นักลงทุนขี้เหม็น
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนขี้เหม็น
โพสต์ที่ 1
กฎของนักลงทุนขี้เหม็น 10 ข้อ
1. นักลงทุนประเมินผลลัพธ์ในอนาคต เขาจึงตัดสินใจในปัจจุบัน แทบทุกครั้งเกี่ยวเนื่องกับอนาคต ซื้อรถ ซื้อบ้าน ( แต่เวลามีเมียน้อย ไม่ค่อยคิดเท่าไรแหะ จะ xxxx อย่างเดียวเลย.55555 ) และ เขาจะเอนเอียงไปตัวเลือกที่ผมคิดว่าจะทำให้ตัวเองมีความสุขที่สุด แต่เขาอาจพลาดตรงที่ เขายังคาดการณ์ไม่เก่งพอ
เมื่ออนาคตมาถึง.
ผลลัพธ์ของกำไรที่สร้างความสุขในอนาคตมักจะอยู่กับเขาในระยะสั้นๆ สั้นกว่า ที่คิดไว้ตั้งแต่แรก อยู่ไม่นานแล้วก็หายไป ทำให้เขาอยากไล่ล่าหาความสุขอีกต่อไปเรื่อย ๆ
เขากลัวผลลัพธ์ของการขาดทุน เขาไม่ชอบ ความสูญเสีย เขารังเกียจมัน แต่เมื่อเขาเจอกับมันจริงๆ เขากลับพบว่า เขาเจ็บปวด น้อยกว่า ที่คิดไว้ตอนแรก
ทุกวันนี้ เขาแทบจะไม่คิดถึง ผลลัพธ์ ว่าจะทำให้เขารู้สึกอย่างไร เขาไม่แคร์มันแล้วว่ามันจะมีอิทธิผลกับความคิดในหัวสมองเขาอย่างไร เขาไม่เป็นทาสมันต่อไปแล้ว เพราะเขารู้ว่ามันทำให้เขาสุขหรือทุกข์น้อยกว่าที่เขานึกก็เป็นได้
อดีตผ่านมาล้ว อนาคตยังมาไม่ถึง เขาคิดถึงปัจจุบันเท่านั้น
1. นักลงทุนประเมินผลลัพธ์ในอนาคต เขาจึงตัดสินใจในปัจจุบัน แทบทุกครั้งเกี่ยวเนื่องกับอนาคต ซื้อรถ ซื้อบ้าน ( แต่เวลามีเมียน้อย ไม่ค่อยคิดเท่าไรแหะ จะ xxxx อย่างเดียวเลย.55555 ) และ เขาจะเอนเอียงไปตัวเลือกที่ผมคิดว่าจะทำให้ตัวเองมีความสุขที่สุด แต่เขาอาจพลาดตรงที่ เขายังคาดการณ์ไม่เก่งพอ
เมื่ออนาคตมาถึง.
ผลลัพธ์ของกำไรที่สร้างความสุขในอนาคตมักจะอยู่กับเขาในระยะสั้นๆ สั้นกว่า ที่คิดไว้ตั้งแต่แรก อยู่ไม่นานแล้วก็หายไป ทำให้เขาอยากไล่ล่าหาความสุขอีกต่อไปเรื่อย ๆ
เขากลัวผลลัพธ์ของการขาดทุน เขาไม่ชอบ ความสูญเสีย เขารังเกียจมัน แต่เมื่อเขาเจอกับมันจริงๆ เขากลับพบว่า เขาเจ็บปวด น้อยกว่า ที่คิดไว้ตอนแรก
ทุกวันนี้ เขาแทบจะไม่คิดถึง ผลลัพธ์ ว่าจะทำให้เขารู้สึกอย่างไร เขาไม่แคร์มันแล้วว่ามันจะมีอิทธิผลกับความคิดในหัวสมองเขาอย่างไร เขาไม่เป็นทาสมันต่อไปแล้ว เพราะเขารู้ว่ามันทำให้เขาสุขหรือทุกข์น้อยกว่าที่เขานึกก็เป็นได้
อดีตผ่านมาล้ว อนาคตยังมาไม่ถึง เขาคิดถึงปัจจุบันเท่านั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนขี้เหม็น
โพสต์ที่ 2
2. เขาเชื่อว่าการตัดสินใจในการลงทุนต้องใช้เวลา เขามีความศัทธาในการลงทุนแนวเน้นคุณค่าอย่างมาก เขาเชื่อในหลัก เหตุและผล เขาวาดภาพกรอบแห่ง ตัวตน ของสมาชิกท่านอื่นๆ ที่เขาอ่านความคิดเห็นของคนเหล่านั้น เขาใช้หลัก เหตุและผล ในฐานะ webboard traveler
แต่เวลาไปงาน meeting เขาตัดสินใจ ความสามารถ ความน่าเชื่อถือ ความน่าคบหา และเสน่ห์ของสมาชิกที่เขาพบภายในเวลาไม่ถึงวินาทีที่แรกเห็นใบหน้านั้น เมื่อใช้เวลาคุยกับใบหน้าใหม่นั้นนานขึ้น เขาแทบจะไม่ทบทวนความคิดเห็นของตนเองเลย แต่กลับเริ่มมั่นใจมากขึ้นในการตัดสินใจที่ปุปปั๊ปนั้น ทั้ง ๆที่ข้อมูลที่มากขึ้นสามารถช่วยให้เขาตัดสินใจโน้มเอียงไปหาการตัดสินใจอย่างมี เหตุผล ได้ แต่ยิ่งได้ข้อมูลมากขึ้น เขากลับยิ่งเชือ สันชาตญาณ ตัวเองมากขึ้น
เขากลับมานั่งคิด ทำไมมันกลับตาลปัตรอย่างนั้น
เวลาเลือกซื้อของง่ายๆ อย่าง เสื้อผ้า เขามักลงเอยด้วยความสุขที่มากกว่าถ้าเชื่อสันชาตญาณตังเอง สำหรับของที่ซับซ้อนกว่าอย่างหุ้น เขาพอใจกับการตัดสินใจมากขึ้นเมื่อเวลาผ่นไปนานขึ้นหลังจากที่เขาได้ชั่งนำหนักตัวเลือกอื่นๆ ดูแล้ว
การตัดสินใจโดยสัญชาตญาณนำไปปรับใช้ได้ดีกับเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ซับซ้อน แต่อย่าง คน กับ บริษัท แล้ว มันคนละเรื่องกัน
เขาเริ่มพกที่ชั่งน้ำหนักไปงานด้วยทุกครั้ง
แต่เวลาไปงาน meeting เขาตัดสินใจ ความสามารถ ความน่าเชื่อถือ ความน่าคบหา และเสน่ห์ของสมาชิกที่เขาพบภายในเวลาไม่ถึงวินาทีที่แรกเห็นใบหน้านั้น เมื่อใช้เวลาคุยกับใบหน้าใหม่นั้นนานขึ้น เขาแทบจะไม่ทบทวนความคิดเห็นของตนเองเลย แต่กลับเริ่มมั่นใจมากขึ้นในการตัดสินใจที่ปุปปั๊ปนั้น ทั้ง ๆที่ข้อมูลที่มากขึ้นสามารถช่วยให้เขาตัดสินใจโน้มเอียงไปหาการตัดสินใจอย่างมี เหตุผล ได้ แต่ยิ่งได้ข้อมูลมากขึ้น เขากลับยิ่งเชือ สันชาตญาณ ตัวเองมากขึ้น
เขากลับมานั่งคิด ทำไมมันกลับตาลปัตรอย่างนั้น
เวลาเลือกซื้อของง่ายๆ อย่าง เสื้อผ้า เขามักลงเอยด้วยความสุขที่มากกว่าถ้าเชื่อสันชาตญาณตังเอง สำหรับของที่ซับซ้อนกว่าอย่างหุ้น เขาพอใจกับการตัดสินใจมากขึ้นเมื่อเวลาผ่นไปนานขึ้นหลังจากที่เขาได้ชั่งนำหนักตัวเลือกอื่นๆ ดูแล้ว
การตัดสินใจโดยสัญชาตญาณนำไปปรับใช้ได้ดีกับเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ซับซ้อน แต่อย่าง คน กับ บริษัท แล้ว มันคนละเรื่องกัน
เขาเริ่มพกที่ชั่งน้ำหนักไปงานด้วยทุกครั้ง
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนขี้เหม็น
โพสต์ที่ 3
มาลงชื่อรออ่าน ข้อเขียนดีๆ ต่อครับผม :D
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 1288
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนขี้เหม็น
โพสต์ที่ 4
ต่อเลยครัคบ รอลุ้นมาชม.กว่าละ :lol:
ปล.ล้างมือก่อนพิมด้วยนะครับ อิอิ
ปล.ล้างมือก่อนพิมด้วยนะครับ อิอิ
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
-
- Verified User
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนขี้เหม็น
โพสต์ที่ 5
ตั้งชื่อได้สุดยอด รออ่านด้วยคน
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนขี้เหม็น
โพสต์ที่ 6
3. ข้อนี้ เป็น observation ที่น่าสนใจครับ
ไอสไตน์ กับ Mr.Market นั้นไม่ถูกกัน
ผมขอเรียนก่อนว่า อย่างที่ทราบกันว่า อ.เกรแฮมสอนให้ อ. Buffett รู้จัก Mr.Market
(เคยไปงานแล้ว เจอน้องคนหนึ่ง บอก พี่ ผมเป้นนักลงทุนเน้นคุณค่า แต่เวลาถาม รู้จัก อ.เกรแฮมไหม น้องเขาบอกว่า ไม่รู้จักครับ ห้วย!!! )
ที่นี้ อ. Buffett ก็มาสอนให้เขา ให้รู้จัก Mr. Market
ทีนี่ Mr.Market มี emotional สุดขั้วเลย แต่เขาไม่อยากมี อารมณ์ เขาเลยไม่นอนกับ Mr.Market แต่เขาก็ไม่ช่วยตัวเอง ไปให้คนอื่นช่วย ไปทะเลบ้าง ไปฝรั่งเศสบ้าง ช่วยไปช่วยมา เขาเลยไปคิดได้ในอ่าง
ยูเรก้า ออกแล้วออกแล้ว
แท้จริงแล้วอารมณ์ไม่ได้เป็นศัตรู แต่เป็นเพือนของเขานี่เอง
มีสมองส่วนหนึ่งครับ ที่ชื่อว่า ลิมบิก ส่วนนี้ของสมองเป็นตัวควบคลุม อารมณ์
ส่วนนี้เป้นที่เก็บ ผลลัพธ์ความรู้สึก ในอดีต มาเตือนให้เขารู้ เพื่อการตัดสินใจในอนาคต
ไอสไตน์ไม่แต่งตัวเอง ไม่หวีผม ไม่สามารถตัดสินใจเรื่องพื้นๆ สวมชุดไม่เป็น
สมองส่วนลิมบิกของไอสไตเล็กมาก เขาเป็นคนที่ rational สุดขั้วเลยครับ
เราเคยได้ยิน ประโยคสุดฮิตที่ไอสไตน์บอกว่า บอกว่า
God never play dice
แต่ เขาคิดว่า
Mr.Market plays dice every day
การตัดสินใจซื้อหุ้นภายใต้อิทธิพลของ Mr. Market จึงส่งผลกระทบไปในด้านลบอย่างมาก ถ้าเขาโกรธ เขามีแนวโน้มที่จะเลือกสิ่งแรกที่เขาได้รับการเสนอมากกว่าที่จะพิจารณาตัวเลือกอื่นๆ อย่างรอบครอบ โทสะทำให้เขาหุนหันหุ้น
อารมณ์ดกรธทำให้เขาอยู่ในภาวะที่เสี่ยงมากขึ้นเป็นหลายเท่า
ถ้าเขาอยู่ในอาการหด.หู่ เพราะดูหนังบางประเภท อย่างเช่น หนังดรามา เรื่อง Unfaithful เขามีแนวโน้มจะเลือกหุ้นได้อย่างรอบครอบและพิจารณาตัวเลือกที่หลากหลายมากกว่าและเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
อารมณ์หดหู่ทำให้เขายอมรับโลกตามความเป้นจริงมากขึ้น
เขาเปิด Unfaithful ดูก่อนเล่นหุ้นทุกวัน
ไอสไตน์ กับ Mr.Market นั้นไม่ถูกกัน
ผมขอเรียนก่อนว่า อย่างที่ทราบกันว่า อ.เกรแฮมสอนให้ อ. Buffett รู้จัก Mr.Market
(เคยไปงานแล้ว เจอน้องคนหนึ่ง บอก พี่ ผมเป้นนักลงทุนเน้นคุณค่า แต่เวลาถาม รู้จัก อ.เกรแฮมไหม น้องเขาบอกว่า ไม่รู้จักครับ ห้วย!!! )
ที่นี้ อ. Buffett ก็มาสอนให้เขา ให้รู้จัก Mr. Market
ทีนี่ Mr.Market มี emotional สุดขั้วเลย แต่เขาไม่อยากมี อารมณ์ เขาเลยไม่นอนกับ Mr.Market แต่เขาก็ไม่ช่วยตัวเอง ไปให้คนอื่นช่วย ไปทะเลบ้าง ไปฝรั่งเศสบ้าง ช่วยไปช่วยมา เขาเลยไปคิดได้ในอ่าง
ยูเรก้า ออกแล้วออกแล้ว
แท้จริงแล้วอารมณ์ไม่ได้เป็นศัตรู แต่เป็นเพือนของเขานี่เอง
มีสมองส่วนหนึ่งครับ ที่ชื่อว่า ลิมบิก ส่วนนี้ของสมองเป็นตัวควบคลุม อารมณ์
ส่วนนี้เป้นที่เก็บ ผลลัพธ์ความรู้สึก ในอดีต มาเตือนให้เขารู้ เพื่อการตัดสินใจในอนาคต
ไอสไตน์ไม่แต่งตัวเอง ไม่หวีผม ไม่สามารถตัดสินใจเรื่องพื้นๆ สวมชุดไม่เป็น
สมองส่วนลิมบิกของไอสไตเล็กมาก เขาเป็นคนที่ rational สุดขั้วเลยครับ
เราเคยได้ยิน ประโยคสุดฮิตที่ไอสไตน์บอกว่า บอกว่า
God never play dice
แต่ เขาคิดว่า
Mr.Market plays dice every day
การตัดสินใจซื้อหุ้นภายใต้อิทธิพลของ Mr. Market จึงส่งผลกระทบไปในด้านลบอย่างมาก ถ้าเขาโกรธ เขามีแนวโน้มที่จะเลือกสิ่งแรกที่เขาได้รับการเสนอมากกว่าที่จะพิจารณาตัวเลือกอื่นๆ อย่างรอบครอบ โทสะทำให้เขาหุนหันหุ้น
อารมณ์ดกรธทำให้เขาอยู่ในภาวะที่เสี่ยงมากขึ้นเป็นหลายเท่า
ถ้าเขาอยู่ในอาการหด.หู่ เพราะดูหนังบางประเภท อย่างเช่น หนังดรามา เรื่อง Unfaithful เขามีแนวโน้มจะเลือกหุ้นได้อย่างรอบครอบและพิจารณาตัวเลือกที่หลากหลายมากกว่าและเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
อารมณ์หดหู่ทำให้เขายอมรับโลกตามความเป้นจริงมากขึ้น
เขาเปิด Unfaithful ดูก่อนเล่นหุ้นทุกวัน
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนขี้เหม็น
โพสต์ที่ 8
พี่โหน่ง เขียน: ทีนี่ Mr.Market มี emotional สุดขั้วเลย แต่เขาไม่อยากมี อารมณ์ เขาเลยไม่นอนกับ Mr.Market แต่เขาก็ไม่ช่วยตัวเอง ไปให้คนอื่นช่วย ไปทะเลบ้าง ไปฝรั่งเศสบ้าง ช่วยไปช่วยมา เขาเลยไปคิดได้ในอ่าง
ยูเรก้า ออกแล้วออกแล้ว
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
-
- Verified User
- โพสต์: 1922
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนขี้เหม็น
โพสต์ที่ 10
กำลังจะมาถามเหมือนกันครับว่าใครขี้ไม่เหม็น :lol:por_jai เขียน: มีใครขี้หอมหรือโหน่ง
-
- Verified User
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนขี้เหม็น
โพสต์ที่ 13
รออ่านต่อข้อ 4 คร้าบบบ สนุกดี
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนขี้เหม็น
โพสต์ที่ 14
เคยไหมครับ .
คุยกับเพือนสัพเพเหะอยู่ดี ๆ พอมีหญิงสวยๆ มาอยู่ในกลุ่มด้วย ปรากฎว่ามันเริ่มตั้งการ์ด เรื่องที่คุยกัน เออ ..อออ. ตั้งแต่แรก คราวนี้ มันกลับไม่เห้นด้วยแล้ว เถียงกับมันแล้วรู้สึกหงุดหงิดมาก ๆ เลยเพราะมันเอาแต่ยกหลักฐานต่างๆมาสนับสนุนความเห็นของตัวเอง และไม่สนใจความเห็นของเราที่อยู่ตรงข้ามกับมันอีกต่อไป
ไอ้อัดเอ้ย
อย่างนี้. นี่เขาเรียกว่า พวกบ้าศักศรี และมักจะมีในหมู่ผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เป้นความลำเอียงเข้าข้างตัวเองที่มีกันทุกคน
(เขายอมรับ ว่าของเขาเอียงซ้ายนิดหนึ่ง)
ไอ้สันดอนความเอียงนี้ พอมาเล่นหุ้น มันอยู่กับเขาด้วยแฮะ
ปัญหาคือ เขาเชื่อว่าเขาตัดสินใจด้วยการชั่งน้ำหนักตัวเลือกบริษัทต่างๆ อย่างดีแล้ว แต่ความจริงแล้วเขามีชอบหุ้นตัวนั้นตั้งแต่แรก และพยายามหาเหตุผลท่ชอบๆ มาสนับสนุนความคิดเห้นตัวเองให้มากที่สุด
ใช่. แล้วครับ
ใช่แล้วครับ เขากำลังเถียงกับตัวเองอยู่ คนเรามันเถียงกับตัวเองทุกวันจริงๆ
รู้ว่ากำลังเถียงตัวเอง พอรู้เขาก็หยุดเลย
หมั่นดูจิต ตัวเอง ดี ไม่ดี อยู่ที่ตัวเรา (คาถาหลวงปู่ดู่)
การลงทุน value investing
1. คำนวณเป็น
2. ดูความเป้นไปได้เป็น
3. ตัดสินใจเป็น
4. รอให้เป้น
การจะเลือกตัดสินใจในการงทุนได้ดี เขาต้องทำมากกว่ายึดมั่นกับข้อเท็จจริงและตัวเลขที่ชอบมากที่สุด การค้นหาหลักฐานที่พิสูจน์ว่าตัวเองผิดนั้นเป้นสิ่งเจ็บปวด บางทีการรู้ว่าตัวเองผิดตั้งแต่เริ่มนั้นมันก็มากพอแล้วที่จะยอมรับ
เขายังเอาชนะมันไมได้
แต่แค่เขารู้ว่ามีความลำเอียงแบบนี้ และเขาอยู่ภายใต้อิทธิพลของมันก็ถือเป้นเรื่องที่ดี
เขาเริ่มเลือกบริษัท เข้าข้างตัวเองน้อยลง เล่นบทบาท หาเหตุผลมาอ้างให้ตัวเองผิดมากขึ้น เขา ถ่อมตน กับตัวเอง
-> กราบขอบคุณ อ. เอดิสัน และ อ. มังเกอร์
ความคิด ดัดแปลงมากจากการอ่านประวัติของท่าน
เอดิสันล้มเหลวเป็นพันครั้ง ก่อนค้นพบการทำให้หลอดติดไฟ
ล้มเหลวอย่างนี้ มีคนไปถาม ไม่ท้อบ้างหรือ
เขาตอบว่า
ผมพบความสำเร็จต่างหาก แต่เป้นความสำเร็จทีหาวิธีทำให้ไฟไม่ติด
-
อ. มังเกอร์บอก
A lot of success in life and business comes from knowing what you want to avoid: early death, a bad marriage, etc.
ความสำเร็จในชีวิตเกิดจากการหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่ทำให้เกิดความล้มเหลว
อ. ชาลี ท่านกล่าวไว้คมดีจริงๆ ครับ
การมองแต่สิ่งที่จะทำให้ตัวเองไปถึงเส้นชัย ทำให้เรามองไม่เห็นอุปสรรค การหัดเป้นคนมองใน แง่ดีแบบลบ ๆ นั้น คือ การมองอุปสรรคก่อนแล้วหาทางชนะ อุปรรคนั้นให้ได้ ก็ถือได้ว่าชนะก่อนทั้งๆ ทียังไม่ได้เดินทาง ชนะตัวเองให้ได้ก่อน แล้วค่อยไปชนะคนอื่น
เรามองว่าปีนี้จะลงทุนในบริษัท A แล้วกว่าจะถึงเส้นชัยที่ A วางไว้นี่ มันมีอุปสรรคอะไรบ้าง ให้ focus ไปที่ความยากลำบากที่เขาจะเจอในปีนั้น คือ A ล้มเหลวแน่ๆ ถ้าเจอสภาพอย่างนั้น
ผมว่ามันเกี่ยวกับ margin of safety การหลีกเหลี่ยงหนทางแห่งความล้มเหลว
Margin of Safety หรือที่มีคนแปลไว้ว่า ส่วนเผื่อความปลอดภัยนั้น ถ้าเปรียบกับรถยนต์แล้ว ผมคิดว่า มันไม่ใช่ กันชนเหล็ก หรือ การซื้อประกันภัยรถยนต์ เลย แต่มันคือ เส้นทาง ที่มีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ ข้อแนะนำก็คือ เราควรหลีกเหลี่ยงเส้นทางนั้น.. ถ้าโคเคนไม่ดี ก็อย่าไปสูบมัน ถ้าผู้หญิงลักษณะนั้นไม่เหมาะกับเรา ก็อย่าไปแต่งกับเขา ถ้าบุหรี่ไม่ดี ก็อย่าไปสูบ แต่แปลกนะครับ ทุกคนที่ติดบุหรี่รู้ว่ามันไม่ดี ก็ยังสูบ หรือว่า หนทางแห่งความล้มเหลว มันมีคุณสมบัติบางอย่างที่ทำให้เราเสพติดมันได้ง่าย หรือว่า magin of safety มันคือ การอยู่ห่างจาก กิเลศตัณหา ของมนุษย์
ผมไปอ่านบทความเก่าๆ แล้วประทับใจผู้เขียนท่านนี้มาก ขอกราบติดมาฝากท่านผู้อ่านทุกท่านครับ
* เย็นไว้โยม ภาค 1
http://www.thaivi.com/article/investor-guide/39-.html
* เย็นไว้โยม ภาค 2
http://www.thaivi.com/article/investor-guide/40-.html
คุยกับเพือนสัพเพเหะอยู่ดี ๆ พอมีหญิงสวยๆ มาอยู่ในกลุ่มด้วย ปรากฎว่ามันเริ่มตั้งการ์ด เรื่องที่คุยกัน เออ ..อออ. ตั้งแต่แรก คราวนี้ มันกลับไม่เห้นด้วยแล้ว เถียงกับมันแล้วรู้สึกหงุดหงิดมาก ๆ เลยเพราะมันเอาแต่ยกหลักฐานต่างๆมาสนับสนุนความเห็นของตัวเอง และไม่สนใจความเห็นของเราที่อยู่ตรงข้ามกับมันอีกต่อไป
ไอ้อัดเอ้ย
อย่างนี้. นี่เขาเรียกว่า พวกบ้าศักศรี และมักจะมีในหมู่ผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เป้นความลำเอียงเข้าข้างตัวเองที่มีกันทุกคน
(เขายอมรับ ว่าของเขาเอียงซ้ายนิดหนึ่ง)
ไอ้สันดอนความเอียงนี้ พอมาเล่นหุ้น มันอยู่กับเขาด้วยแฮะ
ปัญหาคือ เขาเชื่อว่าเขาตัดสินใจด้วยการชั่งน้ำหนักตัวเลือกบริษัทต่างๆ อย่างดีแล้ว แต่ความจริงแล้วเขามีชอบหุ้นตัวนั้นตั้งแต่แรก และพยายามหาเหตุผลท่ชอบๆ มาสนับสนุนความคิดเห้นตัวเองให้มากที่สุด
ใช่. แล้วครับ
ใช่แล้วครับ เขากำลังเถียงกับตัวเองอยู่ คนเรามันเถียงกับตัวเองทุกวันจริงๆ
รู้ว่ากำลังเถียงตัวเอง พอรู้เขาก็หยุดเลย
หมั่นดูจิต ตัวเอง ดี ไม่ดี อยู่ที่ตัวเรา (คาถาหลวงปู่ดู่)
การลงทุน value investing
1. คำนวณเป็น
2. ดูความเป้นไปได้เป็น
3. ตัดสินใจเป็น
4. รอให้เป้น
การจะเลือกตัดสินใจในการงทุนได้ดี เขาต้องทำมากกว่ายึดมั่นกับข้อเท็จจริงและตัวเลขที่ชอบมากที่สุด การค้นหาหลักฐานที่พิสูจน์ว่าตัวเองผิดนั้นเป้นสิ่งเจ็บปวด บางทีการรู้ว่าตัวเองผิดตั้งแต่เริ่มนั้นมันก็มากพอแล้วที่จะยอมรับ
เขายังเอาชนะมันไมได้
แต่แค่เขารู้ว่ามีความลำเอียงแบบนี้ และเขาอยู่ภายใต้อิทธิพลของมันก็ถือเป้นเรื่องที่ดี
เขาเริ่มเลือกบริษัท เข้าข้างตัวเองน้อยลง เล่นบทบาท หาเหตุผลมาอ้างให้ตัวเองผิดมากขึ้น เขา ถ่อมตน กับตัวเอง
-> กราบขอบคุณ อ. เอดิสัน และ อ. มังเกอร์
ความคิด ดัดแปลงมากจากการอ่านประวัติของท่าน
เอดิสันล้มเหลวเป็นพันครั้ง ก่อนค้นพบการทำให้หลอดติดไฟ
ล้มเหลวอย่างนี้ มีคนไปถาม ไม่ท้อบ้างหรือ
เขาตอบว่า
ผมพบความสำเร็จต่างหาก แต่เป้นความสำเร็จทีหาวิธีทำให้ไฟไม่ติด
-
อ. มังเกอร์บอก
A lot of success in life and business comes from knowing what you want to avoid: early death, a bad marriage, etc.
ความสำเร็จในชีวิตเกิดจากการหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่ทำให้เกิดความล้มเหลว
อ. ชาลี ท่านกล่าวไว้คมดีจริงๆ ครับ
การมองแต่สิ่งที่จะทำให้ตัวเองไปถึงเส้นชัย ทำให้เรามองไม่เห็นอุปสรรค การหัดเป้นคนมองใน แง่ดีแบบลบ ๆ นั้น คือ การมองอุปสรรคก่อนแล้วหาทางชนะ อุปรรคนั้นให้ได้ ก็ถือได้ว่าชนะก่อนทั้งๆ ทียังไม่ได้เดินทาง ชนะตัวเองให้ได้ก่อน แล้วค่อยไปชนะคนอื่น
เรามองว่าปีนี้จะลงทุนในบริษัท A แล้วกว่าจะถึงเส้นชัยที่ A วางไว้นี่ มันมีอุปสรรคอะไรบ้าง ให้ focus ไปที่ความยากลำบากที่เขาจะเจอในปีนั้น คือ A ล้มเหลวแน่ๆ ถ้าเจอสภาพอย่างนั้น
ผมว่ามันเกี่ยวกับ margin of safety การหลีกเหลี่ยงหนทางแห่งความล้มเหลว
Margin of Safety หรือที่มีคนแปลไว้ว่า ส่วนเผื่อความปลอดภัยนั้น ถ้าเปรียบกับรถยนต์แล้ว ผมคิดว่า มันไม่ใช่ กันชนเหล็ก หรือ การซื้อประกันภัยรถยนต์ เลย แต่มันคือ เส้นทาง ที่มีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ ข้อแนะนำก็คือ เราควรหลีกเหลี่ยงเส้นทางนั้น.. ถ้าโคเคนไม่ดี ก็อย่าไปสูบมัน ถ้าผู้หญิงลักษณะนั้นไม่เหมาะกับเรา ก็อย่าไปแต่งกับเขา ถ้าบุหรี่ไม่ดี ก็อย่าไปสูบ แต่แปลกนะครับ ทุกคนที่ติดบุหรี่รู้ว่ามันไม่ดี ก็ยังสูบ หรือว่า หนทางแห่งความล้มเหลว มันมีคุณสมบัติบางอย่างที่ทำให้เราเสพติดมันได้ง่าย หรือว่า magin of safety มันคือ การอยู่ห่างจาก กิเลศตัณหา ของมนุษย์
ผมไปอ่านบทความเก่าๆ แล้วประทับใจผู้เขียนท่านนี้มาก ขอกราบติดมาฝากท่านผู้อ่านทุกท่านครับ
* เย็นไว้โยม ภาค 1
http://www.thaivi.com/article/investor-guide/39-.html
* เย็นไว้โยม ภาค 2
http://www.thaivi.com/article/investor-guide/40-.html
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนขี้เหม็น
โพสต์ที่ 15
ข้อ 5. แล้วนะครับ
นักลงทุนอย่างเขาใช้ข้อมูลมากซะด้วย
ขนาดทำ data mining ทำเหมือง "ข้อมูล"
มารู้ตัวอีกที โห.....กรูนี่ "คำนวณเยอะ แต่คิดน้อย"....55555
คิดน้อยไม่พอ ยังมีความโน้นเอียงที่จะใช้ข้อมูลเบื้องนั้นเหล่านั้นมาใช้ในการตัดสินซะด้วย
บางครั้ง เขาไปติดกับดักอีก เพราะการตัดสินใจของเขาอาจยึดติดกับข้อเท็จจริงและตัวเลขที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
เรืองนี้เกิดขึ้นล่าสุด ตอนเขาไปซื้อเสื้อ "ลดราคา" กระหน่ำในร้าน แล้วคนขาย กากะบาทราคา 1650 xxxxxxx เดิมออก แล้วเขียนราคาใหม่ 750 วิธีนี้หากินได้ตลอดจริงๆ
ราคาเดิมทำหน้าที่ป้อนข้อมูลเบื้องต้นให้สมองเรา เทียบกับราคาใหม่ แล้ว ถูกกว่ามากเลย ทั้งที่จริงแล้ว "มันแพงอยุ่ดี" เขาจะเอาชนะความโน้มเอียงได้อย่างไร
มันอยู้ตรงนั้นจริงๆ ด้วย "เจ็ดเข้เอ้ย!!!!" ทำไมถึงเอาชนะมันไมได้ กลยุทธ์คนขายที่สร้างข้อมูลเบื้องต้นมาให้เขาถ่วงดุลเปรีนยเทียบ มันทำงานได้จริงๆ
นักลงทุนอย่างเขา ได้รับอิทธิพลมากแค่ไหนจากข้อมูลเบื้องต้น ใคร ๆ ก็รู้ การสร้างข้อมูงขึ้นมาชดเชยที่หลังนั้น "ยากกกกกก" มากทีเดียว
แต่ Intrinsic value ช่วยได้ครับ
ขอบคุณ อ. เกรแฮม ที่คิดเรื่องนี้มาสอนให้พวกเราครับ
--------------------------
ผมติดบทความที่มีคุณค่ามาฝาก
ขอบคุณผู้เขียนทุกท่านครับ
มูลค่าที่แท้จริง
http://www.thaivi.com/article/value-way ... e-way.html
มูลค่าที่แท้จริง (2)
http://www.thaivi.com/article/value-way ... way-2.html
* มูลค่าที่แท้จริง : Reproduction Cost Of Asset
http://www.thaivi.com/article/value-way ... asset.html
* มูลค่าที่แท้จริง : PE Ratio
http://www.thaivi.com/article/value-way ... ratio.html
นักลงทุนอย่างเขาใช้ข้อมูลมากซะด้วย
ขนาดทำ data mining ทำเหมือง "ข้อมูล"
มารู้ตัวอีกที โห.....กรูนี่ "คำนวณเยอะ แต่คิดน้อย"....55555
คิดน้อยไม่พอ ยังมีความโน้นเอียงที่จะใช้ข้อมูลเบื้องนั้นเหล่านั้นมาใช้ในการตัดสินซะด้วย
บางครั้ง เขาไปติดกับดักอีก เพราะการตัดสินใจของเขาอาจยึดติดกับข้อเท็จจริงและตัวเลขที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
เรืองนี้เกิดขึ้นล่าสุด ตอนเขาไปซื้อเสื้อ "ลดราคา" กระหน่ำในร้าน แล้วคนขาย กากะบาทราคา 1650 xxxxxxx เดิมออก แล้วเขียนราคาใหม่ 750 วิธีนี้หากินได้ตลอดจริงๆ
ราคาเดิมทำหน้าที่ป้อนข้อมูลเบื้องต้นให้สมองเรา เทียบกับราคาใหม่ แล้ว ถูกกว่ามากเลย ทั้งที่จริงแล้ว "มันแพงอยุ่ดี" เขาจะเอาชนะความโน้มเอียงได้อย่างไร
มันอยู้ตรงนั้นจริงๆ ด้วย "เจ็ดเข้เอ้ย!!!!" ทำไมถึงเอาชนะมันไมได้ กลยุทธ์คนขายที่สร้างข้อมูลเบื้องต้นมาให้เขาถ่วงดุลเปรีนยเทียบ มันทำงานได้จริงๆ
นักลงทุนอย่างเขา ได้รับอิทธิพลมากแค่ไหนจากข้อมูลเบื้องต้น ใคร ๆ ก็รู้ การสร้างข้อมูงขึ้นมาชดเชยที่หลังนั้น "ยากกกกกก" มากทีเดียว
แต่ Intrinsic value ช่วยได้ครับ
ขอบคุณ อ. เกรแฮม ที่คิดเรื่องนี้มาสอนให้พวกเราครับ
--------------------------
ผมติดบทความที่มีคุณค่ามาฝาก
ขอบคุณผู้เขียนทุกท่านครับ
มูลค่าที่แท้จริง
http://www.thaivi.com/article/value-way ... e-way.html
มูลค่าที่แท้จริง (2)
http://www.thaivi.com/article/value-way ... way-2.html
* มูลค่าที่แท้จริง : Reproduction Cost Of Asset
http://www.thaivi.com/article/value-way ... asset.html
* มูลค่าที่แท้จริง : PE Ratio
http://www.thaivi.com/article/value-way ... ratio.html
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนขี้เหม็น
โพสต์ที่ 17
ขอให้ท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนครับTPH เขียน:เข้ามารอตกผลึกทางความคิดกับกระทู้ดี ๆ มีประโยชน์มากครับ
---------------------------------------
ข้อ.6 แล้วใช่ไหมครับ
อ้า....ข้อต่อไป อ้อ.....นึกออกแล้วครับ
เขาชอบบอกกับเมียเสมอว่า ตัวเองนะ
"ฉันนะเป็นคนมั่นคง ไม่หวั่นไหวอะไรง่ายๆ หรอก"
เมียมองหน้าเขา แล้วก็บอกว่า
"Tสระอุย!!!!!
โห.....โกรธสุด ๆ ตอนนั้น เสีย self มาก
พอเข้าเว็บไปนานๆ ไปเห้นหุ้น ...ถึงบางอ้อเลย
เดี๋ยวนี้......ยกนิ้วให้เมีย นิ้วไหน ผมไม่ได้ถาม
ก็เขาไปพบว่า....เห็นชัดเลยว่า
นักเพนกวินเหมือนนักลงทุนเลย
อยู่กันเป็นกลุ่ม ใช่ไหม ฉากกระโดดน้ำ แบบรวมกันเป็นร้อยๆ แล้ว ต่างกันต่างกลัว ไม่มีตัวไหนกล้ากระโดดก่อน ไม่รู้มีปลาวาฬรออยู่หรือปล่าว
จดๆ จ้องๆ เป็น ซั่งโมงละครับ พอมีตัวแรกกระโดดเท่นั้นละ แค่นั้นละครับ กระโดดกันตามกันหมด
นักลงทุนก็เหมือนนกเพนกวิน
คือ มีแนวโน้มที่จะทำอะไรตามอิทธิพลจากแรงกดดันของสังคมกลุ่ม เขาเป้นคนหนึ่งที่เป้นสมาชิกกลุ่ม และไม่เคยสงสัยเลยว่า สิ่งที่ตัวเองตัดสินใจนั้น คือ สิ่งที่ตัวเองต้องการตั้งแต่แรกหรือเป้นสิ่งที่กล่มต้องการ
เขาทึกทักตัวเองตลอดว่า ตัวเองรู้ดีที่สุด จริๆง แล้ว มีน้อยคนมากที่ปลอดแรงกดดันจากสังคม กลุ่มบุคคลที่มีความคิดคล้ายๆ กันมีแนวโน้มว่าจะชวนกันทำอะไรที่บางครั้งสุดโต่งเกินไป
สุดท้าย เขามานั่งคิด ระวังสถานการณ์ที่เขามีส่วนรับผิดชอบน้อยมากในการตัดสินใจ เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่สมาชิกกลุ่มอย่างเขาจะเลือกที่จะไม่รับผิดชอบในการคิดที่แปลกแยกต่างไปจากเสียงส่วนใหญ่
ย้อนนึกถึง ตอนกาลิเลโอบอกว่าโลกกลม เขาเกือบถูกฆ่าตาย
ถ้าเขาเล่นบทตรงข้ามกับกลุ่มบ้าง จะเป็นอย่างไร
ออ้อ.... อย่าง วันที่นัดกันที่จะมาถึงนี้
ถ้าเราไป meeting กัน แล้วเขาไปเตรียมการบางอย่างไว้กับเจ้าของร้านบางอย่าง แล้วเขาบอกกับเจ้าของร้านว่า เรามาลองหาวิธีสนับสนุนทางเลือกที่เป้นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยทดลองกับสมาชิกกลุ่ม Thaivi
แผนการมีดังนี้
เขาวางกระดาษไว้ในห้องน้ำ แล้วก้ให้น้องๆ ใส่กระโปรงสั้นไปยืนถือป้ายชักชวนอยู่หน้าห้องน้ำ
ยินดีต้อนรับนักลงทุนเน้นคุณค่า สมาชิก Thaivi ทุกท่านค่ะ ทางร้านรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่มีโอกาสได้ต้อนรับทุกท่านค่ะ เนื่องจากทางร้านมีนนโยบายที่สนับสนุนทางเลือกที่เป้นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ถึงเราจะมีกระดาทิชู่ติดไว้ให้แขกใช้ แต่เราใคร่เชิญชวนให้แขกทุกท่านใช้ผ้าเช้ดมือแทน โดยจะแจกให้คนละหนึ่งผืนในการเข้าห้องน้ำครั้งแรก ครั้งต่อไปท่านต้องพกกลับเข้ามาด้วยเพื่อใช้ซ้ำอีกครั้ง เพื่อเห้นแก่สภาพแวดล้อมที่กำลังเข้าขั้นวิกฤตขึ้นทุกวัน
จากที่ผ่านมา แขกส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ใช้ผ้าซ้ำค่ะ
จึงกราบขอบคุณมากค่ะ
เขาจะเลือกแบบไหนนะ???
สมุติครับ
ยืมชื่อหน่อยนะครับ ด้วยความเคารพ น้องท่านนี้เป้นคนเก่งครับ
เขานับถือมากคนนี้ คุณ TOYOTA ครับ
ถ้า TOYOTA เดินเข้าไนในห้องน้ำคนแรก แล้วออกมาพร้อมกับผ้าเช้ดมือที่ว่า
เขาบอกกลับทุกคนเรื่อง สิ่งแวดลอ้มนั้น........
ถามว่าแล้วเขามีแนวโน้มมากกี่ % ที่จะใช้ผ้าเหมือน TOYOTA และยิ่งคนอื่น ๆ เริ่มตามและกลับมาพร้อมกับเรื่องน้องกระโปรงสั้นหน้าห้องน้ำนั่นอีก ทั้ง ๆ ที่ ทั้งๆ ที่ .... เขาว่ามันสกปรกมากกว่าที่จะใช้ผ้าซ้ำ
พอเดาออกครับ.....
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนขี้เหม็น
โพสต์ที่ 18
ผมมายืนยันในบทความนักลงทุนขี้หมาเอ๊ยขี้เหม็นลิ๊งไปถึงเย็นไว้...โยม เขียน: คำว่ามอบใจของผมนี่นะหมายถึงกำลังคิดจะอยู่กับมันไปนานๆเลยนะ เอาเป็นว่าขั้นต่ำก็ 5 ปี
เฉพาะคำพูดนี้ ใครๆเขาไม่บอกท่าไม้ตายกัน
ผมถือเป็นท่าไม้ตายส่วนตัวแม้ไม่ใช่ท่าสุดท้าย
ที่ต้องงัดมาใช้ในการเล่นหุ้นแนว"เต่า"นี้
ท่าสุดท้ายบอกไม่ได้
เพราะต้องหาที่เหมาะกับนิสัยตัวเอง
ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้เหมือนกัน
ต้องหากันเอาเอง
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
นักลงทุนขี้เหม็น
โพสต์ที่ 19
ลองวิธีแก้การโน้มเอียงกับอิธิพลของกลุ่มมาฝากครับ
You know the "cliche" that opposites attract? Well, opposites dont attract. Everybody engaged in complicated work needs colleagues. Just the discipline of having to put your thoughts in order with somebody else is a very useful thing.
วีธีการทำงาน อ. Buffett กับ Munger นั้นเป็นระบบ เป็นการทำงานด้วยการลงทุนด้วยระบบ " Duo Colleague" ที่แลกเปลี่ยนความคิดกันอยู่เสมอ
แล้วนักลงทุนมีลักษณะเช่นไร ที่เราควรจะหาเป็น duo ด้วย
จึงผมเคยเจอนักลงทุนที่เก่งๆ เลยครับ สองท่าน
ท่านเป็น เอกเทศ จากกลุ่มอย่างสิ้นเชิง
และมักจะเป้นนักลงทุนที่เก่งๆ มากด้วย
เมื่อผมไปถามท่าน จึงทราบว่าทั้งสองท่านมีอะไรที่คล้ายกันมาก
คนแรก เคยจะชกกับ อ. เพราะไม่ยอมทำตามมติมหาลัย ซึ่งเขาเห็นว่า ไม่ยุติธรรม
mjkogxhoz^hdjv9yh'g;H[ouh8iy[
คนที่สอง ลาออกจากโรงเรียน ไปสอบเทียบ เพราะไม่พอใจนโยบายที่บีบให้นักเรียนทำอย่างที่โรงเรียนกำหนดให้ทำ
mjkogxHo8ocidmujwxg0v[yaga9fh;p9y;gv'.og;H[ouh
-----------------
We stumbled into this two-person format. It would not work if it was just one person. You could have the wittiest, wisest person on earth up there, and people would find it very tiresome. It takes a little interplay of personalities to handle the extreme length of the festival.
http://money.cnn.com/magazines/fortune/ ... /index.htm
น่าคิดครับ
ลองมีระบบ Duo colleage สำหรับสมาชิกแต่ละท่านในเว็บ
คนนี้ โพส คนนี้ตอบ
คนสองคนคุยกัน คนอื่นเป้นผู้ฟังอย่างเดียว
ผมไม่ยืนยันว่า อารมณ์ขันจำเป็นหรือปล่าว
แต่ Buffett เป็นคนมุขเยอะมาก
Munger นั้น ชอบมองในแง่ลบ ไม่มีอะไรเพิ่ม มีแต่ substract
เป็นคนรอบรู้ทุกเรื่อง
ลองหาบุคคลิกในเว็บนี้สองท่าน แล้ว ตั้งแบบกระทู้ทดสอบ
น่าสนใจไม่น้อยครับ
You know the "cliche" that opposites attract? Well, opposites dont attract. Everybody engaged in complicated work needs colleagues. Just the discipline of having to put your thoughts in order with somebody else is a very useful thing.
วีธีการทำงาน อ. Buffett กับ Munger นั้นเป็นระบบ เป็นการทำงานด้วยการลงทุนด้วยระบบ " Duo Colleague" ที่แลกเปลี่ยนความคิดกันอยู่เสมอ
แล้วนักลงทุนมีลักษณะเช่นไร ที่เราควรจะหาเป็น duo ด้วย
จึงผมเคยเจอนักลงทุนที่เก่งๆ เลยครับ สองท่าน
ท่านเป็น เอกเทศ จากกลุ่มอย่างสิ้นเชิง
และมักจะเป้นนักลงทุนที่เก่งๆ มากด้วย
เมื่อผมไปถามท่าน จึงทราบว่าทั้งสองท่านมีอะไรที่คล้ายกันมาก
คนแรก เคยจะชกกับ อ. เพราะไม่ยอมทำตามมติมหาลัย ซึ่งเขาเห็นว่า ไม่ยุติธรรม
mjkogxhoz^hdjv9yh'g;H[ouh8iy[
คนที่สอง ลาออกจากโรงเรียน ไปสอบเทียบ เพราะไม่พอใจนโยบายที่บีบให้นักเรียนทำอย่างที่โรงเรียนกำหนดให้ทำ
mjkogxHo8ocidmujwxg0v[yaga9fh;p9y;gv'.og;H[ouh
-----------------
We stumbled into this two-person format. It would not work if it was just one person. You could have the wittiest, wisest person on earth up there, and people would find it very tiresome. It takes a little interplay of personalities to handle the extreme length of the festival.
http://money.cnn.com/magazines/fortune/ ... /index.htm
น่าคิดครับ
ลองมีระบบ Duo colleage สำหรับสมาชิกแต่ละท่านในเว็บ
คนนี้ โพส คนนี้ตอบ
คนสองคนคุยกัน คนอื่นเป้นผู้ฟังอย่างเดียว
ผมไม่ยืนยันว่า อารมณ์ขันจำเป็นหรือปล่าว
แต่ Buffett เป็นคนมุขเยอะมาก
Munger นั้น ชอบมองในแง่ลบ ไม่มีอะไรเพิ่ม มีแต่ substract
เป็นคนรอบรู้ทุกเรื่อง
ลองหาบุคคลิกในเว็บนี้สองท่าน แล้ว ตั้งแบบกระทู้ทดสอบ
น่าสนใจไม่น้อยครับ