื้นฐานดี แต่ราคายังไม่ขึ้น
โพสต์ที่ 3
4 pe pv roe roa ก็ถือว่าใช้ได้ ดูย้อนหลังสิบปี roa roe ตาม criteria ของbuffet ก็ถือว่าผ่าน
5 กำไรย้อนหลังสิบปีโตมาตลอด ตั้งแต่เกิดวิกฤตปี 2540 ข้อมูลย้อนหลังของพี่ ครรชิต
5 กำไรย้อนหลังสิบปีโตมาตลอด ตั้งแต่เกิดวิกฤตปี 2540 ข้อมูลย้อนหลังของพี่ ครรชิต
-
- Verified User
- โพสต์: 934
- ผู้ติดตาม: 0
vote หุ้นพื้นฐานดี แต่ราคายังไม่ขึ้น
โพสต์ที่ 4
6 ตอนนี้ ทุนจดทะเบียน 96 ล้านหุ้นเต็มที่แล้วโอกาสเพิ่มทุนน้อยมากตั้งแต่นี้ไป
7 เพิ่งสร้างโรงงานงานงานใหม่ขยายกำลังการผลิต แสดงว่ากำลังการผลิตเดิมล้น สร้างโรงงานเพิ่มรายได้น่าจะเพิ่มขึ้น
8 กำไรต่อหุ้นปีนี้น่าจะประมาณ 2.10 - 2.20 บาทต่อหุ้น ปันผล ~ 47% ของกำไรสุทธิก็ประมาณ 0.90- 1.00 บาท ก็ 5-7%มากกว่าฝากแบง๕ืนะครับ
7 เพิ่งสร้างโรงงานงานงานใหม่ขยายกำลังการผลิต แสดงว่ากำลังการผลิตเดิมล้น สร้างโรงงานเพิ่มรายได้น่าจะเพิ่มขึ้น
8 กำไรต่อหุ้นปีนี้น่าจะประมาณ 2.10 - 2.20 บาทต่อหุ้น ปันผล ~ 47% ของกำไรสุทธิก็ประมาณ 0.90- 1.00 บาท ก็ 5-7%มากกว่าฝากแบง๕ืนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 934
- ผู้ติดตาม: 0
vote หุ้นพื้นฐานดี แต่ราคายังไม่ขึ้น
โพสต์ที่ 5
ค่อยมาเพิ่มเติมข้อมูลข้อดีข้อเสียต่อนะครับตอนนี้ง่วง และมึนแอลกอฮออยู่ขอไปนอนก่อนแล้วค่อยมาโพสใหม่นะครับ
- zolomon
- Verified User
- โพสต์: 365
- ผู้ติดตาม: 0
vote หุ้นพื้นฐานดี แต่ราคายังไม่ขึ้น
โพสต์ที่ 6
เสนอ SUC ครับพื้นฐานดี (แต่ราคาไม่ดี) ธุรกิจโรงไฟฟ้าก็มั่นคง ธุรกิจในอนาคตโรงเรียนนา ๆ ชาติก็ดูน่าจะดี กลุ่มสิ่งทอ อาจไม่ดีหน่อย
แต่ราคาอาจไม่ขึ้นเลยก็ได้ครับ :(
แต่ราคาอาจไม่ขึ้นเลยก็ได้ครับ :(
“If we wait for the moment when everything, absolutely everything is ready, we shall never begin.”
Ivan Turgenev
Ivan Turgenev
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
vote หุ้นพื้นฐานดี แต่ราคายังไม่ขึ้น
โพสต์ที่ 7
snc
เพราะว่ามันจะเติบโตก้าวกระโดดในระยะเวลา 2-3 ปีที่จะถึง
ราคาตอนนี้รับข่าวไปหมดแล้ว
ถ้าเพิ่มทุนเสร็จน่าจะมี surprise ราคาเพิ่มทุนน่าจะอยู่ระหว่าง 12-15 บาท
เพราะว่ามันจะเติบโตก้าวกระโดดในระยะเวลา 2-3 ปีที่จะถึง
ราคาตอนนี้รับข่าวไปหมดแล้ว
ถ้าเพิ่มทุนเสร็จน่าจะมี surprise ราคาเพิ่มทุนน่าจะอยู่ระหว่าง 12-15 บาท
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่