สรุปการ Company visit Tpac
- mario
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 720
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปการ Company visit Tpac
โพสต์ที่ 1
ก่อนอื่นขอฝากเนื้อฝากตัว ใน Username ใหม่ครับ จาก Nuttachk เปลี่ยนเป็น Mario จะได้อ่านง่ายๆครับ
รายได้
- ตั้งเป้า growth 20 %/ปี ไปอีก 3 ปี (ผู้บริหารค่อนข้างมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้า)
- รายได้ปี 08 ตั้งเป้าไว้ที่ 1,026 ล้านบาท growth=21% (ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นปีที่แล้วมีการแจ้งว่าตั้งเป้ารายได้ ปี 07 ไว้ที่ประมาณ 820 ล้านบาท แต่ทำได้จริง 847 ล้านบาท ทั้งที่มีปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจมากมาย)
- การเจริญเติบโตมากจาก 3 ลักษณะคือ
o ลูกค้าเดิมขยายกำลังการผลิตสินค้าเดิม
o ลูกค้าเดิมออกผลิตภัณฑ์ใหม่
o ลูกค้าใหม่มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ (การได้ลูกค้าใหม่ มักจะไม่ใช่การแย่ง order ที่คู่แข่งผลิตอยู่แล้ว เพราะ TPAC ไม่มีนโยบายแข็งขันด้านราคา แต่จะเน้นไปที่ order ของ line การผลิตสินค้าใหม่มากกว่า)
- สัดส่วนรายได้ เป็น กลุ่ม อาหาร 59% Household 22% เครื่องสำอาง ยา 12% เครื่องมื่อช่าง 7% (ส่วนใหญ่เป็นสินค้า อุปโภค บริโภค ที่ต้องมีการซื้อซ้ำอยู่เรื่อยๆ จึงไม่ค่อยผันผวนตามเศรษฐกิจ)
- ลูกค้ารายใหญ่ที่สุดมีสัดส่วนต่อรายได้ ไม่เกิน 15 %
- ส่งออกประมาณ 4-5% ของรายได้
วัตถุดิบ
- เม็ดพลาสติกมี Stock ประมาณ 1 เดือน แต่จะซื้อล่วงหน้า 3 เดือน แล้วให้ supplierทยอยส่งให้
- ในอดีต บ.เคยเจอปัญหา ราคาเม็ดพลาสติก ผันผวนรุนแรง แต่ก็สามารถแก้ไขได้โดยใช้แนวทางดังนี้
o ชี้แจงรายละเอียดของต้นทุน โดยมีสูตรคิดว่าถ้าราคาเม็ดพลาสติกเปลี่ยนแปลงเกินกี่ % จะมีการปรับราคากับลูกค้า โดยใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน (ในQ151 มีปรับไปบางส่วน)
o รับ order ล่วงหน้า และซื้อวัตถุดิบ Fixed ราคาล่วงหน้า ให้ Match กันพอดี
พนักงาน
- ที่ผ่านจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่ายอดขาย เพราะเครื่องจักรรุ่นใหม่ มีกำลังการผลิตสูงขึ้นโดยใช้แรงงานลดลง
- การปรับขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำไม่มีผล เพราะ บ. จ่ายสูงกว่าอยู่แล้ว
- พนักงานระดับบริหารส่วนใหญ่จะอยู่กับ บ. มามากกว่า 10 ปี ส่วนแรงงานก็มีการหมุนเวียนตามปกติ
การลงทุน
- ปี 08 มีงบลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรเพิ่มกำลังการผลิต และทดแทนเครื่องเก่า แต่อาจจะเพิ่มได้ถ้ามี order เพิ่ม
- เครื่องจักรมี utilization เฉลี่ย 70-75 % ส่วนใหญ่นำเข้า จาก ญี่ปุ่น ยุโรป และซื้อใน ไทย
- มีเครื่องจักรที่ ตัดค่าเสื่อมหมดแล้วแต่ยังใช้งานอยู่ มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท (ถือเป็น Hidden Asset)
- เนื่องจากมีการเติบโตต่อเนื่อง พื้นที่โรงงานจึงค่อนข้างจะแน่น แต่ทาง บ.พยายามจะ utilize พื้นที่ให้มีประโยชน์สูงสุด โดยปรับพื้นที่ green area ของโรงงาน 2 ให้เป็น ที่ Stock สินค้าเพิ่มเติม และกำลังพิจารณาซื้อที่ดินใกล้เคียงเพื่อขยายงานต่อไป
อื่นๆ
- Gross margin ที่ดีขึ้นมาจากการผลิตใหม่ๆ ที่มีของเสียลดลง เช่น การเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ หรือ สินค้าที่ผลิตจาก PET จะมีของเสีย น้อยกว่า HDPE โดยปีนี้เน้นว่าจะรักษา gross margin ไว้ไม่น้อยกว่าเดิม
- ลูกค้าจะไม่ใช้ราคาเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือก บ. แต่จะพิจารณาถึงคุณภาพ และการบริการมากกว่า เช่น ในกระบวนการผลิตของลูกค้า ต้องการขวดที่มีมาตรฐาน เพราะต้องผลิตด้วยความเร็วสูง ถ้ามีขวดใดไม่ได้มาตรฐาน แล้วทำให้หยุดรายการผลิต จะเสียเวลา และไม่คุ้มค่า หรือลูกค้ากลุ่มอาหารจะระวังเรื่องการปนเปื้อนมาก แม้ผมเส้นเดียวตกลงไปก็ตรวจเจอ
- TPAC อยู่ในอุตสาหกรรมนี้มามากกว่า 20 ปี มีประสบการณ์ ฐานลูกค้า และKnow-how ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจ เช่น Nestlé เป็นลูกค้ามากว่า 20 ปี
- การจ่ายเงินปันผลจะพยายามรักษา ระดับให้เหมาะสมกับการลงทุน เพื่อการเติบโตในอนาคต
- เสีย Tax 17% น้อยกว่า 20% เพราะหักค่าใช้จ่ายได้สูงขึ้นจากการลงทุนเครื่องจักร
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ ผู้บริหาร พนักงาน TPAC และเพื่อนๆ THAIVI ทุกท่านที่ ทำให้ Company visit TPAC สำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดี
รายได้
- ตั้งเป้า growth 20 %/ปี ไปอีก 3 ปี (ผู้บริหารค่อนข้างมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้า)
- รายได้ปี 08 ตั้งเป้าไว้ที่ 1,026 ล้านบาท growth=21% (ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นปีที่แล้วมีการแจ้งว่าตั้งเป้ารายได้ ปี 07 ไว้ที่ประมาณ 820 ล้านบาท แต่ทำได้จริง 847 ล้านบาท ทั้งที่มีปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจมากมาย)
- การเจริญเติบโตมากจาก 3 ลักษณะคือ
o ลูกค้าเดิมขยายกำลังการผลิตสินค้าเดิม
o ลูกค้าเดิมออกผลิตภัณฑ์ใหม่
o ลูกค้าใหม่มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ (การได้ลูกค้าใหม่ มักจะไม่ใช่การแย่ง order ที่คู่แข่งผลิตอยู่แล้ว เพราะ TPAC ไม่มีนโยบายแข็งขันด้านราคา แต่จะเน้นไปที่ order ของ line การผลิตสินค้าใหม่มากกว่า)
- สัดส่วนรายได้ เป็น กลุ่ม อาหาร 59% Household 22% เครื่องสำอาง ยา 12% เครื่องมื่อช่าง 7% (ส่วนใหญ่เป็นสินค้า อุปโภค บริโภค ที่ต้องมีการซื้อซ้ำอยู่เรื่อยๆ จึงไม่ค่อยผันผวนตามเศรษฐกิจ)
- ลูกค้ารายใหญ่ที่สุดมีสัดส่วนต่อรายได้ ไม่เกิน 15 %
- ส่งออกประมาณ 4-5% ของรายได้
วัตถุดิบ
- เม็ดพลาสติกมี Stock ประมาณ 1 เดือน แต่จะซื้อล่วงหน้า 3 เดือน แล้วให้ supplierทยอยส่งให้
- ในอดีต บ.เคยเจอปัญหา ราคาเม็ดพลาสติก ผันผวนรุนแรง แต่ก็สามารถแก้ไขได้โดยใช้แนวทางดังนี้
o ชี้แจงรายละเอียดของต้นทุน โดยมีสูตรคิดว่าถ้าราคาเม็ดพลาสติกเปลี่ยนแปลงเกินกี่ % จะมีการปรับราคากับลูกค้า โดยใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน (ในQ151 มีปรับไปบางส่วน)
o รับ order ล่วงหน้า และซื้อวัตถุดิบ Fixed ราคาล่วงหน้า ให้ Match กันพอดี
พนักงาน
- ที่ผ่านจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่ายอดขาย เพราะเครื่องจักรรุ่นใหม่ มีกำลังการผลิตสูงขึ้นโดยใช้แรงงานลดลง
- การปรับขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำไม่มีผล เพราะ บ. จ่ายสูงกว่าอยู่แล้ว
- พนักงานระดับบริหารส่วนใหญ่จะอยู่กับ บ. มามากกว่า 10 ปี ส่วนแรงงานก็มีการหมุนเวียนตามปกติ
การลงทุน
- ปี 08 มีงบลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรเพิ่มกำลังการผลิต และทดแทนเครื่องเก่า แต่อาจจะเพิ่มได้ถ้ามี order เพิ่ม
- เครื่องจักรมี utilization เฉลี่ย 70-75 % ส่วนใหญ่นำเข้า จาก ญี่ปุ่น ยุโรป และซื้อใน ไทย
- มีเครื่องจักรที่ ตัดค่าเสื่อมหมดแล้วแต่ยังใช้งานอยู่ มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท (ถือเป็น Hidden Asset)
- เนื่องจากมีการเติบโตต่อเนื่อง พื้นที่โรงงานจึงค่อนข้างจะแน่น แต่ทาง บ.พยายามจะ utilize พื้นที่ให้มีประโยชน์สูงสุด โดยปรับพื้นที่ green area ของโรงงาน 2 ให้เป็น ที่ Stock สินค้าเพิ่มเติม และกำลังพิจารณาซื้อที่ดินใกล้เคียงเพื่อขยายงานต่อไป
อื่นๆ
- Gross margin ที่ดีขึ้นมาจากการผลิตใหม่ๆ ที่มีของเสียลดลง เช่น การเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ หรือ สินค้าที่ผลิตจาก PET จะมีของเสีย น้อยกว่า HDPE โดยปีนี้เน้นว่าจะรักษา gross margin ไว้ไม่น้อยกว่าเดิม
- ลูกค้าจะไม่ใช้ราคาเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือก บ. แต่จะพิจารณาถึงคุณภาพ และการบริการมากกว่า เช่น ในกระบวนการผลิตของลูกค้า ต้องการขวดที่มีมาตรฐาน เพราะต้องผลิตด้วยความเร็วสูง ถ้ามีขวดใดไม่ได้มาตรฐาน แล้วทำให้หยุดรายการผลิต จะเสียเวลา และไม่คุ้มค่า หรือลูกค้ากลุ่มอาหารจะระวังเรื่องการปนเปื้อนมาก แม้ผมเส้นเดียวตกลงไปก็ตรวจเจอ
- TPAC อยู่ในอุตสาหกรรมนี้มามากกว่า 20 ปี มีประสบการณ์ ฐานลูกค้า และKnow-how ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจ เช่น Nestlé เป็นลูกค้ามากว่า 20 ปี
- การจ่ายเงินปันผลจะพยายามรักษา ระดับให้เหมาะสมกับการลงทุน เพื่อการเติบโตในอนาคต
- เสีย Tax 17% น้อยกว่า 20% เพราะหักค่าใช้จ่ายได้สูงขึ้นจากการลงทุนเครื่องจักร
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ ผู้บริหาร พนักงาน TPAC และเพื่อนๆ THAIVI ทุกท่านที่ ทำให้ Company visit TPAC สำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดี
- mario
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 720
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปการ Company visit Tpac
โพสต์ที่ 6
เจอครับคุณโยธินอยู่ตอบคำถามตั้งแต่ต้นจนจบ ท่านเป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมาครับ อะไรถามแล้วตอบได้ตอบเต็มที่ แต่อะไรที่เป็นความลับของลูกค้าบอกไม่ได้ท่านก็ไม่บอกwoody เขียน:ขอบคุณมากครับ คุณ mario ทั้งเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัด แล้วยังเป็นคนแรกที่สรุปใจความสำคัญมาให้นักลงทุนท่านอื่นๆ ได้อ่านกัน....ว่าแต่ ไม่ทราบว่าได้พบคุณโยธินบ้างหรือเปล่าครับ?
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปการ Company visit Tpac
โพสต์ที่ 8
แล้วข้อเสียมีอะไรบ้างมั้ยครับ?
- mario
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 720
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปการ Company visit Tpac
โพสต์ที่ 11
เอาเท่าที่นึกออกก่อนนะครับUnexpected เขียน:แล้วข้อเสียมีอะไรบ้างมั้ยครับ?
-การย้ายฐานการผลิตของลูกค้า
-ถ้าวัตถุดิบผันผวนมากๆ ขึ้นลงปีละหลายครั้ง จะเกิด lag time ในการปรับราคาพอสมควร
-ค่าเงินบาทแข็งทำให้ส่งออกไม่ได้มากนัก
-เป็นธุรกิจที่ถ้าต้องการรายได้เพิ่ม ต้องมีการลงทุนเครื่องจักรเพิ่มตลอด ซึ่งต้องใช้เงินทุน
-ไม่มี brand
- mario
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 720
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปการ Company visit Tpac
โพสต์ที่ 13
ถามครับคุณโยธินตอบว่าลูกอิสาน เขียน:ขอบคุณมากครับ
ว่าแต่มีท่านใดได้ถามเรื่องการลาออกของผู้บริหาร
ที่ทำให้ราคาหุ้นปั่นป่วนมาพักนึงบ้างครับ
-ที่ไม่ตั้งใครมาทำงานแทนคุณปรีชาทันที เพราะคุณปรีชาแจ้งแล้วว่าจะทำถึงสิ้นปี07
-ที่ไม่แถลงข่าวเพราะคิดว่า คนทั่วไปจะหาว่าแก้ตัว
-ท่านยังบอกว่าเวลาทำงาน ประชุมกัน ก็ต้องมีความเห็นไม่ตรงกัน เถียงกัน เป็นเรื่องปกติ แต่พอออกจากห้องประชุมก็ไม่มีปัญหาเพราะผู้บริหารส่วนใหญ่เป็นเพื่อนกัน และร่วมกันก่อตั้ง บ.มา
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปการ Company visit Tpac
โพสต์ที่ 17
ขออนุญาติมาเสริมคุณ mario นะครับผมmario เขียน:-ท่านยังบอกว่าเวลาทำงาน ประชุมกัน ก็ต้องมีความเห็นไม่ตรงกัน เถียงกัน เป็นเรื่องปกติ แต่พอออกจากห้องประชุมก็ไม่มีปัญหาเพราะผู้บริหารส่วนใหญ่เป็นเพื่อนกัน และร่วมกันก่อตั้ง บ.มา
ช่วงที่มีข่าวว่าคุณปรีชาลาออก บางคนก็บอกว่า มีการทะเลาะกันอย่างหนัก มีการชกกัน(เขียนในบาง web) สรุปว่า ไม่มีเหตุรุนแรงแบบนั้นครับ
การประชุมที่นี่จะเหมือนฝรั่งครับ คุยกันด้วยเหตุผล ทะเลาะกันบ้าง แต่พอออกจากห้องประชุม ทุกคนก็คือเพื่อนกัน
และตอนที่คุณปรีชาลาออก ตอนนั้นก็ไม่ได้ขายหุ้นทั้งหมด แค่ขายไปเพียงบางส่วนเพื่อไปรักษาตัวน่ะครับ
ส่วนคุณนิวัฒน์ ที่ขายหุ้น เพราะเค้านำเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนในธุรกิจอื่นครับผม
- ผมชอบที่ผู้บริหารตอบคำถามได้ดี และเอาใจใส่กับนักลงทุนรายย่อยอย่างพวกผมนะครับ
- การการแย่งลูกค้าโดยการตัดราคาจะไม่ทำ เช่น อีกเจ้าคิดราคา 1 บาท TPAC จะไม่ทำการลดราคาเหลือ 0.9 บาทครับเพราะในที่สุดจะมีแต่ฝ่ายที่เสียประโยชน์(คล้ายๆ red ocean เลย)
และทาง TPAC ก็จะให้ลูกค้าพิจารณาเองว่า บริษัทมีศักยภาพในการผลิตแค่ไหน หากมีงานใหม่ๆเข้ามา แล้วให้ TPAC รับงาน ลูกค้าจะเห็นถึงความสามารถในการผลิตของ TPAC เองครับ
- ส่วนเรื่อง ราคา นั้น เดิมตอน IPO ราคาหุ้นอยู่ที่ 2.8 บาท และราคาก็มีตกไป ทั้งๆที่ งบออกมาดี กำไรก็โตขึ้น แต่อาจเพราะนักลงทุนไม่สนใจ ทาง ผู้บริหารก็จะเน้นเรื่องการทำงานให้ดี มากกว่าไปกังวลกับราคาครับ
(ผมชอบมากๆในข้อนี้)
แล้วในที่สุด ราคา ก็คงจะไปอยู่ที่ ราคาที่ควรจะเป็นเองนะครับ
ขอบคุณ คุณ mario และสมาชิกทุกคนมากๆนะครับผม ได้มาเยี่ยมชมบริษัทแล้วรู้สึกว่าไม่ผิดหวังจริงๆครับ และทุกๆคนศึกษาข้อมูลมาค่อนข้างมาก คำถามที่ถามทุกข้อ ก็มีประโยชน์มากๆสำหรับนักลงทุนครับผม
- การลงทุนในสิ่งที่ TPAC ไม่ถนัด และอาจทำได้ไม่ดี TPAC จะไม่ทำ และเน้นที่สิ่งที่ตนทำได้ให้ดีก่อนครับ
-สำหรับเรื่องของค่าเงิน ทาง TPAC ได้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้ว เพื่อชดเชยเรื่องความผันผวนของค่าเงินครับ
ที่ผมชอบผู้บริหาร เพราะว่า ท่านพูดเรื่องจริงที่เป็นไปได้
พูดถึงอุปสรรค และการหาทางป้องกัน และแก้ไขปัญหา โดยระหว่างที่ฟังคำบรรยายแล้ว ผมสัมผัสได้ถึงคำว่า "ธรรมาภิบาล" ครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปการ Company visit Tpac
โพสต์ที่ 18
มาเสริมอีกนิดครับ
D/E ตอนนี้ ประมาณ 1.16 ครับ
และยังไม่มีเหตุผลที่จะก่อหนี้เพิ่ม หรือเพิ่มทุน ในขนาดนี้
(มีคนถามคำถามนี้ครับ )
และตอนนี้ เนื่องจาก modernform เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และ support เรื่อง finance พอสมควร จึงไม่มีปัญหาด้านการเงิน จึงยังไม่ต้องสร้างหนี้เพิ่มครับผม
D/E ตอนนี้ ประมาณ 1.16 ครับ
และยังไม่มีเหตุผลที่จะก่อหนี้เพิ่ม หรือเพิ่มทุน ในขนาดนี้
(มีคนถามคำถามนี้ครับ )
และตอนนี้ เนื่องจาก modernform เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และ support เรื่อง finance พอสมควร จึงไม่มีปัญหาด้านการเงิน จึงยังไม่ต้องสร้างหนี้เพิ่มครับผม
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปการ Company visit Tpac
โพสต์ที่ 19
อ้อ ผมพึ่งรู้นะครับว่ามีข่าวว่าจะชกกันด้วยnoooon010 เขียน: ขออนุญาติมาเสริมคุณ mario นะครับผม
ช่วงที่มีข่าวว่าคุณปรีชาลาออก บางคนก็บอกว่า มีการทะเลาะกันอย่างหนัก มีการชกกัน(เขียนในบาง web) สรุปว่า ไม่มีเหตุรุนแรงแบบนั้นครับ
Impossible is Nothing
-
- Verified User
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปการ Company visit Tpac
โพสต์ที่ 20
มาเพิ่มutilize rate ของแต่ ละแบบการผลิตครับ
แบบฉีด ประมาณ 69%
แบบblow ประมาณ 56%
แบบฉีดและ blow ประมาณ 60%
ที่นี่ จะไม่ใช้พลาสติกรีไซเคิลมา เพราะเน้นเรื่องความปลอดภัย และสะอาด
เม็ดพลาสติกก็จากในประเทศ
สัดส่วน การผลิต จะมาจากกลุ่มอาหารประมาณ 60%
พวกของใช้ในบ้านประมาณ 20%
พวกสินค้าที่เสียหรือผิดพลาดจากการผลิต ต่ำกว่า1%
ตอนนี้ เนสเล่ แทบจะให้ tpac ผลิตให้ทั้งหมดแล้ว
เรื่อง d/eที่สูงขึ้น ก็ไม่น่าห่วงเพราะว่า กู้od ดอกต่ำ และแบงค์อยากปล่อยกู้มากกว่านี้ อีก
ขอบคุณ คุณ mario ที่จัดการงานนี้ด้วยครับ ไม่ทราบว่าที่ใส่ชุดเหลือง และหยิบของที่ระลึกให้ mr booหรือเปล่าครับ
วันนี้ ไม่ค่อยได้คุยกับใครเลย พอจบปุ้บต้องรีบ ไปคุยงานกับลูกค้าตอนเย็นต่อ เลย รีบกลับออกก่อนน่ะครับ
แบบฉีด ประมาณ 69%
แบบblow ประมาณ 56%
แบบฉีดและ blow ประมาณ 60%
ที่นี่ จะไม่ใช้พลาสติกรีไซเคิลมา เพราะเน้นเรื่องความปลอดภัย และสะอาด
เม็ดพลาสติกก็จากในประเทศ
สัดส่วน การผลิต จะมาจากกลุ่มอาหารประมาณ 60%
พวกของใช้ในบ้านประมาณ 20%
พวกสินค้าที่เสียหรือผิดพลาดจากการผลิต ต่ำกว่า1%
ตอนนี้ เนสเล่ แทบจะให้ tpac ผลิตให้ทั้งหมดแล้ว
เรื่อง d/eที่สูงขึ้น ก็ไม่น่าห่วงเพราะว่า กู้od ดอกต่ำ และแบงค์อยากปล่อยกู้มากกว่านี้ อีก
ขอบคุณ คุณ mario ที่จัดการงานนี้ด้วยครับ ไม่ทราบว่าที่ใส่ชุดเหลือง และหยิบของที่ระลึกให้ mr booหรือเปล่าครับ
วันนี้ ไม่ค่อยได้คุยกับใครเลย พอจบปุ้บต้องรีบ ไปคุยงานกับลูกค้าตอนเย็นต่อ เลย รีบกลับออกก่อนน่ะครับ
หุ้นนี่ เรียนรู้ได้ทั้งชีวิต จริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 209
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปการ Company visit Tpac
โพสต์ที่ 21
อันนี้เป็นคำตอบที่ได้จากคุณโยธิน ช่วงที่เข้าไปชมในโรงงาน ภายในโรงงานเสียงดังมาก ต้องคอยเงี่ยหูฟังตลอด
-ช่วงที่ผมเข้าไปดูเครื่องฉีดเป่า ขวด pet นะครับ ผลิตได้เร็วมาก 8 ขวด/10 วินาที ทั้งหมดมี 5 เครื่อง ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ตรงนี้ผมลืมถามวันหยุด
-การติดตั้งเครื่องจักรแต่ละครั้ง ใช้เวลาไม่นาน เพียงแต่ช่วง test product ที่ผลิตออกมาอันนั้นคุณโยธินบอกว่าเป็นเดือน และต้องทำกับลูกค้า
-เครื่องจักรแบบ ฉีดเป่า ที่จะนำเข้าครั้งต่อไป lot แรก ประมาณเดือน May-June อีก lot ประมาณปลายปี
-เครื่องปั๊มถ้วย เครื่อง บะเร่อบะเท่อ ผลิตได้ เดือนละ 8 ล้านถ้วย แล้วก็แม่พิพม์เนี่ยะ ใช้มากกว่า 5 ปี แต่ท่านจำไม่ได้ว่าแม่พิมพ์เป็นของลูกค้าหรือว่าของ tpac เอง
-ราคาที่ดินของบริษัทที่ลงใน Book เป็นราคาตั้งแต่ตั้งโรงงาน ซึ่งราคาประเมิณปัจจุบัน สูงมากกว่า 20 เท่า และไม่คิดจะประเมิณราคาสินทรัพย์ด้วย เพราะฉนั้น ROA ควรจะต่ำกว่าที่คำนวณได้
-ตั้งแต่เปิดโรงงานมา 20 ปี TPAC ไม่เคยขาดทุน :D อันนี้ได้ยินเต็มสองหูครับ ท่านอื่นที่ได้ยินมากับ confirm ด้วยครับ
-กว่าจะได้ลูกค้าแต่ละราย ไม่ใช่ว่าเสนอราคาแล้วได้ลูกค้าเลย ลูกค้าที่จะได้ต้องมาดูโรงงาน และ audit ที่โรงงานก่อน หลายรอบด้วย กินเวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนกว่าจะได้ลูกค้าแต่ละราย
-บริษัท ไม่มีนโยบายไปตัดราคา หรือแย่งลูกค้าบริษัทอื่น ที่ TPAC จะพยายามจะทำให้ได้คือ Product ใหม่ ๆ ของลูกค้าที่จะผลิตมากกว่า
-มีท่านหนึ่งถามว่า Barrier ของบริษัทคืออะไร?
คำตอบที่ได้จากทั้งสองท่าน สรุปได้ว่า จริงอยู่ว่าการทำธุรกิจนี้มีเครื่องจักรก็สามารถทำได้ แต่สิ่งที่ลูกค้าได้บางครั้งไม่ใช่เรื่องราคาที่ถูกกว่า แต่เป็นเรื่องของคุณภาพของผลิตภัณฑ์มากกว่า เพราะ ผลิตภัณฑ์ที่จะนำไปใช้ส่วนใหญ่ใช้ไปกับอาหาร ดังนั้นต้องสะอาด อยากที่บอกไว้แล้วกว่าจะได้ลูกค้าใหม่แต่ละรายต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน บางรายปีกว่า และเครื่องจักรของลูกค้าแต่ละรายผลิตเร็วมาก ถ้าคุณภาพไม่ดี อาจทำให้ผลิตภัณฑ์ของลูกค้าเสียหายได้ เพราะฉนั้น ความสัมพันธ์ที่ดีอันยาวนาน คุณภาพของสินค้าและความสะอาดของสินค้าที่ทำให้เป็นสิ่งสำคัญมากกว่า ลูกค้าของ tpac ส่วนใหญ่ก็อยุ่ด้วยกันมาร่วม 20 ปีตั้งแต่เปิดโรงงาน (ถ้าผมฟังไม่ผิดนะ ถ้าผิดท่านอื่นช่วยทักท้วงด้วย)
-คุณ นิวัฒน์ นี่ คุณโยธินบอกว่า เรื่องวัตถูดิบและราคา ต้องอาศัยท่านเลย
-กำลังการผลิตปีนี้คาดว่า 8000 กว่าตัน
สุดท้ายขอขอบพระคุณ คุณกานต์ ที่เป็นธุระจัดการเรื่องการเยี่ยมชมบริษัท tpac ครับ (ของที่ระลึกจะช่วยแชร์ยังไงเอ่ย)
ขอขอบคุณ บริษัท tpac ตั้งแต่ผู้บริหาร คุณโยธินและคุณธีรวิทย์ จนถึง พนัก
งานบริษัททุกท่านที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกับของที่ระลึก
-ช่วงที่ผมเข้าไปดูเครื่องฉีดเป่า ขวด pet นะครับ ผลิตได้เร็วมาก 8 ขวด/10 วินาที ทั้งหมดมี 5 เครื่อง ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ตรงนี้ผมลืมถามวันหยุด
-การติดตั้งเครื่องจักรแต่ละครั้ง ใช้เวลาไม่นาน เพียงแต่ช่วง test product ที่ผลิตออกมาอันนั้นคุณโยธินบอกว่าเป็นเดือน และต้องทำกับลูกค้า
-เครื่องจักรแบบ ฉีดเป่า ที่จะนำเข้าครั้งต่อไป lot แรก ประมาณเดือน May-June อีก lot ประมาณปลายปี
-เครื่องปั๊มถ้วย เครื่อง บะเร่อบะเท่อ ผลิตได้ เดือนละ 8 ล้านถ้วย แล้วก็แม่พิพม์เนี่ยะ ใช้มากกว่า 5 ปี แต่ท่านจำไม่ได้ว่าแม่พิมพ์เป็นของลูกค้าหรือว่าของ tpac เอง
-ราคาที่ดินของบริษัทที่ลงใน Book เป็นราคาตั้งแต่ตั้งโรงงาน ซึ่งราคาประเมิณปัจจุบัน สูงมากกว่า 20 เท่า และไม่คิดจะประเมิณราคาสินทรัพย์ด้วย เพราะฉนั้น ROA ควรจะต่ำกว่าที่คำนวณได้
-ตั้งแต่เปิดโรงงานมา 20 ปี TPAC ไม่เคยขาดทุน :D อันนี้ได้ยินเต็มสองหูครับ ท่านอื่นที่ได้ยินมากับ confirm ด้วยครับ
-กว่าจะได้ลูกค้าแต่ละราย ไม่ใช่ว่าเสนอราคาแล้วได้ลูกค้าเลย ลูกค้าที่จะได้ต้องมาดูโรงงาน และ audit ที่โรงงานก่อน หลายรอบด้วย กินเวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนกว่าจะได้ลูกค้าแต่ละราย
-บริษัท ไม่มีนโยบายไปตัดราคา หรือแย่งลูกค้าบริษัทอื่น ที่ TPAC จะพยายามจะทำให้ได้คือ Product ใหม่ ๆ ของลูกค้าที่จะผลิตมากกว่า
-มีท่านหนึ่งถามว่า Barrier ของบริษัทคืออะไร?
คำตอบที่ได้จากทั้งสองท่าน สรุปได้ว่า จริงอยู่ว่าการทำธุรกิจนี้มีเครื่องจักรก็สามารถทำได้ แต่สิ่งที่ลูกค้าได้บางครั้งไม่ใช่เรื่องราคาที่ถูกกว่า แต่เป็นเรื่องของคุณภาพของผลิตภัณฑ์มากกว่า เพราะ ผลิตภัณฑ์ที่จะนำไปใช้ส่วนใหญ่ใช้ไปกับอาหาร ดังนั้นต้องสะอาด อยากที่บอกไว้แล้วกว่าจะได้ลูกค้าใหม่แต่ละรายต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน บางรายปีกว่า และเครื่องจักรของลูกค้าแต่ละรายผลิตเร็วมาก ถ้าคุณภาพไม่ดี อาจทำให้ผลิตภัณฑ์ของลูกค้าเสียหายได้ เพราะฉนั้น ความสัมพันธ์ที่ดีอันยาวนาน คุณภาพของสินค้าและความสะอาดของสินค้าที่ทำให้เป็นสิ่งสำคัญมากกว่า ลูกค้าของ tpac ส่วนใหญ่ก็อยุ่ด้วยกันมาร่วม 20 ปีตั้งแต่เปิดโรงงาน (ถ้าผมฟังไม่ผิดนะ ถ้าผิดท่านอื่นช่วยทักท้วงด้วย)
-คุณ นิวัฒน์ นี่ คุณโยธินบอกว่า เรื่องวัตถูดิบและราคา ต้องอาศัยท่านเลย
-กำลังการผลิตปีนี้คาดว่า 8000 กว่าตัน
สุดท้ายขอขอบพระคุณ คุณกานต์ ที่เป็นธุระจัดการเรื่องการเยี่ยมชมบริษัท tpac ครับ (ของที่ระลึกจะช่วยแชร์ยังไงเอ่ย)
ขอขอบคุณ บริษัท tpac ตั้งแต่ผู้บริหาร คุณโยธินและคุณธีรวิทย์ จนถึง พนัก
งานบริษัททุกท่านที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกับของที่ระลึก
-
- Verified User
- โพสต์: 238
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปการ Company visit Tpac
โพสต์ที่ 23
artvr4 เขียน:มาเพิ่มutilize rate ของแต่ ละแบบการผลิตครับ
แบบฉีด ประมาณ 69%
แบบblow ประมาณ 56%
แบบฉีดและ blow ประมาณ 60%
"-ช่วงที่ผมเข้าไปดูเครื่องฉีดเป่า ขวด pet นะครับ ผลิตได้เร็วมาก 8 ขวด/10 วินาที ทั้งหมดมี 5 เครื่อง ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ตรงนี้ผมลืมถามวันหยุด"
ผมสงสัยนิดหน่อยครับว่าทำไมต้องใช้งานเครื่องจักรตลอด 24 ชั่วโมงเลยเหรอครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 209
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปการ Company visit Tpac
โพสต์ที่ 24
[quote="acdc"][quote="artvr4"]มาเพิ่มutilize rate
-
- Verified User
- โพสต์: 209
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปการ Company visit Tpac
โพสต์ที่ 26
[quote="acdc"][quote="artvr4"]มาเพิ่มutilize rate
-
- Verified User
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปการ Company visit Tpac
โพสต์ที่ 28
มาเพิ่มให้ครับ เผอิญได้ถาม เจ้าหน้าที่ ที่เป็นคนแนะนำ บริษัทท่านแรก ในโรงงานเครื่องปั๊มถ้วย เครื่อง บะเร่อบะเท่อ ผลิตได้ เดือนละ 8 ล้านถ้วย แล้วก็แม่พิพม์เนี่ยะ ใช้มากกว่า 5 ปี แต่ท่านจำไม่ได้ว่าแม่พิมพ์เป็นของลูกค้าหรือว่าของ tpac เอง
แม่พิมพ์นี่ แล้วแต่ตกลงครับ
อย่าง ที่เราไปดูในโรงงาน บริษัทของลูกค้า จะให้แบบแม่พิมพ์เอง เท่ากับว่าบริษัทไม่ต้องลงทุนด้านนี้
บางทีลูกค้าก็ให้บริษัท ทำแบบแม่พิมพ์ให้ แล้วให้คิดค่าแบบรวมไปกับตัวขวดที่ให้ผลิต ทยอยตัดไปเรื่อยๆ
บางทีลูกค้าก็บอกว่า บริษัทต้องทำแบบให้เค้าโดยไม่คิดเงิน ให้
ส่วนอายุแบบแม่พิมพ์ เท่าที่สอบถามก็ขึ้นกับวัศดุที่ใช้ครับ หาก ผลิตภัณฑ์ที่นั้น ได้ รับการผลิตในระยะยาว แม่พิมพ์ก็จะใช้วิศดุที่ทนทานขึ้น แต่หากไม่ได้ผลิตยาวก็ ลดวัศดุที่ใช้จัดทำครับ
หุ้นนี่ เรียนรู้ได้ทั้งชีวิต จริงๆ
- Luty97
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1552
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปการ Company visit Tpac
โพสต์ที่ 30
มีคำถามหน่อยครับ :o
เท่าที่อ่านมา การที่ TPAC เน้นในเรื่อง คุณภาพ ของสินค้า ไม่เน้น ราคา
ผมก็สงสัยว่า เจ้าอื่นเน้น คุณภาพ บ้างไม่ได้เหรอ
คุณภาพนี้เกิดจากอะไรครับ
เครื่องจักรที่ทันสมัย? คนควบคุมเครื่องจักรเก่ง? หรือการที่เข้ามาอยู่ในตลาดก่อนจึงมีความได้เปรียบ?
รบกวนหน่อยครับ :oops:
เท่าที่อ่านมา การที่ TPAC เน้นในเรื่อง คุณภาพ ของสินค้า ไม่เน้น ราคา
ผมก็สงสัยว่า เจ้าอื่นเน้น คุณภาพ บ้างไม่ได้เหรอ
คุณภาพนี้เกิดจากอะไรครับ
เครื่องจักรที่ทันสมัย? คนควบคุมเครื่องจักรเก่ง? หรือการที่เข้ามาอยู่ในตลาดก่อนจึงมีความได้เปรียบ?
รบกวนหน่อยครับ :oops:
หลักของความสมดุล