Quality System จุดเริ่มต้นของ Durable Competitive Advantage

[นักดูดาว]

ได้อ่านเรื่องแฟนซีในร้อยคนร้อยหุ้น นึกขึ้นได้ว่าระบบคุณภาพของอุตสาหกรรมผลิตและบริการในเมืองไทยยังด้อยนัก ท่านใดพอทราบเรื่องดีๆเกี่ยวกับระบบคุณภาพในบริษัทจดทะเบียนต่างๆ มาเล่าสู่กันฟังนะครับ

[มือใหม่]

ถ้าตลาดระดับสากล อุตสาหกรรม ต้องได้ ISO ครับรายละเอียดไม่ค่อยรู้เท่าไหร่

รู้แต่ว่า ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน iso2002
ถ้าด้านสิ่งแวดล้อม ก็ iso14000 (บางอุตสาหกรรม ตัวนี้เอา cert. มายาก)

[วันพีส]

เรื่อง ระบบ ISO9000 Series

แบบรายละเอียดทางวิชาการครับ เอาเท่าที่จำได้นะครับ

เรียกเป็นไทย ก็คือ มอก.9000 โดยมี สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เป็นผู้ดูแล

ISO9000 เป็น ระบบมาตราฐานการบริหารงานองค์กร โดย เชื่อว่าถ้าการบริหารงานองค์กรดี สินค้าหรือบริการที่บริษัทนั้นๆ ดำเนินการอยู่ จะดีตามไปด้วย


ISO9000 ปัจจุบันใช้ V2002 ผมไม่ทราบรายละเอียดเพิ่มเติม

แต่พื้นฐานเดิมของ ISO9000 มี 4 หมวดใหญ่ๆ คือ

ISO9000 เป็นหมวดหลักที่ว่าด้วยรายละเอียดปลีกย่อย 20 ข้อ ในการบริหารจัดการองค์กร องค์กรใด ต้องการได้มาซึ่ง ISO9000 Series องค์กรนั้น ต้องสามารถทำตาม รายละเอียดได้

ISO9001 องค์กรใดที่ได้รับ ISO9001 แสดงว่าองค์กรนั้น สามารถดำเนินตามขั้นตอนของ ISO9000 ได้ทั้ง 20 ข้อ

ISO9002 องค์กรใดที่ได้รับ ISO9002 แสดงว่าองค์กรนั้น สามารถดำเนินตามขั้นตอนของ ISO9000 ได้ 19 ข้อ

ISO9003 องค์กรใดที่ได้รับ ISO9003 แสดงว่าองค์กรนั้น สามารถดำเนินตามขั้นตอนของ ISO9000 ได้ 17 ข้อ

ISO9003 ขาดรายละเอียดสำคัญไปหลายหัวข้อ ทำให้ องค์กรต่างๆ ที่ขอรับ ขาดความน่าเชื่อถือได้ ดังนั้น องค์กรต่างๆ ไม่ขอรับมาตราฐานนี้ครับ หรือถ้ามีก็ขอปรับมาตราฐานเพิ่มขึ้น เพื่อขอรับ ISO9000 ที่สูงขึ้น

-------------------------------------------------------------

ไม่กล่าวรายละเอียดครับ จำไม่ได้ แต่ขอกล่าวถึง (ขอยกเว้น ISO9003)

ความแตกต่าง ของ ISO9001,ISO9002

แตกต่างกันที่ องค์กรที่ได้รับ ISO9001 แสดงว่าองค์กรนั้น มี การบริหารงานด้าน องค์ความรู้ที่สามารถ พัฒนาสินค้าหรือบริการ เองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพิงต้นแบบของผู้อื่น

คราวนี้ยกตัวอย่างประกอบครับ

องค์กรที่ดำเนินงาน หากได้รับ ISO9001 แสดงว่าองค์กรนั้น สามารถคิดค้น ออกแบบ มีต้นแบบ ผลิตภัณฑ์หรือบริการ ของตนเอง ไม่ได้ลอกเลียนแบบใคร

ขณะที่อีกองค์กรหนึ่งได้รับ ISO9002 แสดงว่าองค์กรนั้น รับต้นแบบหรือบริการ มาเพื่อดำเนินงานตามเท่านั้น ไม่ต้อง คิด ออกแบบ สร้างต้นแบบ

เช่น บริษัท รับสร้างบ้าน ถ้า บริษัทนั้น ได้ ISO9001 แสดงว่า บริษัทนั้นมีต้นแบบบ้านเป็นของตนเอง ลูกค้าสามารถเลือกแบบบ้านของทางบริษัทได้ทันที

ขณะบริษัทที่ได้ ISO9002 บริษัท สร้างบ้านตามแบบเท่านั้น ถ้ามีแบบบ้านก็เป็นแบบบ้านที่ได้มาโดยไม่ต้องคิดแบบเอง

บริษัทรับประกันภัย ขอรับ ISO9002 ก็เพียงพอ เพราะ ไม่มีความจำเป็น ในการคิดค้นการบริการ การบริการส่วนใหญ่ไม่แตกต่างกัน วิธีการจ่ายเหมือนกัน เพราะบังคับ โดยกรมการประกันภัย จะแตกต่างก็เพียงปลีกย่อย ในอัตราเบี้ยประกันที่จ่าย ยกเว้นจะคิดรูปแบบบริการใหม่ๆ

บริษัทผลิตรถยนต์ ขอรับ ISO9001 เพราะ บริษัท ต้องการแบบ รถยนต์ และคิดค้นดัดแปลง รถยนต์ ให้เหมาะกับสภาพแต่ละประเทศ

บริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ขอรับ ISO9001 เพราะ มีการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ ของตนเอง เป็นรูปแบบของตนเอง เพื่อการแข่งขันทางการตลาด

ดังนั้นองค์กรหลายๆ องค์กร ขอรับ ISO9002 เพราะไม่มีความจำเป็น ต้อง บริหารงาน ด้านการออกแบบ สร้างรูปแบบ ผลิตภัณฑ์หรือบริการ ขึ้นมา ดำเนินการบริหารงานองค์กรด้านอื่นๆ ก็เพียงพอ

องค์กรที่ขอรับ ISO900 Series จะมีงานเอกสารเพิ่มขึ้นมากมายเพื่อ การบันทึก การติดตาม การควบคุมบริหารงาน ในส่วนต่างๆ

องค์กรที่ขอรับ ISO9000 Series จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อควบคุม การบริหารงาน องค์กร ดังนั้นองค์กรที่ขอรับ ISO9000 Series เกินความจำเป็นของตนเอง จะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มโดยเปล่าประโยชน์

-------------------------------------------------------------

1

[มือใหม่]

เยี่ยมครับคุณวันพีส

เพิ่มอีกนิดครับ ISO จริงๆแล้ว มันเป็นเหมือนกำแพงอย่างหนึ่งที่ประเทศพัฒนาแล้วกันสินค้านำเข้า ในประเทศเหล่านี้ถ้าเราส่งสินค้าไม่ได้มาตรฐาน iso ก็จะไม่รองรับกับเงื่อนไขที่เขาได้วางไว้

ปัจจุบันประเทศเหล่านี้ ได้พยายามวางมาตรการเพิ่มคือ iso14000 (ได้แก่ประเทศสหรัฐอเมริกา) โดยอุตสาหกรรมดังกล่าวต้องไม่กระทบ ทำลายระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม ปัญหาคืออุตสาหกรรมบางประเภท จะให้ได้ใบรับรองนี้ค่อนข้างยากโดยเฉพาะ ด้านเคมี วัตถุมีพิษต่างๆ

[toon]

ผมว่าระบบมาตราฐานปัจจุบัน สำหรับบริษัทต่างๆ ISO น่าจะเป็นมาตราฐานปกติทั่วไป แต่หากจะมีพิเศษ ที่บ่งบอกว่าบริษัทนั้นๆ มีความสามารถแข่งขันในระยะยาว น่าจะต้องใช้ TPM TQM แล้วนะครับ

[มือใหม่]

[วันพีส]

เพิ่มเติม เรื่อง ISO9000 ครับ(เก็บมาฝาก)

ISO9000 ความหมายเต็มๆ ว่า "มาตรฐานระบบการบริหารงานคุณภาพ"

ISO 9001 มาตรฐานระบบการบริหารงานคุณภาพ ใช้สำหรับองค์กรที่มีความรับผิดชอบ ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต การติดตั้ง และการบริการ

ISO 9002 มาตรฐานระบบการบริหารงานคุณภาพ ใช้สำหรับองค์กรที่มีความรับผิดชอบ ตั้งแต่การผลิต การติดตั้ง และการบริการ

ISO 9003 มาตรฐานระบบการบริหารงานคุณภาพ ใช้สำหรับองค์กร ที่มีความรับผิดชอบเฉพาะการตรวจ และการทดสอบขั้นสุดท้าย

เพราะฉะนั้น TPM และ TQM เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง ในการได้มาซึ่ง ISO9000 Series ครับ

บริษัทใดที่ได้รับ ISO9000 บริษัทนั้นต้องดำเนิการ เรื่อง TQM, TPM ในองค์กรอยู่แล้วครับ

[นักดูดาว]

ISO9000 ผมเฉยๆนะ เพราะมันเป็นมาตราฐานที่ทำให้คนภายนอกดู เหมือนงบการเงินนี่แหละครับ ถึงเวลาก็ต้องออกมาเปิดเผย ว่ามีครบถ้วนหรือเปล่า ถ้ามี..ผู้ตรวจสอบก็รับรองมาตราฐาน เป็นอันจบกันไป

แต่พวกระบบคุณภาพที่ไม่ต้องมีใครมารับรองนี่สิครับ เราได้ยินกันมาหลายเรื่อง ตั้งแต่ QC Circle, JIT, Kaizen หรือ Six Sigma พวกนี้เงินที่ลดต้นทุนจากความต่ำคุณภาพ (Cost of Poor Quality) เป็นเครื่องรับรอง บางบริษัทยอดขายเพิ่มไม่เท่าไหร่ แต่ลดต้นทุนได้อย่างน่าประทับใจ

ญี่ปุ่นเค้าว่า ต้นทุนที่แท้จริงขนาดเท่าเมล็ดลูกพลับ เท่านั้นเองครับ

[dingding]

ในฐานะที่ต้องอยู่กับสิ่งนี้ทุกวัน โดยส่วนตัวคิดว่า ISO นั้นเป็นมาตรฐานที่ต่างชาติตั้งขึ้นให้เราทำตาม เพื่อการกีดกันทางการค้าในระดับหนึ่ง

ทำไมประเทศในเอเชีย เราต้องโชว์มาตรฐาน ISO ให้ทางยุโรป หรือ USA แต่ทางนั้นมีกี่บริษัทที่มีการใช้มาตรฐานตัวนี้

ในรายละเอียด ISO เน้นทางด้านงานเอกสารเป็นส่วนใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องวัดได้ ต้องมีเอกสารรองรับ ในส่วนงานเอกสารอาจจะสามารถควบคุมคุณภาพได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติ ในสายงานการผลิต เท่าที่ประสบมาไม่คิดว่าจะช่วยอะไรได้มากนัก และปัญหาใหญ่คือปัญหา การใช้เอกสาร และปริมาณกระดาษมากเกินความจำเป็น

[วันพีส]

แต่พวกระบบคุณภาพที่ไม่ต้องมีใครมารับรองนี่สิครับ เราได้ยินกันมาหลายเรื่อง ตั้งแต่ QC Circle, JIT, Kaizen หรือ Six Sigma พวกนี้เงินที่ลดต้นทุนจากความต่ำคุณภาพ (Cost of Poor Quality) เป็นเครื่องรับรอง บางบริษัทยอดขายเพิ่มไม่เท่าไหร่ แต่ลดต้นทุนได้อย่างน่าประทับใจ

พี่เล่นเอา เรื่องเหล่านี้มาคุย เลยรู้น้อยตาม สโลแกนเลยครับ

พี่พูดถูกต้องจริงๆ ครับ เครื่องมือเหล่านี้ ไม่ทำให้ยอดขายเพิ่ม แต่ทำให้ยอดการผลิตเพิ่มขึ้น ลดต้นทุนที่ไม่พึ่งประสงค์ได้

และเท่าที่ทราบมา หากบริษัทใดใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นและใช้อย่างถูกต้องบริษัทนั้นๆ สามารถแก้ปัญหา เส้นผมบังภูเขาได้หลายอย่างที่เดียว

เดี๋ยวรวบรวม ความคิดได้ใหม่ จะเข้ามาตอบอีกครับ

[นักดูดาว]

งั้นขอคุยเรื่องคุณภาพประเดิมก่อนก็แล้วกันครับ

คุณภาพคืออะไร พูดง่ายๆ คุณภาพคือสิ่งที่ลูกค้าคาดหวัง(Expectation) ที่จะได้รับจากสินค้าหรือบริการ สินค้าหรือบริการแม้จะทำตามหน้าที่ที่ออกแบบไว้ แต่หากไม่บรรลุถึงสิ่งที่คาดหวัง ก็ไม่ถือว่ามีคุณภาพครับ

มีอีกคำหนึ่งที่ใช้ใกล้เคียงกันก็คือข้อกำหนด (Specification) บางบริษัทนี่ทำทุกอย่างตามข้อกำหนดเป๊ะ แต่งานอาจจะไม่ได้คุณภาพก็ได้ กล่าวได้ว่า ข้อกำหนดนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของคุณภาพ ข้อกำหนดบางข้อนั้น สินค้าและบริการอาจจะไม่บรรลุถึงก็ได้ แต่สำคัญอย่างยิ่งต้องบรรลุในสิ่งที่ลูกค้าคาดหวัง

ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์คันหนึ่งได้เขียนข้อกำหนดไว้ว่า มีกำลัง 100 แรงม้า แล่นได้เร็วสูงสุด 160 กม/ชม. พวกเราคงทราบกันดี ว่าคงไม่มีใครวัดกำลังเครื่องยนต์ว่าได้ 100 แรงม้าจริงหรือเปล่า หรือความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม จริงหรือเปล่า แต่หากเวลานั่งขับแล้วรู้สึกว่าพวงมาลัยหนักเลี้ยวไม่ค่อยถนัดหรือเครื่องยนต์เร่งไม่ค่อยขึ้น อันนี้ลูกค้าคงผิดหวังไม่มากก็น้อยครับ

สำหรับงานบริการ ที่แบงค์แห่งหนึ่ง ผมต้องการถอนเงินจากบัญชีให้อยู่ในรูปเช็คเงินสด ก็เลยไปต่อแถวช่องที่เขียนว่า "ทำรายการเดียว" ยืนได้อยู่นานสองนาน ก็ถึงคิวผมซะที .. พอไปถึงพนักงานบอกว่าไม่ทำรายการให้ เพราะว่าแบงค์ถือว่าต้องทำสองรายการ คือ 1.ถอนเงิน 2.ไปซื้อเช็คเงินสด ให้ไปต่ออีกแถว !!!! โอ้โห....อะไรจะตรงสเปคขนาดนั้น ผมจะเอาสภาพคล่องออกจากแบงค์ให้ ... แถมเอาเงินมาจ่ายค่าเช็คให้xxxx แท้ๆ ดันไม่รับ อันนี้เรียกว่าไม่มีคุณภาพทั้งต่อลูกค้าและต่อแบงค์เลยครับ

มาถึงตรงนี้ ขอพักไว้ก่อนจะคุยเรื่อง Cost of Poor Quality ต่อครับ

[Mo101 ไม่ได้ login]

แบงเดี๋ยวนี้ต้องมีบัตรคิวด้วยอะ
เรื่องจริงเกิดกับตัว
เวลาเที่ยงกว่าๆ ได้บัตรคิวมา รออีก 13 คิว คนก่อนหน้าผมลงไปกินข้าวเลยครับ แล้วกลับมายังทัน!! พอถึงคิวผม บอกว่าสาขานี้ไม่สามารถให้บริการได้ให้ไปสาขา...

เลยต้องไปต่อบัตรคิวอีกสาขาหนึ่ง ครับคิวน้อย 3 คิวถึงผมแล้วเย้
รอได้สักพัก ช่องที่ทำรายการก็ยุบๆ เหลือช่องเดียว เราก็รอๆๆๆๆๆ
แล้วลุงที่คิวก่อนผมก็คุยเรื่องจะเอาเงินฝาก (คงหลายล้าน)ไปลงทุน
พนักงานเลยอธิบายซะยืดยาว ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยเงินฝากประเภทต่างๆ
กองทุน

โชคดีครับ ที่ธนาคารนี้ทำรายการให้ลุงคนนั้นเสร็จก่อนธนาคารปิด
แล้วก็ถึงตาผม ทำรายการแป๊ปเดียวจริงๆ ครับหลังจากนั้นเขาก็ชวนทำบัตร
ทุกท่านคงเดาได้ว่าผมจะทำหรือไม่ทำ

ผมไม่ทำหรอกครับเพราะโรงเรียนจะเลิกแล้วเดียวรถติด ได้สมุดปุ๊ปรีบออกจากธนาคารนี้ทันที

สรุปว่าการเปลี่ยนสมุด(สมุดเต็ม) ต้องต่อ 2 คิว ต่างสาขา (ไกลกว่าคุณ นักดูดาว ด้วย)
สำหรับคนที่สมุดเต็มควรดูสมุดครับว่าน่าแรกเขียนว่าสาขาอะไร เพราะต่างสาขาเปลี่ยนสมุดแทนกันไม่ได้

[CK]

สุดท้ายสำคัญที่คนทีปฏิบัติครับ ระบบควบคุมคุณภาพทุกอย่างมีไว้เพื่อให้
ตรวจสอบได้ เหมือนเป็น guideline ในการปฏิบัติ แต่ถ้าคนปฏิบัติไม่ทำตาม
หรือทำแต่ในเอกสารแต่ไม่ได้ทำจริงๆก็ไม่มีประโยชน์

[นักดูดาว]

มาต่อเรื่อง Cost of poor quality หรือต้นทุนแห่งความต่ำคุณภาพครับ
ที่จริงท่าน Mo101 และท่าน CK ได้เปิดประเด็นเรื่องความต่ำคุณภาพให้ไปแล้ว

เวลาเราใช้ของคุณภาพต่ำกว่าที่ควรจะเป็น อาจจะเป็นเพราะคิดว่ามันถูกกว่า แต่ในที่สุด ของสิ่งนั้นถือว่าแพงเหลือหลายครับ เงินที่เสียไปกับความต่ำคุณภาพตรงนี้ เทียบกับเงินที่เราประหยัดได้ นี่คือ Cost of poor quality

ยกตัวอย่างจากเครื่องปรับอากาศครับ
1. แอร์ประหยัดไฟเบอร์ 5 ราคา 30,000 บาท ใช้แล้วกินไฟเดือนละ 1000 บาท
2. แอร์ประหยัดไฟเบอร์ 4 ราคา 25,000 บาท ใช้แล้วกินไฟเดือนละ 1200 บาท

ประหยัดค่าตัวเครื่องไปได้ 5,000 บาท แต่เสียค่าไฟเพิ่ม 200 บาท เวลาผ่านไป 25 เดือน ค่าไฟที่เสียไปจะเริ่มทำให้เกิด Cost of poor quality เดือนละ 200 บาท ไปจนชั่วอายุการทำงานของแอร์

เรื่องการปลอมปนหิน กรวด ลงในน้ำยางดิบ เพื่อให้แผ่นยางมีน้ำหนักมากขึ้น อันนี้ผมทราบมาว่า ชาวบ้านเกษตรกรสวนยางจงใจครับ ผลก็คือ ผู้ซื้อยาง ต้องจ้างแรงงานในการตรวจสอบ และแคะสิ่งปลอมปนเหล่านี้ออกจากเนื้อยาง เสียทั้งแรงงาน และค่าจ้าง

การทำอาหารไม่สะอาด ราคาอาหาร 20-30 บาท แต่คนกินแล้วท้องเสีย ต้องเสียค่าหมอค่ายาหลายร้อย หลายพัน

ลองนึกๆดู เราจะเห็นต้นทุนประเภทนี้มีอยู่เต็มไปหมดครับ นี่คือเหตุว่าทำไมนานาชาติที่พัฒนาแล้ว จึงให้ความสำคัญต่อคุณภาพมากๆ

สุดท้ายสำคัญที่คนทีปฏิบัติครับ ระบบควบคุมคุณภาพทุกอย่างมีไว้เพื่อให้
ตรวจสอบได้ เหมือนเป็น guideline ในการปฏิบัติ แต่ถ้าคนปฏิบัติไม่ทำตาม
หรือทำแต่ในเอกสารแต่ไม่ได้ทำจริงๆก็ไม่มีประโยชน์

ใช่แล้วครับท่าน CK ระบบคุณภาพขึ้นกับคนเป็นหลัก (ผมขอยกคำว่าควบคุมออก) เพราะคนเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะใส่คุณภาพลงไปในงาน หรือจะไม่ใส่คุณภาพลงไปครับ

[นักดูดาว]

ใครเป็นผู้จ่าย Cost of Poor Quality.. โดยมากคือลูกค้าหรือ end user ครับ
หากบริษัทใดผลักภาระนี้ให้ลูกค้า บ่อยๆเข้าก็ย่อมเกิดอาการเอือมระอา หนีไปใช้ทางเลือกอื่นในที่สุด ... ในทางกลับกัน แทบไม่ต้องสงสัยเลยครับ ว่าบริษัทที่มีคุณภาพสินค้าและบริการดีๆ จะเหนือบริษัทที่มีคุณภาพด้อยกว่าขนาดไหน ราคาที่เรียกได้สูงขึ้น การกลับมาใช้สินค้าและบริการซ้ำ ความจงรักภักดีของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ ทั้งหมดนี่เป็นรากฐานของความได้เปรียบในการแข่งขั้นอย่างยั่งยืนทั้งสิ้น

ดร.นิเวศน์เคยเขียนไว้ว่า "ซื้อหุ้นที่คุณเคยใช้สินค้าและบริการแล้วรู้สึกชอบใจ" เป็นหลักการที่ถูกต้องอันหนึ่งสำหรับ value investor จริงๆครับ

[CK]

ท่านดร.นิเวศน์พูดเช่นนี้ก็จริง แต่ผมก็ยังไม่สามารถทำใจซื้อ OHTL
ซึ่งคุณภาพน่าประทับใจอยู่ดีครับ รู้สึกจ่ายค่า "ความรู้สึกชอบใจ"
แพงไปหน่อยครับ ฮาๆ

ส่วน SHANG ตอนนี้รู้สึกว่าจะได้เป็นโรงแรมที่จัดการเรื่องการประชุม
ต่างๆ (MICE) ได้ดีที่สุดในประเทศแล้วมังครับ คุณภาพของบริการใน
จุดนี้เป็นเอตทัคคะจริงๆ

ยินดีกับน้อง Harry ด้วยครับ

ส่วนระบบ "ควบคุม" คุณภาพเป็นแค่ไม้บรรทัด ไม่ได้ทำให้เกิดคุณภาพ
เหมือนที่คุณนักดูดาวว่า ผมคิดว่าบริษัทที่ต้องการลงทุนเรื่องคุณภาพ
ควรลงทุนกับการฝึกสอนและอบรมพนักงานให้เห็นความสำคัญของ
การรักษาและเพิ่มคุณภาพมากกว่า ตรงนี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าซึ่งผู้
บริหารหลายคนละเลย คือนึกว่ามีระบบควบคุมคุณภาพแล้ว ทุกอย่าง
จะออกมาดีเอง

[Underworld]

-ขอเพิ่มเรื่อง ระบบคุณภาพ อีกนิด
โดย ทั่วไป ระบบ ISO ถือเป็น ระบบ ขั้นต้น ที่ กิจการควรจะ มี เพื่อให้Stackholder มีความมั่นใจใน ระบบของกิจการ
โดยรวมของ ระบบ ISO นั้นเป็นส่วน ที่ นำหลักการPDCA ของ เดมมิ่ง มา ขยายความ อีกที ซึ่ง เจ้า PLAN DO CHECK ACT. เนี่ย เป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟู ระบบ อุตสาหกรรม ใน ประเทศญี่ปุ่น โดย แนวคิด ดังกล่าวเป็นของชาวอเมริกัน ชื่อ นาย เอ็ดวาร์ด เด็มมิ่ง ปัจจุบัน ระบบนี้ น่าจะเป็นพื้นฐานของการทำงาน แทบว่า เกือบทุกอย่าง
จากนั้น การแข่งขันในอุตสาหกรรมต่างๆเริ่มดุเดือดขึ้น ทำให้ ทุกองค์กร จำต้อง หา TOOLS ต่างๆ มาใช้ในกิจการ เพื่อให้สามารถ แข่งขันได้ในอุตสาหกรรม
เช่น just in time / tqm / BSC / ZERO DEFECT / QC / QA ......

[Underworld]

ต่อ ครับ
โดยทั่วไป การที่กิจการจะดำเนิน ได้ ในโลกของการแข่งขัน จึงจำเป็น ที่จะต้อง วิเคราะห์อุตสาหกรรม วิเคราะห์พลังกดดันทั้ง5 (5 force model ของ ไมเคิล พอร์ตเตอร์) วิเคราะ สภาวะแวดล้อมอุตสาหกรรม PEST ANALYSIS
ทั้งนี้ เพื่อ มอง หา จุดแข็ง จุดอ่อน(ภายใน) โอกาส อุปสรรค(ภายนอก)
เพื่อ นำมาทำแผน กลยุทธ์ ของ องค์กร ซึ่ง จุดนี้เอง จะเป็นแผนการดำเนินการของบริษัทว่า Nature ของกิจการ คืออะไร ความสามารถหลักๆ ที่คู่แข่งอื่นๆไม่มีเหมือนเราคืออะไร เรามุ่งหวังจะเป็นอะไรในอนาคต แล้ว เราจะมีวิธีเดินทางไปถึงจุดดังกล่าวอย่างไร ( Core competency/vision/mision/objectivt/policy/stategy plan/business plan)
เด๊ยวมาต่อครับ ถ้า ยังไม่เบื่อ ครับ

[Underworld]

เมื่อ กิจการทราบถึงทิศทางในอนาคต ต่อไป การดำเนินการ ก็จะ ทำให้ได้ ตามแผนดังกล่าว โดยใช้ ระบบคุณภาพ ต่างๆ มา จับ ซึ่งส่วนมาก มักใช้ iso
ซึ่งจะครอบคลุม ตั้ง แต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึง ปลายน้ำ
ต้อนน้ำ ก็ คือ SUPPLY side หรือ ผู้ขาย บางกิจการ จะใช้ JUST IN TIME มาจับ อีก
กลาง น้ำ บางกิจการ จะใช้ BALANCE SCOREDCARD มาจับ เพื่อ ให้ครอบคลุม ทุกด้าน ทั้ง ลูกค้า การเงิน การเรียนรู้ขององค์การ และการบริหารจัดการ ซึ่ง ตรง นี้ ก็ แตกย่อย ได้ เช่น ใช้ CRM มาใช้ในส่วนที่ติดต่อลูกค้าเป็นต้น
จะเห็นว่า ภาพรวมของกิจการ สามารถใช้ระบบคุณภาพมาใช้ได้อย่างมากมาย จุดสำคัญคือ ผู้บริหารเอง จะต้อง เข้าใจและมุ่งมั่น และทุกคนในองค์กร จะต้องร่วมมือกันทำให้สำเร็จ จุดนี้เป็นจุดที่ยากในการนำระบบต่างๆมาใช้ เพราะ การนำระบบดังกล่าวมาใช้ จะต้องเกิดต้นทุน แนนอน
แต่ถ้าถามว่าคุ้มไหม ผมว่าคุ้มนะ ถ้า ต้นทุนจะเพิ่ม แต่ ของเสียลด ประสิทธิภาพเพิ่ม VALUE ADDED สูง ลูกค้าเชื่อมั่นและภักดี ผู้ขายก็อยากจะดำเนินกิจการด้วย

[Underworld]

ในฐานะที่ต้องอยู่กับสิ่งนี้ทุกวัน โดยส่วนตัวคิดว่า ISO นั้นเป็นมาตรฐานที่ต่างชาติตั้งขึ้นให้เราทำตาม เพื่อการกีดกันทางการค้าในระดับหนึ่ง

ทำไมประเทศในเอเชีย เราต้องโชว์มาตรฐาน ISO ให้ทางยุโรป หรือ USA แต่ทางนั้นมีกี่บริษัทที่มีการใช้มาตรฐานตัวนี้

ในรายละเอียด ISO เน้นทางด้านงานเอกสารเป็นส่วนใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องวัดได้ ต้องมีเอกสารรองรับ ในส่วนงานเอกสารอาจจะสามารถควบคุมคุณภาพได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติ ในสายงานการผลิต เท่าที่ประสบมาไม่คิดว่าจะช่วยอะไรได้มากนัก และปัญหาใหญ่คือปัญหา การใช้เอกสาร และปริมาณกระดาษมากเกินความจำเป็น

อันนี้ผมเห็นด้วยครับ ในทางปฏิบัติ ตรวจติดตามกัน ปีละ2 ครั้ง ก็มานั่งเทียนทำเอกสารกันวุ่นวาย ยิ่งถ้าเจอ ผู้บริหารที่ไม่เข้าใจคำว่า ระบบคุณภาพ อย่างถ่องแท้ ยิ่งเละเลย

[วันพีส]

สวัสดีครับ ผมหายไปลองรวบรวมความดูไม่รู้ว่าเข้าท่าไหม ลองดูแล้วกันครับ

พี่ๆและหลายๆท่านคงเกิดคำถามว่า ทำไม่ถึงต้องให้ความสำคัญกับระบบการผลิตโดยคิดวิธีการต่างๆ มากมายมาเพื่อใช้งาน

เหตุที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะ ระบบการผลิตเป็นระบบที่ทำให้ได้สินค้าตามความต้องการของลูกค้า สินค้าขายลูกค้าได้บริษัทจึงอยู่ได้ ดังนั้นการผลิตจึงมีความสำคัญเพราะต้องผลิตให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และขณะเดียวกันเมื่อระบบการผลิตดีต้นทุนการผลิตจะลดลงด้วย

ลองคิดดูนะครับถ้า พนักงานบริษัทผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กำลังเดินเครื่องผลิต บะหมี่ อยู่ พนักงานที่ทำหน้าที่ควบคุมการทอดบะหมี่ ไม่มีความรู้ความสามารถในการควบคุมเครื่อง ทำให้บะหมี่ที่ทอดอยู่ สุกบ้างไม่สุกบ้าง แล้วส่งผ่านต่อไป อย่างนี้เสียหายไหมครับถ้าสินค้า Lot นี้จะต้องถูกส่งไปให้ลูกค้า

ถ้าพนักงาน บริษัทผลิตเครื่องดื่ม ที่ทำหน้าการล้างขวดเก่าก่อนนำมาใช้ใหม่ ควบคุมการล้างขวดไม่ดี ล้างสะอาดบ้างไม่สะอาดบ้าง แล้วขวดเหล่านี้ต้องถูกนำไปบรรจุต่อ ถ้าควบคุมการผลิตดีขวดเหล่านี้ก็ติดอยู่ในโรงงาน ทำให้เสียเวลา แต่ถ้าออกมาสู่ประชาชนก็ทำให้เสียชื่อเสียงที่สั่งสมมานานได้ พี่ๆและทุกท่านคงเคยได้ยิน ในน้ำมีเส้นผมบ้างสนิมเกาะอยู่บ้าง เสียชื่อเสียงเสียเวลาต้องมาแก้ไขเรื่องเหล่านี้

ชื่อเสียงสั่งสมยากแต่เวลาถูกทำลายง่ายนิดเดียว พี่ๆและทุกท่านว่าจริงไหมครับ มีตัวอย่างเร็วๆนี้บริษัทผลิตอาหารสุนัขยี่ห้อหนึ่งต้องเรียกเก็บสินค้าคืนจากท้องตลาดเพราะสุนัขเสียชีวิตหลังจากกินอาหารสุนัขยี่ห้อนี้นานๆ ติดต่อกัน และบริษัทยังต้องออกมาขอโทษผ่านสื่อต่างๆ พร้อมตั้งการวิจัยขึ้นมาอีกมากมาย เพื่อตรวจสอบ

ถ้าพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำที่ ปั๊มน้ำมัน ทำความสะอาดไม่ดี ห้องน้ำสกปรกตลอด ชื่อเสียงเสียไหมครับ เพราะ ปั๊มน้ำมัน มีสินค้าคือการบริการ ดังนั้นต้นทุนทางสังคมคือชื่อเสียงของ ปั๊มน้ำมัน จะต้องมาอันดับหนึ่ง เพื่อให้ลูกค้าประทับใจในการบริการที่ดี เมื่อลูกค้าประทับใจแล้วกลับมาใช้บริการใหม่ ปั๊มน้ำมันได้ประโยชน์ จึงสมควรต้องทำ เรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ก็มองข้ามไม่ได้นะครับ

อย่างที่กล่าวมาข้างต้นถ้าปัญหาข้างต้นมีการควบคุมการผลิตที่ดี ปัญหาข้างต้นของแต่ละที่จะไม่เกิดหรือเกิดต้องน้อยที่สุด จะทำให้ต้นทุนต่ำที่สุด เมื่อต้นทุนต่ำ ก็จะส่งผลให้กำไรสูงขึ้นแทน ในภาวะการแข่งขันที่ดุเดือดอย่างนี้ ราคาสินค้าเพิ่มไม่ได้ก็ต้องลดทุนในการผลิตของตัวเองแทน

เนื้อหาต่อไปนี้เอาหลักวิชาการมาตอบอีกนะครับ บางทีพี่ๆและทุกท่าน อาจอยู่ในกระบวนการหรือวิธีการบริหารดังกล่าวต่อไปนี้โดยไม่ทราบว่าองค์กรเราก็มีดีเหมือนกัน เนื้อหาเป็นวิชาการนี้อาจช่วยให้ พี่ๆและทุกท่านรู้สึกภูมิใจในองค์กรตนเองมากขึ้น เมื่อทุกๆ องค์กรดี อนาคตประเทศไทยนี้ดีแน่นอนครับ

Quality Control (QC) การควบคุมคุณภาพ หมายถึง กิจกรรมและกลวิธีการปฎิบัติเพื่อตอบสนองความต้องการด้านคุณภาพภายในธุรกิจ โดยการตรวจสอบ การวัด และการทดสอบที่มุ่งควบคุมวัตถุดิบ กระบวนการผลิต และกำจัดสาเหตุของข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการทั้งหมด

การควบคุมมุ่งเน้นแยกแยะของดีของเสียออกจากกัน โดยระบุเป็นร้อยละของของเสียที่พบจาก Lot การผลิต การควบคุมคุณภาพมุ่งเน้นที่ของเสียต้องเป็นศูนย์

Quality Assurance (QA) การประกันคุณภาพ หมายถึง การดำเนินการเพื่อคุณภาพตามระบบและแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการมีคุณภาพตามที่ลูกค้าต้องการ

Quality Management (QM)การบริหารคุณภาพ หมายถึง การจัดระบบคุณภาพโดยทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกองค์กรรับผิดชอบต่องานที่ตนเองกระทำอย่างเต็มที่ เพื่อให้สินค้าและบริการนั้นเป็นไปตามความต้องการของลูกค้า

[วันพีส]

ขยายความเรื่อง QM โดยขอยกตัวอย่างเดิมต่อ

หากเรานำหลัก QM มาใช้อย่างเคร่งครัด เราสามารถสร้างการตระหนักถึงความสำคัญของคนทุกคนในองค์กรได้ พนักงานทุกคนเป็นคนสำคัญ ขาดคนใดคนหนึ่งไปงานก็ไม่สำเร็จหรือเสร็จแต่ไม่เรียบร้อย และหากเกิดข้อผิดพลาดคนละเล็กน้อยเมื่อถูกนำมารวมกันข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งหมด อาจจะใหญ่โตจนไม่สามารถรับได้

ถ้า พนักงานบริษัทผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่ทำการควบคุมเครื่องทอดบะหมี่ ต้องรู้ว่าลูกค้าของเรา คือการลำเลียงบะหมี่เพื่อเตรียมบรรจุ ซึ่งเป็นสายการผลิตงานต่อไป เป็นลูกค้าคนสำคัญของตนเอง หากทำไม่ดีจะเกิดปัญหาเป็นลำดับลูกโซ่ต่อไป จนถึงผู้บริโภคขั้นสุดท้าย

Kaizen เป็นการเรียกแบบญี่ปุ่น โดยมีชื่อเรียกสากลทั่วไปว่า การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง(Continuous Improvement) เป็นแนวความคิดที่จะปรับปรุงพัฒนาอยู่ตลอดเวลา และเป็นหน้าที่ของทุกๆคน ตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงจนถึงพนักงานฝ่ายปฏิบัติการ ไคเซ็นมีแนวทางการดำเนินงานดังต่อไปนี้(ยกเนื้อหาวิชาการอีกนะครับ)
1. เน้นการปรับปรุงกระบวนการและความพยายามที่ให้ผลดีในระยะยาว
2. ใช้เวลาอย่างต่อเนื่อง ค่อยเป็นไปอย่างช้าๆ ทีละเล็กทีละน้อย
3. ต้องการการทำงานเป็นกลุ่ม เป็นระบบและอาศัยการร่วมมือต่างแผนกงาน
4. ใช้คนเป็นหลักในการดำเนินงาน
5. ใช้ความรู้ขั้นพื้นฐาน และสร้างเสริมเทคโนโลยีที่มีอยู่
6. เปิดเผยข้อมูลร่วมกันทั้งองค์กร

ไคเซ็น จะใช้ความร่วมมือของพนักงานเป็นหลักในการดำเนินการปรับปรุงพัฒนาวิธีการทำงานและเทคโนโลยีที่มีอยู่ เน้นที่การทำงานเป็นระบบอย่างสม่ำเสมอมากกว่าการมองผลอย่างเดียว เพราะการบริหารจะกวดขันระเบียบวินัย การจัดการเวลาทำงานที่มีอยู่ การพัฒนาทักษะของพนักงาน การมีส่วนร่วมกันทำงานเป็นหมู่คณะ การบำรุงขวัญและกำลังใจ ตลอดจนการติดต่อสื่อสารที่มุ่งแบ่งปันข้อมูลกันอย่างกว้างขวาง

ดังนั้น ถ้าพนักงานบริษัทผลิตเครื่องดื่ม มีสาเหตุควบคุมการล้างขวดไม่ดี เพราะทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน ผู้บริหารอาจกำลังใช้ไคเซ็นเข้ามาจัดการปัญหาอยู่โดยที่พนักงานไม่ทราบก็ได้

[วันพีส]

JIT (Just-In-Time Production) เป็นวิธีการที่ใช้จัดการกับสินค้าคงคลัง โดยให้มีการละระดับสินค้าคงคลังลงให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่มีสินค้าคงคลังเพียงพอต่อการผลิตและทันเวลาที่ใช้ผลิต การลดระดับสินค้าคงคลัง ช่วยให้เห็นปัญหาต่างๆ ในการผลิตที่เคยถูกระดับสินค้าคงคลังบดบังไว้ได้อย่างชัดเจน

ลองประยุกต์ใช้ JIT กับกรณี พนักงานทำความสะอาดห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมัน ครับ(คิดว่าใช้ได้ครับ) หากพนักงานทำความสะอาดทำไม่สะอาดซักที ทั้งๆที่ก็ทำเต็มที่ถูกต้องและเต็มความสามารถ แต่ปั๊มน้ำมันมีพนักงานทำความสะอาดมากมาย ปั๊มน้ำมันอาจหาคนใหม่เข้าไปทดแทนพนักงานคนเดิม โดยลืมมองไปที่ปัญหาว่าทำไม่ห้องน้ำถึงไม่เคยสะอาดสักที หากมีพนักงานน้อยคน(ไม่มีใครสำรอง) ปัญหาน้ำดีไม่เคยไหลเลย ท่อระบายอุดตัน สถานที่สร้างทึบอากาศไม่ถ่ายเท น่าจะถูกแก้ไข ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันก็มีการรณรงค์ ให้ปั๊มน้ำมัน มีบริการที่ดีขึ้นกว่าเดิม


ไม่รู้ว่าเนื้อหาใช้ได้ไหมนะครับ แต่อย่างน้อย ผมนะได้ทบทวนไปเยอะเลยครับ

[นักดูดาว]

โอ้โห.. มีหลายท่านมาร่วมแนะนำความรู้กัน ขอบคุณครับ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผมคิดว่าบริษัทที่ต้องการลงทุนเรื่องคุณภาพ 
ควรลงทุนกับการฝึกสอนและอบรมพนักงานให้เห็นความสำคัญของ 
การรักษาและเพิ่มคุณภาพมากกว่า ตรงนี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าซึ่งผู้ 
บริหารหลายคนละเลย คือนึกว่ามีระบบควบคุมคุณภาพแล้ว ทุกอย่าง 
จะออกมาดีเอง

ตรงประเด็นมากครับ การใส่คุณภาพลงไปในงาน นั้นการฝึกสอนและอบรมพนักงานสำคัญที่สุด เพราะสุดท้ายแล้ว คนทำงานเป็นคนที่ส่งต่อคุณภาพไปยังลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นระบบคุณภาพใดๆ ที่ผู้บริหารโฆษณาให้ผู้ถือหุ้นรับทราบ แต่ถ้าไม่เคยได้ฝึกอบรมพนักงานให้เรียนรู้และปฏิบัติจริง คุณภาพก็ไม่เกิดครับ

ผมชอบใจหลักการของดีสนีย์มากๆ ที่ว่า ดีสนีย์แลนด์คือฉากละครฉากใหญ่ และการทำงานคือการแสดง ทุกคนต้องสวมวิญญาณ สวมบทบาทของตนให้ดีที่สุด เพื่อให้ผู้ชมพอใจ ที่นี่เรียนกันหนักมาก อบรมกันตั้งแต่คนที่แสดงเป็นการ์ตูน ไปถึงคนที่แสดงเป็นคนกวาดถนน ให้แสดงอย่างสมบทบาท

http://www.qualitydigest.com/jan97/disney.html

เวลาเพื่อนๆไป Company Visit ต้องดูที่หน้างานให้ดีๆครับ ว่าพนักงานทำเหมือนที่ผู้บริหารพูดไว้หรือเปล่า

[นักดูดาว]

ฝากการบ้านให้คุณวันพีสและคุณ Underworld ไปคิดต่อครับ

สมมุติว่าบริษัทแห่งหนึ่งอ้างว่าใช้ระบบคุณภาพชนิดหนึ่ง เช่น Kaizen ในฐานะผู้ถือหุ้น คุณจะถามผู้บริหารหรือสังเกตบริษัทได้อย่างไรว่ามีการอบรมและใช้งานจริงหรือเปล่า

[CK]

ผมชอบใจหลักการของดีสนีย์มากๆ ที่ว่า ดีสนีย์แลนด์คือฉากละครฉากใหญ่ และการทำงานคือการแสดง ทุกคนต้องสวมวิญญาณ สวมบทบาทของตนให้ดีที่สุด เพื่อให้ผู้ชมพอใจ ที่นี่เรียนกันหนักมาก อบรมกันตั้งแต่คนที่แสดงเป็นการ์ตูน ไปถึงคนที่แสดงเป็นคนกวาดถนน ให้แสดงอย่างสมบทบาท

เป็นความจริงครับ คุณเดินเข้าไปใน Disney แล้วถามคนกวาดถนนเรื่องอะไร
ก็ได้เกี่ยวกับ Disney ตอบได้หมดครับ ว่าอะไรอยู่ไหน

พี่ชายผมเคยไปเยี่ยมเบื้องหลัง Disneyland เป็นเมืองใต้ดินที่ควบคุมทุก
อย่างบนดินทั้งหมด ขนาดใหญ่พอๆ กับข้างบนเลย

[Underworld]

ฝากการบ้านให้คุณวันพีสและคุณ Underworld ไปคิดต่อครับ

สมมุติว่าบริษัทแห่งหนึ่งอ้างว่าใช้ระบบคุณภาพชนิดหนึ่ง เช่น Kaizen ในฐานะผู้ถือหุ้น คุณจะถามผู้บริหารหรือสังเกตบริษัทได้อย่างไรว่ามีการอบรมและใช้งานจริงหรือเปล่า

ครับ ผมเคยใช้ วิธ๊ง่ายๆ คือ โทร. ไป บริษํท ที่ ติดต่ออยู่ ครับ ที่ เขาทำระบบ ISO อยู่ สังเกตุ การตอบคำถาม ของ operater ก็ ทราบแล้วครับ ว่า เขา จริงจัง กับ ระบบ คุณภาพ แค่ไหน ครับ
เคยเจอ บริษัท ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารแห่งหนึ่ง ครับ มี ISO 9000 ยัน 14000 เตรียมจะทำ มอก18000 นอกจากนี้ยัง ได้ GMP HACCP ครับ แต่ รู้ไมว่า เวลาเขาติดต่องานกับ ผม พนักงานรับโทร.(operater) ของ บ. ดังกล่าว เขา โทร. มาเครื่องผม พอ ผมรับ ก็จะได้ยินเสียง เพลง ให้ รอ คือ ผมต้อง ถือ หู โทรศัพท์ รอ ฟังเพลงอันแสนจะไพเราะเหลือเกิน โดย ที่ ผมไม่รู้เลยว่า ใคร นะ จาก บ.นั้น ต้องการ จะ คุยกับผม เนี่ยครับ ระบบ คุณ ภาพ ผมว่า แค่สร้างภาพเท่านั้น แล้วยิ่ง ไปดูระบบการผลิต ที่ ว่า iso 14000 ไม่กระทบ สิ่งแวดล้อม ยิ่งเละมาก ได้ ISO มาได้ยังไง ทั้งที่มีคราบไขมันใหลตามพื้น และสามารถ ลงสู่แหล่งน้ำได้อีก แย่จริง

[dingding]

ขึ้นอยู่กับ วิสั้น นโยบายของท่านผู้บริหาร และขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติจริงๆค่ะ

ที่เขียนข้างบนเพราะเบื่อ เวลาเจอคนแอนตี้ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ๆในที่ทำงานน่ะค่ะ (ขอแอบบ่นเล็กๆ)

[วันพีส]

ฝากการบ้านให้คุณวันพีสและคุณ Underworld ไปคิดต่อครับ

สมมุติว่าบริษัทแห่งหนึ่งอ้างว่าใช้ระบบคุณภาพชนิดหนึ่ง เช่น Kaizen ในฐานะผู้ถือหุ้น คุณจะถามผู้บริหารหรือสังเกตบริษัทได้อย่างไรว่ามีการอบรมและใช้งานจริงหรือเปล่า

ถ้าไม่เคยรู้จักบริษัทนั้นเลย แต่ได้มีโอกาสไปเข้าประชุมในฐานะผู้ถือหุ้น ผมคงต้องสังเกตการเตรียมความพร้อมในการจัดงาน ความกระตือรือร้น ในการทำงาน การประสานงานเพื่อให้เกิด งานประชุมผู้ถือหุ้น เพราะ ฝ่ายจัดงานประชุมนี้ก็คือพนักงานบริษัทเหมือนกัน แต่เป็นส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับประชาสัมพันธ์ ซึ่งส่วนตัวผมถือว่าพนักงานทุกส่วนมีหน้าที่ต้องทำให้ดีที่สุดในงานด้านของตนเอง

หากงานประชุมผู้ถือหุ้นเช่นนี้ส่วนประชาสัมพันธ์ยังทำงานได้ไม่ดี ไม่สามารถประสานงานในส่วนต่างๆ ให้งานราบรื่น ก็สามารถบอกได้ว่าหน่วยงานหนึ่งที่สำคัญของบริษัท ซึ่งมีผู้บริหารดูแลอย่างใกล้ชิดและเป็นหน้าตาของบริษัท ขาดการอบรมดูแล ขาดความเข้าใจงาน

ส่วนหากจะถามผู้บริหาร ผมคนถามคงต้องทำการบ้านไปบ้าง เช่น ผมถามผู้บริหารว่า ยอดขายโตเพิ่มขึ้นไหมครับ หากได้รับคำตอบว่ายอดขายโตขึ้น เท่านั้นเท่านี้เปอร์เซ็นต์ หากการบ้านของผมก็บอกว่ายอดขายโตขึ้น(แสดงว่าผู้บริหารไม่โกหกมีธรรมาภิบาลอยู่ในใจบ้าง) และการบ้านบอกว่าบริษัทนี้ลงทุนประมาณเดิมเหมือนปีก่อนๆ ผมคงอนุมานว่าบริษัทนี้สามารถเพิ่มศักยภาพของพนักงานในบริษัทตนเอง ในงานส่วนต่างๆให้ทำงานได้ดีขึ้นและเต็มความสามารถมากขึ้นครับ

[นักดูดาว]

ประสบการณ์อันน้อยนิดของผม ไม่ว่าจะเป็นสำนักงาน โรงงานหรือสถานที่ให้บริการ ดูอันดับแรกเลยครับว่ามีคุณภาพหรือเปล่า ต้อง "สะอาด" ครับ (ส ตัวแรกของ 5 ส) ไม่ว่าระบบคุณภาพใดๆ ถ้ามีอยู่จริงล่ะก็ ที่ทำงานอาคารสถานที่ต้องสะอาดก่อนเลย


อ้อ..ความสะอาด เป็นคุณภาพที่ไม่ต้องตรวจสอบใน ISO9000 ไม่ต้องสงสัยว่าสกปรกขนาดนั้นขนาดนี้ ผ่าน ISO ได้อย่างไร เค้าไม่ตรวจครับ