ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
- stp
- Verified User
- โพสต์: 252
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 31
อาาา ข้าน้อยผิดไปแล้ว เป็น Hyperbola ครับ
ไปกลับแกนเขาได้ยังไง
แต่ว่าหนี้ที่จะเกิดก็น่ากลัวนะครับ
ตอนนี้ส่วนของผู้ถือหุ้นประมาณ 25000 ล้าน
เห็นเขาวาง plan จะเติมให้เต็ม 5000 MW อยู่
ตอนนี้ debt/eq ประมาณ 1.15 เท่า มีหนี้อยู่ประมาณ 29000 ล้าน
ถ้าทีละ 500 MW ก็น่าจะประมาณ ทีละ 20000 ล้านเลยนะครับเนี่ย
ประเทศไทยต้องการไฟเพิ่มปีละ 1800-1900 MW
ตีว่า 2000 MW ต่อปี ก็ 80000 ล้าน
รัฐบาลถึงกลัว
ไปกลับแกนเขาได้ยังไง
แต่ว่าหนี้ที่จะเกิดก็น่ากลัวนะครับ
ตอนนี้ส่วนของผู้ถือหุ้นประมาณ 25000 ล้าน
เห็นเขาวาง plan จะเติมให้เต็ม 5000 MW อยู่
ตอนนี้ debt/eq ประมาณ 1.15 เท่า มีหนี้อยู่ประมาณ 29000 ล้าน
ถ้าทีละ 500 MW ก็น่าจะประมาณ ทีละ 20000 ล้านเลยนะครับเนี่ย
ประเทศไทยต้องการไฟเพิ่มปีละ 1800-1900 MW
ตีว่า 2000 MW ต่อปี ก็ 80000 ล้าน
รัฐบาลถึงกลัว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 32
chachacha ครับ ถ้ายึดตรงที่
ถ้ายึดตรงที่ท่านทั้งสอง คือคุณ Invisible Hand และคุณ Micky พูดไว้
แล้วเราคิดว่าน่าเชื่อ แล้วเราก็ตัดสินใจเชื่อเลย
และเราก็นำความเชื่อนั้น ไปคิดต่ออีก พี่ว่ามันอันตรายครับบ
ส่วนตัวพี่แล้ว ยังไม่เชื่อครับ และขอบคุณท่าน Invisible hand ที่ทำให้หูตาสว่างมากขึ้น ที่ว่าไม่เชื่อ คือไม่เชื่อทั้งหมด
และพยายามบ้างเล็กน้อย เพื่อรู้ว่าให้ได้ว่า ระฆังคว่ำ นี่ เป็นระฆังคว่ำแบบไหน
ก่อนที่จะคิดอะไรต่อไป ไม่อยากให้ ใส่ตัวแปรในการคิดที่ผิดๆ ไม่งั้น ผลที่ได้จากการคิด ต้องผิดแน่นอน
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ตอบเมื่อ: Sat Apr 10, 2004 3:01 pm เรื่อง:
--------------------------------------------------------------------------------
อย่าหาว่าอะไรเลย ความจริงก็คือ ผมไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับสัญญา PPA นั่นเลยครับ ไม่ทราบด้วยว่าทำไมปีนี้ถึงอยู่จุดสูงสุดของกราฟรายได้ แต่ในเมื่อคุณ Invisible Hand ได้พูดว่ามันเป็นเช่นนั้น และคุณ Micky ได้ย้ำคำพูดคุณ Invisible Hand ว่ารายได้ปีนี้มันอยู่บน peak พอดีของกราฟไฮเปอร์บอริคแบบคว่ำ ผมก็เลยให้น้ำหน้กความน่าเชื่อถือครับ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่ท่านทั้งสองจะให้เหตุผลอะไรผิด ๆ อยู่แล้ว
แล้วเราคิดว่าน่าเชื่อ แล้วเราก็ตัดสินใจเชื่อเลย
และเราก็นำความเชื่อนั้น ไปคิดต่ออีก พี่ว่ามันอันตรายครับบ
ส่วนตัวพี่แล้ว ยังไม่เชื่อครับ และขอบคุณท่าน Invisible hand ที่ทำให้หูตาสว่างมากขึ้น ที่ว่าไม่เชื่อ คือไม่เชื่อทั้งหมด
และพยายามบ้างเล็กน้อย เพื่อรู้ว่าให้ได้ว่า ระฆังคว่ำ นี่ เป็นระฆังคว่ำแบบไหน
ก่อนที่จะคิดอะไรต่อไป ไม่อยากให้ ใส่ตัวแปรในการคิดที่ผิดๆ ไม่งั้น ผลที่ได้จากการคิด ต้องผิดแน่นอน
- Chachacha
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 33
ขอบคุณครับพี่ ผมคิดไว้ทั้งสองแบบครับพี่เจ๋ง ทั้งเชื่อและไม่เชี่อ
ถ้าผมยังไม่ปักใจเชื่อ ว่ารายได้ปีหน้าจะลดลง และมันเกิดไม่ลดลงจริง ๆ ก็ดีเลยครับ ถือต่อได้อย่างสบายใจ แต่ว่าอย่างที่ผมบอกไปว่าแนวการลงทุนของผม ก่อนที่จะซื้อ ผมให้ความสำคัญว่ามันจะขึ้นไปเท่าไหร่ไม่มาก แต่ผมให้น้ำหนักกับ ถ้าจะลง มันจะลงไปที่เท่าไหร่มากกว่า เพราะผมยอมเสียดายดีกว่าเสียเงิน
ผมก็เลยต้องลองคิดแบบ conservative ว่า ถ้า ผมเชื่อว่าปีหน้ารายได้มันจะลด ถึงแม้ว่าหลาย ๆ ข้อมูลที่ศึกษา บอกผมว่า กำไรปี 47 นี้มันจะไม่ลดมากมายอะไรหรอก แต่ถ้ามันลดลง ผมจะยอมรับได้มั๊ย
ในเมื่อผมยอมรับได้แล้วว่า ผมไม่กลัวที่จะซื้อราคานี้ ต่อให้ราคามันจะลงไปเท่าไหร่ ทุกอย่างก็จบ ไม่มีอะไรต้องกลัว ยิ่งดีซะอีก ถ้าสิ่งที่ผมคิดมามันจะสูญเปล่า เพราะผมมองกิจการในแง่ร้ายเกินไป เพราะมันจะได้ขึ้นไปอีก
อาจเพราะผมยังไม่เก่งพอครับ ทำใจ cutloss ไม่ค่อยได้ เลยต้องคิดหลาย ๆ ตลบหน่อย ทั้งร้ายทั้งดีสลับกันไป
อดใจเดี๋ยวก็จะได้ดูรายได้ของ Q1 กันแล้วครับ เราได้จะรู้ซะทีว่า
- EGCOMP ยังคงนิสัยชอบประกาศผลประกอบการช้าเป็นชาติเหมือนเดิมเปล่า
- ปีที่แล้วคือยอดดอยจริงหรือเปล่า
นะครับ
ถ้าผมยังไม่ปักใจเชื่อ ว่ารายได้ปีหน้าจะลดลง และมันเกิดไม่ลดลงจริง ๆ ก็ดีเลยครับ ถือต่อได้อย่างสบายใจ แต่ว่าอย่างที่ผมบอกไปว่าแนวการลงทุนของผม ก่อนที่จะซื้อ ผมให้ความสำคัญว่ามันจะขึ้นไปเท่าไหร่ไม่มาก แต่ผมให้น้ำหนักกับ ถ้าจะลง มันจะลงไปที่เท่าไหร่มากกว่า เพราะผมยอมเสียดายดีกว่าเสียเงิน
ผมก็เลยต้องลองคิดแบบ conservative ว่า ถ้า ผมเชื่อว่าปีหน้ารายได้มันจะลด ถึงแม้ว่าหลาย ๆ ข้อมูลที่ศึกษา บอกผมว่า กำไรปี 47 นี้มันจะไม่ลดมากมายอะไรหรอก แต่ถ้ามันลดลง ผมจะยอมรับได้มั๊ย
ในเมื่อผมยอมรับได้แล้วว่า ผมไม่กลัวที่จะซื้อราคานี้ ต่อให้ราคามันจะลงไปเท่าไหร่ ทุกอย่างก็จบ ไม่มีอะไรต้องกลัว ยิ่งดีซะอีก ถ้าสิ่งที่ผมคิดมามันจะสูญเปล่า เพราะผมมองกิจการในแง่ร้ายเกินไป เพราะมันจะได้ขึ้นไปอีก
อาจเพราะผมยังไม่เก่งพอครับ ทำใจ cutloss ไม่ค่อยได้ เลยต้องคิดหลาย ๆ ตลบหน่อย ทั้งร้ายทั้งดีสลับกันไป
อดใจเดี๋ยวก็จะได้ดูรายได้ของ Q1 กันแล้วครับ เราได้จะรู้ซะทีว่า
- EGCOMP ยังคงนิสัยชอบประกาศผลประกอบการช้าเป็นชาติเหมือนเดิมเปล่า
- ปีที่แล้วคือยอดดอยจริงหรือเปล่า
นะครับ
เดี๋ยวเจอกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 194
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 35
เรื่อง Hyperbola นี่ผมยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นะครับว่ามันจะเป็นแบบนั้น
ถ้าเป็นคงเป็นเพราะ main contract agreement มากกว่าแต่เนื่องจาก บริษัทคงต้องมีการกระจายหารายได้จากโครงการอื่นๆเพิ่มขึ้นมา
ถ้าจะเป็นดังว่าจริงๆ คงต้องมีแรงถ่วงจากโครงการอื่นๆ หรือว่าผู้บริหารต้องหาวิธีแก้ก่อนที่เราจะรู้ตัวก่อนซะล่ะมั๊งครับ :lol: เปล่าเชียร์นะเนี่ยนะ
อีกอย่าง ฝ่าย บ/ช ที่นี่ไม่รู้จะ conservative อะไรนักหนาพวกเล่นตัดค่าใช้จ่ายล่วงหน้าบานพวกค่าที่ผมไม่รู้จะเรียกว่าอะไร ความนิยมเสื่อมสภาพหรืออะไร กะพวกเงินลงทุนที่ต้องลงทุนไปก่อนในการศึกษาการลงทุนโครงการใหม่ๆ พวกน้ำเทินบ้างอะไรบ้าง กลายมาเป็น คชจ. ในปีก่อนๆ เช่น 44 45 ไปแล้วเพียบ สงสัยไปก่อนๆ คงมีกำไรเยอะมังกลัวกราฟจะชันเร็วไป เดี๋ยว parabola ไม่ค่อยสวย อุอุอุ
ถ้าเป็นคงเป็นเพราะ main contract agreement มากกว่าแต่เนื่องจาก บริษัทคงต้องมีการกระจายหารายได้จากโครงการอื่นๆเพิ่มขึ้นมา
ถ้าจะเป็นดังว่าจริงๆ คงต้องมีแรงถ่วงจากโครงการอื่นๆ หรือว่าผู้บริหารต้องหาวิธีแก้ก่อนที่เราจะรู้ตัวก่อนซะล่ะมั๊งครับ :lol: เปล่าเชียร์นะเนี่ยนะ
อีกอย่าง ฝ่าย บ/ช ที่นี่ไม่รู้จะ conservative อะไรนักหนาพวกเล่นตัดค่าใช้จ่ายล่วงหน้าบานพวกค่าที่ผมไม่รู้จะเรียกว่าอะไร ความนิยมเสื่อมสภาพหรืออะไร กะพวกเงินลงทุนที่ต้องลงทุนไปก่อนในการศึกษาการลงทุนโครงการใหม่ๆ พวกน้ำเทินบ้างอะไรบ้าง กลายมาเป็น คชจ. ในปีก่อนๆ เช่น 44 45 ไปแล้วเพียบ สงสัยไปก่อนๆ คงมีกำไรเยอะมังกลัวกราฟจะชันเร็วไป เดี๋ยว parabola ไม่ค่อยสวย อุอุอุ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 36
อิอิ น้อง Fitch สำหรับพี่แล้ว
1. ดอกเบี้ยต่ำ
2. โรงไฟฟ้า ไม่น่าเจ๊งง่ายๆ
3. เห็นกำไรเยอะดี
4. ปันผลก็พอใช้ได้
5. บ้านเราอากาศร้อน
6. ประวัติในอดีต มียอดขายเพิ่ม
แค่นี้พี่ก็พอใจแล้ว
ข้อควรระวัง
1. หนี้มาก
2. จ่ายดอกเบี้ยแพง
3. กฟผ.จะเข้าตลาด
4. เรื่อง vat
5. เรื่องระฆังคว่ำ ระฆังหงาย
อิอิ พี่คิดแบบพ่อค้าครับ
คือ banpu เสนอซื้อ egcomp ราคาเท่าไร banpu ก็อยู่ในวงการ ระฆังคว่ำ ระฆังหงาย คงจะรู้ดีกว่า คุณ invisible hand เป็นแน่แท้
ถ้าพี่ซื้อต่ำกว่า banpu พี่ก็ ok ในระดับหนึ่งเหมือนกันครับ
1. ดอกเบี้ยต่ำ
2. โรงไฟฟ้า ไม่น่าเจ๊งง่ายๆ
3. เห็นกำไรเยอะดี
4. ปันผลก็พอใช้ได้
5. บ้านเราอากาศร้อน
6. ประวัติในอดีต มียอดขายเพิ่ม
แค่นี้พี่ก็พอใจแล้ว
ข้อควรระวัง
1. หนี้มาก
2. จ่ายดอกเบี้ยแพง
3. กฟผ.จะเข้าตลาด
4. เรื่อง vat
5. เรื่องระฆังคว่ำ ระฆังหงาย
อิอิ พี่คิดแบบพ่อค้าครับ
คือ banpu เสนอซื้อ egcomp ราคาเท่าไร banpu ก็อยู่ในวงการ ระฆังคว่ำ ระฆังหงาย คงจะรู้ดีกว่า คุณ invisible hand เป็นแน่แท้
ถ้าพี่ซื้อต่ำกว่า banpu พี่ก็ ok ในระดับหนึ่งเหมือนกันครับ
- Chachacha
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 37
ตอนนี้ผมกำลังรวบรวมข้อมูลเรื่องรายได้ของ EGCOMP อยู่ครับ ว่าจะเพิ่มขึ้นจากไหนและจะลดลงอย่างไร ถ้าเสร็จแล้วจะลองเอามาคุยกันดูครับ
หลังจากอ่าน Form 56-1 จบเมื่อกี้ได้ข้อมูลใหม่ ๆ เยอะครับ เช่น กำลังการผลิตของ EGCO ยังไม่ได้ใช้เต็ม 100% แต่สมมติฐานเรื่อง PPA ยังไม่ตกครับ เพราะตอนหนึ่งของรายงานบอกว่า
รายได้จากกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้ารายใหญ่ (IPP) คือ บฟร. และ บฟข. จำนวน 9,972 ล้านบาท แบ่งเป็น
รายได้ค่าไฟฟ้า จำนวน 9,742 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 779 ล้านบาท หรือร้อยละ 9 โดยแบ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจาก บฟร. 1,341 ล้านบาท ในขณะที่รายได้ค่าไฟฟ้าของ บฟข. ลดลง 562 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสูตรค่าพลังไฟฟ้า ในลักษณะ Cost Plus หรือต้นทุนบวกกำไรส่วนเพิ่มที่ให้แก่ ผู้ประกอบการ ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) และเป็นไปตามที่ได้ประมาณการไว้แล้ว
แต่ ok ครับ ที่รายได้น้อยลง ต้นทุนก็น้อยลงตาม และรายได้ที่เพิ่มขึ้นก็เริ่มมาแล้วจาก IPP ทั้งหลายครับ ถึงแม้ว่า บฟข. (หรือ บขร. จำไม่ได้ครับ) จะต้องเริ่มจ่ายภาษีเงินได้ 50% ของอัตราปกติ แล้วก็ตาม หลังจากสัญญาที่ได้ยกเว้นเพิ่งสิ้นสุดเมื่อปีที่แล้ว
ก็ OK ครับ ทุกอย่างยังไปได้สวยและ PPA ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
ว่าแต่มีใครทราบเปล่าครับว่า Cost Plus เนี่ย เค้าคำนวนอย่างไร และทำไมต้องบอกในรายงานว่า
รายได้ค่าไฟฟ้าของ บฟข. ลดลง 562 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสูตรค่าพลังไฟฟ้า
รายได้ลด มันไปเกี่ยวอะไรกับสูตรค่าพลังไฟฟ้าครับ ทั้ง ๆ ที่ต้นทุนการผลิตมันก็ลดลงด้วย มันน่าจะเกี่ยวกับปริมาณที่ กฟผ. ต้องการให้ผลิดลดลงไม่ใช่เหรอครับ ใครมีข้อมูลนี้ช่วยเล่าสู่กันฟังหน่อยครับ ผมหาไม่ได้เลย
หลังจากอ่าน Form 56-1 จบเมื่อกี้ได้ข้อมูลใหม่ ๆ เยอะครับ เช่น กำลังการผลิตของ EGCO ยังไม่ได้ใช้เต็ม 100% แต่สมมติฐานเรื่อง PPA ยังไม่ตกครับ เพราะตอนหนึ่งของรายงานบอกว่า
รายได้จากกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้ารายใหญ่ (IPP) คือ บฟร. และ บฟข. จำนวน 9,972 ล้านบาท แบ่งเป็น
รายได้ค่าไฟฟ้า จำนวน 9,742 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 779 ล้านบาท หรือร้อยละ 9 โดยแบ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจาก บฟร. 1,341 ล้านบาท ในขณะที่รายได้ค่าไฟฟ้าของ บฟข. ลดลง 562 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสูตรค่าพลังไฟฟ้า ในลักษณะ Cost Plus หรือต้นทุนบวกกำไรส่วนเพิ่มที่ให้แก่ ผู้ประกอบการ ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) และเป็นไปตามที่ได้ประมาณการไว้แล้ว
แต่ ok ครับ ที่รายได้น้อยลง ต้นทุนก็น้อยลงตาม และรายได้ที่เพิ่มขึ้นก็เริ่มมาแล้วจาก IPP ทั้งหลายครับ ถึงแม้ว่า บฟข. (หรือ บขร. จำไม่ได้ครับ) จะต้องเริ่มจ่ายภาษีเงินได้ 50% ของอัตราปกติ แล้วก็ตาม หลังจากสัญญาที่ได้ยกเว้นเพิ่งสิ้นสุดเมื่อปีที่แล้ว
ก็ OK ครับ ทุกอย่างยังไปได้สวยและ PPA ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
ว่าแต่มีใครทราบเปล่าครับว่า Cost Plus เนี่ย เค้าคำนวนอย่างไร และทำไมต้องบอกในรายงานว่า
รายได้ค่าไฟฟ้าของ บฟข. ลดลง 562 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสูตรค่าพลังไฟฟ้า
รายได้ลด มันไปเกี่ยวอะไรกับสูตรค่าพลังไฟฟ้าครับ ทั้ง ๆ ที่ต้นทุนการผลิตมันก็ลดลงด้วย มันน่าจะเกี่ยวกับปริมาณที่ กฟผ. ต้องการให้ผลิดลดลงไม่ใช่เหรอครับ ใครมีข้อมูลนี้ช่วยเล่าสู่กันฟังหน่อยครับ ผมหาไม่ได้เลย
เดี๋ยวเจอกัน
- Chachacha
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 38
ขอโทษครับ มั่วอีกแล้ว แก้บรรทัดนี้ครับ
แต่ ok ครับ ที่รายได้น้อยลง ต้นทุนก็น้อยลงตาม และรายได้ที่เพิ่มขึ้นก็เริ่มมาแล้วจาก IPP ทั้งหลายครับ ถึงแม้ว่า บฟข. (หรือ บขร. จำไม่ได้ครับ) จะต้องเริ่มจ่ายภาษีเงินได้ 50% ของอัตราปกติ แล้วก็ตาม หลังจากสัญญาที่ได้ยกเว้นเพิ่งสิ้นสุดเมื่อปีที่แล้ว
ไม่ใช่ IPP ครับ IPP คือ บฟร บฟข อยู่แล้วครับ ขอแก้เป็น SPP ครับ คือ GEC, TLP Cogen, APB และ ร้อยเอ็ดกรีนครับ เพิ่มขึ้นมา 3.2 พันล้านครับ แต่ที่แย่คือ ต้นทุนก็เพิ่มมา 3 พันล้านครับ สรุปว่า ได้เพิ่มแค่ 2 ร้อยล้าน
สิ่งที่น่าสนใจคือ ต้นทุนที่ลดลง แต่รายได้เพิ่มขึ้น ของ IPP ต่างหากครับ
แต่ ok ครับ ที่รายได้น้อยลง ต้นทุนก็น้อยลงตาม และรายได้ที่เพิ่มขึ้นก็เริ่มมาแล้วจาก IPP ทั้งหลายครับ ถึงแม้ว่า บฟข. (หรือ บขร. จำไม่ได้ครับ) จะต้องเริ่มจ่ายภาษีเงินได้ 50% ของอัตราปกติ แล้วก็ตาม หลังจากสัญญาที่ได้ยกเว้นเพิ่งสิ้นสุดเมื่อปีที่แล้ว
ไม่ใช่ IPP ครับ IPP คือ บฟร บฟข อยู่แล้วครับ ขอแก้เป็น SPP ครับ คือ GEC, TLP Cogen, APB และ ร้อยเอ็ดกรีนครับ เพิ่มขึ้นมา 3.2 พันล้านครับ แต่ที่แย่คือ ต้นทุนก็เพิ่มมา 3 พันล้านครับ สรุปว่า ได้เพิ่มแค่ 2 ร้อยล้าน
สิ่งที่น่าสนใจคือ ต้นทุนที่ลดลง แต่รายได้เพิ่มขึ้น ของ IPP ต่างหากครับ
เดี๋ยวเจอกัน
- Chachacha
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 39
พูดไปพูดมา ลืม RATCH ไปเลย เอาไว้ EGCOMP กระจ่างมากกว่านี้จะขอลุยเรื่อง RATCH มั่งครับ ผมว่าการอ่านรายงานของทั้งคู่ ที่ทำธุรกิจแทบจะเหมือนกัน ก็ดีครับ เหมือนไม่ฟังความฝ่ายเดียว
พี่เจ๋งครับ เรื่องหนี้ EGCOMP เยอะน่ะ ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวปีนี้เค้าจะจ่ายหนึ้แค่หุ้นกู้กะเงินกู้อีก 5 พันกว่าล้านครับ งบสิ้นปีนี้หนี้ลดลงเยอะครับ แต่คาดว่า ไม่ว่าจะคิดแบบพี่ว่ากำไรจะมากกว่า 11.41 หรือคิดแบบผมว่า กำไรจะน้อยกว่า 11.41 สิ่งที่ผมมั่นใจก็คือ ปันผลปีหน้าคงไม่มากกว่าปีนี้แน่ ๆครับ ฮา ๆ ๆ
ก็ดีครับ เพราะหนี้แต่ละตัวดอกสูงเหลือเกิน ไม่ต้องจ่ายปันผลเลย แต่เอาเงินไปเพิ่ม Equity ผมยิ่งชอบครับ
พี่เจ๋งครับ เรื่องหนี้ EGCOMP เยอะน่ะ ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวปีนี้เค้าจะจ่ายหนึ้แค่หุ้นกู้กะเงินกู้อีก 5 พันกว่าล้านครับ งบสิ้นปีนี้หนี้ลดลงเยอะครับ แต่คาดว่า ไม่ว่าจะคิดแบบพี่ว่ากำไรจะมากกว่า 11.41 หรือคิดแบบผมว่า กำไรจะน้อยกว่า 11.41 สิ่งที่ผมมั่นใจก็คือ ปันผลปีหน้าคงไม่มากกว่าปีนี้แน่ ๆครับ ฮา ๆ ๆ
ก็ดีครับ เพราะหนี้แต่ละตัวดอกสูงเหลือเกิน ไม่ต้องจ่ายปันผลเลย แต่เอาเงินไปเพิ่ม Equity ผมยิ่งชอบครับ
เดี๋ยวเจอกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 194
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 40
Couldn't agree more... :lol:Jeng เขียน:อิอิ น้อง Fitch สำหรับพี่แล้ว
1. ดอกเบี้ยต่ำ
2. โรงไฟฟ้า ไม่น่าเจ๊งง่ายๆ
3. เห็นกำไรเยอะดี
4. ปันผลก็พอใช้ได้
5. บ้านเราอากาศร้อน
6. ประวัติในอดีต มียอดขายเพิ่ม
แค่นี้พี่ก็พอใจแล้ว
ข้อควรระวัง
1. หนี้มาก
2. จ่ายดอกเบี้ยแพง
3. กฟผ.จะเข้าตลาด
4. เรื่อง vat
5. เรื่องระฆังคว่ำ ระฆังหงาย
อิอิ พี่คิดแบบพ่อค้าครับ
คือ banpu เสนอซื้อ egcomp ราคาเท่าไร banpu ก็อยู่ในวงการ ระฆังคว่ำ ระฆังหงาย คงจะรู้ดีกว่า คุณ invisible hand เป็นแน่แท้
ถ้าพี่ซื้อต่ำกว่า banpu พี่ก็ ok ในระดับหนึ่งเหมือนกันครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 41
ถ้าดีลบ้านปูไม่มีลับลมคมใน ราคานั้นก็เป็น benchmark ได้ครับJeng เขียน:คือ banpu เสนอซื้อ egcomp ราคาเท่าไร banpu ก็อยู่ในวงการ ระฆังคว่ำ ระฆังหงาย คงจะรู้ดีกว่า คุณ invisible hand เป็นแน่แท้
ถ้าพี่ซื้อต่ำกว่า banpu พี่ก็ ok ในระดับหนึ่งเหมือนกันครับ
แต่ผมกำลังสงสัยว่าบ้านปูจะซื้อ EGCOMP ไปทำไม คิดๆ ดูแล้วน่าจะเป็น
เรื่องของ Synergy หรือไม่ก็เพื่อ capital gain ในการขายหุ้น EGCOMP
ออกมา เพราะในปีที่แล้วกับปีนี้ บ้านปูได้กำไรจาก capital gain มหาศาล
(โดยการขาย ATC)
เนื่องจากดีลนี้ล้มไปแล้ว เลยบอกยากว่าเจตนาของบ้านปูเป็นอย่างไร
เพราะถ้าเป็นเรื่องของ Synergy EGCOMP อาจจะไม่ได้ประโยชน์นัก
ยังไงก็ตาม สำหรับคนที่ไม่มีเวลาดูหุ้น และเชื่อมั่นในกลุ่มพลังงาน หุ้น
EGCOMP และ RATCH ก็น่าสนใจทั้งคู่ครับ ถ้าเป็นเงินเย็น และคาดอัตรา
ผลตอบแทนในระดับไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี และตั้งใจจะถือยาวๆ หน่อย
ราคาตลาดณ.วันนี้ (12 เมษา) ซื้อได้เลยครับ แม้จะไม่ได้จัดว่าถูกมาก
แต่ไม่แพงเลย
- Chachacha
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 42
สวัสดีปีใหม่ไทยครับทุกท่าน
หายหัวไปสองสามวัน ไม่ได้ไปไหนเลยครับ นอกจากเลิกงานก็เอาแต่อ่าน ๆ หาข้อมูลของ EGCOMP นี่แหละครับ ปวดหัวจัง กำลังคิด ๆ อยู่เนี่ยว่า เทียบกับเงินลงทุนแล้ว รู้สึกว่าจะไม่คุ้มค่าเหนื่อยซะแล้วสิครับ ฮา ๆๆ แต่ก็ดี คิดซะว่าได้ความรู้เพิ่มเติมครับ
มาต่อจากกันดีกว่าครับ วันนี้ผมขอเอาเรื่องการขายและต้นทุนมาดูกันละกัน ดูนี่ก่อนเลยครับ
ข้อมูลจากปี 46 ครับ รายได้ที่ EGCOMP ได้จาก REGCO และ KEGCO เท่ากับ 63.39% จากรายได้ทั้งหมดครับ มีข้อมูลข้างล่างครับ
-------------------------- KEGCO -------------------------REGCO--------------
--------------------45---------------46---------------45------------46---------
Max. Capacity
MkW-Hr -------5998------------6843-----------10018--------10103-------
Usage --------- 5528------------6133------------6201----------5811-------
Sale -------------4358------------3796------------4605----------5947------
(Mil.B)
Cost of S. ------1684-------------907-------------1813---------1312-----
Profit (S-C)-----2674-----------2889-----------2792----------4635------
เป็นไงครับ ตอนนี้เรารู้แล้วว่า ขนอมน่ะ ใช้ไฟเกือบเต็มกำลังการผลิตแล้ว จะว่าเต็มแล้วก็ได้ครับ แต่ว่า ระยอง เพิ่งใช้ไปแค่ 60% กว่าเองครับ ยังพอใจชื้นได้หน่อย แต่ปัญหาที่ผมอยากให้ดูตอนนี้ ไม่ใช่ที่ระยองครับ เราตัดไปได้เลย ... เพราะมันอยู่ที่ขนอมครับ
เห็นเปล่าครับว่า กำลังการผลิตที่ส่งให้ EGAT เพิ่มขึ้นจาก 5528 MegaWatt-Hr ไปเป็น 6133 แต่ว่า รายรับที่ได้มานั้นกลับลดลงถึง 562 Mil.Baht เพราะอะไรครับ???? PPA อ๊ะเปล่า??
ถึงแม้ว่าจะบอกว่า ต้นทุนลดลงมากกว่า และได้กำไรเพิ่มขึ้นด้วย ( สองร้อยกว่าล้าน) ที่ผมอยากจะแจ้งให้ทราบก็คือ ผมสงสัยว่าทำไม เงินที่ได้รับ จาก EGAT ลดลง ทั้ง ๆ ที่ ขนอมส่งไฟให้ EGAT เพิ่มมากขึ้น
คำตอบที่น่าจะเป็นคำตอบเดียวก็คือ Power Purchase Agreements น่ะเองครับ
เพื่อยืนยันว่า PPA เป็นตัวทำให้อัตราค่าไฟของ KEGCO ลดลง ทั้ง ๆ ที่ส่งผลิตและส่งไฟไปให้ EGAT มากขึ้น ผมมีหลักฐานเป็นรายงานอยู่บ้างครับ
1. ในรายงาน 56-1 ของ EGCOMP ไฟล์ egcompto.doc หน้า 18 ครับ บอกว่า รายได้ลดลง
"รายได้ค่าไฟฟ้า จำนวน 9,742 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 779 ล้านบาท หรือร้อยละ 9 โดยแบ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจาก บฟร. 1,341 ล้านบาท ในขณะที่รายได้ค่าไฟฟ้าของ บฟข. ลดลง 562 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสูตรค่าพลังไฟฟ้า ในลักษณะ Cost Plus หรือต้นทุนบวกกำไรส่วนเพิ่มที่ให้แก่ ผู้ประกอบการ ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) และเป็นไปตามที่ได้ประมาณการไว้แล้ว"
2. EGCOMP 56-1 เช่นกันครับที่บอกว่า ปริมาณไฟฟ้าที่ส่งให้ EGAT เพิ่มขึ้น (ดูจากตารางข้างบนได้ครับ)
ทีนี้ ผมก็ต้องดูว่า ในเมื่อรายได้มันลดลงเนี่ย เพราะอะไรถึงลดลง ก็เลยไปดูที่รายงานของ KEGCO และแล้ว ฝันที่เป็นจริงก็เกิดขึ้นครับ
โครงสร้างรายได้ของ ขนอม เป็นอย่างนี้ครับ
รายได้จากการขาย ปี 45 และ 46 (ล้านบาท)
1. รายได้ค่าพลังไฟฟ้า ---------4,345.754--------3,782.942-------
2. รายได้ค่าพลังงานไฟฟ้า---------12.293------------12.761------
รายได้อื่น จิ๊บจ้อยครับ อย่าไปสนใจมัน
หมายความว่าไง ??? ค่าพลังไฟฟ้า และค่าพลังงานไฟฟ้า ???? ทำไมต่างกันสุดกู่
อย่างที่เรารู้กัน ค่าพลังไฟฟ้า ก็คือค่าความพร้อมน่ะเอง ส่วนค่าพลังงานไฟฟ้า ก็คือ ค่าปริมาณที่ได้รับจาก EGAT
แต่เหตุผลที่ ค่าพลังงานไฟฟ้าแทบจะไม่มีเลยนั้น มันถูกคำนวณจากค่าต้นทุนเชื้อเพลิงด้วย ซึ่งก็คือก๊าซธรรมชาติที่ได้รับ ซึ่งต้นทุนส่วนนี้ EGAT เป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดน่ะเอง มันถึงเป็นที่มาของไอ่ VAT หมื่นล้านอะไรนั่นน่ะครับ
งั้นก็หมายความว่า รายได้เกือบทั้งหมดมาจากค่าความพร้อมจ่ายน่ะสิ ??? อืม ผมก็ว่างั้นครับ
งั้น ค่าความพร้อมจ่ายนี้แหละ คือต้นตอปัญหา PPA ทั้งหมดของเรา ???? อืม ผมก็ว่างั้นครับ :lol:
งั้นเราจะรู้ได้ไงว่า ค่าความพร้อมจ่ายนี้ เค้าคิดกันอย่างไรในสัญญา .... โชคดีครับ ที่มันมีบอกในรายงานประจำปีของ KEGCO มันเป็นอย่างนี้ครับ
ค่าความพร้อมจ่ายพลังไฟฟ้า (Availability Payment AP)
ซึ่งสะท้อนถึงต้นทุนคงที่ในการลงทุนในโรงไฟฟ้าประกอบด้วย
- การชำระคืนเงินกู้ (รวมถึงเงินต้น, ดอกเบี้ย และ ค่า Fee ต่าง ๆ)
- ค่าบำรุงรักษาหลัก (รวมทั้งค่าชิ้นส่วนและบริการ)
- ค่าใช้จ่ายคงที่ในการบริหารงานทั่วไปและการบำรุงรักษา
- ค่าเบี้ยประกัน
- ภาษี
- ผลตอบแทนผู้ลงทุน (IRR on Equity) ซึ่งเท่ากับร้อยละ 19
AP คำนวณจาก
AP = FAP - DRA - DSN - DDF
FAP = ความพร้อมจ่ายเต็ม
DRA = ค่าปรับจากความพร้อมจ่ายที่ลดลง
DSN = ค่าปรับจากการลดกำลังการผลิต ในระยะเวลาอันสั้นโดยไม่มีการบอกล่วงหน้า
DDF = ค่าปรับเนื่องจากความล้มเหลวในการจ่ายกระแสไฟฟ้า
FAP คำนวณจาก
FAP = DCC x BAC x W x N
DCC = กำลังการผลิตพึ่งได้ (ปกติจะมีการประเมินทุก ๆ 6 เดือน)
BAC = อัตราค่าความพร้อมจ่ายพื้นฐานคำนวณจากค่าใช้จ่ายคงที่ของโครงการ (EAAP) หารด้วย DCC และจำนวนชั่วโมงพร้อมจ่ายตามสัญญา (CAH)
W = ค่าน้ำหนักของช่วงเวลาการคิดชำระเงิน (ค่า W จะสูงระหว่าง Peak Period)
N = จำนวนช่วงเวลาการคิดชำระเงิน
จากการที่กระทรวงการคลังได้มีประกาศปรับปรุงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยเปลี่ยนจากระบบตะกร้าเงินมาเป็นระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว (Managed Float) เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ทำให้ค่าเงินบาทลดลงเป็นอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินของ บฟข. ซึ่งมีหนี้เป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐบางส่วน แต่มีรายได้ทั้งหมดเป็นเงินบาท ที่มีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน บฟข. จึงมีรายได้เงินบาทไม่เพียงพอ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ถือเป็นกรณี Change in Law ดังนั้น กฟผ. จึงได้มีการลงนามเอกสารแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ลงวันที่ 30 มกราคม 2541 ทั้งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2540 เป็นต้นไป โดยได้มีการแก้ไข ค่าความพร้อมจ่ายคาดหมายประจำปี (Expected Annual Availability Payments EAAP) เฉพาะภาระค่าใช้จ่ายส่วนที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ได้แก่ Debt Financing Charge (DFC) ตามสัดส่วนภาระหนี้ต่างประเทศในแต่ละปี และ Major Maintenance Parts Charge (MMPC) ซึ่งเป็นค่าอะไหล่อุปกรณ์ที่เป็นเงินตราต่างประเทศด้วยอัตราแลกเปลี่ยนวันสุดท้ายของแต่ละเดือน โดยให้ใช้ฐานอัตราแลกเปลี่ยนที่ 28 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ตลอดอายุสัญญาที่เหลือ โดยใช้สูตรการคำนวณ ดังนี้
EAAPinm = {DFCin x FXnm/28 x Xin/100} + DFCin x (1-Xin/100) + EFCin+ IRCin +SBCin +{MMPCin x FXnm/28} x
(MUVn-2 /MUV base ) + (MMSCin + OMCi1 + GACi1) x (TCPI n-2/TCPIbase)
DFCin = ค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมเงิน (หน่วย : ล้านบาท) สำหรับปีสัญญาที่ n
EFCin = ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (หน่วย : ล้านบาท) สำหรับปีสัญญาที่ n
IRCin = ค่าเบี้ยประภัย (หน่วย : ล้านบาท) สำหรับปีสัญญาที่ n
SBCin = ค่าใช้จ่ายสำหรับ Stand by Service (หน่วย : ล้านบาท) สำหรับปีสัญญาที่ n
MMPCin = ค่าอะไหล่ที่ใช้ในการบำรุงรักษาหลัก (หน่วย : ล้านบาท) สำหรับปีสัญญาที่ n
MMSCin = ค่าแรงงานในการบำรุงรักษาหลัก (หน่วย : ล้านบาท) สำหรับปีสัญญาที่ n
OMCi1 = ค่าใช้จ่ายในการผลิตและบำรุงรักษาหลักคงที่ (หน่วย : ล้านบาท) สำหรับปีสัญญาที่ 1
GACi1 = ค่าใช้จ่ายในการบริหาร (หน่วย : ล้านบาท) สำหรับปีสัญญาที่ 1
MUVn-2 = ดัชนีราคาผู้ผลิตสำหรับปีสัญญาที่ n-2 โดยใช้ค่าที่ประกาศจากทาง Price Index Division ของ World Bank
MUVbase = ดัชนีราคาผู้ผลิตสำหรับปี 2537 โดยใช้ค่าที่ประกาศจากทาง Price Index Division ของ World Bank
TCPIn-2 = ดัชนีราคาผู้บริโภคสำหรับปีที่ n-2 ประกาศโดยกระทรวงพาณิชย์
TCPIbase = ดัชนีราคาผู้บริโภคสำหรับปี 2537 ประกาศโดยกระทรวงพาณิชย์
FXnm = อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในวันทำการสุดท้ายของแต่ละงวดการแจ้งหนี้ m สำหรับปีสัญญาที่ n (บาท/ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งใช้ค่าเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายในวันดังกล่าว ซึ่งประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
Xin = สัดส่วนเงินตราต่างประเทศต่อค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมทั้งหมดของโรงไฟฟ้า สำหรับปีสัญญาที่ n
ผมก็เลยคิดว่า อัตราค่าความพร้อมจ่ายพื้นฐานคำนวณจากค่าใช้จ่ายคงที่ของโครงการ (EAAP) ที่เป็นที่มาของ BAC ที่นำไปใช้คำนวณ ค่าความพร้อมจ่ายเต็ม (FAP) ซึ่งเป็นที่มาของรายได้ นี่แหละครับ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ ค่าของรายได้ที่คำนวณเกิดการผันผวน เป็นสาเหตุให้ รายได้จากการขายของ ขนอม น้อยลง แม้ว่าปริมาณการจ่ายไฟจะเพิ่มขึ้นก็ตาม
ดู ๆ ไปดูเหมือนว่า ค่า EAAP เนี่ย จะแปรผันโดยตรงกับปริมาณค่าใช้จ่ายในการดูและรักษาโรงไฟฟ้านะครับ หมายความว่า ถ้าค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ค่า EAAP ก็จะสูงขึ้น เป็นผลให้ FAP สูงขึ้น ทำให้เงินที่ EGAT จะต้องจ่ายให้ KEGCO มากขึ้น หรือเปล่า งั้น ปริมาณรายได้หลัก ก็แปรผันโดยตรงกับปริมาณค่าใช้จ่ายหลัก น่ะสิ งั้นกราฟรายได้ระฆังคว่ำหรือกราฟไฮเพอร์ที่ว่าถ้าเป็นจริง แสดงว่าค่าใช้จ่ายหลักของ KEGCO จะลดลงทุก ๆ ปีงั้นเหรอ ฮา ๆ ๆ ๆ ???? เป็นไปได้ครับ แต่ใครจะรู้ล่ะ ถ้าไม่ใช่วงใน?? ผมก็ไม่รู้นะ นี่แหละครับ Cost-Plus Pricing Model ของเค้า
สรุปก็คือ จะพยากรณ์รายรับของ KEGCO เราต้องดูนี่ครับ
1. ค่าใช้จ่ายในการเตรียมความพร้อม
2. ดัชนีราคาผู้ผลิต - ผู้บริโภค (ดูได้ที่เวบกระทรวงพาณิชย์ครับ)
3. อื่น ๆ (แบบว่าหาเอาหน่อยละกัน)
อีกอย่างหนึ่งก็คือ เรื่องภาษีครับ อย่าลืมว่า ปี 47 นี้ REGCO ต้องจ่ายภาษี 50% ของภาษีปกติ และหลังจากกันยายนปีนี้ KEGCO ก็ต้องจ่าย 50% ของภาษีปกติเหมือนกันนะครับ ไม่ได้รับยกเว้นแบบปีที่ผ่านมาอีกแล้ว... ก็บวกลบคูณหารกันเองละกันครับ
ถ้างงหรืออยากรู้มากกว่านี้ ไปหา download รายงานของ KEGCO ได้จากเวบ กลต. ครับ
ปล. ผมไม่รับประกันความถูกต้องใด ๆ ของข้อมูลนะครับ ควรพิจารณากันเอาเอง เพราะข้อมูลทั้งหมดมาจากการวิเคราะห์เองของผม และข้อมูลจริงจากรายงานควบคู่กันไป แต่ถ้าท่านใดมีข้อโต้แย้ง หรือมีข้อมูลนอกเหนือที่บอกว่า ความคิดเห็นของผมผิดจากความเป็นจริง ยินดีรับฟังด้วยความขอบคุณครับ ในฐานะผมก็ถือหุ้น EGCO ด้วยเหมือนกัน
หายหัวไปสองสามวัน ไม่ได้ไปไหนเลยครับ นอกจากเลิกงานก็เอาแต่อ่าน ๆ หาข้อมูลของ EGCOMP นี่แหละครับ ปวดหัวจัง กำลังคิด ๆ อยู่เนี่ยว่า เทียบกับเงินลงทุนแล้ว รู้สึกว่าจะไม่คุ้มค่าเหนื่อยซะแล้วสิครับ ฮา ๆๆ แต่ก็ดี คิดซะว่าได้ความรู้เพิ่มเติมครับ
มาต่อจากกันดีกว่าครับ วันนี้ผมขอเอาเรื่องการขายและต้นทุนมาดูกันละกัน ดูนี่ก่อนเลยครับ
ข้อมูลจากปี 46 ครับ รายได้ที่ EGCOMP ได้จาก REGCO และ KEGCO เท่ากับ 63.39% จากรายได้ทั้งหมดครับ มีข้อมูลข้างล่างครับ
-------------------------- KEGCO -------------------------REGCO--------------
--------------------45---------------46---------------45------------46---------
Max. Capacity
MkW-Hr -------5998------------6843-----------10018--------10103-------
Usage --------- 5528------------6133------------6201----------5811-------
Sale -------------4358------------3796------------4605----------5947------
(Mil.B)
Cost of S. ------1684-------------907-------------1813---------1312-----
Profit (S-C)-----2674-----------2889-----------2792----------4635------
เป็นไงครับ ตอนนี้เรารู้แล้วว่า ขนอมน่ะ ใช้ไฟเกือบเต็มกำลังการผลิตแล้ว จะว่าเต็มแล้วก็ได้ครับ แต่ว่า ระยอง เพิ่งใช้ไปแค่ 60% กว่าเองครับ ยังพอใจชื้นได้หน่อย แต่ปัญหาที่ผมอยากให้ดูตอนนี้ ไม่ใช่ที่ระยองครับ เราตัดไปได้เลย ... เพราะมันอยู่ที่ขนอมครับ
เห็นเปล่าครับว่า กำลังการผลิตที่ส่งให้ EGAT เพิ่มขึ้นจาก 5528 MegaWatt-Hr ไปเป็น 6133 แต่ว่า รายรับที่ได้มานั้นกลับลดลงถึง 562 Mil.Baht เพราะอะไรครับ???? PPA อ๊ะเปล่า??
ถึงแม้ว่าจะบอกว่า ต้นทุนลดลงมากกว่า และได้กำไรเพิ่มขึ้นด้วย ( สองร้อยกว่าล้าน) ที่ผมอยากจะแจ้งให้ทราบก็คือ ผมสงสัยว่าทำไม เงินที่ได้รับ จาก EGAT ลดลง ทั้ง ๆ ที่ ขนอมส่งไฟให้ EGAT เพิ่มมากขึ้น
คำตอบที่น่าจะเป็นคำตอบเดียวก็คือ Power Purchase Agreements น่ะเองครับ
เพื่อยืนยันว่า PPA เป็นตัวทำให้อัตราค่าไฟของ KEGCO ลดลง ทั้ง ๆ ที่ส่งผลิตและส่งไฟไปให้ EGAT มากขึ้น ผมมีหลักฐานเป็นรายงานอยู่บ้างครับ
1. ในรายงาน 56-1 ของ EGCOMP ไฟล์ egcompto.doc หน้า 18 ครับ บอกว่า รายได้ลดลง
"รายได้ค่าไฟฟ้า จำนวน 9,742 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 779 ล้านบาท หรือร้อยละ 9 โดยแบ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจาก บฟร. 1,341 ล้านบาท ในขณะที่รายได้ค่าไฟฟ้าของ บฟข. ลดลง 562 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสูตรค่าพลังไฟฟ้า ในลักษณะ Cost Plus หรือต้นทุนบวกกำไรส่วนเพิ่มที่ให้แก่ ผู้ประกอบการ ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) และเป็นไปตามที่ได้ประมาณการไว้แล้ว"
2. EGCOMP 56-1 เช่นกันครับที่บอกว่า ปริมาณไฟฟ้าที่ส่งให้ EGAT เพิ่มขึ้น (ดูจากตารางข้างบนได้ครับ)
ทีนี้ ผมก็ต้องดูว่า ในเมื่อรายได้มันลดลงเนี่ย เพราะอะไรถึงลดลง ก็เลยไปดูที่รายงานของ KEGCO และแล้ว ฝันที่เป็นจริงก็เกิดขึ้นครับ
โครงสร้างรายได้ของ ขนอม เป็นอย่างนี้ครับ
รายได้จากการขาย ปี 45 และ 46 (ล้านบาท)
1. รายได้ค่าพลังไฟฟ้า ---------4,345.754--------3,782.942-------
2. รายได้ค่าพลังงานไฟฟ้า---------12.293------------12.761------
รายได้อื่น จิ๊บจ้อยครับ อย่าไปสนใจมัน
หมายความว่าไง ??? ค่าพลังไฟฟ้า และค่าพลังงานไฟฟ้า ???? ทำไมต่างกันสุดกู่
อย่างที่เรารู้กัน ค่าพลังไฟฟ้า ก็คือค่าความพร้อมน่ะเอง ส่วนค่าพลังงานไฟฟ้า ก็คือ ค่าปริมาณที่ได้รับจาก EGAT
แต่เหตุผลที่ ค่าพลังงานไฟฟ้าแทบจะไม่มีเลยนั้น มันถูกคำนวณจากค่าต้นทุนเชื้อเพลิงด้วย ซึ่งก็คือก๊าซธรรมชาติที่ได้รับ ซึ่งต้นทุนส่วนนี้ EGAT เป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดน่ะเอง มันถึงเป็นที่มาของไอ่ VAT หมื่นล้านอะไรนั่นน่ะครับ
งั้นก็หมายความว่า รายได้เกือบทั้งหมดมาจากค่าความพร้อมจ่ายน่ะสิ ??? อืม ผมก็ว่างั้นครับ
งั้น ค่าความพร้อมจ่ายนี้แหละ คือต้นตอปัญหา PPA ทั้งหมดของเรา ???? อืม ผมก็ว่างั้นครับ :lol:
งั้นเราจะรู้ได้ไงว่า ค่าความพร้อมจ่ายนี้ เค้าคิดกันอย่างไรในสัญญา .... โชคดีครับ ที่มันมีบอกในรายงานประจำปีของ KEGCO มันเป็นอย่างนี้ครับ
ค่าความพร้อมจ่ายพลังไฟฟ้า (Availability Payment AP)
ซึ่งสะท้อนถึงต้นทุนคงที่ในการลงทุนในโรงไฟฟ้าประกอบด้วย
- การชำระคืนเงินกู้ (รวมถึงเงินต้น, ดอกเบี้ย และ ค่า Fee ต่าง ๆ)
- ค่าบำรุงรักษาหลัก (รวมทั้งค่าชิ้นส่วนและบริการ)
- ค่าใช้จ่ายคงที่ในการบริหารงานทั่วไปและการบำรุงรักษา
- ค่าเบี้ยประกัน
- ภาษี
- ผลตอบแทนผู้ลงทุน (IRR on Equity) ซึ่งเท่ากับร้อยละ 19
AP คำนวณจาก
AP = FAP - DRA - DSN - DDF
FAP = ความพร้อมจ่ายเต็ม
DRA = ค่าปรับจากความพร้อมจ่ายที่ลดลง
DSN = ค่าปรับจากการลดกำลังการผลิต ในระยะเวลาอันสั้นโดยไม่มีการบอกล่วงหน้า
DDF = ค่าปรับเนื่องจากความล้มเหลวในการจ่ายกระแสไฟฟ้า
FAP คำนวณจาก
FAP = DCC x BAC x W x N
DCC = กำลังการผลิตพึ่งได้ (ปกติจะมีการประเมินทุก ๆ 6 เดือน)
BAC = อัตราค่าความพร้อมจ่ายพื้นฐานคำนวณจากค่าใช้จ่ายคงที่ของโครงการ (EAAP) หารด้วย DCC และจำนวนชั่วโมงพร้อมจ่ายตามสัญญา (CAH)
W = ค่าน้ำหนักของช่วงเวลาการคิดชำระเงิน (ค่า W จะสูงระหว่าง Peak Period)
N = จำนวนช่วงเวลาการคิดชำระเงิน
จากการที่กระทรวงการคลังได้มีประกาศปรับปรุงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยเปลี่ยนจากระบบตะกร้าเงินมาเป็นระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว (Managed Float) เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ทำให้ค่าเงินบาทลดลงเป็นอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินของ บฟข. ซึ่งมีหนี้เป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐบางส่วน แต่มีรายได้ทั้งหมดเป็นเงินบาท ที่มีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน บฟข. จึงมีรายได้เงินบาทไม่เพียงพอ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ถือเป็นกรณี Change in Law ดังนั้น กฟผ. จึงได้มีการลงนามเอกสารแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ลงวันที่ 30 มกราคม 2541 ทั้งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2540 เป็นต้นไป โดยได้มีการแก้ไข ค่าความพร้อมจ่ายคาดหมายประจำปี (Expected Annual Availability Payments EAAP) เฉพาะภาระค่าใช้จ่ายส่วนที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ได้แก่ Debt Financing Charge (DFC) ตามสัดส่วนภาระหนี้ต่างประเทศในแต่ละปี และ Major Maintenance Parts Charge (MMPC) ซึ่งเป็นค่าอะไหล่อุปกรณ์ที่เป็นเงินตราต่างประเทศด้วยอัตราแลกเปลี่ยนวันสุดท้ายของแต่ละเดือน โดยให้ใช้ฐานอัตราแลกเปลี่ยนที่ 28 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ตลอดอายุสัญญาที่เหลือ โดยใช้สูตรการคำนวณ ดังนี้
EAAPinm = {DFCin x FXnm/28 x Xin/100} + DFCin x (1-Xin/100) + EFCin+ IRCin +SBCin +{MMPCin x FXnm/28} x
(MUVn-2 /MUV base ) + (MMSCin + OMCi1 + GACi1) x (TCPI n-2/TCPIbase)
DFCin = ค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมเงิน (หน่วย : ล้านบาท) สำหรับปีสัญญาที่ n
EFCin = ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (หน่วย : ล้านบาท) สำหรับปีสัญญาที่ n
IRCin = ค่าเบี้ยประภัย (หน่วย : ล้านบาท) สำหรับปีสัญญาที่ n
SBCin = ค่าใช้จ่ายสำหรับ Stand by Service (หน่วย : ล้านบาท) สำหรับปีสัญญาที่ n
MMPCin = ค่าอะไหล่ที่ใช้ในการบำรุงรักษาหลัก (หน่วย : ล้านบาท) สำหรับปีสัญญาที่ n
MMSCin = ค่าแรงงานในการบำรุงรักษาหลัก (หน่วย : ล้านบาท) สำหรับปีสัญญาที่ n
OMCi1 = ค่าใช้จ่ายในการผลิตและบำรุงรักษาหลักคงที่ (หน่วย : ล้านบาท) สำหรับปีสัญญาที่ 1
GACi1 = ค่าใช้จ่ายในการบริหาร (หน่วย : ล้านบาท) สำหรับปีสัญญาที่ 1
MUVn-2 = ดัชนีราคาผู้ผลิตสำหรับปีสัญญาที่ n-2 โดยใช้ค่าที่ประกาศจากทาง Price Index Division ของ World Bank
MUVbase = ดัชนีราคาผู้ผลิตสำหรับปี 2537 โดยใช้ค่าที่ประกาศจากทาง Price Index Division ของ World Bank
TCPIn-2 = ดัชนีราคาผู้บริโภคสำหรับปีที่ n-2 ประกาศโดยกระทรวงพาณิชย์
TCPIbase = ดัชนีราคาผู้บริโภคสำหรับปี 2537 ประกาศโดยกระทรวงพาณิชย์
FXnm = อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในวันทำการสุดท้ายของแต่ละงวดการแจ้งหนี้ m สำหรับปีสัญญาที่ n (บาท/ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งใช้ค่าเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและอัตราขายในวันดังกล่าว ซึ่งประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
Xin = สัดส่วนเงินตราต่างประเทศต่อค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมทั้งหมดของโรงไฟฟ้า สำหรับปีสัญญาที่ n
ผมก็เลยคิดว่า อัตราค่าความพร้อมจ่ายพื้นฐานคำนวณจากค่าใช้จ่ายคงที่ของโครงการ (EAAP) ที่เป็นที่มาของ BAC ที่นำไปใช้คำนวณ ค่าความพร้อมจ่ายเต็ม (FAP) ซึ่งเป็นที่มาของรายได้ นี่แหละครับ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ ค่าของรายได้ที่คำนวณเกิดการผันผวน เป็นสาเหตุให้ รายได้จากการขายของ ขนอม น้อยลง แม้ว่าปริมาณการจ่ายไฟจะเพิ่มขึ้นก็ตาม
ดู ๆ ไปดูเหมือนว่า ค่า EAAP เนี่ย จะแปรผันโดยตรงกับปริมาณค่าใช้จ่ายในการดูและรักษาโรงไฟฟ้านะครับ หมายความว่า ถ้าค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ค่า EAAP ก็จะสูงขึ้น เป็นผลให้ FAP สูงขึ้น ทำให้เงินที่ EGAT จะต้องจ่ายให้ KEGCO มากขึ้น หรือเปล่า งั้น ปริมาณรายได้หลัก ก็แปรผันโดยตรงกับปริมาณค่าใช้จ่ายหลัก น่ะสิ งั้นกราฟรายได้ระฆังคว่ำหรือกราฟไฮเพอร์ที่ว่าถ้าเป็นจริง แสดงว่าค่าใช้จ่ายหลักของ KEGCO จะลดลงทุก ๆ ปีงั้นเหรอ ฮา ๆ ๆ ๆ ???? เป็นไปได้ครับ แต่ใครจะรู้ล่ะ ถ้าไม่ใช่วงใน?? ผมก็ไม่รู้นะ นี่แหละครับ Cost-Plus Pricing Model ของเค้า
สรุปก็คือ จะพยากรณ์รายรับของ KEGCO เราต้องดูนี่ครับ
1. ค่าใช้จ่ายในการเตรียมความพร้อม
2. ดัชนีราคาผู้ผลิต - ผู้บริโภค (ดูได้ที่เวบกระทรวงพาณิชย์ครับ)
3. อื่น ๆ (แบบว่าหาเอาหน่อยละกัน)
อีกอย่างหนึ่งก็คือ เรื่องภาษีครับ อย่าลืมว่า ปี 47 นี้ REGCO ต้องจ่ายภาษี 50% ของภาษีปกติ และหลังจากกันยายนปีนี้ KEGCO ก็ต้องจ่าย 50% ของภาษีปกติเหมือนกันนะครับ ไม่ได้รับยกเว้นแบบปีที่ผ่านมาอีกแล้ว... ก็บวกลบคูณหารกันเองละกันครับ
ถ้างงหรืออยากรู้มากกว่านี้ ไปหา download รายงานของ KEGCO ได้จากเวบ กลต. ครับ
ปล. ผมไม่รับประกันความถูกต้องใด ๆ ของข้อมูลนะครับ ควรพิจารณากันเอาเอง เพราะข้อมูลทั้งหมดมาจากการวิเคราะห์เองของผม และข้อมูลจริงจากรายงานควบคู่กันไป แต่ถ้าท่านใดมีข้อโต้แย้ง หรือมีข้อมูลนอกเหนือที่บอกว่า ความคิดเห็นของผมผิดจากความเป็นจริง ยินดีรับฟังด้วยความขอบคุณครับ ในฐานะผมก็ถือหุ้น EGCO ด้วยเหมือนกัน
เดี๋ยวเจอกัน
-
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 44
เอ๊ะ ปี 97 ทำไมถึงขาดทุนได้ล่ะคะ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 46
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ที่ บผฟ. 320 /060 25 กุมภาพันธ์ 2541
เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2540 และผลการดำเนินงานที่เปลี่ยนแปลงจากปี 2539
เกินกว่าร้อยละ 20
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อ้างถึง ข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจัดทำและ
ส่งงบการเงิน และรายงานเกี่ยวกับฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน
สิ่งที่ส่งมาด้วย งบการเงินตามวิธีส่วนได้เสียประจำปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2540 ของบริษัท
ผลิตไฟฟ้าจำกัด (มหาชน)และงบการเงินรวมประจำปีสิ้นสุดเพียงวันเดียวกันของ
บริษัทผลิตไฟฟ้าจำกัด (มหาชน)และบริษัทย่อย
บริษัทผลิตไฟฟ้าจำกัด(มหาชน) ขอรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2540
ปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย และตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่อ้างถึงข้อ 5 ในกรณีที่ผลการดำเนินงาน
ตามงบกำไรขาดทุนที่บริษัทจดทะเบียนนำส่งให้ตลาดหลักทรัพย์ เปลี่ยนแปลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน
เกินกว่า ร้อยละ 20 ให้บริษัทจดทะเบียน ชี้แจงสาเหตุการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์
พร้อมกับนำส่งงบการเงินนั้น
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด(มหาชน) ขอชี้แจงผลการดำเนินงานตามงบกำไรขาดทุน
ซึ่งข้อมูลการดำเนินงานประจำปี สิ้นสุดเพียงวันที่ 31 ธันวาคม 2540 มีผลขาดทุนสุทธิ 5,463.91 ล้าน
บาทเมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานของปี 2539 ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,550.98 ล้านบาทแล้ว
จะมีผลกำไรลดลง คิดเป็น 452.29% มีสาเหตุใหญ่มาจาก บริษัทย่อยสองแห่งมีผลขาดทุนจากอัตราแลก
เปลี่ยนเนื่องจากการใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราแบบลอยตัวเป็นจำนวนเงินรวม 7,235.08 ล้าน
บาท และเมื่อบริษัทฯรับรู้ผลขาดทุนจากการดำเนินงานของบริษัทย่อยทั้งสองแห่งแล้ว รวมกับผลขาดทุนจาก
การขายหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดจำนวนเงิน 379.79 ล้านบาท จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผลการ
ดำเนินงานของบริษัทฯลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อน
อนึ่ง คณะกรรมการ บผฟ.ได้พิจารณาเห็นว่าผลจากการรับรู้ผลกำไรหรือขาดทุนจาก
อัตราแลกเปลี่ยนเป็นรายได้หรือค่าใช้จ่ายในงวดบัญชีทั้งจำนวนดังกล่าว แม้จะทำให้งบกำไรขาดทุนประจำ
ปี 2540 แสดงผลการขาดทุนเป็นจำนวนค่อนข้างสูง แต่ก็จะเป็นเหตุการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นเฉพาะรอบปี
2540 เท่านั้น ประกอบกับการบันทึกบัญชีดังกล่าวซึ่งแสดงผลขาดทุนทำให้ฐานะเงินสดกลับมีความมั่นคง
มากยิ่งขึ้น เนื่องจากการได้รับประโยชน์ทางภาษีเงินได้ และโดยที่การขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนของ
บผฟ.เกิดจากหนี้เงินกู้สกุลดอลล่าร์สหรัฐที่มีอายุยาวนาน 10-15 ปี และทะยอยชำระคืนทำให้การชำระ
หนี้ตามภาระหนี้แต่ละงวดที่เป็นไปอย่างสม่ำเสมอมีจำนวนไม่สูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับยอดรวมของหนี้
ค้างชำระ จึงทำให้บริษัท ผลิตไฟฟ้าระยอง จำกัด (บฟร.) และบริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด (บฟข.)
ยังมีความสามารถในการชำระภาระหนี้สูงกว่า 1.2 เท่าตลอดอายุเงินกู้ทั้งสิ้น นอกจากนี้ อาจสังเกตุ
ได้จากงบกำไรขาดทุนซึ่งได้แสดงกำไรต่อหุ้นก่อนรายการพิเศษเท่ากับ 3.40 บาท
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นายวรวิทย์ ขำขนิษฐ์)
กรรมการผู้จัดการ
ฝ่ายบัญชีและงบประมาณ
โทร. 513-2330 ต่อ 3301
โทรสาร 513-7335
-
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 49
ขอบคุณพี่เจ๋งมากค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 194
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 50
Chachacha เขียน:
ผมก็เลยคิดว่า อัตราค่าความพร้อมจ่ายพื้นฐานคำนวณจากค่าใช้จ่ายคงที่ของโครงการ (EAAP) ที่เป็นที่มาของ BAC ที่นำไปใช้คำนวณ ค่าความพร้อมจ่ายเต็ม (FAP) ซึ่งเป็นที่มาของรายได้ นี่แหละครับ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ ค่าของรายได้ที่คำนวณเกิดการผันผวน เป็นสาเหตุให้ รายได้จากการขายของ ขนอม น้อยลง แม้ว่าปริมาณการจ่ายไฟจะเพิ่มขึ้นก็ตาม
ดู ๆ ไปดูเหมือนว่า ค่า EAAP เนี่ย จะแปรผันโดยตรงกับปริมาณค่าใช้จ่ายในการดูและรักษาโรงไฟฟ้านะครับ หมายความว่า ถ้าค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ค่า EAAP ก็จะสูงขึ้น เป็นผลให้ FAP สูงขึ้น ทำให้เงินที่ EGAT จะต้องจ่ายให้ KEGCO มากขึ้น หรือเปล่า งั้น ปริมาณรายได้หลัก ก็แปรผันโดยตรงกับปริมาณค่าใช้จ่ายหลัก น่ะสิ งั้นกราฟรายได้ระฆังคว่ำหรือกราฟไฮเพอร์ที่ว่าถ้าเป็นจริง แสดงว่าค่าใช้จ่ายหลักของ KEGCO จะลดลงทุก ๆ ปีงั้นเหรอ ฮา ๆ ๆ ๆ ???? เป็นไปได้ครับ แต่ใครจะรู้ล่ะ ถ้าไม่ใช่วงใน?? ผมก็ไม่รู้นะ นี่แหละครับ Cost-Plus Pricing Model ของเค้า
อืมสงสัยคงต้องทำ simulation model จาก mathematic นี้ซะละมั๊ง
ขอบคุณคุณ chachacha มากครับที่ชี้ทางสว่างให้
แหม กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ผมชอบที่สุดตั้งกะอ่าน TVI เลยนะเนี่ยนะ
ยังไงซะผมก็ยังไม่เห็นด้วยอยู่ดีเรื่อง สมมุติฐานระฆังคว่ำ
เหตุที่ ขนอมต้องขยายกำลังการผลิตเพิ่มนี่นอกจากจะเป็นเพราะอัตราส่วนความต้องการการใช้พลังงานไฟฟ้าในภาคใต้สูงขึ้นมากและ ขนอมเป็นโรงไฟฟ้าที่มีความพร้อมทางด้าน geographic แล้วผมว่ายังสามารถ Prolong contract PPA หรือ สามารถ utilized existing facility ต่างๆให้ได้ประโยชน์สูงสุดด้วย คืองี้ถ้าเราจะสร้าง supply ของพลังงานไฟฟ้าในภาคใต้เราคงต้องมี constraints อื่นๆเข้ามาอีกมากมาย ( ดูหินกรูด บ่อนอกเป็นตัวอย่างที่ดี ) ดังนั้นการที่ EGAT ยอมชดเชยแม้กระทั่ง อัตราการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากผมกระทบจากเงินตราต่างประเทศให้
( ถึงแม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอาจไม่ทีทางเป็นแบบเดียวกับที่ทำนายโดยหลักการทางคณิตศาสตร์ได้หมด ) โดยเฉพาะการเขียน contract ล่วงหน้าเป็น 20 ปีแล้วเอามาคิดเงินกันแบบนี้ ความแตกต่างในเหตุการณ์จริงกับ mathemetic model ต้องมีแน่นอน
เพียงแต่ว่า objective ของ contract คืออะไร ผมว่าในส่วนตัวคือ IRR ต่อผู้ลงทุนที่ประมาณ 19% นั้นคือหลักใหญ่ที่จะต้องยึดถือปฎิบัติ ดังนั้นเราคงต้องมาคิด over period of time ของ PPA
ส่วนแรกที่ IRR ส่วนตั้งแต่ปี 37-47 ว่าเป็นเท่าไหร่
ถ้าได้ตรงนั้นแล้ว การคิดต่อก็ไม่น่ายากครับ :lol:
ดังนั้น เอาสั้นๆ เลยดีกว่าถ้าเราคิดจะลงทุนยาวๆกับหุ้นตัวนี้ ( เรียกว่าอย่างต่ำๆ ก็ 10 ปี รึกัน ) มากทฤษฎี PPA แล้วเพราะเหลืออีก 10 ปีตอนนี้ก็เรียกได้ว่ามาครึ่งทางแล้ว ผมไม่คิดว่า IRR ที่ผ่านมาได้เกิน 19% ( ขอย้ำว่า ไม่เกินนะครับ ) แล้วดังนั้นสิ่งที่น่าจะเกิดต่อไปก็คือ return ควรจะ continue ที่จะ
>= 19% ( Adjustable based จากการแก้ contract ระหว่างกันกับ EGAT )
ย้ำข้างบนขอรับ :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 194
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 51
ดังนั้นถ้า say ว่า egcomp ไม่ทำอะไรเลย นั่งเฉยๆ
กับทั้ง ขนอมและ ระยอง ( ซึ่งปัจจุบันก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น!!! )
ถึงแม้รายได้จะลดลง แต่กำไรไม่น่าจะลดลงนาครับ 8)
ที่สารธยายมาเนี่ยไม่ได้ต้องการให้เห็นคล้อยตามนะ
เพราะเป็นเพียงความเห็นของผมส่วนตัวล้วนๆ
อีกอย่างเราต้องเอาตัวแปรอื่นๆ ของ egcomp เข้ามาคิดอีกด้วยดังนั้น ผลลัพธ์มันจึงไม่น่าที่จะสรุปออกมาได้เรื่องจุดสูงสุดของ hyperbola = now!!! หรือไม่....แบบสั้นๆ
อีกอย่าง ถ้า egcomp มีเงินสดเหลือในมือมากๆ อย่างที่เป็นในปัจจุบัน
โครงการที่ใหม่ๆ อย่างน้ำเทิน หรือโครงการอื่นๆใน ต่างประเทศ egcomp ก็สามารถขยาย equity ทำให้ consolidated capacity มากขึ้นอีก
ดังนั้นที่พี่เจ๋งเคยว่าเรื่อง hyperbola ซ้อนๆกันหลายอันเป็น based แล้วมาลากจุดเชื่อมต่อตรงยอด ของ hyperbola น่าจะใช่มากกว่า
กระทู้นี้ matematic intensive จริงๆ วุ้ย
กับทั้ง ขนอมและ ระยอง ( ซึ่งปัจจุบันก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น!!! )
ถึงแม้รายได้จะลดลง แต่กำไรไม่น่าจะลดลงนาครับ 8)
ที่สารธยายมาเนี่ยไม่ได้ต้องการให้เห็นคล้อยตามนะ
เพราะเป็นเพียงความเห็นของผมส่วนตัวล้วนๆ
อีกอย่างเราต้องเอาตัวแปรอื่นๆ ของ egcomp เข้ามาคิดอีกด้วยดังนั้น ผลลัพธ์มันจึงไม่น่าที่จะสรุปออกมาได้เรื่องจุดสูงสุดของ hyperbola = now!!! หรือไม่....แบบสั้นๆ
อีกอย่าง ถ้า egcomp มีเงินสดเหลือในมือมากๆ อย่างที่เป็นในปัจจุบัน
โครงการที่ใหม่ๆ อย่างน้ำเทิน หรือโครงการอื่นๆใน ต่างประเทศ egcomp ก็สามารถขยาย equity ทำให้ consolidated capacity มากขึ้นอีก
ดังนั้นที่พี่เจ๋งเคยว่าเรื่อง hyperbola ซ้อนๆกันหลายอันเป็น based แล้วมาลากจุดเชื่อมต่อตรงยอด ของ hyperbola น่าจะใช่มากกว่า
กระทู้นี้ matematic intensive จริงๆ วุ้ย
- Chachacha
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 52
Bingo! เลยครับ นี่แหละ ที่ผมนึกอยู่ในใจแต่ยังไม่ได้บอกไปในข้อความข้างบนว่า "ถึงแม้รายได้จะลด แต่มันไม่ได้หมายความว่ากำไรจะลดลงไปด้วย" เนื่องจาก ในสมการ cost-plus ของสัญญามันเอาต้นทุนมาเป็นฐานคำนวณอยู่แล้ว ดัชนีต่าง ๆ ที่นำมาใช้คำนวณก็มีค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ แถมยังบวกกับอัตราผลตอบแทนการลงทุนที่ 19% อีก ก็สามารถอธิบายเหตุผลที่ว่าทำไมที่ขนอมรายได้ลดง แต่อัตราต้นทุนลดลงมากกว่า ทำให้กำไรกลับเพิ่มขึ้น แถมที่ระยอง ต้นทุนลดลง แต่รายได้กลับเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก 2 เด้งเลยครับ ถึงว่าทำไมปีนี้ยอดกำไรพุ่งซะFITCH เขียน:ดังนั้นถ้า say ว่า egcomp ไม่ทำอะไรเลย นั่งเฉยๆ
กับทั้ง ขนอมและ ระยอง ( ซึ่งปัจจุบันก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น!!! )
ถึงแม้รายได้จะลดลง แต่กำไรไม่น่าจะลดลงนาครับ 8)
ที่สารธยายมาเนี่ยไม่ได้ต้องการให้เห็นคล้อยตามนะ
เพราะเป็นเพียงความเห็นของผมส่วนตัวล้วนๆ
ถึงจุดนี้ ผมไม่กังวลเลยว่า รายได้จะคว่ำจะหงายยังไง ตรงที่พี่ FITCH ยกข้อความที่ผมพูดถึงเรื่อง กราฟรายได้ว่าจะเป็น hyper ตรงจุดนั้นผมไม่ได้กังวลมากมายแล้วครับ ว่ามันจะเป็นหรือไม่เป็น เพราะกราฟกำไร มันไม่ได้คว่ำด้วยซะหน่อย ได้แต่ลุ้นว่ามันจะเป็นเท่าไหร่เท่านั้นแหละครับ ถ้าไม่โดนค่าอะไรแปลก ๆ มาซะก่อน
อย่างเดียวที่เป็นเป็นข่าวร้ายคือ การต้องเสียภาษี 50% ของมูลค่าปกติ เริ่มตั้งแต่ปีนี้ ของ REGCO และ สิ้นกันยานี้ ของ KEGCO เท่านั้นแหละครับ นี่แหละที่จะเป็นตัวที่จะฉุดให้กำไรปีนี้ของ EGCOMP ลดลง แต่ผมว่าไม่มากมายอะไรหรอกครับ
เดี๋ยวเจอกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 194
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 55
คุณมือใหม่ ก็เป็นขาใหญ่เจ้า บฟผ สิเนี่ย 8)มือใหม่ เขียน:ผมก็ไม่เสียแรงที่ลงทุนไป 60% ของพอร์ตเลยนะสิ ฮิฮิ :lol:
ตอนนี้นั่งรอ ให้มันขึ้นไปอย่างเดียว ของถูกๆนานๆจะเก็บเข้าพอร์ตได้ซะที
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยคนครับ :lol:
- Chachacha
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 56
มาถึงจุดนี้กันแล้วผมว่าหลาย ๆ คนที่ถือ EGCOMP หรือ RATCH คงจะหายใจกันได้คล่องคอขึ้นมาหน่อย แต่ผมไม่อยากให้ประมาทกันเกินไปนัก เพราะว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องระวัง ทั้งเรื่องรายได้กำไรนี่แหละ และก็เรื่องภาษีอีกต่างหาก แถมยังมีปัญญาเรื่อง VAT ที่ทุกอย่างยังไม่ลงตัว ยังไงก็ระวัง ๆ ความเสี่ยงในจุดนี้ไว้หน่อยละกันนะครับ
จริง ๆ ผมอยากจะลองศึกษารายละเอียดเรื่อง PPA ของ KEGCO ให้มากกว่านี้ แล้วหาว่า ตัวแปรไหนคือสาเหตุที่ทำให้รายได้ที่คำนวณได้ของ KEGCO ในปี 46 ลดลง จากปี 45 มากกว่าครับ เพราะจะเป็นประโยชน์มากถ้าต้องการเอาไปพยากรณ์ค่าต่าง ๆ ในปีหน้า แต่คิดว่า ถึงแม้ไม่น่าจะเกินความสามารถในการทำความเข้าใจ แต่ว่าคงเกินความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลส่วนนี้มากกว่าครับ
ขอเวลาศึกษาอีกหน่อย ข้อความต่อไปจะขอเปิดประเด็นวิแคะเรื่องรายได้-ค่าใช้จ่าย และกำไรในปี 47 ครับ
จริง ๆ ผมอยากจะลองศึกษารายละเอียดเรื่อง PPA ของ KEGCO ให้มากกว่านี้ แล้วหาว่า ตัวแปรไหนคือสาเหตุที่ทำให้รายได้ที่คำนวณได้ของ KEGCO ในปี 46 ลดลง จากปี 45 มากกว่าครับ เพราะจะเป็นประโยชน์มากถ้าต้องการเอาไปพยากรณ์ค่าต่าง ๆ ในปีหน้า แต่คิดว่า ถึงแม้ไม่น่าจะเกินความสามารถในการทำความเข้าใจ แต่ว่าคงเกินความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลส่วนนี้มากกว่าครับ
ขอเวลาศึกษาอีกหน่อย ข้อความต่อไปจะขอเปิดประเด็นวิแคะเรื่องรายได้-ค่าใช้จ่าย และกำไรในปี 47 ครับ
เดี๋ยวเจอกัน
-
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 57
เอามาให้ดูกันอีกครั้งกันลืมในวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2547 บริษัทฯ ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเบื้องต้นกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ CLP Power Projects (Thailand) Ltd. (CLP) เกี่ยวกับกรณีที่บริษัทฯ จะซื้อหุ้นบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCOMP) จาก กฟผ. และบริษัทฯ และบริษัทย่อยจะขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) ให้แก่ กฟผ. และที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2547 และที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2547 ได้อนุมัติให้บริษัทฯ ซื้อหุ้น EGCOMP จาก กฟผ. จำนวน 131,238,533 หุ้น ในราคาหุ้นละ 91.8415 บาท เป็นจำนวนเงินประมาณ 12,053 ล้านบาท และอนุมัติให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยขายหุ้นทั้งหมดใน RATCH ให้แก่ กฟผ. รวมจำนวน 217,400,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 43.8589 บาท เป็นเงินประมาณ 9,535 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ภายนอกซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัทฯ อันมีผลทำให้การเข้าทำรายการซื้อขายหุ้นทั้งสองดังกล่าวเกิดความไม่แน่นอน บริษัทฯ จึงตัดสินใจยุติการเจรจาการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2547
-
- Verified User
- โพสต์: 195
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 58
ประมาณการรายได้ของ egcomp ในโรงไฟฟ้าขนอมและระยองครับ
เป็นพาราโบลาครับ จะมีรายได้สูงสุดในปี 2006 ครับ ส่วนปี 2004 2005 รายได้จะใกล้เคียงกับปี 2003 ครับ ส่วนปี 2007 รายได้จะตกลงประมาณ 25 % จากปี 2006 ครับ จากประมาณการของบริษัทครับ ไม่รวมโรงอื่นและรายได้จากโรงอื่นนะครับ ค่อนข้างตรงนะครับ ดูจากปี 1998 เป็นต้นมาประมาณการใกล้เคียงตลอดครับ ลองดูกันแล้วกันนะครับ
เป็นพาราโบลาครับ จะมีรายได้สูงสุดในปี 2006 ครับ ส่วนปี 2004 2005 รายได้จะใกล้เคียงกับปี 2003 ครับ ส่วนปี 2007 รายได้จะตกลงประมาณ 25 % จากปี 2006 ครับ จากประมาณการของบริษัทครับ ไม่รวมโรงอื่นและรายได้จากโรงอื่นนะครับ ค่อนข้างตรงนะครับ ดูจากปี 1998 เป็นต้นมาประมาณการใกล้เคียงตลอดครับ ลองดูกันแล้วกันนะครับ
- Chachacha
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง EGCOMP vs RATCH ถ้าถึงเวลาต้องเลือก!!
โพสต์ที่ 59
yoyosun เขียน:ประมาณการรายได้ของ egcomp ในโรงไฟฟ้าขนอมและระยองครับ
เป็นพาราโบลาครับ จะมีรายได้สูงสุดในปี 2006 ครับ ส่วนปี 2004 2005 รายได้จะใกล้เคียงกับปี 2003 ครับ ส่วนปี 2007 รายได้จะตกลงประมาณ 25 % จากปี 2006 ครับ จากประมาณการของบริษัทครับ ไม่รวมโรงอื่นและรายได้จากโรงอื่นนะครับ ค่อนข้างตรงนะครับ ดูจากปี 1998 เป็นต้นมาประมาณการใกล้เคียงตลอดครับ ลองดูกันแล้วกันนะครับ
เป็นการคาดการณ์ของคุณ yoyosun เองหรือว่าได้ข้อมูลมาจากที่ไหนครับ ถ้านำมาจากที่อื่นบอกแหล่งให้ด้วยได้เปล่า ขอบคุณมากครับ
ขอเพิ่มเติมอีกหน่อยครับ อันนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัว คือผมลองศึกษาเทคนิคดูบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าใครคิดอยากจะได้ EGCOMP แต่ยังไม่กล้าซื้อ กลัวอยู่บนตีนเขา ( 71 คงไม่ใช่ยอดดอย ) ตามเทคนิคผม (ย้ำว่าของผม) แนะนำให้รอแถว ๆ 68-69 ถ้ามันจะลงไปนะครับ แต่ถ้าไม่ลงตัดสินใจเอาตามสบายเลยครับว่าอยากเป็นเจ้าของที่ราคาไหน อ้อ! แต่ถ้าลงมากกว่านั้น ผมไม่รับผิดชอบนะครับ :lol:
แล้วอีกอย่างหนึ่งครับ
จากสูตรค่า EAAP ที่น่าจะเป็น main หลักของรายได้น่ะครับ ผมขอย่อคร่าว ๆ ให้ดูง่าย ๆ ว่าอย่างนี้ครับEAAPinm = {DFCin x FXnm/28 x Xin/100} + DFCin x (1-Xin/100) + EFCin+ IRCin +SBCin +{MMPCin x FXnm/28} x
(MUVn-2 /MUV base ) + (MMSCin + OMCi1 + GACi1) x (TCPI n-2/TCPIbase)
EAAP = ค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมเงิน+ผลตอบแทนเงินลงทุน 19%+ ค่าเบี้ยประกัน+ค่าใช้จ่ายในการเตรียมความพร้อมผลิตไป+ค่าอะไหล่โดยอ้างอิงกับดัชนีราคาผู้ผลิต+ค่าแรงและค่าบริหารอ้างอิงกับดัชนีราคาผู้บริโภค
พอจะง่ายขึ้นเปล่าครับ
เดี๋ยวเจอกัน