คุณฉุย ไซรัส ... VI คนใหม่
-
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
คุณฉุย ไซรัส ... VI คนใหม่
โพสต์ที่ 2
การลงทุนหุ้นซักตัวนึงเราคงไม่ซื้อตามใจ ตามอารมณ์ หรือตามคำบอกเล่าที่ผ่านมากระทบประสาทหูเพียงอย่างเดียว เรามีงบดุลทางบัญชีของหุ้นทุกๆตัวให้เรา "วิเคราะห์" ได้เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นแต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจาะตัวเลขเหล่านั้น หากมองความเหมือนกันของการเล่นตามพื้นฐานทางด้านตัวเลขทางบัญชีกับตัวเลขทาง Technical มีหลายๆอย่างที่เป็นแนวทางเดียวกัน คือเราล้วนเอาอดีตมานั่งดู เราไม่มีงบบัญชีในอนาคต และเราก็ไม่มี Technical ในวันข้างหน้า เราล้วนต่างเฝ้ามองอนาคตเหมือนๆกัน คนนึงมองโอกาสความน่าจะเป็นของผลการดำเนินงานผ่านตัวเลขงบดุล อีกคนมองความน่าจะเป็นของความคิดคนที่ลงทุน ในทุกๆธุรกิจอาจจะง่ายที่จะมองพื้นฐานของธุรกิจเพราะเป็นสิ่งที่พอจะมองออกได้ง่ายกว่า โดยมองผ่านงบดุลทางบัญชี มองอนาคตจากโอกาสที่เห็นว่าธุรกิจนี้น่าจะเติบโตไปได้มากน้อยแค่ไหน มองโอกาสทางด้านต่างๆที่จะออกมาเสริมทิศทางของธุรกิจ เช่นการเพิ่มทุน การแตกพาร์ การเปลี่ยนโยบายของรัฐ การเปลี่ยนแปลงราคาวัตถุดิบของตลาดโลก แนวโน้มการใช้บริการ แนวโน้มตลาดโลก สภาพภูมิอากาศที่มีผลต่อผลผลิต ความต้องการของคน สภาวะสงคราม หรือแม้นแต่การเปลี่ยนแปลงความคิดตามสมัยนิยมที่มีผลต่อทิศทางของธุรกิจ ในปีที่ผ่านมาธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ขยายตัวตามที่เราเห็นๆกัน เป็นผลให้หุ้นในกลุ่มนี้ทะยานขึ้น หรือแม้นแต่กลุ่มสื่อสาร กลุ่มที่ดินที่มีการขยายตัวที่เราพอจะสัมผัสได้ง่ายๆ เช่นการเห็นโฆษณาขึ้นโครงการต่างๆ การปิดยอดขายที่เร็วมาก การขยายตัวของโทรศัพท์มือถือที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนชนบทแทบจะทุกหลังคาเรือน ไปไหนๆชาวบ้านพกมือถือกันแทบทั้งนั้นเลย ภาพการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นสัมผัสง่ายๆที่เราจะสามารถเอามามองโอกาสของงบบัญชีที่จะออกมาว่ายอดขายน่าจะเป็นอย่างไร กำไรมากน้อยแค่ไหน สไตล์การลงทุนมีคนชอบแยกออกเป็น 2 อย่างคือแบบ Value และแบบ Technical ผมไม่ทราบว่าทำไมต้องแยกออกจากกัน จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องเดียวกัน มันต้องไปควบคู่กัน เพียงแต่เราปิดตัวเองหรือเปล่าเท่านั้น ยอมรับว่าการเรียนรู้แต่ละวิธีมันไม่ใช่เอามาสอนหรือบอกแนวทางง่ายๆแล้ว "บรรลุ" ได้ทุกคน เพราะการลงทุนแบบนึงเป็นเรื่องของศาสตร์ที่มากกว่าศิลป์ แต่อีกแบบของการลงทุนเป็นศิลป์ที่มากกว่าศาสตร์ ผมเองอาจจะเอาเปรียบเพื่อนๆที่เอาทั้งสองแบบมาเขย่ารวมกัน ฉกฉวยโอกาสระหว่างช่องว่างทางความคิดของคนสองคน ผมไม่ใช่นัก Technical ผมไม่ใช่นักแกะงบบัญชี แต่ผมชอบดูทุกอย่างที่ทุกคนดูที่ตลาดมีให้ดูที่บริษัทต่างๆเอามาให้ดู ไม่เคยเชื่อใครคนใดคนหนึ่ง ไม่เคยเชื่อภาพที่เห็น ไม่เคยเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปไม่ได้และเป็นไปได้ ไม่เคยยึดมั่นทางใดทางหนึ่งแล้วเดินหน้าอย่างเดียว ผมพอใจในสายตรงกลาง พอใจในสิ่งที่ตัวเองทำได้ มีความสุขกับการเอาชนะตัวเอง ผมเองเวลาไปนั่งที่ห้องค้าเหมือนตัวเองมี 2 คนๆนึงนั่งจ้องดูการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น เป็นคนว่องไว คล่องแคล่ว มีสมาธิกับการจับตาดูสิ่งต่างๆรอบด้าน แต่กลับเหมือนมีอีกคนที่นั่งดูเฉยๆมันจะไปไหนก็ช่างมัน อะไรจะเปลี่ยนแปลงก็ช่างมัน ไม่มีความตกใจกลัวหรือเปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์ในขณะนั้นเลย แต่เฝ้ามองอนาคตแบบมั่นคง นิ่ง และกลับมีสมาธิที่มากกว่าในการตัดสินใจ ผมเลยมานึกถึงการลงทุนที่คนชอบไปแยกออกเป็น 2 แบบเพราะผมมี 2 แบบอยู่ในตัว ตลาดตอนนี้เล่นแบบไหนก็ดึงเอาคนนั้นออกมา จะไม่ปล่อยให้โอกาสที่เหมาะกับคนใดคนหนึ่งผ่านไปต่อหน้าต่อตา แต่ต้องถามตัวเองก่อนว่า "ศึกษานิสัยคน 2 คนในตัวเองมากพอที่กล้าจะดึงออกมาใช้งานแล้วหรือยัง" ผมว่าการลงทุน 2 แบบที่เราไปจำกัดความหมายกันนั้นมันเหมือนตะเกียบนะที่ต้องมี 2 อันจึงจะกินอร่อย ถือว่านี่เป็นมุมมองการลงทุนในสายตาของผมนะ เอามาแลกเปลี่ยนกันครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณฉุย ไซรัส ... VI คนใหม่
โพสต์ที่ 3
Praise the ROCK !
i totally agree!!!!
i totally agree!!!!
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
คุณฉุย ไซรัส ... VI คนใหม่
โพสต์ที่ 4
อยากหาความรู้เพิ่มเหมือนกันเรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิค แต่ไม่มีครูดีๆ เลยครับ ลองอ่านหนังสือแล้วมันก็ไม่ get ถึงแก่นนะครับ
ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ท่าน(พี่) Rock ช่วยเล่าให้คร่าวๆ ก็ดีเหมือนกันว่าคอนเซ็ปต์ ที่จะใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคควรเริ่มที่ไหน
ผมมีคำถามในใจอย่างงี้ครับ
1. ทำไมการดูแพทเทิร์นในอดีตจึงสามารถคาดเดาอนาคตได้
2. การดูเทคนิคเป็นศาสตร์หรือศิลป์ อะไรมากกว่า ถ้าเป็นศาสตร์ ทำไมแต่ละคนดูกราฟเทคนิคเดียวกันแล้วได้คำตอบไม่เหมือนกัน
3. การดูกราฟของหุ้นตัวเดียวกับทั้งดัชนี อย่างไหนง่ายกว่าและแม่นยำกว่ากัน
4. ทำยังไงถึงจะคาดการณ์จากการดูกราฟได้อย่างแม่นยำ อะไรเป็นพื้นฐานครับ
5. จริงรึเปล่าที่คนที่เล่นเทคนิคจะต้องเฝ้าดูราคาหุ้นอย่างใกล้ชิด ประเภทต้องเฝ้าหน้าจอเป็นรายนาทีเลย
ขอขอบคุณล่วงหน้าที่ให้ความรู้นะครับ เคยถามท่าน nos ที่พันธ์ทิพย์ไว้แล้วทีนึงแต่ท่านคงไม่ได้เข้ามาอ่านคำถามครับ คำถามอาจจะเป็นคำถามที่ค่อนข้างโง่นะ ต้องขออภัยไว้ด้วยครับ
ผมสนใจนะครับ ที่ผ่านมายังไม่ได้ใช้เพราะว่าคิดว่าเป็นวิธีที่ไม่เหมาะกับตัวเอง แต่ก็อยากรู้คอนเซปต์ครับ
ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ท่าน(พี่) Rock ช่วยเล่าให้คร่าวๆ ก็ดีเหมือนกันว่าคอนเซ็ปต์ ที่จะใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคควรเริ่มที่ไหน
ผมมีคำถามในใจอย่างงี้ครับ
1. ทำไมการดูแพทเทิร์นในอดีตจึงสามารถคาดเดาอนาคตได้
2. การดูเทคนิคเป็นศาสตร์หรือศิลป์ อะไรมากกว่า ถ้าเป็นศาสตร์ ทำไมแต่ละคนดูกราฟเทคนิคเดียวกันแล้วได้คำตอบไม่เหมือนกัน
3. การดูกราฟของหุ้นตัวเดียวกับทั้งดัชนี อย่างไหนง่ายกว่าและแม่นยำกว่ากัน
4. ทำยังไงถึงจะคาดการณ์จากการดูกราฟได้อย่างแม่นยำ อะไรเป็นพื้นฐานครับ
5. จริงรึเปล่าที่คนที่เล่นเทคนิคจะต้องเฝ้าดูราคาหุ้นอย่างใกล้ชิด ประเภทต้องเฝ้าหน้าจอเป็นรายนาทีเลย
ขอขอบคุณล่วงหน้าที่ให้ความรู้นะครับ เคยถามท่าน nos ที่พันธ์ทิพย์ไว้แล้วทีนึงแต่ท่านคงไม่ได้เข้ามาอ่านคำถามครับ คำถามอาจจะเป็นคำถามที่ค่อนข้างโง่นะ ต้องขออภัยไว้ด้วยครับ
ผมสนใจนะครับ ที่ผ่านมายังไม่ได้ใช้เพราะว่าคิดว่าเป็นวิธีที่ไม่เหมาะกับตัวเอง แต่ก็อยากรู้คอนเซปต์ครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- Young-VI
- Verified User
- โพสต์: 132
- ผู้ติดตาม: 0
คุณฉุย ไซรัส ... VI คนใหม่
โพสต์ที่ 5
เคยไม่เข้าใจเหมือนกันว่า
ทำไมต้องแยกฝ่ายเป็น FA (Fundamental Analyze)
บ้างเป็น TA (Technical Analyze) บ้าง
ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งสำคัญทั้งคู่
การที่ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป
ผมมองว่ามันจะเสียประโยชน์มากกว่า
ยิ่งได้อ่านที่พี่ร็อค แสดงความคิดเห็น
ในเรื่องนี้ ทำให้มองภาพการลงทุน
ในภาพรวมทั้งหมดได้เข้าใจและแจ่มชัดยิ่งขึ้น
พี่ร็อคบรรยายได้ยอดเยี่ยม ถึงใจจริงๆ
ขอบคุณมากครับที่มาช่วยเสริมแต่งเว็บนี้
และให้ความรู้เป็นวิทยาทานแก่เพื่อนๆนักลงทุน
ทุกคน ขอบคุณครับ
ทำไมต้องแยกฝ่ายเป็น FA (Fundamental Analyze)
บ้างเป็น TA (Technical Analyze) บ้าง
ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งสำคัญทั้งคู่
การที่ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป
ผมมองว่ามันจะเสียประโยชน์มากกว่า
ยิ่งได้อ่านที่พี่ร็อค แสดงความคิดเห็น
ในเรื่องนี้ ทำให้มองภาพการลงทุน
ในภาพรวมทั้งหมดได้เข้าใจและแจ่มชัดยิ่งขึ้น
พี่ร็อคบรรยายได้ยอดเยี่ยม ถึงใจจริงๆ
ขอบคุณมากครับที่มาช่วยเสริมแต่งเว็บนี้
และให้ความรู้เป็นวิทยาทานแก่เพื่อนๆนักลงทุน
ทุกคน ขอบคุณครับ
- sirivajj
- Verified User
- โพสต์: 985
- ผู้ติดตาม: 0
คุณฉุย ไซรัส ... VI คนใหม่
โพสต์ที่ 6
เนื่องจากผมเป็นแค่ VI พันธ์ทาง และยังเป็นแค่นักศึกษา ผู้ใฝ่ใจหาความรู้ทางเทคนิคเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
ดังนั้น ก็เลยพอใจแค่มารอฟังผู้ที่จะมาตอบคำถามข้างต้น ที่มีเพื่อนๆ สงสัยดีกว่า
อย่างไรก็ดี ผมคิดว่า น่าจะสามารถมีทางสายกลาง หรือ
การบูรณาการ (Integrate) เอาความรู้ทั้งสองอย่างมาใช้ให้เกิดประโยชน์นะครับ
ดังนั้น ก็เลยพอใจแค่มารอฟังผู้ที่จะมาตอบคำถามข้างต้น ที่มีเพื่อนๆ สงสัยดีกว่า
อย่างไรก็ดี ผมคิดว่า น่าจะสามารถมีทางสายกลาง หรือ
การบูรณาการ (Integrate) เอาความรู้ทั้งสองอย่างมาใช้ให้เกิดประโยชน์นะครับ
What do you mean.?
- sirivajj
- Verified User
- โพสต์: 985
- ผู้ติดตาม: 0
คุณฉุย ไซรัส ... VI คนใหม่
โพสต์ที่ 7
เรื่องกระทู้ที่เกี่ยวกับคุณฉุย นั้น
ผมคิดว่า คุณฉุย ก็นำความรู้มาเผยแพร่ในคอลลัมน์ของเขา
และจัดอบรมสัมนา ซึ่งเป็นแนวทางในด้านอาชีพส่วนหนึ่งของเขาครับ
ส่วนคุณฉุยจะเป็น VI หรือเปล่า ผมไม่มีความเห็นครับ
ผมคิดว่า คุณฉุย ก็นำความรู้มาเผยแพร่ในคอลลัมน์ของเขา
และจัดอบรมสัมนา ซึ่งเป็นแนวทางในด้านอาชีพส่วนหนึ่งของเขาครับ
ส่วนคุณฉุยจะเป็น VI หรือเปล่า ผมไม่มีความเห็นครับ
What do you mean.?
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
คุณฉุย ไซรัส ... VI คนใหม่
โพสต์ที่ 8
ท่านนักดูดาวไม่ได้เห็น TA ไม่ดีแน่นอนขอบอก เพราะตัวเฮียแกเองก็ใช่ย่อยเรื่องดูกราฟนา :lol:
ที่ผมเขียนเพราะอยากรู้จริงๆ นา ไม่ได้แบ่งแยก VI VS VIOS V-whatever อะไรทั้งนั้น
รอพี่ rock (ลามปามเรียกพี่ไปเรียบร้อยแล้วครับ) สละเวลามาช่วยตอบครับ แหมท่านอื่นๆ จะช่วยตอบผมแก้โง่ก็ดีนา ช่วยๆ กันหน่อยนา ถือว่าทำบุญสงกรานต์ครับ
ที่ผมเขียนเพราะอยากรู้จริงๆ นา ไม่ได้แบ่งแยก VI VS VIOS V-whatever อะไรทั้งนั้น
รอพี่ rock (ลามปามเรียกพี่ไปเรียบร้อยแล้วครับ) สละเวลามาช่วยตอบครับ แหมท่านอื่นๆ จะช่วยตอบผมแก้โง่ก็ดีนา ช่วยๆ กันหน่อยนา ถือว่าทำบุญสงกรานต์ครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
คุณฉุย ไซรัส ... VI คนใหม่
โพสต์ที่ 9
1. ทำไมการดูแพทเทิร์นในอดีตจึงสามารถคาดเดาอนาคตได้
ตอบ : เราคงไม่ได้ไปจำกัดความหมายของคำว่า Technical ที่รูปแบบ pattern นะ มันไม่มีรูปแบบที่ตายตัวหรอกครับ ในความเห็นส่วนตัวของผม ไม่เคยดูรูปแบบพวกนี้เลย วิธีที่ผมคิดยอมรับว่าไม่มีหลักวิชาการ ผมให้คำจำกัดความในเส้นสายกราฟว่ามันเกิดจากความคิดของคน หุ้นไม่มีราคาที่แท้จริง มันสามารถเปลี่ยนไปตามปัจจัยต่างๆมากมาย เราคงตามปัจจัยแบบนั้นไม่หมดและคงไม่สามารถรู้ได้หมดทุกอย่าง เราก็อาศัยอ่านจากความคิดของคนส่วนใหญ่ว่าเค้าซื้อหรือขายหุ้นตัวนี้ยังไง เพราะเชื่อว่าคนที่ซื้อหรือขายเค้าคงมีความคิดเกี่ยวกับหุ้นตัวนั้นๆอยู่บ้าง ผมมองเส้นสายกราฟเป็นเหมือนมองคนนะ ทำไมหุ้นขึ้นแล้วต้องปรับตัว ทำไมไม่ขึ้นไปเลย ทำไมหุ้นลงแล้วขึ้นทำไมไม่ลงไปเลย สิ่งเหล่านี้ในความคิดของผมๆมองว่ามันมีกรอบทางความคิดของคนครับ
2. การดูเทคนิคเป็นศาสตร์หรือศิลป์ อะไรมากกว่า ถ้าเป็นศาสตร์ ทำไมแต่ละคนดูกราฟเทคนิคเดียวกันแล้วได้คำตอบไม่เหมือนกัน
ตอบ มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ มันมีเรื่องของอารมณ์ของคนอยู่ในนั้น มันเป็นรูปแบบคณิตศาสตร์ที่ไม่สามารถอ่านด้วยวิธีทางคณิตศาสตร์ หากมันอ่านได้แบบนั้นผมว่าไม่ต้องรอให้คนคิดหรอกนะ เขียนโปรแกรมให้คอมพิวเตอร์มันคิดได้เองเลย เพราะมันมีเรื่องของคนเข้ามาเกี่ยวข้อง ตรงนี้เครื่องคอมฯมันอ่านใจคนไม่ได้หรอก มันมีความกลัว ตกใจ กล้า ในแต่ละวันไม่เหมือนกัน คอมพิวเตอร์มันคิดได้เพียงว่าเวลานี้หุ้นลงมาหรือขึ้นไปมีสัดส่วนกำไรขาดทุนของคนที่ซื้อมาก่อนหน้านี้แค่ไหน ใช้หลักความน่าจะเป็นคำนวนหาโอกาสที่หุ้นจะขึ้นหรือลงเท่านั้น
3. การดูกราฟของหุ้นตัวเดียวกับทั้งดัชนี อย่างไหนง่ายกว่าและแม่นยำกว่ากัน
ตอบ ผมว่ามันคล้ายๆกันนะ คือมีโอกาสพลาดได้พอๆกัน สรุปยากนะ
4. ทำยังไงถึงจะคาดการณ์จากการดูกราฟได้อย่างแม่นยำ อะไรเป็นพื้นฐานครับ
ตอบ ไม่ทราบครับ ไม่มีใครรับประกันความแม่นยำได้นะ เหมือนเราไม่สามารถรับประกันการกำไรได้
5. จริงรึเปล่าที่คนที่เล่นเทคนิคจะต้องเฝ้าดูราคาหุ้นอย่างใกล้ชิด ประเภทต้องเฝ้าหน้าจอเป็นรายนาทีเลย
ตอบ ไม่จำเป็นครับ เอามานั่งดูเมื่อไหร่ก็ได้ อย่างน้อยๆก็ก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้น แต่ผมเองเล่นหุ้นเป็นอาชีพจึงต้องติดตามดูทุกวัน เราทำอาชีพอะไรเราก็ต้องทำสิ่งนั้นให้สมกับที่เป็นอาชีพของเรา ผมยกตัวอย่างการใช้ Technical ในหุ้น VI ที่เราเรียกๆกันนะ เพื่อนผมมีหุ้นกลุ่มเกษตรอยู่ตัวนึง จำนวนหมื่นหุ้น เค้าไม่เคยสนใจจะขายคือปล่อยทิ้งไว้รับเงินปันผลอย่างเดียว ส่วนต่างของหุ้นเพิ่มขึ้นไปก็ไม่ขาย ลงมาก็ไม่ซื้อคือถือลงทุนจริงๆ แต่ในเวลาที่ตลาดขาลงหุ้นไหนๆก็ลงนะ อาจจะไม่ลงตามคนอื่นแต่มันจะมีบางอย่างบอกว่ามันจะลง เราก็ใช้ indicator จากกราฟนี่แหละมาคอยอ่านเพื่อหาโอกาสนั้น จากหุ้น10000 ตัวตอนนี้เพิ่มมาเป็น 14000 โดยผมให้เพื่อนขายและซื้อกลับ ทุกวันนี้เค้าก็ยังเหมือนเดิมคือถือหุ้นกินปันผลอย่างเดียวแต่ 4000 ที่เพิ่มขึ้นมาผมถามว่าโอกาสแบบนี้หากเป็นคุณๆจะทำไหม หรือปล่อยให้มันผ่านเลยไป หากพอร์ตเราใหญ่ๆผมว่าอาจจะทำลำบากแต่อย่างเราๆพอร์ตเล็กๆจะถือไว้นิ่งๆเหรอ แต่โอกาสแบบนี้ไม่ใช่จะหาง่ายๆนะ บอกกันยาก ศึกษาก็ยาก จนกว่าเราจะประจักษ์ได้ด้วยตัวเอง ผมเองก็ยังพลาดนะเรื่องลงทุน ไม่ใช่ว่าจะเก่งกำไรทุกตัว Rockriverarms ก็ติดดอยเป็นนะ ผมว่าเรามีอะไรนำมาแลกเปลี่ยนมุมมองทางความคิดแต่ไม่ได้หมายถึงให้ทำตามนะ แลกเปลี่ยนสิ่งที่คิดผมชื่อว่าไม่มีใครเก่งและถูกหมด แต่จะเก่งและถูกหมดหากเรามีความพอใจในความพอดีที่ตัวเอง ขอตอบคร่าวๆแค่นี้ก่อนครับ
ตอบ : เราคงไม่ได้ไปจำกัดความหมายของคำว่า Technical ที่รูปแบบ pattern นะ มันไม่มีรูปแบบที่ตายตัวหรอกครับ ในความเห็นส่วนตัวของผม ไม่เคยดูรูปแบบพวกนี้เลย วิธีที่ผมคิดยอมรับว่าไม่มีหลักวิชาการ ผมให้คำจำกัดความในเส้นสายกราฟว่ามันเกิดจากความคิดของคน หุ้นไม่มีราคาที่แท้จริง มันสามารถเปลี่ยนไปตามปัจจัยต่างๆมากมาย เราคงตามปัจจัยแบบนั้นไม่หมดและคงไม่สามารถรู้ได้หมดทุกอย่าง เราก็อาศัยอ่านจากความคิดของคนส่วนใหญ่ว่าเค้าซื้อหรือขายหุ้นตัวนี้ยังไง เพราะเชื่อว่าคนที่ซื้อหรือขายเค้าคงมีความคิดเกี่ยวกับหุ้นตัวนั้นๆอยู่บ้าง ผมมองเส้นสายกราฟเป็นเหมือนมองคนนะ ทำไมหุ้นขึ้นแล้วต้องปรับตัว ทำไมไม่ขึ้นไปเลย ทำไมหุ้นลงแล้วขึ้นทำไมไม่ลงไปเลย สิ่งเหล่านี้ในความคิดของผมๆมองว่ามันมีกรอบทางความคิดของคนครับ
2. การดูเทคนิคเป็นศาสตร์หรือศิลป์ อะไรมากกว่า ถ้าเป็นศาสตร์ ทำไมแต่ละคนดูกราฟเทคนิคเดียวกันแล้วได้คำตอบไม่เหมือนกัน
ตอบ มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ มันมีเรื่องของอารมณ์ของคนอยู่ในนั้น มันเป็นรูปแบบคณิตศาสตร์ที่ไม่สามารถอ่านด้วยวิธีทางคณิตศาสตร์ หากมันอ่านได้แบบนั้นผมว่าไม่ต้องรอให้คนคิดหรอกนะ เขียนโปรแกรมให้คอมพิวเตอร์มันคิดได้เองเลย เพราะมันมีเรื่องของคนเข้ามาเกี่ยวข้อง ตรงนี้เครื่องคอมฯมันอ่านใจคนไม่ได้หรอก มันมีความกลัว ตกใจ กล้า ในแต่ละวันไม่เหมือนกัน คอมพิวเตอร์มันคิดได้เพียงว่าเวลานี้หุ้นลงมาหรือขึ้นไปมีสัดส่วนกำไรขาดทุนของคนที่ซื้อมาก่อนหน้านี้แค่ไหน ใช้หลักความน่าจะเป็นคำนวนหาโอกาสที่หุ้นจะขึ้นหรือลงเท่านั้น
3. การดูกราฟของหุ้นตัวเดียวกับทั้งดัชนี อย่างไหนง่ายกว่าและแม่นยำกว่ากัน
ตอบ ผมว่ามันคล้ายๆกันนะ คือมีโอกาสพลาดได้พอๆกัน สรุปยากนะ
4. ทำยังไงถึงจะคาดการณ์จากการดูกราฟได้อย่างแม่นยำ อะไรเป็นพื้นฐานครับ
ตอบ ไม่ทราบครับ ไม่มีใครรับประกันความแม่นยำได้นะ เหมือนเราไม่สามารถรับประกันการกำไรได้
5. จริงรึเปล่าที่คนที่เล่นเทคนิคจะต้องเฝ้าดูราคาหุ้นอย่างใกล้ชิด ประเภทต้องเฝ้าหน้าจอเป็นรายนาทีเลย
ตอบ ไม่จำเป็นครับ เอามานั่งดูเมื่อไหร่ก็ได้ อย่างน้อยๆก็ก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้น แต่ผมเองเล่นหุ้นเป็นอาชีพจึงต้องติดตามดูทุกวัน เราทำอาชีพอะไรเราก็ต้องทำสิ่งนั้นให้สมกับที่เป็นอาชีพของเรา ผมยกตัวอย่างการใช้ Technical ในหุ้น VI ที่เราเรียกๆกันนะ เพื่อนผมมีหุ้นกลุ่มเกษตรอยู่ตัวนึง จำนวนหมื่นหุ้น เค้าไม่เคยสนใจจะขายคือปล่อยทิ้งไว้รับเงินปันผลอย่างเดียว ส่วนต่างของหุ้นเพิ่มขึ้นไปก็ไม่ขาย ลงมาก็ไม่ซื้อคือถือลงทุนจริงๆ แต่ในเวลาที่ตลาดขาลงหุ้นไหนๆก็ลงนะ อาจจะไม่ลงตามคนอื่นแต่มันจะมีบางอย่างบอกว่ามันจะลง เราก็ใช้ indicator จากกราฟนี่แหละมาคอยอ่านเพื่อหาโอกาสนั้น จากหุ้น10000 ตัวตอนนี้เพิ่มมาเป็น 14000 โดยผมให้เพื่อนขายและซื้อกลับ ทุกวันนี้เค้าก็ยังเหมือนเดิมคือถือหุ้นกินปันผลอย่างเดียวแต่ 4000 ที่เพิ่มขึ้นมาผมถามว่าโอกาสแบบนี้หากเป็นคุณๆจะทำไหม หรือปล่อยให้มันผ่านเลยไป หากพอร์ตเราใหญ่ๆผมว่าอาจจะทำลำบากแต่อย่างเราๆพอร์ตเล็กๆจะถือไว้นิ่งๆเหรอ แต่โอกาสแบบนี้ไม่ใช่จะหาง่ายๆนะ บอกกันยาก ศึกษาก็ยาก จนกว่าเราจะประจักษ์ได้ด้วยตัวเอง ผมเองก็ยังพลาดนะเรื่องลงทุน ไม่ใช่ว่าจะเก่งกำไรทุกตัว Rockriverarms ก็ติดดอยเป็นนะ ผมว่าเรามีอะไรนำมาแลกเปลี่ยนมุมมองทางความคิดแต่ไม่ได้หมายถึงให้ทำตามนะ แลกเปลี่ยนสิ่งที่คิดผมชื่อว่าไม่มีใครเก่งและถูกหมด แต่จะเก่งและถูกหมดหากเรามีความพอใจในความพอดีที่ตัวเอง ขอตอบคร่าวๆแค่นี้ก่อนครับ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
คุณฉุย ไซรัส ... VI คนใหม่
โพสต์ที่ 10
คุณ rock ครับ กำลังสนุกเลย ขออนุญาติเปิดกระทู้ใหม่นะครับ รบกวนตามไปดูด้วย มีคำถามเพิ่มเติมครับ
ขอบคุณมากเลยที่ช่วยตอบคำถามครับ
ขอบคุณมากเลยที่ช่วยตอบคำถามครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
คุณฉุย ไซรัส ... VI คนใหม่
โพสต์ที่ 11
ดีใจที่ทุกท่านเปิดกว้างรับสิ่งใหม่ๆครับ หวังเล็กๆว่าถ้านักลงทุนไทยเราพัฒนาทั้งพื้นฐานและเทคนิคมากๆ คงจะได้เอาสตางค์จากฝรั่งและรายใหญ่ต่างๆคืนมาบ้างล่ะ
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป
-จีรนุช เปรมชัยพร
-จีรนุช เปรมชัยพร